ร่วมสัมมนา"ระบบโลจิสติคส์หลังการเปิด AEC ปี 2558"

[nathapong]

สวัสดีครับ สืบเนื่องจากที่ได้โพสในข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟ ไปก่อนหน้านี้
จากข่าวข้างต้น ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมการสัมมนาดังกล่าว ณ โรงแรมเซนจูรี่ปารค์ กรุงเทพ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา

หัวข้อในการสัมมนามีดังต่อไปนี้

หัวข้อ 1 ระบบโลจิสติกส์ในภูมิภาคและผลกระทบหลังกการเปิด AEC
โดย ดร.จักรกฤาณ์ ดวงพัสตรา ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หัวข้อ 2 แนวคิดในการพัฒนาระบบรางของประเทศมาเลเซียแบบยั่งยืน
โดย Dr. Aminuddin bin Adnan, President of Keretapi Tanah Melayu Bhd (KTMB) หรือผู้ว่าการรถไฟของประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย

หัวข้อที่ 3 นโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย
โดย ดร พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ วิศวกรชำนาญการ สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข)

หัวข้อ 4 ความสำคัญ และวิธีการถ่ายทอดเทคโนโลยีควบคู่กับการพัฒนาระบบราง : แนวคิดและกรณีศึกษาของประเทศสาธรณเกาหลีและประเทศสาธรณประชาชนจีน
โดย ดร.รุ่งโรจน์ กมลเดชเดชา ผู้เชี่ยวชาญ นโยบาย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาสาสตร์เทคโนโลยีและนวตกรรมแห่งชาติ (สวทน)

โดยท่านรองผู้อำนวยการ สวทช. ดร.ณรงค์ ศิริเลิสวรกุล เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และ ที่ปรึกษาผู้อำนวยการ สวทช.ท่าน อ.นคร จันทศร กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์ในการเปิดงานสัมมนาในครั้งนี้

ที่มา http://www.thairailtech.or.th/dowload/aec-2558/

[nathapong]

สำหรับ หัวข้อ 1 สำหรับท่านวิทยากรท่านนี้ สมาชิกหลาย ๆ ท่าน เช่น อ.เอก พี่น้อย ก็เคยเจอ ในเวทีเรื่องรถไฟความเร็วสูง ที่จัดสัมมนาที่โรงแรมพูลแมน สักสองปีที่แล้ว สมัยท่านไปทำงานที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงก็ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา ที่เกี่ยวข้องกับ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ อย่างเรื่อง สุริโยทัย และที่สำคัญท่านเองได้อยู่ร่วมในคณะเจรจาการค้า หลายคณะ...

นอกเรื่องไปเยอะ กลับเข้ามาในเนื้อหาในการสัมมนา รายละเอียดเนื้อหาที่นำเสนอในการสัมมนา คงไปดาวน์โหลด จากลิงค์ข้างต้น

และสิ่งที่ควรเข้าไปหาความรู้เพิ่มเติม จากบรรดาความตกลงต่าง ๆ โดยเฉพาะ เรื่อง AEC และความตกลงด้านอื่น ๆ จาก กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
http://www.dtn.moc.go.th/

[nathapong]

ความสำคัญของ AEC Blueprint

อาเซียนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดทำ Blueprint เพื่อกำหนดแผนงานและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนสาหรับการดาเนินมาตรการต่างๆ เพื่อไปสู่เป้าหมาย AEC อย่างเช่นสหภาพยุโรปที่มีการจัดทำเกณฑ์อ้างอิง (Benchmark) ในด้านเศรษฐกิจตามช่วงระยะเวลาต่างๆ โดยวัตถุประสงค์สำคัญของ AEC Blueprint ก็เพื่อกำหนดทิศทาง/แผนงานในด้านเศรษฐกิจที่จะต้องดาเนินงานให้ชัดเจนตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด จนบรรลุเป้าหมาย AEC ในปี ค.ศ. 2015 และสร้างพันธะสัญญาระหว่างประเทศสมาชิกที่จะดำเนินการไปสู่เป้าหมายดังกล่าวร่วมกัน

องค์ประกอบสาคัญ AEC Blueprint ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ซึ่งอ้างอิงมาจากเป้าหมายการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนตามแถลงการณ์บาหลี ฉบับที่ 2 (Bali Concord II) มีสาระสำคัญดังนี้

1) การเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิตร่วม โดยให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีมากขึ้น

2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน ซึ่งจะให้ความสำคัญ กับประเด็นด้านนโยบายอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ เช่น กรอบนโยบายการแข่งขันของอาเซียน สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายภาษี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (การเงิน การขนส่ง และ เทคโนโลยีสารสนเทศ)

3) การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค สนับสนุนการพัฒนา SMEs และการเสริมสร้าง ขีดความสามารถผ่านโครงการต่างๆ เช่น IAI (Initiative for ASEAN Integration) และ ASEAN-help-ASEAN Programs เป็นต้น

4) การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาค เช่น การจัดทำเขตการค้าเสรี การให้สิทธิพิเศษด้านการลงทุนภายใต้เขตการลงทุนอาเซียน (AIA) กับนักลงทุนภายนอกอาเซียน และการสร้างเครือข่ายในด้านการผลิต/จำหน่าย เป็นต้น

สำหรับองค์ประกอบอื่นๆ ได้แก่ การปรับปรุงกลไกด้านสถาบันโดยการจัดตั้งกลไกการหารือระดับสูง ประกอบด้วยผู้แทนระดับรัฐมนตรีทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนอาเซียนตลอดจนการพัฒนาระบบกลไกการตรวจสอบติดตามผลการดาเนินงาน (Peer Review) และจัดหาแหล่งทรัพยากรสาหรับการดาเนินงานกิจกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในการดำเนินงานสามารถกำหนดให้มีความยืดหยุ่นในแต่ละเรื่องไว้ล่วงหน้าได้ (pre-agreed flexibilities) แต่เมื่อตกลงกันได้แล้ว ประเทศสมาชิกจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามพันธกรณีที่ได้ตกลงกันอย่างเคร่งครัดด้วย

[nathapong]

สถานะล่าสุด
ในการประชุมคณะทางานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (HLTF) ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 9-10 เมษายน 2550 ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ที่ประชุมเห็นชอบประเด็นสาคัญ ดังนี้

1. ให้ AEC Blueprint เป็นแผนการดาเนินงานที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมที่จะดาเนินการให้บรรลุผลตามที่ระบุไว้

2. จะเสนอให้มีแถลงการณ์ระดับผู้นาในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 ในเดือนพฤศจิกายน 2550 เพื่อผลักดันเป้าหมาย AEC โดยมี AEC Blueprint และ Strategic Schedule of AEC เป็นเอกสารแนบท้าย

ทั้งนี้ สานักเลขาธิการอาเซียนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Coordinating Conference on AEC ในวันที่ 8 มิถุนายน 2550 ณ กรุงจาการ์ตา เพื่อระดมความเห็นจากทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง

ที่มา สาระสำคัญ AEC Blueprint

======================================

สิ่งที่ น่าขบคิดต่อไป ในหลาย ๆ ส่วนที่เกี่ยวกับการให้บริการที่เรื่อง Logistic แอบแฝงในหลากหลายหัวข้อ และ เรื่องสินค้าผ่านแดน (ที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการขนส่ง การขนส่งต่อเนื่อง และระบบรางก็เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องดังกล่าว) รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ในอนาคตได้แก่ Nation Single Windows (NSW) และ Asian Single Windows (ASW) ที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการใช้สิทธิทางภาษี และไม่ใช่ภาษีรวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่นับถอยหลังเข้ามาทุกที

ในส่วนแรก คำถามตอบ คงติดตามจาก http://www.thairailtech.or.th/

ที่นำมาลง หลาย ๆ คนที่มาอ่าน อาจจะคิดว่า ไม่เกี่ยวกับรถไฟ เอามาลงทำไม ต้องขออธิบาย ซักนิดว่า ที่ลงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรถไฟเต็ม ๆ ซึ่งในอนาคต ที่การรถไฟ มีการเปลี่ยนแปลงในรูปหน่วยธุรกิจแล้ว เรื่องที่กล่าวมานั้นเกี่ยวข้องเต็ม ๆ

เพียงแต่เป็นการเปิดประเด็นเพื่อให้ค้นคว้า เพื่อเตรียมรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ รวมถึง บรรดาวิชาชีพที่สงวนหรือไม่สงวนสำหรับคนไทยในอนาคต และรวมถึงเรื่องของทุน การลงทุนทางตรง ในระดับยักษ์ใหญ่หรือ SME ที่จะหลั่งไหลเข้ามาในเร็ว ๆ นี้

ขอเบรคไปทำธุระส่วนตัวซักแป็บ ก่อนที่ดูแนวคิดของเบอร์หนึ่งของการรถไฟเพื่อนบ้าน ของท่าน Dr. Aminuddin bin Adnan, President of Keretapi Tanah Melayu Bhd (KTMB)

[nathapong]

ในส่วนหัวข้อที่ 2 แนวคิดในการพัฒนาระบบรางของประเทศมาเลเซียแบบยั่งยืน
โดย Dr. Aminuddin bin Adnan, President of Keretapi Tanah Melayu Bhd (KTMB) หรือผู้ว่าการรถไฟของประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย ในการบรรยายเป็นภาคาภาษาอังกฤษ ล้วน ๆ คงอ่านตามสไลด์ของท่าน นะครับ

แต่ในความเห็นของผู้โพส ที่น่าสนใจเป็นสไลด์ที่ เป็นแนวทาง และการสร้างรากฐานที่แข็งแรงก่อนจะนำระบบรางของมาเลเซียไปสู่ HSR โดยกล่าวถึงโครงการทางคู่ และการยกระดับรถไฟของประเทศมาเลเซียที่เป็นรถไฟไฟฟ้า ในส่วนนี้ครับ

- COMPLETED DOUBLE TRACK PROJECTS
- CURRENT ELECTRIFIED DOUBLE TRACK PROJECTS
- LESSON LEARNED FROM CONSTRUCTION OF DOUBLE TRACK
- SUCCESS / BENEFITS FROM THE DOUBLE TRACK PROJECTS


สิ่งที่เป็นส่วนผลักดันให้โครงการประสบความสำเร็จ มาจากการผลัดดันจากระดับนโยบายอย่างต่อเนื่อง จากเนื้อความจากสไลด์ที่กล่าวถึงวิสัยทัศน์ จากระดับนโยบายและแนวคิดนี้ครับ

Vision and idea of the former Prime Minister Tun Dr. Mahathir Mohamed to construct the ELECTRIFIED DOUBLE TRACK from North to South of Peninsular Malaysia

The railway network will be the backbone of the transportation system

To achieve the HIGH INCOME nation VISION 2020

ส่วนของบ้านเรา คงไปขอกล่าวในส่วนของ ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ วิศวกรชำนาญการ สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข) ครับ

[nathapong]

ูเป็นอย่างไรกันบ้างครับ....ถ้าดาวน์โหลด เอกสารทั้งสองท่านที่กล่าวมาในตอนต้น

คิดเห็นกันอย่างไรบ้างกับสิ่งที่เมื่อวันวาน เพื่อนบ้านของเรามาศึกษาจากบ้านเราแต่วันนี้ ความพร้อมของ ระบบรางบ้านเรายังอยู่กับการ Reform โครงสร้างพื้นฐาน ของระบบรางหลังจากหยุดอยู่กับที่ร่วมสองทศวรรต ....
(งบประมาณที่ได้มาในรัีฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับที่ฟื้นฟูให้โครงสร้างด้านทางและล้อเลื่อนคืนสภาพได้เท่านั้น ส่วนด้านอื่น ๆ ยังเป็นปริศนา ???)

สิ่งที่เรามองเห็นสำหรับระบบรางในบ้านเราวันนี้ ถ้าคิดว่าการพัฒนาระบบถนนตอบโจทย์ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ที่เป็นตัวแปรหลักในด้านการแข่งขันในหลาย ๆ ภาคส่วน ในขณะที่ตัวแปรด้านราคาพลังงานฟอสซิล ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่า บ้านเรายังสู้กับคู่แข่งที่อยู่ใน AEC ได้หรือไม่ เป็นคำถามที่ไร้คำตอบ หรือ คำตอบยังอยู่ในอนาคตที่มาไม่ถึงหละเนี่ยย

[black_express]

ป๋าเข้าใจวางประเด็นได้ดีครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระดับบนขาดวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลสำหรับระบบราง แถม รมต.คุมกระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง ล้วนแต่เป็นบรรดานายวานิช ที่มองแค่ผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองเป็นหลักเท่านั้น มิได้มองไกลไปจากตัวเลย

ถึงจะมีระบบราชการที่รับผิดชอบอยู่ก็ตาม แต่ถ้าเสนอขึ้นไปแล้วนาย "ไม่เอา" จำต้องเปลี่ยนบทบาทตัวเองให้สอดคล้องกับนโยบาย"นาย" ไม่งั้นก็เอาตัวไม่รอด เข็นไม่ไป เท่านั้นแหละ

ผมถึงว่า น้ำท่วมใหญ่คราวนี้ เป็นการสั่งสอนหลายๆ อย่าง ทั้งด้านวิสัยทัศน์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และอีกหลายๆ ปัจจัยที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ถ้ามองเข้าไปลึกๆ แล้ว ก็มาจากปัญหาตัวเดียวกันนั่นแหละ คือผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง ที่ยังฮิตมิรู้คลาย

บ้านเรายังขาดอยู่มาก ทั้งด้านวิสัยทัศน์ระยะยาว และการลงมือทำจริง เท่านั้น

[ksomchai]

เห็นด้วย กับทั้งสองท่าน ครับ
_________________