View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 13/02/2015 7:40 pm Post subject: |
|
|
โครงการทวาย ยังไม่มีคำตอบจากญี่ปุ่น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
13 กุมภาพันธ์ 2558 19:20 น.
ก่อนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตตี จะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ มีความคาดหวังกันว่า การเดินทางไปครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนนสำคัญของโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่หยุดชะงักมานานกว่า 4 ปีแล้ว
จุดเปลี่ยนที่ว่านี้ก็คือ คำมั่นสัญญาจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่า จะเป็นผู้ลงทุนหลักในโครงการทวายนี้
โครงการทวายมีขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนสูงมาก เกินกำลังของบริษัทอิตาเลียน ไทย หรือ ไอทีดี ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาลพม่า ให้เป็นผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งมีพื้นที่ถึง 2 แสนไร่ หรือแม้แต่รัฐบาลไทย จำเป็นต้องชักชวนต่างชาติเป็นผู้ร่วมลงทุนด้วย
ต่างชาติที่ว่านี้ก็คือ ญี่ปุ่น แต่ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นแสดงท่าทีชัดเจนว่า ไม่สนใจที่จะลงทุนในโครงการทวาย เพราะญี่ปุ่นกำลังพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ติละวา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น และมีขนาดเล็กกว่า โครงการทวายถึง 10 เท่า โดยตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาดำเนินโครงการ มีฝ่ายพม่าถือหุ้นใหญ่ 51 % ฝ่ายญี่ปุ่นถือหุ้นโดยเอกชนคือ บริษัทมิตซูบิชิ มารูเบนี และสุมิโตโม
ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำพม่า ของญี่ปุ่นบอกว่า ญี่ปุ่นจะรอให้การพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดในปี 2558 เสียก่อน หลังจากนั้น จึงค่อยพิจารณาว่า จะลงทุนในโครงการทวายหรือไม่อย่างไร
นั่นคือ การปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
รัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่าลงนามในเอ็มโอยู ข้อตกลงร่วมมือในการพัฒนาโครงการนี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ซึ่งเรียกกันว่า เอ็มโอยู 51 รัฐบาลไทยจะสนับสนุนการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรมและเส้นทางคมนาคม ได้แก่ ถนน รถไฟ สายส่งไฟฟ้า ท่อก๊าซและท่อน้ำมัน เชื่อมต่อระหว่างเมืองทวายกับชายแดนไทย-พม่าที่บ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลพม่า ให้เป็นผู้พัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรม และเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับสหภาพพม่า โดย ไอทีดี ลงนามร่วมกับการท่าเรือพม่า ในฐานะคู่สัญญา เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553
หลังจากนั้นอีก 2 เดือน รัฐบาลพม่าได้ออกฎหมายกำหนดให้ท่าเรือทวาย และนิคมอุตสาหกรรมเป็นพื้นที่พิเศษหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุน ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ ภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายนี้
ภายใต้ข้อตกลงระหว่าง ไอทีดี กับการท่าเรือพม่า ไอทีดี จะได้สิทธิในการบริหารจัดการโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย บนพื้นที่ประมาณ 2 แสนไร่ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสหภาพพม่า ห่างจากเมืองทวาย ประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในมาบตาพุดถึง 10 เท่า เป็นเวลา 75 ปี ประกอบด้วย โครงการหลักๆ 4 โครงการ คือ
1. ท่าเรือน้ำลึก
2.นิคมอุตสาหกรรม
3. เส้นทางการคมนาคม ได้แก่ ถนน ทางรถไฟ และท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เชื่อมระหว่างเมืองทวาย สหภาพพม่า กับประเทศไทยที่บ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี และ
4.ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า ศูนย์การท่องเที่ยว รีสอร์ท และศูนย์พักผ่อน
เวลาผ่านไปหลายปี โครงการทวายไม่สามารถแจ้งเกิดได้เสียที จนรัฐบาลพม่าตัดสินใจลดขนาดโครงการลง เหลือเพียง 30,000 ไร่ แต่จนแล้วจนรอด โครงการทวายก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
เดือนตุลาคมปีที่แล้ว พลเอกประยุทธ์ ไปเยือนพม่า หัวข้อหนึ่งในการเจรจาคือ โครงการทวาย แต่ก็ไม่ปรากฏความคืบหน้า หรือผลการเจรจาแต่อย่างใด
การไปเยือนญี่ปุ่นเที่ยวนี้ สิ่งที่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาคือ บันทึกแสดงเจตจำนง (เอ็มโอไอ) ความร่วมมือในการพัฒนาระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมไทยญี่ปุ่น และ บันทึกความร่วมมือ ในการส่งเสริมการทำธุรกิจและการลงทุนของไทยในญี่ปุ่น เพื่อผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้มีความมั่นคงยั่งยืน ซึ่งเป็นหลักการกว้างๆ ว่าจะร่วมมือกันในเรื่องอะไรบ้าง
โครงการทวาย ถูกยกเป็นตัวอย่าง ในเรื่องบันทึกความร่วมมือ ในการส่งเสริมการทำธุรกิจและการลงทุนของไทยในญี่ปุ่น ในขณะที่ ความร่วมมือเรื่องระบบราง ทางรถไฟจากสระแก้ว ไปบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเชื่อมต่อกับทวาย เป็นเพียง ตัวเลือก 1 ใน 3 เส้นทางที่ญี่ปุ่นยังไม่ตัดสินใจว่า จะลงทุนในเส้นทางไหน
สรุปแล้ว หลังการเยือนญี่ปุ่นของ พลเอกประยุทธ์ ท่าทีของญี่ปุ่นต่อโครงการทวาย ยังเหมือนเดิมคือ Wait and see . |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 17/04/2015 11:56 am Post subject: |
|
|
นี่ครับทางเลือก 5 สาย สำหรับทางรถไฟจากบ้านพุน้ำร้อนไป ท่าเรือแหลมฉบัง
5 Choices for the routes from Ban Phu Namron checkpoint to Laem Chabang Deep Sea Port - which one is the best deal?
1. following the existing route with the exception for the section Ban Phu Namron checkpoint to Ban Kao station (upgraded from stop) and the section from Na Karn station (upgraded from stop) to Tha Muang Container yard which is to be upgraded to be full fledged station to avoid sensitive area in downtown Kanchanaburi before following the existing route to Laem Chabang
2. Following from Ban Phu Namron checkpoint to Ban Kao station (upgraded from stop) and then following Namtok Line all the way to Na Karn station (upgraded from stop) before going through the new line to Tha Muang Container yard (station upgraded from stop) before following Namtok line Thanon Songphon (Ban Pong 2) stop and then turning left to follow Suphanburi line all the way to Nong Fak station (upgraded from stop - near the garbage mountain of Nong Fak) and then following the new line eastward to Klong Phutsa station of the Northern line and then following the new line to meet Klong 19 bypass at Ongkharak station before following Klong 19 Bypass and Aranyaprathet line to Chachoengsao and then following Sattahip line to Sriracha and Laem Chabang branch line to Laem Chabang
3. Following from Ban Phu Namron checkpoint to Ban Kao station (upgraded from stop) and then following Namtok Line all the way to Na Karn station (upgraded from stop) before going through the new line to Tha Muang Container yard (station upgraded from stop) before following Namtok line Thanon Songphon (Ban Pong 2) stop and then turning left to follow Suphanburi line all the way to Nong Phak Chee station (upgraded from stop) and then following the new line eastward to Ban Map Prachan station of the Northern line to Ban Phachi before following the Khorat line to Kaeng Khoi and following Klong 19 bypass along with Aranyaprathet line to Chachoengsao and then following Sattahip line to Sriracha and Laem Chabang branch line to Laem Chabang
4. Following from Ban Phu Namron checkpoint to Ban Kao station (upgraded from stop) and then following Namtok Line all the way to Na Karn station (upgraded from stop) before going through the new line to Tha Muang Container yard (station upgraded from stop) before following Namtok line To Nong Pladuk Junction and following the existing Southern line to Tha Chalaeb before following the new line to meet with Mahachai line at Phrom Daen station (upgraded from stop) before following the new line to pass the mount of Sanphasamit canal before going across Chao Phraya river before following the new line to Bang Pakong and reaching Sattahip line at Phan Thong station to Sriracha and Laem Chabang branch line to Laem Chabang
5. Following from Ban Phu Namron checkpoint to Ban Kao station (upgraded from stop) and then following Namtok Line all the way to Na Karn station (upgraded from stop) before going through the new line to Tha Muang Container yard (station upgraded from stop) before following Namtok line To Nong Pladuk Junction and following the existing Southern line to Nakhon Chaisri before going up north to Sai Noy district of Nonthaburi and then meet the second choice at Wat Lad Pathum to go all the way eastward to Klong Phutsa station of the Northern line and then following the new line to meet Klong 19 bypass at Ongkharak station before following Klong 19 Bypass and Aranyaprathet line to Chachoengsao and then following Sattahip line to Sriracha and Laem Chabang branch line to Laem Chabang
https://www.facebook.com/Homebuyersfanpage/photos/pcb.633093136824869/633092846824898/?type=1&theater |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 17/04/2015 7:55 pm Post subject: |
|
|
ดึงญี่ปุ่นร่วมเอสพีวีทวาย - ไอทีดียันได้เงินคืน 6 พันล้าน
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 -
คอลัมน์ : ข่าวหน้า1
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 14 เมษายน 2015 เวลา 15:07 น.
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,044 วันที่ 16 - 18 เมษายน พ.ศ. 2558
"อาคม" บินญี่ปุ่นจ่อเซ็นเอ็มโอยูดึงร่วม"เอสพีวี"ทวายเดือนกรกฎาคมนี้ เผยจะเป็นการร่วมทุน 3 ประเทศไทย-เมียนมาร์และญี่ปุ่น สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนและเดินหน้าทำมาสเตอร์แพลน ด้าน "เปรมชัย"เผยการเจรจาได้พื้นที่เพิ่มเป็น 45 ตร.กม. แลกจ่ายอัตราดอกเบี้ย 7 % ส่วนเงินดิวดิลิเจนซ์ 6 พันล้านยันได้คืน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในราวเดือนกรกฎาคมนี้ตนจะเดินทางไปร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กับตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นในการร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายประเทศ เมียนมาร์ โดยญี่ปุ่นจะเข้าถือหุ้นในบริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลล็อปเม้นต์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (เอสพีวี) ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการโครงการ
"เดิมบริษัทนี้มีผู้ถือหุ้น 2 ประเทศระหว่างไทยและเมียนมาร์เมื่อญี่ปุ่นเข้าร่วมด้วยก็จะเป็นการร่วมทุนระหว่าง 3 ประเทศ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้นเมื่อญี่ปุ่นเข้าร่วม ส่วนรายละเอียดของจำนวนเงินลงทุนนั้นจะมีการหารือกันอีกครั้งกับฝ่ายเมียนมาร์ ซึ่งเบื้องต้นน่าจะเป็นการเฉลี่ยเป็น 3 ส่วน" นายอาคมกล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ทวาย เอสอีแซดฯ มีทุนจดทะเบียน 12 ล้านบาท เบื้องต้นเป็นการร่วมทุนระหว่างฝ่ายไทยกับเมียนมาร์ ฝ่ายละ 50 : 50 % เพื่อเดินหน้าโครงการซึ่งคืบหน้าถึงขั้นการเปิดประมูลโครงการลงทุนระยะเริ่มแรกหรืออินิเชียสเฟส
อย่างไรก็ดีสำหรับความคืบหน้าของการปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้รัฐบาลเมียนมาร์ใช้ลงทุนสร้างถนนจากทวายถึงบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรีนั้น "ขณะนี้ยังไม่ได้นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังอยู่ขั้นตอนการทำรายละเอียด ซึ่งได้ตั้งวงเงินงบประมาณปล่อยกู้ไว้ 4.5 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก" รมช.คมนาคมกล่าวในที่สุด
ทางด้านนายเปรมชัย กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน)หรือ ไอทีดี ชี้แจงในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเร็วๆ นี้ว่า คาดจะเซ็นสัญญาสัมปทานโครงการลงทุนระยะเริ่มแรกกับ คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เมียนมาร์ในเร็ว ๆ นี้ และล่าสุดได้มีการเจรจาเพิ่มพื้นที่เป็น 45 ตารางกิโลเมตร จากเดิมได้เพียง 27 ตารางกิโลเมตร และขยับเพิ่มมาอีกเป็น 35 ตารางกิโลเมตร และ 45 ตารางกิโลเมตรในที่สุดหรือมีพื้นที่ 2.4 หมื่นไร่ โดยจะแบ่งที่ดิน 25 % ใช้สำหรับการพัฒานาพื้นที่ส่วนกลางเหลือขายประมาณ 1.8 หมื่นไร่
"การได้สิทธิ์การใช้ที่ดินเพิ่มดังกล่าว ไอทีดีต้องจ่ายผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ย 7 % ให้กับเมียนมาร์เป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งฝ่ายไทยไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจาก เมียนมาร์เห็นว่า จะประหยัดจากการจ่ายดอกเบี้ยโครงการถนนที่รัฐบาลรับไปดำเนินการแล้ว " นายเปรมชัยกล่าว
ทั้งยังระบุว่าส่วนเงินลงทุนที่ไอทีดี ลงทุนในโครงการทวายไปก่อนหน้านั้นและมีการทำดิวดีลิเจนซ์กันอยู่ซึ่งสรุปตัวเลขเงินลงทุนอยู่ในราว 6 พันล้านบาท ไอทีดีจะได้คืนทั้งหมด โดยเป็นการคิดจากกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ที่เข้าไปลงทุนในโครงการเฟสแรก ทั้งระบุอีกว่า ขณะนี้ได้มีนักลงทุนรายใหญ่สนใจซื้อที่ดินจำนวน 1 หมื่นไร่ เพื่อพัฒนาโครงการแล้วส่วนที่เหลือจะแบ่งขายเป็นขนาดต่าง ๆ อาทิ 300-500 ไร่เป็นต้น ประธานกรรมการ ไอทีดีกล่าว
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวเสริมว่า ล่าสุดท่าทีของรัฐบาลญี่ปุ่นดูให้ความสนใจกับโครงการทวายมาก มีการส่งผู้แทนระดับสูงทั้งจาก กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม(เมติ) องค์การพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (ไจก้า) ได้เข้าหารือกับผู้แทนรัฐบาลไทย แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นสนใจโครงการนี้ ก่อนหน้านั้นแสดงความสนใจแต่ยังสงวนท่าที
ซึ่งหลังจากลงนามร่วมทุนใน เอสพีวีแล้ว ฝ่ายญี่ปุ่นจะส่งตัวแทนเข้าร่วมในการศึกษาแผนแม่บทของโครงการ (มาสเตอร์แพลน) ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี สำหรับการลงทุนเต็มโครงการ ซึ่งญี่ปุ่นคาดหวังแต่ต้นแล้วว่าถ้าจะลงทุนโครงการทวายก็ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบก่อนที่ดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ แหล่งข่าวกล่าว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 22/04/2015 11:03 am Post subject: |
|
|
ญี่ปุ่นโดดร่วมดันนิคมทวายได้ไปต่อ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
22 เมษายน พ.ศ. 2558 06:01
ชง บิ๊กตู่ ผุดนิคมชายแดนเพิ่ม ไอทีดี-โรจนะ ฉลุยลุยพม่า!
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.เตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตอนในเพิ่มเติม จากที่มีแผนอยู่เดิมใน 10 จังหวัดชายแดน โดยจะเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปราจีนบุรี จ.นครราชสีมา โดยอาจจัดทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอุตสาหกรรมไฮเทค เขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการวิจัยและพัฒนา อีกทั้งการจัดทำเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 โดยใช้วิธีการจับคู่ให้เป็นคลัสเตอร์ เช่น จ.มุกดาหารคู่กับ จ.สกลนคร
ส่วนความคืบหน้าของการลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในประเทศพม่า ล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นตกลงเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการในระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการทวายระยะสมบูรณ์ โดยจะเข้าร่วมนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) ร่วมกับไทยและพม่า ที่ปัจจุบันถือหุ้นใน SPV ฝ่ายละ 50% คาดว่าจะมีการลงนาม ในสัญญาความร่วมมือระหว่าง 3 ฝ่ายได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งตนเองจะหารือในรายละเอียดเพิ่ม เติมระหว่างการเดินทางไปญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย.นี้ และจะได้หารือเรื่องอื่นๆ เช่น การ ก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง
นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ รองเลขาธิการ สศช.เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการทวายระยะแรกจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ขนาดเล็ก ได้แก่ พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 27 ตารางกิโลเมตร จากพื้นที่ โครงการทั้งหมด 196 ตารางกิโลเมตร และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งในเดือน พ.ค.นี้ ภาคเอกชนของไทยที่ชนะการประกวดราคาในโครงการพัฒนาทวายในระยะแรก ซึ่งได้แก่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) จะลงนามในสัญญาสัมปทานโครงการทวายระยะแรกกับรัฐบาลพม่า
ส่วนรัฐบาลพม่าจะลงทุนก่อสร้างถนน 2 เลน เชื่อมโยงจากโครงการทวายมายังชายแดน ประเทศไทย บริเวณบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท คาดว่าใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี โดยไทยจะสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่ง สศช.ต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 22/04/2015 12:51 pm Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | นี่ครับทางเลือก 5 สาย สำหรับทางรถไฟจากบ้านพุน้ำร้อนไป ท่าเรือแหลมฉบัง
4. Following from Ban Phu Namron checkpoint to Ban Kao station (upgraded from stop) and then following Namtok Line all the way to Na Karn station (upgraded from stop) before going through the new line to Tha Muang Container yard (station upgraded from stop) before following Namtok line To Nong Pladuk Junction and following the existing Southern line to Tha Chalaeb before following the new line to meet with Mahachai line at Phrom Daen station (upgraded from stop) before following the new line to pass the mount of Sanphasamit canal before going across Chao Phraya river before following the new line to Bang Pakong and reaching Sattahip line at Phan Thong station to Sriracha and Laem Chabang branch line to Laem Chabang
https://www.facebook.com/Homebuyersfanpage/photos/pcb.633093136824869/633092846824898/?type=1&theater |
การรถไฟฯ ทุ่ม9.8หมื่นล้าน ผุดทางสายใหม่322กม. ผ่าน8จังหวัด เชื่อม"แหลมฉบัง-ทวาย"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
22 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 10:51:58 น.
ร.ฟ.ท.ได้ข้อสรุปเส้นทางเชื่อมรถไฟท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเทียบเรือน้ำลึกทวายแล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
22 เมษายน 2558 17:06 น.
นายนันทชัย หวังเลี้ยงกลาง หัวหน้ากองโครงการและแผนงาน การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปเส้นทางโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นที่เรียบร้อยหบังการรถไฟฯได้จ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาความเป็นไปได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม2557 ที่ผ่านมา วงเงิน 40 ล้านบาท จะแล้วเสร็จเดือนเมษายน2558
สำหรับแนวเส้นทาง มีระยะทางรวม 322 กิโลเมตร เริ่มจากสถานีชายแดนบ้านพุน้ำร้อน-สถานีชุมทางหนองปลาดุก-สถานีพานทอง-ท่าเรือแหลมฉบัง พาดผ่านพื้นที่ 8 จังหวัด 15อำเภอ ไดัแก่ อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ไทรโยค อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี,อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี,อ.นครชัยศรี อ.สามพราน จ.นครปฐม,อ.กระทุ่มแบน อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร,เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร,อ.พระสมุทรเจดีย์ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ อ.บางพลี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ,อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทราและอ.พานทอง จ.ชลบุรี
โดยการก่อสร้างมีทั้งบนพื้นที่ตัดใหม่และคู่ขนานไปกับแนวรถไฟเดิมเส้นทางสายใต้และสายตะสันออก ด้านรูปแบบก่อสร้างจะเป็นรถไฟราง 1เมตร ใช้สำหรับการขนส่งสิค้าเป็นหลัก คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 98,000 ล้านบาท
"จาก 5 เส้นทาง ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะมีระยะทางสั้น ลดระยะเวลาการเดินทางและลดต้นทุนการขนส่งเพราะไม่ต้องขนส่งผ่านช่องแคบมะละกา เพราะอนาคตจะต่อเชื่อมกับเส้นทางจากย้านพุน้ำร้อน-ท่าเรือทวาย สอดคล้องนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งเสริมโครงข่ายการท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจชายแดนที่จ.กาญจนบุรีด้วย"
นายนันทชัยกล่าวอีกว่าสำหรับการออกแบบเบื้องต้น เพื่อให้ง่ายต่อการสำรวจพื้นที่ จะแบ่งแนวเส้นทาง 7 ช่วง ประกอบด้วย
1.ช่วงสถานีชายแดนย้านพุน้ำร้อน-สถานีท่ากิเลน ระยะทาง 36 กิโลเมตร
2.สถานีท่ากิเลน-สถานีวังเย็น ระยะทาง 23 กิโลเมตร
3.สถานีวังเย็น-สถานีท่าเรือน้อย ระยะทาง 29 กิโลเมตร
4.สถานีท่าเรือน้อน-สถานีชุมทางหนองปลาดุก ระยะทาง 30 กิโลเมตร
5.สถานีชุมทางหนองปลาดุก-สถานีท่าแฉลบ ระยะทาง 27กิโลเมตร
6.สถานีท่าแฉลบ-บริเวณก่อนถึงสถานีพานทอง ระยะทาง 118.5กิโลเมตร
และ7.สถานีพานทอง-ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทาง 58.5กิโลเมตร |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 27/04/2015 6:05 pm Post subject: |
|
|
รถไฟใหม่ "พุน้ำร้อน-แหลมฉบัง" เวนคืนหมื่นไร่ เปิดหน้าดิน 8 จังหวัด
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
27 เมษายน 2558 2558 เวลา 14:58:07 น.
ตุลาคม 2557 เริ่มต้นศึกษาโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือน้ำลึกทวาย อีกหนึ่งเส้นทางที่ "รัฐบาลประยุทธ์" ให้ความสำคัญ ล่าสุดที่ปรึกษาสรุปแนวเส้นทางให้ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" พิจารณา เพื่อนำไปสู่การออกแบบรายละเอียด ใช้เวลาประมาณ 1 ปี เป็นส่วนหนึ่งของรถไฟแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกด้านล่าง "บ้านพุน้ำร้อน-กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง" ที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจอย่างจริงจังจะพัฒนาร่วมกับรัฐบาลไทย
เคาะแนวเส้นทาง 322 กม.
"นันทชัย หวังเลี้ยงกลาง" หัวหน้ากองโครงการและแผนงาน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จากข้อเสนอ 5 เส้นทางมีข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อย โดยแนวเส้นทางที่เลือก 322 กิโลเมตร
แนวเส้นทางจะพาดผ่านพื้นที่ 8 จังหวัด 15 อำเภอ ไดัแก่
1.จ.กาญจนบุรี อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ไทรโยค อ.ท่าม่วง
2.จ.ราชบุรี อ.บ้านโป่ง
3.จ.นครปฐม อ.นครชัยศรี อ.สามพราน
4.จ.สมุทรสาคร อ.กระทุ่มแบน อ.เมืองสมุทรสาคร
5.กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน
6.จ.สมุทรปราการ อ.พระสมุทรเจดีย์ อ.เมืองสมุทรปราการ อ.บางพลี อ.บางบ่อ
7.จ.ฉะเชิงเทรา อ.บางปะกง 8.จ.ชลบุรี อ.พานทอง
การก่อสร้างมีทั้งพื้นที่ตัดใหม่และคู่ขนานแนวรถไฟเดิมเส้นทางสายใต้-สายตะวันออก ใช้แนวเขตทางก่อสร้างกว้าง 40 เมตร เบื้องต้นมีผู้ถูกเวนคืน เป็นสิ่งปลูกสร้าง 1,380 หลัง ที่ดิน 9,115 ไร่ รูปแบบเป็นรถไฟราง 1 เมตร ใช้ขนส่งสินค้าเป็นหลัก คาดว่าลงทุน 98,000 ล้านบาท
"เหตุผลที่เลือกเส้นทางนี้เพราะมีระยะทางสั้น ลดเวลาการเดินทาง ลดต้นทุนขนส่งเพราะไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ในอนาคตจะต่อเชื่อมกับเส้นทางบ้านพุน้ำร้อน-ท่าเรือทวาย 142 กิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องนโยบายรัฐบาล"
เปิดโผ "เวนคืน" ตลอดแนว
ไฮไลต์อยู่ที่แนวเวนคืน แบ่งแนวเส้นทางสำรวจ 7 ช่วง ประกอบด้วย
1.ช่วงสถานีชายแดนบ้านพุน้ำร้อน-สถานีท่ากิเลน 36 กม. เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ เริ่มจากสถานีชายแดนบ้านพุน้ำร้อนที่ ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ผ่านไปยัง ต.ศีมงคล อ.โทรโยค เพื่อหลบภูเขา จากนั้นเบี่ยงแนวไปบรรจบกับทางรถไฟเดิมบริเวณสถานีท่ากิเลน ต.สิงห์ จ.กาญจนบุรี
2.สถานีท่ากิเลน-สถานีวังเย็น 23 กม. สร้างทางรถไฟคู่ใหม่ขนานแนวรถไฟเดิมภายในเขตทางของการรถไฟฯ
3.สถานีวังเย็น-สถานีท่าเรือน้อย 29 กม. เริ่มจากสถานีวังเย็น ตัดเส้นทางรถไฟใหม่มาตามแนวทิศตะวันออก เลี่ยงการผ่านตัวจังหวัดกาญจน์ซึ่งมีชุมชนหนาแน่น แนวเส้นทางใหม่จะตัดผ่าน ต.หนองหญ้า ต.เกาะสำโรง อ.เมืองกาญจนบุรี และ ต.รางสาลี่ ต.เขาน้อย ต.ม่วงชุม ต.บ้านใหม่ ต.วังขนาย ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง มาบรรจบทางรถไฟเดิมบริเวณสถานีท่าเรือน้อย ช่วงนี้จะเป็นการเวนคืนเพื่อตัดแนวเส้นทางรถไฟทั้งหมด
4.สถานีท่าเรือน้อย-สถานีชุมทางหนองปลาดุก 30 กิโลเมตร และ
5.สถานีชุมทางหนองปลาดุก-สถานีท่าแฉลบ 27 กิโลเมตร สร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ขนานแนวรถไฟเดิมภายในเขตทางของการรถไฟฯ
6.สถานีท่าแฉลบ-บริเวณก่อนถึงสถานีพานทอง 118.5 กิโลเมตร ตัดแนวเส้นทางรถไฟใหม่ทั้งหมด แนวอยู่ด้านใต้กรุงเทพฯ ผ่าน อ.นครชัยศรี อ.สามพราน จ.นครปฐม อ.กระทุ่มแบน อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เขตบางขุนเทียน อ.พระสมุทรเจดีย์ อ.เมืองสมุทรปราการ อ.บางพลี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา อ.พานทอง จ.ชลบุรี
รูปแบบโครงสร้างทางรถไฟตั้งแต่เขตบางขุนเทียน-อ.บางปะกง เป็นแบบสะพานช่วงสั้นมีช่องเปิดสะพานไม่น้อยกว่า 50 เมตร ในช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ และ ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ
7. สุดท้ายช่วงที่ 7 สถานีพานทอง-ท่าเรือแหลมฉบัง 58.5 กิโลเมตร สร้างช่วงสถานีพานทอง-ท่าเรือแหลมฉบัง ใช้แนวเส้นทางรถไฟทางคู่สายตะวันออกเดิม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 11/06/2015 7:57 pm Post subject: |
|
|
นับหนึ่งโครงการ ท่าเรือปากบาราใหม่ ประจินสั่งศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอีก 11 เดิอน
มติชนออนไลน์ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 16:05:49 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการคัดค้านต่อต้านโครงการก่อสร้างท่าเรือปากบารา จ.สตูลว่า ได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่าทบทวนโครงการดังกล่าวใหม่ โดยให้นำกลับมาเสนอในรูปแบบของแนวทางเลือกหลายๆแนวทางจากเดิมที่เสนอแนวทางเดียว คือ เห็นควรให้มีการก่อสร้าง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีการคัดค้านจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยจะต้องศึกษาผลดี-ผลเสียให้ครอบคลุมทุกประเด็น โดยได้จัดสรรงบกลางปี 2558 จำนวน 50 ล้านบาท ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) นำไปใช้ในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์(เอสอีเอ)ให้แล้วเสร็จ และนำกลับมาเสนอ ภายใน 11 เดือน หรือภายในเดือนเมษายน 2559
นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาการคัดค้านโครงการ โดยมีนายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นประธานคณะทำงานทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กรอบแนวทางในการชี้แจงและทำความเข้าใจรายละเอียดโครงการให้ประชาชนในพื้นที่เห็นถึงประโยชน์ของโครงการ
ทั้งนี้ การศึกษาเอสอีเอจะต้องครอบคลุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณโดยรอบท่าเรือด้วย เช่น โครงการรถไฟขนส่งสินค้าเข้ามามายังท่าเรือปากบารา ระยะทาง 80 กิโลเมตร และเส้นทางรถไฟเชื่อมจากท่าเรือสงขลาไปยังท่าเรือปากบารา ระยะทางประมาณ 180 กม.
----
"ประจิน" ลั่น! เดินหน้าสร้างปากบาราแน่! กรมเจ้าท่า ชี้ ยุคนี้เกิดไม่ได้ก็ยกเลิกซะ
มติชนออนไลน์ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 07:11:21 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาการคัดค้านต่อต้านโครงการก่อสร้างท่าเรือปากบารา จ.สตูล ว่า ได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่า (จท.) กลับไปทบทวนโครงการดังกล่าวใหม่ โดยให้เสนอทางเลือกหลายๆ แนวทาง จากเดิมที่เสนอทางเลือกมาทางเดียว ทั้งนี้ การทบทวนโครงการทาง จท.จะต้องศึกษาผลดีผลเสียให้ครอบคลุมทุกประเด็น เช่น ประเด็นทางสังคม และความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากไทยสามารถใช้ท่าเรือปากบาราเป็นทางออกสู่ทะเลได้ หากในอนาคตเกิดปัญหาในช่องแคบมะละกา เบื้องต้นได้จัดสรรงบกลางปี 2558 จำนวน 50 ล้านบาท ให้ สนข.นำไปใช้ในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (เอสอีเอ) ให้แล้วเสร็จ และนำกลับมาเสนอภายใน 11 เดือน หรือภายใน 30 เมษายน 2559
"ระหว่างนี้ จท.จะต้องนำรายละเอียดโครงการเสนอให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบด้านความมั่นคง และเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบเชิงสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการจัดทำเอสอีเอ และนำข้อมูลไปใช้ในการศึกษาทบทวนการสำรวจออกแบบรายละเอียด รวมทั้งจะมีการจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ) โดยขอจัดสรรงบประมาณปี 2559-2560 รวม 120 ล้านบาท มาใช้ในการศึกษาด้วย" พล.อ.อ.ประจินกล่าว และว่า พร้อมกับได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาการคัดค้านโครงการ โดยมีนายจุฬา สุขมานพ อธิบดี จท.เป็นประธาน เพื่อกำหนดนโยบาย กรอบแนวทางในการชี้แจง และทำความเข้าใจรายละเอียดโครงการให้ประชาชนในพื้นที่เห็นประโยชน์ของโครงการ
"รัฐบาลจะสร้างท่าเรือดังกล่าวแน่แต่ขอให้เสนอโครงการเข้ามาใหม่ให้รอบคอบขึ้น จะไม่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ เพราะจะทำเป็นท่าเรือสีเขียว ส่งเสริมการขนส่ง ท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้าเกษตรและยืนยันว่าจะไม่มีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในบริเวณดังกล่าวแน่นอน" พล.อ.อ.ประจินกล่าว
นายจุฬากล่าวว่า การศึกษาเอสอีเอจะต้องครอบคลุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่โดยรอบท่าเรือด้วย เช่น โครงการรถไฟขนส่งสินค้าเข้ามายังท่าเรือปากบารา ระยะทาง 80 กม. และเส้นทางรถไฟเชื่อมจากท่าเรือสงขลาไปยังท่าเรือปากบารา ระยะทางประมาณ 180 กม.
"โครงการนี้ศึกษามาตั้งแต่ปี 2538 และจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จปี 2552 แต่ถูกประชาชนคัดค้านต่อเนื่อง ผ่านมา 20 ปีแล้วยังเดินหน้าไม่ได้ ทั้งที่ตามแผนจะต้องสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ ดังนั้นหากสร้างไม่ได้ในรัฐบาลนี้ก็ควรยกเลิกโครงการไปซะเลย เพราะจะไม่คุ้มค่าเพราะค่าก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาทค่อนข้างมาก" นายจุฬากล่าว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ส่วนกรณีที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีได้เข้าพบเพื่อขอให้ผลักดันให้จังหวัดเพชรบุรีเป็นประตูการคมนาคมเดินทางสู่ภาคใต้โดยให้เร่งรัด 3 เส้นทาง คือการก่อสร้างท่าเรือเฟอร์รี่เชื่อมโยงการเดินทางจากเพชรบุรีไปภาคตะวันออก การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน และการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางนครปฐม-ชะอำนั้น ในส่วนของท่าเรือเฟอร์รี่ได้สั่งการ จท.ลงพื้นที่ภายในเดือนมิถุนายนกรกฎาคมนี้เพื่อสำรวจเส้นทางและทำเลการก่อสร้างท่าเรือที่เหมาะสม ส่วนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงอยู่ระหว่างการขออนุมัติจาก ครม. ส่วนถนน ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรมทางหลวง (ทล.) ไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เพชรบุรีเป็นประตูสู่ภาคใต้ |
|
Back to top |
|
|
|