RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13263481
ทั้งหมด:13574764
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 131, 132, 133 ... 155, 156, 157  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 30/09/2021 3:01 pm    Post subject: Reply with quote

บีทีเอสยื่นศาลแล้ว ฟ้อง “กทม.-กรุงเทพธนาคม” ทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถสีเขียวกว่า 1.2 หมื่นล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 30 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 00:37 น.
ปรับปรุง: 30 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 00:37 น.



บีทีเอสฟ้องแล้ว “กทม.-กรุงเทพธนาคม” ยื่นศาลปกครองทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท “สุรพงษ์” เผยแยกหนี้ค่าระบบจ่อฟ้องอีกกว่า 2 หมื่นล้านอีกคดี

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นต่อศาลปกครองกลางฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ บจ.กรุงเทพธนาคม (KT) กรณีติดค้างหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวและศาลรับคำฟ้องเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอ กทม.และ บจ.กรุงเทพธนาคม (KT) ทำคำชี้แจงต่อศาล

การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการฟ้องในส่วนของสัญญาจ้างเดินรถที่มีมูลหนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ยังไม่ได้รวมหนี้ในส่วนของสัญญาการจ้างก่อสร้างงานระบบเดินรถและอาณัติสัญญาณประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

“การที่ กทม.ค้างหนี้ค่าจ้างเดินรถนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมาก เพราะบริษัทต้องไปหาแหล่งเงินกู้เพื่อมาจ่ายค่าเดินรถในส่วนนี้ไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ปัจจุบันรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายยังคงให้บริการฟรีตามที่ กทม.กำหนด ยังไม่มีการแจ้งเปลี่ยนแปลง ซึ่งการจะจัดเก็บค่าโดยสารเมื่อใดเป็นอำนาจการพิจารณาของ กทม.ไม่เกี่ยวกับบริษัท ส่วนเรื่องสัมปทานของสายสีเขียว ขณะนี้ตนไม่ทราบความคืบหน้าใดๆ

ส่วนกรณีหากมีการพิจารณาโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดูแลนั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบเป็นเรื่องของนโยบาย แต่หากมีการโอนให้ รฟม. สัญญาที่ BTSC ทำกับ กทม.ก็จะต้องถูกโอนไปด้วย

สำหรับยอดหนี้ ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ นั้นมีการค้างชำระตั้งแต่เดือน เม.ย. 2560 ถึงปัจจุบัน ณ วันที่ BTSC ยื่นฟ้องศาลหนี้รวมกว่า 12,000 ล้านบาท ส่วนหนี้ค่าติดตั้งระบบเดินรถและอาณัติสัญญาณมีจำนวน 20,768 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย 8-9% ต่อปี
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 08/10/2021 8:41 pm    Post subject: Reply with quote

🚈 บีทีเอสรองรับคนละครึ่งเฟส3
รถไฟฟ้าบีทีเอส
วันพฤหัสบดี ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11:47 น.

💁🏻‍♂️เงินโครงการคนละครึ่งเข้ามาอีกรอบแล้วครับ…สามารถใช้ซื้อตั๋วเดินทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้อย่างต่อเนื่อง
🎟สำหรับขั้นตอนการซื้อบัตรโดยสาร โครงการคนละครึ่ง ผ่านแอปเป๋าตัง ประเภทบัตรโดยสารที่รับชำระ คือ บัตรโดยสารเที่ยวเดียว (Single Journey Card)
📲 เติมเงินใส่แอปเป๋าตัง ในช่อง G-Wallet
📲 เข้าในแถบสำหรับสแกนคนละครึ่งเพื่อสแกนชำระ
📲 สแกน QR ร้านค้าถุงเงิน เพื่อชำระค่าโดยสาร
📲 ยืนยันการชำระเงิน และใส่รหัส PIN
📲 ได้รับสลิปยืนยันการทำรายการ ผ่านแอปเป๋าตัง
📌ผู้โดยสารสามารถติดต่อขอใช้สิทธิได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วทุกสถานี
📌เงื่อนไขการใช้บัตรโดยสารและการเดินทางในระบบรถไฟฟ้าเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
หมายเหตุ : ไม่สามารถใช้เติมเงิน/เติมเที่ยวเดินทาง ในบัตรแรบบิทได้
💁🏻‍♂️ ผู้โดยสารสามารถใช้สิทธิโครงการรัฐซื้อบัตรโดยสารได้จนถึงเวลาปิดให้บริการ ดังนี้ครับ
🔹รถไฟฟ้าบีทีเอส เวลา 21.00 น.
🔹รถไฟฟ้าสายสีทอง เวลา 21.30 น.
(หมายเหตุ : แอปเป๋าตังเปิดให้เริ่มใช้สิทธิเวลา 06.00 น. ในแต่ละวัน)
📞สอบถามเรื่องการใช้บริการ ได้ที่ @btsskytrain คลิก bit.ly/2TUzZXH
📞 หากมีปัญหาในการใช้สิทธิคนละครึ่ง หรือการเข้าใช้แอปเป๋าตัง สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารกรุงไทย โทร 02-111-1122
* ตลอด 24 ชั่วโมง

เปิดขั้นตอน ใช้คนละครึ่งเฟส 3 จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS และ MRT
วันศุกร์ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 17:25 น.

เปิดขั้นตอน ใช้คนละครึ่งเฟส 3 ผ่านแอปฯเป๋าตัง สำหรับการซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS และ MRT
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/10/2021 1:17 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟฟ้าบีทีเอส-บีอาร์ที แจ้งปรับเวลาให้บริการ เริ่ม 16 ต.ค. เป็นต้นไป
อสังหาริมทรัพย์
วันศุกร์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10:35 น.
รถไฟฟ้าBTSปรับเวลาการให้บริการเริ่ม16ต.ค. หลังศบค.ลดเวลาเคอร์ฟิว
วันศุกร์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 12.09 น.
พรุ่งนี้! รถไฟฟ้าบีทีเอสปรับเวลาให้บริการ ขบวนสุดท้าย 4 ทุ่ม
วันศุกร์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 11:04 น.

รถไฟฟ้าบีทีเอส-บีอาร์ที-สายสีทอง ปรับเวลาให้บริการ สอดรับลดเวลาเคอร์ฟิว 5 ทุ่มถึงตี 3 เริ่ม 16 ต.ค.นี้ เตือนผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทาง ปฏิบัติตามมาตรการคุมโควิด

บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ แจ้งปรับเวลาให้บริการ “บีทีเอส-สายสีทอง-บีอาร์ที-ลานจอดแล้วจร” เริ่ม 16 ต.ค. เป็นต้นไป

วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (14 ต.ค.) เห็นชอบปรับลดห้ามออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน เป็น 23.00 – 03.00 น. จากเดิม 22.00 – 04.00 น. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ศบค. ไฟเขียวลดพื้นที่สีแดงเข้ม ขยายเคอร์ฟิว คลายล็อกกิจการเพิ่ม
ล่าสุด นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า บริษัทฯ ขอปรับเวลาการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม รถไฟฟ้าสายสีทอง และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2564 นี้ เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง โดยมีรายละเอียดดังนี้

รถไฟฟ้าบีทีเอส ขบวนสุดท้ายออกจากสถานีต้นทางเวลา 22.00 น.
รถไฟฟ้าสายสีทอง ขบวนสุดท้ายออกจากสถานีต้นทางเวลา 22.30 น.
รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที ให้บริการคันสุดท้ายที่สถานีต้นทางเวลา 22.30 น.
ลานจอดแล้วจร ให้บริการจนถึงเวลา 23.00 น.
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านโปรดเผื่อเวลาในการเดินทาง และกลับเข้าถึงเคหสถานก่อนเวลาที่ทางรัฐบาลกำหนดและขอให้ผู้โดยสารทุกท่านไม่ประมาท การ์ดอย่าตก พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในการใช้บริการอย่างเคร่งครัดผู้โดยสารทุกท่านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลา ใช้บริการ ตรวจวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้าใช้บริการ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มความถี่ ในการเช็ดทำความสะอาด ในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วมทุก ๆ ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดจุดบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า-ออกสถานี รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการแอลกอฮอล์เคลื่อนที่ บนชั้นชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทุกช่วงเวลา
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 18/10/2021 8:35 pm    Post subject: Reply with quote

บีทีเอส ให้มากกว่าที่เคย จัดโปรฯ ใหม่ ใช้มากหรือน้อยก็ให้พอยท์ X2 แลกเที่ยวฟรีพร้อมสิทธิพิเศษที่ยืดหยุ่นกว่า
รถไฟฟ้าบีทีเอส
วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวล่า 10:03 น.

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ “ยิ่งติ๊ด ยิ่งได้ ยืดหยุ่นโดนใจกว่า” มอบสิทธิพิเศษผ่าน แรบบิท รีวอร์ดส (“Rabbit Rewards”) โปรแกรมสะสมพอยท์จากการเดินทาง และการใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ โดยผู้โดยสารสามารถนำพอยท์ที่สะสมจากการเดินทางบนบีทีเอส หรือการใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมรายการแลกรับสิทธิเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากร้านค้าชั้นนำ โดยโปรโมชั่นใหม่นี้มีระยะเวลา 1 ปี (1 พฤศจิกายน 2564 – 31 ตุลาคม 2565) พิเศษ ต้อนรับโปรฯ ใหม่นี้ บีทีเอสให้พอยท์เพิ่มคูณสองเท่าทันที โดยโปรโมชั่นสะสมพอยท์คูณสองเท่า จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 31 มกราคม 2565

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า “ตลอดระยะการให้บริการกว่า 22 ปี ที่ผ่านมา บีทีเอสคำนึงถึงผู้โดยสารมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ และด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเราได้เปิดตัวโปรโมชั่นใหม่เพื่อมอบสิทธิการแลกเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้เหมาะสม และยืดหยุ่นต่อไลฟ์สไตล์ของผู้โดยสารที่หลากหลาย และเพื่อเป็นการตอบแทนผู้โดยสารที่เดินเคียงข้างบีทีเอสเสมอมา เราจึงขอมอบโบนัสพิเศษต้อนรับโปรฯ ใหม่ รับพอยท์เพิ่มคูณสองเท่า ตลอด 3 เดือนนี้ ซึ่งผู้โดยสารจะมีโอกาสแลกเที่ยวเดินทางฟรีได้มากขึ้น เช่น ผู้โดยสารที่เดินทางไป - กลับ ด้วยบีทีเอสทุกวันธรรมดา คิดเป็นการเดินทาง 10 เที่ยวต่อสัปดาห์ ก็จะมีโอกาสแลกเที่ยวฟรีได้ถึง 6 เที่ยว สำหรับบุคคลทั่วไป หรือถึง 8 เที่ยวฟรีสำหรับนักเรียนนักศึกษา* นอกจากนี้ยังสามารถนำไปเป็นส่วนลดในการใช้จ่ายสินค้า และบริการต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ และนี่คือความตั้งใจของเราเพื่อยกระดับการบริการไปอีกขั้น”
ทั้งหมดนี้เป็นอภิสิทธิ์ที่บีทีเอส มีความตั้งใจมอบให้ผู้โดยสาร โดยโปรโมชั่นใหม่มีจุดเด่นของบริการ ดังนี้ รับพอยท์คูณสองเท่าเพียงเดินทางบนบีทีเอสในช่วงระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย. 64 – 31 ม.ค. 65 ยิ่งใช้มาก ยิ่งได้มาก โอกาสแลกรับเที่ยวเดินทางฟรีได้ไม่จำกัดจำนวน ยิ่งสะสมพอยท์มาก ยิ่งแลกได้มาก* ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า วางแผนใช้จ่ายได้ยืดหยุ่นกว่า เติมเงินเมื่อต้องการเดินทาง ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้านาน 30 วัน และหมดความกังวลกับการใช้เที่ยวเดินทางไม่ทันเวลา
ใช้ได้นานกว่าพอยท์ที่สะสมมีอายุใช้งานถึง 2 ปี รับส่วนลดพิเศษ ส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นชั้นนำ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ กว่า 100 แบรนด์ สำหรับขั้นตอนในการสะสมเที่ยวเดินทางเพื่อรับพอยท์ ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถชำระค่าโดยสารผ่านระบบการเติมเงินในบัตรแรบบิท หรือผูกกับแรบบิท ไลน์ เพย์ และผูกบัญชี แรบบิท รีวอร์ดส โดยมีรายละเอียดการสะสมพอยท์ ดังนี้
ผู้โดยสารที่สนใจสามารถผูกบัญชีแรบบิท รีวอร์ดสได้ล่วงหน้า โดยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่านทาง Google Play Store หรือ Apple App Store เพื่อเตรียมพร้อมรับพอยท์สะสมจากการเดินทางที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2 617 6000 (ตั้งแต่ เวลา 06.00 – 22.00 น.) Line Official: @btsskytrain (ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น.) หรือตรวจสอบสถานะการเดินรถได้ที่ App ‘BTS SkyTrain’ และ แฟนเพจ Facebook: รถไฟฟ้าบีทีเอส
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก 👉
https://www.bts.co.th/promotion/bts-challenge.html
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 18/10/2021 8:36 pm    Post subject: Reply with quote

คนใช้รถไฟฟ้ามีเคือง บีทีเอสให้สะสมพอยต์แลกเที่ยวเดินทาง หลังยกเลิกโปรโมชัน 30 วัน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวล่า 13:50 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวล่า 13:50 น.


พบรถไฟฟ้าบีทีเอสจัดโปรโมชันใหม่แทนยกเลิกเที่ยวเดินทาง 30 วัน พบต้องเดินทางตามเส้นทางสัมปทานเดิม 5 สถานีขึ้นไปอย่างน้อย 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ จึงจะได้คะแนนเริ่มต้น 150 คะแนน สูงสุด 800 คะแนน เอาไปแลกเที่ยวเดินทางฟรี เริ่มต้น 250 คะแนนได้ 1 เที่ยว สูงสุด 2,000 คะแนนได้ 10 เที่ยว คนใช้บ่นอุบ เอาตั๋วเดือนคืนมาเพราะยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

วันนี้ (18 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 พ.ย. 2564 ได้จัดรายการส่งเสริมการขายใหม่ที่ชื่อว่า “ยิ่งติ๊ด ยิ่งได้ ยืดหยุ่นโดนใจกว่า” โดยให้นำคะแนนแรบบิท รีวอร์ดส (Rabbit Rewards) ซึ่งเป็นโปรแกรมสะสมคะแนนเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรแรบบิท และแรบบิท ไลน์ เพย์ (Rabbit LINE Pay) แลกรับสิทธิเที่ยวเดินทางฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ถึง 31 ต.ค. 2565

สำหรับการสะสมคะแนนดังกล่าว ผู้ใช้บัตรแรบบิท และแรบบิทไลน์เพย์ จะต้องผูกบัญชีแรบบิท รีวอร์ดส์ (Rabbit Rewards) ก่อน แล้วสะสมเที่ยวเดินทางต่อสัปดาห์ โดยจ่ายค่าโดยสารอัตราปกติ หากมีเที่ยวเดินทางสะสมน้อยกว่า 4 เที่ยวจะไม่ได้คะแนนสะสม, 4 เที่ยวได้ 150 คะแนน, 5 เที่ยวได้ 200 คะแนน, 6 เที่ยวได้ 250 คะแนน, 7 เที่ยวได้ 300 คะแนน, 8 เที่ยวได้ 400 คะแนน, 9 เที่ยวได้ 500 คะแนน, 10 เที่ยวได้ 600 คะแนน, 11 เที่ยวได้ 700 คะแนน, 12 เที่ยวขึ้นไปได้ 800 คะแนน

โดยการคำนวณเที่ยวเดินทาง จะนับเฉพาะสายสุขุมวิท ตั้งแต่สถานีหมอชิตถึงสถานีอ่อนนุช กับสายสีลม ตั้งแต่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีสะพานตากสิน นับตั้งแต่สถานีแรกเข้า อย่างน้อย 5 สถานีต่อเที่ยว โดยเริ่มนับตั้งแต่วันจันทร์ (คืนวันอาทิตย์) เวลา 03.00 น. สิ้นสุดลงเวลา 23.59 น.ของวันอาทิตย์ แล้วคะแนนจะเข้าในวันพุธ เช่น เริ่มนับเวลา 03.00 น. วันจันทร์ที่ 1 พ.ย. นับถึงวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ย. เวลา 23.59 น. แล้วคะแนนจะเข้าบัญชีแรบบิท รีวอร์ดส์ ภายในวันพุธที่ 10 พ.ย.

สำหรับการแลกเที่ยวเดินทางฟรีสำหรับบุคคลทั่วไปเริ่มต้นที่ 250 คะแนนแลกได้ 1 เที่ยว, 600 คะแนนแลกได้ 3 เที่ยว, 1,000 คะแนนแลกได้ 5 เที่ยว และ 2,000 คะแนนแลกได้ 10 เที่ยว ส่วนนักเรียน นิสิต นักศึกษา 200 คะแนนแลกได้ 1 เที่ยว, 450 คะแนนแลกได้ 3 เที่ยว, 750 คะแนนแลกได้ 5 เที่ยว และ 1,500 คะแนนแลกได้ 10 เที่ยว โดยสามารถแลกคูปองจำนวนเที่ยวเดินทางบีทีเอสฟรีจากแอปฯ Rabbit Rewards แล้วไปกดใช้คูปองที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานีเพื่อรับเที่ยวเดินทางฟรีลงในบัตรแรบบิท โดยคูปองที่กดใช้จะอยู่ในเมนู My Account มีอายุ 10 นาที

โดยเที่ยวเดินทางฟรีมีมูลค่าสูงสุด 44 บาทต่อเที่ยว เดินทางได้เฉพาะสายสุขุมวิท ตั้งแต่สถานีหมอชิตถึงสถานีอ่อนนุช กับสายสีลม ตั้งแต่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีสะพานตากสิน หากต้องการเดินทางส่วนต่อขยาย เช่น สายสุขุมวิท จากสถานีอ่อนนุชถึงสถานีเคหะ สถานีหมอชิตถึงสถานีคูคต สายสีลมจากสถานีสะพานตากสินถึงสถานีบางหว้า ต้องมีจำนวนเงินในบัตรขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 15 บาท จึงจะสามารถออกจากสถานีได้

ในช่วงเปิดตัวมีโปรโมชันให้คะแนนเพิ่มเป็น 2 เท่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ถึง 31 ม.ค. 2565 สะสมเที่ยวเดินทาง 4 เที่ยวได้ 300 คะแนน, 5 เที่ยวได้ 400 คะแนน, 6 เที่ยวได้ 500 คะแนน, 7 เที่ยวได้ 600 คะแนน, 8 เที่ยวได้ 800 คะแนน, 9 เที่ยวได้ 1,000 คะแนน, 10 เที่ยวได้ 1,200 คะแนน, 11 เที่ยวได้ 1,400 คะแนน, 12 เที่ยวขึ้นไปได้ 1,600 คะแนน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า บีทีเอสได้เปิดตัวโปรโมชันใหม่เพื่อมอบสิทธิการแลกเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้เหมาะสม และยืดหยุ่นต่อไลฟ์สไตล์ของผู้โดยสารที่หลากหลาย และเพื่อเป็นการตอบแทนผู้โดยสาร จึงขอมอบโบนัสพิเศษต้อนรับโปรฯ ใหม่ รับพอยต์เพิ่มคูณสองเท่า ตลอด 3 เดือน ซึ่งผู้โดยสารจะมีโอกาสแลกเที่ยวเดินทางฟรีได้มากขึ้น

“เช่น ผู้โดยสารที่เดินทางไป-กลับด้วยบีทีเอสทุกวันธรรมดา คิดเป็นการเดินทาง 10 เที่ยวต่อสัปดาห์ ก็จะมีโอกาสแลกเที่ยวฟรีได้ถึง 6 เที่ยว สำหรับบุคคลทั่วไป หรือถึง 8 เที่ยวฟรีสำหรับนักเรียนนักศึกษา นอกจากนี้ยังสามารถนำไปเป็นส่วนลดในการใช้จ่ายสินค้า และบริการต่างๆ ได้ตามความต้องการ” นายสุรพงษ์กล่าว

สำหรับจุดเด่นของโปรโมชันดังกล่าวก็คือ ยิ่งใช้มาก ยิ่งได้มาก โอกาสแลกรับเที่ยวเดินทางฟรีได้ไม่จำกัดจำนวน ยิ่งสะสมพอยต์มาก ยิ่งแลกได้มาก ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า วางแผนใช้จ่ายได้ยืดหยุ่นกว่า เติมเงินเมื่อต้องการเดินทาง ไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้านาน 30 วัน และหมดความกังวลกับการใช้เที่ยวเดินทางไม่ทันเวลา โดยคะแนนสะสมมีอายุ 2 ปี พร้อมรับส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ จากร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นชั้นนำ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ กว่า 100 แบรนด์

อย่างไรก็ตาม หลังเปิดตัวโปรโมชันดังกล่าวก็มีเสียงสะท้อนจากผู้โดยสารตามมา โดยเฟซบุ๊ก “รถไฟฟ้าบีทีเอส” พบว่ามีคอมเมนต์เรียกร้องให้นำโปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วันสำหรับบุคคลทั่วไป และนักเรียน-นักศึกษากลับคืนมา เพราะหลังยกเลิกโปรโมชันไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้โดยสารต้องเสียค่าโดยสารในราคาเต็ม สูงสุด 44-59 บาท เดือนหนึ่งต้องจ่ายค่ารถไฟฟ้าสูงถึง 3-4 พันบาท

ทั้งที่หากใช้โปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วันจะจ่ายค่าโดยสารตามเส้นทางสัมปทานเดิมเพียงแค่ 26-31 บาทต่อเที่ยว (รวมส่วนต่อขยายเป็น 41-46 บาท) เท่านั้น ซึ่งข้อดีของโปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วัน คือ สามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน และควบคุมรายจ่ายได้ จึงมีเสียงเรียกร้องให้นำโปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วันกลับคืนมา

เปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ไม่ปัง!!!!! ผู้โดยสารถล่มยับบีทีเอส
#ขอตั๋วเดือนคืน/สะสมพอยท์ยุ่งยากไม่ตอบโจทย์
*กดโกรธมากมายให้ได้แค่นี้/เอารายเดือนคืนมาๆ
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3025548127666685
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 21/10/2021 7:21 am    Post subject: Reply with quote

“ดร.ยุ้ย” คำนวณ “BTS ยกเลิกตั๋วเดือน” ทำค่าเดินทางแพงขึ้นสูงสุด 130%

InsightHOT UPDATE
By Pattarat
16 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ดร.ยุ้ย-เกษรา แห่งเสนาฯ คำนวณค่าเดินทางคนกรุงหลัง “BTS ยกเลิกตั๋วเดือน” บางคนต้องจ่ายแพงขึ้นสูงสุด 130% ระยะยาวส่งผลกับการตัดสินใจเลือกทำเลอยู่อาศัย กลับมาเลือกคอนโดฯ เล็กใกล้กลางเมือง
“ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลกับตลาดคอนโดมิเนียมในอนาคตคือการ “ยกเลิกโปรโมชัน 30 วัน” หรือ “ตั๋วเดือน” ของ รถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ประกาศเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 จะทำให้คนบ้านไกลมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

โดยดร.เกษรารวบรวมข้อมูลว่า รอบปีงบประมาณ 2563-64 บีทีเอสมีผู้โดยสารที่ใช้บัตรรายเดือนและจะได้รับผลกระทบจากการยกเลิกนี้ 40.6 ล้านเที่ยวคน (คิดเป็นสัดส่วน 32.5% ของเที่ยวเดินทางทั้งหมด) แบ่งเป็นบัตรบุคคลทั่วไป 36.2 ล้านเที่ยวคน และนักเรียน 4.37 ล้านเที่ยวคน


ตารางคำนวณภาระค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นเมื่อ BTS ยกเลิกตั๋วเดือน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ เมื่อยกเลิกโปรโมชันไปแล้ว จะทำให้เงินในมูลค่าเดียวกันที่เคยจ่ายให้กับตั๋วเดือนสามารถเดินทางได้ระยะสั้นลง สำหรับตั๋วเดือนของบุคคลทั่วไปจะทำให้เดินทางได้เพียง 2 ใน 3 ของที่เดินทางได้เดิม เท่ากับค่าใช้จ่ายแพงขึ้น 40-70% หากจะเดินทางในระยะเดิม และถ้าเป็นตั๋วนักเรียนนักศึกษา ค่าใช้จ่ายจะแพงขึ้นถึง 80-130%

ปัจจัยนี้จะเข้ามาเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง จากก่อนหน้านี้หลังเผชิญสถานการณ์ COVID-19 วงการดีเวลอปเปอร์เคยมีการอภิปรายกันว่า สภาวะการ Work From Home ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน จะทำให้ตลาดคอนโดฯ เปลี่ยนหรือไม่ โดยมองกันว่าผู้ซื้ออาจยอมย้ายไปอยู่คอนโดฯ ที่ไกลขึ้น เพื่อให้ได้ห้องที่ใหญ่ขึ้น เป็นการพลิกโฉมตลาดคอนโดฯ จากที่เคยหดไซซ์เล็กลงมาตลอด


ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางเข้าส่วนต่อขยายในปัจจุบัน
“แต่เมื่อระยะทางไกลสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ BTS ยกเลิกตั๋วเดือนไปแล้ว คนที่บ้านไกลจะยิ่งได้รับผลกระทบสูง ยิ่งอยู่ในโซนส่วนต่อขยายยิ่งต้องจ่ายเพิ่ม ต่อไปอาจจะไม่ใช่คิดว่าอยู่สถานีไหนก็ได้เพราะมีบีทีเอสแล้วเดินทางไปได้หมด แต่คนต้องกลับมาคิดเหมือนเก่าว่า การมีบ้านใกล้งานคือวิธีที่ประหยัดที่สุด” ดร.เกษรากล่าว

กลับกลายเป็นว่า สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ขอบเขตที่ยังอยู่ในระยะที่ประหยัดค่าใช้จ่ายได้คืออยู่ในโซนที่ยังไม่ถูกเก็บค่าแรกเข้าโซนส่วนต่อขยายเพิ่ม ได้แก่ไม่เกินสถานีหมอชิต วงเวียนใหญ่ และอ่อนนุช แต่นั่นต้องแลกมาด้วยการอยู่ในห้องชุดขนาดเล็กเพื่อให้ราคาต่อยูนิตต่ำลงเช่นที่เคยเป็นมา

Click on the image for full size
ย้อนชมจำนวนผู้โดยสาร BTS ตั้งแต่เกิดการระบาดของโรค COVID-19 เมื่อเดือน มี.ค. 63
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 22/10/2021 4:03 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
คนใช้รถไฟฟ้ามีเคือง บีทีเอสให้สะสมพอยต์แลกเที่ยวเดินทาง หลังยกเลิกโปรโมชัน 30 วัน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวล่า 13:50 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวล่า 13:50 น.

เปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ไม่ปัง!!!!! ผู้โดยสารถล่มยับบีทีเอส
#ขอตั๋วเดือนคืน/สะสมพอยท์ยุ่งยากไม่ตอบโจทย์
*กดโกรธมากมายให้ได้แค่นี้/เอารายเดือนคืนมาๆ
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3025548127666685


บีทีเอส เลิกโปรฯ รายเดือน เปลี่ยนเป็นสะสมพอยท์แลกเที่ยวเดินทางฟรี
หุ้น-การเงิน
วันจันทร์ ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวล่า 13:41 น.


บีทีเอส เปลี่ยนโปรฯ ค่าโดยสารจากรายเดือนเป็นใช้พอยท์แลกเที่ยวเดินทางฟรี เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้ ถึง 31 ต.ค. 2565 พร้อมจัดโปรฯ พิเศษช่วง 3 เดือนแรก เพิ่มพอยท์ 2 เท่า


วันที่ 18 ตุลาคม 2564 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่าตามที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ได้สิ้นสุดโปรโมชั่นบัตรโดยสารประเภทรายเดือน ในส่วนของเส้นทางสัมปทานระยะทาง 23.5 กิโลเมตร สายสุขุมวิท (สถานีหมอชิต-อ่อนนุช) และสายสีลม (สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สถานีสะพานตากสิน รวมสถานีส่วนต่อขยาย จากสถานีสะพานตากสินถึงวงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 ที่ผ่านมานั้น


ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ว่าจ้างให้บริษัท แรบบิท รีวอร์ดส จำกัด จัดโปรโมชั่นใหม่ มอบสิทธิพิเศษผ่าน แรบบิท รีวอร์ดส (Rabit Rewards) โปรแกรมสะสมพอยท์จากการเดินทาง เพื่อแลกรับเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากร้านค้าชั้นนำ โดยโปรโมชั่นใหม่นี้มีระยะเวลา 1 ปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 นอกจากนี้ ทางบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะเพิ่มพอยท์พิเศษให้อีก 1 เท่า เป็น 2 เท่า ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 22/10/2021 4:14 am    Post subject: Reply with quote

ด่วน “ครม.” ถอดวาระพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
หน้าเศรษฐกิจMega Project
วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14:52 น.

“คมนาคม” เผยเลขา.ครม.แจ้งที่ประชุมถอดวาระต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังนายกฯสั่งให้ศึการายละเอียดให้ชัดเจน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้กับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ล่าสุดได้รับทราบว่าเลขาคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งที่ประชุมครม.ว่ากระทรวงมหาดไทยขอถอดเรื่องดังกล่าวออกจากวาระการประชุมในครั้งนี้โดยไม่ทราบสาเหตุการถอดวาระออกเป็นเพราะเหตุใด


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วาระการพิจารณาดังกล่าว เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณามาเป็นเวลานาน โดยที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 โดยที่ผ่านมามีการนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต่อมามีรายงานว่าได้มีการถอนเรื่องออกจากการพิจารณาเช่นกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนนำเสนอใหม่อีกครั้งหนึ่ง

คมนาคม ’ขวาง’ ยืดสัมปทาน BTS แลกหนี้ 3.2 หมื่นล้าน
วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14:53 น.



ยืดสัมปทานรถไฟฟ้า BTS แลกรับหนี้ 3.2 หมื่นล้านบาท พร้อมลดค่าตั๋วไม่เกิน 65 บาทตลอดสายยังไร้ข้อสรุป เหตุคมนาคมทักท้วงว่าไม่ดำเนินการตามกฎหมายและมติครม.

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวระหว่างกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. กับบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS โดยเสนอต่ออายุสัมปทาน 30 ปี จากเดิมจะสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2572 ซึ่งมีเงื่อนไขการให้บีทีเอสรับภาระหนี้ของ กทม. พร้อมกำหนดค่าโดยสารสูงสุดตลอดสายไม่เกิน 65 บาท จากเดิม 158 บาท แต่สุดท้ายกระทรวงมหาดไทยได้ถอนวาระดังกล่าว เนื่องจากกระทรวงคมนาคมมีข้อทักท้วง

สำหรับเรื่องดังกล่าวได้มีการพิจารณามาเป็นเวลานาน โดยเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2563 ได้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กระทรวงมหาดไทยได้ถอนวาระออกจากการพิจารณาเช่นกัน หลังจากนายกรัฐมนตรีสั่งให้ศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนเสนอมาให้พิจารณา

ส่วนครั้งล่าสุดนี้ กระทรวงคมนาคมได้ส่งข้อสังเกตถึงกระทรวงมหาดไทยในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 โดยทั้งสองกระทรวงไม่ได้มีการหารือกันก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ระบุ กระทรวงฯยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาว่าดำเนินการครบถ้วนตามระเบียบกฎหมาย และมติ คณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ซึ่งกระทรวงฯได้มีข้อทักท้วง เพราะเห็นว่าการดำเนินการในประเด็นนี้ยังไม่ครบถ้วนตามระเบียบกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี


ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคม ได้ตั้งข้อสังเกต 4 เรื่องให้กทม.ตอบ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาต่ออายุสัมปทาน แต่ปัจจุบัน กทม.ยังตอบกลับไม่ครบ โดยประเด็นข้อสังเกตดังกล่าว ประกอบด้วย

1.ความครบถ้วนตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
2.ค่าโดยสารที่เหมาะสมเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการ
3.การใช้สินทรัพย์ของรัฐที่รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ
4.ข้อพิพาททางกฎหมายและการร้องเรียน

ที่ผ่านมา BTSC ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2564 เพื่อใช้สิทธิ์ตามกฎหมายฟ้อง กทม.และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งปัจจุบันมีภาระหนี้สะสมรวม 3.2 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย 1.หนี้ค่าจ้างเดินรถตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2564 รวม 1.2 หมื่นล้านบาท และ 2.หนี้ค่าระบบการเดินรถ หรือระบบไฟฟ้าและเครื่องกล จำนวน 2 หมื่นล้านบาท
https://www.youtube.com/watch?v=LPgZqBCXo3s

“ศักดิ์สยาม” ยันไม่ขวางใครต่อสัมปทานสีเขียว ย้ำจุดยืนต้องทำตามระเบียบกม.ให้ครบถ้วน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13:24 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13:24 น.



“ศักดิ์สยาม” ยันไม่ขวาง กทม.ต่อสัมปทานสีเขียว ถอนวาระ ครม.เป็นการตัดสินใจของ รมว.มหาดไทย ย้ำจุดยืน “คมนาคม” ยึดหลักทำตามขั้นตอนกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมติ ครม.ให้ครบถ้วน ตัดปัญหาอนาคตถูกฟ้องร้อง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงมหาดไทยได้ถอนวาระการต่ออายุสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม รวมถึงกรณีที่รายงานข่าวระบุว่าเกิดจากการที่กระทรวงคมนาคมมีประเด็นไม่เห็นด้วยกับการต่อสัมปทานสายสีเขียว เรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. โดย ครม.ได้ประชุมไปตามวาระ และทางเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ขอนำวาระเรื่องดังกล่าวออกก่อน

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าไม่ได้ขัดขวางอะไร ส่วนความเห็น 4 ประเด็นของกระทรวงคมนาคมนั้น ทั้งเรื่องข้อพิพาททางกฎหมาย อัตราค่าโดยสาร ผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับ และการดำเนินการตามกฎหมายและมติ ครม.ให้ครบถ้วน เป็นจุดยืนยืนว่าควรจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วน เพราะกรณีนี้เป็นการบริหารบริการสาธารณะซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน หากในอนาคตมีผู้ร้องเรียนและพบว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามกฎหมาย จะเกิดความเสียหาย

“กระทรวงคมนาคมเห็นข้อมูลว่ามีบางเรื่องที่ยังต้องทำให้ครบถ้วนก่อน เช่น เรื่องการดำเนินการตามมติ ครม.ปี 2561 เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งเรื่องยังอยู่ที่ ป.ป.ช. และล่าสุดทางบีทีเอสได้ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานครอยู่ ควรฟังคำสั่งศาลว่าจะเป็นอย่างไรด้วย เพราะหากกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก ต่อไปก็จะเป็นปัญหาไปด้วย” นายศักดิ์สยามกล่าว

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ตามมติ ครม.ปี 2561 ได้แต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงคมนาคม และปลัด กทม. ซึ่งตนได้มอบหมายให้ปลัดคมนาคมไปหารือถึงประเด็นที่ข้อมูลและการดำเนินการยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเห็นว่าหากดำเนินการได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เรื่องต่อสัมปทานสายสีเขียวก็สามารถดำเนินการได้


อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ กทม.สามารถชี้แจงไปที่ ครม.ได้ ซึ่ง รมต.ที่อยู่ใน ครม.35 ท่านมีอิสระในการทำงาน มีคุณวุฒิ มีความสามารถในการพิจารณา ส่วนกระทรวงคมนาคมนั้นมีความเห็นอย่างไรก็บอกไปตามที่เห็นแล้ว

รายงานแจ้งว่า การประชุม ครม. 19 ต.ค. ได้มีวาระที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขออนุมัติเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยต่อขยายสัญญาสัมปทานให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส อีก 30 ปี จากเดิมสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2572 ขยายต่อไปให้สิ้นสุดในปี 2602 โดยระบุว่าจะจัดเก็บตลอดสายที่ 65 บาท แต่มีรายงานว่า พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขอถอนวาระดังกล่าวออกไปก่อน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยขอถอนวาระ ต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายออกจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ว่าเรื่องดังกล่าวยืนยันว่าได้บรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาที่ 5 ส่วนสาเหตุการถอนเรื่อง ไม่ได้มาจากกระทรวงคมนาคม ขัดขวางการนำเสนอครม. แน่นอน เพราะทางเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งตั้งแต่เริ่มการประชุมว่า กระทรวงมหาดไทยขอถอนวาระดังกล่าวออกไปก่อนโดยไม่ได้แจ้งสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม ยังขอยืนยันกรณีที่เคยทำข้อทักท้วงการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 4 เรื่อง
1. ประเด็นความครบถ้วนตามหลักการของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
2. ประเด็นการคิดค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการเพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดได้ต่ำกว่า 65 บาท
3. ประเด็นการใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาให้เกิดความถ่องแท้ถึงการใช้สินทรัพย์ว่ารัฐควรได้ประโยชน์จากการขยายสัญญาสัมปทานเป็นจำนวนเท่าไร อย่างไร จนกว่าจะครบอายุสัญญา
4. ประเด็นข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งเกิดขึ้นจากกรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ทำสัญญาจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BTSC เดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และ ส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 และได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนั้นจึงสมควรรอผลการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เดิมทีการประชุมครม.เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ได้เสนอบรรจุวาระ เพื่อขออนุมัติความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ต่อ ครม.ที่จะต่อขยายสัญญาสัมปทานให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า บีทีเอส ไปอีก 30 ปี จากเดิมสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดปี 2572 ขยายต่อไปสิ้นสุดปี 2602 โดยอ้างว่าค่าโดยสารจะจัดเก็บตลอดสายที่ 65 บาท แต่พบว่าได้มีการถอนวาระดังกล่าวออกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคม
https://www.thebangkokinsight.com/news/business/733804/


Last edited by Wisarut on 28/10/2021 6:50 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 25/10/2021 3:56 am    Post subject: Reply with quote

เปิดปม “สัมปทานสายสีเขียว” คมนาคมเบรกดัง ก่อนขึ้นโต๊ะ ครม.
วันศุกร์ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10:00 น.

เปิดปมวาระ ครม.พิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แตะเบรกก่อนเสนอขึ้นโต๊ะประชุม 19 ต.ค.ที่ผ่านมา คมนาคมทักท้วง 4 ประเด็น พร้อมขอความชัดเจนขยายสัมปทานเร็วเกิน – จ้างเอกชนติดตั้งระบบเดินรถ ส่อขัดกฎหมาย

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมายังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดต้องถอนเรื่องออกจากวาระพิจารณา เนื่องจากกระทรวงคมนาคมมีข้อทักท้วงเกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องดังกล่าวขัดต่อระเบียบกฎหมายและ มติ ครม.ที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้

สำหรับวาระพิจารณาดังกล่าว เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณามาเป็นเวลานาน โดยในช่วงที่ผ่านมามีการหยิบยกเรื่อง ขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ของกระทรวงมหาดไทย มาขอความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปในการประชุม ครม. รวม 7 ครั้ง และก่อนหน้านี้ เมื่อ 13 ส.ค.2563 เคยมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มีการถอนเรื่องออกสู่การพิจารณา


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าสาเหตุการถอนเรื่องไม่ได้มาจากกระทรวงคมนาคมขัดขวางการนำเสนอ ครม.เพราะเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งก่อนเข้าวาระว่ากระทรวงมหาดไทยขอถอนเรื่องแต่ไม่ได้แจ้งสาเหตุ โดยกระทรวงคมนาคมยังยืนยันประเด็นที่เคยเสนอทักท้วงการต่อสัญญา 4 เรื่องที่เสนอไปก่อนหน้านี้

“กระทรวงคมนาคมยืนยันว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาว่า ดำเนินการครบถ้วนตามระเบียบกฎหมายและมติ ครม.เรียบร้อยแล้วหรือไม่ ซึ่งได้มีข้อทักท้วงเพราะเห็นว่าการดำเนินการในประเด็นนี้ยังไม่ครบถ้วนตามระเบียบกฎหมายและมติ ครม.”

สำหรับข้อทักท้วง 4 ประเด็นของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย

1.ประเด็นความครบถ้วนตามหลักการของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562

2.ประเด็นการคิดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการเพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดได้ต่ำกว่า 65 บาท

3.ประเด็นการใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาให้เกิดความถ่องแท้ถึงการใช้สินทรัพย์ว่ารัฐควรได้ประโยชน์จากการขยายสัญญาสัมปทานเป็นจำนวนเท่าไร อย่างไร จนกว่าจะครบอายุสัญญา

4.ประเด็นข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งเกิดขึ้นจากกรณี กทม. ได้ทำสัญญาจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และ ส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 และได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนั้นจึงสมควรรอผลการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจน


อย่างไรก็ดีในรายงานที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาครั้งล่าสุด มีการระบุถึงความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่ทักท้วงการพิจารณาต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพิ่มเติม อาทิ

ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเข้าไปติดตั้งระบบไฟฟ้าและการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 กระทรวงคมนาคมขอความชัดเจนเกี่ยวกับ กทม.ว่าจ้างเอกชนเข้าไปติดตั้งระบบไฟฟ้าและการเดินรถ ในปี 2559 ในขณะที่ ครม.เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ กทม.เมื่อ 26 พ.ย.2561 ดังนั้นขอให้ กทม.ชี้แจงว่าการว่าจ้างดังกล่าวดำเนินการภายใต้กฎหมายหรือระเบียบฉบับใด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการชี้แจงจาก กทม.

ด้านกรอบระยะเวลาในการเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชน กทม.ระหว่าง กทม.กับผู้รับสัมปทาน เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2534 หรือสัญญาสัมปทานฉบับเดิม ที่กำหนดว่าหากบริษัทประสงค์จะขอให้ กทม.ขยายอายุสัญญา จะต้องแจ้งความประสงค์ไปยัง กทม.ในเวลาไม่มากกว่า 5 ปีและไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนวันสิ้นสุดสัญญา และต้องได้รับอนุมัติจาก ครม. ซึ่งไม่สอดคล้องกับการดำเนินการของ กทม.ในขณะนี้ ที่เสนอให้มีการขยายอายุสัญญาเร็วกว่าสัญญาเดิมจะหมดมากกว่า 5 ปี

ขณะที่การเสนอขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้พิจารณาความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม. และจัดทำคำชี้แจงรายละเอียด 4 ประเด็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับ 4 ประเด็นที่กระทรวงคมนาคมขอรายละเอียดไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย

1.การดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นที่เคยมีการทักท้วงเรื่องการดำเนินการให้ครบถ้วนตามหลักการของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ (ตามมาตรา 46 และมาตรา 47) เนื่องจากในขั้นตอนการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนไม่มีการเสนอความเห็นว่า การต่อสัญญาสัมปทานควรประกวดราคาหรือควรเจรจาต่อรองกับเอกชนรายเดิม

โดยประเด็นดังกล่าว กทม.ยืนยันว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต (คศช.) มีความคล้ายคลึงกับการแก้ไขสัญญาตามมาตรา 46 และมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ อีกทั้งคำสั่งหัวหน้า คศช.ยังกำหนดให้คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและประชาชนหรือผู้ใช้บริการ ซึ่งการเจรจากับเอกชนรายเดิมเสนอผลประโยชน์ตอบแทนภาครัฐ 2.8 แสนล้านบาท

2.อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ประชาชน จากประเด็นข้อทักท้วงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวสูงกว่าอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กทม.ชี้แจงว่า อัตราค่าโดยสารสายสีเขียวในเส้นทางหลัก มีการกำหนดสูงสุดไว้ไม่เกิน 45 บาท และหากมีการเดินทางข้ามช่วงค่าโดยสารจะกำหนดไว้ต่อเนื่องจาก 45 บาทและสูงสุดไม่เกิน 65 บาท ไม่มีค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน

ในขณะที่สายสีน้ำเงินสูงสุดไม่เกิน 42 บาท แต่เมื่อเทียบอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าทั้งสองสาย พบว่า ค่าโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวอยู่ในอัตราใกล้เคียงกัน คือ ต่ำกว่า 30 บาทต่อเที่ยว แต่สายสีเขียวเดินทางได้ไกลสุด 55 กิโลเมตร 48 สถานี คิดอัตราค่าโดยสารเฉลี่ย 1.18 บาทต่อกิโลเมตร ขณะที่สายสีน้ำเงิน มีระยะทาง 48 กิโลเมตร คิดอัตราค่าโดยสารเฉลี่ย 1.62 บาทต่อกิโลเมตร ดังนั้นค่าโดยสารเฉลี่ยของสายสีเขียวจึงถูกกว่าสายสีน้ำเงิน

3.การใช้ทรัพย์สินของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในประเด็นทักท้วงที่ระบุว่าควรพิจารณาให้เกิดความชัดเจนถึงการใช้ทรัพย์สินว่า รัฐได้ประโยชน์จากการขยายสัญญาสัมปทานเป็นจำนวนเท่าใด อย่างไร จนครบอายุสัญญาเพื่อป้องกันมิให้รัฐเสียประโยชน์ที่ควรจะได้รับและประโยชน์อันพึงมีที่จะตกแก่ประชาชน กทม.ยืนยันว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะตกเป็นของรัฐเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการในปี 2602 และภาระการดูแลรักษา การซ่อมบำรุง และการจัดการทรัพย์สินทั้งหมด เป็นภาระและค่าใช้จ่ายของเอกชน

และ 4.ข้อพิพาททางกฎหมาย ที่มีการทักท้วงเกี่ยวกับกรณีที่มีการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงสมควรรอผลการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยประเด็นดังกล่าว กทม.ชี้แจงว่า การไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.จากการที่ กทม.ทำสัญญาจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เดินรถโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงอ่อนนุช - แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน - บางหว้า)

และส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต) ไปจนถึงปี 2585 จะมีผลกระทบต่อสัญญาสัมปทานที่อยู่ระหว่างต่อสัญญาหรือไม่ ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของสัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 เท่านั้น ประกอบกับการพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นการพิจารณากล่าวโทษส่วนบุคคลเท่านั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อสัญญาว่าจ้างเดินรถที่ทำกับเอกชนคู่สัญญา

ขณะที่นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เผยว่า บีทีเอสยืนยันว่าไม่ได้มีการกดดันให้มีการต่อสัมปทานเพื่อแลกกับมูลหนี้ที่ กทม.ค้างจ่ายอยู่รวม 3.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเรื่องการติดตามหนี้สินค้างจ่ายเป็นเรื่องที่บีทีเอสดำเนินการมานานแล้ว เป็นการดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายที่สามารถทำได้ เนื่องจากบริษัทฯ ต้องแบกรับต้นทุนการเดินรถมาเป็นเวลานาน

ส่วนกรณีที่มีการระบุถึงการขยายอายุสัมปทานที่ตามสัญญากำหนดต้องเสนอในเวลาไม่มากกว่า 5 ปี และไม่น้อยกว่า 3 ปี ก่อนวันสิ้นสุดสัญญานั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นข้อกำหนดในกรณีที่เอกชนต้องการขอให้รัฐขยายอายุสัญญา แต่เนื่องจากกรณีนี้เป็นข้อเสนอของทางภาครัฐเอง ซึ่งไม่ได้มีข้อกำหนดในลักษณะนี้

เปิดถอดปมสัมปทานสายสีเขียว
กระจกไร้เงา โดย กัลยา ยืนยง
วันอาทิตย์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เป็นประเด็นมาตลอดทั้งสัปดาห์ กรณีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดยวาระที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขออนุมัติเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยต่อขยายสัญญาสัมปทานให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบ BTS ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS อีก 30 ปี จากเดิมสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดในปี 2572 ขยายต่อไปให้สิ้นสุดในปี 2602 แต่มีรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขอถอนวาระดังกล่าวออกไปก่อน
แน่นอนว่า วาระดังกล่าวเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณามาเป็นเวลานาน โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2563 ได้เคยมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต่อมามีรายงานว่าได้ถอนเรื่องออกจากการพิจารณาเช่นกัน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนนำเสนอใหม่อีกครั้งหนึ่ง

เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในความสนใจของใครหลายๆ คน และได้มีการสอบถามไปยังนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณี ครม.ถอดวาระดังกล่าว ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่าสาเหตุการถอนเรื่องไม่ได้มาจากกระทรวงคมนาคมขัดขวางการนำเสนอ ครม. โดยเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งก่อนเข้าวาระว่า กระทรวงมหาดไทยขอถอนเรื่องแต่ไม่ได้แจ้งสาเหตุ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงคมนาคมยังยืนยันประเด็นที่เคยเสนอทักท้วงการต่อสัญญา ซึ่งมีด้วยกัน 4 เรื่องที่เสนอไปก่อนหน้านี้


เนื่องจากกระทรวงคมนาคมเห็นว่ามีข้อมูลบางเรื่องที่ยังต้องทำให้ครบถ้วนก่อน เช่น เรื่องการดำเนินการตามมติ ครม.ปี 2561 เรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปี 2558 ซึ่งเรื่องยังอยู่ที่ ป.ป.ช. และล่าสุดทาง BTS ได้ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานครอยู่ ควรฟังคำสั่งศาลว่าจะเป็นอย่างไรด้วย เพราะหากกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก ต่อไปก็จะเป็นปัญหาไปด้วย


สำหรับข้อทักท้วง 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ความครบถ้วนตามหลักการของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 2.การคิดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดได้ต่ำกว่า 65 บาท 3.การใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาให้ถ่องแท้ถึงการใช้สินทรัพย์ว่ารัฐควรได้ประโยชน์จากการขยายสัญญาสัมปทานเป็นจำนวนเท่าไร อย่างไร จนกว่าจะครบอายุสัญญา
4.ประเด็นข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งเกิดขึ้นจากกรณี กทม.ได้ทำสัญญาจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 และได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดังนั้นจึงสมควรรอผลการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจน


ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของ BTS ยืนยันว่า ไม่ได้มีการกดดันให้มีการต่อสัมปทานเพื่อแลกกับมูลหนี้ที่ กทม.ค้างจ่ายอยู่รวม 3.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเรื่องการติดตามหนี้สินค้างจ่ายเป็นเรื่องที่ BTS ดำเนินการมานานแล้ว เป็นการดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายที่สามารถทำได้ เนื่องจากบริษัทต้องแบกรับต้นทุนการเดินรถมาเป็นเวลานาน
สำหรับภาระหนี้สะสมที่ กทม.มีต่อ BTS แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.หนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายตั้งแต่เดือน เม.ย.2560 จนถึงเดือน ก.ค.2564 ประมาณ 12,000 ล้านบาท 2.หนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่ง BTS ยอมรับว่าการค้างจ่ายค่าจ้างดังกล่าวที่มีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านบาทนั้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทำให้ BTS จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อนำมาบริหารจัดการ


สำหรับประเด็นเรื่องต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังเป็นที่น่าจับตามองจากหลายฝ่าย รวมถึงประชาชนที่ต้องใช้บริการ ที่สุดแล้วบทสรุปสุดท้ายจะออกมาในทิศทางใด ประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ข้อตกลงร่วมกันใครได้ใครเสีย เรื่องนี้ประชาชนควรได้รับรู้รายละเอียด สุดท้ายเชื่อว่ารัฐบาลต้องทำให้ชัดเจน วางนโยบายแล้วกำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามมาภายหลัง ด้วยการที่ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าโดยสารที่แพงเกินความจำเป็น.



Wisarut wrote:
“ศักดิ์สยาม” ยันไม่ขวางใครต่อสัมปทานสีเขียว ย้ำจุดยืนต้องทำตามระเบียบกม.ให้ครบถ้วน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13:24 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13:24 น.


https://www.thebangkokinsight.com/news/business/733804/


Last edited by Wisarut on 28/10/2021 6:53 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/10/2021 8:00 pm    Post subject: Reply with quote

“บีทีเอส”ยินดีเก็บค่าตั๋วรถไฟฟ้าสีเขียว 20-25 บาท แต่รัฐต้องช่วยอุดหนุน!
เดลินิวส์ 25 ตุลาคม 2564 19:10 น.
เศรษฐกิจ-ยานยนต์

“บีทีเอส” ยินดีลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 20-25 บาท แต่รัฐต้องช่วยอุดหนุน ชูโมเดลต่างประเทศ รัฐจัดเต็มอุดหนุนทั้งทางตรง-ทางอ้อม ออกกฎหมายชัดเจน ให้ที่ดินสร้างรายได้ อุดหนุนรายหัว

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดเผยถึงกรณีที่มีบางหน่วยงานเรียกร้องให้ปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหลือ 20-25 บาทว่า ถ้าสามารถลดให้เหลือราคา 20-25 บาทได้ บีทีเอสก็ยินดี เพราะอยากให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในราคาที่ถูก แต่ถ้าจะให้ถูกขนาด 20-25 บาท รัฐบาลก็ต้องชดเชยให้เอกชนด้วย ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศ ถ้ารัฐบาลช่วยชดเชย ค่าโดยสารก็จะถูกลงได้ โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น รถไฟฟ้าบางสายรัฐบาลช่วยออกค่างานโยธาให้ แต่ในส่วนของสายสีเขียว รัฐบาลไม่ได้ช่วยสนับสนุน


นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนใหญ่ในต่างประเทศรัฐบาลจะช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้า ทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งบางประเทศออกกฎหมายเลย เพื่อช่วยรถไฟฟ้า ขณะที่บางประเทศให้ที่ดินเกือบทุกสถานี เพื่อสร้างศูนย์การค้า หรือสำนักงาน เพื่อให้มีรายได้ส่วนอื่นมาจุนเจือรถไฟฟ้า ส่วนบางประเทศก็อุดหนุนโดยตรง โดยให้เงินสนับสนุนรายหัวผู้โดยสาร แก่ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าเลย อย่างไรก็ตามถ้ารัฐบาลสามารถอุดหนุนเงินรายหัวให้ได้ ก็คงต้องทำทั้งระบบ ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าสายใดสายหนึ่ง ปัจจุบันผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 3 แสนคน คาดว่าเมื่อเปิดประเทศน่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการมากขึ้นอีก

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ต่อศาลปกครอง กรณีค้างจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และแบริ่ง – สมุทรปราการนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการฟ้องเพิ่มเติมในส่วนของค่าติดตั้งระบบเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) อีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ฟ้องเพียงแค่ในส่วนของค่าจ้างเดินรถ 1.2 หมื่นล้าน ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลฯ โดย กทม. ต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงที่ศาลปกครอง อย่างไรก็ตามอยากให้เรื่องนี้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด ซึ่งเราเป็นบริษัทเอกชน มีภาระอีกเยอะ ที่ฟ้องก็เพื่อให้ชำระหนี้ ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้กับผู้ถือหุ้น.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 131, 132, 133 ... 155, 156, 157  Next
Page 132 of 157

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©