RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311280
ทั่วไป:13262493
ทั้งหมด:13573773
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 132, 133, 134 ... 155, 156, 157  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 25/10/2021 10:38 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
“บีทีเอส”ยินดีเก็บค่าตั๋วรถไฟฟ้าสีเขียว 20-25 บาท แต่รัฐต้องช่วยอุดหนุน!
เดลินิวส์ 25 ตุลาคม 2564 19:10 น.
เศรษฐกิจ-ยานยนต์


เอาลิงก์นี้ด้วย
“ยินดีลดให้เหลือ 20-25 บาท”ค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว
*แต่รัฐบาลต้องจ่ายอุดหนุนค่าโดยสารประชาชน
*บีทีเอสชูโมเดลต่างประเทศรัฐช่วยชดเชยเอกชน
*ฟ้องหนี้กทม.ก่อนแค่ 1.2หมื่นล้านพอเป็นกระษัย
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3031023947119103
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 26/10/2021 5:36 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
“ศักดิ์สยาม” ยันไม่ขวางใครต่อสัมปทานสีเขียว ย้ำจุดยืนต้องทำตามระเบียบกม.ให้ครบถ้วน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13:24 น.
ปรับปรุง: วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13:24 น.

https://www.thebangkokinsight.com/news/business/733804/


“กทม” ชำแหละเบื้องลึก “คมนาคม” เตะถ่วงต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
หน้าเศรษฐกิจ Mega Project
วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19:54 น.

“กทม.” ซัด “คมนาคม” ขวางทางต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังมท.ถอนวาระออกจากครม. เชื่อเป็นเครื่องมือต่อรองแลกเดินหน้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม-ม่วงใต้

รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง กรณีที่กระทรวงมหาดไทยถอนวาระต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.)กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ออกจากที่ประชมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังกระทรวงคมนาคมได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของครม.ซึ่งไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอส โดยระบุว่า ได้ทำความเห็นแย้งมาถึง 8 ครั้งแล้ว หากกระทรวงมหาดไทยและ กทม.จะเดินหน้าต่อสัญญาสัมปทานโครงการ ก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ตลอดจนหลักธรรมาภิบาล พร้อมยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้จัดประชุมเพื่อร่วมหาข้อยุติร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและ กทม.ตามที่นายกฯ มอบหมายแล้ว และได้สอบถามขอข้อมูลรายละเอียดไปยัง กทม.หลายครั้ง แต่ กทม.ไม่จัดส่งรายละเอียดให้ ทำให้ไม่สามารถจะพิจารณาได้นั้น หากพิจารณาข้อท้วงติงของกระทรวงคมนาคมแล้ว เป็นข้อเสนอที่แตกต่างไปจากข้อท้วงติงเดิมที่กระทรวงคมนาคมเคยนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2563 จนทำให้เส้นทางการพิจารณาต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินคงค้างที่ กทม.มีอยู่กับผู้รับสัมปทานเอกชนไม่สามารถหาข้อยุติได้





ขณะเดียวกันที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้อ้าง ประเด็นในเรื่องความครบถ้วนในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนปี 2562 และการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไว้ 65 บาทตลอดสาย โดยอ้างว่าเป็นอัตราที่ไม่เหมาะสมเป็นธรรม พร้อมขอให้ กทม.และบีทีเอสแสดงต้นทุนที่มาที่ไปในการคำนวณอัตราค่าโดยสารดังกล่าว แต่ล่าสุดกระทรวงคมนาคมได้เพิ่มเติมข้อท้วงติงใหม่ขึ้นมาอีกหลายข้อ ประกอบด้วย

1.หาก กทม.จะขยายสัญญาสัมปทานในช่วงที่ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว กทม. ควรชำระหนี้สินให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มกระบวนการจัดหาผู้ให้บริการในโครงการฯ


2.หาก กทม.ไม่มีความประสงค์จะให้บริการส่วนต่ีอขยายสายสีเขียวก็ควรเสนอ ครม.เพื่อทบทวนมติ ครม.เมื่อ 26 พ.ย.61 และมอบหมายให้ รฟม.ดำเนินการ(โอนโครงการกลับคืน รฟม.)

3. หากจะมีการต่อขยายสัญญาสัมปทาน บริษัทต้องแจ้งความประสงค์ไปยัง กทม.ในเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีและไม่มากกว่า 5 ปีก่อนวันสิ้นสุดสัญญา เนื่องจากต้องให้หน่วยงานที่กำกับดูแลพิจารณาความคุ้มค่าของโครงการร่วมทุนที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งอัตราเงินเฟ้อ และดัชนีผู้บริโภค และต้องได้รับการอนุมัติจาก ครม.ก่อน

4.กรณี กทม. มีภาระหนี้จากการว่าจ้างเอกชนติดตั้งระบบเดินรถไฟฟ้าและว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้ง 2ส่วน ที่ได้ทำเมื่อปี 2559 ควรมีการตรวจสอบสัญญาว่า มีความชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ จะส่งผลต่อมูลหนี้ดังกล่าวว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ต่อไป


“การถอนเรื่องออกไปจาก ครม.เพราะกระทรวงคมนาคมคัดค้าน มีการปรับเปลี่ยนข้อโต้แย้งและระบุข้อโต้แย้งใหม่ ซึ่งขัดขวางต่อการขยายสัมปทานนั้น ทุกฝ่ายต่างรู้กันอยู่เต็มอก เพราะต้องการนำโครงการนี้มาเป็นข้อต่อรองทางการเมือง เพื่อแลกกับการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีม่วงใต้ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน(รฟม.)กำลังดำเนินการอยู่ และไม่ว่า กทม.จะชี้แจงอย่างไรก็เชื่อว่า หนทางโครงการดังกล่าวที่จะเข้า ครม.ก็คงถูกกระทรวงคมนาคมขวางอยู่ดี”






รายงานข่าวจากกทม. กล่าวต่อว่า ส่วนการพิจารณาข้อโต้แย้งของกระทรวงคมนาคม ในกรณีการเจรจาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ครอบคลุมไปถึงโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ กทม.ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ ควรจ่ายหนี้ค้างให้ รฟม.ให้เรียบร้อยก่อนนั้น ประเด็นดังกล่าวล้วนถูกบรรจุไว้ในข้อสัญญาการต่อขยายสัมปทานใหม่ที่ขจะมีขึ้นอยู่แปล้ว ที่บีทีเอสจะต้องชำระหนี้ค้างทั้งหมดแทน กทม. จึงไม่ใช่ประเด็นปัญหา






ทั้งนี้ในกรณีที่ที่ กทม.ไม่สามารถบริหารโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 สายได้เอง ควรโอนคืนให้กับรฟม.นั้น ปัญหาที่จะมีตามมาก็คือ จะทำให้เกิดปัญหาคอขวดและการเชื่อมต่อโครงข่าย เพราะหากสิ้นสุดสัมปทานสายหลักในปี 2572 และกทม.ต้องเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาเดินรถ ซึ่งผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลักคือกลุ่ม บีทีเอสเดิม ในขณะที่ รฟม.นั้นว่าจ้างอีกกลุ่มเข้ามาเดินรถ ก็จะเกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ เพราะเป็นคนละระบบ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและอาจทำให้อัตราค่าโดยสารสูง ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ


“กระทรวงคมนาคมคิดว่า รฟม.-กทม.มีศักยภาพที่จะบริหารได้เองหรืออย่างไร ขนาด รฟม.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าของโครงข่ายรถไฟฟ้ารอบกทม.นับ 10 สาย ยังไม่สามารถบริหารโครงการได้เอง ต้องสัมปทานไปให้เอกชนบริหารทุกโครงการไม่ใช่หรือ แล้วตัวเองจะเอาโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวกลับไปทำไม หรือจะเอาไปบริหารเอง หรือเอาไปยกให้เอกชนอีกรายบริหารกันแน่”






รายงานข่าวจากกทม. กล่าวต่อว่า หากมีการต่อขยายสัญญาสัมปทาน บริษัทต้องแจ้งความประสงค์ไปยังกทม. ในเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีและไม่มากกว่า 5 ปีก่อนวันสิ้นสุดสัญญา โดยให้หน่วยงานที่กำกับพิจารณาความคุ้มค่าของโครงการร่วมทุนที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งอัตราเงินเฟ้อและดัชนีผู้บริโภคข้อเสนอดังกล่าวเท่ากับกระทรวงคมนาคมกำลังจะให้กรมขนส่งทางรางเข้ามากำกับดูแลโครงการและอาศัยเป็นเครื่องมือในการพิจารณาว่าจะให้ใครเป็นเจ้าของโครงการ และหากกรมขนส่งทางรางมีอำนาจขนาดนั้นจริง เหตุใด กรณีเปิดประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่กำลังเปิดประมูลโดยรฟม.พยายามนำหลักเกณฑ์การคัดเลือกสุดพิสดารมาใช้ ทำไมกรมขนส่งทางรางจึงไม่สอดมือเข้าไปพิจารณาดูบ้างในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลรถไฟฟ้า อีกทั้งควรมีการตรวจสอบสัญญาว่าจ้างการเดินรถระหว่าง กทม.และบีทีเอสตั้งแต่ต้นว่าถูกต้องชอบธรรมหรือไม่นั้น ประเด็นการตรวจสอบนั้นทาง






“ กทม.ยืนยันว่าสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้มีการดำเนินการภายใต้ข้อตกลงคุณธรรมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากจะให้เหมาะสมควรตรวจสอบภาระหนี้ก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า 2 สาย ที่ รฟม.โยนมาให้ กทม.แบกรับแทนจะเหมาะสมมากกว่า เหตุใดจึงไม่เรียกร้องเอากับ กทม.ทั้งที่เป็นโครงข่ายรถไฟฟ้าที่รัฐจะต้องลงทุนอยู่แล้ว”
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 26/10/2021 5:47 am    Post subject: Reply with quote

ลากยาวต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวกทม.อ่วมแบกหนี้ทวีคูณ
หน้าเศรษฐกิจ Mega Project
วันศุกร์ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 9:45 น.

เปิดเบื้องลึกคมนาคมโดดขวางมหาดไทย ถอดวาระต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าครม. ชี้ยังไม่ดำเนินการเคลียร์ข้อคัดค้านเพียบ สัญญาไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ กทม.เผยอนุมัติล่าช้ากระทบภาระหนี้ค้างชำระเดินรถไฟฟ้าพุ่ง ต้องปรับจำนวนเที่ยวเดินรถไฟฟ้าลดค่าใช้จ่าย



แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กรณีการถอดวาระการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวแก่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจากกระทรวงมหาดไทยขาดรายละเอียดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำความเห็นในกรณีที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาไม่เห็นด้วยกับผลการเจรจาและร่างสัญญาดังกล่าว รวมทั้งมีความเห็นเพิ่มเติมในหลายประเด็นที่ไม่สอดคล้องกัน ที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนความเหมาะสมของผลการเจรจาและร่างสัญญาฯด้วยความละเอียดรอบคอบอีกครั้ง



ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลอัตราค่าจ้าง จำนวนกิโลเมตรทั้งหมด จำนวนขบวนความถี่ในการเดินรถไฟฟ้า รายงานการศึกษาเปรียบเทียบกรณีที่รัฐดำเนินการเองกับการให้เอกชนดำเนินการ รวมทั้งกรอบระยะเวลาในการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานร่วมลงทุนไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในสัญญาสัมปทานฉบับเดิม ที่บริษัทจะต้องแจ้งความประสงค์ไปยังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภายใน 3-5 ปี

ก่อนวันสิ้นสุดสัญญา และกำหนดให้หน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการต้องจัดทำแนวทางการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการร่วมลงทุนก่อนครบสัญญา 5 ปี เนื่องจากต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆที่ต้องนำมาพิจารณาความคุ้มค่าของโครงการร่วมลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งอัตราเงินเฟ้อและดัชนีผู้บริโภค เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากการบริการและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง


อีกทั้ง ไม่สอดคล้องกับการดำเนินการของกทม.ในครั้งนี้ ตลอดจนการตรวจสอบตามขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกทม.ไม่ได้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดและความเหมาะสมของการรับโอนทรัพย์สิน และภาระทางการเงินจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่จะโอนภาระหนี้ดังกล่าวให้เอกชนผู้รับสัมปทาน พร้อมทั้งนำภาระหนี้สินในส่วนโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นต้นทุนในการคิดอัตราค่าโดยสาร ทำให้กระทรวงคมนาคมไม่เห็นด้วยกับผลการเจรจาและร่างสัญญาของกทม.

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ขณะที่การต่ออายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว กระทรวงมหาดไทยได้เสนอผลการเจรจาและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ เพื่อขอความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาสัมปทานทั้ง 3 ช่วง ประกอบด้วย 1.เส้นทางหลัก ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน รวมระยะทาง 23.5 กิโลเมตร 2.ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้าและช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง รวมระยะทาง 12.75 กิโลเมตร

3.ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-เคหะฯ (สมุทรปราการ) รวมระยะทาง 31.2 กิโลเมตร ให้เป็นสัญญาหลักฉบับเดียวกัน เพื่อให้โครงการทั้ง 3 ช่วงสามารถเดินรถได้แบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน และเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนในการเดินทางแทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยเอกชนผู้รับสัมปทานจะเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของหนี้เงินกู้ที่กทม.มีต่อกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการร่วมลงทุน 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2572- 4 ธันวาคม 2602 โดยใช้หลักเกณฑ์การปรับเพดานอัตราค่าโดยสารโดยใช้ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI)

ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่กทม.จะได้รับจากการต่อสัญญาร่วมลงทุนในครั้งนี้ กทม.จะได้รับส่วนแบ่งในอัตรา 10% ของรายได้ค่าโดยสารของโครงการฯในช่วง 15 ปีแรก ได้รับส่วนแบ่ง 15% ในช่วง 10 ปีต่อมาได้รับส่วนแบ่ง 25% และในช่วง 5 ปี สุดท้ายตามลำดับ และจะได้รับส่วนแบ่งเมื่อเอกชนคู่สัญญามีผลตอบแทนการลงทุนจากงบการเงินเกิน 9.6% ต่อปี ขณะที่เอกชนคู่สัญญาจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามที่กำหนดในสัญญาสัมปทานเดิมของโครงการฯ และสัญญาร่วมลงทุนของส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงปี 2573-2602 รวมทั้งจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาสัมปทานฉบับใหม่ เช่น รายได้ค่าโดยสารของโครงการ ยกเว้นส่วนที่ต้องแบ่งรายได้ค่าโดยสารให้กทม.และรายได้จากการดำเนินกิจการพาณิชย์

ขณะที่กทม.ได้ชี้แจงว่า หากยังไม่สามารถนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของครม.ได้ จะส่งผลกระทบหลายเรื่อง เช่น ไม่สามารถจัดเก็บค่าโดยสารของโครงการฯ ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตและช่วงแบริ่ง-เคหะฯ (สมุทรปราการ) ทำให้มีภาระหนี้ค้างชำระค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันพบว่าภาระดอกเบี้ยสะสมของสัญญาเงินกู้ที่กทม.ทำไว้กับกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น เนื่องจาก

กทม.ไม่สามารถนำส่วนแบ่งรายได้ตามที่ระบุไว้ในร่างสัญญามาชำระหนี้ดังกล่าว รวมทั้งไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้เชิงพาณิชย์ของโครงการฯ ตามที่กำหนดไว้ในร่างสัญญา เป็นต้น ทำให้บีทีเอสต้องเจรจากับกทม.เพื่อทวงถามภาระหนี้และแจ้งว่าอาจมีการปรับจำนวนเที่ยวการเดินรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ

หากกทม.กลับไปดำเนินการตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนปี 2562 อาจส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าของโครงการฯ ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-เคหะฯ (สมุทรปราการ) ที่ยังค้างชำระกับบีทีเอส จำนวนกว่า 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากร่างสัญญาฯระบุว่า ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า ทางบีทีเอสจะเป็นผู้รับผิดชอบแทนเมื่อมีการลงนามในสัญญาแล้ว ประกอบกับสภากรุงเทพมหานครพิจารณาแล้วเห็นว่าหากการดำเนินโครงการฯไม่เป็นไปตามร่างสัญญาที่ระบุไว้ จะส่งผลให้กทม.ต้องรับ

ภาระหนี้และค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า จึงเห็นควรให้กทม.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป



วิษณุซัดคมนาคมขวางต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
หน้าเศรษฐกิจ Mega Project

วันพุธ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 9:10 น.

รถไฟฟ้าสายสีเขียวระอุม “คมนาคม” เผยครม.ถอดวาระต่อสัมปทานสายสีเขียว สั่งมหาดไทยศึกษาให้ชัด“วิษณุ” แจงสายสีเขียว สะดุดเพราะข้อทักท้วงคมนาคม ฟาก กทม.เตรียมชงรัฐของบหมื่นล้าน ใช้หนี้บีทีเอส แก้ปัญหาขยายสัมปทาน ขณะบีทีเอสเล็ง ฟ้องกทม.กรุงเทพธนาคม ค้างหนี้ 2 หมื่นล้าน



ศึกขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เพื่อล้างหนี้กว่า 1 แสนล้านบาท ยังคงร้อนระอุ ระหว่างกระทรวงคมนาคมที่ยังขวางกระทรวงมหาดไทย เมื่อจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งไม่ได้เป็นครั้งแรกที่มีการถอนวาระต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากครม.โดยกระทรวงคมนาคมเป็นแกนหลักในการคัดค้านวาระนี้

รายงานระบุว่าในที่ประชุมครม.ได้แยกถกวาระนี้ในห้องประชุมเล็กข้างห้องประชุมครม. โดยมีนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ปิดห้องหารือกับรมต.จากพรรคภูมิใจไทย


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ล่าสุดได้รับทราบว่าเลขาคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งที่ประชุมครม.ว่ากระทรวงมหาดไทยขอถอดเรื่องดังกล่าวออกจากวาระการประชุมในครั้งนี้โดยไม่ทราบสาเหตุ

ขณะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีครม.ไม่พิจารณาต่ออายุสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า มีรายละเอียดไม่เรียบร้อยเล็กน้อยแต่ไม่ยุ่งยากอะไร เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคม ทักท้วงมาแล้วกระทรวงมหาดไทยเพิ่งเห็นเมื่อคืนวันที่ 18 ต.ค.ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจำเป็นต้องตอบตรงนี้ก่อน แต่ส่วนตัวยังไม่เห็นข้อทักท้วง

เมื่อถามว่า วาระนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.แล้วดึงออกมาใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่การดึงออก เพียงแต่เมื่อถึงวาระดังกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ขอถอนออกไปเพื่อทำความเห็นเข้ามาใหม่ ส่วนจะเข้าครม.อีกครั้งในครั้งหหน้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วาระการพิจารณาดังกล่าวเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณามาเป็นเวลานาน โดยที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 เคยมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต่อมามีรายงานว่าได้มีการถอนเรื่องออกจากการพิจารณาเช่นกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ไปศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนนำเสนอใหม่อีกครั้งหนึ่ง

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น เป็นเรื่องกระทรวงมหาดไทยดำเนินการว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วง สถานีหมอชิต (N8) -สถานีคูคต (N24) จำนวน 16 สถานี และ สถานีแบริ่ง (E14) - สถานีเคหะฯ (E23) จำนวน 9 สถานี ที่ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนใช้บริการฟรี

ขณะนี้กทม.ต้องรอสัญญาณจากรัฐบาลและผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน เนื่องจากกทม.จำเป็นต้องของบประมาณจากภาครัฐเพื่อไปใช้หนี้ที่ค้างชำระแก่เอกชน เบื้องต้นในสัปดาห์หน้าทางกทม.จะทำหนังสือเสนอต่อรัฐบาล วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้หนี้ให้กับเอกชน โดยที่ผ่านมากทม.ได้เสนอของบประมาณดังกล่าวจากกทม.แต่สภากทม.ไม่อนุมัติงบประมาณนี้เพื่อนำไปใช้หนี้

“กรณีที่เอกชนฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อทวงหนี้กับกทม.นั้น ปัจจุบันกทม.อยู่ระหว่างรอศาลฯเรียกไต่สวนตามที่เอกชนยื่นฟ้อง เราอยากใช้หนี้ให้กับเอกชนอยู่แล้ว เนื่องจากเราเป็นหนี้กับเขา เพียงแต่เราต้องของบประมาณจากรัฐบาล เพราะเราไม่มีเงิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปการจัดเก็บอัตราค่าโดยสารภายใน 1-2 เดือนนี้”

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี กล่าวว่า ล่าสุดได้ทราบเรื่องในกรณีที่ครม.ถอดวาระการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้ว เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยต้องกลับไปทำข้อมูลในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน

“กรณีที่กทม.จะของบประมาณจากภาครัฐเพื่อนำมาใช้หนี้กับบริษัทนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะกทม.ติดหนี้กับเราอยู่ หากกทม.ใช้หนี้ให้เราเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี”

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่การเดินหน้าฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อทวงหนี้กทม.และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด นั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมเอกสารและหลักฐานในส่วนของสัญญาค่าซื้อระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ส่วนจะเริ่มดำเนินการฟ้องร้องได้เมื่อไรนั้นคงต้องรอดูจากทนายกฎหมายของบริษัทก่อน เนื่องจากเอกสารค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นสัญญาที่ต้องดำเนินการเป็นช่วงๆ

“ที่ผ่านมาในส่วนของสัญญาจ้างเดินรถ วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท บริษัทได้ดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองไปแล้วนั้น คงต้องรอดูความชัดเจนจากกทม.ที่ไปดำเนินการของบประมาณจากภาครัฐด้วย หลังจากนั้นกทม.ต้องหารือกับบริษัทอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร”

สำหรับภาระหนี้สะสมที่ภาครัฐมีต่อบีทีเอส แบ่งออกเป็น หนี้ค่าจ้างเดินรถตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2564 จำนวนราว 1.2 หมื่นล้านบาท และหนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) จำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44514
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 27/10/2021 5:48 pm    Post subject: Reply with quote

เริ่ม 1 พ.ย. บีทีเอส บีอาร์ที สีทอง กลับมาให้บริการตามเวลาปกติ 06.00 น. - 24.00 น.
เผยแพร่: 27 ต.ค. 2564 16:53 ปรับปรุง: 27 ต.ค. 2564 16:53 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

Click on the image for full size

รถไฟฟ้าบีทีเอส บีอาร์ที และสายสีทอง จะเปิดให้บริการตามเวลาปกติ เวลา 06.00 น. - 24.00 น. เริ่ม 1 พ.ย. 64 พร้อมยกการ์ดสูง เข้มมาตรการโควิด-19 รับเปิดประเทศ

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี กล่าวว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ เป็นวันที่รัฐบาลกำหนดนโยบายเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวใน 46 ประเทศ ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว บริษัทฯ มีการปรับเวลาให้บริการพร้อมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ อย่างเข้มข้น ดังนี้

รถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม รถไฟฟ้าสายสีทอง และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที เปิดให้บริการตามปกติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 24.00 น.

ยกเว้นสายสุขุมวิท สถานีสำโรง ถึงสถานีเคหะฯ (พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ) และสถานีคูคต (พื้นที่จังหวัดปทุมธานี) จะปิดให้บริการเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็นไปตามประกาศของรัฐบาล เนื่องจากอยู่นอกพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว


ลานจอดแล้วจรให้บริการตามปกติ เวลา 05.00 – 01.00 น. เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เช่นกัน

ทั้งนี้ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาใช้บริการ มีการตรวจวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้าใช้บริการรถไฟฟ้า เพิ่มความถี่ในการเช็ดทำความสะอาด ในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วมทุก ๆ ชั่วโมง มีบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า - ออกของสถานี จัดเจ้าหน้าที่ให้บริการแอลกอฮอล์เคลื่อนที่ในชั่วโมงเร่งด่วน บนชั้นชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมในการให้บริการ ตั้งแต่พนักงาน เจ้าหน้าที่สถานี รวมถึงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนครบ และรับการตรวจคัดกรองทุกครั้งก่อนเข้าปฏิบัติงาน ในส่วนของการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มความถี่โดยนำขบวนรถออกให้บริการทั้งสิ้น 98 ขบวน มีการทำความสะอาดตลอดระยะเวลาที่ให้บริการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร สอดรับกับการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นใหม่ ต้อนรับกับการเปิดประเทศ “ยิ่งติ๊ด ยิ่งได้ ยืดหยุ่น โดนใจกว่า”โปรแกรมสะสมพอยท์จากการเดินทาง และการใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ โดยผู้โดยสารสามารถนำพอยท์ที่สะสมจากการเดินทางบนบีทีเอส หรือการใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมรายการแลกรับสิทธิเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงส่วนลด และสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากร้านค้าชั้นนำ โดยโปรโมชั่นใหม่นี้มีระยะเวลา 1 ปี (1 พฤศจิกายน 2564 – 31 ตุลาคม 2565) และพิเศษต้อนรับโปรฯ ใหม่นี้ บีทีเอสให้พอยท์เพิ่มคูณสองเท่าทันที จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 31 มกราคม 2565 นี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rewards.rabbit.co.th
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 27/10/2021 8:01 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
เริ่ม 1 พ.ย. บีทีเอส บีอาร์ที สีทอง กลับมาให้บริการตามเวลาปกติ 06.00 น. - 24.00 น.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 27 ตุลาคม 2564 เวลา 16:53 น.
ปรับปรุง: 27 ตุลาคม 2564 เวลา 16:53 น.


บีทีเอส บีอาร์ที สายสีทอง คุมเข้มมาตรการโควิด-19 พร้อมรับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้
27 ตุลาคม 2564 เวลา 13:09 น.

27ต.ค.2564-นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ เป็นวันที่รัฐบาลกำหนดนโยบายเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวใน 46 ประเทศ ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว บริษัทฯ มีการปรับเวลาให้บริการพร้อมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ อย่างเข้มข้น ดังนี้

รถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม รถไฟฟ้าสายสีทอง และรถโดยสาร,ด่วนพิเศษบีอาร์ที เปิดให้บริการตามปกติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. ยกเว้นสายสุขุมวิท สถานีสำโรง ถึงสถานีเคหะฯ (พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ) และสถานีคูคต (พื้นที่จังหวัดปทุมธานี) จะปิดให้บริการเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็นไปตามประกาศของรัฐบาล เนื่องจากอยู่นอกพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว

สำหรับลานจอดแล้วจรให้บริการตามปกติ เวลา 05.00 – 01.00 น. เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เช่นกัน ผู้โดยสารทุกท่านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาใช้บริการ ตรวจวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้าใช้บริการรถไฟฟ้า เพิ่มความถี่ในการเช็ดทำความสะอาด ในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วมทุก ๆ ชั่วโมง มีบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า – ออกของสถานี และจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการแอลกอฮอล์เคลื่อนที่ในชั่วโมงเร่งด่วน บนชั้นชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมในการให้บริการ ตั้งแต่พนักงาน เจ้าหน้าที่สถานี รวมถึงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนครบ และรับการตรวจคัดกรองทุกครั้งก่อนเข้าปฏิบัติงาน ในส่วนของการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มความถี่โดยนำขบวนรถออกให้บริการทั้งสิ้น 98 ขบวน มีการทำความสะอาดตลอดระยะเวลาที่ให้บริการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร สอดรับกับการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นใหม่ ต้อนรับกับการเปิดประเทศ “ยิ่งติ๊ด ยิ่งได้ ยืดหยุ่น โดนใจกว่า”โปรแกรมสะสมพอยท์จากการเดินทาง และการใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ โดยผู้โดยสารสามารถนำพอยท์ที่สะสมจากการเดินทางบนบีทีเอส หรือการใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมรายการแลกรับสิทธิเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงส่วนลด และสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากร้านค้าชั้นนำ โดยโปรโมชั่นใหม่นี้มีระยะเวลา 1 ปี (1 พฤศจิกายน 2564 – 31 ตุลาคม 2565) และพิเศษต้อนรับโปรฯ ใหม่นี้ บีทีเอสให้พอยท์เพิ่มคูณสองเท่าทันที จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 31 มกราคม 2565 นี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rewards.rabbit.co.th

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ใช้บริการทุกท่าน จะได้รับความสะดวก และปลอดภัยตลอดการเดินทาง พร้อมทั้งขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ เชื่อว่าวิกฤติดังกล่าวจะผ่านไปได้ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อรอวันที่พวกเราทุกคนจะกลับมาเปิดหน้ากากอนามัย และยิ้มให้กันอีกครั้ง

"บีทีเอส" ยกการ์ดสูงรับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ เตรียมขบวนรถบริการ 98 ขบวน
เศรษฐกิจ
27 ตุลาคม 2564 เวลา 14:17 น.

บีทีเอส บีอาร์ที และสายสีทอง ยกการ์ดสูง คุมเข้มมาตรการโควิด-19 พร้อมรับเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ เสริมบริการเต็มสูบ 98 ขบวน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ เป็นวันที่รัฐบาลกำหนดนโยบายเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวใน 46 ประเทศ ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว บริษัทฯ มีการปรับเวลาให้บริการพร้อมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ อย่างเข้มข้น ดังนี้



- รถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม รถไฟฟ้าสายสีทอง และรถโดยสาร ด่วนพิเศษบีอาร์ที เปิดให้บริการตามปกติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 24.00 น. **ยกเว้นสายสุขุมวิท สถานีสำโรง ถึงสถานีเคหะฯ (พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ) และสถานีคูคต (พื้นที่จังหวัดปทุมธานี) จะปิดให้บริการเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็นไปตามประกาศของรัฐบาล เนื่องจากอยู่นอกพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว

- ลานจอดแล้วจรให้บริการตามปกติ เวลา 05.00 – 01.00 น. เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เช่นกัน

- ผู้โดยสารทุกท่านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาใช้บริการ

- ตรวจวัดอุณหภูมิทุกครั้งก่อนเข้าใช้บริการรถไฟฟ้า

- เพิ่มความถี่ในการเช็ดทำความสะอาด ในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วมทุก ๆ ชั่วโมง

- มีบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า - ออกของสถานี

- จัดเจ้าหน้าที่ให้บริการแอลกอฮอล์เคลื่อนที่ในชั่วโมงเร่งด่วน บนชั้นชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี


นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมในการให้บริการ ตั้งแต่พนักงาน เจ้าหน้าที่สถานี รวมถึงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนครบ และรับการตรวจคัดกรองทุกครั้งก่อนเข้าปฏิบัติงาน ในส่วนของการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มความถี่โดยนำขบวนรถออกให้บริการทั้งสิ้น 98 ขบวน มีการทำความสะอาดตลอดระยะเวลาที่ให้บริการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร สอดรับกับการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นใหม่ ต้อนรับกับการเปิดประเทศ “ยิ่งติ๊ด ยิ่งได้ ยืดหยุ่น โดนใจกว่า” โปรแกรมสะสมพอยท์จากการเดินทาง และการใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ โดยผู้โดยสารสามารถนำพอยท์ที่สะสมจากการเดินทางบนบีทีเอส หรือการใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมรายการแลกรับสิทธิเที่ยวเดินทางฟรี รวมถึงส่วนลด และสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากร้านค้าชั้นนำ

โดยโปรโมชั่นใหม่นี้มีระยะเวลา 1 ปี (1 พฤศจิกายน 2564 – 31 ตุลาคม 2565) และพิเศษต้อนรับโปรฯ ใหม่นี้ บีทีเอสให้พอยท์เพิ่มคูณสองเท่าทันที จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 31 มกราคม 2565 นี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://rewards.rabbit.co.th


อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ใช้บริการทุกท่าน จะได้รับความสะดวก และปลอดภัยตลอดการเดินทาง พร้อมทั้งขอขอบคุณผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ เชื่อว่าวิกฤติดังกล่าวจะผ่านไปได้ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อรอวันที่พวกเราทุกคนจะกลับมาเปิดหน้ากากอนามัย และยิ้มให้กันอีกครั้ง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 01/11/2021 4:13 pm    Post subject: Reply with quote

คนใช้บีทีเอสโวย ตั๋วเดือนหาย กลายเป็นล่าแต้ม วันแรกระบบล่ม แลกเที่ยวฟรีไม่ได้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 15:58 น.
ปรับปรุง: วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 15:58 น.



รถไฟฟ้าบีทีเอสเริ่มใช้โปรโมชัน สะสมคะแนนแรบบิทแลกคูปองเที่ยวเดินทางฟรีเป็นวันแรก พบระบบล่มเติมเที่ยวเดินทางไม่ได้ แถมติดต่อเจ้าหน้าที่ไม่ได้อีก ไม่รับผิดชอบ คะแนนที่แลกมาสูญเปล่า ขณะที่เสียงเรียกร้องเอาตั๋วเดือนคืนมาระงมไม่หยุด

วันนี้ (1 พ.ย.) เป็นวันแรกที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เริ่มต้นโปรโมชันใหม่ โดยให้นำคะแนนแรบบิท รีวอร์ดส (Rabbit Rewards) ซึ่งเป็นโปรแกรมสะสมคะแนนเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรแรบบิท และแรบบิท ไลน์ เพย์ (Rabbit LINE Pay) แลกรับสิทธิเที่ยวเดินทางฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ถึง 31 ต.ค. 2565 แทนโปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วัน หรือตั๋วเดือนที่ยกเลิกไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าพบปัญหาผู้โดยสารแลกคะแนนผ่านแอปพลิเคชันไปแล้ว นำคูปองที่ได้ไปกดแลกเที่ยวเดินทางที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารที่สถานี กลับได้รับคำตอบจากพนักงานสถานีว่าระบบล่ม ไม่สามารถทำรายการได้ กระทั่งผ่านไป 10 นาทีบาร์โค้ดหมดอายุ แนะนำให้ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ แต่ไม่สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์ได้ ทำให้คะแนนที่แลกมาสูญเปล่า

นอกจากนี้ ยังพบปัญหาผู้ถือบัตรเครดิตไม่สามารถเติมเงินลงในบัตรแรบบิทเพื่อใช้เป็นค่าโดยสารได้ ต้องเติมเงินด้วยเงินสดเท่านั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีโปรโมชันเที่ยวเดินทาง 30 วัน ยังสามารถใช้เติมเที่ยวเดินทางได้ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวกเข้าไปอีก ขณะที่เฟซบุ๊ก "รถไฟฟ้าบีทีเอส" ยังมีเสียงเรียกร้องให้นำตั๋วเดือนคืนมายังเกิดขึ้นไม่หยุด และวิจารณ์โปรโมชันใหม่ของบีทีเอสว่า เป็นการผลักภาระให้ประชาชน เนื่องจากหากบ้านอยู่ชานเมืองไปทำงานในเมือง ต้องจ่ายค่าโดยสารราคาเต็ม สวนทางกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ปัจจุบันค่าโดยสารสูงสุดตั้งแต่ 44-59 บาท ไป-กลับ 88-118 บาท

สำหรับโปรโมชันดังกล่าว ผู้โดยสารจะต้องเดินทางในเส้นทางสัมปทาน 23.5 กิโลเมตร นับจากสถานีหมอชิตไปสถานีอ่อนนุช และจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติไปสถานีสะพานตากสิน ด้วยค่าโดยสารปกติ อย่างน้อย 5 สถานีขึ้นไปต่อเที่ยว (เทียบเท่าค่าโดยสาร 33 บาท) และอย่างน้อย 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ จึงจะได้รับคะแนนเริ่มต้นที่ 150 คะแนน สูงสุด 12 เที่ยวขึ้นไปได้ 800 คะแนน โดยจะเริ่มนับทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ และคะแนนจะเข้าบัญชีสมาชิกในวันพุธถัดไป จากนั้นนำคะแนนที่ได้มาแลกเที่ยวเดินทางฟรี ผ่านแอปพลิเคชัน Rabbit Rewards เริ่มต้น 250 คะแนนได้ 1 เที่ยวฟรี มูลค่าสูงสุด 44 บาทต่อเที่ยว สูงสุด 2,000 คะแนนได้ 10 เที่ยวฟรี โดยในช่วงเปิดตัวมีโปรโมชันให้คะแนนเพิ่มเป็น 2 เท่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ถึง 31 ม.ค. 2565 จะได้รับคะแนนเริ่มต้นที่ 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ได้ 300 คะแนน สูงสุด 12 เที่ยวขึ้นไปได้ 1,600 คะแนน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวในงานเสวนา "เลิกตั๋วเดือนจุดเริ่ม แบกค่าโดยสารแพง" เปิดเผยว่า จากการสำรวจผู้บริโภคส่วนใหญ่ ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกตั๋วเดือน โดยมีภาระค่าเดินทางเพิ่มขึ้น 70-100% จากเดิมที่ใช้ตั๋วเดือนจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าบาท แต่หลังจากยกเลิกนั้นจ่ายเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 2,000 บาท โดยเสนอให้บีทีเอสนำตั๋วเดือนกลับมาใช้อีกครั้ง และการแก้ปัญหาระยะยาว ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) หางบประมาณมาใช้หนี้เดินรถส่วนต่อขยาย และไม่ต่อสัมปทานที่จะหมดลงในปี 2572 เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรอง โดยเห็นว่าค่าโดยสารในราคา 25 บาทสามารถทำได้ เพราะหากคำนวณจะไม่แตกต่างจากราคาตั๋วเดือนของบีทีเอส และความจริงแล้วตั๋วเดือนควรถูกลงกว่านี้

ส่วนนายไวทยา นวเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เปิดเผยว่า ได้สอบถามบีทีเอสถึงการยกเลิกตั๋วเดือน ให้เหตุผลว่าเพราะจำนวนผู้โดยสารลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 เดิมมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 8 แสนคนต่อวัน ปัจจุบันเหลือ 2-3 แสนคนต่อวัน จึงปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นใหม่ ในรูปแบบแลกคะแนนมาทดแทน แต่จากการคำนวณโปรโมชั่นใหม่ พบว่าอัตราค่าโดยสารยังสูง เมื่อเทียบกับตั๋วเดือนเดิม ทาง กทม. จะรับไปเจรจากับบีทีเอส เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้โดยสารเพิ่มเติมต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44514
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/11/2021 8:14 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
คนใช้บีทีเอสโวย ตั๋วเดือนหาย กลายเป็นล่าแต้ม วันแรกระบบล่ม แลกเที่ยวฟรีไม่ได้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 15:58 น.
ปรับปรุง: วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 15:58 น.

บีทีเอสจัด’โปรโมชั่น’รับเปิดประเทศ
Nov 2, 2021
กรุงเทพธุรกิจ


https://www.youtube.com/watch?v=66mKmue96H8

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส สุรพงษ์ เลาหะอัญญา ระบุ ได้เพิ่มความถี่การเดินรถ โดยนำขบวนรถไฟฟ้าออกให้บริการทั้งสิ้น 98 ขบวน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และรองรับนโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐบาล และยังได้จัดโปรโมชั่นใหม่ “ยิ่งติ๊ด ยิ่งได้ ยืดหยุ่นโดนใจกว่า” ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 - วันที่ 31 ม.ค. 2565 ซึ่งจะเพิ่มความคุ้มค่าให้พอยท์เพิ่มคูณสองเท่าทันที และผู้โดยสารจะมีโอกาสนำพอยท์ที่สะสมมาแลกเที่ยวเดินทางฟรีได้มากขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 09/11/2021 3:37 pm    Post subject: Reply with quote

BTS ปลื้มออก Green Bond 1.02 หมื่นล้านบาท นักลงทุนจองเกิน 2 เท่า
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 9 พ.ย. 2564 15:25 ปรับปรุง: 9 พ.ย. 2564 15:25

BTSC ประสบความสำเร็จในการออก Green Bond 1.02 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวต่อขยาย เหนือ-ใต้ เผยนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนกว่า 2 เท่า เน้นจุดยืนของบีทีเอส กรุ๊ปฯ ในการดำเนินธุรกิจควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (“BTSG”) เปิดเผยว่า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) บริษัทย่อยในเครือบีทีเอส กรุ๊ปฯ ออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Bond ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด อายุ 3, 5, 7 และ 10 ปี มูลค่าเสนอขายรวม 10,200 ล้านบาท แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ในระหว่างวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้ลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนเป็นจำนวนกว่า 2 เท่า โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออก Green Bond ในครั้งนี้ ไปใช้ในโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ – ใต้ ในส่วนของการจัดซื้อรถไฟฟ้าและระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล (Electrical and Mechanical Works) ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวดังกล่าว เป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ลดการใช้รถยนต์ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) นำมาซึ่งคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นแก่ชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล การออกหุ้นกู้ Green Bond ของ BTSC ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของบีทีเอส กรุ๊ปฯ ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน และยังสอดคล้องกับความตั้งใจของบีทีเอส กรุ๊ปฯ ที่จะออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

การออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ BTSC ในครั้งนี้ ถือเป็น Green Bond ชุดแรกของ BTSC ซึ่งอยู่ภายใต้ Green Bond Framework ของบีทีเอส กรุ๊ปฯ และบริษัทฯ ได้ดำเนินการให้ Green Bond ของบริษัทฯ ในครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากล คือ Green Bond Principles 2021 (GBP) ซึ่งออกโดย International Capital Market Association (ICMA) และ ASEAN Green Bond Standards 2018 (ASEAN GBS) ซึ่งออกโดย the ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) โดยมี Sustainalytics ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยอิสระชั้นนำด้าน ESG และ Corporate Governance เป็นผู้ประเมินและออก Second Party Opinion (SPO) ว่า Green Bond ของบริษัทฯ เป็นไปตามมาตรฐานสากลดังกล่าว นอกจากนี้ Climate Bonds Initiative หรือ CBI ยังได้รับรองว่า Green Bond ของบริษัทฯ เป็นไปตาม Climate Bonds Standard version 3.0 ในเกณฑ์ Low Carbon Transport อีกด้วย

“บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่ไว้วางใจและให้ความสนใจจองซื้อ Green Bond ของ BTSC รวมทั้งขอบคุณ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ ซึ่ง Green Bond ในครั้งนี้เป็น Green Bond ครั้งแรกของ BTSC หลังจากที่ BTSG ประสบความสำเร็จในการออก Green Bond มาแล้ว 2 ครั้งในปี 2562 และ 2563 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและการสนับสนุนของผู้ลงทุนต่อความมุ่งมั่นของบีทีเอส กรุ๊ปฯ ในการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและขับเคลื่อนการขยายตัวทางธุรกิจอย่างยั่งยืน” นายสุรยุทธกล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44514
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/11/2021 7:24 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดพิกัดนั่ง “รถไฟฟ้าบีทีเอส-สีทอง” เที่ยวงาน “ลอยกระทง”
เดลินิวส์ 17 พฤศจิกายน 2564 13:52 น.
เศรษฐกิจ-ยานยนต์

เปิดพิกัดนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส เที่ยวงานลอยกระทง ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ร่วมสืบสานประเพณีไทย ย้ำยังคงคุมเข้มทั้งความปลอดภัย-โควิด-19

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า เทศกาลวันลอยกระทง ปี 64 ตรงกับวันที่ 19 พ.ย.64 ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวไทย และถือเป็นงานประเพณีแห่งความสุข นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น รถไฟฟ้าบีทีเอส จึงขอเชิญชวนประชาชน และผู้โดยสารทุกท่าน ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงตามเส้นทางรถไฟฟ้า ในสถานที่ต่างๆ ดังนี้

Click on the image for full size

ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนจตุจักร ผู้โดยสารสามารถลงสถานีหมอชิต ทางออกที่ 3, สวนลุมพินี ลงที่สถานีศาลาแดง ทางออกที่ 6, อุทยานเบญจสิริ ลงสถานีพร้อมพงษ์ ทางออกที่ 6, สวนเบญจกิติ ลงสถานีอโศก ทางออกที่ 4, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทางออกที่ 1, หรือร่วมงาน “วันเพ็ญ เย็นใจ” กับงาน “Bangkok River Festival 2021” เทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 7 ณ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ ผู้โดยสารสามารถลงที่สถานีสะพานตากสิน ใช้ทางออกที่ 2 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

หรือโดยสารรถไฟฟ้าสายสีทอง ลงสถานีเจริญนคร เข้าร่วมงาน A Magical Upon the Chao Phraya River #มหัศจรรย์ความสุขเทศกาลลอยกระทง ณ ไอคอนสยาม ส่วนในพื้นที่ปริมณฑล เมืองโบราณ เที่ยวงานเทศกาลโคมไฟ และอาหารนานาชาติ (Thailand International Lantern & Food Festival) ลงสถานีเคหะฯ ใช้ทางออกที่ 3 หรือ 5 ได้อีกด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นย้ำมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มข้น อาทิ ตรวจสัมภาระผู้โดยสารก่อนเข้าระบบรถไฟฟ้า เพื่อตรวจหาวัตถุต้องห้าม อาทิ อาวุธ ของมีคม ลูกโป่ง และพลุดอกไม้ไฟทุกชนิด อย่างเข้มงวดทุกสถานี ตลอด 24 ชั่วโมง, ตรวจคัดกรองอุณหภูมิของผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการ และผู้โดยสารทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วย.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44514
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/11/2021 11:53 am    Post subject: Reply with quote

5 ธันวานี้! ลูกพาคุณพ่อขึ้น รถไฟฟ้าMRT -BTS ฟรี
เผยแพร่: 29 พ.ย. 2564 11:11 ปรับปรุง: 29 พ.ย. 2564 11:11 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จัดกิจกรรม “5 ธันวา พาพ่อขึ้น MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงฟรี” เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564 และเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้า พร้อมร่วมรณรงค์ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เพียงคุณลูกพาคุณพ่อมาแสดงตัวและรับคูปองโดยสารรถไฟฟ้า MRT ฟรี ที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ตลอดระยะเวลาให้บริการ สำหรับคุณลูกชำระค่าโดยสารตามปกติ และขอความร่วมมือผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ที่มีบริการภายในสถานี งดการพูดคุยภายในขบวนรถ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น เมื่อใช้บริการระบบรถไฟฟ้า

ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส กล่าวว่า วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติไทย และวันพ่อแห่งชาติ รถไฟฟ้าบีทีเอสจัดกิจกรรมสุดพิเศษ คุณลูกสามารถพาคุณพ่อโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสฟรี ตลอดสาย ทุกเส้นทาง รวมทั้งส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. รวมถึงรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที และรถไฟฟ้าสายสีทอง โดยพ่อ และลูกจะต้องขึ้น - ลงสถานีเดียวกันเท่านั้น สามารถติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี ได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยกเว้นค่าโดยสารสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 90 ซม. อีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกท่าน โปรดปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการ ตรวจคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมจุดบริการแอลกอฮอล์ทุกทางเข้า-ออกสถานี รวมถึงจัดให้บริการแอลกอฮอล์เคลื่อนที่บนชั้นชานชาลา พร้อมทั้งเพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นภายในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วมภายในสถานี เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และปลอดภัยแก่ผู้มาใช้บริการทุกท่าน

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสให้ผู้โดยสารทุกท่าน พาคุณพ่อไปท่องเที่ยวในโอกาสพิเศษนี้ เริ่มต้นทริปด้วยการทำบุญไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลตามวัดสำคัญต่าง ๆ อาทิ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โดยลงที่สถานีสะพานตากสิน ทางออกที่ 2 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวสถานตากอากาศบางปู ให้อาหารนกนางนวล ชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกริมทะเล เพียงแค่โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีเคหะฯ ทางออกที่ 1 เพียงเท่านี้ คุณลูก และคุณพ่อก็สามารถเพลิดเพลินกับวันแห่งความสุขอย่างอิ่มเอมใจ ตบท้ายด้วยการพาไปทานอาหารมื้อพิเศษหลากหลายรสชาติให้เลือกสรร ที่ สยามพารากอน พร้อมเที่ยวชมไฟประดับช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า โดยลงที่สถานีสยาม ทางออกที่ 3 , 5 อีกด้วย

Click on the image for full size

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> รถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 132, 133, 134 ... 155, 156, 157  Next
Page 133 of 157

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©