ของฝากจาก SCANDINAVIA 2009 ตอนที่ 1

[tuie]

อาคารสถานีออสโลเป็นตึกคอนกรีตสมัยใหม่แต่สีสันดูจะเรียบๆขรึมๆทึมๆ ออกจากชานชาลาจะต้องขึ้นทางลาดเข้าไปภายในอาคารสถานีก่อนจากนั้นถึงจะเดินออกไปยังถนนด้านนอกอาคารสถานีได้ครับ



ภายในอาคารสถานีออสโลดูเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย



ห้องโถงกลางซึ่งเป็นที่ทำการแผนกต่างๆของสถานีออสโลกว้างขวาง และดูสว่างอบอุ่นไปด้วยแสงแดดจากกระจกหลังคาเหมาะสำหรับเมืองที่มีอากาศหนาวจัดอย่างนอร์เวย์ยิ่งนัก


_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/

[tuie]

กลางห้องโถงมีบอร์ดขนาดใหญ่แสดงข้อมูลขบวนรถเข้า-ออกชานชาลาต่างๆครับ



ใครจะซื้อตั๋วรถไฟสามารถซื้อได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติซึ่งมีติดตั้งไว้หลายเครื่อง หรือในกรณีที่จองตั๋วรถไฟและชำระค่าโดยสารออนไลน์ผ่านเวบไซต์ของการรถไฟนอร์เวย์ (NSB) มาแล้ว ก็นำรหัสรับตั๋วมาทำรายการเพื่อให้เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติในภาพนี้พิมพ์ตั๋วออกมาให้ได้ หรือจะนำรหัสรับตั๋วไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วก็ได้ตามสะดวก แต่ไม่มีการให้พิมพ์ตั๋วที่จองผ่านเวบไซต์มาใช้ได้เองเลยเหมือนรถไฟเยอรมนี ออสเตรีย และบ้านเรานะครับ



ขบวนรถในเส้นทางจากออสโล-มีลดาล (Oslo-Myrdal) ซึ่งผมจะใช้เดินทางไปเที่ยวรถไฟสายฟลอมบาน่า Flambana อันลือลั่น ล้วนบังคับให้สำรอง(จอง)ที่นั่งทุกขบวน ขาไปมีลดาลให้ตัวแทนยูเรลพาสที่เมืองไทยสำรองที่นั่งให้ใช้ควบกับสแกนเรลพาสได้ไม่มีปัญหา แต่ขากลับออสโลนี่สิครับตัวแทนฯจองให้ไม่ได้ ผมก็ถามว่าทำไมจองไม่ได้ล่ะ เจ้าหน้าที่ตอบว่าอาจเป็นเพราะการรถไฟนอร์เวย์ไม่เปิดระบบให้จองที่นั่ง หรือไม่ก็แสดงว่าที่นั่งเต็มหมดแล้ว ถ้าเป็นประการหลังก็แย่สิครับ



เพื่อความไม่ประมาทไม่ต้องเสี่ยงต่อการไม่มีรถกลับออสโลและต้องทนหนาวสั่นอยู่ที่มีลดาล ผมก็ลองเข้าไปดูเวบไซต์ของการรถไฟนอร์เวย์ปรากฏว่ายังมีตั๋วราคาโปรโมชั่นขบวนรถเที่ยวดึกที่สุดว่างอยู่ก็เลยจองผ่านเวบฯแล้วนำรหัสมารับตั๋วในภาพข้างต้นจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัตินี่แหละครับ เสียค่าประกันความเสี่ยงต่อการไม่มีที่นั่งเที่ยวกลับว่างแถมได้ตั๋วรถไฟนอร์เวย์มาสะสมในราคา ๑๙๙ โครน (ประมาณ ๘๐๐ บาทเศษ) เท่านั้นเอง จากราคาเต็มประมาณ ๗๐๐ โครน
_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/

[tuie]

ความวุ่นวายเรื่องตั๋วรถไฟนอร์เวย์ของผมยังไม่จบครับ เพราะสแกนเรลพาสไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟสายฟลอมบาน่าได้เลยเหมือนเส้นทางของการรถไฟนอร์เวย์สายอื่นๆ แต่สแกนเรลพาสสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อตั๋วรถไฟสายฟลอมบาน่าได้ร้อยละ ๓๐ ต่อเที่ยว หรือประมาณเที่ยวละ ๓๐๐ บาท จากราคาเต็มเที่ยวละประมาณ ๑,๐๐๐ บาท นับว่าลดราคาไปได้ไม่น้อย ผมก็เลยต้องมารอคิวติดต่อเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วเพื่อแสดงสแกนเรลพาสให้เขาตรวจดูและออกตั๋วรถไฟสายฟลอมบาน่าในอัตราค่าโดยสารลดราคาร้อยละ ๓๐ ให้ผม กรณีเช่นนี้มิอาจใช้บริการเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้ครับ



ระหว่างเข้าแถวรอคิวผมสังเกตว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่นิยมซื้อตั๋วจากเครื่องฯมากกว่ามารอคิวติดต่อซื้อตั๋วกับเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่เขาบริการไม่ดีพูดจาไม่เอาไหนหรอกนะครับ แต่ความที่เครื่องฯมีตั้งอยู่มากมายกระจายทั่วสถานีจนผู้โดยสารแทบไม่ต้องรอคิว เดินเข้าไปสัมผัสหน้าจอไม่กี่ทีก็ได้ตั๋วมาเชยชมแล้ว ส่วนพวกที่มาเข้าแถวต่อคิวยาวเพื่อติดต่อเหน้าที่เคาน์เตอร์ฯมักจะเป็นการซื้อตั๋วในกรณีที่ทำรายการผ่านเครื่องมิได้ หรือไม่ก็เป็นพวกลุงๆป้าๆที่ยังอยู่ในโลกอนาล็อก-นิยมระบบแมนน่วล ชีวิตนี้ไม่ขอกด-จิ้ม-สัมผัสหน้าจอเครื่องอัตโนมัติ-อุปกรณ์ไฮเทคใดๆน่ะครับ



ในที่สุดผมก็ได้ตั๋วรถไฟสายฟลอมบาน่าในอัตราพิเศษลดให้ร้อยละ ๓๐ มาเรียบร้อยสมประสงค์ ข้อความหน้าตั๋วเป็นภาษานอร์เวย์ล้วนๆแต่พอจะเดาความหมายได้ครับ


_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/

[tuie]

จัดการเรื่องตั๋วรถไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินแบกเป้ลากกระเป๋าใบใหญ่ไปยังโรงแรมที่จองไว้ละครับ ค่าห้องพักที่ออสโลออกจะแพงมากขนาดโรงแรมสามดาวยังตกคืนละประมาณ ๕,๐๐๐ บาท โรงแรมสี่-ห้าดาวบางแห่งราคาพุ่งไปถึงหลักหมื่นบาทต่อคืน คนเบี้ยน้อยหอยบ่มีเยี่ยงผมจึงต้องเจียมเนื้อเจียมตัวลดระดับความพึงใจลงมาพักแค่โรงแรมสามดาวก็พอ



กว่าจะถึงห้องพักอันแสนสบายของผมก็มีเรื่องหน้าแตกเล็กน้อย กล่าวคือ โรงแรมที่ผมจองไว้มีทั้งตึกที่เป็น “โฮสเทล” และตึกที่เป็น “โฮเทล” ระดับสามดาวแต่ใช้ชื่อเดียวกัน ตอนเดินมาจากสถานีพอเห็นชื่อที่พักตรงกับที่จองไว้ผมก็เลี้ยวเข้าไปทันที เอ...ทำไมแถวรอเช็คอินมันยาวนัก พอลูกค้ากรอกเอกสารเช็คอินเสร็จเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ก็แจกปลอกหมอน ผ้าห่มฯลฯให้ลูกค้าแบกขึ้นไปยังห้องพักเอง ...นี่มันโรงแรมอะไรกันไม่เคยพบเคยเห็น จนกระทั่งถึงคิวผมนั่นแหละครับพอเจ้าหน้าที่ดูเอกสารการจองห้องพักของผมแล้วถึงผายมือชี้ให้ไปเช็คอินอีกตึกหนึ่งซึ่งเป็น “โฮเทล” ส่วนตึกนี้เป็น “โฮสเทล” น่ะครับ



พอเข้าห้องพักปลดภาระอันหนักอึ้ง(กระเป๋าใบใหญ่)เรียบร้อยแล้วก็เปิดหน้าต่างชมวิวละครับ โรงแรมที่ผมพักอยู่ห่างจากเขตเมืองเก่าประมาณ ๑ ก.ม. เลยไม่ค่อยจะมีอาคารบ้านเรือนโบราณให้เห็น แต่สังเกตได้ว่าพื้นที่กรุงออสโลนี้อยู่บนเนินเขาสูงๆต่ำๆ และฟยอร์ด


_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/

[tuie]

ถึงจะไม่มีรถไฟให้เสพสมชมแต่ก็มีรถรางแล่นผ่านหน้าโรงแรมให้ชมแก้ขัดไปก่อนครับ



ออกไปเดินเล่นชมกรุงออสโลยามเย็นกันดีกว่า เริ่มจากอาคารสถานีออสโลหลังเก่าซึ่งปัจจุบันใช้พื้นที่ภายในอาคารเป็นห้างสรรพสินค้าย่อยๆไปแล้วครับ



อาคารสถานีออสโลหลังใหม่ก็อยู่ถัดจากอาคารเก่าไปทางซ้าย ด้านหน้าอาคารมีลานกว้างและหอนาฬิกาติดตราสัญลักษณ์ NSB-การรถไฟนอร์เวย์


_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/

[headtrack]

[tuie]

^
เห็นมีแต่ที่สวีเดนนี่แหละครับที่มี "คานเตือน" ตรงทางตัดเสมอระดับ ประเทศอื่นๆที่ใช้ระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าเหนือทางรถไฟไม่เห็นมี "คานเตือน" ติดตั้งไว้แบบนี้เลยครับ

------------------------------------------------------------------------

มองต่อจากหอนาฬิกาในภาพที่แล้วไปทางขวาเป็นอาคารสถานีออสโลหลังใหม่ ลานด้านหน้าสถานียกระดับสูงขึ้นไปจากพื้นดินประมาณหนึ่งชั้นครับ



เดินขึ้นบันไดไปยังลานด้านหน้าอาคารสถานีออสโลหลังใหม่ เห็นป้ายชื่อสถานีเป็นภาษานอร์เวย์ Oslo Sentralstasjon อยู่เหนือประตูทางเข้าหลัก



ด้านในอาคารสถานีบริเวณทางเข้าด้านหน้าก็เป็นร้านค้า ได้บรรยากาศห้างสรรพสินค้ามากกว่าสถานีรถไฟแบบเดิมๆครับ



เมื่อก่อนประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ได้แก่ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ไม่ค่อยจะมีปัญหาเรื่องอาชญากรรมสักเท่าไรเนื่องจากสวัสดิการสังคมบ้านเขาดีมาก ถึงตกงานรัฐก็จ่ายเงินค่าครองชีพให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี แต่ตอนหลังๆมานี่มีผู้อพยพ ผู้ลักลอบเข้าเมืองเข้ามาอาศัยอยู่เยอะ บางส่วนก็หน้าตาเป็นฝรั่งเพราะมาจากยุโรปตะวันออก หรือแถบละตินอเมริกา “ฝรั่งแสบ” พวกนี้แหละครับที่มักจะสร้างปัญหาอาชญากรรม นักท่องเที่ยวอย่างเราๆบางทีก็ดูไม่ออกว่าฝรั่งคนไหนเป็นชาวสแกนดิเนเวี่ยน คนไหนเป็น “ฝรั่งแสบ” ก็คงคล้ายๆกับฝรั่งที่แยกแยะคนเอเชียไม่ค่อยว่าเป็นคนชาติไหนระหว่าง ไทย-จีน-ญี่ปุ่น นะครับ

เคยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวออสโลเจอฝรั่งแต่งตัวดีมาทักทาย ขอจับมือและพูดคุยด้วยก็นึกว่าไม่มีอะไร คนไทยใจดียิ้มแย้มมีอัธยาศัยอยู่แล้ว ก็ยอมพูดคุยยอมให้จับมือซ้าย-ขวาเขย่าไปมาอยู่นานจนครบสองมือสักพักหนึ่ง พอแยกจากกันไปปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงหายไปซะแล้ว เพราะฝรั่งที่มาทักทายนั้นเป็นหนึ่งในทีมงานของ “ฝรั่งแสบ” ระหว่างที่มันขอจับมือเขย่าอยู่นานสัก ๓-๕ วินาที ทีมงานของมันอีกคนหนึ่งก็ย่องเข้ามาล้วงกระเป๋าไปได้อย่างรวดเร็วและแนบเนียน

สรุปว่าถ้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อฝรั่งแสบเราอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าไม่ว่าจะผิวสีใดแต่งตัวดีหรือไม่ แม้แต่จะจับมือทักทายยังมีภัยแฝงมาได้เลยครับ
_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/

[black_express]

อ.ตุ้ยมาไกลถึงออสโล ย่อมขลุกขลักบ้างเป็นธรรมดาล่ะครับ

[Mongwin]

คิดถึงวง M2M ครับ

[tuie]

^^
^
ไปเที่ยวแต่ละทริปก็มีเรื่องราวประทับใจต่างกันไปครับพี่ตึ๋ง

^
อาจารย์เอกเป็นแฟนเพลงวง M2M ด้วยหรือครับ

-------------------------------------------------------------------------------

สถานีออสโลอยู่ติดกับย่านเมืองเก่า แค่ข้ามถนนหน้าสถานีมาก็พบถนนคนเดิน Karl Johans gate ทอดยาวจากหน้าสถานีไปสู่พระราชวัง Det Kongelige Slott



มองไปตามถนน Karl Johans gate เห็นพระราชวัง Det Kongelige Slott อยู่ลิบๆสุดปลายถนนครับ



ถนนสายนี้มีร้านค้าและสถานที่สำคัญอยู่หลายแห่ง เลี้ยวซ้ายไป “ผ่านชม” โรงโอเปร่าสักหน่อยครับ


_________________
นสน.าย./อ.ตุ้ย/อ.หลวงอัคคีเทพอาณัติ/
http//:www.facebook.com/VISIT-RAILWAY-MUSEUMS-1521959098131925/