View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 19/01/2018 7:40 am Post subject: |
|
|
กสทช.ชงใบอนุญาต 1800 MHz 9 ใบๆละ 5MHz/ล้มประมูล 900 MHz
เผยแพร่: 19 ม.ค. 2561 07:25:00 โดย: MGR Online
กสทช.ชงล้มประมูลคลื่น 900 MHz หวั่นคลื่นรบกวนกับบริการรถไฟความเร็วสูง ส่วนคลื่น 1800 MHzจะซอยย่อยการประมูลเป็น 9 ใบอนุญาตๆ ละ 5 MHz
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า หลังจาก กสทช.ได้รับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ ประกอบกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เป็นผู้ศึกษาแผนการประมูลนั้น ให้ความเห็นว่าการเปิดประมูลคลื่น 900 MHz จำนวน 5 MHz นั้น มีความเป็นไปได้ว่าคลื่นความถี่ที่ประมูลนั้น จะรบกวนกับคลื่นความถี่เดียวกัน ที่ กสทช.ได้มอบให้กระทรวงคมนาคมสำหรับใช้การสื่อสัญญาณของรถไฟความเร็วสูง
ดังนั้น ในการประชุมคณะอนุกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ จะเสนอให้ยุติการวางแผนการประมูลในย่านดังกล่าวออกไปจนกว่าจะมีการใช้งานรถไฟฟ้าความเร็วสูง และมีเทคโนโลยีมารองรับและการันตีได้ 100% ว่าจะไม่เกิดคลื่นรบกวนต่อกัน จากนั้นก็จะนำเสนอต่อที่ประชุมกสทช.ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ หากที่ประชุมเห็นชอบตามที่เสนอ สำนักงานกสทช.จะทำหนังสือไปสอบถามกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ว่าหากไม่มีการประมูลจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศหรือไม่
นายฐากร กล่าวว่า ส่วนการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ซึ่งแต่เดิมร่างหลักเกณฑ์การประมูลจะจัดสรรจำนวน 3 ใบอนุญาตๆละ 15 MHz นั้น หลังจากที่รับฟังความเห็นสาธารณะพบว่า มีโอเปอเรเตอร์บางรายเสนอให้แบ่งคลื่นความถี่ทั้ง 45 MHz ออกเป็น 9 ใบอนุญาตๆละ 5 MHz และให้โอเปอเรเตอร์แต่ละรายเป็นผู้เลือกว่ามีความต้องการใบอนุญาตกี่ MHz ซึ่งการปรับหลักเกณฑ์ครั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นผลดีกับทุกฝ่าย เนื่องจากเอกชนแต่รายละมีความต้องการไม่เท่ากัน ดังนั้น หากประมูลแบบเดิมที่กำหนดตายตัวใบละ15 MHzก็อาจจะทำให้ใบอนุญาตไม่ถูกจัดสรรทั้งหมดเนื่องจากไม่มีผู้เข้าประมูลจากกฏ N-1
สำหรับหลักเกณฑ์ใหม่จะกำหนดเพดานของคลื่นความถี่ไว้ตามจำนวนผู้เข้าร่วมประมูลแทน เช่น หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเกิน 3 ราย จะเปิดประมูลทั้ง 45 MHz จำนวน 9 ใบอนุญาต หากมีผู้ประมูลเกิน 2 ราย เปิดประมูล 30 MHz หรือ 6 ใบอนุญาต และหากมีผู้เข้าร่วมประมูลไม่เกิน 2 ราย เปิดประมูล 20 MHz จำนวน 4 ใบอนุญาต ส่วนราคาใบอนุญาตนั้น ก็เอาราคาตั้งต้นจากเดิมคือ 37,457 ล้านบาทต่อ 15 MHz หาร 3 จะได้เท่ากับ 12,485 ล้านบาทต่อใบอนุญาตจำนวน 5 MHz |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 19/01/2018 12:13 pm Post subject: |
|
|
กรมทางหลวงเคลียร์ที่เตรียมปักหมุด ทำฐานราก รถไฟไทย-จีน 3.5 กม.คืบ 50 %
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 19 มกราคม พ.ศ. 2561, 11:28:00
กรมทางหลวงเผย เผยเคลียร์พื้นที่ก่อสร้างรถไฟช่วงที่ 1 (ช่วงกลางดง ปางอโศก) แล้ว เตรียมการก่อสร้างงานดิน รวมถึงงานปักหมุดทำฐานรากระบุ งานคืบกว่า 50% มั่นใจ 3.5 กม.เสร็จตามกำหนด
นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการของการก่อสร้างทางรถไฟช่วงที่ 1 (ช่วงกลางดง ปางอโศก) ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้าง ว่า กรมทางหลวงได้เข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการเคลียร์พื้นที่ก่อสร้าง ถางป่า ขุดตอ รวมถึงก่อสร้างที่พักเจ้าหน้าที่และจัดเตรียมสำนักงานแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างงานดินตัดและงานก่อสร้างแปลงทดสอบ รวมถึงงานปักหมุดเพื่อทำหลักฐานในงานก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งมีความคืบหน้ากว่า 50%
ในส่วนงานที่กรมทางหลวงได้รับผิดชอบนั้นคาดว่า ไม่มีปัญหาเนื่องจากกรมทางหลวงมีความพร้อมทั้งทางด้านบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ตลอดจนความพร้อมของเครื่องจักร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดเวลาอย่างแน่นอน และสิ่งสำคัญอีกเรื่องคือการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างวิศกรกรมทางหลวงและวิศวกรของประเทศจีน เพื่อเป็นต้นแบบในการก่อสร้างต่อไป ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่มอบนโยบายให้กับผู้ปฏิบัติงาน คือนอกจากการเรียนรู้ร่วมกันแล้วคือการใช้วัสดุต่างๆต้องใช้ของภายในประเทศให้มากที่สุด เพื่อเป็นมาตรฐานในการดำเนินงานในโครงการต่างๆต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 19/01/2018 12:30 pm Post subject: |
|
|
แผนการปฎิบัติงาน (Timeline) โครงการรถไฟความเร็วสูง-เชื่อม-3-สนามบิน-แบบไร้รอยต่อ
1. ประกาศเชิญชวนนักลงทุน มกราคม 2561
2. ให้เอกชนเตรียมยื่นข้อเสนอ กุมภาพันธ์ 2561
3. ประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือก พฤษภาคม 2561
4. ลงนามในสัญญา สิงหาคม 2561
5. เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ พ.ศ. 2566
REF: โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 25/01/2018 6:17 pm Post subject: |
|
|
ญี่ปุ่นมึน!? รัฐบาลไทยเสนอลดความเร็ว ชินคันเซ็น เชียงใหม่ หวังลดต้นทุน
เผยแพร่: 25 ม.ค. 2561 07:16:00 ปรับปรุง: 25 ม.ค. 2561 13:20:00 โดย: MGR Online
สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลไทยเสนอลดความเร็วของรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี ชินคันเซ็น จาก 300 กม.ต่อชั่วโมง เหลือ 180-200 กม.ต่อชั่วโมง เพื่อลดต้นทุนค่าดำเนินการ
หนังสือพิมพ์นิกเคอิของญี่ปุ่นรายงานอ้างอิงจากแหล่งข่าวในรัฐบาลไทยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเกี่ยวกับการลดความเร็วของรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ หลังจากฝ่ายญี่ปุ่นส่งมอบรายงานต่อรัฐบาลไทยคำนวณค่าใช้จ่ายในโครงการนี้ว่าอยู่ที่ราว 420,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลไทยมองว่าสูงเกินไป
สื่อมวลชนญี่ปุ่นระบุว่า ท่าทีของรัฐบาลไทยสร้างความแปลกใจให้แก่ฝ่ายญี่ปุ่นซึ่งใช้เวลาถึง 3 ปี ในการทำงานกับเจ้าหน้าที่และวิศวกรของไทยเพื่อหวังจะแนะนำเทคโนโลยี ชินคันเซ็น (shinkansen) ไปทั่วโลก โดยหากลดความเร็วลงก็จะผิดไปจากความมุ่งหมายของฝ่ายญี่ปุ่น เพราะจะไม่ใช่สุดยอดเทคโนโลยีอีก
การลดความเร็วของรถไฟจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เช่น การสร้างแผงกั้นเสียง แต่ต้นทุนที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างรางใหม่ 670 กม. จะไม่แตกต่างกันมากไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงหรือความเร็วปานกลาง แต่รถไฟที่ช้าลงจะทำให้เสียโอกาสในการแข่งขัน เพราะผู้โดยสารจะหันไปใช้บริการเครื่องบินแทน
ประสบการณ์ของญี่ปุ่นที่ให้บริการรถไฟหัวกระสุนมาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ระบุว่า รถไฟความเร็วสูงจะสูญเสียลูกค้าให้กับเครื่องบินหากต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมง โดยหากใช้ความเร็วที่ 300 กม.ต่อชั่วโมง เส้นทางจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมงครึ่ง ผู้โดยสารจำนวนมากจึงอาจเลือกใช้บริการสายการบินโลว์คอสต์แทนหากต้องใช้เวลาเดินทางนานขึ้น
รัฐบาลไทยประเมินค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงเส้นทางนี้ไว้ที่ 1,200 บาท ซึ่งถูกกว่าค่าโดยสารรถไฟชินคันเซ็นราว 1 ใน 3 ในระยะทางเท่ากัน เนื่องจากค่าครองชีพที่ต่างกันของสองประเทศ
นอกจากข้อเสนอลดความเร็วเพื่อลดต้นทุนแล้ว รัฐบาลไทยยังต้องการให้ฝ่ายญี่ปุ่นร่วมลงทุนในโครงการนี้ เพื่อเป็นหลักประกันในระยะยาว และลดความเสี่ยงจากการที่ฝ่ายไทยไม่มีประสบการณ์ในการควบคุมรถไฟความเร็วสูง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมต.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นว่า โครงการนี้เป็น win-win solution หรือสมประโยชน์ทั้งสงฝ่าย โดยบอกว่าเพื่อรับประกันว่าเทคโนโลยีชินคังเซนจะถูกใช้ตลอดไป ทำไมฝ่ายญี่ปุ่นจึงไม่เข้ามาและทำโครงการร่วมกัน?
ฝ่ายญี่ปุ่นมองว่า เกมการเมืองก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ระมัดระวังในการตัดสินใจโครงการใหญ่นี้ หลังจากอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกพิพากษาจำคุก 5 ปีจากโครงการรับจำนำข้าว จนต้องลี้ภัยจนถึงทุกวันนี้ และพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ต้องการเดินซ้ำรอยอดีตนายกฯ หญิง
รัฐบาลไทยมีกำหนดจะส่งข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในปลายเดือนมีนาคม จึงยังมีเวลาสำหรับการต่อรองระหว่างสงประเทศ และยังยากจะฟันธงได้ว่า รถไฟหัวกระสุนของญี่ปุ่นจะมีโอกาสแล่นในแผ่นดินไทยหรือไม่ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/01/2018 12:17 pm Post subject: |
|
|
หูกวางขอแจงโครงการรถไฟความเร็วสูง
บ้านเมือง วันเสาร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561, 11.05 น.
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีรายงานข่าวจากประเทศญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลไทยต้องการประหยัดงบประมาณ จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ใช้ระบบเดียวกับ ชินคันเซ็น มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง จริงหรือไม่ เพราะสาเหตุใด และจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการอย่างไร นั้น ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม (คค.) ขอชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริง ประกอบด้วย
1. กระทรวงคมนาคม และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนาม ในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จเดือน พฤศจิกายน 2560 ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อพิจารณาหารูปแบบการดำเนินโครงการที่มีความเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าสูงสุดในการลงทุน ทั้งนี้ การประชุมหารือดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561
2. ผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) มีรายละเอียดสรุป ดังนี้
2.1 รายละเอียดข้อมูลโครงการ : (1) แนวเส้นทางจากสถานีบางซื่อ-พิษณุโลก ระยะทางรวม 380 กิโลเมตร (2) เทคโนโลยี : ชินคันเซ็น/ความเร็วสูงสุดในการเดินรถ300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง/ขนาดราง 1.435 เมตร/สถานี 7 สถานี ประกอบด้วย บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก/เวลาในการเดินทางจากบางซื่อ-พิษณุโลก 1 ชั่วโมง 58 นาที
2.2 ผลการวิเคราะห์การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร : (1) กรณีไม่มีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทาง ปี 2568 (ปีเปิดบริการ) มีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598 (2) กรณีมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางปี 2568 (ปีเปิดบริการ) มีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 73,200 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598
2.3 มูลค่าโครงการเบื้องต้น : ตามผลการศึกษาของฝ่ายญี่ปุ่นพบว่ามีมูลค่าการลงทุน ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 276,226 ล้านบาท
2.4 การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ : (1) รวมผลประโยชน์จาก
การพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 14.7%
2.ไม่รวมผลประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 7.2% ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ฝ่ายไทยต้องจัดทำแผนระดับชาติและแผนพัฒนาภูมิภาคตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพื่อประโยชน์สูงสุดทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน รวมทั้งจำเป็นต้องจัดทำแผนคมนาคมขนส่งที่ครอบคลุมเพื่อให้การเชื่อมต่อการเดินทางมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยไม่ควรพิจารณาเพียงการสร้างรถไฟความเร็วสูง แต่ควรพิจารณาว่าจะใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ได้อย่างไร
3.ประเทศไทยกำลังเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เนื่องจากไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆ สำคัญๆ มานานหลายปี ทำให้ไม่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ในการแข่งขันได้ รัฐบาลนี้เห็นความสำคัญของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่ออนาคตประเทศไทยในระยะยาว จึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทาง รวมถึง สายเหนือระบบชินคันเซ็นด้วย แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงใช้เงินลงทุนสูง กระทรวงคมนาคมจึงต้องพิจารณา การลงทุนรถไฟสายนี้ ว่าหากจะปรับระบบเป็นความเร็วปานกลางจะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเปรียบเทียบ ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเปลี่ยนเป็นความเร็วปานกลางแต่อย่างใด |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/01/2018 1:34 pm Post subject: |
|
|
กระทรวงคมนาคม ขอชี้แจงข้อเท็จจริงประเด็นโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นไปตามความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่น
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ 27 ม.ค. 2561
กระทรวงคมนาคม ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่มีการรายงานข่าวจากประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า รัฐบาลไทยต้องการประหยัดงบประมาณ จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่ใช้ระบบเดียวกับ ชินคันเซ็น มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง ว่า โครงการดังกล่าวกระทรวงคมนาคมและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น หรือ MLIT ได้ร่วมลงนาม ในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อปี 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2560 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อพิจารณาหารูปแบบการดำเนินโครงการที่มีความเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าสูงสุดในการลงทุน ทั้งนี้ การประชุมหารือดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561
สำหรับผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) มีแนวเส้นทางจากสถานีบางซื่อ-พิษณุโลก ระยะทางรวม 380 กิโลเมตร (2) เทคโนโลยี : ชินคันเซ็น/ความเร็วสูงสุดในการเดินรถ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง/ขนาดราง 1.435 เมตร/สถานี 7 สถานี ประกอบด้วย บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก/เวลาในการเดินทางจากบางซื่อ-พิษณุโลก 1 ชั่วโมง 58 นาที
ผลการวิเคราะห์การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร : กรณีไม่มีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทาง ปี 2568 (ปีเปิดบริการ) มีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598 และกรณีมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางปี 2568 (ปีเปิดบริการ) มีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 73,200 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598
มูลค่าโครงการเบื้องต้น : ตามผลการศึกษาของฝ่ายญี่ปุ่นพบว่ามีมูลค่าการลงทุน ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 276,226 ล้านบาท
การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ : (1) รวมผลประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 14.7% (2) ไม่รวมผลประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับร้อยละ 7.2 ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ฝ่ายไทยต้องจัดทำแผนระดับชาติและแผนพัฒนาภูมิภาคตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพื่อประโยชน์สูงสุดทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน รวมทั้งจำเป็นต้องจัดทำแผนคมนาคมขนส่งที่ครอบคลุมเพื่อให้การเชื่อมต่อการเดินทางมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยไม่ควรพิจารณาเพียงการสร้างรถไฟความเร็วสูง แต่ควรพิจารณาว่าจะใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ได้อย่างไร
อย่างไรก็คามประเทศไทยกำลังเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เนื่องจากไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆ สำคัญๆ มานานหลายปี ทำให้ไม่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในการแข่งขันได้ รัฐบาลนี้เห็นความสำคัญของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่ออนาคตประเทศไทยในระยะยาว จึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทาง รวมถึงสายเหนือระบบชินคันเซ็นด้วย แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงใช้เงินลงทุนสูง คค. จึงต้องพิจารณาลงทุนรถไฟสายนี้ ว่าหากจะปรับระบบเป็นความเร็วปานกลางจะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเปรียบเทียบ ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเปลี่ยนเป็นความเร็วปานกลางแต่อย่างใด |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/01/2018 1:37 pm Post subject: |
|
|
หนุนวิศวกรไทย สร้างรถไฟเชื่อมจีนเฟส 2
โพสต์ทูเดย์ 27 มกราคม 2561 เวลา 13:06 น.
โดย...โชคชัย สีนิลแท้
โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ตามนโยบาย One Belt One Road ช่วงแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมา นั้นเริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น สะท้อนได้จาก มุมมองของตัวแทนวิศวกรไทยที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมผลักดันโครงการ ดังกล่าวให้เกิดขึ้น
ศ.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวขณะนี้มีคืบหน้าใน 2 ประเด็น เริ่มจากเฟส 1 จากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 250 กม.นั้น การอบรมวิศวกรจีนนั้นดำเนินการไปกว่า 90% ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน โดยการออกแบบทั้งหมดจะเกิดขึ้นจากวิศวกรจีนทั้งหมด 300 คน ขณะที่วิศวกรไทยนั้นมีส่วนร่วมในเฟส 1 แค่ช่วยควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งจะมีวิศวกรไทยจำนวน 400 คน ประกบการทำงานร่วมกับวิศวกรจีนหรือเรียกว่า On the Job Training โดยการก่อสร้างในเฟสแรกนั้นวิศวกรไทยจะได้งานโยธาเป็นหลัก</p><p>ขณะที่การดำเนินงานในเฟส 2 จากนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทางประมาณ 320 กม.นั้น ทางสภาวิศวกรได้มีการ ผลักดันให้การออกแบบโครงการนั้นเกิดจากแนวคิดของวิศวกรไทย ซึ่งงานก่อสร้างในเฟส 2 นั้นประเมินว่าจะใช้วิศวกรไทยไม่ต่ำกว่า 250-300 คน ส่วนวิศวกรจีนนั้นจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงแทน
"งานก่อสร้างเฟส 1 นั้นจะได้ เฉพาะงานก่อสร้างเหลือแต่งานออกแบบทางด้านไฟฟ้าและเครื่องกลที่ไทยจะ ไม่ได้งาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานทางด้านอาณัติสัญญาณ ซึ่งมูลค่างานก่อสร้างในเฟส 1 จะอยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ทางไทยจะได้ประโยชน์จากการก่อสร้าง 75% ส่วนทางจีนนั้น จะได้ 25% ในการออกแบบ การควบคุมและตู้รถ" ศ.อมร กล่าว
สำหรับเฟส 2 นั้นทางสภาวิศวกรจะผลักดันให้วิศวกรไทยได้เข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในการออกแบบ หลังจากได้เรียนรู้งานจากทางการจีนทางด้านการก่อสร้างโครงการ โดยจะให้วิศวกรผู้ทรงความรู้ของไทยได้เข้าไปเรียนรู้งาน อาทิ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยทางด้านวิศวกรรมเข้าไปร่วมงาน เพื่อที่จะให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ส่งต่อ ซึ่งในเฟส 2 ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 80-85% ขณะที่สัดส่วนที่เหลือจะเป็นของจีน
ทั้งนี้ มีการประมาณการว่าใน เฟส 2 จะมีวิศวกรไทยเข้าร่วมประมาณ 700-800 คน ทั้งร่วมออกแบบและ ควบคุมงาน ซึ่งการอบรมวิศวกรไทยและจีนนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 8 เดือนตามสัญญาที่นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการตรวจรับงานที่จะต้องใช้งบประมาณในการอบรม 40-50 ล้านบาท โครงการนี้เชื่อว่าจะเห็นเฟส 1 ได้ภายใน 5 ปี อย่างไรก็ตามการก่อสร้างในเฟส 2 ยังต้องรอลุ้นว่ารัฐบาลจะเดินหน้าพร้อม ต่อในคราวเดียวกันหรือไม่ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
|
Posted: 27/01/2018 11:30 pm Post subject: |
|
|
คมนาคม เตรียมถกญี่ปุ่น ตัดสินปรับระบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
คมนาคม-ขนส่ง
โดย: MGR Online
เผยแพร่: วันเสาร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561, 12:46:00 น.
คมนาคม ชี้แจง กำลังเปรียบเทียบข้อมูล ปรับระบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นความเร็วปานกลาง มีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจ โดยจะประชุมร่วมญี่ปุ่น6 ก.พ.นี้ เพื่อหาแนวทางที่คุ้มค่าสูงสุด
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ชี้แจง กรณีที่ได้มีรายงานข่าวจากประเทศญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลไทยต้องการประหยัดงบประมาณ จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ใช้ระบบเดียวกับ ชินคันเซ็น มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง จริงหรือไม่ เพราะสาเหตุใด และจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการอย่างไร นั้น ข้อเท็จจริง คือ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนาม ในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ 27พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จเดือน พฤศจิกายน 2560 ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อพิจารณาหารูปแบบการดำเนินโครงการที่มีความเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าสูงสุดในการลงทุน ทั้งนี้ การประชุมหารือดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561
ผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) มีรายละเอียดสรุป ข้อมูลโครงการ : (1) แนวเส้นทางจากสถานีบางซื่อ-พิษณุโลก ระยะทางรวม 380 กิโลเมตร (2) เทคโนโลยี : ชินคันเซ็น/ความเร็วสูงสุดในการเดินรถ
300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง/ขนาดราง 1.435 เมตร/สถานี 7 สถานี ประกอบด้วย บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก/เวลาในการเดินทางจากบางซื่อ-พิษณุโลก 1 ชั่วโมง 58 นาที
ผลการวิเคราะห์การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร : (1) กรณีไม่มีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทาง ปี 2568 (ปีเปิดบริการ) มีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598 (2) กรณีมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทาง
ปี 2568 (ปีเปิดบริการ) มีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 73,200 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598
โดยมีมูลค่าโครงการเบื้องต้น : ตามผลการศึกษาของฝ่ายญี่ปุ่นพบว่ามีมูลค่าการลงทุน ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 276,226 ล้านบาท
การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ : (1) รวมผลประโยชน์จาก
การพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 14.7% (2) ไม่รวมผลประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 7.2%
ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ฝ่ายไทยต้องจัดทำแผนระดับชาติและแผนพัฒนาภูมิภาคตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพื่อประโยชน์สูงสุดทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน รวมทั้งจำเป็นต้องจัดทำแผนคมนาคมขนส่งที่ครอบคลุมเพื่อให้การเชื่อมต่อการเดินทางมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยไม่ควรพิจารณาเพียงการสร้างรถไฟความเร็วสูง แต่ควรพิจารณาว่าจะใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ได้อย่างไร ประเทศไทยกำลังเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เนื่องจากไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆ สำคัญๆ มานานหลายปี ทำให้ไม่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ในการแข่งขันได้ รัฐบาลนี้เห็นความสำคัญของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่ออนาคตประเทศไทยในระยะยาว จึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทาง รวมถึงสายเหนือระบบชินคันเซ็นด้วย แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงใช้เงินลงทุนสูง จึงต้องพิจารณาการลงทุนรถไฟสายนี้ ว่าหากจะปรับระบบเป็นความเร็วปานกลางจะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเปรียบเทียบ ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเปลี่ยนเป็นความเร็วปานกลางแต่อย่างใด |
|
Back to top |
|
|
|