ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานีกลางบางซื่อและรถไฟฟ้า

Wisarut · Posted: 15/12/2020 2:12 am Post subject:

📸 [ชมภาพ] สถานีกลางบางซื่อ - รถไฟฟ้าสายสีแดง เตรียมความพร้อม (อัปเดต 14 ธ.ค. 2563) ก่อน “พอเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเดินทางตรวจเยี่ยมชมในวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค. 2563)
https://www.facebook.com/transportjournalnews/posts/3573728962719363

Wisarut · Posted: 15/12/2020 12:53 pm Post subject:

เปิด 10 ที่สุด “สถานีกลางบางซื่อ” ฮับระบบรางใหญ่ที่สุดในอาเซียน
อสังหาริมทรัพย์

วันที่ 15 ธันวาคม 2563 - 12:34 น.

“สถานีกลางบางซื่อ” กำลังจะเปิดให้บริการ เป็นศูนย์กลางการขนส่ง คมนาคม ระบบราง ที่ใช้เวลาก่อสร้างร่วม 8 ปี บนพื้นที่กว่า 487 ไร่ เพื่อเนรมิตให้เป็นศูนย์กลางการเดินทางและธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลความเป็นที่สุดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับ “สถานีกลางบางซื่อ” ที่ต้องบันทึกไว้ในระบบรางไทย มาให้ทราบ พร้อมนับถอยหลังเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายน 2564

1. ขึ้นแท่นเป็น “สถานีศูนย์กลางระบบราง” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในอาเซียน และยังล้มแชมป์ “สถานี KL Sentral” ของประเทศมาเลเซีย
2. เป็นสถานีที่ใช้งบประมาณก่อสร้างมากถึง 34,142 ล้านบาท
3. มีพื้นที่ใช้สอย 274,192 ตารางเมตร ใหญ่กว่าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่มีพื้นที่ใช้สอย 192,000 ตารางเมตร
4. มี 24 ชานชาลา สำหรับรถไฟชานเมือง 4 ชานชาลา รถไฟทางไกล 8 ชานชาลา รถไฟความเร็วสูง 10 ชานชาลา และรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ส่วนต่อขยาย 2 ชานชาลา
5. สถานีรถไฟที่มีห้องน้ำให้บริการมากที่สุด รวม 713 ห้อง
6. ถูกออกแบบให้เป็น “สถานีปลอดมลพิษ” เนื่องจากจะมีรถไฟที่เป็นระบบไฟฟ้าเท่านั้นที่มาใช้บริการได้
7. มีจุดแลนด์มาร์คใหม่ด้านประวัติศาสตร์ สร้างลานพระบรมราชานุสาวรีย์ มีพื้นที่ 186,030 ตร.ม. และบึงน้ำขนาด 14,000 ตร.ม. ให้เป็นลานน้ำพุประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
8. มี “นาฬิกาหน้าปัดเลข ๙” ประจำสถานี ติดตั้งบนผนังหน้ากระจกทางเข้าสถานี ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล จะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของสถานี ที่ออกแบบเพื่อน้องรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิผลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
9. เป็นจุดเชื่อมระบบคมนาคม ทั้ง บก น้ำ อากาศ ในจุดเดียว
10. รองรับผู้โดยสาร ภายใน 10 ปี นับจากปี 2565 มีผู้ใช้บริการ 136,000 เที่ยวคนต่อวัน เป็น 624,000 เที่ยวคนต่อวัน

เชื่อมต่อได้ทั้ง บก น้ำ อากาศ
1. สามารถเชื่อมต่อทุกการเดินทาง “ทางราง” มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟทางไกล และรถไฟความเร็วสูง
2. สามารถเชื่อมต่อ “ทางบก” เชื่อมทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกตะวันตก และทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลล์เวย์)
3. สามารถเชื่อมต่อ “ทางน้ำ” โดยสามารถนั่งสายสีน้ำเงิน ไปลงสถานีบางโพ จะมีจุดเชื่อมต่อกับท่าเรือบางโพ ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาได้
4. สามารถเชื่อต่อ “ทางอากาศ” โดยจะเป็นจุดจอดของสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 2 สนามบิน ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา

พื้นที่ “สถานีกลางบางซื่อ”
สถานีกลางบางซื่อ ประกอบด้วย ความกว้าง 244 เมตร ความยาว 596.6 เมตร และความสูงประมาณ 43 เมตร มี 4 ชั้น รวมชั้นใต้ดินพื้นที่ใช้สอยรวม 274,192 ตารางเมตร

ตัวอาคารมี 4 ชั้นด้วยกัน ได้แก่

ชั้นใต้ดิน เป็นลานจอดรถที่สามารถรองรับได้กว่า 1,700 คัน
ชั้น 1 เป็นพื้นที่จำหน่ายตั๋ว พื้นที่พักคอยผู้โดยสาร เขตร้านค้า พื้นที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และจุดเชื่อมต่อรถโดยสาร ขสมก. และ บขส.
ชั้นที่ 2 เป็นชานชาลาสำหรับรองรับรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) มี 4 ชานชาลา และรถไฟทางไกล มี 8 ชานชาลา
ชั้นที่ 3 เป็นชานชาลาสำหรับรองรับรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เชื่อมภูมิภาค มีทั้งหมด 10 ชานชาลา แบ่งเป็นรถไฟสายใต้ 4 ชานชาลา รถไฟสายเหนือ และสายอีสาน รวม 6 ชานชาลา
ตั้งเป้า คนใช้บริการ 6 แสนเที่ยวคนต่อวัน
หลังเปิดให้บริการในปี 2564 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2 เท่า ภายใน 10 ปี นับจากปี 2565 ที่มีผู้ใช้บริการ 136,000 เที่ยวคนต่อวัน เป็น 624,000 เที่ยวคนต่อวัน

“ประยุทธ์” นำ ครม. เยี่ยมชม 15 ธ.ค. 2563
ล่าสุด วันนี้ (15 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ พร้อมทดลองการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เคยเดินทางตรวจติดตามงานก่อสร้างไปเมื่อ เดือนมีนาคม ปี 2562

Wisarut · Posted: 15/12/2020 3:43 pm Post subject:

“คมนาคม” จับมือ MLIT วางกรอบพัฒนาเชิงพาณิชย์พื้นที่ “บางซื่อ”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 15 ธันวาคม 2563 - 13:35 น.

Click on the image for full size

คมนาคม-รฟท.เซ็นเอ็มโอยู “MLIT” พร้อมดึง UR องค์กรมืออาชีพจากญี่ปุ่น ร่วมวางกรอบพัฒนาเชิงพาณิชย์ ปั้น “บางซื่อ” เมืองอัจฉริยะ

วันนี้ (15 ธ.ค.) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายปัญญา ชูพานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และนายโนมุระ มาซาฟูมิ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ด้านที่ดิน การพัฒนาพื้นที่ฮอกไกโดและกิจการระหว่างประเทศ กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) นายนากาจิมา มาซาฮิโระ ผู้อำนวยการองค์การพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น (UR) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อ ระหว่างกระทรวงคมนาคม รฟท. กับ MLIT และ UR ผ่านระบบทางไกล

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ นี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะพื้นที่บริเวณบางซื่อ จากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์การดำเนินงานที่จะช่วยเสนอแนะแนวทางและข้อมูลของฝ่ายญี่ปุ่นที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย ทั้งในด้านข้อกำหนดและรายละเอียดการพัฒนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนการวางแนวทางการคัดเลือกเอกชนที่มีศักยภาพให้แก่โครงการเมืองอัจฉริยะในพื้นที่บางซื่อ เพื่อให้สอดประสานกับภารกิจการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ รฟท. (Asset Management Company : AMC) ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการเมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา รวมถึงการรองรับการเปิดใช้งานสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ในปี 2564 ต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น ผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) จัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อมายกระดับเป็นแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะพื้นที่บริเวณบางซื่อ (Bang Sue Smart City) ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี 2563

ด้านกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) จะให้ข้อมูลในด้านนโยบายการพัฒนาเมือง กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นในการดำเนินการพัฒนาเมืองของญี่ปุ่นที่ผ่านมา ขณะที่องค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น (UR) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของญี่ปุ่น มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเมืองและพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟและรถไฟฟ้า จะให้ข้อมูลที่เป็นตัวอย่างในการพัฒนาเมืองของญี่ปุ่น และการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) รวมถึงวิธีการดำเนินโครงการ แก่กระทรวงคมนาคมและ รฟท.เพื่อเป็นข้อแนะนำในการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ

ความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงนี้มีระยะเวลา 2 ปี และต่ออายุโดยอัตโนมัติอีก 2 ปี อย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้ลงนามฝ่ายใดจะแจ้งไม่ต่ออายุบันทึกข้อตกลง

Mongwin · Posted: 15/12/2020 7:23 pm Post subject:

ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha
15 ธ.ค. 63 19.05 น.
https://www.facebook.com/prayutofficial/posts/1006228886539393

เสร็จจากประชุม ครม. ผมและคณะรัฐมนตรีได้ขึ้นรถบัสไปตรวจสถานีกลางบางซื่อ และระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง

สถานีกลางบางซื่อเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางขนาดใหญ่ และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย รวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมาตรฐานเทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำของโลก

สถานีนี้คือสิ่งที่เราคนไทยรอคอยมานาน กว่าจะสำเร็จถึงวันนี้ เป็นวันที่สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยที่จะเป็น "ศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค" โดยเชื่อมไทยกับอาเซียน และโลก ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่สมบูรณ์แบบ
คงไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่จะเป็นการกระจายความเจริญสู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งปลายทางคือการสร้างโอกาส และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกคน ผ่านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ที่ต้องอาศัยการคมนาคมเป็นเสมือน "เส้นเลือดใหญ่" หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจและสังคมของเรา
ผมและรัฐบาล ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะบูรณาการ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศไทยให้ขยายออกไปไกลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผมดีใจที่สิ่งต่างๆ ที่เราร่วมสร้างกันมา เริ่มทยอยผลิดอกออกผลในวันนี้ และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามยุทธศาสตร์ชาติที่เราได้วางเอาไว้ #รวมไทยสร้างชาติ

Wisarut · Posted: 16/12/2020 7:21 am Post subject:

เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ
https://www.youtube.com/watch?v=Ihdv4kQzI8A

รฟม. เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
วันที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 17:34 น.

รฟม. ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ และร่วมทดลองเดินรถไฟชานเมืองสายสีแดง
วันนี้ (15 ธันวาคม 2563) นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ กับคณะรัฐมนตรี นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากนั้นจึงได้ร่วมทดลองเดินรถไฟชานเมืองสายสีแดง ระหว่างสถานีกลางบางซื่อไปยังสถานีรังสิต
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. มีการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต ดังนี้ โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) มีทางเดินเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้า MRT สถานีบางซื่อ กับสถานีกลางบางซื่อ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่สถานีหลักสี่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ
https://twitter.com/i/web/status/1333398115483668489
https://twitter.com/i/web/status/1333423402422439936
https://twitter.com/i/web/status/1333407383066796032
https://twitter.com/i/web/status/1338398908980973570

พรรคพวกจากกระทรวงการคลังก็ไปด้วย
https://www.facebook.com/pitayau/posts/10164647810760506

Wisarut · Posted: 16/12/2020 7:40 am Post subject:

รฟท.นำร่องต้นปี 65 ย้ายรถไฟทางไกลรุ่นใหม่ 8 ขบวน ให้บริการที่สถานีบางซื่อ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 19:57 น.

“ศักดิ์สยาม”เร่งรฟท.ทำแผนพัฒนาพื้นที่รอบสถานีบางซื่อ สร้างมูลค่าเพิ่ม ด้านรฟท.เร่งวางโมเดลบริหารสถานีบางซื่อ เล็งจ้าง Outsource หรือจ้างเอกชนรับบริหาร ขณะที่ตั้งเป้าต้นปี 65 เริ่มให้รถโดยสารรุ่นใหม่ 8 ขบวนนำร่องใช้บางซื่อ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อควบคู่ไปกับการพัฒนา ระบบราง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเดินทางและธุรกิจแห่งภูมิภาคอาเซียน สร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาเมืองในรูปแบบใหม่ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นและขยายธุรกิจและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยสถานีบางซื่อ จะเป็นศูนย์กลางระบบรางและทั้งรถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเชื่อมสนามบิน และยังเชื่อมต่อการเดินทางของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมือง และระบบขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ทั้งรถเมล์ รถบขส. แท็กซี่ ซึ่งจะมีการวางแผนร่วมกันต่อไป

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ปัจจุบันงานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟชานเมือง และงานก่อสถานีรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จำนวน 13 สถานี และงานก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาเสร็จแล้ว เหลือสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหา ตู้รถไฟฟ้าโดยจะมี งานระบบราง ระบบควบคุมการเดินรถและระบบอาณัติสัญญาณ ระบบโทรคมนาคม ระบบจำหน่ายตั๋วโดยสาร อุปกรณ์สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุง ระบบรักษาความปลอดภัย สถานีไฟฟ้าย่อยและหม้อแปลงไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนรถไฟฟ้า และระบบอื่น ๆ งานจัดหาตู้รถไฟฟ้ารวมถึงการจัดเตรียม อบรมบุคลากรในการบริหารและซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า ขณะนี้ก้าวหน้า 89.10 %

โดยจะทดสอบการเดินรถเสมือนจริง เดือนมี.ค. 2564 จากนั้นจึงจะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการ ในเดือนก.ค. 2564 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนพ.ย. 2564 โดยคาดการณ์ว่าจะมีปู้โดยสารประมาณ 80,000 คน/วัน ส่วนค่าโดยสารนั้น กำหนดค่าแรกเข้าที่ 15 บาท โดยจะมีการประกาศอัตราที่ชัดเจนก่อนเปิดบริการ

สำหรับการบริหารสถานีกลางบางซื่อนั้น ในช่วงแรก รฟท.จะบริหารจัดการเอง โดยจะมีการจัดหา บริการด้านรักษาความปลอดภัย รักษาความสะอาด และบริหารที่จอดรถ รวมถึงจัดหาคู่ค้าเข้ามาให้บริการประชาชนในช่วงที่เริ่มเปิดให้บริการ ในขณะเดียวกัน รฟท.อยู่ระหว่างหารูปแบบการบริหารพื้นที่สถานีกลางบางซื่อเชิงพาณิชย์ที่มีความเหมาะสม เชน รฟท.ทำเอง จัดจ้างรูปแบบ Outsource

ทั้งนี้ สถานีบางซื่อจะเป็นศูนย์กลางระบบรางของประเทศ โดยนอกจากรถไฟสายสีแดงแล้ว ยังมีรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและรถไฟทางไกล โดยกำหนดเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ รถไฟสายสีแดงในเดือนพ.ย. 2564 หลังจากนั้นประมาณ ต้นปี 2565 จะเริ่มย้ายขบวนรถไฟทางไกลจากที่มีต้นทางที่สถานีหัวลำโพง เข้ามาให้บริการที่สถานีบางซื่อ

โดยเริ่มจาก รถโดยสารเชิงพาณิชย์ รุ่นใหม่จำนวน 115 คัน ที่มีบริการวันละ 8 ขบวน ประกอบด้วย สายเหนือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ,สายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-หนองคาย-กรุงเทพฯ และ สายใต้ กรุงเทพฯ-ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นขบวนรถใหม่ที่มี รถกำลังไฟฟ้า (Power Car) ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ส่วนรถไฟทางไกลอื่นๆ อยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อเปลี่ยนระบบหัวจักรเป็นระบบไฟฟ้า เพื่อให้เข้าใช้สถานีบางซื่อได้

@ ถกคนกลาง เคลียร์งาน VO จบในก.พ. 64

ส่วนงานเพิ่มเติม (Variation Order : VO) วงเงิน10,345 ล้านบาท นั้นรฟท.ได้ตั้งคณะทำงาน โดยมีคนกลางเข้ามาร่วมตรวจสอบ งานแต่ละรายการของสัญญาที่ 1 จะแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 2564 เพื่อนำเสนอเพื่อขอเพิ่มกรอบวงเงินต่อไป

@เตรียมจ้างศึกษา PPP เดินรถสีแดง พร้อมสร้างส่วนต่อขยาย

ผู้ว่าฯรฟท.กล่าวถึงรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) บริหารการเดินรถ รวมถึงลงทุนก่อสร้าง สายสีแดงส่วนต่อขยาย 4 เส้นทาง มูลค่ากว่า 6.7 หมื่นล้านบาทว่า รฟท.เตรียมจ้างที่ปรึกษาศึกษารายละเอียด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น ในช่วงแรกที่มีการเปิดเดินรถสายสีแดง ได้มอบหมายให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุง ไปก่อน

โดยสายสีแดงส่วนต่อขยาย 4 เส้นทาง
1. สายสีแดงเข้มส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-มธ. ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. กรอบวงเงิน 6,570.40 ล้านบาท
2. สายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา กรอบวงเงินลงทุน 10,202.18 ล้านบาท มีระยะทาง 14.8 กม.
3. สายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 4.3 กม. กรอบวงเงิน 6,645.03 ล้านบาท
4. รถไฟสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กม. วงเงิน 44,157.76 ล้านบาท

Wisarut · Posted: 16/12/2020 7:47 am Post subject:

Wisarut · Posted: 16/12/2020 10:30 am Post subject:

ความหวังใหม่ ในการพัฒนาระบบรางของไทย

คอลัมน์ : เวทีชวนคิด
โดย: ชวนคิด.
พุธที่ 16 ธันวาคม 2563 เวลา 08.00 น.
อดีตข้าราชการระดับสูงของสภาพัฒน์ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า “ผมเสียใจที่เคยขัดขวางทุกข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราง”

เห็นการจัดอันดับระบบโดยสารสาธารณะดีสุด 10 อันดับแรกแล้วอดอิจฉาคนฮ่องกงและสิงคโปร์ไม่ได้ ของเขาติดสองอันดับดีสุด การจัดอันดับเป็นงานของ McKinsey หนึ่งในบริษัทข้ามชาติชั้นแนวหน้า ได้ยินมาว่าคนในวงการธุรกิจมักคาดหวังให้ลูกหลานได้ทำงานกับบริษัทนี้สักช่วงหนึ่งก่อนมาจับธุรกิจของครอบครัว

McKinsey จัดอันดับด้วยดัชนี 80 ตัวแยกเป็น 5 กลุ่มหลักได้แก่ สัดส่วนของโครงสร้างระบบราง ราคาเหมาะสมสำหรับคนส่วนใหญ่ ความคุ้มค่า(efficiency) ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย อีกแปดมหานครที่ติดสิบอันดับแรก ได้แก่ ปารีส มอสโค โซล มาดริด นิวยอร์ค ปักกิ่ง ลอนดอน และมิลานตามลำดับ

วันนี้ ประเทศไทยกำลังลงทุนมหาศาลกับระบบรางสำหรับการโดยสารและขนส่งอย่างกว้างขวางและเชื่อมโยงกับอภิมหาโปรเจคท์ของจีนภายใต้ชื่อ Belt and Road Initiative (BRI)

ถ้ามองย้อนหลังไปสักสามสิบปีก่อน หลายคนอาจเห็นด้วยกับผมว่า ความหวังที่จะได้เห็นการลงทุนขนาดนี้ในประเทศไทยช่างริบหรี่ อาการแท้งของโครงการลาวาริน ตามมาด้วยโฮปเวลล์ ยังเป็นภาพหลอนตรึงใจชวนให้สิ้นหวังเกี่ยวกับการลงทุนระบบราง สามสิบปีนั้นคือ ยุคแห่งความรุ่งเรืองของการลงทุนโครงข่ายถนนที่เติบโตต่อเนื่องมานับแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบับแรกเมื่อ 60 ปีก่อน อันเป็นฝีมือการวางแผนของผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา...ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นประเทศพัฒนาที่มีระบบรางล้าหลังที่สุดแห่งหนึ่ง

อดีตข้าราชการระดับสูงของสภาพัฒน์ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า “ผมเสียใจที่เคยขัดขวางทุกข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราง” ซึ่งอนุมานได้ว่า ท่านยอมรับว่าถูกครอบงำทางความคิดจากระบบการศึกษาด้านวิศวกรรมระบบขนส่งจราจรของสหรัฐอเมริกาซึ่งท่านไปร่ำเรียนมานั่นเอง

เท่าผมที่รู้ การส่งคนไทยไปศึกษาต่อต่างประเทศของหน่วยงานราชการมักตั้งต้นจากความสนใจส่วนตัวของผู้สมัครมากกว่าการวิเคราะห์ความต้องการของประเทศและองค์กรอย่างเป็นระบบผลตามมาคือ
ก) ได้คนที่นิยมเรียนต่อตามกระแส(โอกาสสร้างรายได้ส่วนตัว)
ข) ได้คนเก่งแบบ ข้ามาคนเดียว ไม่ใช่เก่งเป็นทีม จึงยากที่จะสร้างระบบงานใหม่ๆที่ช่วยขยายขีดความสามารถของประเทศ
ค) ได้คนที่มีแนวคิดคล้ายๆกัน แทนที่จะมีหลายสำนักคิด
ง) ได้คนเก่งที่ไม่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมการทำงาน จึงมักย้ายที่ทำงานหรือลาออกไปทำงานภาคเอกชน ทั้งหมดนี้อาจเป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งว่า ประเทศไทยถนัดแค่นำเข้าเทคโนโลยี แต่ไม่สามารถต่อยอดจนสามารถแข่งขันกับสากลได้เหมือน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ข่าวดีวันนี้ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางของประเทศไทยได้ปิดจุดอ่อนที่ผมรำพึงรำพันไว้หมดสิ้น (https://www.mreport.co.th/news/industry-movement/105-Railway-projects-are-another-big-step-forward-of-Thailand)

สาระสำคัญของยุทธศาสตร์พัฒนาระบบรางจึงประกอบด้วยการพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี และระบบรองรับอย่างรอบด้าน เช่น กำหนดให้การลงทุนระบบรางต้องใช้ผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้นโดยลำดับจนถึง100 เปอร์เซ็นต์ในปี 2567 ในฝั่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ได้มีการบรรจุเงื่อนไขด้านการถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่วิศวกรไทยใน 4 ด้าน คือ

1. หลักสูตรฝึกอบรมวิศวกรไทยด้านเทคโนโลยีการออกแบบรถไฟความเร็วสูง
2. การจัดตั้งองค์กรเพื่อรับผิดชอบการบริหารการเดินรถ
3. การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง
และ 4. การส่งเสริมขีดความสามารถการทดสอบ การก่อสร้าง การติดตั้ง การตรวจสอบและการซ่อมบำรุงโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น

ก่อร่าง สร้างระบบราง อีกก้าวใหญ่ของประเทศไทย
mreport.co.th

กรมการขนส่งทางรางได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางแห่ง "ระบบราง" ยุคใหม่ของไทยและอาเซียน ดังที่เห็นนี้
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/837290723714540

ข้อมูลรถไฟฟ้าสายสีแดง ทำให้ทราบว่าสถานีกลางบางซื่ออยู่ที่ กม. 7+471.292 จากสถานีกรุงเทพ
https://th.eeco.or.th/sites/default/files/03%20Details%20of%20SRT%20Red%20Line_24%20July%202018.pdf

‘ศักดิ์สยาม’อัพเดต สถานีกลางบางซื่อ จ่อวิ่งรถไฟฟ้าสายสีแดง
15 ธันวาคม 2563 เวลา 12:02 น.

หมายเหตุ: ‘ศักดิ์สยาม’อัพเดต สถานีกลางบางซื่อ จ่อวิ่งรถไฟฟ้าสายสีแดง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เยี่ยมชม พร้อมทดลองการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต ในวันที่ 15 ธันวาคม และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564

Wisarut · Posted: 16/12/2020 7:38 pm Post subject:

ผลจากการเยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ
https://www.youtube.com/watch?v=-mFZPCqNzt0

Wisarut · Posted: 17/12/2020 4:22 pm Post subject:

สถานีกลางบางซื่อ ใหญ่โตจริงๆ
https://www.youtube.com/watch?v=lUmNOcPuuOo