อนาคตระบบรถไฟฟ้า กทม. คาด ผู้ว่าฯ เลือก Mono Rail

Mongwin · Posted: 18/02/2022 6:05 am Post subject:

สผ.ไฟเขียว EHIA รันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา คาดเร่ง TOR เปิดประมูลก่อสร้างใน มี.ค.นี้
เผยแพร่: 17 ก.พ. 2565 18:18 ปรับปรุง: 17 ก.พ. 2565 18:18 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กก.วล.ไฟเขียว EHIA รันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา เดินหน้าเสนอ ครม.เห็นชอบ เผยออกแบบรันเวย์เสร็จแล้ว คาดร่าง TOR เสร็จ เตรียมเปิดประมูลได้ใน มี.ค.นี้ เดินหน้าก่อสร้างเมืองการบิน

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 17 ก.พ. 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 1/65 ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยได้ให้ความเห็นชอบ 4 โครงการ ประกอบด้วย

โครงการรถไฟฟ้ารางเดียวสายสีเทา ระยะที่ 1 วัชรพล-ทองหล่อ,
โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลวัตต์ ตาก 2-แม่สอด,
โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ และ
โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

Wisarut · Posted: 24/02/2022 12:25 am Post subject:

Mongwin · Posted: 03/03/2022 7:58 am Post subject:

กทม. - สัมมนาหาผู้ลงทุน‘โมโนเรล’สีเทา
ข่าวสด 3 มี.ค. 2565 07:39 น.

ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 2 มี.ค. รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร แจ้งความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) สายสีเทา วัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16.3 กิโลเมตรว่า สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เตรียมจัดสัมมนาทดสอบความสนใจของภาคเอกชนในการลงทุน วันที่ 17 มี.ค. หลังคณะกรรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานมีมติเห็นชอบรายงานการประเมิน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว

รายงานข่าวระบุว่า หลังจากเปิดรับฟังความคิดเห็น ภาคเอกชนแล้ว กทม.จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นจากนักลงทุนทั้งหมดเสนอต่อผู้ว่าฯ กทม. กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (บอร์ด PPP) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบตามลำดับภายในปี 2565 หรือต้นปี 2566 จากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนร่วมทุนในปี 2567-2568 โดยใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดเปิดให้บริการในปี 2573

ตามแผนโครงการแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงที่ 1 ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16.3 ก.ม.จำนวน 15 สถานี เป็นโครงการนำร่อง วงเงินลงทุน 2.75 หมื่นล้านบาท จะใช้รูปแบบรถไฟฟ้าโมโนเรล โดยมีจุดเริ่มต้นที่ จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่สถานีวัชรพล จากนั้นมุ่งลงใต้ตามแนวถนนประดิษฐ์มนูธรรม ผ่านซอยนวลจันทร์ ข้ามสะพานเกษตรนวมินทร์ เชื่อมต่อ กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สถานีลาดพร้าว 83 เชื่อมต่อ กับรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้มที่สถานีวัดพระราม 9 จากนั้นข้ามเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน ช่วง Missing Link บางซื่อ-หัวหมาก เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) สิ้นสุดเส้นทางช่วงแรกที่สถานีทองหล่อ จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท

สำหรับระยะที่ 2 ช่วงพระโขนง-ลุมพินี ระยะทาง 12.2 ก.ม.จำนวน 16 สถานี และระยะที่ 3 ช่วงลุมพินี-ท่าพระ ระยะทาง 11.5 ก.ม.จำนวน 9 สถานี ล่าสุดกทม.มีแผนจะก่อสร้างระยะที่ 2 และระยะที่ 3 รวมกัน เพื่อไม่ให้การก่อสร้างบางช่วงมีปัญหาติดขัด ซึ่งกทม.จะของบประมาณปี 2566 วงเงินกว่า 40 ล้านบาท เพื่อจ้างที่ปรึกษาจัดทำโครงการศึกษาและวิเคราะห์ว่าจะใช้รูปแบบการก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้าโมโนเรล, รถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) หรือรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะเออาร์ที

Wisarut · Posted: 04/03/2022 1:51 am Post subject:

Mongwin · Posted: 16/03/2022 7:00 am Post subject:

17มี.ค.เปิดเวทีร่วมทุนรถไฟฟ้าสีเทา
Source - เดลินิวส์
Wednesday, March 16, 2022 04:30

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 17 มี.ค. นี้ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดการประชุมสัมมนา และการทดสอบความสนใจของภาคเอกชนในการลงทุน (Market Sounding Seminar) โครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) สายสีเทา ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค เขตราชเทวี กรุงเทพฯ มีนายชาตรี วัฒนขจร รองปลัด กทม. เป็นประธาน โดยนำเสนอข้อมูลโครงการ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านวิศวกรรม 2.ด้านสิ่งแวดล้อม และ 3.ด้านการวางแผนวิเคราะห์การร่วมทุนภาครัฐและเอกชน พร้อมเปิดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะโครงการฯ ด้วย

สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว สายสีเทา เป็นรถไฟฟ้าสายที่ 3 ที่ดำเนินการโดย กทม. หลังจากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทองเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางไปแล้ว โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา ได้ศึกษาความเหมาะสม จัดทำแบบเบื้องต้น และจัดเตรียมเอกสาร พร้อมทั้งศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไว้ตั้งแต่ปี 58 อยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษาให้เป็นปัจจุบัน และมีแผนพัฒนาโครงการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP)

เบื้องต้นแบ่งแนวเส้นทางเป็น 3 ระยะ รวมระยะทาง 40 กิโลเมตร (กม.) ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ช่วงวัชรพล-ทองหล่อระยะทาง 16.3 กม. 15 สถานี,
ระยะที่ 2 ช่วงพระโขนง-พระราม 3 ระยะทาง 12.2 กม. 16 สถานี และ
ระยะที่ 3 ช่วงพระราม 3-ท่าพระ ระยะทาง 11.5 กม. 9 สถานี
โดยผลการศึกษาเสนอให้ดำเนินการระยะที่ 1 ช่วงวัชรพล-ทองหล่อเป็นโครงการนำร่องก่อน วงเงินลงทุนเบื้องต้น 2.75 หมื่นล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ที่ปรึกษามีระยะเวลาทบทวนผลศึกษา 200 วัน คาดว่าจะจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา ระยะที่ 1 ช่วง วัชรพล-ทองหล่อ แล้วเสร็จปี 65 เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ปี 66 จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนร่วมทุน ในปี 67-68 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี (ปี 69-72) และเปิดให้บริการปี 73 จะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ เข้าสู่ใจกลางเมืองให้ประชาชนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 16 มี.ค. 2565

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/515316993378873

Wisarut · Posted: 17/03/2022 6:14 pm Post subject:

Mongwin · Posted: 08/04/2022 6:21 am Post subject:

ปิดจ๊อบศึกษารถไฟฟ้าบางนา-สุวรรณภูมิ
Source - เดลินิวส์
Friday, April 08, 2022 04:31

LRT 1.3 แสนล้านชงครม.ปีหน้า ลุยเฟสแรก'แยกบางนา-ธนาซิตี้'

รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 8 เม.ย. นี้ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดการประชุมสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการงานจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาและวิเคราะห์โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit : LRT) สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ โดยมีนายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัด กทม. เป็นประธาน เพื่อนำเสนอข้อมูลโครงการ รายละเอียดผลการศึกษาโครงการ ข้อมูลด้านเศรษฐศาสตร์การเงินการลงทุน และด้านการวางแผนวิเคราะห์การร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) พร้อมเปิดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะด้วย

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า โครงการระบบรถไฟฟ้ารางคู่ ขนาดเบา สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีระยะทาง 19.7 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุนประมาณ 1.3 แสนล้านบาท มี 14 สถานี เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดสมุทรปราการ แบ่งดำเนินงานเป็น 2 ระยะ (เฟส) ประกอบด้วย เฟสที่ 1 จากแยกบางนา-ธนาซิตี้ 12 สถานี ระยะทาง 14.6 กม. และเฟสที่ 2 ธนาซิตี้-สุวรรณภูมิใต้ 2 สถานี ระยะทาง 5.1 กม. โดยเป็นยกระดับทั้งหมด คาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติโครงการฯ ได้ภายในปี 66 จากนั้นจะเปิดประมูลประมาณปี 67 ได้ผู้รับจ้างปี 68 ก่อสร้าง 4 ปี (ปี 68-71) เปิดบริการเฟสที่ 1 ปี 72

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับรูปแบบการพัฒนาโครงการ เป็นรถไฟฟ้ารางเบา ขนาดราง 1.435 เมตร มีระบบควบคุมการเดินรถอัตโนมัติ ความเร็ว 80 กม./ชั่วโมง (ชม.) ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 1 ชม., 1 ขบวนสูงสุด มี 4 ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ 1.5-3 หมื่นคน/ชม. คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการในปี 72 จะมีประชาชนใช้บริการ 5.61 หมื่นคน-เที่ยว/วัน และปี 76 จะเพิ่มสูงขึ้นราว 1.13 แสนคน-เที่ยว/วัน และในปี 78 หากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านทิศใต้ จะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 1.38 แสนคน-เที่ยว/วัน ทั้งนี้คาดการณ์ตลอด 50 ปี จะมีรายได้จากผู้โดยสารประมาณ 3.76 แสนล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในส่วนอัตราค่าโดยสารนั้น จะคิดตามระยะทางเหมือนรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ โดยค่าแรกเข้าอยู่ที่ 14.5 บาท และคิดตามระยะทาง 2.4 บาทต่อกม. เก็บค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 42 บาท สำหรับอัตราดังกล่าวเป็นราคาที่คิดในปัจจุบัน แต่เนื่องจากรถไฟฟ้าเปิดให้บริการปี 72 ค่าโดยสารจึงเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ 2.5% โดยค่าแรกเข้าอยู่ที่ 17.5 บาท และค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 45-48 บาท รถไฟฟ้า LRT จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่สถานีบางนาและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงพัฒนาการ-สำโรง ที่สถานีศรีเอี่ยม และเชื่อมเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่สถานีสุวรรณภูมิใต้.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 8 เม.ย. 2565

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/529631211947451

Wisarut · Posted: 08/04/2022 2:29 pm Post subject:

Wisarut · Posted: 08/04/2022 6:55 pm Post subject:

กทม. เร่งสรุปผลรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบาสายบางนา-สุวรรณภูมิ เชื่อมต่อการเดินทางย่านบางนา-ตราด คาดจะเปิดให้บริการปี 2572
(จิรัฐคม...สปส.รายงาน)
วันศุกร์ ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565

(8 เม.ย.65) เวลา 09.00 น. นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาสรุปผลการศึกษาโครงการงานจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit) สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษาข้อมูลโครงการด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ การเงิน การลงทุน และด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรูปแบบความเหมาะสมด้านการลงทุนโครงการ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปประกอบการศึกษาและจัดทำโครงการ ให้มีความเหมาะสม ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ โดยมี นายประภาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการสัมมนา ณ ห้องเมย์แฟร์ บอลรูม เอ ชั้น 11 โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ

การสัมมนาในครั้งนี้ ที่ปรึกษาฯ ได้นำเสนอผลสรุปการศึกษาข้อมูลโครงการ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ โครงการระบบรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทั้งหมด 14 สถานี เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 จากแยกบางนา-ธนาซิตี้ จำนวน 12 สถานี ได้แก่ สถานีบางนา สถานีประภามนตรี สถานีบางนา-ตราด 17 สถานีบางนา-ตราด 25 สถานีวัดศรีเอี่ยม สถานีเปรมฤทัย สถานีบางนา-ตราด กม.6 สถานีบางแก้ว สถานีกาญจนาภิเษก สถานีวัดสลุด สถานีกิ่งแก้ว และสถานีธนาชิตี้ ระยะทาง 14.6 กิโลเมตร และระยะที่ 2 จากธนาชิตี้-สุวรรณภูมิใต้ จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีมหาวิทยาลัยเกริก และสถานีสุวรรณภูมิใต้ ระยะทาง 5.1 กิโลเมตร โดยโครงการแบ่งรูปแบบของสถานีไว้ 3 รูปแบบ ดังนี้ ประเภท A สถานียกระดับที่รองรับด้วยเสาเดี่ยว มีจำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีประภามนตรี สถานีบางนา-ตราด 17 สถานีวัดศรีเอี่ยม สถานีเปรมฤทัย สถานีบางนา-ตราด 6 สถานีบางแก้ว สถานีวัดสลุด สถานีกิ่งแก้ว สถานีมหาวิทยาลัยเกริก สถานีสุวรรณภูมิใต้ ประเภท B สถานียกระดับที่รองรับด้วยเสาคู่ จะก่อสร้างในกรณีที่ไม่สามารถวางตำแหน่งเสาเดี่ยวได้ โครงการจำเป็นต้องออกแบบสถานีให้รองรับด้วยโครงสร้างเสาคู่ มีจำนวน 3 สถานี ได้แก่ สถานีบางนา-ตราด 25 สถานีกาญจนาภิเษก สถานีธนาชิตี้ ประเภท C สถานีระดับดิน จะออกแบบตามข้อจำกัดด้านกายภาพของพื้นที่ โดยชั้นจำหน่ายตั๋วอยู่ระดับดิน สามารถเดินเชื่อมกับสถานีบางนาของโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ด้วยสะพานลอยยกระดับ (Skywalk) มีจำนวน 1 สถานี ได้แก่ สถานีบางนา

สำหรับรูปแบบของการพัฒนาโครงการ เป็นรถไฟฟ้ารางเบา ขนาดราง 1.435 เมตร มีระบบควบคุมการเดินรถอัตโนมัติ ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางไป-กลับ 1 ชั่วโมง สามารถรองรับผู้โดยสารประมาณ 15,000 - 30,000 คน/ชั่วโมง ส่วนอัตราค่าโดยสาร กำหนดให้ค่าโดยสารในปีเปิดให้บริการ (ปี 2572) มีอัตราแรกเข้า 14.4 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทาง คือ 2.6 บาท ต่อกิโลเมตร โดยมีเพดานค่าโดยสารสูงสุด 45.6 บาท โดยจากการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการในปี 2572 ประมาณ 82,695 คน-เที่ยว/วัน และปี 2576 จะเพิ่มสูงขึ้นราว 138,744 คน-เที่ยว/วัน และในปี 2578 กรณี AOT เปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านทิศใต้ จะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 165,363 คน-เที่ยว/วัน

ทั้งนี้ โครงการได้ดำเนินการวิเคราะห์และศึกษารูปแบบการร่วมลงทุนและเอกชนที่เหมาะสมในการดำเนินงานโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินงาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1.PPP Net Cost ในช่วงลงทุนก่อสร้าง รัฐจะเป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้เอกชนก่อสร้างงานโยธาของโครงการทั้งหมด โดยเอกชนเป็นผู้ซื้อรถไฟและก่อสร้างงานระบบ ส่วนช่วงดำเนินการและบำรุงรักษาเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ และการลงทุนอื่นๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับโครงการ โดยรัฐให้สิทธิ์แก่เอกชนเป็นผู้รับรายได้และเอกชนจ่ายค่าสัมปทานหรือส่วนแบ่งของรายได้แก่รัฐ 2.PPP Gross Cost ในช่วงลงทุนก่อสร้าง รัฐจะเป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้เอกชนก่อสร้างงานโยธาของโครงการทั้งหมด โดยเอกชนเป็นผู้ซื้อรถไฟและก่อสร้างงานระบบ ส่วนช่วงดำเนินการและบำรุงรักษา เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ และการลงทุนอื่นที่จำเป็น ส่วนรัฐเป็นผู้รับรายได้ผ่านเอกชนและเป็นผู้กำหนดจ่ายผลประโยชน์แก่เอกชนในรูปแบบค่าจ้าง ตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุน 3.PPP Modified Gross Cost ในช่วงลงทุนก่อสร้าง รัฐจะเป็นผู้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อให้เอกชนก่อสร้างงานโยธาของโครงการทั้งหมด เอกชนเป็นผู้ซื้อรถไฟและก่อสร้างงานระบบ ส่วนช่วงดำเนินงานและบำรุงรักษา เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ และการลงทุนอื่นที่จำเป็น รัฐเป็นผู้รับรายได้ผ่านเอกชนและกำหนดจ่ายผลประโยชน์แก่เอกชนในรูปแบบค่าจ้าง ตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาณร่วมลงทุนและได้รับผลตอบแทนพิเศษเพื่อเติมภายใต้กลไกการแบ่งผลประโยชน์เพิ่มเติมที่ได้ตกลงกัน

ภายหลังการสัมมนาครั้งนี้ กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการจัดส่งรายงานสรุปผลการศึกษาและรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมของโครงการนี้ เพื่อนำเสนอกระทรวงมหาดไทยพิจารณาและให้ความเห็นชอบ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติโครงการต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ส่วนขั้นตอนการจัดทำเอกสารร่วมลงทุนและคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1.5 ปี จากนั้นขั้นตอนการก่อสร้างและทดสอบระบบใช้เวลาประมาณ 4 ปี ระหว่าง ปี 2568-2571 โดยคาดว่าโครงการจะสามารถเปิดให้บริการในระยะที่ 1 ได้ในปี 2572

-----

Mongwin · Posted: 09/04/2022 7:24 am Post subject:

งานจ้างที่ปรึกษาวิเคราะห์โครงการระบบรถไฟรางคู่ขนาดเบาสาย บางนา–ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ l 7 เม.ย. 65
Apr 8, 2022
Daoreuk Channel

วีดิทัศน์สรุปผลการศึกษา งานจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์
โครงการระบบรถไฟรางคู่ขนาดเบา (Light Rail Transit) สายบางนา – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562

วันที่ 7 เมษายน 2565

โดย สำนักการจราจรและขนส่ง

https://www.youtube.com/watch?v=IQXjjv3mzYk