View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 03/06/2021 8:58 am Post subject:
ครม.เพิ่ม 2 พันล้านบาทเวนคืนที่ดินรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
กรุงเทพธุรกิจ 2 มิถุนายน 2564
ครม.เคาะค่าเวนคืนที่ดินรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อีก 2.1 พันล้านบาท ขอจ่ายก้อนแรก 580 ล้าน ป้องกันผิดสัญญาส่งมอบที่ดิน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)รับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กรณีการขยายกรอบวงเงินค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินฯ จากเดิม 3,570 ล้านบาท เพิ่มเป็นไม่เกิน 5,740 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,170 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนกรอบการเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น ครม.เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปีงบประมาณ 2564 - 2565 โดยในปีงบประมาณ 2564 จัดสรรงบกลางฯวงเงิน 580 ล้านบาท และในปี 2565 จัดสรรงบกลางฯให้วงเงิน1,562 ล้านบาท
สำหรับงบกลางฯปี 2564 ที่ต้องจัดสรรให้ก่อนในวงเงิน 580 ล้านบาทนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ให้ข้อมูลว่าฝ่ายรัฐต้องส่งมอบพื้นที่โครงการช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภาให้เอกชนคู่สัญญาภายในวันที่ 24 ต.ค.2564 จึงมีความจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวภายในวันที่ 8 มิ.ย.2564 เพื่อให้ส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาได้ทันตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนไม่เช่นนั้น รฟท.จะมีความเสี่ยงที่จะผิดสัญญาร่วมลงทุน ซึ่งคู่สัญญาอาจมีหนังสือแจ้งรฟท.ให้สัญญาร่วมลงทุนมีผลสิ้นสุดลง หรือใช้สิทธิ์เรียกค่าเสียหายได้แก่ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ย
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบินนี้ เป็นการพัฒนาพื้นที่โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์เดิม ช่วงพญาไทถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ส่วนต่อขยาย ช่วงท่าอากาศยานดอนเมืองถึงพญาไท จำนวน 10 สถานี และโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา 5 สถานี รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา แบบไร้รอยต่อ
โดยให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง ดำเนินกิจการ และบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้รับความเสี่ยงเกี่ยวกับรายได้ค่าโดยสารและปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการทั้งหมด คาดว่าในปีที่เปิดให้บริการ จะมีผู้โดยสารประมาณ 1.47 แสนคนต่อวัน และระหว่างการก่อสร้างจะทำให้เกิดการจ้างงาน1.6 อัตราและเพิ่มมูลค่าการพัฒนาเศรษฐกิจ กว่า 2.14 แสนล้านบาท
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 03/06/2021 5:10 pm Post subject:
กรมศิลป์กางเอกสารร่ายยาวสถานีอยุธยารถไฟเร็วสูง ภาค 2
สยามรัฐออนไลน์
03 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 17:08 น.
3 มิ.ย. 64 นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ซึ่งมีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยาไปแล้วนั้น
กรมศิลปากรขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2561 สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์และการคมนาคม เพื่อรองรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงและศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมการเดินรถจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสถานีอยุธยาและพื้นที่โดยรอบ ผู้แทนสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการฯ มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 45 เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยา จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางบริษัทที่ปรึกษาจะต้องสำรวจผลกระทบต่อโบราณสถานที่อยู่ริมทางรถไฟ หรือ EIA ก่อนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้แจ้งตอบในการประชุมว่ามีการอนุมัติรายงาน EIA ไปแล้วตั้งแต่ 6 กรกฎาคม 2560 โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ทางสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จึงดำเนินการตรวจสอบซึ่งไม่พบว่ามีการส่งรายงานสำรวจ EIA มายังสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา แต่อย่างใด สำหรับอาคารสถานีอยุธยา บริษัทฯ ชี้แจงว่าจะดำเนินการสร้างอาคารใหม่คร่อมอาคารหลังเก่า และปรับปรุงเป็นศูนย์ข้อมูลหรือพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นครั้งแรกที่กรมศิลปากรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงยกระดับและสถานีขนาดใหญ่ และการจัดทำแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง (Transit Oriented Development - TOD) และหลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นการหารือรายละเอียดการก่อสร้างระหว่างกรมศิลปากรและบริษัทที่ปรึกษา ฯ ตลอดมา
จนเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ขอเข้าหารือกับกรมศิลปากร ในประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับขนาดของอาคารสถานีที่มีความสูงและใหญ่เกินความจำเป็นต่อการใช้งาน และมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เกาะเมือง จึงอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกได้ จึงขอให้กรมศิลปากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปรับปรุงรูปแบบอาคารให้กระทบต่อแหล่งมรดกโลกน้อยที่สุด กรมศิลปากรจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานติดตามแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาโดยตรง วันที่ 29 กันยายน 2563 กรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่าพื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้มีการพิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอ และขอให้การรถไฟส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา และขอให้มีนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป
และในวันที่ 6 ตุลาคม 2563 รองปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ได้เข้าหารือกับอธิบดีกรมศิลปากร เกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอยุธยาของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ณ ห้องประชุมกรมศิลปากร ชั้น 8 (เทเวศร์) ในครั้งนั้น กรมศิลปากรมีประเด็นนำเสนอว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และร่วมกันพิจารณาหาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม หรือ HIA ต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ดำเนินการจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามความจำเป็น
แฟ้มภาพ
ชี้ทุกฝ่ายรับรู้ผลกระทบมรดกโลกสร้างสถานีรถไฟเร็วสูงอยุธยา
พฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน 2564 เวลา 11.37 น.
อธิบดีกรมศิลปากร ยันตั้งแต่ทราบข้อมูลการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ได้มีข้อทักท้วงถึงผลกระทบต่อมรดกโลกอยุธยามาโดยตลอดตั้งแต่เดือน ก.ค.2560 เผยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลนานแล้ว
นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ซึ่งมีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยาไปแล้วนั้น ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน ธ.ค.2561 สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์และการคมนาคม เพื่อรองรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงและศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมการเดินรถจังหวัดพระนครศรีอยุธยาของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ซึ่งในการประชุมดังกล่าวบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสถานีอยุธยาและพื้นที่โดยรอบ ซึ่งผู้แทนสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการฯ มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 45 เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยา จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ จะต้องสำรวจผลกระทบต่อโบราณสถานที่อยู่ริมทางรถไฟ หรือ EIA ก่อนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ามีการอนุมัติรายงาน EIA ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.2560 โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทางสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จึงดำเนินการตรวจสอบ แต่ไม่พบว่ามีการส่งรายงานสำรวจ EIA มายังสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาแต่อย่างใด ซึ่งการประชุมดังกล่าวจึงเป็นครั้งแรกที่กรมศิลปากรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงยกระดับและสถานีขนาดใหญ่ และการจัดทำแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง (Transit Oriented Development - TOD) โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นการหารือรายละเอียดการก่อสร้างระหว่างกรมศิลปากรและบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ มาโดยตลอด
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า จนเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2562 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ขอเข้าหารือกับกรมศิลปากร ในประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับขนาดของอาคารสถานีที่มีความสูงและใหญ่เกินความจำเป็นต่อการใช้งาน และมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เกาะเมือง จึงอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกได้ จึงขอให้กรมศิลปากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงรูปแบบอาคารให้กระทบต่อแหล่งมรดกโลกน้อยที่สุด กรมศิลปากรจึงแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานติดตามแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาโดยตรง และเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2563 กรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่าพื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้พิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่หรือย้ายที่ตั้งสถานี และขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา ทั้งขอให้นำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป
นายประทีป กล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2563 รองปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ได้เข้าหารือกับกรมศิลปากร เกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอยุธยาของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ที่ห้องประชุมกรมศิลปากร ชั้น 8 (เทเวศร์) โดยกรมศิลปากรมีประเด็นนำเสนอว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และร่วมกันพิจารณาหาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม หรือ HIA ต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ดำเนินการจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามความจำเป็นด้วย
เปิดไทม์ไลน์อีไอเอสถานีอยุธยาฉลุยปี 60 ลั่นไม่เคยส่งรายงานให้กรมศิลป์ดู
03 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 11:32 น.
วันที่ 3 มิ.ย. นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ซึ่งมีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยาไปแล้วนั้น กรมศิลปากรขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์และการคมนาคม เพื่อรองรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงและศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมการเดินรถจังหวัดพระนครศรีอยุธยาของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสถานีอยุธยาและพื้นที่โดยรอบ ผู้แทนสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการฯ มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 45 เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยา จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ทางบริษัทที่ปรึกษาจะต้องสำรวจผลกระทบต่อโบราณสถานที่อยู่ริมทางรถไฟ หรือ EIA ก่อนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้แจ้งตอบในการประชุมว่า มีการอนุมัติรายงาน EIA ไปแล้วตั้งแต่ 6 กรกฎาคม 2560 โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
" ทางสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จึงดำเนินการตรวจสอบ ไม่พบว่า มีการส่งรายงานสำรวจ EIA มายังสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา แต่อย่างใด สำหรับอาคารสถานีอยุธยา บริษัทฯ ชี้แจงว่าจะดำเนินการสร้างอาคารใหม่คร่อมอาคารหลังเก่า และปรับปรุงเป็นศูนย์ข้อมูลหรือพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นครั้งแรกที่กรมศิลปากรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงยกระดับและสถานีขนาดใหญ่ และการจัดทำแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง (Transit Oriented Development - TOD) จากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นการหารือรายละเอียดการก่อสร้างระหว่างกรมศิลปากรและบริษัทที่ปรึกษา ฯ ตลอดมา " นายประทีป กล่าว
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อว่า จนเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ขอเข้าหารือกับกรมศิลปากร ในประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับขนาดของอาคารสถานีที่มีความสูงและใหญ่เกินความจำเป็นต่อการใช้งาน และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เกาะเมือง จึงอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกได้ จึงขอให้กรมศิลปากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปรับปรุงรูปแบบอาคารให้กระทบต่อแหล่งมรดกโลกน้อยที่สุด กรมศิลปากรจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานติดตามแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาโดยตรง
ต่อมา วันที่ 29 กันยายน 2563 กรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า พื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้มีการพิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอ และขอให้การรถไฟส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา และขอให้มีนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม 2563 รองปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ได้เข้าหารือกับอธิบดีกรมศิลปากรเกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอยุธยาของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ณ ห้องประชุมกรมศิลปากร ชั้น 8 (เทเวศร์)
" ในครั้งนั้น กรมศิลปากรมีประเด็นนำเสนอว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และร่วมกันพิจารณาหาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม หรือ HIA ต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ดำเนินการจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามความจำเป็น " นายประทีป กล่าว
Last edited by Wisarut on 08/06/2021 12:56 am; edited 1 time in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44541
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 04/06/2021 10:25 am Post subject:
กรมศิลป์กางเอกสารร่ายยาวสถานีอยุธยารถไฟเร็วสูง ภาค 2
สยามรัฐออนไลน์ 3 มิถุนายน 2564 17:08 น.
กรมศิลปากรชี้แจงกรณีโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ฉบับที่ 2
3 มิ.ย. 64 นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ซึ่งมีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยาไปแล้วนั้น
กรมศิลปากรขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2561 สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์และการคมนาคม เพื่อรองรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงและศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมการเดินรถจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ซึ่งในการประชุมครั้งนั้น บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสถานีอยุธยาและพื้นที่โดยรอบ ผู้แทนสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการฯ มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 45 เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยา จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางบริษัทที่ปรึกษาจะต้องสำรวจผลกระทบต่อโบราณสถานที่อยู่ริมทางรถไฟ หรือ EIA ก่อนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาได้แจ้งตอบในการประชุมว่ามีการอนุมัติรายงาน EIA ไปแล้วตั้งแต่ 6 กรกฎาคม 2560 โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ทางสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จึงดำเนินการตรวจสอบซึ่งไม่พบว่ามีการส่งรายงานสำรวจ EIA มายังสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา แต่อย่างใด สำหรับอาคารสถานีอยุธยา บริษัทฯ ชี้แจงว่าจะดำเนินการสร้างอาคารใหม่คร่อมอาคารหลังเก่า และปรับปรุงเป็นศูนย์ข้อมูลหรือพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นครั้งแรกที่กรมศิลปากรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงยกระดับและสถานีขนาดใหญ่ และการจัดทำแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง (Transit Oriented Development - TOD) และหลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นการหารือรายละเอียดการก่อสร้างระหว่างกรมศิลปากรและบริษัทที่ปรึกษา ฯ ตลอดมา
จนเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ขอเข้าหารือกับกรมศิลปากร ในประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับขนาดของอาคารสถานีที่มีความสูงและใหญ่เกินความจำเป็นต่อการใช้งาน และมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เกาะเมือง จึงอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกได้ จึงขอให้กรมศิลปากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปรับปรุงรูปแบบอาคารให้กระทบต่อแหล่งมรดกโลกน้อยที่สุด กรมศิลปากรจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานติดตามแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาโดยตรง วันที่ 29 กันยายน 2563 กรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่าพื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้มีการพิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอ และขอให้การรถไฟส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา และขอให้มีนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป
และในวันที่ 6 ตุลาคม 2563 รองปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ได้เข้าหารือกับอธิบดีกรมศิลปากร เกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอยุธยาของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ณ ห้องประชุมกรมศิลปากร ชั้น 8 (เทเวศร์) ในครั้งนั้น กรมศิลปากรมีประเด็นนำเสนอว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และร่วมกันพิจารณาหาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม หรือ HIA ต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ดำเนินการจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามความจำเป็น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 04/06/2021 10:36 pm Post subject:
รฟท.จ่อหย่าศึกบ.นภา-ITD เคลียร์สัญญา 3-1 สร้างรถไฟไทย-จีน
หน้าแรก / เศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
ออนไลน์เมื่อ วันที่ 4 มิถุนายน 2564 เวลา 15:58 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่41 ฉบับ3685 วันที่ 6-9มิถุนายน2564
รฟท.ยันรอคำสั่งศาลปกครองกลาง หลังศาลปกครองชั้นต้น มีคำสั่งทุเลาคดีอุทธรณ์บ.นภา เหตุกรมบัญชีกลางยกเว้นคุณสมบัติประมูลสัญญา 3-1 รถไฟไทย-จีน ด้าน ITD เดือดยื่นฟ้องศาลฯ หวั่นกระทบโครงการล่าช้า
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า สำหรับความคืบหน้าการประกาศประกวดราคาโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) หรือ รถไฟไทย-จีน งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก บันไดม้า ขณะนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ชะลอคำวินิจฉัยของบริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด (BINA จากมาเลเซีย-นภาก่อสร้าง) หลังจากนี้รฟท.ต้องรอฟังคำสั่งวินิจฉัยจากศาลปกครองกลางก่อนให้ดำเนินการอย่างไร
ส่วนกระบวนการประมูลในสัญญานี้เป็นอย่างไรนั้น เรายังตอบไม่ได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนกระบวนการของศาลปกครอง โดยในกรณีนี้ศาลปกครองสั่งทุเลาคำวินิจฉัย จากเดิมที่คณะกรรมการวินิจฉัยให้บริษัทบริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด (BINA จากมาเลเซีย-นภาก่อสร้าง) ขาดคุณสมบัติการประกวดราคาในสัญญาของโครงการนี้ ทำให้กลุ่มกิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV เป็นผู้มีคุณสมบัติและเป็นผู้ชนะการประมูลในสัญญาดังกล่าว ซึ่งถือว่ากรณีที่กรมบัญชีกลางอนุมัติให้บริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด เข้าเกณฑ์คุณสมบัติการประกวดราคานั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
รายงานข่าวจากศาลปกครอง กล่าวว่า ล่าสุดศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 3/2564 ระหว่าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทนเอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) กับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด ซึ่งทำสัญญาร่วมค้าอันมีลักษณะเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อ กิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV ได้ฟ้องว่า รฟท.กับพวกรวม 3 คน ดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง มีคำสั่ง อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ให้แก่บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (BINA จากมาเลเซีย-นภาก่อสร้าง) เป็นการเฉพาะราย
นอกจากนี้ การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลางมีคำวินิจฉัยว่า การอุทธรณ์ของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด ในประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและหนังสือรับรองผลงาน ฟังขึ้น และสั่งให้รฟท. กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้บริษัทไชน่า เรลเวย์ จึงมีหนังสือโต้แย้งคัดค้าน ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก - บันไดม้า ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัย เห็นสมควรที่ศาลฯมีคำสั่งวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ทุเลาตามคำสั่งของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด จนกว่าศาลจะพิพากษาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ส่งผลกระทบต่อการบริหารสาธารณะทั้งโครงการฯ ของรฟท. เนื่องจากรฟท.ไม่สามารถว่าจ้างและทำการก่อสร้างได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น
ขณะเดียวกันบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทนเอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หากไม่ได้รับการคัดเลือกประมูลโครงการดังกล่าว หากในกรณีที่บริษัทไชน่า เรลเวย์ ไม่เรียกค่าเสียหายในคดีนี้แต่ต้องการลงนามสัญญาร่วมกับรฟท. ไม่สามารถเป็นข้อสรุปได้ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ในภายหลัง เนื่องจากผู้ฟ้องคดีเป็นเพียงสมาชิกของกิจการร่วมค้า ITD-CREC No.10 JV เท่านั้น จึงไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหาย รวมทั้ง รฟท.ยังไม่ได้มีคำสั่งเพิกถอนผลการประกวดราคาที่ให้ ITD-CREC No.10 JV เป็นผู้ชนะการประกวดราคา แต่สัญญาในโครงการฯ นี้จะล่าช้าออกไป ซึ่งจะกระทบต่อการก่อสร้าง เนื่องจากรฟท.ไม่สามารถส่งมอบงานโยธาให้แก่ผู้รับเหมางานระบบรถไฟฟ้าได้ทันเวลา ส่งผลให้รฟท.เสียค่าปรับแก่ผู้รับเหมาจากการส่งมอบงานโยธา หลังจากที่มีการลงนามสัญญาแล้วและจะกระทบต่อการเปิดให้บริการแก่ประชาชน
อย่างไรก็ตามทางบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ระบุว่า กรณีที่กรมบัญชีกลางยกเว้นคุณสมบัติการประกวดราคาของบริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด ถือเป็นการทำผิดกฎหมาย หากคำสั่งของกรมบัญชีกลางและบริษัทบีพีเอ็นพี จำกัด ยังมีผลบังคับใช้จะทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทไชน่า เรลเวย์ เนื่องจากบริษัทได้เตรียมการตั้งแต่การเข้าร่วมยื่นข้อเสนอและทราบว่าเป็นผู้ชนะการประกวดราคา จึงได้เตรียมจัดซื้อและขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าจ่ายในการเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมดำเนินงานสัญญา3-1 งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก บันไดม้า ทำให้บริษัทเสียโอกาสและเสียชื่อเสียง เพราะบริษัทเป็นตัวแทนของรัฐวิสาหกิจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับมอบหมายให้ยื่นข้อเสนอโครงการดังกล่าว หากบริษัทไม่ได้ลงนามสัญญากับรฟท. ส่งผลให้บริษัทไม่ได้รับการสนับสนุนหรือได้รับความเชื่อมั่นในการเป็นตัวแทนในการยื่นข้อเสนอโครงการอื่นๆ ทั้งนี้บริษัทไม่ได้ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายกับรฟท.แต่อย่างใด
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 04/06/2021 11:35 pm Post subject:
กพอ.เปิดความคืบหน้าอีอีซี เร่งส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงก.ย.นี้
หน้าเศรษฐกิจ
ศุกร์ 4 มิถุนายน 2564
กพอ. เผยความคืบหน้าเมกะโปรเจกต์ อีอีซี เร่งส่งมอบพื้นที่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้ทั้งหมดเดือนก.ย.นี้ ก่อสร้างเสร็จปี 68 ด้าน สนามบินอู่ตะเภา จัดทำแผนแม่บทเสร็จ มิ.ย.นี้ พร้อมพัฒนาเมืองเก่า ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ ดึงท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 3/2564 วันศุกร์ที่ 4 มิ.ย. 2564 โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน งานก่อสร้างเริ่มแล้ว พร้อมส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดในเดือนก.ย. 2564 ที่ประชุม กบอ. รับทราบความก้าวหน้าโครงการฯ โดย รฟท. เตรียมส่งมอบพื้นที่ช่วงสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 170 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการประมาณ 5,521 ไร่ งานมีความคืบหน้า 86% ให้กับเอกชนคู่สัญญาแล้ว และพร้อมส่งมอบพื้นที่ได้ทั้งหมด ภายในเดือนก.ย. 2564 โดยขณะนี้เอกชนได้เข้าพื้นที่ และเริ่มออกแบบเตรียมการก่อสร้าง เช่น งานปรับพื้นที่สำหรับเตรียมก่อสร้างช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา งานก่อสร้างถนนและสะพานชั่วคราวเพื่อลำเลียงวัสดุ งานก่อสร้างสำนักงานสนาม บ้านพักคนงาน โรงหล่อชิ้นงานโครงสร้าง งานด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและการจัดจราจร โดยการก่อสร้างทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 4 5 ปี และจะเปิดให้บริการช่วงพญาไท สุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา ในปี 2568
ด้านการส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ พร้อมส่งมอบให้เอกชนคู่สัญญา โดยยืนยันว่า ผู้โดยสารจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ระหว่างการถ่ายโอนกิจการ โดยเฉพาะเรื่องบัตรโดยสาร ที่สามารถใช้บัตรรายเดือนได้ตามเดิม นอกจากนี้จะได้รับการยกระดับคุณภาพบริการที่ดีขึ้น อาทิ การปรับเปลี่ยนตู้ขนสัมภาระ จำนวน 4 ตู้ ให้เป็นตู้รองรับผู้โดยสารแทนได้มากถึง 1,000 คนต่อชั่วโมง ลดการรอคอยขบวนรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมปรับปรุงระบบควบคุมการเดินรถ ให้ขบวนรถมาตรงเวลามากขึ้น รวมถึงปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกรอบสถานี เพิ่มห้องน้ำ พื้นที่สีเขียว ระบบแสงสว่าง พัดลมระบายอากาศ และปรับปรุงระบบจราจร เป็นต้น
2. สนามบินอู่ตะเภา ฯ ก้าวหน้าครบทุกมิติ พร้อมรุกอุตสาหกรรมการบิน (ATZ) สร้างงานใหม่ รายได้เพิ่ม ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ความก้าวหน้าการดำเนินการโครงการ ฯ ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ส่วนความรับผิดชอบภาครัฐ อาทิ การก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 โดยกองทัพเรือ ซึ่งได้ออกแบบทางวิ่งและทางขับที่ 2 งานทางขับเชื่อมระหว่างทางวิ่ง พร้อมลานจอดศูนย์ซ่อมอากาศยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ทางวิ่งความยาว 3,505 เมตร ทางขับที่เกี่ยวข้อง 6 เส้นทาง อุโมงค์ลอดใต้ทางวิ่ง งานระบบที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ในด้านการเตรียมส่งมอบพื้นที่ สกพอ. ได้จัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติงานในพื้นที่เขตส่งเสริมฯ สำหรับช่วงการก่อสร้างเพื่อใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ รวมถึงดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ งานก่อสร้างระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น สกพอ. ได้ส่งมอบที่ดินที่เช่า และบริษัท บี กริม. ได้เข้าเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว งานก่อสร้างระบบประปาและระบบน้ำเสีย สกพอ. ได้ส่งมอบที่ดินให้แก่ บริษัท อีสท์วอเตอร์ เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างสำรวจสภาพพื้นที่
ส่วนความรับผิดชอบเอกชนคู่สัญญา (UTA) ได้เข้าสำรวจพื้นที่โครงการเรียบร้อย และได้ก่อสร้างรั้วมาตรฐานเขตการบิน (Airside) ความยาว 4.9 กิโลเมตร แล้วเสร็จประมาณ 95% เพื่อรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในช่วงการก่อสร้าง พร้อมจัดทำค่าระดับในพื้นที่โครงการ และกำหนดแนวเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างอาคารผู้โดยสารกับสถานีรถไฟความเร็วสูง งานจัดทำแผนแม่บทสนามบินฉบับสมบูรณ์ กำหนดส่งมอบตามสัญญาเดือนมิ.ย.2564 นี้ งานออกแบบอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก กลุ่มบริษัท SOM (Skidmore, Owings and Merrill LLP : SOM) เพื่อออกแบบร่างขั้นต้นของอาคาร
สำหรับกิจกรรมพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมการบิน (Aviation Technical Zone : ATZ) สกพอ. เตรียมพัฒนาพื้นที่ประมาณ 539 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางพัฒนาธุรกิจด้านอากาศยาน ซึ่งกิจกรรมใน ATZ ที่สำคัญ ๆ เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ให้บริการซ่อมบำรุงเบา/หนัก ดัดแปลงอากาศยาน ศูนย์บริการอะไหล่อากาศยาน ศูนย์บริการอุปกรณ์ภาคพื้น ซ่อมบำรุงอุปกรณ์อากาศยาน ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศ และที่จอดสำหรับอากาศยานที่เสีย และใช้เวลาซ่อมระยะยาว หรือรอจำหน่าย เป็นต้น
รู้จัก เซ้นส์เอนเตอร์เทนเมนท์ ทุ่ม 1.2 หมื่นล้านบาท บริหารลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย
ปัจจุบัน สกพอ. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทและวางผังภายในพื้นที่กิจกรรม ATZ และมีแผนจัดทำการทดสอบความสนใจของนักลงทุน (International Market Sounding) เพื่อศึกษาภาพรวมตลาดและเชิญชวนนักลงทุนในระหว่างเดือนก.ค. ถึงก.ย. 2564 ซึ่งการดำเนินการ ATZ คาดว่าจะ เพิ่มอัตราการจ้างงานด้านอุตสาหกรรมการบินกว่า 3,000 ตำแหน่ง สร้างรายได้ภาครัฐจากเอกชนที่เข้ามาลงทุน เพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ช่วยลดต้นทุนธุรกิจอุตสาหกรรมการบินของประเทศ และพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการบินในระดับภูมิภาคเอเชีย
3. ต้นแบบการพัฒนาเมืองเก่า ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ ดึงท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี สู่อีอีซี ที่ประชุม กบอ. รับทราบ สกพอ. ร่วมกับเมืองพัทยา ริเริ่มโครงการก่อสร้างตลาดใหม่ลานโพธิ์นาเกลือ ตามแผนพัฒนาเมืองพัทยา สู่ NEO PATTAYA เพื่อเป็นโครงการนำร่องต้นแบบการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมรักษาความเป็นเมืองเก่าของนาเกลือสู่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน คู่ไปกับการพัฒนาเป็นตลาดอาหารทะเลชั้นนำของอีอีซี โดยนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้ชุมชน ปัจจุบันได้ศึกษาและสำรวจแนวคิดจากโครงการที่ประสบความสำเร็จ ปรับการออกแบบผัง แนวคิด ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ชุมชน รักษาทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงาม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกสู่อีอีซี
ทั้งนี้ จุดเด่นสำคัญของการพัฒนาโครงการตลาดใหม่ลานโพธิ์นาเกลือ คือ เป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการร่วมกันระหว่างรัฐ-ท้องถิ่น และเอกชน สร้างโอกาสในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ขยายผลไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตประชาชนหลังสถานการณ์โควิด 19 และเป็นโครงการต้นแบบที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่อีอีซี สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่ชุมชนต่อเนื่อง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 04/06/2021 11:42 pm Post subject:
ยันรถไฟความเร็วสูงกระทบมรดกโลก
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ศุกร์ 4 มิถุนายน 2564 เวลา 10:53 น.
นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยกรณีมีการกล่าวหาว่ากรมศิลปากรว่ามีส่วนทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งกระทบมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา ล่าช้า ว่า กรมศิลปากรไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เนื่องจากไม่เคยมีการเชิญประชุมในคณะทำงานหรือสอบถามความคิดเห็นถึงการดำเนินงานมาก่อน อย่างไรก็ตาม สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา เคยให้ความเห็นว่าโครงการฯ มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 45 เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยามาตลอด
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรมศิลปากร เคยได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่าพื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา และขอให้พิจารณาทางเลือกการออกแบบสถานีที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอ และขอให้การรถไฟส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟ
ตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบ และขอให้มีนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และต้องศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม หรือ HIA รวมถึงการจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามความจำเป็น ซึ่ง กรมศิลปกรยืนยันว่าทำงานตามนโยบายของรัฐบาลและศูนย์มรดกโลกที่มีความห่วงใยในแหล่งมรดกโลก ซึ่งไม่มีวาระแอบแฝงใดๆทั้งสิ้น นายประทีปกล่าว.
กรมศิลปากร ห่วงสถานีรถไฟความเร็วสูงกระทบมรดกโลกอยุธยา
4 มิถุนายน 2564 เวลา 18:41
กรมศิลปากร กังวลสถานีรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กระทบมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา พบไม่มีการสำรวจผลกระทบโบราณสถานริมทางรถไฟในรายงานอีไอเอ ที่อนุมัติเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2560 แนะย้ายตั้งสถานีรถไฟ -เบี่ยงใช้เส้นทางอื่น คำนึงถึงบริบทมรดกทางวัฒนธรรม
วันนี้ (4 มิ.ย.2564) นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า หลังจากที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในโครง การรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ซึ่งมีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยาไปแล้วนั้น
กรมศิลปากร ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือน ธ.ค.2561 สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์และการคมนาคม เพื่อรองรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง และศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมการเดินรถจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด
ไม่พบสำรวจผลกระทบในรายงานอีไอเอ
ในการประชุมครั้งนั้น บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสถานีอยุธยาและพื้นที่โดยรอบ ผู้แทนสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการฯ
มีงานก่อสร้างอาคารสถานีขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 45 เมตร และอยู่ในเกณฑ์ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถานและมรดกโลกอยุธยา จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางบริษัทที่ปรึกษาฯ ต้องสำรวจผลกระทบต่อโบราณสถานที่อยู่ริมทางรถไฟก่อนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาฯ ได้แจ้งตอบในการประชุมว่า มีการอนุมัติอีไอเอแล้วตั้งแต่ 6 ก.ค.2560
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม และสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการส่งรายงานสำรวจอีไอเอ มายังสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา
สำหรับอาคารสถานีอยุธยา บริษัทฯ ชี้แจงว่าจะสร้างอาคารใหม่คร่อมอาคารหลังเก่า และปรับปรุงเป็นศูนย์ข้อมูล หรือพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นครั้งแรกที่กรมศิลปากรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงยกระดับและสถานีขนาดใหญ่ รวมทั้งการจัดทำแนวทางการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่ง หลังจากนั้นจึงเป็นการหารือรายละเอียดการก่อสร้างระหว่างกรมศิลปากรและบริษัทที่ปรึกษาฯ
แนะออกแบบสถานีลดกระทบมรดกโลก
นายประทีป กล่าวอีกว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2562 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาเมืองกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ขอเข้าหารือกับกรมศิลปากร ในประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับขนาดของอาคารสถานีที่มีความสูง และใหญ่เกินความจำเป็นต่อการใช้งาน รวมทั้งมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เกาะเมือง จึงอาจส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกได้ จึงขอให้กรมศิลปากรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปรับปรุงรูปแบบอาคารให้กระทบต่อแหล่งมรดกโลกน้อยที่สุด
ทั้งนี้ กรมศิลปากร ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานติดตามแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาโดยตรง และทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2563 แจ้งว่าพื้นที่โครงการอยู่ในเขตโบราณสถาน และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา
แนะย้ายที่ตั้งสถานีรถไฟ-ห่วงมรดกโลก
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ขอให้มีการพิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมอีกครั้ง เช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่ หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอ โดยขอให้การรถไฟส่งรายละเอียดรูปแบบราง และอาคารสถานีในแนวเส้นทางรถไฟตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา รวมทั้งขอให้มีนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป
ต่อมาวันที่ 6 ต.ค.2563 รองปลัดกระทรวงคมนาคม รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ได้เข้าหารือกับอธิบดีกรมศิลปากร เกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอยุธยาของโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา
กรมศิลปากร เสนอว่าโครงการรถไฟความเร็วสูง มีส่วนเข้าใกล้พื้นที่มรดกโลกพระนครศรีอยุธยา จึงควรให้ความสำคัญต่อบริบทความเป็นมรดกโลกของพื้นที่ และร่วมกันพิจารณาหาทางเลือกในการออกแบบสถานีที่เหมาะสมร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม (HIA) ต่อแหล่งมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งจัดทำการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน ตามความจำเป็น
https://www.youtube.com/watch?v=ncK_s0O4B1Q
https://www.facebook.com/ThaiPBS/posts/10165776674115085
TOD สถานีอยุธยา
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/1205532853218525 Last edited by Wisarut on 06/06/2021 1:51 am; edited 2 times in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 05/06/2021 11:18 pm Post subject:
รฟท. ควรเป็นผู้เชื่อม ไทย-จีน
หน้า เศรษฐกิจมหภาค / Mega Project
เสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 เวลา 21:08 น.
"ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" ชี้ชัด รฟท. ควรเป็นผู้เชื่อม ไทย-จีน หลัง เส้นทางรถไฟ เวียงจันทน์ สปป.ลาว -มณฑลยูนาน จีนตอนใต้ 417กิโล สร้างเสร็จสมบูรณ์100% เมื่อวันที่5 มิ.ย.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรโพสต์เฟสบุ๊ก เมื่อวันที่ 5มิถุนายน ว่า วันนี้ป็นวันที่ลาว-จีน วางรางรถไฟ ระยะทาง 417 กม.จากต้นทางเวียงจันทน์ ผ่านหลวงพระบาง หลวงน้ำทา บ่อเต็น ถึงปลายทางที่ชายแดนยูนนานของจีนได้เสร็จสมบูรณ์ 100% แล้วเป็นรางขนาด 1.435 เมตร มี 31 สถานีรวมทั้ง 5 สถานีหลัก วิ่งผ่านอุโมงค์ 76 แห่งที่มีความยาวรวม 195.78 กิโลเมตรและสะพาน 154 สะพานที่มีความยาวรวม 67.15 กิโลเมตร เงินลงทุนประมาณ 6,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 238,000 ล้านบาท)รฟท. ควรเป็นผู้เชื่อม ไทย-จีน
รฟท. ควรเป็นผู้เชื่อม ไทย-จีน
สามารถเชื่อมต่อระบบรถไฟจีน ไปเที่ยวถึงสิบสองปันนา แล้วต่อไปยังเมืองคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลยูนนาน เป็นไปตามโครงการ " Halfway Corridor" เป็น โครงการระหว่างแนวคิด "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" ของจีน และ ยุทธศาสตร์ของ สปป.ลาวในการเปลี่ยนจากประเทศไม่มีทางออกสู่ทะเล เป็นศูนย์กลางของการขนส่งทางบกแม้ในสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม รถไฟลาว-จีน ก็ดำเนินการไปตามแผนที่กำหนดซึ่งจะเปิดดำเนินการวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันชาติของ สปป.ลาว คนไทย-ลาวและจีนก็สามารถเลือกเดินทางระหว่างกัน ผ่านเส้นทางนี้สะดวกแล้ว มาขึ้นรถไฟที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาวได้รฟท. ควรเป็นผู้เชื่อม ไทย-จีน
รฟท. ควรเป็นผู้เชื่อม ไทย-จีน
บริษัท Lao Song Laozhong Railway Co., Ltd. จัดซื้อรถไฟรุ่น CR200 J "Fuxing" ผลิต โดย บริษัท ร่วมทุนระหว่าง China Railway Group และ CRRC สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กม. / ชม. (สำรองอีก200กม./ชม.) มาให้บริการสองขบวนแรกโดย บริษัท China-Laos Railway Co. ทุนที่ก่อตั้งโดยบริษัทจีนและลาวในเวียงจันทน์ สปป. ลาว ด้วยทุนจดทะเบียน 1.5 หมื่นล้านหยวนไม่นานนัก นับถอยหลัง...ไป..เลย ไปจีนง่ายจัง ..ผมเคยคุยกับอดีตพนักงาน รฟท. ได้รับข้อมูลว่า1 ถ้าจะเน้นการขนผู้โดยสาร ก็ต้องลงทุนรถไฟความเร็วสูง ก่อสร้างระบบราง 1.435 เมตร ยาวตลอดจากเวียงจันทร์ ลงไปถึงชายแดนมาเลเซีย ลงทุนมาก แต่จะใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง กว่า demand จำนวนผู้โดยสารประจำวันจะสูงพอที่จะคุ้มทุน2 ถ้าจะเน้นการขนสินค้า รฟท. สามารถปรับเพิ่มราง 1 เมตรปัจจุบัน ให้มีรางที่สาม เป็น 1.435 เมตร และยกรางข้ามถนนไม่ให้มีจุดตัด ทำรั้วโปร่งป้องกันสัตว์ระบบสามราง จะรองรับรถไฟไทยปัจจุบัน และรถไฟจีนก็สามารถใช้ระบบนี้ได้ แต่จะต้องทำเป็นรางคู่ตลอดสายวิธีนี้ รฟท. ขยายธุรกิจได้ โดยลงทุนโบกี้ 1.435 เมตร และจะส่งสินค้าไทย-จีนได้ตลอดเส้นทาง โดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายโบกี้ ไม่ต้องขนขึ้นขนลงโดยจะวิ่งความเร็วปกติมาตรฐานไทย เพียงแต่จะต้องจัดให้มีจุดเบี่ยงทั้งในจีนและในไทย เพื่อหลบทางให้แก่รถไฟความเร็วสูงของจีนแซง โดยจัดเป็นช่วงๆส่วนรถไฟจีน ก็ขยายธุรกิจได้ โดยขอวิ่งผ่านเข้ามาในไทย และจะส่งทั้งผู้โดยสารและสินค้าได้ตลอดเส้นทางเช่นกัน เพียงแต่จะต้องลดความเร็วลงเป็นปานกลางแนวทางนี้ จะสามารถวาง phase โครงการลงทุน ให้พอเหมาะกับกำลังเงินของฝ่ายไทย โดยไม่ต้องมีภาระหนี้ก้อนโตเริ่มแต่ต้น และจะเป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดแนวทางนี้ น่าจะเอื้อให้การย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรมจากจีนมาไทย จะทำได้สะดวกมากขึ้น เช่นเดียวกับรถไฟที่เชื่อมจีนกับเวียดนาม หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญสำหรับฝั่งประเทศไทย ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะ(เฟส)ที่ 1 ช่วงเส้นทาง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา 253 กิโลเมตร(กม.) จำนวน 14 สัญญา วงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) อยู่ระหว่างก่อสร้างและรอลงนามผู้รับจ้างอีก4สัญญารอประมูลอีก1สัญญา(ดอนเมือง-บางซื่อ) คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดใช้เส้นทางอย่างเร็วในปี2569อย่างช้าปี2570เนื่องจากมีความล่าช้า ขณะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทาง กรุงเทพ-หนองคาย เฟส 2 ช่วงนครราชสีมา (โคราช)-หนองคาย ระยะทางราว 356 กิโลเมตร วงเงินลงทุน ราว 2.5 แสนล้านบาท รฟท.เตรียมเปิดประมูลปลายปีนี้ คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ5-6ปี หากแล้วเสร็จสามารถเชื่อมโยงการเดินทาง ท่องเที่ยว ขนส่งสินค้า กับรถไฟลาว-จีนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเตรียมเปิดใช้เส้นทางเดือนตุลาคมบริเวณด่านพรมแดนหนองคายฝั่งไทยกับ เวียงจันทน์ สปป.ลาว วิ่งยาวถึงสิบสองปันนาไปจีนตอนใต้ได้
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 06/06/2021 12:03 am Post subject:
รถไฟสามสนามบินคืบหน้า เอกชนเข้าพื้นที่เตรียมก่อสร้าง
05 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 11:10 น.
5 มิ.ย. 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในฐานะเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 3/2564 วันที่ 4 มิ.ย. 2564 ว่าที่ประชุมได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้ 1. รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน งานก่อสร้างเริ่มแล้ว พร้อมส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดก.ย. 64 ที่โดยเตรียมส่งมอบพื้นที่ช่วงสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 170 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการประมาณ 5,521 ไร่ งานมีความคืบหน้า 86% ให้กับเอกชนคู่สัญญาแล้ว
โดยขณะนี้เอกชนได้เข้าพื้นที่ และเริ่มออกแบบเตรียมการก่อสร้าง เช่น งานปรับพื้นที่สำหรับเตรียมก่อสร้างช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา งานก่อสร้างถนนและสะพานชั่วคราวเพื่อลำเลียงวัสดุ งานก่อสร้างสำนักงานสนาม บ้านพักคนงาน โรงหล่อชิ้นงานโครงสร้าง งานด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและการจัดจราจร โดยการก่อสร้างทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 4 5 ปี และจะเปิดให้บริการช่วงพญาไท สุวรรณภูมิ ถึงอู่ตะเภา ในปี 2568
ขณะที่การส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ พร้อมส่งมอบให้เอกชนคู่สัญญา โดยยืนยันว่า ผู้โดยสารจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ระหว่างการถ่ายโอนกิจการ โดยเฉพาะเรื่องบัตรโดยสาร ที่สามารถใช้บัตรรายเดือนได้ตามเดิม นอกจากนี้จะได้รับการยกระดับคุณภาพบริการที่ดีขึ้น อาทิ การปรับเปลี่ยนตู้ขนสัมภาระ จำนวน 4 ตู้ ให้เป็นตู้รองรับผู้โดยสารแทนได้มากถึง 1,000 คนต่อชั่วโมง ลดการรอคอยขบวนรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมปรับปรุงระบบควบคุมการเดินรถ ให้ขบวนรถมาตรงเวลามากขึ้น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 06/06/2021 11:29 pm Post subject:
กรมศิลป์ฯ กลัวสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยากระทบวิวโบราณสถาน
Reporter Journey
เสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 เวลา 17.45 น.
ถ้าหากว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ - นครราชสีมา ที่หลังจากนี้การก่อสร้างและการเปิดให้บริการจะล่าช้าออกไปอีก ทั้งๆ ที่ก็ล่าช้าอยู่แล้ว ก็ขอให้รู้เลยว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นอาจมาจากหน่วยงานที่ชื่อว่า "กรมศิลปากร" ที่เพิ่งจะออกมาพูดเอาตอนที่โครงการมันเดินหน้าจนสัญญาก่อสร้างช่วงท้ายๆ จะเซ็นกันอยู่แล้วว่า ไม่ต้องการให้สร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง จ.พระนครศรีอยุธยา ในจุดที่มีการกำหนดเอาไว้ ซึ่งก็คือบริเวณสถานีรถไฟปัจจุบันตามการออกแบบสถานีเดิมที่เคาะมาเรียบร้อย ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานอกเกาะเมือง ห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา หรือเมืองเก่าอยุธยา 2 กิโลเมตร
.
สาเหตุที่ไม่ต้องการให้สร้างในจุดนี้ตามแบบเดิมก็เพราะเกรงว่า อาคารสถานีและทางวิ่งยกระดับจะบดบังทัศนียภาพโบราณสถาน และถ้าหากไม่ขยับที่ตั้งสถานีก็จะต้องสร้างใหม่ให้เป็นรูปแบบใต้ดินแทน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ทำให้กระทบต่อระยะเวลาการก่อสร้างของทั้งโครงการ และกำหนดการเปิดให้บริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงเพราะปัญหาจุดๆ เดียว
.
เนื่องจากหากต้องเปลี่ยนแปลงตามที่กรมศิลป์ฯ ต้องการ ก็จะต้องใช้เวลาการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ใหม่อีกครั้งเป็นเวลา 6 เดือน ทั้งๆ ที่การศึกษาผลกระทบฯ นั้นได้ผ่านเป็นที่เรียบร้อยมาตั้งนานแล้ว แต่เวลานั้นกรมศิลป์ฯ ไม่ได้มีการคัดค้านหรือแสดงความเห็นโต้แย้งใดๆ
.
นอกจากนี้ถ้าปรับเปลี่ยนรูปแบบสถานีเป็นแบบใต้ดิน ก็จะต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งคณะกรรมการแห่งชาติฯ ก็ดึงดันจะให้ก่อสร้างเป็นสถานีใต้ดินแทนยกระดับหรือเปลี่ยนแนวเส้นทางใหม่ แต่การรถไฟแห่งประเทศไทย และกระทรวงคมนาคม ก็เคยยืนยันว่าการก่อสร้างสถานีใต้ดินต้องเริ่มทำ EIA ใหม่และเป็นแนวทางที่ไม่เหมาะสม เพราะพื้นที่อยุธยาเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเสมอ เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำหลากจากภาคเหนือ จึงค่อนข้างเสี่ยง และต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอีกกว่า 1 หมื่นล้าน พร้อมขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 5 ปี
.
ส่วนการเปลี่ยนเส้นทางใหม่ นอกจากต้องทำ EIA ใหม่เช่นกันแล้ว จะกระทบกับประชาชน เพราะต้องเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันกว่าไร่ รวมทั้งต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 2 หมื่นกว่าล้านบาท และขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 7 ปีอีกด้วย ทำให้การกำหนดเปิดให้บริการต้องล่าช้าออกไป
.
คำถามคือ ตอนที่มีการทำ EIA กรมศิลป์ฯ ก็เป็นคณะกรรมการพิจารณาด้วย ตอนนั้นทำไมกรมศิลป์ไม่เสนอแนะ คัดค้าน หรือแสดงความต้องการ ณ เวลานั้น แต่กลับเพิ่งจะมาคัดค้านเอาช่วงที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างแล้ว จนกระทบต่อไทม์ไลน์โครงการในภาพรวมทั้งหมด
.
และถ้ากรมศิลป์ เป็นห่วงทัศนียภาพของโบราณสถานจริงๆ ทำไมกรมศิลป์ฯ ถึงปล่อยให้สภาพแวดล้อมในเกาะเมืองมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เข้ากับพื้นที่ แทรกซึมอยู่ภายในมาได้ตั้งนาน รวมทั้งมีโรงแรมที่อยู่ริมแม่น้ำที่มีความสูงหลายชั้นมากกว่าทางวิ่งและสถานี ซึ่งน่าจะกระทบต่อทัศนียภาพภายในเขตโบราณสถานเช่นกัน แต่ทำไมกรมศิลป์ฯ ถึงไม่เห็นพูดอะไร หรือทำอะไร ปล่อยให้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการมาหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน
.
ขณะที่ในต่างประเทศซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกทั้งเมือง และมีการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงแบบยกระดับ เช่น เมืองเกียวโต อดีตราชธานีของญี่ปุ่นอายุนับพันปี ที่มีวัดโบราณ สถานที่เก่าแกต่างๆ เต็มเมืองดังที่เห็นในภาพ กลับสามารถก่อสร้างสถานีรถไฟขนาดใหญ่ที่มีความสูงของอาคารเท่าตึก 7 ชั้นได้ ในระยะรัศมีห่างจากโบราณสถานสำคัญที่มีอายุกว่า 1,700 ปี ซึ่งเก่าแก่กว่ากรุงศรีอยุธยา และกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีรวมกันเพียง 1 กิโลเมตร และไม่กระทบต่อการเป็นแหล่งมรดกโลกแต่อย่างใด อีกทั้งยังช่วยเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และการคมนาคมของทั้งคนในจังหวัดและนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาได้สะดวกสบายอีกด้วย
.
ถ้าหากโครงการนี้ล่าช้าออกไปอีก ก็ขอให้ประชาชนทั้งหลาย โดยเฉพาะชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเจ้าของพื้นที่ที่จะได้ใช้ประโยชน์จากโครงการนี้เต็มๆ ทราบไว้ว่า หน่วยงานที่ชื่อ "กรมศิลปากร" คือสาเหตุของความล่าช้านี้ที่ทำให้เสียเวลา เสียประโยชน์ เสียโอกาสออกไปอีกหลายปี
.
ผู้เขียนเลยคิดว่า ถ้ารถไฟความเร็วสูงสายนี้เจออุปสรรค เห็นทีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สายภาคตะวันออกของกลุ่ม CP ที่ตอนนี้ได้เคลียร์พื้นที่พร้อมส่งมอบเพื่อก่อสร้างแล้ว ซึ่งเกิดมาทีหลังหลายปี น่าจะก่อสร้างเสร็จก่อนเสียแล้วกระมัง และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นเพราะหน่วยงานราชการเป็นผู้สร้างอุปสรรคมันขึ้นมาเอง จนประเทศและประชาชนเสียประโยชน์ และเสียงบประมาณมากขึ้น จะชดใช้มันอย่างไร?
.
ฝากไว้ให้ได้คิดกัน
Back to top