RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181425
ทั้งหมด:13492663
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 255, 256, 257 ... 542, 543, 544  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 19/02/2018 6:32 am    Post subject: Reply with quote

คาดทีโออาร์พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา-รถไฟฯ เชื่อม 3 สนามบินเสร็จสิ้น มี.ค.
เผยแพร่: 18 ก.พ. 2561 23:30:00 ปรับปรุง: 19 ก.พ. 2561 00:48:00 โดย: MGR Online

“คณิศ แสงสุพรรณ” คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปี 61 ตัวถึง 5% หลังรัฐบาล และเอกชน เดินหน้าลงทุนโครงการในเขตอีซี รวมกันไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยในอีก 5 ข้างหน้า ยังเติบโตต่อเนื่องได้ถึงราว 5% พร้อมดึงสถาบันอาชีวะศึกษา-บริษัทเอกชนร่วมกันพัฒนาแรงงานระดับคุณภาพป้อนอีอีซี ตั้งเป้าสร้างแรงงานอาชีวะเพิ่มขึ้นอีก 6,000 คนต่อปี จากปัจจุบันที่มีแค่ 300 คนต่อปี ด้าน "ผอ. สนามบินอู่ตะเภา" เผยความคืบหน้าการจัดทำร่างทีโออาร์โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา-โครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 สนามบิน จะเสร็จสิ้นในเดือน มี.ค. นี้ และจะสรุปรายชื่อเอกชนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าลงทุนในปลายปี 61 คาด 2 โครงการจะดำเนินการก่อสร้างไปพร้อม ๆ กัน และพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 66

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า หลังจากการร่าง พ.ร.บ.อีอีซี ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วก็เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังปี 61 จะขยายตัวได้ถึง 5% และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้คาดว่าจะมีคำขอรับส่งเสริมโครงการลงทุนกว่า 300,000 ล้านบาทตลอดปี 2561 และเมื่อมีการลงทุนภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่เข้ากับการลงทุนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะการพัฒนาในเขตอีอีซี ตามวงเงินที่บีโอไอคาดไว้แล้ว ก็จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ครึ่งปีหลัง และต่อเนื่องไปในปีหน้าเติบโตได้ 5% ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะกลับมาขยายตัวตามศักยภาพที่แท้จริงของประเทศ และเมื่อการเดินหน้าการลงทุนในโครงการอีอีซีทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมกันไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจไทยก็จะขยายตัวต่อเนื่องไปในระดับสูงขึ้นราว 5% จากที่ผ่านมา เศษฐกิจไทยขยายตัวเพียงแค่ 3% ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพจริงของประเทศ

อย่างไรก็ตาม นายคณิศ ยังกล่าวถึงแผนการลงทุนอีอีซี ในช่วง 5 ปีแรกนั้น จะประกอบไปด้วย 4 กลุ่ม 15 โครงการ คือ เมืองการบินภาคตะวันออก หรือสนามบินอู่ตะเภา การพัฒนารถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ท่าเรือมาบตามพุด ระยะที่ 3 ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ รถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ ทางหลวงและมอเตอร์เวย์ การพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมการบิน หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม และเคมีชีวภาพขั้นสูง อุตสาหกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร การท่องเที่ยวภาคตะวันออก ศูนย์กลางด้านธุรกิจระดับโลก เขตการค้าเสรี เมืองใหม่ บนพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา พัทยา และระยอง

ด้านแผนการเตรียมบุคลากรด้านแรงงานเพื่อรองรับการลงทุนและการพัฒนาพื้นทีในอีอีซีนั้น สำนักงานอีอีซี ได้ทำการหารือกับวิทยาลัยอาชีวะในเขตภาคตะวันออกแล้ว เพื่อร่วมกันจัดทำหลักสูตรด้านอาชีวะ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะผลิตบุคลากรเพิ่มจากเดิม 300 คนต่อปี เพิ่มเป็น 6,000 คนต่อปี โดยระหว่างการศึกษาของนักเรียนอาชีวะ บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในอีอีซีจะเป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่ายให้เดือนละกว่า 4,000 บาทต่อเดือน โดยเมื่อศึกษาในชั้นปีที่ 2 แล้วก็จะรับเข้าฝึกงาน และหลังจบการศึกษาแล้ว บริษัทต่างชาติจะรับนักเรียนอาชีวะทั้งหมดนี้เข้าทำงานกับบริษัทต่อไป

สำหรับการขาดแคลนแรงงานระดับอาชีวะในอีอีซีนั้น จะมีอยู่ราวกว่า 50,000 คน นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิ การยังเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตาม ม.44 อนุมัติหลักสูตรใหม่จากเดิมต้องใช้เวลา 2 ปี เหลือระยะเวลาอนุมัติ 2 เดือน และนำผู้เชี่ยวชาญในโรงงานบริษัทเอกชนที่ได้รับใบรับรอง มาช่วยสอนเด็กนักเรียนอาชีวะ เพื่อรับประสบการณ์ตรงมาช่วยพัฒนาแรงงานคุณภาพ และการพัฒนาเมืองอีอีซีในส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้มาพัฒนา โดยเน้นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม 22 แห่งมาพัฒนา จึงต้องระวังถึงเรื่องเก็งกำไรราคาที่ดินอย่างมาก เมื่อเขตอีอีซีพัฒนา เมือง ที่อยู่อาศัย สำนักงานบริษัท จะขยายออกไปในรัศมี 20-30 กิโลเมตร

พล.ร.ต. ลือชัย ศรีเอี่ยมกูล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า แผนพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จะมีมูลค่าลงทุนในโครงการ ประมาณ 200,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 สนามบิน คือ อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง มูลค่าโครงการ 64,300 ล้านบาท จะจัดทำร่างทีโออาร์ได้ในช่วง มี.ค. นี้ และจะสรุปรายชื่อเอกชนที่ได้รับเลือกเข้ามาดำเนินการในช่วงปลายปี 61 ทั้งนี้ คาดว่าทั้งสองโครงการจะดำเนินการควบคู่กันไป และพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2566

โดยในช่วง 5 ปีแรก ประเมินว่าจะมีผู้ใช้บริการสนามบินอู่ตะเภา 15 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคนในช่วง 10 ปี และเพิ่มเป็น 60 ล้านคนในช่วง 15 ปี โดยตัวเลขดังกล่าวมาจากบทเรียนการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ จึงต้องเปิดให้เอกชนเพียงรายเดียวบริหารพื้นที่ในเชิงพาณิชย์ แต่สนามบินอู่ตะเภาพร้อมจัดทำสถานที่ (Pickup Counter) จุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรให้กับบริษัทเอกชน เขตปลอดสินค้าอากรคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว จึงดำเนินการได้ในพื้นที่ต่าง ๆ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 19/02/2018 11:51 am    Post subject: Reply with quote

รุมชิงดิวตี้ฟรีเมืองใหม่ไฮสปีด “คิงเพาเวอร์-ปตท.-ซี.พี.” ลุย
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 - 23:49 น.

เปิดโผเอกชนตีตั๋วประมูลรถไฟความเร็วสูงอีอีซี 2 แสนล้าน หลังรัฐบาลจัดฟูลออปชั่น พ่วงที่ดิน “มักกะสัน-ศรีราชา” ผุดมิกซ์ยูส เปิดทางกำหนดที่ตั้งสถานีได้เอง “จีน-ญี่ปุ่น” รุกหนัก “ซี.พี.” ซุ่มศึกษาโปรเจ็กต์ ปตท.-บีทีเอสเอาด้วย หวังต่อยอดสมาร์ทซิตี้บางซื่อ ช.การช่างชู BEM เป็นหัวหอก ฝุ่นตลบยักษ์ค้าปลีกเซ็นทรัล เดอะมอลล์ คิวเพาเวอร์ไม่ยอมตกขบวน เวนคืนแปดริ้ว 84 ไร่สร้างสถานี-เมืองใหม่ 5,000 ไร่รองรับ

หลังรัฐบาลกำหนดเงื่อนไขประมูลแพ็กเกจโครงการรถไฟ ความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 226 กม. เงินลงทุน 2.06 แสนล้านบาท สัมปทาน 50 ปี เดินรถและพัฒนาพื้นที่ 9 สถานี พร้อมสิทธิพัฒนาที่ดินมักกะสัน 140 ไร่ ศรีราชา 30 ไร่ รวมถึงสิทธิเดินรถและพัฒนาพื้นที่สถานีแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท-สุวรรณภูมิ) โดยให้เอกชนปรับตำแหน่งสถานีได้ตามความเหมาะสม เพื่อจูงใจเอกชนเข้าร่วมลงทุน PPP

เอกชนสนใจคึกคัก

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีเอกชนไทยและต่างชาติสนใจลงทุนโครงการนี้มาก แต่ขอรอดูเงื่อนไขที่จะประกาศในเดือน มี.ค.นี้ ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกกำลัง พิจารณารายละเอียด ผู้สนใจมีทั้งผู้รับเหมา ผู้ประกอบการเดินรถ นักพัฒนาที่ดินและค้าปลีก อาทิ นักลงทุนจีน ญี่ปุ่น บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เซ็นทรัล เดอะมอลล์ และ บมจ.ปตท. เนื่องจากการลงทุน

ไม่ได้มีเฉพาะรถไฟฟ้าอย่างเดียว ยังมีที่ดินรอพัฒนาในระยะยาว

ปตท.หวังต่อยอดสมาร์ทซิตี้

“ที่เคลื่อนไหวมี ซี.พี. เพราะมีธุรกิจในเครือรองรับได้ ทั้งงานก่อสร้าง พัฒนาที่ดิน โดยมี บมจ.ซี.พี.แลนด์ ล่าสุดมีผู้ประกอบการเดินรถและพัฒนาอสังหาฯจากญี่ปุ่นได้เจรจากับ ซี.พี.ด้วย” แหล่งข่าวกล่าวและว่า ปตท.ก็สนใจ เนื่องจากมีเงินลงทุนพร้อม อาจร่วมกับพันธมิตรก่อสร้างและพัฒนาที่ดิน เพื่อต่อยอดกับโครงการสมาร์ทซิตี้ที่บางซื่อ ที่ ปตท.สนใจจะพัฒนาโครงการร่วมกับนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงเชื่อมถึง 3 สนามบิน และมีบางซื่อเป็นศูนย์กลาง

จีน-ญี่ปุ่นชิงดำ

“ตอนนี้จีนกับญี่ปุ่นรุกหนัก เพราะอยากเปิดตลาดรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทย ซึ่งจีนได้สายกรุงเทพฯ-โคราชไปแล้ว และภาคตะวันออกเป็นฐานธุรกิจของญี่ปุ่นอยู่แล้ว จึงอยากรักษาฐานที่มั่นไว้ หากสำเร็จมีแนวโน้มจะขยายไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่จำนวนมาก”

สำหรับที่ดินมักกะสัน 140 ไร่นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาที่มีอยู่ทั้งหมด 497 ไร่ แปลงที่คณะกรรมการอีอีซีนำไปให้สิทธิเอกชนนั้นอยู่โซน A ติดกับสถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน

ลุยมิกซ์ยูสมักกะสัน-ศรีราชา

“กรอบการพัฒนาจะเป็นมิกซ์ยูส city air terminal ร้านค้าปลอดภาษี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม-สัมมนา อาคารสำนักงาน และอาคารจอดรถ ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเสนอของเอกชน”

ส่วนสถานีศรีราชา 30 ไร่ ซึ่งเป็นบ้านพักพนักงานรถไฟคงต้องรื้อย้าย ตามแผนจะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูสเช่นกัน โดยให้ศรีราชาเป็นศูนย์กลางนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรม

เวนคืนสร้างเมืองใหม่

“ตำแหน่งสถานีที่ศึกษาไว้จะสร้างในพื้นที่สถานีเดิม และสร้างใต้ดินที่อู่ตะเภา อยู่ใกล้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ และมีเวนคืนที่ใหม่ 1 สถานี คือ ฉะเชิงเทรา 84 ไร่ ห่างสถานีรถไฟเดิมไปทางทิศเหนือ 1.5 กม. ปัจจุบันเป็นพื้นที่โล่ง รอบสถานีเป็นพื้นที่เกษตรกรรม บ่อน้ำและบ่อกุ้ง อยู่ที่เอกชนจะปรับตำแหน่งใหม่หรือไม่”

“เพราะในเงื่อนไขยืดหยุ่นได้ เช่น เอกชนมีที่ดินใกล้สถานี อาจมีข้อเสนอพัฒนาต่อยอดเป็นเมืองใหม่ก็ทำได้ แต่หากมีเวนคืนเพิ่ม เอกชนต้องจ่ายค่าที่เอง”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ในแผนของคณะกรรมการอีอีซี จะพัฒนาเมืองใหม่ตามแนวรถไฟความเร็วสูง แต่ยังไม่รู้จะผนวกกับทีโออาร์หรือไม่ หรือรัฐจะพัฒนาเองด้วยการจัดรูปที่ดิน

ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไป ได้ คอนเซ็ปต์เป็นเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) เบื้องต้นจะนำร่องที่สถานีฉะเชิงเทรา 5,000 ไร่ พัฒนาเป็นเฟส เฟสแรกรอบสถานี 400-500 ไร่

C.P.ผนึกจีนตั้งทีมศึกษา

ม.ล.สุภสิทธิ์ ชุมพล ผู้บริหารระดับสูงเครือ ซี.พี. ผู้รับผิดชอบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล และรอดูความชัดเจนของทีโออาร์ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่พิจารณาอย่างระมัดระวัง และรอบคอบ โดยมีพันธมิตรจีนที่เชี่ยวชาญรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เคยตั้งทีมศึกษาร่วมกันมาบ้าง

โครงการนี้ดีมากและสำคัญ ในฐานะเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในไทย การทำระบบขนส่งร่วมกับการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ หากทำได้ดีจะทำให้พื้นที่อีอีซีเป็นจุดสนใจดึงกลุ่มทุนไฮเทคโนโลยีจากต่าง ประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้

“เวลานี้เป็นเวลาของภูมิภาคเอเชีย จะมีโอกาส มีเวทีสำคัญในโลก หากทำอีอีซีให้ถูกต้องสอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก โครงการนี้จึงมีความสำคัญกับประเทศ ในฐานะบริษัทคนไทย หากมีส่วนร่วมผลักดันทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคได้เหมือนที่เคยเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์”

รายงานข่าวระบุว่า กลุ่ม C.P. เคยร่วมกับ บจ.ซิติก คอนสตรัคชั่น จากฮ่องกง ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้าง ออกแบบ ที่ปรึกษา มีสถาบันการเงินสนับสนุน และ บจ.ไหหนาน กรุ๊ป ที่เชี่ยวชาญงานก่อสร้างท่าเรือ สนามบิน และรถไฟ ซึ่งได้ศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยองมาแล้ว

ช.การช่างผนึกโตคิว

แหล่งข่าวจาก บมจ.ช.การช่างกล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูล แต่ขอดูเงื่อนไขทีโออาร์ก่อน โดยจะร่วมกับ บมจ.BEM บริษัทลูก ที่มีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีม่วง โดยจะหาพันธมิตรด้านพัฒนาที่ดินมาร่วมด้วย

“เราเคยร่วมกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น จากญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญอสังหาฯและคอมเพล็กซ์ เคยประมูลที่ดินเตรียมทหาร อาจมีความเป็นไปได้จะร่วมกับโตคิว”

BTS จับบิ๊กรับเหมา-พลังงาน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.BTSC กล่าวว่า อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด เพราะใช้เงินลงทุนสูง ต้องร่วมกับพันธมิตรหลายกลุ่ม ทั้งพัฒนาที่ดิน อาทิ แสนสิริ ยูซิตี้ หรือนักลงทุนต่างชาติ นอกเหนือจากกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ที่มี บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป มีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้า บมจ.ซิโน-ไทยฯ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง

2 ยักษ์ค้าปลีกไม่ตกขบวน

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า มีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่คาดว่าจะเข้าร่วมเป็นกิจการร่วมค้า และไม่ยอมตกขบวน คือ กลุ่มคิง เพาเวอร์ กลุ่มเซ็นทรัล ที่สนใจร่วมพัฒนาพื้นที่และเปิดบริการร้านค้า ในบริเวณสถานีรถไฟที่เชื่อมกัน 3 สนามบิน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีร้านค้าอยู่แล้ว

ชวนเกาหลีประมูลดิวตี้ฟรี

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยการหารือระหว่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายโนควัง-อิล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย ว่า นักธุรกิจสนใจลงทุนในไทยมากขึ้น หลังเห็นจีนและญี่ปุ่นลงทุนเพิ่มซึ่งไทยได้ชวนเกาหลีใต้ร่วมลงทุนในโครงการ อีอีซี และประมูลโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมทั้งเชิญชวนให้ร่วมประมูลดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่สัมปทานจะหมดอายุปี 2563 โดยกลุ่มลอตเต้ของเกาหลีใต้แสดงความสนใจ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 19/02/2018 12:16 pm    Post subject: Reply with quote


รฟท. ขอคลื่น 900 MHz เพื่อควบุมการเดินรถไฟความไวสูง จาก TNN24
https://www.youtube.com/watch?v=rZc0aCxaHmA&feature=share
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 21/02/2018 12:13 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟเชื่อม3สนามบิน บูมเศรษฐกิจโซนภาคตะวันออก
ออนไลน์เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,341 วันที่ 18 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เตรียมประกาศขายเอกสารประกวดราคาในเดือนมีนาคมนี้ โดยจัดเป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของไทยที่แนวเส้นทางจะเชื่อมสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภาเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ

โดยแนวเส้นทางส่วนหนึ่งจะใช้แนวเส้นทางของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน อีกทั้งยังจะก่อสร้างทางรถไฟขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ส่วนต่อขยาย 2 ช่วงจากสถานีพญาไทไปยังสนามบินดอนเมือง และจากสถานีลาดกระบังไปยังสนามบินอู่ตะเภา มีระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้งบการลงทุนกว่า 2.9 แสนล้านบาท โดยมีแผนเบื้องต้นที่จะเปิดให้บริการในปี 2566

ไฮสปีดเทรนเส้นทางนี้มีจำนวน 9 สถานี ได้แก่ ดอนเมือง บางซื่อ มักกะสัน สุวรรณภูมิ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา อู่ตะเภา โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นทางยกระดับ มีบางช่วงที่เป็นอุโมงค์

แนวเส้นทางผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด คือกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ผ่านนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งวัตถุ ประสงค์นั้นก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของระบบขนส่งทางรถไฟในกรุงเทพฯไปยังจังหวัดอื่นโดยเฉพาะโซนภาคตะวันออกที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการเร่งผลักดันพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ (อีอีซี)

ทั้งนี้เมื่อเปิดให้บริการคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานของประเทศ ส่วนการพัฒนาที่ดินนั้นจะเน้นพื้นที่สถานีมักกะสัน ฉะเชิงเทรา ศรีราชา พัทยาและสถานีระยองรองรับการเติบโตของเมืองและให้มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์เกิดขึ้นควบคู่กันไปด้วย ในรูปแบบการร่วมลงทุน (พีพีพี) ที่ภาครัฐจะได้รับ ค่าเช่าจากที่ดินมักกะสัน ส่วนภาคเอกชนจะได้รับรายได้จากการพัฒนา ที่ดินเชิงพาณิชย์

ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการ เตรียมนำเสนอให้ดำเนินการตามรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยกำหนดระยะเวลาการร่วมทุนเบื้องต้น 30-50 ปี ภาครัฐจะทำการเวนคืนที่ดิน และภาคเอกชนจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล จัดหาขบวนรถ เดินรถและซ่อมบำรุง ในขณะที่รูปแบบการรับรายได้ของเอกชนจะแบ่งออกเป็นซิตีไลน์ในรูปแบบ Net Cost และอินเตอร์ซิตีไลน์ในรูปแบบ Gross Cost มาลุ้นกันว่าในเดือนมีนาคม 2561 นี้จะสามารถเปิดขายเอกสารประกวดราคาและเปิดให้ยื่นรายละเอียดข้อเสนอได้ตามแผนหรือไม่สำหรับเมกะโปรเจ็กต์ระดับแสนล้านบาทโครงการนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/02/2018 6:08 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท.ลั่นเปิดประมูลรถไฟไทย-จีน 1.79 แสนล้านบาทในปี61
วันที่ 21 ก.พ. 2561 เวลา 10:04 น.

รฟท.ลั่นเปิดประมูลรถไฟไทย-จีน 1.79 แสนล้านบาทภายในปีนี้ เร่งฝ่ายจีนส่งแบบทั้งหมดให้ทันกลางปี คาดเปิดประมูลช่วงที่ 2 เดือนพ.ค.นี้

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เปิดเผยว่าความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาทนั้นเริ่มจากตอนที่ 1 ช่วงสถานีกลางดง - ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. วงเงิน 425 ล้านบาทขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลแผนดำเนินงานและหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวมาส่งต่อให้กรมทางหลวง(ทล.)ภายในเดือนก.พ.นี้ ก่อนไปดำเนินการก่อสร้างโดยมีกำหนดแล้วเสร็จตามแผนภายในกลางปีนี้ ส่วนด้านตอนที่ 2 ปากช่อง - ขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.นั้นรฟท.ได้ดำเนินการถอดแบบไปแล้วบางส่วนพร้อมส่งกลับไปให้ฝ่ายจีนจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมคาดว่าจะสามารถสรุปแบบสุดท้าย (Final Draft) ได้ภายในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นรฟท.จะดำเนินการจัดทำร่างเอกสารประกวดราคาและเชิญชวนเอกชน คาดว่าวงเงินค่าก่อสร้างจะไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดประมูลได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ก่อนลงนามสัญญาภายในเดือนก.ค.นี้ สำหรับช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม.นั้นตามสัญญาได้กำหนดให้ฝ่ายจีนส่งแบบมาภายในเดือนมิ.ย.นี้ หลังจากนั้นรฟท.จะดำเนินการร่างเอกสารประกวดราคาและเชิญชวนเอกชนภายในเดือนก.ค.และคาดว่าจะเปิดประมูลช่วงดังกล่าวได้ภายในเดือนส.ค.นี้ ส่วนด้านช่วงที่ 4 บางซื่อ-แก่งคอย ระยะทาง 119 กม.ตามสัญญาได้กำหนดให้ฝ่ายจีนส่งแบบมาให้รฟท.ภายในเดือนส.ค.นี้หลังจากนั้นจะเร่งประกวดราคาเพื่อให้ได้ตัวเอกชนภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ดังนั้นเมื่อดูตามแผนแล้วโครงการรถไฟไทย-จีนเฟสแรกจะสามารถเปิดประมูลโครงการได้ทั้งหมดภายในปีนี้ทว่ายังไม่สามารถการันตีได้ว่าจะลงนามสัญญาและเบิกจ่ายก้อนแรกได้ทั้งหมดเนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง

----

รถไฟฟ้าสายโคราชคืบ รฟท.ประมูล‘ช่วงที่2’กลางปีนี้
แนวหน้า วันพุธ ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 06.00 น.

แหล่งข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา วงเงิน 179,000 ล้านบาท ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลแผนดำเนินงานของช่วงสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง3.5 กิโลเมตร วงเงิน 425 ล้านบาท และหารือกับ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวมาส่งต่อให้กรมทางหลวง (ทล.) ไปดำเนินการก่อสร้างโดยมีกำหนดแล้วเสร็จตามแผนภายในกลางปีนี้

ส่วนตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง-ขนานจิตรระยะทาง 11 กิโลเมตร ทางการรถไฟฯได้ดำเนินการถอดแบบไปแล้วบางส่วนพร้อมส่งกลับไปให้ฝ่ายจีนจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมคาดว่าจะสามารถสรุปแบบครั้งสุดท้ายได้ภายในสัปดาห์หน้าต่อจากนั้นทางการรถไฟฯ จะดำเนินการจัดทำร่างเอกสารประกวดราคาและเชิญชวนเอกชน คาดว่าวงเงินค่าก่อสร้างจะไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดประมูลได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนลงนามสัญญาภายในเดือนกรกฎาคม 2561

สำหรับช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมาระยะทาง 119.5 กิโลเมตร นั้นตามสัญญาได้กำหนดให้ฝ่ายจีนส่งแบบมาภายในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นจะมีการดำเนินการร่างเอกสารประกวดราคาและเชิญชวนเอกชน คาดว่าจะเปิดประมูลช่วงดังกล่าวได้ภายในเดือน สิงหาคมนี้ ส่วนด้านช่วงที่ 4 บางซื่อ-แก่งคอย ระยะทาง 119 กิโลเมตร ตามสัญญาได้กำหนดให้ฝ่ายจีนส่งแบบมาให้การรถไฟฯ ภายในเดือนสิงหาคม และจะเร่งประกวดราคาเพื่อให้ได้ตัวเอกชนภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/02/2018 2:22 pm    Post subject: Reply with quote

รอคลังทุบโต๊ะ TOR ไฮสปีดระยอง ถกไม่จบงบหนุนเอกชน 1.2 แสนล้าน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 - 11:20 น.

ทีโออาร์ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน 2 แสนล้าน ยังฝุ่นตลบ รัฐร่อนตะแกรงจ่ายเงินอุดหนุนเอกชน 1.2 แสนล้าน เริ่มจ่ายปีที่ 1 หรือหลังงานก่อสร้างเสร็จ หวั่นกระทบต้นทุนโครงการในระยะยาว รถไฟแจงเอกชนได้สิทธิ์พื้นที่ทุกสถานี ยกเว้นสถานีกลางบางซื่อ และอู่ตะเภา ได้แค่พื้นที่ขายตั๋ว จอดรับส่งผู้โดยสาร จ่อให้สิทธิ์เอกชนมืออาชีพบริหาร เปิดสัมปทานรอบใหม่พร้อมพื้นที่สนามบิน

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้การร่างทีโออาร์ประกาศเชิญชวนเอกชนลงทุน PPP Net Cost ระยะเวลา 50 ปี โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 226 กม. เงินลงทุนกว่า 2.06 แสนล้านบาท ยังไม่ได้ข้อยุติ ต้องรอคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พิจารณารายละเอียด โดยคณะอนุกรรมการอีอีซีจะประชุมวันที่ 26 ก.พ.นี้ หากได้ข้อยุติจะเสนอคณะกรรมการอีอีซีพิจารณาต่อไป

คลังทุบโต๊ะหนุนเอกชนแสน ล.

“ทุกฝ่ายพยายามเร่งรัดให้โครงการเปิดประมูลเดือน มี.ค.นี้ เพื่อเซ็นสัญญาก่อสร้างกับเอกชนทันสิ้นปีนี้ตามแผน แต่เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ เงินลงทุนสูง ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เช่น ระยะเวลาที่รัฐต้องจ่ายเงินสนับสนุนให้เอกชนระยะเวลา 10 ปี จะเริ่มปีไหน เช่น ปีที่ 1 หรือปีที่ 6 เพราะมีผลต่อต้นทุนดอกเบี้ยที่เอกชนกู้เงินมาลงทุนให้ก่อน หากจ่ายตั้งแต่ปีที่ 1 จะประหยัดดอกเบี้ย ถ้ารอ 5 ปีให้งานก่อสร้างเสร็จ ดอกเบี้ยจะมากขึ้น เพราะวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท เป็นมูลค่าที่คิดในปัจจุบัน แต่อีก 10 ปีข้างหน้า ถ้ารวมดอกเบี้ยด้วยจะเป็นอีกวงเงิน ต้องรอกระทรวงการคลังชี้ขาด”

นายอานนท์กล่าวว่า หลักการใหญ่ ๆ ยังคงเดิม เช่น รัฐบาลจะสนับสนุนเงินลงทุนเอกชนไม่เกินวงเงินค่างานโยธา 1.2 แสนล้านบาท ให้สัมปทาน 50 ปี พร้อมสิทธิ์พัฒนาที่ดินมักกะสัน และศรีราชา รวมถึงให้สิทธิ์เดินรถและพัฒนาพื้นที่สถานีของแอร์พอร์ตลิงก์ ส่วนการพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีของรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ใน 9 สถานี มี 2 สถานีที่เอกชนจะไม่ได้พื้นที่สถานีพัฒนาเชิงพาณิชย์

แยกสัมปทานบางซื่อ-อู่ตะเภา

ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อกับสถานีอู่ตะเภา โดยสถานีกลางบางซื่อมีพื้นที่ 3 แสน ตร.ม. เอกชนจะได้สิทธิ์ใช้พื้นที่เฉพาะขายตั๋วและจอดรับส่งผู้โดยสาร เนื่องจาก ร.ฟ.ท.จะเปิดประมูลให้เอกชนมาบริหารพื้นที่เหมือนกับสนามบินสุวรรณภูมิ เช่น ร้านค้า ส่วนสถานีอู่ตะเภาเป็นพื้นที่กองทัพเรือที่ให้พื้นที่ ร.ฟ.ท.ใช้สร้างสถานี และใช้พื้นที่ขายตั๋ว อยู่ใต้อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3

รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า สถานีอู่ตะเภาตามวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการอีอีซี จะพัฒนาเป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักแห่งที่ 3 เป็นเขตส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รองรับการขยายตัวของอีอีซี และเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการบินสำคัญในภูมิภาค รองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี

ตามแผนแม่บทมีพื้นที่ 6,500 ไร่ มูลค่าโครงการ 2 แสนล้านบาท องค์ประกอบการพัฒนา แยกเป็น 1.อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 และสถานีรถไฟความเร็วสูง 1,400 ไร่ 2.พื้นที่เชิงพาณิชย์ 675 ไร่ 3.เขตปลอดอากร 950 ไร่ 4.อาคารสินค้าระยะที่ 2 พื้นที่ 450 ไร่ 5.ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานระยะที่ 2 พื้นที่ 570 ไร่ 6.ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศระยะที่ 2 พื้นที่ 200 ไร่

“การพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟความเร็วสูงที่อู่ตะเภา จะนำไปรวมกับสัมปทานที่จะเปิดให้เอกชนมาบริหารพื้นที่สนามบิน ยังไม่รู้ว่ากองทัพเรือไทย หรืออีอีซีดำเนินการ”

เปิดจุดเวนคืนสร้างสถานีแปดริ้ว

สำหรับตำแหน่งสถานีจะสร้างอยู่บนเขตทางรถไฟเดิม 8 สถานี และสร้างบนที่ใหม่มีเพียง 1 สถานี คือ สถานีฉะเชิงเทรา โดยจะเวนคืนที่ดิน 84 ไร่ ทางทิศเหนือห่างจากสถานีรถไฟชุมทางฉะเชิงเทรา 1.5 กม. ติดกับถนน 304 เนื่องจากพื้นที่สถานีฉะเชิงเทราเดิมมีขนาดเล็ก หากเปิดพื้นที่ใหม่จะทำให้การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีทำได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันที่ดินโดยรอบสถานีแห่งใหม่เป็นพื้นที่โล่งสามารถมาพัฒนาได้

“ส่วนเอกชนที่จะมาลงทุนสามารถปรับตำแหน่งได้ หากเห็นว่าพื้นที่สถานีที่กำหนดให้มีขนาดไม่ใหญ่พอ อยากจะสร้างเพิ่มหรือมีที่ดินอยู่แล้วอยากจะให้สถานีเข้าไปในพื้นที่ก็ทำได้ แต่ต้องจ่ายค่าเวนคืนเอง”
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42628
Location: NECTEC

PostPosted: 23/02/2018 12:27 pm    Post subject: Reply with quote

พ.ค.ประมูลไฮสปีด”ไทย-จีน”เฟสสอง
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 - 07:45 น.

แบบก่อสร้างรถไฟไทย-จีน - รูปแบบโครงสร้างทางยกระดับที่จีนและไทยร่วมกันออกแบบพัฒนาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่จะสร้างคู่ขนานไปกับรถไฟปัจจุบัน
คืบหน้ารถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช เร่งเครื่องประมูลเต็มสูบ ดีเดย์ พ.ค.เปิดยื่นช่วง “สีคิ้ว-กุดจิก” ระยะทาง 11 กม. ค่าก่อสร้างกว่า 2.7 พันล้าน ส่วนที่เหลือรอแบบรายละเอียด เผยช่วงลำตะคองหวั่นเกิดดินสไลด์ จีนแนะขุดอุโมงค์ลึกอีก 10-20 เมตรพาดยาว 15 กม. กระทบต้นทุนเพิ่ม 500 ล้าน มิ.ย.ชง ครม.อนุมัติจ้างที่ปรึกษาออกแบบเฟส 2 เชื่อมไฮสปีดเทรนลาว-จีนที่เวียงจันทน์ หนุนการเดินทางและท่องเที่ยว 3 ประเทศ


แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภายในเดือน พ.ค. 2561 ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเริ่มกระบวนการเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. เงินลงทุน 179,412 ล้านบาท ในช่วงที่ 2 จากสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม.ค่าก่อสร้างประมาณ 2,700 ล้านบาท

“จีนจะส่งแบบรายละเอียดฉบับสมบูรณ์ในเดือน มี.ค. จากนั้นฝ่ายไทยจะตรวจแบบ จัดทำราคากลาง และจัดทำทีโออาร์ คาดว่าจะเริ่มกระบวนการประกวดราคาเดือน พ.ค. ได้ผู้รับเหมาในเดือน ส.ค.นี้”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับเนื้องานช่วงนี้จะเป็นงานถมคันดินก่อสร้างโครงสร้างทางยกระดับและระดับดิน ซึ่งงานก่อสร้างจะเริ่มต่อจากช่วงที่ 1 จากกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม.ที่กรมทางหลวงได้เริ่มงานถมคันดินไปแล้ว ค่าก่อสร้าง 425 ล้านบาท

“งานโยธาเราแบ่ง 15 สัญญา ค่าก่อสร้าง 122,593 ล้านบาท เริ่มดำเนินการแล้ว 1 สัญญา จะเหลือ 14 สัญญา งานต่อไปเป็นงานช่วงที่ 2 จะเป็นงานสัญญาเดียว ส่วนผู้รับเหมาที่มีสิทธิ์ยื่นประมูลเป็นผู้รับเหมางานถนน สะพาน ได้หมด จากนั้นจะทยอยดำเนินการไปจนครบทั้งหมดภายในปีนี้ จะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี มีกำหนดแล้วเสร็จและเปิดบริการในปี 2564”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า งานช่วงที่ 3 จากมวกเหล็ก-ลำตะคอง (อุโมงค์) ฝ่ายจีนจะส่งร่างแบบรายละเอียดในเดือน มี.ค. คาดว่าจะส่งแบบรายละเอียดฉบับสมบูรณ์ในเดือน เม.ย. 2561 เพื่อจัดทำทีโออาร์ คาดว่าจะเริ่มกระบวนการประกวดราคาในเดือน มิ.ย. 2561

“งานช่วงที่ 3 จะแยกงานอุโมงค์ออกมาเป็นอีก 1 สัญญา เนื่องจากเป็นงานก่อสร้างใช้เทคนิคเฉพาะ มีระยะทางประมาณ 15 กม. และมีการปรับแบบเล็กน้อยหลังจากจีนเข้าไปสำรวจพื้นที่ช่วงลำตะคอง พบว่าอาจจะเกิดดินสไลด์ได้ ทำให้ต้องขุดอุโมงค์ให้ลึกลงไปกว่าเดิมอีกประมาณ 10-20 เมตร ทำให้มีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากเดิม 9,000 กว่าล้านบาท เป็น 10,000 กว่าล้านบาท อาจจะส่งผลให้เงินลงทุนโครงการเพิ่มขึ้นด้วย”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับช่วงแก่งคอย-บันไดม้า-โคกกรวด-ลำตะคอง-โคราช ระยะทาง 119.5 กม. ค่าก่อสร้าง 57,905.02 ล้านบาท ฝ่ายจีนจะส่งร่างแบบรายละเอียดในเดือน เม.ย. จากนั้นจะตรวจสอบแบบ คาดว่าจะส่งแบบรายละเอียดฉบับสมบูรณ์ในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2561 ถึงจะเริ่มกระบวนการจัดทำราคากลางก่อนเพื่อประกวดราคาเดือน ก.ค. 2561

ส่วนช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง-นวนคร-เชียงรากน้อย-บ้านโพธิ์-พระแก้ว-สระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 119 กม. ค่าก่อสร้าง 58,932.79 ล้านบาท ฝ่ายจีน จะส่งร่างแบบรายละอียดเดือน มิ.ย.นี้ให้ไทยตรวจสอบ เพื่อจัดทำราคากลางและเริ่มการประกวดราคาเดือน ก.ย. 2561

ด้านความคืบหน้าของโครงการระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย แหล่งข่าวกล่าวว่า ผลการหารือของคณะกรรมการร่วมครั้งล่าสุด ฝ่ายไทยจะทบทวนผลการศึกษาความเหมาะสมในเดือน มี.ค.-พ.ค. 2561 เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในเดือน มิ.ย.นี้

จากนั้นจะจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดและจะใช้เวลาดำเนินการ 10 เดือน คาดว่าจะประกวดราคาภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 โดยฝ่ายจีนตกลงจะเชิญผู้แทน 3 รัฐบาล คือ ไทย สปป.ลาว และจีน มาเจรจาหารือการพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟความเร็วสูงในช่วงจากหนองคาย-เวียงจันทน์

เพื่อเชื่อมกับรถไฟจีน-ลาวที่กำลังก่อสร้างเส้นทางคุนหมิง-เวียงจันทน์ ให้โครงข่ายเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคได้อย่างต่อเนื่อง และเตรียมการเรื่องการลดอุปสรรคการเดินทางของประชาชนของทั้ง 3 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจคนเข้าเมือง และระบบการตรวจพิธีการด้านศุลกากร
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/02/2018 7:40 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.อุ้มต่างชาติ แก้เงื่อนไขลงทุนรถไฟเชื่อม3สนามบิน
แนวหน้า วันเสาร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 06.00 น.

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย ความคืบหน้าโครงการถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาว่า คณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟฯได้พิจารณารูปแบบการลงทุนเป็นแบบ PPP Net Cost โดยให้เอกชนเป็นผู้บริหาร และรับความเสี่ยงโครงการทั้งหมด

ส่วนด้านวงเงินลงทุนโครงการนั้นแบ่งเป็นค่างานโยธาก่อสร้างประมาณ 50% ของวงเงินลงทุน หรือคิดเป็น 115,000 ล้านบาท ขณะที่ค่างานระบบและตัวรถจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนสนใจหลายรายได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และยุโรป

“ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องการแก้กฎหมายการลงทุนของโครงการ เช่น การพิจารณาให้ต่างชาติถือหุ้นในโครงการเกิน 50% และการปรับกฎหมายสิทธิประโยชน์การใช้ที่ดินมักกะสันให้เป็นเงื่อนไขเดียวกับการให้สัมปทานในพื้นที่ EEC เนื่องจากพื้นที่มักกะสันแปลง A ที่มีจำนวน 130 ไร่ที่ต้องยกให้เอกชนที่เข้ามาบริหารพื้นที่มักกะสันนั้น ระยะเวลาสัมปทานพื้นที่มักกะสันจำนวน 50 ปี เอกชนต้องคืนพื้นที่ให้การรถไฟฯหลังจากหมดอายุสัมปทานและไม่สามารถต่อสัมปทานได้อีก

นายอานนท์กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 76,000 ล้านบาท ว่า ทางกระทรวงคมนาคมคาดหวังว่าน่าจะเป็นเส้นทางแรกของระยะที่ 2 ที่จะสามารถออกประกาศประกวดราคาได้ เนื่องจากขณะนี้การศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) ผ่านแล้ว และทาง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)อยู่ระหว่างพิจารณาโครงการ น่าจะเป็นโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุดในขณะนี้และคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการได้ภายในเดือนมีนาคม 2561 นี้

ทั้งนี้ในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ นั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ช้าที่สุดเพราะทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เป็นผู้ออกแบบโครงการและขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลคาดว่าภายในเดือนนี้ หรือต้นเดือนมีนาคม 2561 จะสามารถเสนอเรื่องเข้ากระทรวงคมนาคมได้

ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่เส้นทางอื่นๆ จะสามารถทยอยเปิดประมูลได้ภายในปี 2561 นอกจากนี้ในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 เส้นทางช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 23,300 ล้านบาท ทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กิโลเมตร วงเงิน 51,800 ล้านบาท เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ด้วยเช่นกัน แต่จะดำเนินการได้ต่อจากเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งเรื่องเข้ากระทรวงคมนาคมพิจารณาหมดแล้ว 8 เส้นทาง ซึ่งทางกระทรวงจะให้ทาง สนข.พิจารณาข้อมูลเบื้องต้นก่อน

---

รฟท.สรุปลงทุนเชื่อม3สนามบินเป็นPPP Net Cost
INN News 24 กุมภาพันธ์ 2018

รฟท.สรุปรูปแบบลงทุนรถไฟเชื่อม 3 สนามบินเป็นแบบ PPP Net Cost เร่งพิจารณาแก้กฎหมายลงทุนต่างชาติ

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา ขณะนี้ทางคณะกรรมการรถไฟฯได้พิจารณารูปแบบการลงทุนเป็นแบบ PPP Net Cost โดยให้เอกชนเป็นผู้บริหารและรับความเสี่ยงของโครงการทั้งหมดรัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือค่างานโยธาให้ซึ่งมีเงื่อนไขว่าจะจ่ายเงินให้เมื่องานก่อสร้างแล้วเสร็จ

ส่วนวงเงินลงทุนโครงการแบ่งเป็นค่างานโยธาก่อสร้างประมาณ 50% ของวงเงินลงทุน หรือ 115,000 ล้านบาท ด้านค่างานระบบและตัวรถจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันมีเอกชนสนใจหลายรายได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และยุโรป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดยังอยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องการแก้กฎหมายการลงทุน เช่น การพิจารณาให้ต่างชาติถือหุ้นในโครงการเกิน 50% และการปรับกฎหมายสิทธิประโยชน์การใช้ที่ดินมักกะสันให้เป็นเงื่อนไขเดียวกับพื้นที่ EEC
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/02/2018 3:34 pm    Post subject: Reply with quote

ชงนายกฯเคาะ รถไฟเร็วสูง เชื่อม3สนามบิน
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 26 ก.พ. 2561 เวลา 09:36 น.

บอร์ดอีอีซีเล็งเคาะแผนลงทุนรถไฟเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ดอีอีซีวันนี้ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะเสนอแผนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และโครงการลงทุนรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ทีโออาร์จะแล้วเสร็จ เพื่อนำไปสู่กระบวนการสรรหาผู้ร่วมทุน และเริ่มขั้นตอนการก่อสร้างให้ทันเปิดดำเนินการภายในปี 2566

พล.ร.ต.ลือชัย ศรีเอี่ยมกูล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า กองทัพเรือจ้างบริษัท KPMG ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแบบและสำรวจโครงการเมืองการบิน อาทิ รันเวย์เส้นที่สอง อาคารเทอร์มินอล คลังสินค้า ศูนย์ซ่อมอากาศยาน และศูนย์ฝึกบุคลากรด้านการบิน ใช้เวลา 1 ปี จากนั้นจะจ้างบริษัทเอกชนอีก 3 แห่ง เพื่อจัดทำพิมพ์เขียวและสรรหาผู้ร่วมทุนโดยใช้เวลาก่อสร้างเสร็จปี 2566
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/02/2018 4:18 pm    Post subject: Reply with quote

“บิ๊กตู่” นำถกอีอีซี พิจารณาโครงการรถไฟไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 - 11:29 น.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) โดยกล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้จะต้องพิจารณาเรื่องพื้นที่สองข้างทางรถไฟ ซึ่งการทำงานแบบนี้ย่อมมีปัญหาทุกวันอยู่แล้ว จึงขอให้มองในแง่ของความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ต้องหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่ต้องชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง อะไรทำได้ หรืออะไรทำไม่ได้ และเมื่อรัฐบาลต้องการทำให้ได้ จะต้องทำอย่างไรโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกฎหมายที่มีอยู่ และขอให้ทุกคนสร้างความเข้าใจในแง่มุมนี้ด้วย เพราะบางทีก็ห่วงใยของคนที่มีอารมณ์สนับสนุนรัฐบาลอาจมองในมุมที่เกรงว่าไทยอาจจะพลาดโอกาสไปบ้าง พร้อมย้ำสิ่งที่สำคัญคือจะต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ที่ประชุมจะพิจารณาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 226 กิโลเมตร เงินลงทุน 214,308 ล้านบาท เป็นรถไฟที่เดินรถแบบไร้รอยต่อ จะใช้โครงสร้างและแนวการเดินรถเดิมของแอร์พอร์ตลิงก์ในปัจจุบัน จะสร้างทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร มีส่วนต่อขยาย 2 ช่วง จากสถานีพญาไท-สนามบินดอนเมือง และลาดกระบัง-สนามบินอู่ตะเภา และ จ.ระยอง โดยใช้เขตทางรถไฟรวมระยะทาง 260 กม. โดยมีผู้เดินรถรายเดียวกัน ซึ่งระบบรถที่วิ่งในพื้นที่ชั้นในมีความเร็ว 160 กม./ชม. และ 250 กม./ชม.ในเขตนอกเมือง จะเปิดบริการในปี 2566 คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 169,550 เที่ยวคนต่อวัน แยกเป็นผู้ใช้บริการรถไฟธรรมดา 103,920 เที่ยวคนต่อวัน รถไฟความเร็วสูง 65,630 เที่ยวคนต่อวัน ส่วนค่าโดยสารจากสนามบินดอนเมือง-อู่ตะเภา 500 บาท/เที่ยว จากสนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา 300 บาท/เที่ยว ขณะเดียวกันจะรายงานความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 255, 256, 257 ... 542, 543, 544  Next
Page 256 of 544

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©