View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 06/12/2016 10:35 am Post subject: |
|
|
เจรจารถไฟไทย-จีน ไทยต่อรองปลดเงื่อนไข ลงทุนไม่เสียเปรียบจีน ได้ฤกษ์ตอกเข็ม มี.ค. 60
โดย MGR Online
5 ธันวาคม 2559 07:56 น. (แก้ไขล่าสุด 5 ธันวาคม 2559 08:24 น.)
โครงการรถไฟไทย-จีนเจรจาสุดมาราธอน ไทยมุ่งมั่นถ้าจะลงทุนต้องไม่เสียเปรียบ ล่าสุดประชุมร่วมครั้งที่ 16 เห็นเค้าฝันเป็นจริง อาคม วางไทม์ไลน์ภายใน มี.ค. 60 ตอกเข็มช่วงแรก 3.5 กม. นำร่องโครงการ
โครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งรัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มต้นการพัฒนาเป็นระบบรถไฟทางคู่ขนาดทาง 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-กรุงเทพฯ และ แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม. ซึ่งได้มีความร่วมมือในการดำเนินการระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ (Framework of Cooperation : FOC)
คณะทำงานร่วมไทย-จีนมีการหารือกัน 9 ครั้ง จึงได้ตกลงจะร่วมมือดำเนินโครงการรถไฟรูปแบบ EPC : Engineering Procurement and Construction โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (SPV) เพื่อลงทุนใน 2 ส่วน คือ 1. ระบบรถไฟ การเดินรถ การซ่อมบำรุง 2. ส่วนของการก่อสร้าง เช่น แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบอาณัติสัญญาณ
และได้มีพิธีเชิงสัญลักษณ์ ปักธงเพื่อถือเป็นการเริ่มต้นโครงการ ณ สถานีรถไฟเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะเป็นศูนย์ควบคุมการเดินรถ หรือ OCC เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี นับจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2557 ที่ไทยและจีนได้เริ่มลงนามความร่วมมือนี้ร่วมกัน
เส้นทางแบ่งเป็น 4 ช่วง คือ
1. ช่วงกรุงเทพฯ (บางซื่อ)-แก่งคอย ระยะทาง 118.142 กิโลเมตร
2. ช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 134.213 กิโลเมตร
3. ช่วงแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 238.829 กิโลเมตร
4. ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 354.090 กิโลเมตร รวมระยะทาง 845.274 กิโลเมตร
ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ จีนเสนอที่ 2.5% พร้อมย้ำว่าพิจารณาอัตราที่ดีที่สุดให้ไทย ส่วนไทยต้องการที่ไม่เกิน 2% ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่จบง่ายๆ ส่วนค่าก่อสร้างขยับไปอยู่ที่ประมาณ 5.3 แสนล้านบาท ตัวเลขสูงปรี๊ด ทำเอาหลายฝ่ายไม่สบายใจ
เพราะโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีนตั้งต้นกันที่มูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท ต่อมามูลค่าโครงการเพิ่มเป็นกว่า 5 แสนล้านบาท เนื่องจากจีนกำหนดค่าแรงสูงถึงวันละ 800 บาท และมีการนำเข้าวัสดุจากจีนทำให้ต้นทุนโครงการสูงขึ้น
จีนโขกค่าดอกเบี้ยแพง ค่าก่อสร้างบาน ทำให้มีกระแสว่าอาจจะยกเลิกการเจรจากับจีน และจะเปลี่ยนไปเจรจากับทางญี่ปุ่นให้ทำแทน เรื่องนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง มาช่วยเจรจาใน 2 เรื่องหลัก คือ รูปแบบการลงทุนโดยต้องการให้ทางจีนมีสัดส่วนการลงทุนที่มากขึ้น จากไทย 40 จีน 60 เป็น 30-70 เป็นต้น และสัดส่วนในการลงทุนจะต้องครอบคลุมไปถึงการก่อสร้างด้วยจากเดิมจะครอบคลุมเรื่องการเดินรถ
เมื่อค่าก่อสร้างบานปลายจึงมีการปรับแผนงาน แบ่งการก่อสร้างเป็นเฟส จาก 4 ตอน
1. กรุงเทพฯ (บางซื่อ)-แก่งคอย
2. แก่งคอย-มาบตาพุด
3. แก่งคอย-นครราชสีมา
4. นครราชสีมา-หนองคาย เพื่อลดภาระต้นทุนโครงการ
โดยจะก่อสร้างเฟสแรกในตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และ
ตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา เป็นระบบทางคู่ และ
ตอนที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย ก่อสร้างเป็นทางเดี่ยวก่อน
ส่วนตอนที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด จะก่อสร้างในระยะต่อไปเพื่อลดค่าก่อสร้างลง โดยจะมีการเปลี่ยนถ่ายการขนส่งสินค้าที่หนองคาย และใช้ระบบทางคู่ ขนาดราง 1 เมตรลงไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนตอนที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด จะก่อสร้างในระยะต่อไป
แนวทางนี้ทำให้ลดต้นทุนโครงการจาก 5 แสนกว่าล้านบาท ลงประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่การเชื่อมต่อด้านผู้โดยสารจากจีน-ลาว เข้าหนองคาย-โคราช-กรุงเทพฯ ยังมีความสะดวกเชื่อมต่อไร้รอยต่อ ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะแนวเส้นทางในลาวเป็นทางเดี่ยวที่เน้นขนส่งผู้โดยสาร ส่วนสินค้าใช้รถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบังในการขนส่งสินค้าได้
รถไฟไทย-จีนมีการปรับรื้อแผนงานกันตลอดเวลา พร้อมกับเงื่อนไขใหม่ๆ ที่จีนอยากจะได้ เช่น สิทธิการพัฒนาพื้นที่สองข้างทางสถานี และรายได้อื่นที่ไม่เกี่ยวกับโครงการ ขณะที่ฝ่ายไทยย้ำชัดเจนจีนไม่มีสิทธิเรื่องที่ดินแน่นอน ที่ดินรถไฟให้ใครไม่ได้
ก่อนการหารือร่วม ครั้งที่ 10 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสในการหารือแบบทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างการเดินทางไปประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 ที่เมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 22-23 มี.ค. 59 ปรับแผนโครงการรถไฟไทย-จีนอีกครั้ง โดยจะก่อสร้างเป็นรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) แบบทางคู่ แค่เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร (กม.) ความเร็ว 250 กม.ต่อชั่วโมง วงเงินลดลงมาอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนเส้นทางที่เหลือถึงหนองคายจะชะลอออกไปจนกว่าจะมีความพร้อม
เป็นการพลิกเกม ตัดปัญหา และนำโครงการเข้าสู่ทิศทางที่เหมาะสมของไทยมากกว่าตามใจจีนจนเกินไป
โดยรายละเอียดโครงการที่ปรับใหม่ คือ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการทั้งหมด โดยแบ่งเป็น
1. งานก่อสร้าง ที่ไทยจะรับผิดชอบทั้งงานพื้นราบ งานสะพานและอุโมงค์ แต่ฝ่ายจีนจะเข้ามาควบคุมงานสร้างสะพานและอุโมงค์ให้พร้อมใช้เทคโนโลยีจากจีน โดยจะใช้ผู้รับเหมาไทย ซึ่งเปลี่ยนจากแผนเดิมที่เคยแบ่งงานว่าฝ่ายไทยจะรับผิดชอบก่อสร้างเฉพาะงานพื้นราบ ส่วนสะพานและอุโมงค์ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบโดยคัดเลือกผู้รับเหมาจีนเข้ามาก่อสร้าง
2. งานระบบและเดินรถ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ไทยและจีนมีแผนจะร่วมทุนจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) มาเป็นการจัดหาผู้รับสัมปทานเดินรถแบบรัฐและเอกชนลงทุนร่วมกัน (PPP), ตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่งจีนอาจเข้ามาร่วมก็ได้, ให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเป็นผู้เดินรถ, จัดตั้งเป็นบริษัทเอกชน แต่ชัดเจนว่าระบบและตัวรถต้องใช้สินค้าจากประเทศจีนเท่านั้น
การประชุมครั้งที่ 10 เดินหน้า เร่งออกแบบรายละเอียด (Detail & Design) รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) เพื่อกำหนด TOR ประมูล และเริ่มต้นก่อสร้างงานโยธาส่วนแรกให้ได้ภายในเดือน ส.ค.-ก.ย. 2559 โดยไทยจะตั้งบริษัทเดินรถลงทุน 100% ยินดีใช้แหล่งเงินกู้จากจีนหากได้รับเงื่อนไขทางการเงินที่เหมาะสมและถูกที่สุด
มูลค่าโครงการจากที่จีนคำนวณไว้ที่ 1.9 แสนล้านบาท ไทยเจรจาลงมาที่กรอบวงเงินโครงการ 179,412.21 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 4 ตอน ประกอบด้วย
ตอนที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. (สถานีกลางดง-ปางอโศก)
ตอนที่ 2 จากปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.
ตอนที่ 3 แก่งคอย-โคราช ระยะทาง 119 กม.
ตอนที่ 4 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 119 กม.
โดยจะก่อสร้างตอนที่ 1 (สถานีกลางดง-ปางอโศก) ระยะทาง 3.5 กม.ก่อนเพื่อให้โครงการได้เริ่มต้น เพราะเป็นจุดที่ไม่ต้องเวนคืน ทำได้เร็วสุด ตั้งเป้าตอกเข็มใน ธ.ค. 59 ค่าก่อสร้างคันดินฐานรากประมาณ 200 ล้านบาทเศษ
แต่จีนยังเล่นแง่ ออกแบบมาโดยใช้รหัสวัสดุเป็นของจีนหมด ทำให้ต้องเสียเวลาในการถอดแบบและปรับรหัสมาตรฐานวัสดุใหม่เพื่อเทียบเคียงกับมาตรฐานวัสดุไทยจึงจะคำนวนราคากลางออกมาได้
ล่าสุดประชุมร่วมครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า มีการปรับแผนขยับตอกเข็มเริ่มก่อสร้างตอนที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. (สถานีกลางดง-ปางอโศก) จาก ธ.ค. 59 ไปเป็น มี.ค. 2560 เนื่องจากประเด็นหลักเรื่องแบบก่อสร้าง ร่างสัญญา จ้างออกแบบ ควบคุมงาน ยังไม่เรียบร้อย แต่จะต้องยุติใน ธ.ค. 59 ให้ได้ เพราะยังมีขั้นตอนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเปิดประมูลใน ก.พ. 60
นอกจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมประชุมประจำปีของคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC : Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation China-Thai) ณ กรุงปักกิ่ง ช่วงวันที่ 7-12 ธ.ค. 2559 ซึ่งในวันที่ 9 ธ.ค.นั้นจะมีการหารือถึงความก้าวหน้าความร่วมมือโครงการรถไฟไทย-จีน พร้อมกับมีการลงนามใน MOC หรือบันทึกความร่วมมือไทย-จีน ยืนยันเจตนารมณ์ว่าไทยจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ-หนองคายเหมือนเดิม เรื่องนี้จีนกังวล รวมถึงนายกรัฐมนตรี สปป.ลาวได้เคยหารือถึงประเด็นนี้เช่นกัน เพราเกรงว่าจะไม่สามารถต่อเชื่อมกับรถไฟจีน-ลาว กับไทยได้
โครงการนี้เจรจากันมาครบ 2 ปีแล้ว ยืดเยื้อ เจรจาไปเรื่อยๆ ถูกวิจารณ์สารพัด เลื่อนตอกเข็มหลายรอบก็เพื่อไม่ให้จีนเอาเปรียบ ไทยคือศูนย์กลางอาเซียน นี่คือแต้มต่อ สำคัญ รถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการที่จะพัฒนายกระดับในหลายๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว คุณภาพชีวิต การค้าการลงทุน รัฐบาล คสช.ผลักดันรถไฟไทย-จีนโดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนไทย ประเทศไทยก่อน ตามเป้าหมายอีกไม่นานจะเห็นกันว่า 2 ปีที่ประชุมกันมาราธอนเพื่อประโยชน์สูงสุด
ซึ่งไม่ใช่แค่ความร่วมมือไทย-จีน (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) แต่ยังมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมออกไป 4 ภาคของไทย ซึ่งอีก 3 เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (ความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น) ส่วนกรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน จะเปิดร่วมทุน PPP ในปี 2560 การผลักดันนโยบายของรัฐบาลอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ยั่งยืน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 07/12/2016 4:28 pm Post subject: |
|
|
ครม.ไฟเขียว "สมคิด" ลงนามรถไฟไทย-จีน 9 ธ.ค.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
07 ธันวาคม 2559เวลา 15:50:02 น.
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 เพื่อยืนยันความร่วมมือจะดำเนินการรถไฟเส้นทางกรุงเทพ ฯ-นครราชสีมา และ นครราชสีมา-หนองคาย โดยจะพยายามเริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟเส้นทางกรุงเทพ ฯ นครราชสีมา ในต้นปี 2560 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะดำเนินการตามขั้นตอนภายในเพื่อให้สามารถลงนามบันทึกความร่วมมือได้ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.2559 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนาม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 08/12/2016 1:17 pm Post subject: |
|
|
จีนส่งแบบสร้างรถไฟเร็วสูง 3.5 กม.ให้ไทย เร่งตรวจสรุปเสร็จก่อน ม.ค.60
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 08 ธันวาคม 2559 เวลา 11:30:01 น.
เดินหน้ารถไฟฟ้าไทย-จีน
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยจีน ครั้งที่ 5 ในวันที่ 9 ธันวาคม ที่กรุงปักกิ่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายหวัง หย่ง รัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นประธานร่วมประชุม ในระหว่างการประชุมจะลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างตน และรองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของไทย เพื่อยืนยันความร่วมมือโครงการก่อสร้างไทยจีนที่อยู่ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ดังกล่าว เพื่อให้โครงการดำเนินการตามแผนที่วางไว้
"ในการประชุม ครม.วันที่ 7 ธันวาคม ได้เห็นชอบร่างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ว่าด้วยการกระชับความร่วมมือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของไทย (ปี 2558-2565) โดยโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีนจะดำเนินการตามเจตนารมณ์ที่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันไว้ ขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน คืบหน้า 3 เรื่อง คือ จีนได้ส่งแบบการก่อสร้าง 3.5 กิโลเมตร แรกให้กับไทยแล้วและอยู่ระหว่างตรวจแบบแล้ว 90% จะสรุปได้ธันวาคม หรือมกราคม 2560"
นายอาคมกล่าวและว่า ที่ผ่านมาได้เจรจากับจีนเพื่อให้มูลค่าลงทุนโครงการก่อสร้างลดลง โดยเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา งบลงทุนเหลือ 179,421 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 220,000 ล้านบาท การก่อสร้างในช่วงที่ 2 นั้นจะดำเนินการทันทีหลังลงนามสัญญาในเดือนมกราคม 2560 โดยจะทำคู่ขนานกับการก่อสร้างช่วงที่ 1 เพื่อให้มีความต่อเนื่อง" นายอาคมกล่าว
//----------------------
ครม.อนุมัติกรอบความร่วมมือรถไฟไทย-จีน "สมคิด-อาคม" บินปักกิ่งเซ็น MOC 9 ธ.ค.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 07 ธันวาคม 2559 เวลา 16:38:00 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ธันวาคม 2559 มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟหรือรถไฟไทย-จีน ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565
ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 5 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2559 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยจะลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ กับรองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อยืนยันความร่วมมือในโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟระหว่างไทย - จีน โดยมีสาระสำคัญของบันทึกความร่วมมือฯ ดังนี้
1.ความร่วมมือดังกล่าวเป็นความร่วมมือโครงการรถไฟขนาดทางมาตรฐานสายแรกของประเทศไทย เส้นทางหนองคาย - นครราชสีมา - แก่งคอย - ท่าเรือมาบตาพุด และแก่งคอย - กรุงเทพฯ
2.แบ่งการดำเนินงานเป็น 4 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ - แก่งคอย ช่วงที่ 2 แก่งคอย - ท่าเรือมาบตาพุด ช่วงที่ 3 แก่งคอย - นครราชสีมา และช่วงที่ 4 นครราชสีมา - หนองคาย
3.ทั้งสองฝ่ายยืนยันความร่วมมือการดำเนินโครงการรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ - หนองคาย โดยเห็นชอบร่วมกันว่า ให้เริ่มดำเนินโครงการฯ เส้นทางกรุงเทพฯ - นครราชสีมา เป็นลำดับแรก
ส่วนเส้นทางนครราชสีมา - หนองคาย จะหารือร่วมกันทันทีภายหลังการลงนามในสัญญาการออกแบบรายละเอียดสัญญาที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง สัญญางานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งขบวนรถไฟและการฝึกอบรมบุคลากรของเส้นทางกรุงเทพฯ - นครราชสีมา โดยจะดำเนินการร่างสัญญาให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2560
4.เริ่มการก่อสร้างเส้นทางกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ประมาณต้นปี 2560 และจะดำเนินการเตรียมรายละเอียดเส้นทางนครราชสีมา - หนองคาย เป็นลำดับต่อไป เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีความต่อเนื่อง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 13/12/2016 9:18 pm Post subject: |
|
|
อาคมเซ็นอีกยืนยันรถไฟไทย-จีน
มติชน
วันที่: 10 ธันวาคม 2559 เวลา 11:05 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างไทย-จีน กับนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน ที่ปักกิ่ง ว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการยืนยันความร่วมมือในโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟระหว่างไทย-จีน อยู่ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 มีการลงนามไป
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2557 และกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย พ.ศ.2558-2565 โดยมีการลงนามไปเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา
เริ่มกรุงเทพฯ-โคราชสายแรก
นายอาคมกล่าวว่า สาระสำคัญของบันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญใน 4 เรื่อง คือ
1. ความร่วมมือที่ 1 ความร่วมมือจะเป็นโครงการรถไฟขนาดทางมาตรฐานสายแรกของประเทศไทย เส้นทางที่ 1 หนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด และแห่งที่ 2 แก่งคอย-กรุงเทพฯ
2. ความร่วมมือที่ 2 จะดำเนินการโครงการรถไฟออกเป็น 5 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ช่วงที่ 2 แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย และ
3. ความร่วมมือที่ 3 ทั้งสองฝ่ายยืนยันความร่วมมือดำเนินโครงการรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันว่าให้เริ่มโครงการลำดับแรกในเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา
ส่วนโครงการลำดับที่ 2 ดำเนินการในเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย โดยรายละเอียดของโครงการจะมีการหารือทันทีหลังการลงนามสัญญาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับรายละเอียดของสัญญาจะว่าด้วยเรื่องของการออกแบบ ที่ปรึกษาคุมงาน ก่อสร้าง งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกลรวมทั้งขบวนรถไฟ รวมไปถึงการฝึกอบรมบุคลากร โดยจะครอบคลุมในทุกเรื่อง สำหรับโครงการลำดับแรกคาดว่าจะดำเนินการร่างสัญญาให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2560 และจะเริ่มการก่อสร้างโครงการเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ได้ภายในต้นปี 2560 และจะดำเนินการตามรายละเอียดของงานสำหรับโครงการเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย เป็นอันดับต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 27/12/2016 6:12 pm Post subject: |
|
|
เข็นรถไฟไทย-จีนเข้าครม.ต้นปีหน้า
เดลินิวส์
อังคารที่ 27 ธันวาคม 2559 เวลา 07.55 น.
กระทรวงคมนาคม อัพเดทการดำเนินงานแอคชั่นปี 59 เดินหน้าต่อเนื่อง เตรียมชง ครม. อนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน ม.ค.60 ก่อนบินถกที่ประเทศจีน 16-18 ม.ค.60 เล็งประกวดราคาไฮสปีด กทม.-หัวหิน และ กทม.-ระยอง ไตรมาส 3 ปี 60
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมระยะเร่งด่วน (แอคชั่นแพลน) ปี 2559 ว่า ที่ประชุมได้ติดตามการดำเนินงานของโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม จำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุน 1,410,763 ล้านบาท โดยโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น คืบหน้า 13.41% โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง A ที่ท่าเรือแหลมฉบัง คืบหน้า 53.25% โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ระยะที่ 1) คืบหน้า 26.75% และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือสายพัทยา-มาบตาพุด คืบหน้า 15.14%
นายพีระพล กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างประกวดราคา ประกอบด้วย โครงการทางหลวงพิเศษ สายบางปะอิน-นครราชสีมา จำนวน 40 ตอน ลงนามสัญญาแล้ว 25 ตอน อีก 14 ตอนประกวดราคาแล้ว ส่วนอีก 1 ตอน คาดว่าจะประกวดราคา ม.ค.60, สายบางใหญ่-กาญจนบุรี จำนวน 25 ตอน ลงนามสัญญาแล้ว 9 ตอน ที่เหลืออีก 15 ตอน จะลงนามสัญญาในเดือน ธ.ค.59 และอีก 1 ตอน อยู่ระหว่างประกวดราคา, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ดำเนินการแล้ว 3 งาน อยู่ระหว่างประกวดราคา 1 งาน, โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี คาดว่าทั้ง 3 เส้นจะเสนอครม. ได้ เม.ย. 60 ก่อนลงนามสัญญา และเริ่มดำเนินงาน พ.ค.60 สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ, ช่วงนครปฐม-หัวหิน และช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ คาดจะเสนอราคาวันที่ 1 มี.ค.60 ลงนามในสัญญา 26 มี.ค.60 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อไป ส่วนโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงอ่อน และสายสีแดงเข้ม เตรียมการประกวดราคา มี.ค.-ก.ค.60 ลงนามสัญญา ก.ย. และเริ่มก่อสร้าง ต.ค.60
นายพีระพล กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการที่เตรียมเสนอ ครม. ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ คาดว่าจะเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมและ ครม. เห็นชอบได้ ม.ค.-ก.พ.60 ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จัดเตรียม และเจรจา ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน และช่วงกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ทั้ง 2 เส้น เตรียมเปิดประกวดราคาในช่วงไตรมาส 3 ปี 60 (ก.ค.-ก.ย.60), โครงการความร่วมมือการก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย คาดเสนอ ครม. ม.ค.60 ก่อนที่ฝ่ายไทยจะเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการความร่วมมือการก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 17 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนในวันที่ 16-18 ม.ค.60 ส่วนโครงการความร่วมมือการก่อสร้างทางรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก จะมีการเสนอรายงานความเหมาะสมของโครงการภายในไตรมาสแรกของปี 60 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 02/01/2017 5:36 pm Post subject: |
|
|
โยกฮับไฮสปีดเทรนพ้นสถานีกลางบางซื่อสศช.ชงปักหมุดภาชี
โดย ฐานเศรษฐกิจ - 2 January 2560
ผ่าทางตันเขตทางรถไฟเข้ากรุงเทพฯคับแคบ สศช.เสนอย้ายฮับรถไฟไฮสปีดไปไว้สถานีบ้านภาชี พระนครศรีอยุธยา พัฒนารถไฟสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์เชื่อมโยง ลดความแออัดสถานีกลางบางซื่อไว้รองรับการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่
แม้จะหารือกันร่วม 16 ครั้งแต่ดูเหมือนว่าโครงการรถไฟภายใต้ความร่วมมือไทย-จีน รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่นจะยังไม่ลงตัว ปมปัญหาสำคัญข้อหนึ่งคือเขตทางรถไฟช่วงกรุงเทพฯ-อยุธยามีจำกัด โดยแต่ละประเทศอ้างจะใช้ระบบอาณัติสัญญาณของตนเอง จนทำให้ฝ่ายไทยต้องปรับแก้ไขแบบเส้นทางครั้งแล้วครั้งเล่า ล่าสุดเริ่มสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)แนะปลดล็อก จากเดิมที่วางแผนให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์รวมรถไฟความเร็วสูง และเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นจุดเริ่มต้นแทน
โดยเรื่องนี้แหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ว่า จากการร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงกรณีปมความล่าช้าการพัฒนาเส้นทางรถไฟไทย-จีนและไทย-ญี่ปุ่น โดยเฉพาะความไม่ลงตัวของการใช้เส้นทางช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี เนื่องจากทับซ้อนกับแอร์พอร์ตเรลลิงค์และเขตทางมีจำกัด
โดยควรกำหนดให้จุดเริ่มต้นโครงการอยู่ที่บ้านภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา แทนที่จะมาสิ้นสุดที่บางซื่อ เพราะฝ่ายญี่ปุ่นยืนยันชัดเจนว่าจะใช้ระบบชินคันเซน ซึ่งจะไม่รองรับระบบรถไฟของจีน ต่างจากรถไฟจีนที่ระบบอาณัติสัญญาณจะเปิดกว้างมากกว่า อีกทั้งหากย้ายชุมทางรถไฟความเร็วสูงไปอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา จะเป็นการขยายพื้นที่ความเจริญออกไปสู่เมืองบริวารของกรุงเทพฯ ด้วยการสร้างจุดเด่นด้วยระบบราง และกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย
เป็นการเริ่มต้นระบบของรถไฟไทยภายใต้ความร่วมมือต่อกันได้อย่างลงตัว เพียงปลดล็อกความคิดว่า ไม่ต้องเริ่มต้นที่บางซื่อก็ทำได้แล้ว อีกทั้งบางซื่อยังลดความหนาแน่นของชุมทางไปได้อีกมาก เพื่อให้เกิดการพัฒนากิจกรรมอื่นในอนาคตได้อีกด้วย โดยเฉพาะระบบรางเส้นทางอื่น ๆ ที่จะเชื่อมเข้ามายังสถานีกลางบางซื่อ โดยช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชีนั้นเพียงขยายแนวเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ออกไป อีกทั้งยังต่อขยายจากสนามบินสุวรรณภูมิไปถึงระยองได้อีกด้วย ประการสำคัญแนวเส้นทางที่ซ้ำซ้อนกันช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี ก็จะลดความแออัดลงไป เนื่องจากจะมีเพียงสายสีแดงในเส้นทางรถไฟชานเมืองและแอร์พอร์ตลิงค์ใช้พื้นที่เขตทางเท่านั้น ทำให้สามารถใช้รถไฟทั้งสองระบบให้เกิดศักยภาพสูงสุด เพิ่มความถี่การเดินรถได้มากขึ้น และช่วยประหยัดงบประมาณลงไปได้อีกมากมาย
นอกจากนั้นสนข.และสศช. ยังมองความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ที่จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นการเจริญของเมือง เมืองตามแนวเส้นทางยังจะได้อานิสงส์ เพียงแต่จะต้องวางแผนของการพัฒนาแต่ละพื้นที่แต่ละเมืองตามไปด้วย อีกทั้งยังต้องหารือร่วมกันในด้านการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี จัดพื้นที่ที่ไกลจากแนวเส้นทางให้เกิดการพัฒนาด้วยกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่โดดเด่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งแหล่งท่องเที่ยว คลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ ศูนย์วิจัย สถาบันการศึกษา ถือเป็นกิจกรรมที่มีส่วนทำให้เติบโตทางเศรษฐกิจได้
เปิดโอกาสให้เมืองเติบโตด้วยกิจกรรมต่าง ๆ แต่หากมีรถไฟฟ้านักลงทุนจะตัดสินใจเร็วขึ้น เพียงรัฐช่วยด้านการจัดหาพื้นที่ การวางผัง ระเบียบกฎหมาย ตลอดจนช่วยหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ประการสำคัญจ.พระนครศรีอยุธยาปัจจุบันเครือข่ายอุตสาหกรรม และแหล่งท่องเที่ยวมีพร้อม แต่อาจจะจัดหาเพิ่มด้านการเชื่อมโยงระบบขนส่ง อาทิ รถเช่า โรงแรม ร้านอาหาร จัดแหล่งท่องเที่ยวให้ดี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องกำหนดแผนพัฒนาร่วมกับเอกชนในพื้นที่
ทั้งนี้ เส้นทางส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ควรจะเข้ามามีบทบาทในการเชื่อมโยงภายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลด้วยศักยภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถต่อยอดได้อีกมากมาย โดยเริ่มต้นจากบ้านภาชี ผ่านสถานีกลางบางซื่อ เชื่อมไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะไปสิ้นสุดที่ระยอง หรือจังหวัดตราด เพียงเพิ่มศักยภาพให้บริการด้วยขบวนรถให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างเต็มที่เท่านั้น
ด้านนายมานพ พงศทัต ศาสตราภิชาน ภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า คงจะมีผลต่อการเติบโตของเมืองเหล่านั้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ก็ต้องระมัดระวังกรณีไปกระทบเขตเมืองชั้นในของแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะพระนครศรีอยุธยา และสุโขทัย แต่หากสามารถเข้าไปมีส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดได้ ก็จะเกิดมูลค่าเพิ่มของโครงการ และกลับคืนสู่การลดต้นทุนของโครงการได้ไม่มากก็น้อย
รถไฟความเร็วสูงจะเน้นเชื่อมโยงเมืองสู่เมือง หรือจังหวัดสู่จังหวัด ซึ่งแต่ละเส้นทางสามารถเชื่อมไปแต่ละภาคแต่จะต้องไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลๆหรือเปลี่ยนขบวนบ่อยครั้งเท่านั้นเอง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,223 วันที่ 1 4 มกราคม 2560 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 04/01/2017 12:22 pm Post subject: |
|
|
งานนี้สภาพัฒน์ โดนโห่และให้กล้วยแน่ๆ เพราะ ความคิดเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรกะ คนที่มีหัวไว้คั่นใบหูโดยแท้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2017 10:18 am Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนติดปม วิศวกรจีนออกแบบขัด กม.ไทย จีนเสนอใช้ ม.44 ปลดล็อก
โดย MGR Online
10 มกราคม 2560 09:24 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มกราคม 2560 09:31 น.)
รถไฟไทย- จีนส่อติดหล่ม เจอปัญหาใช้วิศวกรจีนออกแบบแต่กฎหมายไทยกำหนดให้ผู้ออกแบบต้องสอบผ่านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของไทย จีนหัวใสเสนอไทยใช้คำสั่ง มาตรา 44 ปลดล็อก เล็งเจรจาจีนยอมสอบตามกฎหมายไทย
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ความร่วมมือไทย-จีน ในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.35 กิโลเมตร (กม.) 179,412.21 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องการออกแบบ เรื่องสัญญาต่างๆ นั้น ขณะนี้ติดปัญหาสำคัญเรื่องการออกแบบที่กฎหมายประเทศไทยระบุให้ผู้ที่ออกแบบโครงการก่อสร้างในไทยจะต้องสอบผ่านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศกรของไทย ขณะที่ฝ่ายจีนเห็นว่าวิศวกรของตนมีมาตรฐานอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องมาสอบใบอนุญาตในไทยอีก ซึ่งหากหาทางออกไม่ได้อาจจะส่งผลต่อการดำเนินโครงการได้
ทั้งนี้ เป้าหมายในการประชุมร่วมครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า จะมีการตอกเข็มเริ่มก่อสร้างตอนที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. (สถานีกลางดง-ปางอโศก) จากเดือน ธ.ค. 2559 ไปเป็น มี.ค. 2560 เนื่องจากประเด็นหลักเรื่องแบบก่อสร้าง, ร่างสัญญา จ้างออกแบบ ควบคุมงาน ยังไม่เรียบร้อย และยังมีขั้นตอนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเปิดประมูลใน ก.พ. 2560
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ได้มีการประชุมเตรียมการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยมีนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ซึ่งได้เชิญผู้แทนจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกมาร่วมหารือในประเด็นปัญหาการออกแบบ ที่กฎหมายประเทศไทยระบุให้ผู้ที่ออกแบบโครงการก่อสร้างในไทยจะต้องสอบผ่านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศกรของไทย ซึ่งจีนเสนอให้ฝ่ายไทยใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เพื่อปลดล็อก
ขณะที่ฝ่ายไทยเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายมาตรา 44 เข้ามาช่วยเพราะอาจทำให้การทำงานไม่ได้รับการยอมรับ และหากจะใช้จริงก็ควรได้รับความยินยอมจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกด้วย ที่ประชุมเตรียมการฯ จึงมีความเห็นว่าในการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งที่ 17 ที่กรุงปักกิ่ง ควรเจรจาให้ฝ่ายจีนยอมกระทำตามกฎหมายของไทยด้วยการให้วิศวกรจีนมาสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของไทย และให้มีวิศกรไทยร่วมในการออกแบบด้วย แต่หากเจรจาแล้วไม่สามารถตกลงกันได้ ทางสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกเสนอว่าให้ใช้กฎหมายมาตรา 44 เข้ามาช่วยได้แต่ไม่ควรปลดล็อกทั้งหมด โดยฝ่ายจีนจะต้องส่งตัวแทนวิศวกรที่ออกแบบมาสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของไทย และต้องให้วิศวกรไทยร่วมในการออกแบบ
ประเด็นที่จีนขอให้ไทยใช้มาตรา 44 มาปลดล็อกไม่ต้องให้วิศวกรจีนสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของไทย ไทยไม่อยากทำแบบนั้น เพราะเป็นเรื่องทางวิชาชีพ และอาจทำให้การทำงานไม่เป็นที่ยอมรับ ทางสภาวิศวกรกับสภาสถาปนิกก็ไม่เห็นด้วย แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้รับทราบปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว ส่วนการออกแบบช่วงที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. บริเวณ กม.150+500 ถึง กม.154+000 ระหว่างสถานีกลางดง-สถานีปางอโศก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งวิศวกรจีนดำเนินการเสร็จแล้วนั้น ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยังไม่สามารถอนุมัติแบบได้จนกว่าจะปลดล็อกเรื่องดังกล่าวก่อน และให้ฝ่ายจีนส่งแบบมาให้พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับกำหนดการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งที่ 17 เลื่อนกำหนดจากวันที่ 16-18 มกราคม 2560 ที่ออกไปก่อน เนื่องจากทางไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมติดภารกิจลงพื้นที่แก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนทางจีนมีปัญหาเรื่องมลภาวะทางอากาศ ซึ่งคาดว่าจะต้องเลื่อนจากเดิมออกไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้ทันกับแผนงานที่จะสรุปแบบในเดือน ก.พ. 60 และเสนอ ครม.อนุมัติโครงการใน มี.ค. 60 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 10/01/2017 6:20 pm Post subject: |
|
|
"อาคม"รายงาน ครม.ความก้าวหน้ารถไฟไทย-จีน ยันตอกเข็มทัน มี.ค.60
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
10 มกราคม 2560 เวลา 17:45:57 น.
"อาคม"รายงาน ครม.ความก้าวหน้ารถไฟไทย-จีน ยันตอกเข็มทัน มี.ค.60 ลุ้นบอร์ด EIA ไฟเขียวช่วงภาชี-โคราช
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2560 กระทรวงคมนาคมรายงานผลการประชุมความร่วมมือรถไฟไทยจีนครั้งที่ 9-16 ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ได้แก่ การบันทึกความร่วมมือ MOC ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงต้นเดือน ธ.ค.2559 ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนประเทศจีน โดยจะสร้างกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน
สำหรับการนำเสนอโครงการเพื่อให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอการอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เนื่องจากมีข้อมูลเพิ่มเติมที่กระทรวงคมนาคมจะต้องจัดส่งให้พิจารณา
ส่วนการยกร่างสัญญา 3 ฉบับ คือ ค่าที่ปรึกษาโครงการ (ออกแบบการก่อสร้าง), ค่าจ้างผู้ควบคุมงานทั้งการก่อสร้างและระบบรถ และระบบเหนือโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งร่างเอกสารประกวดราคาการก่อสร้าง จะเร่งสรุปให้เสร็จภายในเดือน ม.ค.นี้ จากนั้นจะนำเสนอให้ ครม.เห็นชอบต่อไป
นอกจากนี้ยังรายงาน ครม.ให้รับทราบว่า จะมีการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการรถไฟไทย-จีน เพื่อยกระดับให้เป็นโครงการของรัฐ โดยอาศัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นแนวทางดำเนินการ
ทั้งนี้ ได้รายงานถึงผลการศึกษารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี ที่คณะผู้ชำนาญการ (คชก.) อนุมัติเห็นชอบในวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา รอการพิจารณาจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมชุดใหญ่ ส่วนช่วงบ้านภาชี-นครราชสีมา ทาง คชก.ให้ปรับแก้รายงานใหม่ เนื่องจากผลกระทบของผู้ประกอบการเหมืองแร่ 2 ข้างทาง
ไการตอกเข็มรถไฟไทย-จีนจะยังคงเป้าภายในเดือนมี.ค.60 ยังไม่เลื่อน ส่วนที่เราเลื่อนการประชุมคณะกรรมการร่วมฯครั้งที่ 17 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ออกไปก่อน เพราะที่ปักกิ่งมีปัญหาเรื่องหมอกควัน และประเทศไทยมีปัญหาน้ำท่วมที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตาม จะไม่ส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์การก่อสร้าง ทั้งกระบวนการเสนอโครงการเข้า ครม. การขออนุมัติจากสภาพัฒน์ฯ ตามแผนจะเปิดประมูลในเดือน ก.พ.-มี.ค.60 จะให้ผู้รับเหมาไทยเป็นหลักในการยื่นประมูล" นายอาคมกล่าวย้ำ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/01/2017 11:27 pm Post subject: |
|
|
รถไฟไทย- จีนไม่คืบ อาคมรายงานครม. เผยตอกเข็มมี.ค.60ยังไม่เลื่อน
โดย MGR Online 10 มกราคม 2560 18:36 น.
เลื่อนประชุมร่วมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 17ออกไปอีก 1-2 สัปดาห์ อาคมเผยไทยติดน้ำท่วมภาคใต้ ส่วนจีนมีปัญหาหมอกควัน ยอมรับต้องประเมินสถานการณ์ เป้าตอกเข็มตอนแรก 3.5 กม. มี.ค. นี้อีกที เหตุยังต้องเร่งดำเนินการหลายเรื่อง พร้อมรายงานครม.คืบหน้าเตรียมเสนอ ขออนุมัติโครงการ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (10 ม.ค.) ได้รับทราบความคืบหน้าในการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 16 ที่กรุงเทพ ในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา (ไฮสปีดเทรน) ระยะทาง 252.5 กม. มูลค่า 179,412.21 ล้านบาท ในส่วนที่ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วม ครั้งที่ 9-16 ซึ่งในการประชุมร่วมครั้งที่ 17 ได้เลื่อนกำหนดการประชุม จากวันที่ 16-18 มกราคม 2560 ออกไปก่อน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากทางไทยยังมีปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนทางจีนมีปัญหาเรื่องมลภาวะทางอากาศ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในเดือนมี.ค. 2560 ที่จะตอกเข็มตอนที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. (สถานีกลางดง-ปางอโศก) อาจจะต้องประเมินสถานการณ์อีกที
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินความร่วมมือไทย-จีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.35 กม. ในการประชุมร่วมตั้งแต่ครั้งที่ รวม 6 ประเด็น คือ
1. ได้มีการลงนาม MOC หรือบันทึกความร่วมมือไทย-จีน เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ว่าไทยจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง จากกรุงเทพ-หนองคาย เหมือนเดิม เพื่อเขื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค
2. เตรียมนำเสนอครม.เพื่อขออนุมัติโครงการ ซึ่งขณะนี้ ได้อยู่ระหว่างอยู่ในขั้นตอนการทำข้อมูลเพิ่มเติมเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
3. การจัดทำร่างสัญญาการเจรจา ร่างสัญญาEngineering Procurement and Construction (EPC-2 ) สัญญางานออกแบบ ,สัญญาควบคุมงาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และกฎหมายไทย ซึ่งจะเร่งให้ได้ข้อสรุปในเดือนม.ค.นี้
4. การจัดทำเอกสารประกวดราคา
5. การตั้งสำนักงานบริหารโครงการ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเตรียมร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
6.รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA ) ซึ่งแบ่งเป็นช่วง โดยช่วงกรุงเทพ-ชุมทางบ้านภาชี ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2559 อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (สผ.) ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา คชก.ให้ปรับแก้ไขรายงาน EIA ประเด็นผลกระทบผู้ประกอบการสองข้างทาง โดยเฉพาะเหมืองแร่ |
|
Back to top |
|
|
|