View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42708
Location: NECTEC
|
Posted: 11/11/2021 5:41 pm Post subject: |
|
|
ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป
ปิดช่องทางจราจร 1 ช่องทาง ถนนเทศบาล 3 (เส้นสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี)
📌 ถนนเทศบาล 3 ตั้งแต่บริเวณ ศาลารอรถโรงทอ จนถึง ถ.พิชัยฯซอย 15 (ดูรูปประกอบในคอมเม้นต์)
⬆️ มาจากถนนพหลโยธิน ข้ามทางรถไฟ สามารถเลี้ยวซ้ายผ่านศาลารอรถโรงทอ ผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี สามารถวิ่งตรงไปได้ตลอดสาย
⬅️ มาจากทางเส้นถนนเทศบาล 3 ผ่านหน้าโรงเรียนยุววิทยา สามารถตรงมาและบังคับเลี้ยวซ้าย เข้าถนนพิชัยฯซอย 15 (หรือแยกศาลหลักเมือง)
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) จะเข้าดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนช่วงสระบุรี-แก่งคอย จึงจะทำการปิดช่องทางจราจร 1 ช่องทาง เส้นสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี
https://www.facebook.com/ake.bluechifamily/posts/4600792176634358 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42708
Location: NECTEC
|
Posted: 15/11/2021 6:57 pm Post subject: |
|
|
หายนะรถไฟไทย-จีน
บ้านเกิดเมืองนอน
สิริอัญญา
วันอาทิตย์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 02.00 น.
ข้อสั่งการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เชื่อมต่อทางรถไฟเส้นทางสายไหมไทย-จีน จากหนองคายถึงเวียงจันทน์ ถูกสกัดอย่างหน้าตาเฉย และมีผลต่อการทำลายแผนการเชื่อมต่อรถไฟไทย-จีน ที่จะเชื่อมกับเส้นทางสายไหมทั่วโลก นับเป็นแผนการที่อำมหิตและทำลายชาติบ้านเมืองอย่างเลือดเย็นที่สุด
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนชาวไทยทั้งชาติจะต้องทำลายแผนอำมหิตนี้เสีย และทำให้ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นมรรคเป็นผลโดยเร็วที่สุด
ประเทศไทยทำความตกลงสร้างทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ตั้งแต่ปี 2557 มีเส้นทางรถไฟขนาดราง 1.435 เมตร สามสาย คือ จากหนองคาย-โคราช-สระบุรี, จากสระบุรี-กรุงเทพฯ และจากสระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ซึ่งข้อตกลงนี้ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแล้ว และกระทรวงคมนาคมในสมัยพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ได้วางแผนการก่อสร้างทั้งสามสายนี้ มีกำหนดการเปิดการเดินรถครั้งแรกในปลายปี 2565
ต่อมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการเจรจาเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟไทย-จีน สายนี้จากหนองคายข้ามแม่น้ำโขงไปยังนครเวียงจันทน์ เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟเส้นทางสายไหมจีน-ลาว และจะเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟในเส้นทางสายไหมทั่วทั้งประเทศจีนและทั่วโลกด้วย
นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องนี้หลายครั้งและมีการเจรจากันแล้วหลายรอบ แต่ผลการเจรจาไม่คืบหน้า ซึ่งอาจเป็นเพราะมีแผนอำมหิตที่ต้องการทำลายการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟไทย-จีน กับเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งจะต้องเชื่อมต่อจากหนองคายไปยังเวียงจันทน์ ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร โดยรวมสะพานข้ามแม่น้ำโขงประมาณ 1 กิโลเมตรแล้ว
ถ้าการเชื่อมต่อทางรถไฟรางกว้าง 1.435 เมตร จากหนองคายไปยังเวียงจันทน์ไม่เกิดขึ้น ก็จะทำลายแผนการสร้างทางรถไฟไทย-จีน ทั้งสามเส้นทาง ให้กลายเป็นเพียงเส้นทางรถไฟในประเทศ และเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟสายอื่นในประเทศไทยไม่ได้เพราะใช้รางกว้างแค่ 1 เมตร
ในอดีตเคยมีเส้นทางรถไฟรางกว้าง 1 เมตร เชื่อมหนองคายกับเวียงจันทน์อยู่แล้ว แต่มิได้เป็นประโยชน์ในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร จึงมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
บัดนี้ปรากฏข่าวว่ามีมือดีกำลังขยายเส้นทางรถไฟขนาดรางกว้าง 1 เมตร จากเดิมไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งไปสิ้นสุดที่ปลายทางในประเทศลาว แต่เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟใดๆ ในประเทศลาวไม่ได้ และมีข่าวว่ามีมือดีดำเนินการให้ประเทศไทยกู้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในการขยายเส้นทางดังกล่าว ซึ่งเป็นการก่อหนี้ก่อสินโดยไร้ประโยชน์เพราะไปเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟเส้นทางสายไหมไม่ได้ และใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าอย่างแท้จริงไม่ได้เหมือนเดิม
ประเทศลาวได้ทำความตกลงสร้างทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ขนาดรางกว้าง 1.435 เมตร เป็นเส้นทางรถไฟสายแรกของลาว แต่เป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับต่างประเทศ โดยไปเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟในเส้นทางสายไหมของจีนที่สิบสองปันนา และตรงไปยังเมืองคุนหมิง ซึ่งเชื่อมต่อไปได้ทั่วประเทศจีนและเชื่อมต่อไปยังเส้นทางสายไหมทั่วโลกด้วย
ลาว-จีน ได้ทำความตกลงและลงมือก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงรางกว้าง 1.435 เมตร จากจีนถึงเวียงจันทน์เสร็จแล้ว จะเปิดการเดินรถครั้งแรกในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชาติของลาวในปีนี้ จะทำให้ลาวสามารถขนส่งคนและสินค้าไปยังประเทศจีนและทั่วโลกได้ และทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสินค้าจากทั่วโลกส่งเข้ามายังประเทศลาวโดยเส้นทางสายนี้โดยสะดวก
และปลายทางก็อยู่ที่นครเวียงจันทน์ ห่างจากสถานีรถไฟที่ไทยเชื่อมต่อไปยังประเทศลาวด้วยรางกว้าง 1 เมตร ระยะทางห่างกันกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่าเส้นทางรถไฟดังกล่าวเชื่อมต่อกันไม่ได้เพราะรางคนละขนาดและมีสถานีคนละแห่ง อยู่ห่างกันกว่าสิบกิโลเมตร ดังนั้นจึงต้องเข้าใจร่วมกันว่าเส้นทางรถไฟหนองคาย-เวียงจันทน์ ขนาดรางกว้าง 1 เมตร ที่จะกู้เงินมาทำกันนั้นเชื่อมต่อกับใครไม่ได้และไม่ใช่เส้นทางรถไฟในเส้นทางสายไหมไทย ลาว จีน และทั่วโลก
ณ สถานีปลายทางของเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งเป็นเส้นทางในรถไฟเส้นทางสายไหมนั้นเป็นสถานีขนาดใหญ่มาตรฐานแบบเดียวกับท่าอากาศยาน เป็นคนละเรื่องกับสถานีรถไฟธรรมดาที่เรารู้จักกันอยู่ และสิ้นสุดปลายทางอยู่ที่ตรงนั้น
ณ ปลายทางดังกล่าวประเทศลาวได้สร้างศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่มาก เป็นพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางหลายแสนตารางเมตร มีการตั้งคลังสินค้าไว้จำนวนมากเพื่อรองรับสินค้าจากทั่วโลกและจากประเทศจีนมาที่ประเทศลาว
จากนั้นลาวก็ทำเส้นทางขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังท่าเรือขนาดยักษ์สองแห่ง คือเวียดนามและกัมพูชาเพื่อให้ส่งสินค้าทางทะเลได้ ทั้งจากอ่าวไทยและมหาสมุทรแปซิฟิกตรงพื้นที่แถบทะเลจีนใต้ และบรรดาประเทศต่างๆ ก็สามารถขนส่งสินค้าทางเรือมาส่งที่ท่าเรือดังกล่าวเพื่อส่งสินค้าไปจีนและทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย
จะส่งผลกระทบต่อกิจการลงทุนทั้งหลายในพื้นที่แหลมฉบังและมาบตาพุดอย่างรุนแรง และเป็นเหตุให้มีการเคลื่อนย้ายโรงงานจากพื้นที่นี้ไปอยู่ที่เวียดนามและกัมพูชากันเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นถ้าประเทศไทยไม่ลงมือก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมโดยเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟไทย-จีนจากหนองคายไปยังเวียงจันทน์เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟจีน-ลาวแล้ว ก็จะทำให้เส้นทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ทั้งสามสายในประเทศไทยไม่สามารถเชื่อมต่อกับใครได้ และกลายเป็นเส้นทางรถไฟในประเทศที่มีแต่ผลขาดทุนและหายนะ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42708
Location: NECTEC
|
Posted: 16/11/2021 12:27 pm Post subject: |
|
|
นี่คือแผนของการรถไฟเองแต่แรก ที่จะให้สถานีรถไฟอุดรธานี เป็น สถานี "ยกสูง" ไม่ใช่การเรียกร้องของ ประชาชนในพื้นที่ เพื่อหลีเลี่ยง ทางตัดข้ามมากมาย และพื้นที่ที่จำกัด เพราะจะเป็นสถานีรถไฟทางไกล และความเร็วสูงในสถานีเดียวกัน และเนื่องจาก สถานีอุดรธานี ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใจกลางแบบไหน ก็ให้นึกภาพ ประมาณ สถานีรถไฟดอนเมือง หรือ สถานีรถไฟห้าแยกลาดพร้าว และตามแผน การรถไฟ อนาคต ที่ จะทำทางรถไฟจีน - ลาว ข้ามมาไทย เดิม จะมีแค่ หนองคาย ในส่วนโดยสาร ที่จะทำให้เป็น สถานีรถไฟนานาชาติหนองคาย และในส่วนท่าเรือบก ที่จะมีรถไฟทั้งสองชาติ ที่ "นาทา" โดยมีแผน "ผลักดัน" ให้ การสร้างทางรถไฟโดยสาร จีน - ยาว ยาวมาอีก 50 กิโล มาที่อุดรธานี ให้เป็น สถานีรถไฟนานาชาติ อีกแห่ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว..... สร้างรายได้ เนื่องจากที่อุดร ยกเลินโรงรถจักร และย่านน้ำมัน ย่านขนถ่ายปูนและสินค้าย่อย ไปแล้ว จึงไม่มีอุปสรรคใดๆเหมือน นครราชสีมา ที่ต้องสร้าง หรือ ไม่สร้างสถานียกสูง ย่านคอนเทนเนอร์ ของอุดร เอง ตามแผนก็ต้องย้าย ไป ท่าเรือบก ทางใต้ของเส้นทางลงมา 2 สถานี ที่ "หนองตะไก้" ที่เป็น ท่าเรือบก เชื่อม อุดร สกลนคร นครพนม และกรุงเทพ ณ สถานีดังกล่าว จึงจะกลายเป็นจุดรองรับการขนส่ง ทางราง จนกว่า เส้นทางสาย บ้านไผ่ - นครพนม จะแล้วเสร็จ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=455304719355520&id=100046279876123 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44519
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 18/11/2021 7:16 am Post subject: |
|
|
ไฮสปีดไทย-จีนเลื่อนเปิดบริการหลัง 70
Source - เดลินิวส์
Thursday, November 18, 2021 05:13
กรงเทพฯ-โคราชติดสารพัดปัญหา 3สัญญาเซ็นยาก-เวนคืนไม่คลอด
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา 253 กิโลเมตร (กม.) 14 สัญญา วงเงินลงทุน 1.79 แสนล้านบาท ว่า ขณะนี้ รฟท. ได้ลงนามในสัญญาที่ 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ระยะทาง 21.8 กม. วงเงิน 1.05 หมื่นล้าน กับบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ผู้ชนะการประมูลแล้ว ทำให้ยังเหลืออีก 3 สัญญาที่ต้องเร่ง ลงนามให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนงาน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า สำหรับ 3 สัญญาที่ยังไม่ได้ลงนามกับ ผู้รับจ้าง ประกอบด้วย สัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 15.2 กม. เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะมอบให้กลุ่มซีพีดำเนินการซึ่งในเส้นทางนี้มี ช่วงที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยอยู่ในขั้นตอนการกำหนดวงเงินก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้อาจต้องปรับโครงสร้างร่วมให้รองรับการใช้ความเร็วของรถไฟไฮสปีดที่ 250 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) ตามความคิดเห็นของทางจีนด้วยซึ่งต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับแก้ไขสัญญาต่อไป
ส่วนสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพพระแก้ว 13.3 กม. ติดปัญหาเรื่องสถานีอยุธยาอยู่ระหว่างจัดทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรี อยุธยาและสัญญาที่ 3-1 ช่วงแก่งคอยกลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า 30.2 กม. ยังรอการพิจารณาของศาลปกครอง ดังนั้นจึงไม่มั่นใจว่าภายในปีนี้จะได้ลงนามใน 3 สัญญาที่เหลือหรือไม่ โดยเฉพาะสัญญาที่ 3-1 ต้องรอการพิจารณาของ ศาลฯ ซึ่งไม่มีกำหนดที่แน่ชัดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จเมื่อใด
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าจากข้อมูล วันที่ 31 ต.ค. พบว่า โครงการรถไฟไฮสปีด
ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา การก่อสร้างภาพรวมคืบหน้า 2.73% ล่าช้า 0.83%
โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา ได้แก่สัญญาที่ 1-1 สถานีกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม.
อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 2-1 สีคิ้ว-กุดจิก 11 กม. คืบหน้า 74.26% ล่าช้า 25.74%,
สัญญาที่ 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็ก และลำตะคอง 12.2 กม. คืบหน้า 0.14% ล่าช้า 2.43%,
สัญญาที่ 3-3 ช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง 21.6 กม. คืบหน้า 0.59% ล่าช้า 4.96%,
สัญญาที่ 3-4 ช่วง ลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด 37.4 กม. คืบหน้า 8.74% เร็วกว่าแผน 3.64%
สัญญาที่ 3-5 ช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา 12.3 กม. คืบหน้า 1.69% ล่าช้า 3.42%,
สัญญาที่ 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ 23 กม. คืบหน้า 0.19% ล่าช้า 1.28%,
สัญญาที่ 4-4 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย และ
สัญญาที่ 4-6 ช่วงพระแก้ว-สระบุรี 31.6 กม. อยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่ก่อสร้าง
ส่วนสัญญาที่ 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย 12.9 กม. คืบหน้า 4.84% เร็วกว่าแผน 0.14%
ขณะที่สัญญาที่ 4-2 ช่วงดอนเมือง-นวนคร ได้ลงนามสัญญากับเอกชนล่าสุดนั้นผู้รับจ้าง จะเข้าพื้นที่ก่อสร้างประมาณเดือน ม.ค. 65
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ขณะนี้การก่อสร้างทั้ง 10 สัญญา มีบางสัญญาที่ผู้รับจ้างยังเข้าพื้นที่ก่อสร้างไม่ได้ ต้องรอ พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน จึงเข้าดำเนินการได้เฉพาะในพื้นที่ของ รฟท. ไปก่อน ปัจจุบันเรื่องอยู่ที่กรมบัญชีกลาง รอสรุปความคิดเห็น และเสนอเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณา น่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน นอกจากนี้ยังเจอผลกระทบด้านแรงงานจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ทั้งนี้จากปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ คาดว่าโครงการจะล่าช้าจากแผนที่วางไว้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งตามแผนเดิมจะเปิดบริการปลายปี 69 หรืออย่างช้า ต้นปี 70 เป็นประมาณครึ่งหลังของปี 70.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 19 พ.ย. 2564 (กรอบบ่าย) |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44519
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 19/11/2021 8:05 pm Post subject: |
|
|
ผู้ว่า รฟท.ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการออกแบบพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา
เผยแพร่: 19 พ.ย. 2564 19:09 ปรับปรุง: 19 พ.ย. 2564 19:09 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นำคณะผู้บริหาร รฟท. ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการออกแบบพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้การก่อสร้างสอดคล้องกับผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และรองรับการเป็นเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา ตามข้อกำหนดของยูเนสโก
ทั้งนี้ สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ถูกออกแบบภายใต้ข้อตกลงในการประชุมร่วมไทย-จีน ซึ่งการรถไฟฯได้คำนึงถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น และต่อมาทางองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ-ยูเนสโก ได้มีข้อห่วงกังวลว่าโครงการอาจส่งผลกระทบต่อเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา
กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว โดยให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบ (Heritage Impact Assessment,HIA.) และให้การรถไฟฯ เป็นผู้ดำเนินการปรับรูปแบบอาคารสถานี ให้เป็นไปตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและลดความสูงของทางวิ่งลงอีก 4 เมตร เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42708
Location: NECTEC
|
Posted: 19/11/2021 10:00 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: |
ไฮสปีดไทย-จีนเลื่อนเปิดบริการหลัง 70
Source - เดลินิวส์
Thursday, November 18, 2021 05:13
กรงเทพฯ-โคราชติดสารพัดปัญหา 3สัญญาเซ็นยาก-เวนคืนไม่คลอด
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 19 พ.ย. 2564 (กรอบบ่าย) |
ลิงก์มาแล้วครับ
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3050037908551040
ผู้ว่าการรถไฟฯ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการออกแบบพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา เพื่อให้สอดรับกับเมืองมรดกโลก
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.30 น.
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.30 น. นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นำคณะผู้บริหารการรถไฟฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการออกแบบพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้การก่อสร้างสอดคล้องกับผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และรองรับการเป็นเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา ตามข้อกำหนดของยูเนสโก
ทั้งนี้ สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ถูกออกแบบภายใต้ข้อตกลงในการประชุมร่วมไทย-จีน ซึ่งการรถไฟฯได้คำนึงถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น และต่อมาทางองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ-ยูเนสโก ได้มีข้อห่วงกังวลว่าโครงการอาจส่งผลกระทบต่อเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา
กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว โดยให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบ (Heritage Impact Assessment,HIA.) และให้การรถไฟฯ เป็นผู้ดำเนินการปรับรูปแบบอาคารสถานี ให้เป็นไปตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและลดความสูงของทางวิ่งลงอีก 4 เมตร เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44519
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 20/11/2021 6:47 am Post subject: |
|
|
"ผู้ว่าฯรฟท."ลงพื้นที่เคลียร์แบบ"สถานีอยุธยา"ลดความสูงทางวิ่ง 4 เมตรจบปม มรดกโลก
เผยแพร่: 19 พ.ย. 2564 21:22 ปรับปรุง: 19 พ.ย. 2564 21:22 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ผู้ว่าการรถไฟฯ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการออกแบบพัฒนาสถานี"อยุธยา"รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน" ลดระดับทางวิ่งลง 4 เมตร เพื่อให้สอดรับกับเมืองมรดกโลก
วันที่ 19 พ.ย. 2564 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมคณะผู้บริหารการรถไฟฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าการออกแบบพัฒนาสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้การก่อสร้างสอดคล้องกับผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และรองรับการเป็นเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา ตามข้อกำหนดของยูเนสโก
ทั้งนี้ สถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ถูกออกแบบภายใต้ข้อตกลงในการประชุมร่วมไทย-จีน ซึ่งการรถไฟฯได้คำนึงถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น และต่อมาทางองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ-ยูเนสโก ได้มีข้อห่วงกังวลว่าโครงการอาจส่งผลกระทบต่อเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา
กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมศิลปากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว โดยให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบ (Heritage Impact Assessment,HIA.) และให้การรถไฟฯ เป็นผู้ดำเนินการปรับรูปแบบอาคารสถานี ให้เป็นไปตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและลดความสูงของทางวิ่งลงอีก 4 เมตร เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเมืองมรดกโลกพระนครศรีอยุธยา
-----
STECH เซ็นสัญญาขายเสาเข็มให้ ITD ใช้ในโครงการรถไฟไทย-จีนมูลค่า 98 ลบ.
ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 19, 2021 15:07 สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) งานซื้อขายเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงแบบแรงเหวี่ยง (Prestressed Concrete Spun Pile) โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) สัญญา 4-4 : ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย มูลค่าสัญญาประมาณ 98 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ส่วนแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/64 ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากภาครัฐบาลและเอกชนเริ่มมีงานประมูลออกมาแล้ว ทำให้มองว่างานส่วนใหญ่ที่ถูกชะลอในครึ่งปีแรกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 63 จะเริ่มกลับมาเดินหน้าประมูลงานใหม่ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคว้างานใหม่เข้ามาเสริม Backlog และ STECH ยังอยู่ระหว่างติดตามการประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น งานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน โครงการรถไฟไทย-จีน และงานเสาเข็มเขื่อนป้องกันน้ำท่วมหลายภูมิภาค เป็นต้น สะท้อนโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มเติม และจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ คอนกรีตอัดแรงถือเป็นรากฐานสำคัญอันดับต้นๆ ในงานก่อสร้าง บริษัทฯ จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงส์ในงานเมกะโปรเจ็กต์ ที่ภาครัฐเริ่มทยอยออกมาตามแผน จากจุดเด่นของบริษัทในความเชี่ยวชาญ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งบริษัทมีโรงงาน 9 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับงานใหม่ๆ โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 10 ที่จังหวัดชลบุรี สาขาที่ 2 เป็นอีกกำลังเสริมทัพการเข้ารับงานในโซนภาคตะวันออก รวมถึงโปรเจกต์ EEC เป็นโอกาสการเติบโตในปี 65 ต่อเนื่อง |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44519
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 22/11/2021 7:55 am Post subject: |
|
|
รฟท.เคาะจ่าย'ซีพี'3.9พันล้าน
Source - กรุงเทพธุรกิจ
Monday, November 22, 2021 04:49
วรรณิกา จิตตินรากร
สร้างช่วงทับซ้อนไฮสปีด'ไทย-จีน'
การพัฒนาโครงการ "รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน" (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) อยู่ขั้นตอนการแก้ไขสัญญาเพื่อแก้ปัญหางานโยธาที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน 12.8 กิโลเมตร
รายงานข่าวจากการถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้ดำเนินการ เจรจาร่วม บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ที่มี กลุ่มซีพีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประเด็นการให้บริษัทเอเชียเอราวัน ก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง แก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน โดย ร.ฟ.ท.ประเมินวงเงินก่อสร้างช่วงพื้นที่ทับซ้อน 3.9 พันล้านบาท
"การรถไฟฯ ได้คุยเรื่องแบบและราคากับทางเอเชียเอราวันบ้างแล้ว ซึ่งรายละเอียดหลังจากนี้ต้องหารือกันถึงแบบก่อสร้าง ที่ทางเอเชียเอราวันต้องปรับแบบมาสร้างรองรับไฮสปีดไทย-จีนด้วย และดูความเหมาะสม ของราคาก่อนแก้ไขสัญญา"
ทั้งนี้ มติ ครม.ได้เห็นชอบให้บริษัท เอเชียเอราวัน เป็นผู้รับผิดชอบออกแบบและก่อสร้างงานโยธา รวมงานทางวิ่งของโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง แต่ให้ยึด ข้อตกลงทั้งมาตรฐานและระยะเวลาของรถไฟไทย-จีนเป็นหลัก ดังนั้นการก่อสร้างพื้นที่ทับซ้อนต้องเสร็จใน ก.ค.2569 ส่วน ค่าลงทุนออกแบบและงานก่อสร้างนั้น บริษัทเอเชียเอราวันจะรับผิดชอบก่อน หลังจากนั้น จะชดเชยค่าใช้จ่ายให้
สำหรับการพิจารณาแก้ปัญหาซ้อนทับ ที่นำมาสู่การแก้สัญญารถไฟ 3 สนามบิน เพื่อให้บริษัทเอเชียเอราวัน เริ่มงานก่อสร้างส่วนนี้ เพราะช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ทั้ง 2 โครงการ ต้องใช้โครงสร้างโยธาร่วมกัน แต่เวลาการก่อสร้าง และมาตรฐานเทคนิคไม่สอดคล้องกัน
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาให้การก่อสร้างมีประสิทธิภาพเป็นการก่อสร้างครั้งเดียว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.จึงเจรจาเอกชนคู่สัญญา โครงการไฮสปีด 3 สนามบิน คือ บริษัท เอเชียเอราวัน ทำข้อเสนอการแก้ไข สัญญาร่วมทุน เพื่อให้เอกชนเร่งก่อสร้างช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง โดยให้เอกชนรับพื้นที่และ เริ่มงานก่อสร้างโยธาให้ได้มาตรฐานเร็ว กว่ากำหนด เพื่อให้โครงการรถไฟไทย-จีน ใช้เส้นทางดอนเมือง-บางซื่อ ตามแผน ในเดือน ก.ค.2569
"เรื่องพื้นที่ทับซ้อนเป็นประเด็น ที่การรถไฟฯ ศึกษามานานแล้ว เพราะการ จะประกวดราคาก่อสร้างไฮสปีดไทย-จีน ต้องรอแบบของไฮสปีด 3 สนามบิน เพื่อนำมา ก่อสร้างให้รองรับกัน เรื่องนี้เป็นการแก้ปัญหา 2 โครงการ ใช้พื้นที่ก่อสร้างทับซ้อนกัน ท้ายที่สุดทางออกที่ดำเนินการได้เลย การรถไฟฯ ไม่ต้องประกวดราคาเพิ่ม คือการเจรจาให้เอเชียเอราวันสร้างแทรครถไฟเพิ่มจาก 2 แทรค เป็น 4 แทรค ซึ่งรัฐจะจ่ายจ่ายเงินชดเชยค่าก่อสร้างส่วนนี้ให้"
นอกจากนี้ การหารือร่วมกับบริษัทเอเชียเอราวัน ทราบว่าพร้อมก่อสร้าง งานโยธา ดังนั้นหากแก้ไขสัญญาเสร็จจะหาข้อสรุปแบบและวงเงินก่อสร้าง ซึ่งบริษัทเอเชียเอราวันพร้อมเข้าพื้นที่และเร่งสร้างให้เสร็จตามแผนเพื่อรองรับการเปิดบริการรถไฟความเร็วสูง-จีน
สำหรับความคืบหน้ารถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน 14 สัญญา ขณะนี้ ร.ฟ.ท.ผลักดันให้ประกวดราคาและลงนามสัญญาแล้ว 11 สัญญา โดยจำนวนนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และยอมรับว่าโควิด-19 ทำให้การเข้าพื้นที่งานก่อสร้างได้รับผลกระทบ ประกอบกับบางสัญญาที่ผู้รับจ้างยังเข้า พื้นที่ก่อสร้างไม่ได้ เพราะต้องรอ พ.ร.ฎ. เวนคืนที่ดิน เบื้องต้น ร.ฟ.ท.จึงประเมินว่า โครงการจะล่าช้าจากแผนที่วางไว้ 6 เดือน ซึ่งเดิมตามแผนจะเปิดให้บริการ ปลายปี 2569 หรืออย่างช้าต้นปี 2670 อาจขยับไป เปิดบริการครึ่งปีหลัง 2570
ส่วน 3 สัญญาที่ยังไม่ลงนาม คือ สัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 15.2 กิโลเมตร กำลังเจรจารายร่วมกับบริษัทเอเชียเอราวัน ในขณะที่สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว 13.3 กิโลเมตร ติดปัญหาเรื่องสถานีพระนครศรีอยุธยา กำลังทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) ของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และสัญญาที่ 3-1 ช่วงแก่งคอย-กลางดง และ ช่วงปางอโศก-บันไดม้า 30.2 กิโลเมตร รอการพิจารณาของศาลปกครอง
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 พ.ย. 2564 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42708
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44519
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 23/11/2021 12:03 pm Post subject: |
|
|
พาณิชย์เผยยอดไฟเขียวต่างชาติเข้ามาลงทุนรอบ 10 เดือนวงเงินรวมกว่า 1.1 หมื่นล้าน
ไทยโพสต์ฺ 23 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11:52 น.
สินิตย์เผยคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ไฟเขียวคนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยช่วง 10 เดือนปี 64 จำนวน 213 ราย นำเข้าเงิน 11,554 ล้านบาท จ้างงานกว่า 5,000 คน คาดมีเข้ามาลงทุนเพิ่มอีก หลังรัฐเร่งส่งเสริมลงทุน
23 พ.ย. 2564 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ถึงการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทย ในช่วง 10 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) จำนวน 213 ราย เงินลงทุนรวมกว่า 11,554 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 5,000 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 82 ราย คิดเป็น 38% สิงคโปร์ 33 ราย คิดเป็น 15% และฮ่องกง 20 ราย คิดเป็น 9%
สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น ธุรกิจบริการเป็นที่ปรึกษา บริหารจัดการ และให้บริการเดินรถและซ่อมแซมบำรุงรักษารถไฟความเร็วสูง ภายใต้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในประเทศไทย ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม วางระบบและทดสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโครงการศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าอัจฉริยะระหว่างประเทศ ธุรกิจบริการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันภัย และบริการออกแบบวิศวกรรม จัดซื้อจัดหา ก่อสร้าง ทดสอบและตรวจสอบท่อลำเลียงเชื้อเพลิงก๊าซรวมถึงสถานีควบคุมและวัดปริมาตรก๊าซธรรมชาติสำหรับโครงการไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เป็นต้น
คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้นนายสินิตย์กล่าว
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนต.ค.2564 เดือนเดียว ได้อนุญาตต่างชาติเข้ามาลงทุน 28 ราย ส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 703 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 745 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล องค์ความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะของเพชร การตรวจสอบคุณภาพ และการเก็บรักษาเพชร องค์ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้ง การตั้งค่าระบบ การซ่อมแซม การบำรุงรักษา และการปรับปรุงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งและสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ โดยระบบการรักษาด้วยรังสี เป็นต้น |
|
Back to top |
|
|
|