View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 02/09/2006 11:15 am Post subject: |
|
|
ถ้าเช่นนั้ก็อย่างที่คุณบอมบ์กล่าวไว้ก่อนหน้าแล้วล่ะครับ เพราะทีแรกผมไม่ได้นึกถึงการทดลองพ่วงพหุในการทำขบวนรถคอนเทนเนอร์ในครั้งที่ 2
ปัญหาในเรื่องนี้เท่าที่ทราบคือเรื่องของระบบห้ามล้อที่ทำงานช้า และเมื่อทำงานแล้วเวลาจะคลายก็ทำได้ช้าอีกเพราะจำนวนของรถพ่วงที่มาก นอกเหนือจากปัญหาที่ไม่สามารถเข้าทางหลีกได้ |
|
Back to top |
|
|
puggi
3rd Class Pass
Joined: 04/07/2006 Posts: 119
|
Posted: 06/09/2006 9:34 am Post subject: |
|
|
conrail wrote: | puggi wrote: | หัวรถจักร์ อยู่ที่หัวขบวน และท้ายขบวน ต่อสายจั้มเปอร์ เข้าด้วยกัน นี่ถือเป็นการพ่วงพหุหรือเปล่าครับ |
ระบบนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบของการจัดรูปขบวนรถ คือ
1.แบบใช้รถจักรลาก ( Locomotive Hauled Train ) ใช้มากสำหรับการรถไฟของไทย
2.แบบใช้รถจักรลากและดัน ( Push and Pull Train Set ) ใช้รถจักร 2 หัววางไว้ในส่วนหัวและส่วนท้ายของขบวนรถ ซึ่งในส่วนหัวจะลากและส่วนท้ายของขบวนจะดัน ควบคุมการทำงานให้พร้อมกันโดยผ่านสายจัมเปอร์ แต่ระบบนี้จะต้องถูกวางเป็นเซ็ตนี้ตลอดและจะต้องมีระบบของสายจัมเปอร์ผ่านรถพ่วงในริ้วขบวนทุกคันเพื่อเชื่อมต่อระบบควบคุมของรถจักรคันหัวและท้ายเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังต้องใช้รถจักรอย่างต่ำถึงสองคันในการทำขบวน จึงทำให้มีต้นทุนสูงกว่าแบบแรกมาก การบำรุงรักษาก็มาตามไปด้วย ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็มีใช้การในต่างประเทศอยู่ในปัจจุบัน
3.แบบเป็นชุด ( Unit train Set ) ใช้กับรถดีเซลราง หรือ รถไฟฟ้า ซึ่งจะมีการกำหนดเอาไว้ว่า 1 ชุดมีกี่คัน เช่น รถดีเซลราง THN , NKF 1 ชุดจะมี 2 คัน หรือ รถดีเซลราง Sprinter 1 ชุดมี 3 คัน เป็นต้น
และในกรณีของรถไฟฟ้าชินกันเซน 1 ชุดก็จะมี 16 คัน
ในส่วนที่ถามว่าแบบที่ 2 เป็นการพหุไหมนั้น ผมมองว่าเป็นรูปแบบของการพ่วงพหุนะครับ แต่การจัดวางรถอยู่คนละที่กันเท่านั้นเอง ซึ่งจะอย่างไรก็ตามก็ยังสามารถควบคุมระบบการทำงานของรถจักรทั้งสองหัวให้ทำงานพร้อมกันอยู่ดี |
ขอบคุณครับ
ขอถามอีกข้อครับ อยากทราบเหมือนกันว่า ประสิทธิภาพจะต่างกันหรือเปล่าครับ กรณีขบวนรถสินค้ายาวเท่ากัน แต่ว่า
1. พ่วงพหุโดยรถจักร สองหัวอยู่ติดกัน
2. พ่วงพหุโดยหัวรถจักร อยู่ด้านหัวและท้าย ของขบวนรถ |
|
Back to top |
|
|
conrail
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 1271
Location: Bangplad , Bangkok
|
Posted: 06/09/2006 11:08 am Post subject: |
|
|
เอ๋....อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ ลองถามคุณ Derail ดูสิครับ คิดว่าน่าจะให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ เพราะการใช้งานในลักษณะนี้จะนิยมใช้กับทางตะวันตกมากกว่า ในการขนสินค้าทีละมาก
เท่าที่ทราบ ลักษณะของ Push and Pull นั้นจะใช้กับขบวนรถโดยสารมากกว่าเพราะจะต้องมีการวางระบบสายควบคุมผ่านรถทุกคันในขบวน ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับรถดีเซลรางนั่นเอง เพียงแต่ระบบนี้ใช้รถจักรในการขับเคลื่อนด้านหัว และท้ายเท่านั้น
เมื่อสมัยที่ผมเรียนอยู่ เคยได้ยินอาจารย์บอกว่า มีการใช้ระบบดาวเทียม ( ? ) ในการควบคุมหัวรถจักรที่มีมากกว่าหนึ่งหัวในขบวนรถสินค้าที่ยาวมากๆ โดยวางแบบเฉลี่ยกันในขบวน คือ มีการใช้รถจักรลากจูงที่หัวขบวนตามปกติ จากนั้นจึงวางรถจักรไว้ที่ช่วงกลางขบวนด้วย ซึ่งในรูปแบบนี้จะไม่มีสายควบคุมดังเช่นที่กล่าวมา แต่จะใช้สัญญาณในการควบคุมจากรถจักรคันแรกไปยังรถจักรคันอื่นๆในขบวน เหตุที่ต้องใช้การจัดวางรถจักรรูปแบบนี้เพราะขบวนรถสินค้ามีความยาวมากๆ ซึ่งถ้านำเอารถจักรมาพหุกันไม่ว่าจะกี่คันก็ตาม แรงลากจูงจะเกิดขึ้นที่หัวขบวนเท่านั้น ทำให้ขอพ่วงมีการรับแรงดึงสูงมากเกินไป และอาจจะขาดได้ ทำให้ต้องเฉลี่ยแรงลากจูงไปไว้ที่กลางขบวนอีกส่วนหนึ่งเพื่อลดแรงกระทำที่ขอพ่วงลง และใช้ระบบควบคุมดังกล่าว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มั่นใจว่าจริงแท้เพียงใดนะครับเพราะคนอื่นเล่าให้ฟัง อยากจะลองให้คุณ Derail ตรวจสอบกับข้อมูลของรถไฟตะวันตกดูอีกทีครับ |
|
Back to top |
|
|
box_car
1st Class Pass (Air)
Joined: 28/03/2006 Posts: 2169
Location: บ่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิต ชนิดกินไก่ ผิวเกล็ด
|
Posted: 06/09/2006 11:58 am Post subject: |
|
|
conrail wrote: | เอ๋....อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ ลองถามคุณ Derail ดูสิครับ คิดว่าน่าจะให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ เพราะการใช้งานในลักษณะนี้จะนิยมใช้กับทางตะวันตกมากกว่า ในการขนสินค้าทีละมาก
เท่าที่ทราบ ลักษณะของ Push and Pull นั้นจะใช้กับขบวนรถโดยสารมากกว่าเพราะจะต้องมีการวางระบบสายควบคุมผ่านรถทุกคันในขบวน ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับรถดีเซลรางนั่นเอง เพียงแต่ระบบนี้ใช้รถจักรในการขับเคลื่อนด้านหัว และท้ายเท่านั้น
เมื่อสมัยที่ผมเรียนอยู่ เคยได้ยินอาจารย์บอกว่า มีการใช้ระบบดาวเทียม ( ? ) ในการควบคุมหัวรถจักรที่มีมากกว่าหนึ่งหัวในขบวนรถสินค้าที่ยาวมากๆ โดยวางแบบเฉลี่ยกันในขบวน คือ มีการใช้รถจักรลากจูงที่หัวขบวนตามปกติ จากนั้นจึงวางรถจักรไว้ที่ช่วงกลางขบวนด้วย ซึ่งในรูปแบบนี้จะไม่มีสายควบคุมดังเช่นที่กล่าวมา แต่จะใช้สัญญาณในการควบคุมจากรถจักรคันแรกไปยังรถจักรคันอื่นๆในขบวน เหตุที่ต้องใช้การจัดวางรถจักรรูปแบบนี้เพราะขบวนรถสินค้ามีความยาวมากๆ ซึ่งถ้านำเอารถจักรมาพหุกันไม่ว่าจะกี่คันก็ตาม แรงลากจูงจะเกิดขึ้นที่หัวขบวนเท่านั้น ทำให้ขอพ่วงมีการรับแรงดึงสูงมากเกินไป และอาจจะขาดได้ ทำให้ต้องเฉลี่ยแรงลากจูงไปไว้ที่กลางขบวนอีกส่วนหนึ่งเพื่อลดแรงกระทำที่ขอพ่วงลง และใช้ระบบควบคุมดังกล่าว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มั่นใจว่าจริงแท้เพียงใดนะครับเพราะคนอื่นเล่าให้ฟัง อยากจะลองให้คุณ Derail ตรวจสอบกับข้อมูลของรถไฟตะวันตกดูอีกทีครับ |
อย่างที่เฮียก้องว่ามานั้น... สู้แบ่งเป็น 2 ขบวนเลยไม่สะดวกกว่ารึครับ _________________
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 06/09/2006 12:29 pm Post subject: |
|
|
พิจารณาลักษณะการพ่วงรถจักรแบบนี้ ถูกต้องตามหลักการครับ แต่การควบคุมรถจักรทำการผ่านระบบดาวเทียมนั้น น่าจะใช้คลื่นวิทยุมากกว่า.... |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 30/09/2006 4:56 pm Post subject: รถด่วนเชียงใหม่ในอดีตก็พ่วงพหุ |
|
|
วันนี้ผมเพิ่งค้นพบภาพรถด่วนขบวน ๗/๘ (ขบวน ๑๓/๑๔ ในปัจจุบัน) ขณะทำขบวนผ่านสะพานทาชมภู เมื่อประมาณปี ๒๕๒๘-๒๕๒๙ ซึ่งตอนนั้นรถด่วนเชียงใหม่มีเพียงขบวนเดียว (รถด่วนนครพิงค์ ขบวน ๕/๖ ซึ่งก็คือขบวน ๑/๒ ในปัจจุบันเพิ่งเปิดเดินรถเมื่อปี ๒๕๓๐) ปกติรถด่วนขบวน ๗/๘ พ่วงโบกี้ทั้งชั้น ๑-๒-๓ ยาวประมาณ ๑๗-๑๘ โบกี้ (ตัดรถ บนท.ที่นครลำปาง ๑ คัน) จำได้ว่ามีการใช้รถจักรอัลสตรอมพ่วงพหุทำขบวนทางตอนภูเขาตั้งแต่สถานีศิลาอาสน์จนถึงปลายทางเชียงใหม่เลยครับ ที่จำได้เพราะผมตื่นขึ้นมาแอบเปิดหน้าต่างรถ บนท. ซึ่งห้ามเปิดทิ้งไว้ตอนกลางคืน เพื่อดูขบวนรถทำขบวนโค้งไปโค้งมาขึ้นภูเขา แล้วประทับใจเสียงรถจักรอัลสตรอมสองหัวเร่งเครื่องดังสนั่นสะท้อนไปทั้งหุบเขานี่แหละครับ พวกผู้ใหญ่ชอบบ่นว่าหัวเดียวก็ดังพอตัวแล้ว ยิ่งสองหัวนี่ยิ่งหนวกหู แต่ผมกลับยิ่งชอบครับ
ภาพอาจไม่ชัดเท่าไร เพราะภาพเดิมถ่ายด้วยกล้อง ปัญญาอ่อน แล้วผมถ่ายมาจากภาพเดิมอีกทอดหนึ่ง ขออภัยด้วยนะครับ ถ้าสังเกตดีๆท่านจะเห็นรถ บชส. สีแดงซึ่งเป็นสีดั้งเดิมก่อนมีการทำสีใหม่ในยุคต่อมาเป็นสีน้ำเงิน แต่เดิมรถด่วน ๗/๘ ไม่มีรถชั้นสามหรอกครับ มีการนำรถชั้นสามมาพ่วงตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ แล้วต่อมาก็ตัดออกแต่จะเป็นเมื่อใดจำไม่ได้แน่นอนแล้วครับ
แถมให้ชมอีกสองภาพนะครับ เป็นภาพขบวน ๘ เทียบชานชาลาสถานีเชียงใหม่ ในมุมมองจากรถบนอ.ป. รุ่นดั้งเดิม สีสัน กระจกหน้าต่างแบบเดิมเป็นสภาพก่อนมีการปรับปรุงยกใหญ่ประมาณปี ๒๕๓๖-๒๕๓๗ มองย้อนไปทางหัวรถจักรด้านจะไปสถานีสารภี
หมายเหตุ เด็กอ้วนที่ปีนรถจักรในภาพน่ะ เป็นน้องของผมเอง ไม่ใช่ผมนะครับ 8) |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 30/09/2006 5:13 pm Post subject: เล่าแถมอีกนิดนะครับ |
|
|
เกี่ยวกับเรื่องการพ่วงพหุทำขบวน ๗/๘ นั้น ขอเล่าเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า
ยิ่งในช่วงเทศกาลเช่น ปีใหม่ ประมาณปี ๒๕๒๙ ต่อด้วยปี ๒๕๓๐ ผมยังเคยขึ้นขบวน ๗/๘ พ่วงโบกี้ยาวถึง ๒๕ โบกี้ ใช้รถจักรอัลสตรอมพ่วงพหุทำขบวนตั้งแต่กรุงเทพ-เชียงใหม่ ขึ้นภูเขาได้สบายๆไม่มีท่าว่าจะ ติดเขา อย่างที่เป็นบ่อยๆในปัจจุบันเลยครับ |
|
Back to top |
|
|
rimura
2nd Class Pass (Air)
Joined: 16/08/2006 Posts: 778
Location: Suan luang Rama IX, Pravet, Bangkok
|
Posted: 30/09/2006 7:54 pm Post subject: |
|
|
สุดยอดครับคุณตุ้ย (ขออนุญาตเรียกคุณตุ้ยนะครับ เพราะทราบมาจากที่เพื่อนๆสมาชิกเรียกกัน) ได้เห็นวิวัฒนาการของรถด่วนนครพิงค์กับยุคทองของอัลสธอม รถจักรที่มีกำลังมากที่สุดในยุคนั้น นึกย้อนไปช่วงก่อนหน้าที่เป็นเฮนเชลพหุ จนได้อัลสธอมเข้ามา แล้วก็มาพหุอัลสธอมอีก จนเรื่อยมาเป็น HID, GEA ทุกวันนี้ ซึ่งก็ทำพหุไปอีก ต่อไปจะมีรถจักรอะไรที่มีกำลังมากขึ้นเข้ามารับใช้กิจการรถไฟไทยอีกนะ
เคยนั่งขบวน 51 จากลำปาง ไปลงเชียงใหม่ ใช้อัลสธอมทำขบวนแล้วมาได้คุณปู่ GE ช่วยทำการที่ลำปาง เสียงเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นลั่นป่าเขาได้ใจเลยครับ ประทับใจไม่ลืมเลย.... |
|
Back to top |
|
|
tuie
1st Class Pass (Air)
Joined: 09/07/2006 Posts: 12156
Location: สถานีบ้านตุ้ย
|
Posted: 30/09/2006 10:15 pm Post subject: ขอชี้แจงครับ |
|
|
ขอบคุณ คุณ rimura ที่ให้ความสนใจครับ
ที่คุณบอกว่า
Quote: | ได้เห็นวิวัฒนาการของรถด่วนนครพิงค์กับยุคทองของอัลสธอม รถจักรที่มีกำลังมากที่สุดในยุคนั้น |
ขอชี้แจงสักนิดนะครับ ขบวนรถด่วนที่ ๗/๘ ซึ่งปัจจุบันคือขบวน ๑๓/๑๔ ที่ผมนำภาพมาให้ชมนั้น เป็นคนละขบวนกับรถด่วนนครพิงค์ขบวนที่ ๕/๖ ซึ่งก็คือขบวน ๑/๒ ในปัจจุบันครับ 8)
สมัยก่อนปี ๒๕๓๐ รถด่วนกรุงเทพ-เชียงใหม่ มีเพียงขบวนเดียว คือ ขบวน ๗/๘ มีทั้งชั้น ๑-๒-๓ เลยจำเป็นต้องพ่วงโบกี้ยาวๆ ตามปกติรวมแล้วประมาณ ๑๗-๑๘ โบกี้ (ตัดที่นครลำปาง ๑ โบกี้) ถ้าช่วงเทศกาลเคยพ่วงยาวสูงสุดถึง ๒๕ โบกี้ เวลาเทียบชานชาลาต้องแบ่งออกเป็นสองชานชาลา พอใกล้รถออกถึงนำมาต่อเป็นขบวนเดียวกัน เลยต้องใช้รถจักรอัลสตรอมพ่วงพหุทำขบวนตั้งแต่ศิลาอาสน์ถึงเชียงใหม่(ถ้าเป็นช่วงเทศกาลที่พ่วงเกิน ๑๘ โบกี้ขึ้นไปก็จะพ่วงพหุตั้งแต่กรุงเทพเลยครับ) ซึ่งจะต่างจากการให้คุณปู่ยีอี ช่วยทำการเฉพาะช่วงแม่ตานน้อย-ขุนตาน ในยุคปัจจุบันซึ่งขบวน ๑/๒,๑๓/๑๔ ฯลฯ พ่วงประมาณ ๑๑-๑๒ โบกี้หรืออาจสั้นกว่านี้
ความจริงสมัยปี ๒๕๒๗ ขบวน ๗/๘ มีเฉพาะชั้น ๑-๒ พ่วงประมาณ ๑๓-๑๔ โบกี้ ตัดที่นครลำปาง ๑ โบกี้ เหลือทำขบวนขึ้นขุนตานประมาณ ๑๒-๑๓ โบกี้ ยังใช้รถจักรอัลสตรอมหัวเดียวทำขบวนขึ้นได้สบายๆเลยครับ ผมคาดว่า อาจเป็นเพราะรถจักรยังอยู่ในสภาพดี โบกี้ที่พ่วงส่วนมากเป็นรถ บนท. ๓๒ ที่ ซึ่งมีน้ำหนักเบาและสั้นกว่ารถ บนท.ป. ๔๐ ที่ยุคปัจจุบันอยู่หลายกิโลกรัม เลยไม่เป็นภาระแก่รถจักรมากนัก พอปี ๒๕๒๘ มีการพ่วงรถ บชส. เข้าไปอีก ๓ โบกี้เป็นอย่างน้อย ก็เลยต้องพ่วงพหุรถจักรอัลสตรอมอย่างที่นำภาพมาให้ชมน่ะครับ
ต่อมามีการเปิดเดินรถด่วนนครพิงค์ ขบวน ๕/๖ ในยุคแรกใช้รถ บนท. ๓๖ ที่ที่เพิ่งนำเข้าใหม่เอี่ยมต้อนรับปีท่องเที่ยวไทยล้วนๆ ไม่มีโบกี้โดยสารแบบอื่นเลย พ่วงรวมทั้งขบวนนับรถเสบียงและ บพห.ด้วยประมาณ ๑๑-๑๒ โบกี้ ก็ใช้อัลสตรอมหัวเดียวทำขบวนตลอดถึงเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องพ่วงพหุเลยครับ พอมีขบวน ๕/๖ แล้วขบวน ๗/๘ ก็ลดความยาวลงเหลือประมาณ ๑๑-๑๒ โบกี้เช่นกันเลยไม่ต้องพ่วงพหุอีก จนกระทั่งถึงยุคหลังๆที่โบกี้ บนท.ป. ๔๐ ที่ บนอ.ป. ๒๔ ที่ เข้ามาประกอบกับรถจักรเริ่มจะสุขภาพไม่ดีนี่แหละครับ ถึงเห็นมีการนำคุณปู่ยีอีมาช่วยทำการในช่วงแม่ตานน้อย-ขุนตาน ทั้งๆที่ขบวน ๑/๒,๑๓/๑๔ ตามปกติมีแค่ประมาณ ๑๑-๑๒ โบกี้เท่านั้นเอง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42724
Location: NECTEC
|
Posted: 30/09/2006 11:12 pm Post subject: |
|
|
งั้น ถ้าเราตองการให้มีรถจักรกำลังสูงทำขบวยพ่วงพหุขึ้นเขา และ ทำขบวนรถคอนเทนเนอร์ไปท่าเรือแหลมฉบัง กันอีกยก แล้ว เราต้องหารถจักรกำลังสูงแบบยีอีเอสักกีหัวกันหนอถึงจะพอ ... |
|
Back to top |
|
|
|