View previous topic :: View next topic
Author
Message
black_express
1st Class Pass (Air) Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
Posted: 09/04/2015 2:32 pm Post subject:
โครงการไฮ-สปีดเทรน สาย กรุงเทพ - เชียงใหม่ เป็นบทเรียนที่ว่าอย่าพึ่งพาประเทศเดียวหากดำเนินโครงการใหญ่ระดับชาติเช่นนี้
มิเช่นนั้นอาจมีข้อแม้ว่าต้องทำตามเงื่อนไขของเขาที่แล้วแต่สรรหามาอ้าง ทำให้เราเสียผลประโยชน์ได้ เหมือนเราคิดจะซื้อ ฮ.ขนาดใหญ่มาดับไฟป่าจากรัสเซีย แทนที่จะเป็นสหรัฐฯ นั่นแหละ
พอสหรัฐฯ ทราบว่าเรามีความต้องการซื้อ ดันมีเงื่อนไขหยุมหยิมด้านสิทธิมนุษยชนขึ้นมาทันที
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 16/04/2015 12:32 am Post subject:
คืบหน้าไฮสปีด "กทม.-เชียงใหม่" ลงทุน 4แสนล. เวนคืน 7.7พัน ไร่ คิกออฟปลายปีนี้
คอลัมน์ เวนคืนอัพเดต
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
14 เมษายน 2558, เวลา 12:59:49 น.
ถูกพูดถึงอีกครั้งสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" โปรเจ็กต์ไฮไลต์ของรัฐบาลเพื่อไทย ล่าสุด "รัฐบาลประยุทธ์" หยิบขึ้นมาปัดฝุ่นอีกรอบ หลัง "รัฐบาลญี่ปุ่น" สนใจอย่างจริงจัง จะช่วยจุดประกายรถไฟสายนี้ให้เป็นจริงภายใต้รูปแบบรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดเทรน
พ.ค.ไทย-ญี่ปุ่นลงนาม MOU
ในเดือนพฤษภาคมนี้ ทาง "รัฐบาลไทยและญี่ปุ่น" มีกำหนดจะลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อร่วมกันศึกษาและออกแบบรายละเอียดโครงการ คาดว่าจะเริ่มคิกออฟได้ปลายปี 2558 ในการสำรวจเส้นทาง เริ่มก่อสร้างปลายปี 2559 หรืออย่างช้าต้นปี 2560 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 ปี จะแล้วเสร็จปี 2563
สถานะล่าสุดของโครงการ "สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร" ได้ศึกษาเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติ "รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) มีระยะทางรวม 672 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนรวม 426,898 ล้านบาท มี 12 สถานี แต่ละสถานีจะมีการออกแบบเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนั้น ๆ
เวนคืนหมื่นล้าน 7 พันไร่
ด้านการเวนคืนที่ดิน เบื้องต้นได้ประมาณการพื้นที่เวนคืน 7,724 ไร่ และจำนวนแปลงที่ดิน 2,700 แปลง คิดเป็นค่าเวนคืน 10,814 ล้านบาท ขณะที่แนวเส้นทางที่จะใช้ก่อสร้าง ส่วนใหญ่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟสายเหนือเดิม แยกการดำเนินการเป็น 2 ระยะ ในระยะแรกช่วง "กรุงเทพฯ-พิษณุโลก" ระยะทาง 384 กิโลเมตร เงินลงทุน 212,893 ล้านบาท พาดผ่านพื้นที่ 8 จังหวัด
มี 7 สถานี ได้แก่ สถานีบางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี (ป่าหวาย) นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก มี 2 สถานีที่สร้างอยู่บนที่ใหม่ ได้แก่ สถานีลพบุรีจะสร้างอยู่ป่าหวาย ห่างจากตัวเมือง 5 กิโลเมตร และสถานีพิจิตร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร อีก 5 สถานีที่เหลือจะสร้างอยู่ที่เดิมเป็นสถานีรถไฟในเมือง มีศูนย์ซ่อมบำรุงที่สถานีเชียงราก
ซึ่งรูปแบบการก่อสร้างในช่วงกรุงเทพฯ-อยุธยา เนื่องจากมีจุดตัดถนนเป็นจำนวนมาก จะออกแบบโครงสร้างเป็นทางยกระดับยาว 67 กิโลเมตร ส่วนช่วงผ่านเมืองลพบุรีจะขุดอุโมงค์ยาว 4 กิโลเมตร ลึกลงไปในชั้นใต้ดินผิวทางรถไฟเดิมประมาณ 20-30 เมตร และช่วงผ่านบึงบอระเพ็ดเป็นทางยกระดับยาว 8.5 กิโลเมตร ที่เหลือเป็นคานดิน
เบี่ยงแนวช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่
ส่วนระยะที่ 2 ช่วง "พิษณุโลก-เชียงใหม่" เงินลงทุน 214,005 ล้านบาท ระยะทาง 285 กิโลเมตร เป็นเส้นทางตัดใหม่ช่วงจังหวัดสุโขทัย-ลำปาง จะเริ่มต้นจากจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อจากแนวเส้นทางระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ-พิษณุโลก)
แนวเส้นทางแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ในช่วง "พิษณุโลก-ลำปาง" เมื่อออกจากพิษณุโลก แนวเส้นทางยังคงใช้พื้นที่ในเขตทางรถไฟเดิม ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 12 เลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันตกผ่านพื้นที่อำเภอพรหมพิราม อำเภอกงไกรลาศ ก่อนถึงสุโขทัยเลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านอำเภอศรีสำโรง อำเภอสวรรคโลก และอำเภอศรีสัชนาลัย
จากนั้นแนวเส้นทางจะเบี่ยงขวาไปทางทิศเหนือ ผ่านอำเภอวังชิ้นเข้าสู่อำเภอลอง ยกระดับรถไฟข้ามทางหลวงหมายเลข 1023 แล้วเป็นอุโมงค์ลอดใต้ทางหลวงหมายเลข 11 (เด่นชัย-แขวงลำปาง) ขนานไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านอำเภอแม่ทะ เข้าสู่สถานีรถไฟลำปาง
เชียงใหม่ศูนย์ซ่อมบำรุง
และช่วง "ลำปาง-เชียงใหม่" จะมีแนวเส้นทางตัดใหม่และใช้พื้นที่เขตทางรถไฟเดิม โดยผ่านช่วงหนองวัวเฒ่า-สถานีห้างฉัตร เส้นทางรถไฟอยู่ในเขตทางรถไฟเดิม จากสถานีห้างฉัตร-ลำพูน เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ เริ่มต้นจากสถานีห้างฉัตร จะเบี่ยงแนวไปทางซ้ายของทางรถไฟเดิมไปอำเภอแม่ทา ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 11 และทางรถไฟเดิมบริเวณสถานีศาลาแม่ทา ไปบรรจบกับทางรถไฟเดิมก่อนถึงสถานีรถไฟลำพูนประมาณ 10 กิโลเมตร วิ่งไปตามเขตทางรถไฟเดิมจนถึงสถานีรถไฟลำพูนและปลายทางที่สถานีเชียงใหม่
มี 5 สถานี ได้แก่ สถานีสุโขทัย ศรีสัชนาลัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ เป็นสถานีใหม่ 2 แห่ง คือสุโขทัย ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร และศรีสัชนาลัย ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร ส่วนอีก 3 สถานี จะใช้พื้นที่ของสถานีรถไฟเดิมอยู่ในตัวเมืองและมีศูนย์ซ่อมบำรุงที่จังหวัดเชียงใหม่
ขนได้ทั้งคน-สินค้า
ด้านการใช้ประโยชน์จะขนส่งได้ทั้งคนและสินค้า จะมีผู้โดยสารใช้บริการปีแรก 24,800 เที่ยวคนต่อวัน และขนส่งสินค้าที่มีศักยภาพในการขนส่งด้วยระบบรถไฟความเร็วสูง ได้แก่ สินค้าไปรษณียภัณฑ์เร่งด่วน และสินค้าที่ขนส่งทางอากาศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง ราคาสูงและเน่าเสียง่าย
สำหรับอัตราค่าโดยสารจะคิดตามระยะทาง แยกเป็น 3 ชั้น มี "ชั้นวีไอพี" มี 3 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 200 บาท ค่าโดยสาร 4 บาทต่อกิโลเมตร "ชั้นธุรกิจ" มี 4 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 100 บาท ค่าโดยสาร 2.50 บาทต่อกิโลเมตรและ "ชั้นมาตรฐาน" มี 5 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 70 บาท ค่าโดยสาร 1.50 บาทต่อกิโลเมตร เบ็ดเสร็จ นั่งจากกรุงเทพยาวถึงเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 16 นาที เสียค่าโดยสารประมาณ 1,100-2,900 บาทต่อเที่ยว
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 16/04/2015 5:20 pm Post subject:
คำเตือนเรื่องรถไฟความไวสูง:
Pat Hemasuk
เรื่องรถไฟความเร็วสูงนั้นสำหรับผมเองถือว่าเป็นเรื่องดราม่าเอาไว้เรียกแขกเท่านั้น ไม่มีทางทำจริงในระยะเวลายี่สิบปีนี้หรอกครับ
จะนั่งเครื่องบินภายในประเทศ สำหรับผมเองแล้ว เดินทางจากบ้านใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงโดยแท็กซี่ + BTS + Airport Link เพราะเช้าเย็นรถติดนั่งแท็กซี่สองชั่วโมงไม่ถึง
ต้องไปก่อนเกตปิดสองชั่วโมงเพื่อประกันความแน่นอนว่าได้บินแน่ ในแถวเข้าเช็กอินที่อาจจะต้องตบตีกับทัวร์จีนที่แทรกคิว หรือโลว์คอสบินสามล้านกว่าเส้นทางแต่เปิดสี่ช่อง
บินอีกชั่วโมง เคลมกระเป๋าบวกกับรอคิวรถ และเวลานั่งรถเข้าเมืองเข้าตัวเมือง รวมแล้วอีกชัวโมงถึงจะไปถึงที่หมาย รวมแล้วผมต้องใช้เวลาหกชั่วโมงในการเดินทางไป เชียงใหม่ หรือที่อื่นๆ สำหรับคนอื่นที่บ้านใกล้กว่าผมอาจจะลดเวลาไปได้อีกชั่วโมง แต่ก็ต้องมีห้าชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
ถ้าจะเทียบกับรถไฟแล้ว รถความเร็วปกติของยุโรปหรือญี่ปุ่นที่วิ่งบนรางขนาด Standard Gauge เกือบทุกขบวนวิ่งได้ 140 กม/ชม ทั้งนั้น กรุงเทพ-เชียงใหม่ มันวิ่งอย่างไรก็ออกเช้าเที่ยงถึง ออกเที่ยงเย็นถึง ไม่จำเป็นต้องความเร็วสูง แถมยังวิ่งมาจอดในกลางเมืองได้ด้วย ไม่ต้องต่อรถกันวุ่นวายเหมือนนั่งเครื่องบิน
ในสภาวะแข่งขันกับเครื่องบินโลวคอส ผมยังไม่เห็นความสำคัญที่ต้องทำรถไฟความเร็วสูงเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ทำรถไฟของไทยให้มีความเร็วปกติเท่ากับรถไฟของชาวบ้านประเทศอื่นๆเขาก็พอแล้ว เพราะคนไทยไม่มีเงินซื้อตั๋วแพงๆระดับชิงกังเซ็นนั่งหรอก เพราะผมเคยคำนวนราคาค่าตั๋วของความเร็วสูงมันจะอยู่ระหว่าง 3.50-4.50บาท/กม เอาแค่ราคาตั๋วรถไฟเท่ารถทัวร์แต่ถูกกว่าเครื่องบินเล็กน้อย คนก็แห่กันมานั่งแล้ว
เรื่องนี้ผมเคยเขียนรายงานเป็นกรณีศึกษามาสิบกว่าปีตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ1 ที่จะทำเส้น วงเวียนใหญ่-แม่กลอง เป็นความเร็วสูง ซึ่งผมบอกว่าน้ำท่วมหลังเป็ดยังง่ายกว่า
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1018348364875441&set=a.112655038778116.6787.100001008622491&type=1
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44623
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 21/04/2015 6:48 pm Post subject:
ปรับแผนสร้างรถไฟไปพัทยา
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 เม.ย. 2558 15:48
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้า การเจรจากับเอกชนไทย ทั้งกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ไทยเบฟเวอเรจ ที่สนใจลงทุนรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-พัทยา
โดยในส่วนของเส้นทางกรุงเทพ พัทยา ซึ่งมีระยะทางไม่ถึง 200 กิโลเมตร เอกชนได้เสนอให้ขยายเส้นทางไปจนถึงระยอง เนื่องจากการลงทุนรถไฟที่มีความเร็วที่มากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องมีระยะทางอย่างน้อย 400 ถึง 500 กิโลเมตร จึงคุ้มค่ากับการลงทุน
Back to top
unique
3rd Class Pass (Air) Joined: 12/09/2006 Posts: 258
Location: กทม.
Posted: 22/04/2015 12:15 am Post subject:
Wisarut wrote: คำเตือนเรื่องรถไฟความไวสูง:
Pat Hemasuk
เรื่องรถไฟความเร็วสูงนั้นสำหรับผมเองถือว่าเป็นเรื่องดราม่าเอาไว้เรียกแขกเท่านั้น ไม่มีทางทำจริงในระยะเวลายี่สิบปีนี้หรอกครับ
จะนั่งเครื่องบินภายในประเทศ สำหรับผมเองแล้ว เดินทางจากบ้านใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงโดยแท็กซี่ + BTS + Airport Link เพราะเช้าเย็นรถติดนั่งแท็กซี่สองชั่วโมงไม่ถึง
ต้องไปก่อนเกตปิดสองชั่วโมงเพื่อประกันความแน่นอนว่าได้บินแน่ ในแถวเข้าเช็กอินที่อาจจะต้องตบตีกับทัวร์จีนที่แทรกคิว หรือโลว์คอสบินสามล้านกว่าเส้นทางแต่เปิดสี่ช่อง
บินอีกชั่วโมง เคลมกระเป๋าบวกกับรอคิวรถ และเวลานั่งรถเข้าเมืองเข้าตัวเมือง รวมแล้วอีกชัวโมงถึงจะไปถึงที่หมาย รวมแล้วผมต้องใช้เวลาหกชั่วโมงในการเดินทางไป เชียงใหม่ หรือที่อื่นๆ สำหรับคนอื่นที่บ้านใกล้กว่าผมอาจจะลดเวลาไปได้อีกชั่วโมง แต่ก็ต้องมีห้าชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
ถ้าจะเทียบกับรถไฟแล้ว รถความเร็วปกติของยุโรปหรือญี่ปุ่นที่วิ่งบนรางขนาด Standard Gauge เกือบทุกขบวนวิ่งได้ 140 กม/ชม ทั้งนั้น กรุงเทพ-เชียงใหม่ มันวิ่งอย่างไรก็ออกเช้าเที่ยงถึง ออกเที่ยงเย็นถึง ไม่จำเป็นต้องความเร็วสูง แถมยังวิ่งมาจอดในกลางเมืองได้ด้วย ไม่ต้องต่อรถกันวุ่นวายเหมือนนั่งเครื่องบิน
ในสภาวะแข่งขันกับเครื่องบินโลวคอส ผมยังไม่เห็นความสำคัญที่ต้องทำรถไฟความเร็วสูงเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ทำรถไฟของไทยให้มีความเร็วปกติเท่ากับรถไฟของชาวบ้านประเทศอื่นๆเขาก็พอแล้ว เพราะคนไทยไม่มีเงินซื้อตั๋วแพงๆระดับชิงกังเซ็นนั่งหรอก เพราะผมเคยคำนวนราคาค่าตั๋วของความเร็วสูงมันจะอยู่ระหว่าง 3.50-4.50บาท/กม เอาแค่ราคาตั๋วรถไฟเท่ารถทัวร์แต่ถูกกว่าเครื่องบินเล็กน้อย คนก็แห่กันมานั่งแล้ว
เรื่องนี้ผมเคยเขียนรายงานเป็นกรณีศึกษามาสิบกว่าปีตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ1 ที่จะทำเส้น วงเวียนใหญ่-แม่กลอง เป็นความเร็วสูง ซึ่งผมบอกว่าน้ำท่วมหลังเป็ดยังง่ายกว่า
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1018348364875441&set=a.112655038778116.6787.100001008622491&type=1
เห็นด้วยแบบไม่มีเงื่อนไขเลยครับ ประเทศไทยไม่เหมือนญี่ปุ่น หรือ จีน บริบทมันไม่เหมือนกันครับ อย่างญี่ปุ่นมาตรฐานค่าครองชีพสูงกำลังซื้อที่จะนั่งรถไฟความเร็วสูงมี เทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ทำออกมาเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งส่งออกเทคโนโลยีไปจีนและอังกฤษ อย่างจีน มีเงินUSDทุนสำรองมีอย่างล้นหลามทำไงให้งอกเงย ประเทศก็กว้างใหญ่ไพศาล ก็ลงทุนกับรถไฟความเร็วสูงถ้าใครเคยตามวงการรถไฟจีนเมื่อสัก 10-12 ปีก่อน ตอนแรกก็ทดลองจะสร้างรถไฟความเร็วสูงด้วยภูมิปัญญาของตัวเองอย่าง China Star แต่มันสู้เรียนลัดไม่ได้ สุดท้ายก็นำเข้าเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงจากทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รวมถึงรถจักรดีเซล รถจักรไฟฟ้า ซึ่งได้มาจากทั้งGE EMD Siemens Alstom Toshiba(โดนกันทั่วหน้าเพราะกำขี้ดีกว่ากำตด) ใช้สูตรCo-productionกับทั้งCNRและCSRซึ่งทั้งสองบริษัทเจ้าของมาเฟียตัวจริงก็คือรัฐบาลจีน แล้วค่อยไปเป็นCopy and development ด้วยความที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เทคโนโลยีที่ได้มาจากภายนอกคิดเป็นต้นทุนต่อคันถูกจนเหมือนจะได้มาฟรีด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ถ้าตามข่าวจึงแทบไม่เห็นการCo-productionระหว่างผู้ผลิตภายนอกกับCNRและCSRก็เพราะว่าเค้าดูดเทคโนโลยีต่อยอดมาเป็นของตัวเองหมดแล้วแถมทำส่งออกได้อีก เงินที่ใช้สร้างก็หมุนสร้างความเจริญในระบบเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ China Starก็ถูกจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นอนุสรณ์ของความพยายาม ไม่ต้องรอถึงช่วงอายุคนแค่ 10 ปีที่ผ่านมาการรถไฟจีนก้าวกระโดดขึ้นมาในแบบที่ประวัติศาสตร์รถไฟของมวลมนุษยชาติไม่สามารถหาใครเสมอได้ แล้วของไทยเรานิทานเรื่องรถไฟความเร็วสูงเพื่ออะไร? จำเป็นแค่ไหน? ต้องกู้มาสร้างใช่มั้ย? แน่ใจว่าคุ้มเหรอ? %ผลประโยชน์ลงตัวยัง? เป็นสิ่งที่บ้านนี้เมืองนี้ต้องการอย่างแท้จริงเหรอ? มีทางอื่นที่ดีกว่านี้มั้ย?
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 22/04/2015 10:47 am Post subject:
ปรับแผนสร้างรถไฟไปพัทยา
โดย ไทยรัฐออนไลน์
21 เมษายน 2558, เวลา2558 15:48
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้า การเจรจากับเอกชนไทย ทั้งกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ไทยเบฟเวอเรจ ที่สนใจลงทุนรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-พัทยา
โดยในส่วนของเส้นทางกรุงเทพ พัทยา ซึ่งมีระยะทางไม่ถึง 200 กิโลเมตร เอกชนได้เสนอให้ขยายเส้นทางไปจนถึงระยอง เนื่องจากการลงทุนรถไฟที่มีความเร็วที่มากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องมีระยะทางอย่างน้อย 400 ถึง 500 กิโลเมตร จึงคุ้มค่ากับการลงทุน
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=R0M0odtYZcY
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44623
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 23/04/2015 8:34 am Post subject:
รถไฟเร็วสูง "เชียงใหม่" ทำแน่ "3เจ้าสัว" แบ่งลงทุน3เส้นทาง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 23 เม.ย 2558 เวลา 07:00:2 น.
"บิ๊กตู่" สั่งคมนาคมสานฝันไฮสปีดเทรน"กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" ให้เป็นจริง "ประจิน" ลุยเปิดประมูลมินิไฮสปีดสายใต้ "กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์" วงในเผย 3 เจ้าสัว "ไทยเบฟ-ซีพี-บีทีเอส" แบ่งเค้กลงทุนครบ 3 เส้นทาง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้คมนาคมเร่งผลักดันรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ให้สำเร็จและเกิดขึ้นได้จริง ส่วนรถไฟไทย-จีน เนื่องจากมีความก้าวหน้าไปมากจึงไม่มีข้อกังวลอะไร เพียงแต่บอกว่าการทำงานต้องเตรียมแผนประกันความเสี่ยงไว้ ถ้ามีความเสี่ยงด้านใดด้านหนึ่ง ต้องหาวิธีการแก้ไข
ทั้งนี้ โครงการรถไฟไทย-จีนที่ลงนาม MOU (บันทึกความเข้าใจ) กับรัฐบาลจีน เรียกว่ารถไฟทางคู่มาตรฐาน ความเร็ว 180 กม./ชม. หรือมินิไฮสปีดเทรน ขณะที่โครงการรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ชื่อโครงการจะแตกต่างออกไป โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกว่าการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย เสนอร่วมพัฒนา 2 เส้นทางคือ
1.สายพุน้ำร้อน-กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ในอนาคตถ้าเชื่อมทวายจะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคนี้ เพราะเชื่อมไทย เมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนามได้ คาดว่าเป็นมินิไฮสปีดเทรนราง 1.435 เมตรเหมือนกับจีน
2.สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นรถไฟความเร็วสูง วิ่ง 200-300 กม./ชม. คาดว่าเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเซ็น MOU เดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นเดือนมิถุนายนจะตั้งไซต์งานสำรวจและออกแบบใช้เวลาประมาณ 1 ปี เป็นเส้นทางเน้นขนส่งผู้โดยสารเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นไฮไลต์อีกเส้นหนึ่งของรัฐบาล
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนเร่งผลักดันรถไฟกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ หลังญี่ปุ่นได้เลือกเส้นทางใดเรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มเดินหน้าเส้นทางตอนใต้ทันทีเพื่อเชื่อมรถไฟไทย-จีนที่สร้างจากหนองคาย-กรุงเทพฯ
"คาดว่าจะเปิดประมูลทั่วไปเนื่องจากยังไม่มีประเทศที่ 3 มาเสนอตัว มีแต่บริษัทเอกชนแสดงความสนใจ มีแนวโน้มเป็นรถไฟทางมาตรฐาน 1.435 เมตร ความเร็วปานกลาง 180 กม./ชม." พล.อ.อ.ประจินกล่าวและว่า
อีก 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-พัทยาและกรุงเทพฯ-หัวหิน เหมาะสมจะสร้างเป็นรถไฟความเร็วปานกลางถึงความเร็วสูงได้ คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะเสนอแผนงานให้ ครม.พิจารณา
ที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนไทย 3 กลุ่มแสดงความสนใจลงทุน คือ กลุ่มซีพี ไทยเบฟเวอเรจ และกลุ่มบีทีเอส ล่าสุดได้ตั้งคณะทำงานพิจารณารูปแบบการลงทุน คาดว่าเป็นการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชนรูปแบบ PPP เตรียมเสนอ ครม.เห็นชอบเดือนพฤษภาคมนี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงหลังจากนายกรัฐมนตรีมีนโยบายลงมา มีกระแสข่าวออกมาว่ากลุ่มไทยเบฟฯ สนใจเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน, กลุ่มซีพีสนใจเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา ส่วนบีทีเอสสนใจรถไฟไทย-จีนในเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 23/04/2015 8:50 pm Post subject:
ซีพีสนลงทุนไฮสปีดเทรนเส้น กรุงเทพ-พัทยา-ระยอง
มติชน
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 18:52:39 น.
เมื่อวันที่ 23 เมษายน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพีได้นำพันธมิตร 2 บริษัท คือ บริษัท ซิทิก คอนสทรัคชั่น (CITIC CONSTRUCTION) จากฮ่องกง และบริษัท ไห่หนาน( HNA) จากประเทศจีน เข้าพบ เพื่อแสดงเจตนาที่จะเข้าร่วมดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) ในเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 194 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยหลังจากนี้ บริษัทจะศึกษาข้อมูลการดำเนินโครงการเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมนี้
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า สำหรับการศึกษารายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)จะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายหลังนำเสนอโครงการเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะในกรณีของรถไฟไทย-จีน ก็ใช้ระยะเวลาในเรื่องของอีไอเอประมาณ 5-7 เดือนเท่านั้น จากปกติที่ใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่า ดังนั้นเมื่ออีไอเอผ่านแล้วก็จะต้องนำเสนอ ครม.อีกครั้ง โดยในส่วนของซีพีนั้นได้แสดงความสนใจทั้งในเรื่องของการก่อสร้างและการเดินรถ
นโยบายก่อสร้างไฮสปีดเทรน 2 เส้นทาง โดยอีกเส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-หัวหิน รัฐบาลต้องการให้เอกชนไทยเป็นผู้ดำเนินโครงการ แต่เปิดโอกาสให้หาผู้ร่วมทุนจากต่างชาติได้ ขณะนี้มีเอกชนไทยจำนวน 3 ราย ได้แสดงความสนใจ คือ เครือซีพี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือไทยเบฟ ที่สนใจเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือบีทีเอส สนใจเดินรถไฟทางคู่ เส้นทางขอนแก่น-มาบตาพุด คาดว่าจะมีเพียง 3 ราย โดยทั้งหมดได้จับกลุ่มกับผู้ร่วมทุนต่างชาติ และแต่ละบริษัทเตรียมเหล่งเงินทุน กลุ่มผู้บริหาร และผู้รับเหมาไว้พร้อมหมดแล้ว
//----------------
ซีพีตีตราจองไฮสปีดกรุงเทพ-ระยอง หอบผู้ร่วมทุนพบประจินการันตีพร้อมลงทุน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 เมษายน 2558 19:33 น.
กลุ่มซีพีพาผู้ร่วมทุนรายใหญ่จากฮ่องกงและจีน พบประจินยันพร้อมลงทุนรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง วงเงิน 1.52 แสนล. รูปแบบ PPP นัดส่งแผนรายละเอียดลงทุนเพิ่มเติม 9 พ.ค. ประจินสั่งเร่งแผนชงครม.ขออนุมัติปลายพ.ค.พร้อมสายกรุงเทพ-หัวหิน ซึ่งกลุ่มไทยเบฟสนใจ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลัง ผู้บริหารบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่ม ซีพีเข้าพบว่า จากที่ทางกลุ่มซีพีได้เคยมายื่นข้อเสนอแสดงความสนในการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทาง กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 194 กม. วงเงินลงทุน 152,712 ล้านบาทนั้น ทางคณะทำงานของกลุ่มซีพี ซึ่งมีนายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการ, นายคณิต แสงสุพรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร, นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา ที่ปรึกษาและนายสัณฑศักย์ รัศมีรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้นำผู้แทน 2 บริษัทผู้ร่วมทุนคอนซอร์เตียมเข้าพบ คือ บริษัท CITIC Construction Co.,Ltd. จากประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทด้านก่อสร้าง ออกแบบ ที่ปรึกษา มีสถาบันการเงินสนับสนุนครบวงจร และบริษัท ไหหนาน กรุ๊ป (HNA Group) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างท่าเรือ สนามบินและรถไฟเพื่อยืนยันในส่วนของความพร้อม ซึ่งตนได้ยืนยันว่านโยบายรัฐบาลต้องการให้นักลงทุนไทยเป็นแกนนำและใช้เงินลงทุนภายในประเทศ ซึ่งทางกลุ่มซีพีและผู้ร่วมทุนรับทราบและยอมรับ
ทั้งนี้ ทางกลุ่มซีพีจะต้องกลับไปศึกษารายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งการก่อสร้างและการลงทุน PPP รูปแบบใด ซึ่งเบื้องต้นซีพีแจ้งว่ามีความเชี่ยวชาญในการการดำเนินงานในรูปแบบ BOT (Build-Operate-Transfer) คือ ก่อสร้างเสร็จแล้ว บริหารก่อนโอนกิจการเป็นของรัฐ นอกจากนี้ จะต้องลงพื้นที่เพื่อสำรวจรายละเอียด จุดก่อสร้างสถานี ตั้งแต่ ลาดกระบัง-บางปะกง-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง โดยให้เสนอข้อมูลมาอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ค. จากนั้น จะให้ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) นำข้อมูลไปศึกษาและสรุปเพื่อให้ชัดเจนภายในวันที่ 16 พ.ค. โดยคาดว่าปลายเดือนพ.ค.นี้ จะสรุปรายละเอียดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการโดยมีเงื่อนไขว่าจะดำเนินการเมื่อโครงการผ่านการพิจารณาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสิ่งแวดล้อม 4 จุด
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า รัฐบาลต้องการเปิดโอกาสให้ทุกคนที่สนใจเสนอแผนลงทุนเข้ามา ซึ่งนอกจากนี้ ทางบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เสนอลงทุนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงินประมาณ 81,136.20 ล้านบาท โดยจะมีการนัดหารือเพิ่มเติมในเดือนพ.ค.นี้ เช่นกัน ซึ่งหากสามารถสรุปรายละเอียดได้ จะนำเสนอครม.เพื่อขออนุมัติไปพร้อมกัน
ต้องเร่งรัดโครงการเพราะรัฐบาลต้องการเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง เพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้า และให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่ง เส้นทางสายตะวันออก จะมีทั้งรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตรของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) สำหรับผู้โดยสารและสินค้า รถไฟไทย-จีน ขนาดราง 1.435 เมตร ความเร็วปานกลาง ช่วง แก่งคอย-มาบตาพุด สำหรับผู้โดยสารเป็นหลักและสินค้าเป็นรอง รถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะเป็นทางยกระดับ และยังมีบางช่วงที่เป็นโครงการร่วมมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ และ กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง ระยะทาง 139 กม. เพื่อจัดสรรในการใช้พื้นที่เขตทางพล.อ.อ.ประจินกล่าว
อย่างไรก็ตาม จะเปิดประกวดราคาตามขั้นตอนการร่วมทุน PPP ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ซึ่งหากมีผู้สนใจเพียงรายเดียว จะต้องเสนอครม. พิจารณาเพื่อดำเนินการโดยคณะกรรมการมาตรา 16 แห่งพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 เจรจา หากมีผู้เสนอหลายราย จะเข้ากระบวนการประกวดราคาคัดเลือก โดยพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติ เทคนิค และราคา ซึ่งขณะนี้เส้นทางกรุงเทพ-พัทยา-ระยองมี กลุ่มซีพีรายเดียว ส่วนกรุงเทพ-หัวหินมีไทยเบฟฯ สนใจ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 24/04/2015 11:58 am Post subject:
ซีพีดอดพบ"ประจิน" ขอลงทุนไฮสปีดเทรน
By admin
Thai Post
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา
ประจิน ประชุมรถไฟไทย-จีนครั้งที่ 4 ก่อนเดินทางไปคุณหมิงวันที่ 6-8 พ.ค.นี้ ขอใช้กล้องทางอากาศ 3 มิติจากจีน สำรวจพื้นที่ก่อสร้าง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ภายในปลายเดือน พ.ค.นี้จะนำเสนอรายละเอียดโครงการรถไฟความเร็วสูงทั้งหมดให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ทั้งนี้เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือซีพี นำผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท ซิติก คอนสตั๊กชั่น จำกัด และบริษัท เอ็ช เอ็น เอ กรุ๊ป ร่วมเป็นคอนซอร์เทียม เข้าพบ เพื่อแจ้งว่าสนใจหลังซีพี สนใจโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 194 กม. วงเงินรวมทั้งโครงการ 1.5 แสนล้าน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมขอให้ทางซีพีไปจัดทำรายละเอียดรูปแบบการลงทุนแล้วนำมาเสนอในวันที่ 9 พ.ค.58 ส่วน บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ได้แสดงความสนใจเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน
ด้านความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ไทย-จีนนั้น ขณะนี้คณะทำงานฝ่ายจีน 80 คน ร่วมกับเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และฝ่ายบริหารของกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางก่อสร้างรถไฟทางคู่หนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และกรุงเทพฯ-แก่งคอย ไปแล้ว และหลังจากนี้ในเดือน พ.ค. ทางจีนจะนำกล้องสำรวจภาพถ่ายทางอากาศ 3 มิติ มาให้กองทัพอากาศติดตั้งและเก็บข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างให้ได้งานแม่นยำ และรวดเร็วขึ้นตามแผนงานที่กำหนด.
//-------------------
"ซีพี" สนใจสร้างไฮสปีดเทรน ควงจีน-ฮ่องกงโชว์ความพร้อม
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 06:15
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังนายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือซีพี เข้าพบว่า ผู้บริหารซีพีได้นำพันธมิตรจากบริษัท ซิทิก คอนสทรัคชั่น จากฮ่องกง และบริษัทไห่หนาน จากประเทศจีน มาแสดงเจตนาที่จะเข้าร่วมดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ในเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 194 กิโลเมตร (กม.) วงเงินราว 150,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ทางบริษัทจะเดินหน้าศึกษาข้อมูลการดำเนินโครงการ และนำมาเสนอกระทรวงคมนาคมอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ค.58
ตอนนี้ยังไม่ได้ให้ซีพีและพันธมิตรก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางนี้ แต่ให้ไปศึกษาเท่านั้น และยังเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนที่สนใจทุกรายสามารถนำเสนอผลการศึกษาได้เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติปลายเดือน พ.ค.58 หลังจากนั้นจึงจะทราบความชัดเจนทั้งเงินลงทุนและผู้ลงทุน
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้บริษัท สตาร์ แบก ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างจากประเทศเยอรมนี ได้เข้าพบเพื่อแสดงความสนใจจะลงทุนโครงการรถไฟในไทย โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟจากสตูล-สงขลา ซึ่งตนได้แจ้งว่าโครงการดังกล่าวจะดำเนินการหลังปี 2559 จึงได้เสนอว่ายังมีรถไฟทางคู่เชื่อมฝั่งตะวันออกไปยังตะวันตก เส้นทางแม่สอด จ.ตากจ.มุกดาหาร ซึ่งทางผู้แทนของบริษัทรับปากว่าจะนำไปแจ้งรัฐบาลของเยอรมนี หากสนใจจะติดต่อกลับมาอีกครั้ง.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
Posted: 24/04/2015 8:37 pm Post subject: เบื้องหน้าเบื้องหลังรถไฟความไวสูง
เบื้องหน้าเบื้องหลังรถไฟความไวสูง ที่กรณี เพื่อไทย โดนขวางแต่พอ เจ้าสัวไทยเบฟและเจ้าสัวซีพี จะเล่นก็อนุมัติทันที
Vanchai Tantivitayapitak wrote: ทำไมจึงมีรถไฟความเร็วสูง
1 บริษัทซีพีและเบียร์ช้าง ถือได้ว่าเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความสัมพันธ์กับข้าราชการและนักการเมืองทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิดมาช้านาน จนสามารถได้ประโยชน์ทางธุรกิจจากสายสัมพันธ์ จนสร้างความมั่งคั่งมหาศาล
2 แต่ทั้งสองฉลาดพอที่จะไม่กระโจนเข้าเล่นการเมืองด้วยตนเอง นอกจากส่งคนของตัวเองไปเล่นการเมือง
3 แตกต่างจากทักษิณ นักธุรกิจที่ได้ดีจากสัมปทานสื่อสาร ที่กระโจนเล่นการเมืองด้วยตนเอง ผลคือถูกกลุ่มธุรกิจอื่นไล่กระทืบจนถึงทุกวันนี้
4 รถไฟความเร็วสูงที่ถูกคัดค้านในสมัยยิ่งลักษณ์ เป็นตัวอย่างที่กลุ่มธุรกิจจับมือกับนักการเมืองและข้าราชการไล่กระทืบกลุ่มทักษิณ ให้จมดิน
5 เมื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจ รัฐบาลทหารที่แตะมือลับ ๆ กับฝ่ายต่อต้านทักษิณ จึงอนุมัติรถไฟความเร็วสูงที่เคยได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้ฝ่ายที่เคยด่าไม่ต่อต้านแล้ว 555
6 ไม่แปลกใจหากประกาศว่า กลุ่มซีพีและเบียร์ช้าง จะได้สัมปทานทำรถไฟความเร็วสูง ในราคาที่แพงกว่าสมัยยิ่งลักษณ์เสียอีก เพราะผลประโยชน์ได้ถูกเกลี่ยให้กับอีกฝ่ายเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว
7 รัฐบาลไทยยุคนี้ถึงรักจีนมาก เพราะซีพีมีธุรกิจในจีนเยอะมาก ซีพีก็ประกาศแล้วว่าจะจับมือกับบริษัทจีน ทำรถไฟความเร็วสูง ทั้งๆที่ ผู้นำด้านนี้ตัวจริงคือญี่ปุ่น ที่ไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย
...
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10152814489947361&set=a.159623777360.113828.706872360&type=1
ส่วนกระบอกเสียงก็โอดครวญดั่งนี้
เพจดัง ถามแรง! นักต้านคอรัปชั่น หายไปไหนหมด? กรณี เอกชนดัง ชิงลงทุนไฮสปีดเทรน
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 11:31:05 น.
กรณีที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย ซึ่งได้นำพันธมิตร 2 บริษัท จากฮ่องกง และ จากประเทศจีน เข้าแสดงเจตนาที่จะเข้าร่วมดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 194 กิโลเมตร วงเงินเบื้องต้น 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ทางบริษัทจะเดินหน้าศึกษาข้อมูลการดำเนินโครงการเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมอีกครั้งในวันที่9พฤษภาคม2558นั้น (คลิ๊กอ่านข่าวที่นี่)
ล่าสุดเพจเฟสบุ๊กชื่อดังอย่างเพจ"ศาสดา"ที่มีผู้ติดตามกว่า2แสนคน ได้โพสต์วิจารณ์กรณีดังกล่าว โดยได้ ตั้งคำถาม ถึงผู้ที่เคยเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ประเทศปลอดการทุจริต หรือต้องการให้มีการดำเนินการโครงการของรัฐอย่างโปร่งใส ว่าจากกรณีดังกล่าว กลุ่มคนเหล่านี้ หายไปไหน ทำไมไม่ตั้งคำถามหรือตรวจสอบ เรื่องกระบวนการการดำเนินงานของภาครัฐ โดยเพจชื่อดังตั้งคำถามอีกว่า กรณีดังกล่าวมีการประมูลกันแล้วหรือยัง และจากข่าวดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ โดยได้เเสดงความกังวลว่าอาจจะมีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่อีกด้วย
Back to top