View previous topic :: View next topic
Author
Message
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 09/08/2010 2:42 am Post subject:
บริเวณริมๆ คลอง มีถนนที่ปัจจุบันไม่อนุญาตให้พาหนะใหญ่ๆ ผ่านแล้วนะคะ และน้อยครั้งนักที่จะเห็น รถยนต์สัญจรไปมา ... แต่ที่นี่ทำให้พวกเรารู้ว่า อดีตเคยมีรถรางวิ่งอยู่ด้วยล่ะค่ะ.
สุดคลองที่เราเดินมา หากเป็นกลางคืนจะบรรยากาศดีกว่านี้แน่นอน.
นับเวลาถอยหลัง เตรียมตัวกลับ Spain เข้ามาทุกที ... ตอนนี้ ๒ อารมณ์เกิดขึ้นในหัวค่ะ ... อารมณ์แรก คือ อาลัยอาวรณ์ที่นี่ ที่ Italy อยู่เที่ยวมา ๑๑ วัน ก็ใจหายที่จะกลับแล้ว ส่วนอารมณ์ที่ ๒ คือ คิดถึงบ้านที่ Spain ค่ะ คิดถึงเตียงนุ่มๆ ที่บ้าน อากาศที่ไม่ร้อนจัด และไม่ชื้น.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 09/08/2010 3:13 am Post subject:
เราลาจากคลอง Naviglio Grande เพื่อไปสู่อีกจุดท่องเที่ยวที่หลายคนให้ความสนใจ ... มา Milano นอกจากเรื่องของ fashion เราจะพลาดเรื่องของ CALCIO [กัล โช่] หรือ 'football' ไปได้อย่างไรคะ ... ใครๆ ก็ทราบดีว่า ที่ Milan มีสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และมีสนามสวยๆ ... เราจะเดินทางไป STADIO GIUSEPPE MEAZZA DI SAN SIRO [สะ ตา ดิ โอ ฌู เซ๊ป เป้ เม อั๊ซ ซ่า ดิ ซาน ซิ รอ] หรือสนามแข่ง football แห่ง San Siro ซึ่งเป็นบ้านของ F.C. INTERNAZIONALE MILANO และ A.C. MILANO ค่ะ ... การเดินทางก็ไปโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ออกนอกเมืองไปเล็กน้อยเท่านั้น ... แต่ระหว่างที่เดินไปยังสนาม เราพบเห็นการขีดเขียนบริเวณกำแพงมากมาย มี ๑ ข้อความที่ชวนขำมากๆ ... Cherie ไม่ขอแปลก็แล้วกันนะคะ คงต้องให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไปหา dictionary ภาษา Italian แปลกันเอง ... แต่รับรองว่า เด็ด!
พวก football fans ทั้งหลายนั่นเองค่ะ เป็นใครไปไม่ได้ ... แหม! ประเทศแห่งการช่างขีดเขียนจริงๆ ... ความหมายก็ ... นะ!
ใกล้ ๆ กับสนาม San Siro เราพบเห็นสนามม้าที่มีม้าตัวโตๆ อยู่เด่นเป็นสง่า จนต้องขอถ่ายภาพไว้ด้วยเป็นที่ระลึก ... เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คะ ที่นี่คือ IPPODROMO DI MILANO SAN SIRO [อิป ปอ ดะ รอ โม่ ดิ มิ ลา โน่ ซาน ซิ รอ] เป็นสนามแข่งม้าที่ใหญ่มาก ตั้งอยู่ ณ บริเวณ PIAZZALE DELLO SPORT [เปี๊ยซ ซา เล่ เดล โลส ปอร์ต] ค่ะ ... สวยดีนะคะ.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 09/08/2010 1:58 pm Post subject:
ถึงแล้วค่ะ ... เดินมาอีกเล็กน้อยจากบริเวณดังกล่าว เราก็ได้พบกับที่ที่เขาเรียกกันว่าเป็นบ้านของทั้ง A.C. Milano และ F.C. Internazionale Milano ... สนาม football แห่ง San Siro ค่ะ ... ดูภายนอกก็ธรรมดานะคะ แต่แปลกใจจัง ทำไมวันนี้ คนแยะไปหมดแถวๆ นี้.
ภายใน มีการจัดงานสำคัญประเภทหนึ่ง และมีแขกผู้มีเกียรติแต่งตัวกันสวยๆ เต็มไปหมด พร้อมกับมีป้ายประกาศว่า สนาม San Siro งดให้เข้าเยี่ยมชมจนถึงวันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคมนี้ ... เสียดายจังเลยค่ะ เราคงต้องได้ชมกันเฉพาะภายนอกเท่านั้น.
San Siro นี่มีหลายประตูทางเข้านะคะ Cherie และเพื่อนๆ เดินชมไปเกือบรอบๆ แทบเหนื่อยทีเดียว ... ข้างในคงกว้างขวางน่าดู.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 09/08/2010 2:59 pm Post subject:
บ่ายๆ วันเสาร์เช่นนี้ บริเวณชานเมืองของ Milano ดูสงบจังเลยค่ะ.
กลับไปยังตัวเมืองอีกครั้งนะคะ ... ณ ถนน Vittorio Emanuele ... สหราชอาณาจักรมีห้างฯ ดัง ห้างฯ ใหญ่ในนาม Harrott's เทียบได้กับที่ Italy ที่ Milano แห่งนี้ ก็คือห้างฯ นี้ล่ะค่ะ ... LA RINASCENTE [ลา ริ นา เชน เต้] .
ร้านนี้มีเสื้อที่กำลังนิยมมากใน Europe เรียกกันเป็นภาษาทั่วไปว่า "เสื้อไหล่หลุด" แถมยังอยู่ในช่วงลดราคาค่ะ ... จาก ๙๙ euros ลงมาที่ ๔๙ euros ... ต้องเพ่งอยู่นาน ตัดใจซื้อ.
Back to top
Adithepc20
1st Class Pass (Air) Joined: 05/07/2006 Posts: 3403
Location: ลาดพร้าว 71 หรือ ชานเมือง 9
Posted: 09/08/2010 3:19 pm Post subject:
ถ้าเขียน ( พ่น ) ถูกไวยกรณ์ ผมก็จะไม่ว่าหรอกนะครับ แต่นี่คำว่า " wants " ก็ไม่มีตัว t ซะอย่างงั้น
นี่จึงเป็นอีก 1 จุดอ่อนของคนประเทศอิตาลี่ เพราะเท่าที่ผมเจอมาในการทำงานมา 7 ปี คนอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษ แบบไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร นั้นเอง _________________ ฮิตาชิ 4506 ขณะทำขบวนรถสินค้าที่ 879 ออกจากสถานีชุมทางศรีราชา วันที่ 20 เม.ย. 2553 เวลา 16.50 น.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 09/08/2010 3:22 pm Post subject:
ย่าน Rinascente นี่ผู้คน ทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งคนในพื้นที่ แย่งกันจับจ่าย shopping กันโลกแตกทีเดียว.
ตอนนี้พวกเราเพียงแต่โต๋เต๋ทั่วไป เพื่อรอเวลาที่จะเดินทางไปยังสนามบิน เพื่อเตรียมตัวกลับ Spain กันแล้วค่ะ ... บรรยากาศยามบ่ายแก่ๆ จัดๆ ณ ใจกลาง Milano.
จะจากกันไปแล้ว ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกซักครั้งนะคะ Italy ... อีกนานแค่ไหนนะ จะได้กลับมาที่นี่อีก.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 09/08/2010 3:33 pm Post subject:
ได้เวลาเดินทางกลับ Spain แล้วค่ะ ... ณ เวลานี้ ราวๆ เกือบ ๑ ทุ่มแล้ว เราเดินทางด้วย "Shuttle Train" ต้องเรียกกันอย่างนี้ ... ขบวนนี้ค่ะ ... ใช้เวลาราวๆ ๑ ชั่วโมง (ก็น่าจะพอๆ กับการที่รถไฟของไทยเรา ออกจากหัวลำโพงสู่ดอนเมือง) เราจะถึงสนามบินนานาชาติของ Milano กันนะคะ.
คิดถึง Spain เต็มแก่แล้ว ... จะได้กลับบ้านเสียที ... คิดถึงห้องน้ำที่บ้าน เตียงนุ่มๆ ที่บ้าน คิดถึงคลองสวยๆ หน้าบ้านที่ Valladolid ใจจะขาด
ลาจากกันไป สำหรับ trip สู่แดน pizza ศิลปะ fashion ยาวนาน ๑๑ วัน ... กับภาพนี้ค่ะ ... ผืนแผ่นดิน Spain ถึงเสียที ขณะเรานั่งรถ bus เดินทางกลับสู่ Valladolid กัน ... นี่เป็นบริเวณแคว้น Aragon ช่วงเมือง Zaragoza ราวๆ นั้นค่ะ ... ยังไม่เปิดเทอม กระทู้นี้ก็มีแนวโน้มจะสานต่อไปเรื่อยๆ ว่าแต่ Cherie จะพาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ตระเวนเที่ยวที่ไหน ติดตามกันนะคะ.
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 14/09/2010 3:57 pm Post subject:
clip การแสดงสุดแสนอลังการ สะท้อนการผสมผสาน และความปรองดอง มิตรภาพระหว่าง ๒ ชาติอย่าง "ราชอาณาจักร Spain" และ "ราชอาณาจักรไทย" อย่างที่จะหาชมที่ไหนไม่ได้.
กับบทสรุปส่งท้าย "คิมหันตฤดู 2010 (Summer 2010)" ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ... เตรียมจ่อ queue สาธยาย ณ ที่นี่ ในเร็วพลัน ... ไว้พบกันนะคะ
ปล. ขออนุญาตแอบ "ขโมย scene" ลด rating ของ Talk of the Town งานบุญที่สุราษฎร์ธานีด้วยนะคะ
Back to top
boatteam
2nd Class Pass (Air) Joined: 05/04/2010 Posts: 910
Location: แจ้งวัฒนะ หลักสี่ ปากเกร็ด
Posted: 14/09/2010 4:49 pm Post subject:
โอ..... โห้......
พี่เชอรี่ ไม่กลัว ปาปารัสซี่ เหรอพี่
เห็นพี่หายไปนานแล้วพี่ก็กลับมาพร้อมกับภาพเด็ด
_________________ สถานีบ้านเกิดอรัญประเทศ สุดเขตแดนสยามฝั่งตะวันออก
Back to top
Aishwarya
1st Class Pass (Air) Joined: 11/01/2007 Posts: 1721
Location: นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
Posted: 15/09/2010 2:30 pm Post subject:
boatteam wrote: โอ..... โห้......
พี่เชรี่ ไม่กลัว ปาปารัสซี่ เหรอพี่
เห็นพี่หายไปนานแล้วพี่ก็กลับมาพร้อมกับภาพเด็ด
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมนะคะ ^_^ ... ถ้ามัวแต่ "แคร์สื่อ" หรือ "ซีปาปารัสซี่ (serious with Paparazzi)" ก็แสดงว่าไม่ใช่ "อักษราวดีศิริระมิงค์ศรีเทวี" ตัวจริงน่ะสิคะ HAHAHAHAHA ...
*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*_*
trip เกือบส่งท้ายของ summer 2010 นี้ เกิดขึ้นจากการที่สถานเอกอัครทูตไทย ณ กรุง Madrid ส่งจดหมายเชิญให้นักเรียนไทยใน Spain ที่สนใจ มาเยี่ยมชมงาน 'Noche de Blanco 2010 @Madrid' ซึ่งแปลตรงตัว แปลว่า "ค่ำคืนสีขาวแห่งกรุง Madrid" กล่าวคือ Madrid จะปิดถนนให้นักท่องเที่ยว ประชาชน เที่ยวชม สามารถเข้าพิพิธภัณฑ์ต่างๆ สถานที่สำคัญต่างๆ ของนคร เปิดยาวถึง ๐๖,๐๐ น. ของวันใหม่ อะไรอย่างนั้นเลยทีเดียวค่ะ และที่สำคัญ ณ บริเวณ Plaza Murillo [ปะ ลา ธ่า มู ริ โย่] จะมีงานแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก CasaAsia [กา ซ่า อา เซีย] โดยของไทยเราเองก็มีศิลปะให้ได้ชม มีการแสดงจากนักแสดงจากโรงเรียนศิลปะและนาฏศิลป์ ส่งตรงมาจากประเทศไทย .
งานสนุกๆ เช่นนี้ พลาดไม่ได้ค่ะ เพราะ Cherie เองชอบมากๆ ๆ ๆ เรื่องศิลปวัฒนธรรมอยู่แล้ว ... จะมัวช้าทำไมกันคะ weekend ที่ผ่านมา ไปสังสรรค์ happy happy กันใน Madrid ดีกว่า ... นั่งรถไฟสบายๆ เย็นๆ ค่อยๆ ไต่รางไป ๒ ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึง Madrid เพราะระยะทางจาก Valladolid - Madrid อย่างที่ Cherie เคยเรียนให้ทราบไป ห่างกันราวๆ กรุงเทพฯ - ลพบุรีเท่านั้นเองนะคะ.
แป๊บๆ เราเห็น 4 Torres de Madrid [กวา ตะ โร่ โต เรส เด หมาด ดรี๊ด] หรือตึกยักษ์ ๔ จุด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนคร Madrid ไกลลิบๆ ขบวนรถหมายว่าเริ่มเข้าสู่ Madrid และเตรียมสัมภาระต่างๆ ลงจากรถกันแล้วล่ะค่ะ ... บรรยากาศปลายๆ summer ณ Madrid ก็ยังร้อนอยู่ แหมจะแผ่วเบาไปมาก แต่แดดเปรี้ยง แม้จะเป็นเวลาเกือบ ๒ ทุ่มเข้าให้แล้ว.
และเมื่อเวลาผ่านไป ฟ้ามืดมิด ณ Madrid เราก็เริ่มโต๋เต๋ยังสถานที่ต่างๆ ... ที่พลาดได้ยาก ก็คืออนุสาวรีย์ของ Velazquez [เบ ล๊าธ เก๊ธ] ศิลปินภาพระบายชื่อก้องของ Spain บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ที่ใครทั่วโลกต้องรู้จักอย่าง MUSEO DEL PRADO [มู เซ โอ้ เดล ปะ รา โด้] นั่นเอง.
Back to top