View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44530
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 16/06/2022 8:54 pm Post subject:
ปากช่องก็ไม่น้อยหน้า|อัพเดตล่าสุดสัญญาที่3-3 ช่วง บันไดม้า-ลำตะคอง รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน มิถุนายน65
Jun 16, 2022
nanny official
https://www.youtube.com/watch?v=WgcSHAaFu58
***แก้ไขคำผิดในคลิป "บันใด" แก้เป็น "บันได" เค้าขอโทษ😭😭😭
- สัญญาที่ 3-3 ช่วง บันได-ม้าลำตะคอง เป็นงานก่อสร้างโครงสร้างยกระดับ ช่วงบันไดม้า - ลำตะคอง ระยะทาง 26.10 กิโลเมตร (16.22 ไมล์) รวมงานก่อสร้างสถานีปากช่อง มูลค่าโครงการ 9,838 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บจ.กรุงธน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ปัจจุบัน ก้าวหน้า 1.48%
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44530
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/06/2022 10:05 am Post subject:
รฟท.โล่ง "อัยการ" เคลียร์ปม "ที่ดินมักกะสัน" แก้สัญญาร่วมทุนฯ "ไฮสปีด" ใกล้จบ คาดออก NTP เริ่มก่อสร้าง ม.ค. 66
เผยแพร่: 20 มิ.ย. 2565 07:02
ปรับปรุง: 20 มิ.ย. 2565 07:02
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รฟท.โล่ง "อัยการกฤษฎีกา" เคลียร์ปมลำรางสาธารณะ "ที่ดินมักกะสัน" เดินหน้าไฮสปีด 3 สนามบิน คาดเสนอ กพอ.และ ครม.แก้สัญญาร่วมลงทุนฯ ส.ค.-ก.ย.นี้ เร่งออก NTP ม.ค. 66 เริ่มตอกเข็มโครงสร้างร่วม "บางซื่อ-ดอนเมือง"
รายงานข่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ของคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ได้แก่ รฟท. คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ในฐานะคู่สัญญาผู้รับสัมปทานโครงการฯ ว่า หลังจากมีประเด็นการส่งมอบพื้นที่บริเวณมักกะสันประมาณ 150 ไร่ ที่มีลำรางสาธารณะปรากฏอยู่และทางเอกชนยังไม่ยอมรับเงื่อนไขการส่งมอบ ซึ่ง รฟท.ได้ทำหนังสือหารือกฤษฎีกาและอัยการสูงสุดเพื่อขอให้วินิจฉัย กรณีพื้นที่บึงมักกะสันว่าเป็นเงื่อนไขในการส่งมอบพื้นที่หรือไม่ ซึ่งล่าสุดอัยการสูงสุดได้มีหนังสือตอบกลับมายัง รฟม.แล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เงื่อนไขในการส่งมอบพื้นที่
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการ 3 ฝ่ายได้มีการประชุมในประเด็นพื้นที่มักกะสัน และข้อตกลงต่างๆ ซึ่งการเจรจาถือว่าใกล้ได้ข้อยุติแล้ว หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนที่ทั้งสองฝ่ายจะมีการยืนยันรายละเอียดกันเป็นลายลักษณ์อักษร โดยภายในสัปดาห์นี้ รฟท.จะมีหนังสือไปถึง บริษัท เอเชีย เอรา วัน และคาดว่า ทางเอเชีย เอรา วันตอบกลับเป็นทางการภายใน 1 สัปดาห์นับจากได้รับหนังสือจาก รฟท.
และหลังจาก เอเชีย เอรา วัน มีหนังสือตอบกลับมาเป็นทางการ รฟท.จะสรุปรายละเอียด นำเสนอคณะกรรมการ (รฟท.) เห็นชอบการแก้ไขร่างสัญญาร่วมทุนฯ ซึ่งคาดว่าจะเสนอในการประชุมบอร์ด รฟท.เดือน ก.ค. 2565 ส่วนการประชุมบอร์ด รฟท.เดือน มิ.ย.นี้ จะเป็นการรายงานความคืบหน้าให้บอร์ดรับทราบก่อน หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ ตามที่ได้มีการขยายบันทึกข้อตกลง (MOU) กับบริษัท เอเชีย เอรา วัน เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 มีกรอบเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ 24 ต.ค. 2564 ซึ่งก่อนหน้านี้มีการขยายออกไป 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน โดยล่าสุดจะครบกำหนดวันที่ 24 ก.ค. 2565 นั้น
ในส่วนการเจรจาของคณะทำงาน 3 ฝ่าย จะสามารถสรุปได้ภายในเวลา 24 ก.ค. 2565 แต่เนื่องจากมีที่นำเสนอ กพอ.และ ครม.พิจารณา ดังนั้น คาดว่าอาจต้องมีการขยาย MOU ออกจากวันที่ อีกระยะหนึ่งเพื่อให้ครอบคลุมกระบวนการพิจารณาทั้งหมด
@ขึงไทม์ไลน์ออก NTP อย่างช้า ม.ค. 66 สั่งเร่งตอกเข็มโครงสร้างร่วม "ไทย-จีน" ก่อน
คาดว่า ครม.จะอนุมัติร่างการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ ประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. 2565 จากนั้นจะมีการลงนามแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ ซึ่งในระหว่างนี้จะเร่งดำเนินการเรื่องการรับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งเอกชนได้ยื่นเรื่องไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยการได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้กำหนดอยู่ในเงื่อนไขก่อนที่จะเริ่มงาน
ซึ่งแผนล่าสุดได้วางไทม์ไลน์การออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed) ภายในเดือน ม.ค. 2566 เนื่องจากต้องเผื่อเวลาไว้ดำเนินการรับส่งเสริมการลงทุนให้เรียบร้อยก่อนด้วย
พร้อมกันนี้ รฟท.ได้ขอให้เอกชนเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างร่วมในพื้นที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองเป็นลำดับแรก
สำหรับการเจรจาที่ได้ข้อยุติไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้แก่เอกชนยอมรับในการก่อสร้างโครงสร้างร่วมฯ ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง และรับผิดชอบค่าก่อสร้างเพิ่มจำนวน 9,207 ล้านบาท โดยรฟท.ปรับเงื่อนไขการชำระคืนค่าก่อสร้างเร็วขึ้น โดยเริ่มชำระคืนเป็นเดือนที่ 21 ซึ่งล่าสุดปรับเวลาการออก NTP เป็นเดือน ม.ค. 2566 เท่ากับ รฟท.จะเริ่มชำระคืนค่าก่อสร้างในเดือน ต.ค. 2567
ส่วนกรณีการชำระค่าสิทธิร่วมลงทุน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จำนวน 10,671.090 ล้านบาท ซึ่งได้มีการเจรจาแก้ปัญหาเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารลดลง โดยมีข้อยุติว่าจะแบ่งชำระค่าสิทธิร่วมลงทุน จำนวน 10,671.090 ล้านบาท เป็น 7 ปี โดยงวดที่ 1-6 ชำระงวดละ 10% งวดที่ 7 จะชำระส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ย โดยหากโควิด-19 ยุติก่อนระยะเวลา 7 ปี โดยยึดประกาศจากรัฐบาล จะประเมินจำนวนผู้โดยสารในช่วง 1 ปีหลังจากนั้นแล้วจึงพิจารณาการชำระเงินที่เหลือในคราวเดียว
ซึ่งในวันลงนาม MOU เอกชนนำเช็กเงินสดจำนวน 1,067.11 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของค่าสิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ตเรลลิงก์ให้แก่ รฟท.เพื่อเป็นหลักประกัน ซึ่ง MOU มีเงื่อนไขให้เอกชนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมถึงบุคลากรปฏิบัติงานทั้งหมด รับผิดชอบความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน เพื่อทำให้การเดินรถไฟและซ่อมบำรุงรักษาระบบแอร์พอร์ตเรลลิงก์เป็นไปตามมาตรฐาน KPI
รายงานข่าวแจ้งว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2564 ที่มีการเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ รฟท.ยังรับภาระในการบริหารการเดินรถแอร์พอร์ตเรลลิงก์อยู่ ซึ่งพบว่ามีผลขาดทุนเดือนละหลายสิบล้านบาท ซึ่งตามเงื่อนไข MOU จะหักจากหลักประกันที่เอกชนจ่ายไว้ โดยเมื่อลงนามแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ แล้ว เอกชนจะต้องเริ่มชำระค่าแอร์พอร์ตเรลลิงก์งวดแรก จำนวน 1,067.11 ล้านบาท ดังนั้น หากวงเงินที่วางไว้ตอน MOU มีเหลือไม่ครบทางเอกชนต้องจัดหาเพิ่มเติม
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 22/06/2022 2:53 pm Post subject:
ประธานเจโทรเผยเอกชนญี่ปุ่นสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-รถไฟความเร็วสูงในไทย
....นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายทาเคทานิ อัทสึชิ (Mr. TAKETANI Atsushi) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (Japan External Trade Organization JETRO Bangkok) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้พบหารือกันในหลายโอกาส ตลอดจนบทบาทที่แข็งขันของภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงเจโทรมีส่วนช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณประธานเจโทรฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ดำรงตำแหน่ง และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนและให้ร่วมมือแก่ประธานเจโทรฯ คนใหม่ด้วยดีเช่นกัน
ด้านประธานเจโทรฯ ขอบคุณและชื่นชมนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนผลักดันความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่นที่สำคัญ และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเจโทรเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพของรัฐบาลไทยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชนญี่ปุ่น
รวมทั้งขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ผลักดันการหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมาโดยตลอด ซึ่งไทยกับญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและแข็งแกร่ง มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันในหลายโอกาส นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเพิ่งเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับไทยเป็นอันดับต้น ๆ
ประธานเจโทรฯ ยืนยันความมุ่งมั่นในการคงบทบาทที่แข็งขันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นต่อไป ยืนยันสนับสนุนให้ประธานเจโทรฯ คนใหม่ สานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนอันดับ 1 และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย สะท้อนความเชื่อมั่นของภาคเอกชนญี่ปุ่นต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจไทย และความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งระหว่างกัน ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้ ภาคเอกชนญี่ปุ่นมีความสนใจลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า เป็นโอกาสที่ดีของไทย และได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อรองรับการลงทุนของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ทั้งสองได้หารือถึงประเด็นการพิจารณาขยายหลักสูตรการเรียนการสอนของสถาบัน KOSEN ให้ครอบคลุมสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ในไทยมากขึ้น เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค และจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของญี่ปุ่นในอนาคตด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มิ.ย. 65)
https://www.infoquest.co.th/2022/210041
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 22/06/2022 6:38 pm Post subject:
ปลดล็อกปม ที่ดินมักกะสัน ขยับออก NTP ตอกเข็มไฮสปีดฯต้นปี2566
หน้าเศรษฐกิจ Mega Project
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันพุธ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 9:05 น.
ปลดล็อกปมที่ดิน"มักกะสัน" ไฮสปีด3สนามบินเริ่มเห็นแสงสว่าง กฤษฎีกา-อัยการสูงสุดชี้เปรี้ยง ลำรางไม่อยู่ในเงื่อนไขส่งมอบพื้นที่ เอกชนเข้าพื้นที่ได้ก่อน พร้อมให้สกพอ.-มหาดไทยร่วมมือออกประกาศพ้นสภาพลำรางก่อนเดินตามขั้นตอนกฎหมาย รฟท.ออกหนังสือ NTP ต้นปี66
โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) หรือไฮสปีดเทรน มูลค่า2.24 แสนล้านบาทระยะทาง220กิโลเมตร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ที่มีบริษัทเอเชีย เอราวันจำกัดเครือซีพีเป็นคู่สัญญาเริ่มเห็นแสงสว่าง
เมื่อปมลำรางสาธารณะบนที่ดินมักกะสันหนึ่งในชนวนเอกชนคู่สัญญาไม่ยินยอมรับมอบพื้นที่ไฮสปีดฯได้เริ่มคลี่คลายลงและอาจนำไปสู่การลงนามในบันทึกข้อตกลงหรือ MOU แก้ไขสัญญาสัมปทานร่วมลงทุนฯทั้งระบบหลังขยายเวลา ลงนาม MOU มาแล้วหลายรอบ ล่าสุดจะครบกำหนดวันที่24 กรกฎาคม 2565
ตามข้อตกลงคณะกรรมกรรมการ3ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยรฟท.คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)และบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เครือซีพี ผู้รับสัมปทานเพื่อหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับปมลำรางสาธารณะที่เอกชนพบปรากฎอยู่บนโฉนดที่ดิน โครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์มักกะสัน
ทั้งนี้รฟท.ได้มีหนังสือหารือไปยังกฤษีกาและอัยการสูงสุดเพื่อวิฉิจฉัยว่า1.กรณีหลักฐานลำรางสาธารณะที่ปรากฎอยู่บนที่ดินมักกะสันถือเป็น หนึ่งในเงื่อนไขการส่งมอบพื้นที่หรือไม่
2.เอกชนคู่สัญญาสามารถรับมอบพื้นที่เข้าดำเนินโครงการก่อนการถอนสภาพลำรางสาธารณะได้หรือไม่ 3.ลำรางเสื่อมสภาพไม่มีประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ร่วมกันและมีหลักฐานรฟท.ใช้งานเป็นที่ตั้งของพวงรางเดินขบวนรถ ยังถือเป็นลำรางสาธารณะหรือไม่
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากรฟท.ระบุว่า คำตอบที่ ออกมาคือ ปมลำรางสาธารณะไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขการส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเทรน ของรฟท. ที่สำคัญกฤษฎีกาและอัยการสูงสุดยังเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาว่า ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และกระทรวงมหาดไทยในฐานะกำกับดูแลกรุงเทพมหานคร(กทม.)
ทำงานร่วมกัน และให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศยกเลิกลำรางสาธารณะที่ปรากฎหลักฐานว่าเสื่อมสภาพไม่เคยมีประชาชนใช้ประโยชน์บนที่ดินมักกะสันซึ่งตั้งอยู่ในเขตปกครองของกทม.เป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อให้เอกชนคู่สัญญาสามารถเข้าพื้นที่ได้ก่อนตามกำหนดสัญญาและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการถอนสภาพลำลางสาธารณะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์เป็นที่ดินตามกฎหมายต่อไป
รฟท.ยืนยันว่า ตามข้อเท็จจริงลำรางที่ปรากฏอยู่บนโฉนดที่ดิน มักกะสัน ทางรฟท.ไม่เคยทราบมาก่อน เพราะที่ผ่านมา ได้ใช้งานเพื่อกิจการของรัฐ ตั้งเป็นพวงรางเดินขบวนรถ ทับลงบนลำรางมาอย่างยาวนาน
โดยลำรางดังกล่าว เป็นจุดเชื่อมต่อมาจากบึงเสือดำแก้มลิงป้องกันน้ำท่วมของกทม. ขณะบึงเสือดำไม่น่ามีปัญหาเพราะรฟท.ประสานกับกทม.ย้ายบึงไปยังที่ดินมักกะสันแปลงอื่นเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการ 3 ฝ่ายฯ ได้ประชุมปมที่ดินมักกะสันและข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งการเจรจาถือว่าใกล้ได้ข้อยุติ หลังจากนี้รฟท.จะมีหนังสือไปยังเอกชนคู่สัญญาเพื่อขอคำตอบเสนอคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย(บอร์ดรฟท.) เห็นชอบแก้ไขร่างสัญญาร่วมทุนฯ คาดว่าจะเสนอในวาระการประชุมได้ภายในเดือน กรกฎาคม 2565 ต่อจากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
ที่ผ่านมารฟท.ได้มีการขยายMOU กับบริษัท เอเชีย เอรา วัน เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากโควิดมีกรอบเวลา 3 เดือนนับจากวันที่ 24 ตุลาคม 2564 ซึ่งก่อนหน้านี้มีการขยายออกไป 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน โดยล่าสุดจะครบกำหนดวันที่ 24 กรกฎาคม2565
ในส่วนการเจรจาของคณะทำงาน 3 ฝ่ายฯ จะสามารถสรุปได้ภายในเวลา 24กรกฎาคม 2565 แต่เนื่องจากมีที่นำเสนอ กพอ.และ ครม.พิจารณา ดังนั้น คาดว่าอาจต้องมีการขยาย MOU ออกไปจาก วันที่ 24กรกฎาคม 2565 อีกระยะหนึ่งเพื่อให้ครอบคลุมกระบวนการพิจารณาทั้งหมด โดยประเมินว่า ครม.จะอนุมัติร่างการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯราวเดือน สิงหาคม-กันยายน 2565
จากนั้นจะมีการลงนามแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ ซึ่งในระหว่างนี้จะเร่งดำเนินการเรื่องการรับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งเอกชนได้ยื่นเรื่องไปก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยการได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้กำหนดอยู่ในเงื่อนไขก่อนที่จะเริ่มงาน
โดยรฟท.สามารถออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed) ภายในเดือน มกราคม2566 เพื่อเผื่อเวลาขั้นตอนบีโอไอให้เรียบร้อยก่อน พร้อมกันนี้ รฟท.ได้ขอให้เอกชนเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างร่วมในพื้นที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองเป็นลำดับแรก
การเจรจาระหว่างรฟท.กับบริษัทเอเชีย เอรา วัน ที่ได้ข้อยุติไปก่อนหน้านี้ได้แก่
1.เอกชนยอมรับในการก่อสร้างโครงสร้างร่วมฯ ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง และรับผิดชอบค่าก่อสร้างเพิ่มจำนวน 9,207 ล้านบาท
2.รฟท.ปรับเงื่อนไขการชำระคืนค่าก่อสร้างเร็วขึ้นเริ่มชำระคืนเป็นเดือนที่ 21
3.การออก หนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP )ได้ขยับออกไปเป็นเดือน มกราคม 2566 จากเดิม ภายในเดือนพฤษภาคม2565
ทั้งนี้ เท่ากับ รฟท.จะเริ่มชำระคืนค่าก่อสร้างในเดือน ตุลาคม 2567 ส่วนการชำระค่าสิทธิร่วมลงทุน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ จำนวน 10,671.090 ล้านบาท จากผลกระทบจากโควิดเป็นสาเหตุให้ผู้โดยสารลดลงว่าจะแบ่งชำระค่าสิทธิร่วมลงทุน จำนวน 10,671.090 ล้านบาท เป็น 7 ปี
โดยงวดที่ 1-6 ชำระงวดละ 10% งวดที่ 7 จะชำระส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ย โดยหากโควิดยุติก่อนเวลา 7 ปี ตามประกาศรัฐบาล จะประเมินจำนวนผู้โดยสารในช่วง 1 ปีหลังจากนั้นแล้วจึงพิจารณาการชำระเงินที่เหลือ
ทั้งนี้ในกรณี บริษัทเอเชีย เอรา วัน นำเช็คเงินสดจำนวน 1,067.11 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของค่าสิทธิร่วมลงทุนในแอร์พอร์ตเรลลิงก์ให้แก่ รฟท. ไปก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นหลักประกัน ซึ่ง MOU มีเงื่อนไขว่า เอกชนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมถึงบุคลากรปฏิบัติงานทั้งหมด
รวมทั้งรับผิดชอบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน เพื่อทำให้การเดินรถไฟและซ่อมบำรุงรักษาระบบแอร์พอร์ตเรลลิงก์เป็นไปตามมาตรฐาน KPI อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ นับตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2564 ที่มีการเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ รฟท.ยังรับภาระบริหารเดินรถแอร์พอร์ตเรลลิงก์ แต่ในทางกลับกันพบว่ายังมีผลขาดทุนเดือนละหลายสิบล้านบาท ซึ่งตามเงื่อนไข MOU จะหักจากหลักประกันที่เอกชนจ่ายไว้ โดยเมื่อลงนามแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนฯ แล้ว เอกชนจะต้องเริ่มชำระค่าแอร์พอร์ตเรลลิงก์งวดแรก จำนวน 1,067.11 ล้านบาท ทั้งนี้ในกรณีวงเงินที่เคยวางไว้ ไม่เพียงพอ เอกชนต้องจัดหาเพิ่ม
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
Posted: 24/06/2022 8:29 pm Post subject:
ขันน็อตรถไฟไทย-จีน!ศักดิ์สยามเร่งรฟท.แก้ปัญหางานโยธา 3 สัญญาให้จบภายใน ก.ค. 65
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 16:52 น.
ปรับปรุง: วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 16:52 น.
'ศักดิ์สยาม' จี้เร่งรัด รถไฟไฮสปีด ไทย-จีน ให้เป็นไปตามแผน
เศรษฐกิจ
วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 16:38 น.
ศักดิ์สยาม จี้เร่งรัด รถไฟไฮสปีด ไทย-จีน ให้เป็นไปตามแผน จากทั้งหมด 14 สัญญา สร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา หวังไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่ง-โลจิสติกส์
ศักดิ์สยามสั่งรฟท.เร่งแก้ปัญหางานโยธา รถไฟไทย-จีน ล่าช้า เร่งสรุป 3 สัญญาสุดท้าย ภายในเดือนก.ค.นี้ ทั้งปมมรดกโลก สถานีอยุธยา ,ร้องเรียนประมูลช่วง 3-1 และทับซ้อนไฮสปีด3สนามบิน
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมติดตามแนวทางการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน ผ่านระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ด้วยระบบ Zoom Cloud Meeting โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องการเร่งรัดการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร นครราชสีมา) หรือโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย จีน ให้เป็นไปตามเป้าหมายและแผนงาน รวมถึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยส่งเสริมการพัฒนาและกระจายความเจริญ รวมถึงการสร้างโอกาสอันดีแก่ประเทศไทยในการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วยรถไฟความเร็วสูงควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณค่าอันโดดเด่นให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละจังหวัด
โดยโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 253 กิโลเมตร มีสถานีทั้งหมด 6 สถานี ประกอบด้วย สถานีกลางบางซื่อ สถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสถานีนครราชสีมา แบ่งสัญญางานโยธาออกเป็น ทั้งหมด 14 สัญญา ก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 9 สัญญา เตรียมการก่อสร้าง 1 สัญญา และอยู่ระหว่างจัดซื้อจัดจ้าง 3 สัญญา
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในประเด็นโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน ที่ยังมีประเด็นในสัญญา 3 1 ช่วงแก่งคอย - กลางดง และช่วงปางอโศก บันไดม้า ,สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ ดอนเมือง และสัญญา 4 5 ช่วงบ้านโพ - พระแก้ว โดยให้ รฟท. พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกำหนดการของโครงการ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสัญญาที่ยังมีปัญหา 3 สัญญานั้น มี 2 สัญญา ที่ประกวดราคาแล้ว แต่ยังไม่สามารถลงนามได้ คือ สัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม. วงเงิน 9,913 ล้านบาท โดยมีปัญหากรณี สถานีอยุธยา ติดเงื่อนไขมรดกโลกโดยต้องศึกษา HIA หรือผลกระทบมรดกวัฒนธรรม ซึ่งขณะนี้รฟท.อยู่ระหว่างจัดจ้างศึกษษ HIA โดยจะใช้เวลาประมาณ 180 วัน
และ สัญญาที่ 3-1 ช่วงแก่งคอย-กลางดง และปางอโศกบันไดม้าระยะทาง 30.21 กม.วงเงิน 9,348 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของคณะกรรมการการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ส่วนสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. ซึ่งเป็นช่วงที่มีโครงสร้างทับซ้อนกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ให้รฟท.เจรจากับคู่สัญญาสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินให้เป็นผู้ก่อสร้าง ส่วนของโครงสร้างร่วม โดยออกแบบรองรับมาตรฐานรถไฟไทย-จีน ความเร็ว 250 กม./ชม.
โดยรถไฟความเร็วสูงไทย จีน จะใช้ระบบรถไฟใช้ประเภทรถโดยสาร EMU (Electric Multiple Unit)
กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 5,200 กิโลวัตต์ มีความจุของขบวนรถ 600 ที่นั่งต่อขบวน ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพถึงนครราชสีมา 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานรถไฟไทย ให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์ศยาม ได้กำชับต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานเพื่อผลักดันให้ระบบรางเป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค สร้างศักยภาพและโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทาง เกิดการกระจายความเจริญอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยต่อไป
Back to top