View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
nutsiwat
2nd Class Pass
Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
|
Posted: 20/06/2015 1:11 pm Post subject: |
|
|
ทำรถไฟความเร็วปานกลาง คือ 160 - 180 กม. เหมือนที่ประเทศมาเลเซียจะเปิดใช้ในเดือนกันยายน ปี 2015 นี้ ก็ได้นะครับ สำหรับเส้นทางสายกรุงเทพ - หัวหิน และ กรุงเทพฯ - พัทยา _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 24/06/2015 1:56 am Post subject: ไม่เอาเด่นชัย - เชียงรายแต่จะเอาเชียงใหม่ เวียงป่าเป้า เชียง |
|
|
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมชง ครม.สัญจร โครงการศึกษารถไฟความเร็วสูง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
22 มิถุนายน 2558 10:20 น.
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ เตรียมเสนอโครงการพัฒนา จ.เชียงใหม่ และการค้าชายแดนกว่า 10 โครงการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 29-30 มิถุนายนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมพื้นที่ชายแดนเพื่อพัฒนาการค้า การลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน โครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน จ.เชียงใหม่ เช่น โครงการศึกษาและออกแบบระบบขนส่งมวลชน เพื่อรองรับระบบรถไฟความเร็วสูง และเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งภูมิภาค 8 จังหวัดภาคเหนือโครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 118 เส้นทางเชียงใหม่-อ.เวียงป่าเป้า-จ.เชียงราย ระยะทาง 170 กิโลเมตร
นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 11 ส่วนต่อขยายจากแยกรินคำไปท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะทาง 4 กิโลเมตรก่อสร้างถนนหมายเลข 121 แนวใหม่ส่วนต่อขยายสนามกีฬาเชียงใหม่ 700 ปี ไป อ.แม่ริม หรือปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โครงการพัฒนาแก้ปัญหาคลองแม่ข่า อายุกว่า 700 ปี คู่เมืองเชียงใหม่ เพื่อแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย และการบุกรุกและโครงการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร เป็นต้น
ส่วนจะมีพลังมวลชนเคลื่อนไหวยื่นหนังสือหน้าศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา สถานที่จัดประชุม ครม.สัญจร ขณะนี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา |
|
Back to top |
|
|
unique
3rd Class Pass (Air)
Joined: 12/09/2006 Posts: 258
Location: กทม.
|
Posted: 24/06/2015 9:14 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | เทียบฟอร์มญี่ปุ่น-จีน ใครมีลุ้นโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 06:33 น.
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในประเทศไทย เป็นที่หมายตาของเจ้าของเทคโนโลยีหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและจีน ซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับสัมปทานในโครงการนี้มากที่สุด ทั้งสองประเทศต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน และรัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิทธิ์ในโครงการนี้
พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของไทย ได้พบกับนายอะกิฮิโระ โอตะ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม และมีพิธีลงนามแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศมีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง
รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นเปรียบเทียบศักยภาพรถไฟญี่ปุ่นกับจีน
รายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นได้วิเคราะห์ศักยภาพของรถไฟแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมระบุว่า การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นโครงการที่ญี่ปุ่นมีความหวังมากที่สุด ซึ่งหากรถไฟเส้นทางนี้ใช้เทคโนโลยีชินคันเซน ประเทศไทยจะถือเป็นประเทศที่ 2 ในโลก ต่อจากไต้หวันที่ใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น
ชินคันเซน ปลอดภัยสูงสุด
ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของชินคันเซน คือ เรื่องความปลอดภัย โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 ถึงปัจจุบันนานกว่า 50ปี ไม่เคยมีอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว
ในรายการโทรทัศน์ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า รถไฟชินคันเซนที่แล่นด้วยความเร็วถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นมีความนิ่ง ถึงขนาดที่สามารถวางเหรียญตั้งไว้บนขอบหน้าต่างของรถได้
ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการออกแบบที่เป็นเหมาะสมกับผู้โดยสารด้วย โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ถูกเชิญให้ไปออกแบบภายในรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่ามีการเกิดอาชญากรรมบนรถไฟสูงที่สุด โดยนักออกแบบของญี่ปุ่นได้ตกแต่งบรรยากาศภายในรถไฟใต้ดินใหม่ และช่วยลดการเกิดอาชญากรรมอย่างได้ผล
มูลค่าการส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของจีน นำหน้าทุกประเทศอย่างไม่เห็นฝุ่น
ชินคันเซนแพงกว่าจีน 3เท่าตัว
อุปสรรคที่สำคัญของรถไฟความเร็วสูงจากญี่ปุ่นคือราคาที่สูงมาก โดยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีเทคโนโลยีนี้ คือ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และจีนนั้น ต้นทุนการก่อสร้างของรถไฟชินคันเซนสูงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถไฟความเร็วสูงของจีนแล้ว ชินคันเซนแพงกว่าถึง 3 เท่าตัว
จีนคือเจ้าตลาดตัวจริง
วิทยากรในรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นยังได้แสดงถึงมูลค่าที่ประเทศสำคัญๆ ส่งออกเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง โดยจีนคือเจ้าตลาดที่ทำเงินจากเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงได้ถึง 3.7 ล้านล้านเยน ขณะที่ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส ทำรายได้ได้ไม่ถึง 1 ล้านล้านเยน ส่วนรถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น ทำรายได้จากการส่งออกเทคโนโลยีได้ไม่ถึง 0.5 ล้านล้านเยนด้วยซ้ำ
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของรถไฟชินคันเซน
บริษัทเอกชนญี่ปุ่นแข่งกับรัฐวิสาหกิจจีน
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นยอมรับว่า อุปสรรคที่รถไฟญี่ปุ่นที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ไม่ใช่เรื่องของเงินทุนหรือความทันสมัย แต่เป็นรูปแบบการบริหารจัดการ โดยบริษัทที่ผลิตรถไฟชินคันเซนมี 2 ราย คือ ฮิตาชิ และคาวาซากิ
หากแต่ ทางฝั่งจีน ผู้ผลิตรถไฟความเร็วสูงคือรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของคณะรัฐมนตรีจีนโดยตรง โดยแต่เดิมมี 2 บริษัท คือ หนานเชอ 中國南車 และ เป่ยเชอ 中國北車 แต่ในปี 2015รัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งได้ควบรวมกิจการกันเป็นบริษัท CRRC Corporation Limited หรือ จงกั๋วจงเชอ 中国中车 ซึ่งเป็นกิจการรถไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
การแข่งขันเรื่องรถไฟความเร็วสูงระหว่างญี่ปุ่นจีนนั้น จึงไม่ใช่การแข่งขันระหว่างบริษัทเอกชน แต่เป็นการแข่งขันระหว่างรัฐบาลของ 2 มหาอำนาจแห่งเอเชีย
แผนที่โครงการ "รถไฟเชื่อมเอเชีย" ของรัฐบาลจีน
ศึกการค้า ศึกการเมือง
รัฐบาลทั้งญี่ปุ่นและจีนได้ใช้ความพยายามทางการทูตและการเมืองในหลายมิติ เพื่อให้ได้สิทธิ์ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลจีนที่นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง เคยประกาศอย่างชัดเจนในระหว่างการเยือนประเทศไทยว่า ปรารถนาจะสร้างรถไฟเชื่อมภูมิภาคเอเชียให้ได้ แน่นอนว่ารัฐบาลแดนมังกรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นจริง
ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นยังยกตัวอย่างการจัดตั้ง ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือ AIIB ที่จีนเป็นผู้ริเริ่มและมี 57 ประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกนั้น เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญของโครงการทางรถไฟเชื่อมเอเชีย ซึ่งการออกแรงผลักดันโดยตรงจากรัฐบาลเช่นนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่อาจจะทำได้เพราะติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย แตกต่างจากฝ่ายจีนที่รัฐบาลสามารถสั่งการได้ทุกอย่าง
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการเดินรถไฟตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่จนถึงวันนี้รถไฟของไทยยังคงล้าหลังเหมือนเช่นเมื่อ 130 ปีก่อน จึงไม่มีใครปฏิเสธว่าการพัฒนาการขนส่งทางรางเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
อภิมหาโครงการที่มีมูลค่ามหาศาลนี้ไม่เพียงเป็น ชิ้นปลามัน ที่ใครๆต่างก็ปรารถนา หากแต่ยังเกี่ยวพันถึงดุลอำนาจของประเทศต่างๆในภูมิภาค รัฐบาลไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาทั้งมิติของการลงทุน, สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเมืองระหว่างประเทศให้รอบคอบ. |
ผมได้ยินมาว่า ฟิลิปปินส์ ได้บลูเทรนรุ่น24มือ2จากญี่ปุ่น
มองย้อนกลับมาที่บ้านเรา อันที่จริง ทำไมเราไม่ชิงจังหวะ ขอบลูเทรนที่ญี่ปุ่นกำลังจะเลิกใช้มาเลยละครับ
ไหนก็คุยเรื่องรถไฟความเร็วสูงกับญี่ปุ่นแล้ว และเป็นอะไรที่Win-Winทั้งสองฝ่ายด้วย ญี่ปุ่นได้โละของแถมซื้อใจพี่ไทย พี่ไทยเราก็ได้รถฟรีมือสองสภาพเยี่ยมมาใช้ อย่าว่าแต่บลูเทรนเลยครับ EMU หรือDMUบางรุ่นที่เค้าต้องการจะโละยกแผง ผมเชื่อว่าเราสามารถเพื่อขอ นำRe-gaugeมาใช้ในโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ดีกว่ารอซื้อของใหม่ ประหยัดงบไปได้เยอะ
และสักพักจะมีคนบอก"พี่ครับ ถ้ารถที่จะขอมาตัวรถกว้างหรือแคบกว่าชานชาลาจะทำไงละครับ?"
คือถ้าคิดว่า เหลาหรือแต่งชานชาลา แล้วไม่คุ้มบ้าง ไม่มีปัญญาทำบ้าง ทำแบบนี้ผมนี้ไม่ได้ค่าคอมบ้าง ถือว่า ขอมาทำปะการังเทียมก็ยังดีนะครับ ฮิตาชิ666จะได้ไม่เหงาครับ อย่างน้อยจะได้มีเด็กบ้านเกิดเดียวกันมาอยู่เป็นเพื่อน 5555555.....555(ถือว่าฮากัน666ครั้งแล้วกันครับ)
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเห็นผู้ใหญ่บ้านเราเก๋าในเรื่องที่จะทำให้ประเทศได้ผลประโยชน์แบบกินเปล่าแบบนี้ครับ |
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 25/06/2015 9:57 am Post subject: |
|
|
เส้นทางไหนที่ไม่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงผ่าน ทำเป็นทางคู่ขนาด 1 เมตรได้เลย สำหรับทางสายประธาน ส่วนทางสายย่อยก็เป็นทางเดี่ยวเหมือนเดิม
สำหรับรถไฟมือสองจากญี่ปุ่น ผมคิดว่าไม่เป็นการเสียเกียรติแต่อย่างใด หากมา re-use พร้อม re-guage ใช้งานใหม่ ฝีมือช่างเราดีๆ เยอะแยะไป ไม่เป็นรองใครในอาเซียน |
|
Back to top |
|
|
unique
3rd Class Pass (Air)
Joined: 12/09/2006 Posts: 258
Location: กทม.
|
Posted: 25/06/2015 11:42 am Post subject: |
|
|
black_express wrote: | เส้นทางไหนที่ไม่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงผ่าน ทำเป็นทางคู่ขนาด 1 เมตรได้เลย สำหรับทางสายประธาน ส่วนทางสายย่อยก็เป็นทางเดี่ยวเหมือนเดิม
สำหรับรถไฟมือสองจากญี่ปุ่น ผมคิดว่าไม่เป็นการเสียเกียรติแต่อย่างใด หากมา re-use พร้อม re-guage ใช้งานใหม่ ฝีมือช่างเราดีๆ เยอะแยะไป ไม่เป็นรองใครในอาเซียน |
ใช่ครับพี่ด่วนดำ ผมยังมองทะลุไปถึง พิพิธภัณฑ์ รถไฟ ที่บ้านแรามีดำริจะทำ อันที่จริง ไม่จำเป็น ต้องมีแค่รถไฟ ของไทยอย่างเดียวนะครับ ถ้าญี่ปุ่นยังมีชินกังเซน Series 0 หรือSeriesที่ใหม่กว่านั้น ในstock เป็นไปได้ที่เราจะขอนำมาจัดแสดง หรือ ไม่ก็อย่าง TGV รุ่น 1 ที่ทำสีคล้ายๆกับAD24C ของฝรั่งเศษที่จอดรอScrapก็มี ถ้าไปเจรจามา ผมเองเชื่อว่า สามารถขอมาได้เช่นกัน ซึ่งเท่ากับว่ามีของเจ๋งๆในพิพิธภัณฑ์ สร้างคุณค่ามากกว่าเดิมแน่นอน
หมายเหตุ แต่อย่างไรก็ตาม ผมขอความกรุณา แฟนรถไฟไทยทุกท่านนะครับ ช่วยกั๊ก ผมเข้าใจว่า บางท่านอินเตอร์มีตัวตนในบอร์ดต่างประเทศ ขอร้องกรุณาเก็บ ไอเดียที่ผมกับพี่ด่วนดำแชร์กันไว้ในใจพอนะครับ อยากให้เป็นไอเดียคนไทยเพื่อคนไทย อย่าเที่ยวไปพูดแชร์ในเวปต่างประเทศต่างภาษา เดี๋ยวจะพาพวกเราเสียโอกาสเหล่านี้ที่คิดกันก็อาจเป็นได้ครับ เพราะคนนอกเค้าอาจจะไว คาบไปทำซะก่อน ขอความกรุณาด้วยนะครับ
เพราะอะไรเหรอครับ ผมจำได้ว่าเคยได้ยิน อ.นคร จันทศร ท่านเคยเล่าประสบการณ์ ว่าท่านมีแนวคิด ในการพัฒนารถไฟ ตอนนั้นท่านคุยกับเกาหลี เกาหลีก็เอาแนวคิดของท่านไปใช้ซะงั้น ผลเป็นไงก็เห็นกันในปัจจุบันนะครับ ขอความกรุณาช่วยกั๊กมา ณ ที่นี้นะครับ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 26/06/2015 5:50 pm Post subject: |
|
|
ซีพี เคาะร่วมลงทุนรถไฟความเร็วสูง
ฐานเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2015 เวลา 17:18 น.
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานคณะผู้บริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือซีพี ได้รับการเชิญชวนจากภาครัฐให้ร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งทางบริษัทก็มีความสนใจ แต่ละร่วมลงทุนในสายช่วยเกื้อหนุนธุรกิจในเครืออย่างสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง (มาบตาพุด) โดยจะทำในนามของบริษัทแม่ ในส่วนของซี.พี.แลนด์จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ระยอง มูลค่า 7 พันล้านบาท และโรงไฟฟ้า |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 29/06/2015 10:24 am Post subject: |
|
|
คิกออฟรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ตั้งเป้าตอกเข็มไฮสปีดกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ปี 61
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 09:21 น.
คมนาคมคิกออฟความร่วมมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เผยญี่ปุ่นยังกังวลจำนวนผู้โดยสารไฮสปีด เตรียม 3 ทีมลงสำรวจส้นทางไฮสปีด กทม.-เชียงใหม่, กาญจนบุรี-สระแก้ว-แหลมฉบัง และการขนส่งสินค้า อาคม เผยทบทวนผลศึกษาไฮสปีด 3 เดือน คาดออกแบบรายละเอียดเสร็จปี 60 เริ่มก่อสร้างต้นปี 61
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ได้ประชุมคณะทำงานร่วมไทย-ญี่ปุ่นในการพัฒนาระบบราง ครั้งที่ 1 ระหว่างกระทรวงคมนาคมไทย กับ นายชิมูระ รองอธิบดีกรมรถไฟ ผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และท่องเที่ยว ของญี่ปุ่น (MLIT) และคณะ โดยได้ตกลงในการจัดทำแผนการทำงานร่วมกัน 3 ทีม ประกอบด้วย 1. ทีมสำรวจออกแบบเส้นทางโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. 2. ทีมสำรวจเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ระยะทาง 574 กม. และ 3. ทีมด้านระบบขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยจะส่งทีมเข้ามาในเดือน ก.ค.นี้ ส่วนคณะทำงานระดับกระทรวงจะนัดประชุมกันทุก 3 เดือน
ทั้งนี้ แผนการทำงานในส่วนของรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่นั้น จะนำผลการศึกษาความเป็นไปได้และข้อมูลเบื้องต้นที่มีเดิมมาทบทวน โดยทางญี่ปุ่นระบุว่าจะเริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมฉบับเต็ม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จากนั้นจะทำการสำรวจออกแบบประมาณ 1 ปี คาดว่าจะสรุปผลเบื้องต้นได้ประมาณกลางปี 2559 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติในหลักการ และการศึกษาออกแบบรายละเอียดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในต้นปี 2560 ซึ่งจะขออนุมัติดำเนินโครงการต่อไปเพื่อเริ่มก่อสร้างในต้นปี 2561
รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มีการศึกษาเบื้องต้นไว้แล้ว ซึ่งทางญี่ปุ่นย้ำว่าระบบรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นปลอดภัยสูงสุดในโลก ดังนั้นต้องมีความละเอียดรอบคอบในการสำรวจออกแบบ โดยเฉพาะด้านกายภาพและภูมิศาสตร์ โดยจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ตอน คือ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 384 กม. และพิษณุโลก-เชียงใหม่ ระยะทาง 288 กม. ใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 ปี
สำหรับรูปแบบการลงทุนและการเงินนั้น ญี่ปุ่นจะส่งบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาร่วมหารือ ซึ่งไทยเห็นว่าควรเป็นการร่วมทุนเพื่อแบ่งความรับผิดชอบกัน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเห็นว่ารถไฟความเร็วสูงจะต้องให้ความสำคัญต่อปริมาณผู้โดยสาร ซึ่งตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะผ่านเมืองท่องเที่ยวและเมืองธุรกิจ นอกจากนี้ ไทยจะมีแผนเชื่อมรถไฟ จากแม่สอด-มุกดาหาร (ตะวันตก-ตะวันออก) โดยเบื้องต้นมีการศึกษาช่วงแม่สอด-นครสวรรค์ ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม แล้ว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 07/07/2015 4:48 pm Post subject: |
|
|
′สามารถ ราชพลสิทธิ์′ฟันธง ญี่ปุ่นจะไม่ร่วมลงทุน′ไฮสปีดเชียงใหม่′เตือนไอ้เสือถอย
มติชน
วันที่ 07 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15:00:29 น.
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯและอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) โพสต์ข้อความและภาพผ่านเฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วันที่ 7 กรกฎาคมว่า
ฟันธง! ไฮสปีดเชียงใหม่ ญี่ปุ่นจะไม่ร่วมลงทุน
ผมขอบอกเสียก่อนว่า ผมไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งได้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation หรือ MOC) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโตเกียว
ใน MOC ฉบับนี้ระบุว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้เทคโนโลยีและประสบการณ์รถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นหรือชินคันเซ็น และทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพิจารณารูปแบบการลงทุนและความช่วยเหลือด้านการเงินจากญี่ปุ่นที่เหมาะสม
ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังศึกษาความเป็นไปได้การออกแบบรายละเอียดและการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการนี้หากย้อนดูผลการศึกษาความเป็นไปได้โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในปี พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2556
รวมทั้งผลการศึกษาโดยรัฐบาลญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 และผลการศึกษาโดยรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 พบว่าทุกการศึกษาให้ผลเหมือนกัน
นั่นคือรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ให้ผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Internal Rate of Return หรือ FIRR) แก่ผู้ลงทุนไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ด้วยเหตุนี้
ผมจึงคาดการณ์ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่ร่วมลงทุนกับรัฐบาลไทยเพื่อก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่แต่รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้รัฐบาลไทยกู้เงินบางส่วนรวมทั้งจะรับเหมาก่อสร้าง และขายขบวนรถไฟ วัสดุอุปกรณ์
ทั้งนี้ ผมมีเหตุผลสนับสนุนดังนี้
1.ผลการศึกษาทุกการศึกษาในอดีตยืนยันตรงกันว่ารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ให้ผลตอบแทนทางการเงิน(FIRR) ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน แม้ว่าการทบทวนการศึกษาความเป็นไปได้โดยทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ แต่ผมคาดว่าคงได้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากเดิม นั่นคือรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ให้ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงร่วมกับรัฐบาลไทย แต่รัฐบาลญี่ปุ่นเลือกที่จะให้เงินกู้ รับเหมาก่อสร้าง และขายขบวนรถไฟ รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งไม่มีความเสี่ยงแต่จะได้รับผลประโยชน์จากการให้กู้เงิน รับเหมาก่อสร้าง และขายขบวนรถไฟและวัสดุอุปกรณ์
2.รัฐบาลญี่ปุ่นเห็นตัวอย่างรูปแบบการลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลางเส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุดและเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีแนวโน้มว่ารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนจะไม่ร่วมลงทุนด้วย แต่จะให้ไทยกู้เงินบางส่วนเพื่อใช้ในการก่อสร้าง พร้อมทั้งจีนจะรับจ้างก่อสร้างงานบางส่วนที่ผู้รับเหมาไทยไม่ถนัด
อีกทั้ง จีนจะขายขบวนรถไฟ รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีในไทย ซึ่งจะทำให้ จีนไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในกรณีที่โครงการขาดทุน แต่จีนจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้ การได้งานก่อสร้าง การขายขบวนรถไฟและวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งการมีเส้นทางออกทะเลอีกเส้นทางหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ หากรัฐบาลไทยมั่นใจว่ารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะมีผู้โดยสารใช้บริการมาก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนรวมในการประหยัดเวลาการเดินทาง ลดการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง และลดอุบัติเหตุจราจร รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มการจ้างงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยว ฯลฯ หรือพูดได้ว่าโครงการนี้ให้ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return หรือ EIRR) ต่อประเทศไทยคุ้มค่ากับการลงทุน
รัฐบาลก็อาจเดินหน้ากู้เงินมาก่อสร้างได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจแล้วล่ะก็ถอยดีกว่า เก็บเงินไว้สร้างโครงการที่มีความจำเป็นและก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแน่นอนดีกว่า เช่น โครงการรถไฟทางคู่ ขนาดความกว้างของราง 1 เมตร เป็นต้น |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 03/08/2015 9:30 am Post subject: |
|
|
"ประจิน"ตั้งเป้าประมูลไฮสปีด มิ.ย.59 กลุ่ม ซีพี.-ไทยเบฟฯ ยืนยันพร้อมลงทุน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 สิงหาคม 2558 06:42 น. (แก้ไขล่าสุด 3 สิงหาคม 2558 08:08 น.)
"ประจิน"เร่งเสนอ ครม.ขออนุมัติรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และ กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง สั่งปลัดคมนาคม ประสาน สผ. เร่งอนุมัติ EIA ตั้งเป้าเปิดประมูล มิ.ย.59 ขณะที่ล่าสุด กลุ่มซีพี และไทยเบฟฯ ยืนยันพร้อมร่วมลงทุน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 81,136 ล้านบาท และ กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 193.5 กิโลเมตร วงเงิน 152,448 ล้านบาท ว่า ตามแผนงาน กระทรวงเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมกันทั้ง 2 เส้นทาง โดยในส่วนของขั้นตอนการพิจารณารายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินั้น ได้มอบหมายให้นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ประสานกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อขอเร่งรัดการจัดทำ EIA ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน จากปกติต้องใช้เวลาศึกษาพิจารณาประมาณ 1-2 ปี
พร้อมกันนี่ ให้ปลัดกระทรวงคมนาคมประสานกับสำนักเลขาธิการ ครม. เพื่อหารือว่าจะนำเสนอโครงการเข้า ครม.แบบมีเงื่อนไข คือ ขออนุมัติโครงการรอไว้ก่อนโดยจะดำเนินการก่อสร้างต่อเมื่อได้รับอนุมัติ EIA ได้หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ผู้แทน บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่ม ซีพี และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าพบอีก เพื่อรายงานความคืบหน้าว่า บริษัท ได้จัดเตรียมข้อมูลและรายละเอียดโครงการไว้พร้อมแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเคยระบุไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากรัฐบาลเปิดประกวดราคาเอกชน จะพร้อมเข้ายื่นข้อเสนอทันที
เป้าหมาของกระทรวงคมนาคม ต้องการดำเนินโครงการไฮสปีดเทน 2 เส้นทางไปพร้อมๆ กัน จึงจะพยายามเสนอครม.พร้อมกัน โดยจะเสนอครม.แบบมีเงื่อนไข จากเดิมที่ต้องให้ผ่านการพิจารณา EIA ก่อนจึงจะเสนอครม.เพื่อขออนุมัติ และประกวดราคาได้ ซี่งอาจจะล่าช้ามาก ดังนั้นจะเสนอครม.ขออนุมัติ ประกวดราคาไปพรางก่อน แต่จะก่อสร้างได้ก็ต่อเมื่อ ผ่านEIA แล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าทาง ครม.จะยอมหรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ตามกรอบเวลาเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดประกวดราคาทั้ง 2 เส้นทางได้ในเดือนมิ.ย.2559 เนื่องจากหากครม.เห็นชอบแล้ว ยังมีขั้นตอนการจัดทำร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) และการดำเนินการตามรูปแบบรัฐกับเอกชนลงทุนร่วมกัน ( PPP) ด้วย
ทั้งนี้ กลุ่ม ซีพีได้ยื่นข้อเสนอแสดงความสนในการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง โดยร่วมกับ บริษัท CITIC Construction Co.,Ltd. จากประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทด้านก่อสร้าง ออกแบบ ที่ปรึกษา มีสถาบันการเงินสนับสนุนครบวงจร และบริษัท ไหหนาน กรุ๊ป (HNA Group) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างท่าเรือ สนามบินและรถไฟ โดยแจ้งว่ามีความเชี่ยวชาญในการการดำเนินงานในรูปแบบ BOT (Build-Operate-Transfer) คือ ก่อสร้างเสร็จแล้ว บริหารตามสัญญาสัมปทาน แล้วจึงโอนกิจการเป็นของรัฐ
//-----------------
ตีตั๋วจองรถไฟไฮสปีด "ซีพี" เสนอแผนเดือนนี้ โพสต์เมื่อ : 03 ส.ค. 2558, 07:08 น. หมวดหมู่ : ธุรกิจ-ตลาด ชง ครม.อนุมัติสร้างรถไฟไฮสปีดเดือนนี้ คาด มิ.ย. 2559 ประกวดราคา ซีพีพร้อมเสนอแผน พล.อ.อ.ประจิน
http://m.posttoday.com/article/379799/18000
//-----------
รถไฟไฮสปีดเทรนเนื้อหอม
บ้านเมือง
วันจันทร์ ที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2558, 10.57 น.
A A A ขยายตัวอักษร
รถไฟไฮสปีดเทรนเนื้อหอม
เอกชนรุมตอมยื่นข้อเสนอสนใจลงทุน
กระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้กำกับดูแลโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญกับการเดินทางของประชาชนเป็นอย่างมาก ขณะนี้ที่กระทรวงคมนาคมก็ได้มีการเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน และโครงการรถไฟทางคู่ วันนี้จะขอนำเสนอความคืบหน้าบางส่วนของโครงการรถไฟไฮสปีดเทรน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 194 กิโลเมตร วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท และกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กิโลเมตร วงเงิน 81,136.20 ล้านบาท ว่าขณะนี้ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CP) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ THBEV ได้เดินทางเข้าพบเพื่อรายงานให้ทราบว่าขณะนี้เอกชนได้จัดเตรียมข้อมูลและรายละเอียดโครงการไว้พร้อมแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเคยระบุไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเปิดประกวดราคาเอกชนก็พร้อมเข้ายื่นข้อเสนอทันที ซึ่งยอมรับว่าล่าสุดมีเส้นทางที่พร้อมประกวดราคาเพียงเส้นทางเดียว คือ กรุงเทพฯ-พัทยา-มาบตาพุด ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้ดำเนินการศึกษา ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ศึกษานั้น ยังอยู่ระหว่างการจัดทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ขณะที่กระทรวงคมนาคมต้องการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ได้พร้อมกันทั้ง 2 เส้นทาง
สำหรับล่าสุดได้มอบหมายให้นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ประสานกับสำนักงานนโยบายและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อขอเร่งรัดการจัดทำ EIA เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เป็นกรณีพิเศษ โดยให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน จากปกติต้องใช้เวลาศึกษาประมาณ 1-2 ปี ขณะเดียวกันได้ให้ปลัดกระทรวงคมนาคมประสานกับสำนักเลขาธิการ ครม. เพื่อหารือว่าจะนำเสนอโครงการนี้เข้า ครม. เพื่อขออนุมัติรอไว้ก่อนได้หรือไม่ และค่อยดำเนินการก่อสร้างหลังจากได้รับอนุมัติ EIA แล้ว อย่างไรก็ตาม จากการประเมินกรอบเวลาเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดประกวดราคาทั้ง 2 เส้นทางได้ในเดือนมิถุนายน 2559 เพราะหลังจาก ครม.เห็นชอบแล้ว ยังมีขั้นตอนการจัดทำร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) และการดำเนินการตามรูปแบบรัฐกับเอกชนลงทุนร่วมกัน (Public-Private Partnership หรือ PPP)
ทั้งนี้ CP ได้หาผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างมาร่วมลงทุนด้วย คือ 1.บริษัท CITIC Construction Co., Ltd. จากฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งเรื่องการออกแบบ เป็นที่ปรึกษา รับเหมาก่อสร้าง และมีสถาบันการเงินของตัวเอง 2.บริษัท HNA Group จากประเทศจีน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างท่าเรือ และรถไฟ
ด้าน THBEV ได้มาเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน เพื่อเสนอตัวลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่ง พล.อ.อ.ประจิน ได้ระบุให้ THBEV ตั้งคณะทำงานขึ้นมาประสานงานกับคณะทำงานของกระทรวงคมนาคม ที่มี รฟท.กับ สนข.รับผิดชอบ เพื่อจัดทำรายละเอียดการลงทุนให้ชัดเจน ซึ่งหลังจาก THBEV จัดทำข้อมูลเสร็จแล้วจึงได้มารายงานให้ พล.อ.อ.ประจิน รับทราบดังกล่าว เพื่อยืนยันความพร้อมการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ล่าสุด รฟท. มีแผนจัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ จำนวน 218 ไร่ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของ รฟท. โดยแบ่งพื้นที่ดำเนินการออกเป็น 3 แปลง ประกอบด้วย แปลงที่ 1 จำนวน 35 ไร่ แปลงที่ 2 จำนวน 78 ไร่ แปลงที่ 3 จำนวน 105 ไร่ พร้อมนำแนวคิดการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit Oriented Development :TOD) มาใช้เป็นแนวทางศึกษาโครงการ โดย รฟท. ได้จัดจ้างบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมด้านธุรกิจและการลงทุนโครงการดังกล่าว ระยะเวลาศึกษา 240 วัน และจะมีการจัดสัมมนาเพื่อทดสอบความสนใจภาคเอกชนในการลงทุน (Market Sounding) ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่าจะจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน 2558
สำหรับพื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อจำนวน 218 ไร่ มีศักยภาพสูงสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ เนื่องจากเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จ จะเป็นศูนย์กลางการเดินทางและคมนาคมขนส่งของพื้นที่กรุงเทพมหานครและเชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศด้วยระบบรางทุกประเภท ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว รวมทั้งรถไฟทางไกลและรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ สายตะวันออก และใต้ นอกจากนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคมทางอากาศด้วย Airport Rail Link เชื่อมท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ และยังสามารถเชื่อมโยงกับโครงข่ายถนนหลัก ประกอบด้วย ถนนพหลโยธิน วิภาวดีรังสิต จุดขึ้น-ลงทางด่วนขั้นที่ 2 อีกด้วย ซึ่งที่นี่จะเป็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ครั้งแรกของ รฟท.ที่จะเพิ่มมูลค่าของที่ดินให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้จัดประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย-ลาว อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2 โดยมีการหารือประเด็นสำคัญคือความร่วมมือด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ทั้งนี้ เป็นการหารือร่วมกันระหว่างฝ่ายไทย โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่ง จากการหารือพบว่าโครงการความร่วมมือลาว-จีน เพื่อก่อสร้างรถไฟรางมาตรฐาน ความกว้าง 1.435 เมตร (Standard Gauge) คุนหมิง-ชายแดนลาว ระยะทาง 500 กิโลเมตร และชายแดนลาว-เวียงจันทน์ ระยะทาง 417 กิโลเมตร จะแล้วเสร็จภายใน 5 ปีจากนี้ โดยสอดคล้องกับโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ที่จะเริ่มการก่อสร้างปลายปี 2558 ดังนั้นในปี 2563 จะสามารถเชื่อมการเดินทางจากคุนหมิงมายังมาบตาพุดได้แน่นอน
สำหรับแผนการก่อสร้างทางรถไฟจากสถานีท่านาแร้ง (สปป.ลาว) ไปยังเวียงจันทร์ ขนาดราง 1 เมตร (Meter Gauge) ซึ่งสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (เนด้า) ให้ความช่วยเหลือนั้น ล่าสุด สปป.ลาวได้ยุติโครงการดังกล่าวแล้ว พร้อมโอนเงินที่เหลือจากโครงการนี้ประมาณ 990 ล้านบาท จากทั้งหมด 1,660 ล้านบาท มาไว้ในโครงการก่อสร้างรถไฟลาว-จีน รางมาตรฐานแทน เนื่องจากเห็นว่าสภาพสังคมและเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป จึงควรดำเนินการก่อสร้างรถไฟรางมาตรฐานจะเกิดประสิทธิผลสูงสุด ขณะปัจจุบันยังมีการให้บริการเดินรถไฟจาก จ.หนองคาย ไปยังสถานีท่านาแร้ง (สปป.ลาว) ที่ 4 เที่ยวต่อวัน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
|