คุณคิดเห็นอย่างไรกับการผลักดันจัดตั้ง กระทรวงรถไฟ

[Wisarut]

วิศวะจุฬาฯ เสนอ 3 ทางพัฒนาระบบรางประเทศ จี้รัฐบาลชำระล้างการรถไฟ ก่อนเดินหน้าสร้างระบบราง
กรุงเทพธุรกิจ
9 กุมภาพันธ์ 2558

ที่อาคารจามจุรี 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวข้อเสนอแนะต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางของประเทศไทย โดยมีรศ.ดร.สมพงษ์ ศิริโสภณศิลป์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนกังวลว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งเพียงทางผ่านให้แก่ประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง แล้วได้เฉพาะค่าผ่านทาง ค่าบริการรถไฟเท่านั้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน และไม่มีการเตรียมพร้อมใดๆ
ดังนั้น หากจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมจริงๆ ควรจะกำหนดยุทธศาสตร์ และเตรียมพร้อมในการเป็นศูนย์กลางทางผ่าน และศูนย์กลางที่จะนำเข้าวัตถุดิบต้นทุนต่ำจากต่างประเทศอื่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มส่งออกไปประเทศอื่นด้วย รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการแข่งขันให้สูงขึ้น ต้องรู้ว่าสินค้า อุตสาหกรรมอะไรที่จะสามารถแข่งขันได้กับตลาดประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดจีน และถ้าจะใช้ประโยชน์จริงๆ ต้องมีนโยบายการลงทุน ส่งเสริมเน้นพัฒนาแรงงานควบคู่พัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศด้วย ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะคงไม่สามารถปฎิเสธความร่วมมือได้แต่รูปแบบกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ที่จะใช้ในความร่วมมือควรต้องกำหนดชัดเจน รู้ผลกระทบและทั้ง 2 ฝ่ายควรได้ประโยชน์

ผศ.ดร.ศักดิ์สิทธิ์ เฉลิมพงศ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่าขณะนี้ ในการบริหารจัดการเรื่องของรถไฟ การขนส่งต่างๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งการรวมการบริหารหน่วยงานเดียวกันหมดทำให้ไม่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานกำกับดูแลควรเป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง และผู้ดำเนินการอีกหน่วยงานหนึ่งและแต่ละหน่วยงานมีความชัดเจน อีกทั้งเรื่องโครงสร้าง องค์กรก็มีปัญหาเพียบ เละเทะ ยุ่งเหยิง ดังนั้น อยากให้รัฐบาลช่วยจัดการปัญหาเรื่องโครงสร้างของหน่วยงานรถไฟของไทย เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาคาราคาซังมาหลายสิบปี และตราบใดที่รฟท.มีปัญหา การบริหารจัดการ และการพัฒนาเรื่องระบบรางคู่ รถไฟอย่างยั่งยืนคงเป็นไปไม่ได้

ผศ.ดร.ประมวล สุธีจารุวัฒน ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่าทีมจุฬาฯได้ทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความจำเป็นต้องในการซื้อระบบรางรถไฟ ซึ่งทำให้พบว่า หากประเทศมีความจำเป็นในการใช้รถไฟมาก ในการทำบันทึกข้อตกลงกับประเทศเจ้าของเทคโนโลยี ควรจะมีการกำหนดสัญญาให้เจ้าของเทคโนโลยีมาถ่ายทอดเทคโนโลยี และพัฒนาด้านอื่นๆ เช่น การพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงควรเลือกใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความเป็นจริงด้วย และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่พัฒนาบุคลากร กระทรวงแรงงาน พัฒนาแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์พัฒนาด้านเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม พัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ ไม่ใช่มอบทุกอย่างให้กระทรวงการคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น

“จุฬาฯ ไม่ได้ปฎิเสธโครงการพัฒนาระบบรถไฟ ไม่ได้ขวาง เราก็อยากมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟระบบรางคู่ ใช้ แต่อยากให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีด้วย ภายใต้ความอยากก็อยากเห็นแผนรองรับที่ชัดเจน เพราะถ้าไม่ชัดเจน ไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดี ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลาที่รอระบบและก่อให้เกิดปัญหามากมายอย่างแน่นอน” ผศ.ดร.ประมวล กล่าว

[Wisarut]

ไทยต้องเพิ่ม ‘บุคลากรระบบราง’ รองรับโครงการในอนาคต
by Weeranan Kanhar
Voice TV
5 มีนาคม 2558 เวลา 11:34 น.

ไทยกำลังต้องการบุคลากรระบบราง ที่มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น คาดว่าอีก 7 ปีข้างหน้า จะต้องมีบุคลากรด้านนี้กว่า 28,000 คน เพื่อรองรับการจัดสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้า 10 สายในอนาคต

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. เตรียมจัดตั้ง 'สถาบันพัฒนาเทคโนโลยีระบบขนส่งทางรางแห่งชาติ' เพื่อสร้างองค์ความรู้ และมาตรฐานการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบราง รวมถึงการพัฒนาบุคลากร และบูรณาการเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกัน

หลังวิจัยพบว่า ไทยยังขาดบุคลากรและองค์ความรู้เรื่องระบบรางเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ส่งผลให้ต้องสูญเสียงบประมาณไปกับค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญซ่อมบำรุง หรือค่าออกแบบเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นสถาบันแห่งนี้ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางประสานงานผู้เกี่ยวข้อง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคผู้ประกอบการรถไฟ ภาคการศึกษา และสถาบันวิจัย ร่วมกันพัฒนาระบบรางของประเทศให้มีความทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งด้านการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า

ทั้งนี้คาดว่า ความต้องการบุคลากรปฏิบัติการ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบราง ภายในปี 2565 หรืออีก 7 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ เกือบ 28,000 คน โดยแบ่งเป็นวิศวกร ช่างเทคนิค และสาขาอื่นๆ รวมกัน เพื่อรองรับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 10 สาย และรถไฟทางคู่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล

[Wisarut]

ประจินแนะการรถไฟ-สหภาพต้องร่วมแก้ปัญหา
ข่าวเศรษฐกิจ
INN News
วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2558 19:33น.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยการรถไฟฯ และสหภาพ ต้องร่วมกันแก้ปัญหา ขณะผู้ว่าเร่งทำแผนฟื้นฟูชง ครน.
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เข้าพบเพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาของการรถไฟฯ อย่างยั่งยืนว่า ในวันนี้ได้มีการหารือถึงปัญหาการบริหารและการเดินรถ ซึ่งหลายฝ่ายจะต้องช่วยกันแก้ไข ส่วนที่จะต้องช่วยกันปรับปรุงพัฒนาเพื่อรองรับการเดินรถในส่วนของรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรนั้น ได้มีการชี้แจงว่าจะต้องมีการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ขี้นมารองรับเทคโนโลยี โดยจะต้องหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งกระทรวงคมนาคม การรถไฟฯ และสหภาพการรถไฟฯ เพื่อที่จะให้การพัฒนาเดินหน้าไปด้วยกัน โดยส่วนใดที่เป็นภาระหนี้สินจะต้องร่วมกันแก้ไข ส่วนใดที่เป็นงบลงทุนใหม่ทางรัฐบาลจะให้การสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการพัฒนาองค์กร และแผนการฟื้นฟู การขนส่งสินค้า การปรับปรุงเรื่องการบริการและการเดินรถ รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์ใหม่นั้นทาง ผู้ว่าการรถไฟอยู่ระหว่างเร่งจัดทำรายละเอียดแผนงานต่าง ๆ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือ ครน. พิจารณา

//---------------------

สหภาพฯ รถไฟไม่ขวางตั้งกรมราง ขอนโยบายชัดต้องห้ามเอกชนวิ่งแข่ง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
17 มีนาคม 2558 18:02 น. (แก้ไขล่าสุด 17 มีนาคม 2558 18:36 น.)



สหภาพฯ ร.ฟ.ท.พบ “ประจิน” ขอความชัดเจนตั้งกรมราง ยันไม่ขวางหากแยกเฉพาะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและกำกับดูแล คงงานซ่อมบำรุงและเดินรถไว้เหมือนเดิม กังวลรัฐยกเลิก พ.ร.บ.รถไฟ 2 ฉบับ เปิดทางเอกชนวิ่งแข่งบนราง เหตุเอื้อประโยชน์เอกชนบางกลุ่มใช้ทรัพย์สินรถไฟ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) เข้าพบวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า ได้มีการหารือถึงปัญหาของ ร.ฟ.ท. ทั้งการบริหารจัดการ การเดินรถ ซึ่งปัญหาหนี้จะร่วมมือกันแก้ไข ส่วนใดที่เป็นการลงทุนโดยใช้งบประมาณใหม่รัฐบาลจะให้การสนับสนุน และการปรับปรุงพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเดินรถไฟขนาดรางมาตรฐาน (Standard Gauge) 1.435 เมตร ความเร็วปานกลาง เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งในประเด็นนี้จะมีการหารือรวมกัน 3 ฝ่าย คือ กระทรวงคมนาคม ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. และสหภาพฯ ร.ฟ.ท. อีกครั้งเพื่อให้งานเดินหน้าไปด้วยกัน

สำหรับแผนฟื้นฟู ร.ฟ.ท.นั้น ทางนายวุฒิชาคติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. จะต้องเร่งจัดทำแผนเพิ่มเติมในเรื่องการปรับปรุงการบริการ การเดินรถ การแข่งขันด้านขนส่งสินค้า และเตรียมพร้อมเรื่องการปลดภาระหนี้สินและการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และปรับอัตรากำลังใหม่ โดยจะเร่งเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในการประชุมครั้งต่อไป ส่วนกระทรวงคมนาคมจะผลักดันให้ ร.ฟ.ท.มีความพร้อมในเรื่องการเตรียมบุคลากรสำหรับรองรับการให้บริการในอนาคต ทั้งระบบราง 1 เมตร และราง 1.435 เมตร

“หลักๆ เป็นการปรับทัศนคติให้ตรงกันว่า กิจการรถไฟเป็นของประเทศ และคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแล ดังนั้นพนักงานรถไฟฯ จะต้องร่วมกันสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้กิจการรถไฟอยู่กับประเทศไทยต่อไปนานๆ” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

ด้านนายอำพน ทองรัตน์ ประธานสหภาพฯ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ได้ขอความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งกรมราง ซึ่งกระทรวงได้ระบุกรมรางจะทำหน้าที่ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและกำกับดูแล ส่วนงานซ่อมบำรุงและเดินรถยังอยู่กับ ร.ฟ.ท.เหมือนเดิม โดยตัดเอกชนออกจากงานซ่อมบำรุง ซึ่งสหภาพฯ เห็นว่าการตั้งกรมรางยังมีประเด็นเรื่องข้อกฎหมายที่ซ่อนอยู่ เรื่องการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน เนื่องจากการให้เอกชนนำรถมาวิ่งแข่งขันอย่างเสรีบนรางไม่ถูกต้อง เพราะระบบรางยังไม่เป็นทางคู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ปัญหาสำคัญ ข้อกฎหมายขนส่ง พ.ร.บ.การจัดวางรถไฟหลวง พ.ศ. 2464 และการบริหารจัดการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 ด้วย ในมาตรา 43 ไม่ให้เอกชนเข้ามาวิ่งแข่งบนรางเพราะจะไม่เป็นธรรมกับรถไฟ และยังเป็นข้อกฎหมายที่ป้องกันไม่ให้เอกชนนำทรัพย์ของรถไฟฯ ไปบริหารจัดการเอง ซึ่งต้องเข้าใจว่าการลงทุนให้บริการรถไฟต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก จะมีเอกชนน้อยรายที่จะเข้ามาได้ ดังนั้นผลประโยชน์จะตกอยู่กับบางกลุ่มเหมือนการประมูลคลื่นมือถือที่มีผู้ประกอบการไม่กี่ราย ซึ่งล่าสุดก็มีเอกชน ทั้ง ซี.พี. และไทยเบฟ สนใจที่จะเข้ามาลงทุน สหภาพฯ เป็นห่วงทรัพย์สินรถไฟฯ ที่ควรจะคงอยู่กับ ร.ฟ.ท. เพราะหากจะให้เอกชนเข้ามาจะต้องยกเลิกพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง

“สหภาพฯ ไม่คัดค้านกรมราง แต่ต้องชัดเจนว่าจะเข้ามากำกับดูแลอะไรบ้าง และการแก้หรือยกเลิก พ.ร.บ. 2 ฉบับดังกล่าวจะทำให้เอกชนเข้ามาแข่งขันบนรางและยังนำที่ดินของรถไฟฯ ไปบริหารจัดการเอง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาภายใน ร.ฟ.ท. จึงได้ฝากให้ รมว.คมนาคมพิจารณา พร้อมกันนี้สหภาพฯ ยังพร้อมให้ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร หลังจากนี้สหภาพฯ จะไปชี้แจงทำความเข้าใจกับพนักงานในเรื่องการจัดตั้งกรมราง พร้อมกันนี้จะให้ข้อมูลเรื่องการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับโครงการในอนาคต” นายอำพนกล่าว

[Wisarut]

สร.รฟท.แจงเหตุไม่เอา “กรมการขนส่งทางราง” หวั่นถูกแปรรูปสู่ระบบนายทุน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
20 มีนาคม 2558 15:20 น. (แก้ไขล่าสุด 20 มีนาคม 2558 15:39 น.)





ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ สร.รฟท. เดินหน้าเปิดเวทีประชุมร่วมพนักงานในสังกัด แจงเหตุผลไม่เอา “กรมการขนส่งทางราง” หวั่นถูกแปรรูปการรถไฟสู่ระบบนายทุนภาคเอกชน ทั้งประชาชนขาดผลประโยชน์อย่างแท้จริง

วันนี้ (20 มี.ค.) ที่กองบำรุงทางเขตขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ สร.รฟท. เดินหน้าเปิดการประชุมร่วมกับสมาชิกสหภาพแรงงานฯ และพนักงานในสังกัดการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 30 คน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวทางการปรับปรุงพัฒนาการรถไฟฯ อย่างยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง

นายสาธร สินปรุ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เร่งจัดตั้ง “กรมการขนส่งทางราง” และร่าง พ.ร.บ.บริหารการขนส่ง พ.ศ..... โดยอ้างว่าการพัฒนาการขนส่งระบบรางขาดหน่วยงานกลางในกำกับดูแลโดยตรง และภาพลักษณ์ของการรถไฟฯ ไม่มีการพัฒนามาเป็นเวลานานและเป็นภาระของชาติ จึงเร่งจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางให้แล้วเสร็จตามโครงการภายใน มิ.ย. 58 นี้ แต่การจัดตั้งดังกล่าวยังไม่มีหลักประกันที่เพียงพอ มองว่าอาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยอาจถูกแปรรูปให้นายทุนภาคเอกชนเอกชนเข้ามาวิ่งบนรางรถไฟอย่างเสรี หากเปลี่ยนมาเป็นกรมขนส่งทางรางแล้ว ภาคเอกชนจะให้บริการเชิงพาณิชย์โดยมุ่งเน้นผลกำไรเป็นสำคัญ มีการกำหนดมาตรฐานราคาตามอัตราผันผวนของเศรษฐกิจ และการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์แก่กลุ่มทุนตาม พ.ร.บ.บริหารการขนส่ง พ.ศ.... ส่วนการบริการฟรีเพื่อประชาชนจะถูกยกเลิกเพราะเอกชนจะอ้างต้นทุนดำเนินการ

ทั้งนี้ มองว่าเมื่อการให้บริการเดินรถการรถไฟกับโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเส้นทาง ราง สถานี อาณัติสัญญาณ แยกส่วนกันจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบควบคุมความปลอดภัยของการเดินรถ ซึ่งประชาชนจะไม่ได้รับประโยชน์เลย จากการร่วมประชุมดังกล่าวจึงเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้แก่สมาชิกฯและพนักงานการรถไฟฯ ไปตัดสินใจต่อเพื่อจะนำเสนอความเห็นแก่รัฐบาลต่อไป

นายวีระชัย เทพโภชน์ พนักงานสังกัดการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มีความคิดเห็นว่าไม่อยากให้มีการจัดตั้ง “กรมการขนส่งทางราง” ขึ้น เนื่องจากไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่ามีแผนรองรับการการเปลี่ยนไปเป็นกรมการขนส่งทางราง นอกจากจะกระทบต่อภาคประชาชนแล้วพนักงานอาจถูกลอยแพเนื่องจากหากมีการจัดตั้งกรมขนส่งทางรางจะมีการถูกยุบตำแหน่งลงกว่า 5,000 คน เพราะตามโครงสร้างของกรมการขนส่งทางรางเบื้องต้นจะมี 4 ส่วนงาน มีบุคลากรรวม 275 คน ประกอบด้วย อธิบดี 1 คน, รองอธิบดี 2 คน, วิศวกรใหญ่ 1 คน, ผู้ทรงคุณวุฒิ 1 คน และเจ้าหน้าที่รวม 270 คน

กรมขนส่งทางราง กรมรางจะทำหน้าที่คล้ายกับกรมทางหลวงร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ทำหน้าที่ก่อสร้างทางรถไฟและซ่อมบำรุง โดยจะดำเนินการเองหรือใช้วิธีการว่าจ้างเอกชนเข้ามาก่อสร้างและซ่อมบำรุงก็ได้ ส่วน ร.ฟ.ท.และ รฟม.จะเหลือหน้าที่เดินรถและอาจจะรับจ้างเรื่องซ่อมบำรุงทางให้กรมราง นอกจากนี้จะมีเอกชนรายอื่นเข้ามาเดินรถแข่งขันได้อีก

[Mongwin]

ปลุก! คนงานรถไฟอุบลฯร่วมต้าน พ.ร.บ.กรมขนส่งทางราง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2558 23:02 น.

อุบลราชธานี - “สาวิต แก้วหวาน” ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานรถไฟ ปลุกพนักงานการรถไฟอุบลฯ ร่วมคัดค้าน พ.ร.บ.กรมการขนส่งทางราง เหตุเอารถการไฟให้เอกชนบริหาร ทั้งที่ รฟท.ขาดทุนจากรัฐบาลใช้นโยบายประชานิยม ทั้งทำให้คนรถไฟกว่าหมื่นชีวิตตกงานหลังปรับปรุง

วันนี้ (23 มี.ค.58) ที่ทำการสหภาพแรงงานวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยสาขา จ.อุบลราชธานี นายสาวิต แก้วหวาน ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงและเรียกร้องให้คนงานร่วมกันคัดค้าน พ.ร.บ.จัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อคนงานรถไฟชุดแรกที่มีหน้าที่ควบคุมการเดินรถไฟตามสถานี การติดต่อสื่อสารระหว่างเดินรถ และเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลเส้นทางกว่า 5,400 คน

ส่วนระยะที่สองจะกระทบกับคนงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ช่างกล ช่างเครื่อง และคนขับรถไฟอีกกว่า 6,000 คน รวมเป็นคนงานรถไฟได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางรวมทั้งสิ้นกว่า 11,000 คน เพราะรัฐบาลมีนโยบายจะตั้งกรมการขนส่งทางรางให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายภายในเดือนมิถุนายนนี้

โดย พ.ร.บ.ดังกล่าว ระบุถึงการโอนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของการรถไฟแห่งประเทศไปให้เอกชนบริหาร แต่ไม่กล่าวถึงอนาคตของคนงานรถไฟทั้งหมดจะอยู่ต่อไปอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาทางสหภาพแรงงานวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เข้าพบและแจ้งความกังวลให้กับ พล.อ.อ.ประจิณ จั่นตอง รมว.คมนาคมทราบแล้ว แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องอนาคตของคนงานรถไฟทั้งหมด สหภาพฯในฐานะตัวแทนของคนงาน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลมีแนวทางบริหารกับ คนงานกว่าหมื่นคนให้ชัดเจนกว่านี้

นายสำเริง นากระโทก ประธานสหภาพฯสาขาจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า คนงานรถไฟยอมรับการเปลี่ยนแปลงการรถไฟให้ดีขึ้นและต้องให้คนงานรถไฟมีส่วนร่วมแก้ไข เพราะการขาดทุนของการรถไฟที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ทั้งจัดขบวนรถไฟฟรี ซึ่งรัฐบาลยังค้างจ่ายเงินกับการรถไฟไว้กว่า 8 พันล้านบาท และยังคงค้างเงินด้านนโยบาย เพราะตั้งแต่ปี 2528 รัฐบาลไม่ยอมให้รถไฟมีการขึ้นราคาค่าโดยสาร ซึ่งตามความเป็นจริงต้องเรียกเก็บค่าโดยสาร 1.70 บาทต่อคนต่อกิโลเมตร แต่ยังให้จัดเก็บอยู่ในราคาเดิมคือ กิโลเมตรละ 24 สตางค์ต่อคนต่อกิโลเมตรมาถึงปัจจุบัน

แต่กลับอ้างต้องขายการรถไฟให้เอกชน เพื่อใช้หนี้สินที่การรถไฟมีอยู่กว่าแสนล้านบาท จึงไม่เป็นธรรมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งไม่มีความชัดเจนเรื่องอนาคตของคนงานรถไฟ หลังมีการตั้งเป็นกรมการขนส่งทางราง ซึ่งยึดเอาสมบัติของการรถไฟไปให้เอกชนบริหาร แต่ไม่มีการเขียนไว้ในกฏหมายจะให้คนงานรถไฟไปทำอะไร จึงต้องการขอความชัดเจนจากรัฐบาลเกี่ยวกับอนาคตของคนงานรถไฟทั่วประเทศกว่าหนึ่งหมื่นคนด้วย หากไม่มีความชัดเจนคนงานรถไฟอาจต้องออกมาเคลื่อนไหวกดดันขอความชัดเจนจากรัฐบาลอย่างแน่นอน

[Mongwin]

คุณภาพของการให้บริการของ รถไฟไทย ถูกตั้งคำถามมาอย่างยาวนาน อีกทั้งหนี้สิน กว่าแสนล้านบาท โครงสร้างองค์กรที่ต้องรีบปรับปรุง เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต จนกระทั้งมีกระแสการจัดตั้ง กรมการขนส่งทางราง ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน แต่มีเสียงสะท้อนว่านี่จะเป็นการ รุกยึดการรถไฟ

รายการเวทีสาธารณะ ตอน กรมราง ทางออกรถไฟ?
วัน ศุกร์ ที่ 10 เมษายน 2558 หลังข่าวภาคเที่ยง 13.00 น. ช่องไทยพีบีเอส

[Wisarut]

เร่งดัน7ยุทธศาสตร์ ร.ฟ.ท.
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม พิมพ์
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 09:58 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,043 วันที่ 12 - 15 เมษายน พ.ศ. 2558
ออมสิน ชีวะพฤกษ์ เร่งดัน7ยุทธศาสตร์ ร.ฟ.ท. หวังพลิกภาพลักษณ์ ‘องค์กรมีกำไร’

แม้จะผ่านพ้น 8 เดือนของการเข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. แต่ดูเหมือนว่า ออมสิน ชีวะพฤกษ์ ยังมีภาระสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการอีกมาก โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ร.ฟ.ท. ซึ่งมีแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์การดำเนินการ 7 ด้าน เช่น แผนพัฒนาระบบการบริหารจัดการที่ดี การพัฒนาบุคลากรเพื่อการจัดการสมัยใหม่ ปรับปรุงการให้บริการและเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร ปรับปรุงระบบบริหารจัดการทรัพย์สิน ฯลฯ ที่มีกรอบระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2558-2567
alt ทั้งนี้ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกลยุทธ์การบริหารจัดการที่จะนำพาองค์กร ร.ฟ.ท. ที่มีประวัติการดำเนินงานมายาวนาน 115 ปี ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขับเคลื่อนองค์กรแห่งนี้ให้พ้นจากสภาพขาดทุน แถมยังมีภาพลักษณ์ล้าหลัง ให้กลายเป็นองค์กรที่มีกำไร ด้วยการบริการที่ทันสมัย โปร่งใสและรวดเร็ว
+++แนวทางการเร่งจัดซื้อหัวรถจักร
เป็นที่ทราบกันดีว่ารายได้ของการรถไฟฯนั้น หลักๆ มาจากการให้บริการขบวนรถไฟโดยสาร และบริการขนส่งสินค้า แต่ด้วยปริมาณหัวรถจักรที่สามารถใช้งานได้ประมาณ 250 หัว ดังนั้น หากต้องการเพิ่มรายได้จะต้องเพิ่มจำนวนหัวรถจักรให้มากกว่า 300 หัว ซึ่งที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.พยายามจะเพิ่มหัวรถจักร เพื่อยกระดับการขนคนและขนส่งสินค้า
ร.ฟ.ท.ได้เสนอแผนจัดซื้อหัวรถจักรจำนวน 30 หัว เพื่อทดแทน 56 หัว ที่มีอายุการใช้งานมานานมาก โดยใช้งบประมาณที่จะใช้ซ่อมหัวรถจักรเก่าจำนวนดังกล่าวมาจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ ภายใต้วงเงินเดิมราว 3.3 พันล้านบาท จนถึงขณะนี้กระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ เป็นความล่าช้าของการจัดทำทีโออาร์จัดซื้อ ส่วนคุณสมบัติน่าจะชัดเจนแล้วโดยอ้างอิงจากกรณีจัดซื้อ 20 หัวรถจักรขนาด 20 ตัน/เพลาที่ผ่านไปก่อนหน้านี้ โดย 30 หัวที่จัดซื้อครั้งนี้จะนำไปลากขบวนรถโดยสารในเส้นทางต่างๆเช่นเดียวกับ 50 หัวรถจักรก็จะนำไปลากขบวนรถโดยสาร
"ยอมรับไม่สามารถทำได้เร็วอย่างที่คิดเพราะเป็นงานใหญ่ มีการใช้งบประมาณหลายพันหลายหมื่นล้านบาท หากทางคู่เสร็จแล้วมีหัวรถจักรใหม่ ต่อไป ร.ฟ.ท.ก็จะสามารถขับเคลื่อนด้านต่างๆได้มากขึ้น ขณะนี้เปลี่ยนไม้หมอนเป็นหมอนคอนกรีตทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีนี้คงจะเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนการก่อสร้างทางจะต้องใช้ระยะเวลา 3-4 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ดังนั้นจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้แล้วทำต่อเนื่องกันไป แล้วก็จะนำโบกี้ใหม่ หัวรถจักรใหม่ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
**เปิดให้เอกชนลงทุนจัดซื้อหัวรถจักร
ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำของเอกชน เช่น เอสซีจี ปตท. ได้จัดซื้อหัวรถจักรมาบรรทุกสินค้าของบริษัท แต่มีจำนวนไม่มาก โดยรายได้ที่จัดซื้อไปเอกชนสามารถนำมาคิดโดยหักจากค่าใช้จ่าย จากค่าระวางและค่าขนส่งที่จะตัดจากค่าลงทุนจัดซื้อโบกี้และหัวรถจักร สำหรับแนวทางนี้น่าจะสามารถจูงใจให้เอกชนรายอื่นๆสนใจเข้ามายื่นข้อเสนอด้านการลงทุนจัดซื้อหัวรถจักรและโบกี้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งพบว่าหลายรายอยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขต่อกันซึ่งจะเห็นผลได้ในปี 2558 นี้ โดยที่ผ่านมาการขนแร่โปแตชของจีน จากท่านาแล้งของสปป.ลาว ผ่านมายังแหลมฉบังก็ดำเนินการได้แล้ว เช่นเดียวกับการขนส่งปูนซีเมนต์ น้ำมัน ฯลฯ
ที่เห็นได้ชัดในขณะนี้คือการใช้ 20 หัวรถจักรขนส่งสินค้าจาก"ไอซีดี"ลาดกระบังไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และในเดือนพฤษภาคมนี้จะได้รับอีก 8 หัว มิถุนายนนี้จะรับอีก 10 หัวมาใช้งานเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดด้านการขนส่งทางรถไฟให้มากกว่า 3% ตั้งเป้าไว้กว่า 10% โดยได้ให้ร.ฟ.ท.ไปวางแผนบริหารจัดการใช้หัวรถจักร 20 หัวนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ต้องเสนอบอร์ดเพื่อจะได้ติดตามการปฏิบัติงานว่าเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
"ต่อไปโครงสร้างการบริหารจัดการจะต้องสะท้อนกับโครงสร้างทางธุรกิจ จะเอาตลาดเป็นแกนนำ หรือจะเอาระบบการเดินรถ ระบบช่างกล เป็นตัวนำ เพราะหากฝ่ายการพาณิชย์ไปเสนอแนวทางธุรกิจรุกการตลาดแล้วจะต้องให้ฝ่ายเดินรถ หรือฝ่ายช่างกลสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ขณะนี้ยังเชื่อว่าแนวทางการขนส่งสินค้าจะหันกลับมาใช้บริการขนส่งด้วยรถไฟมากขึ้น ร.ฟ.ท.จึงต้องเร่งสนองความต้องการโดยเร็ว"
**การประมูลสร้างทางคู่คลองสิบเก้า-แก่งคอย
ในการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เดิมที่ได้ประกาศมาตั้งแต่ปี 2557 ล่าสุดบอร์ดเห็นชอบให้ยกเลิกไปแล้ว ส่วนการประมูลรอบใหม่นั้นยังจะแบ่งเป็นสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง 3 แห่ง ราคากลางเดิม 10,183 ล้านบาท (ราคาใหม่อยู่ระหว่างการคิดราคา) และสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ ราคากลางเดิม 621 ล้านบาท(ราคาใหม่อยู่ระหว่างการคิดราคา)
"คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้จะดำเนินการประมูลรอบใหม่ได้เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่ให้พิจารณาราคากลางใหม่เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลง ดังนั้นราคาประมูลเดิมที่กำหนดไว้ที่จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาทก็น่าจะลดลงได้อีกไม่มากก็น้อย"

[Mongwin]

ขีดเส้น มิ.ย.สรุปโอนที่มักกะสันล้างหนี้รถไฟ เปิดทางเอกชนร่วมทุนเดินรถ-ซ่อมบำรุง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2558 18:31 น.

“ประจิน” เร่งแผนฟื้นฟูรถไฟ สรุปแผนโอนที่ดินมักกะสันให้คลังนำร่องเพื่อเคลียร์หนี้สินภายใน มิ.ย.นี้ พร้อมเปิดเอกชนร่วมทุนทั้งงานซ่อมบำรุง เดินรถสายสีแดง และแอร์พอร์ตลิงก์ ยันสรุปตั้งกรมการขนส่งทางรางใน พ.ค.นี้
...
...

สำหรับกรมการขนส่งทางราง จะรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน กำหนดนโยบายและกำกับดูแล ซึ่งจะประชุมสรุปในปลายเดือน พ.ค. และสรุปจัดตั้งได้ใน ก.ย.นี้ ส่วน ร.ฟ.ท.รับผิดชอบงานเดินรถและซ่อมบำรุง ซึ่งจะประชุมสรุปในปลายเดือน พ.ค. และสรุปจัดตั้งได้ใน ก.ย.นี้ โดยนโยบายนั้นต้องการให้ ร.ฟ.ท.ทำหน้าที่ในการเดินรถ ส่วนการซ่อมบำรุงเป็นไปได้ที่จะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นทั้งแบบการทำสัญญาซ่อมบำรุงโดยตรง หรือให้เอกชนมาร่วมในเรื่องการลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม รวมไปถึงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ด้วย พร้อมกันนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องพัฒนาบุคลากรที่มีในปัจจุบัน 14,000 คนเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อสนับสนุนการบริการในภาพรวมที่เกี่ยวกับรางขนาด 1 เมตรที่จะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น และรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรที่จะก่อสร้างเพิ่ม รวมถึงพัฒนาโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ และมหาวิทยาลัยที่มีการสอบด้านระบบขนส่งทางราง

[Wisarut]

"คมนาคม" เดินหน้าตั้ง "กรมการขนส่งทางราง"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
5 มิถุนายน 2558 เวลา 21:20:15 น.

คมนาคม เดินหน้าตั้งกรมการขนส่งทางราง
ข่าวเศรษฐกิจ
INN News
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2558 19:38น.

กระทรวงคมนาคม เดินหน้าตั้งกรมการขนส่งทางราง คาดปี 2559 เห็นความชัดเจน

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมเพื่อหาข้อยุติบทบาทและหน้าที่ของกรมการขนส่งทางราง รวมถึงปรับเปลี่ยนอัตรากำลังและงบประมาณให้มีความเหมาะสม ดังนั้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ต้องรับผิดชอบทุกโครงการที่ดำเนินการอยู่ในระหว่างปี 2558-2559 ทุกโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟทางคู่ การก่อสร้างรถไฟฟ้า ระบบการซ่อมบำรุงระบบการเดินรถ และการดูแลมาตรฐานการให้บริการ จนกว่าจะมีการตั้งกฎหมายรองรับกรมการขนส่งทางราง อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถทยอยส่งมอบงานของแต่ละหน่วยงานที่อยู่ในความรับผิดชอบให้กับกรมการขนส่งทางราง ได้ตั้งแต่กลางปี 2559 โดยเบื้องต้นได้มอบหมายสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. เป็นผู้เตรียมงานด้านการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง ซึ่งจะมีทีมงานในระยะแรกประมาณ 20 คน ในการจัดทำแผนครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี หรือประมาณกลางปี 2559 จะเริ่มรับพนักงานเพื่อมาวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางได้ ซึ่งพนักงานจะมาจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ส่วนแนวความคิดและร่างในการจัดตั้งกฎหมายและปรับปรุงกฎหมายชุดใหม่ น่าจะเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2558 นี้

[Wisarut]

คนร.ฟ.ท.กลัวสูญเสียงาน ตั้ง"กรมราง" ยังไม่คืบหน้า
เขียนโดยthaireform
สำนักข่าวอิศรา
วันศุกร์ ที่ 05 มิถุนายน 2558 เวลา 15:25 น.

ปัญหาจัดตั้งกรมรางยังไม่เคลียร์ รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยแจง คนร.ฟ.ท.กลัวสูญเสียงาน เผยผู้ว่าการพูดคุยกับรมต.คมนาคมแล้ว ส่วนข้อสรุปให้ไปถามผู้ว่าการร.ฟ.ท.เอง


หลังจากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีนโยบายที่จะจัดตั้งกรมรางขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลระบบรางให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดทั้ง เรื่องความปลอดภัย รวมถึงดูแลการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต ทั้งรถไฟฟ้ารถไฟทางคู่ และรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรที่จะมีการก่อสร้างอีกหลายเส้นทาง

กระแสพนักงานในการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ออกมาคัดค้านอย่างชัดเจนพร้อมทั้งมีการเดินสายให้ข้อมูลกับเหล่าพนักงานและเปิดเวทีแสดงความเห็นต่อการจัดตั้งกรมรางขึ้น

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ว่า การจะจัดตั้งกรมรางขึ้นมานั้นต้องสร้างเวทีเล็กๆให้เกิดการพูดคุยกันขึ้นมาก่อน ซึ่งขณะนี้เวทีลักษณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น หากพูดคุยกันในเวทีใหญ่จะมีทั้งกระแสและบรรยากาศที่อาจจะสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นเพราะหลายฝ่ายก็คนละความเห็น ณ ตอนนี้ก็เริ่มมีการพูดคุยกันบ้างกับหลายฝ่ายแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

“หากดูกระแสตอนนี้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมท่านก็ไม่ค่อยออกมาพูดเรื่องกรมรางแล้วนะ”

เมื่อถามว่าแสดงว่าแนวโน้มการพูดคุยของผู้ว่าการร.ฟ.ท.กับรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมีแนวโน้มว่ากรมรางอาจจะไม่เกิดขึ้น นายวรวุฒิ กล่าวว่า สุดท้ายจริงๆแล้วรัฐบาลก็ต้องจัดตั้งกรมรางขึ้นมา เพราะต้องมีคนดูแล แต่สิ่งสำคัญคือ ตั้งขึ้นมาแล้วปฏิบัติหน้าที่อย่างไร แบบไหน นี่คือสิ่งที่จะต้องเอามาพูดคุยกันและเดินหน้าทำความเข้าใจกับหลายภาคส่วน

"ที่สำคัญคือหัวเรือใหญ่อย่างผู้ว่าการร.ฟ.ท.ต้องเล่นบทบาท ซึ่งตอนนี้ก็มีการสัญญากับสหภาพร.ฟ.ท.ไปแล้วว่า ไม่ต้องมีความกังวลเรื่องการจัดตั้งกรมราง หากมีท่านผู้ว่าจะออกไปนำทัพเอง ซึ่งที่ผ่านมาผู้ว่าเองก็คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาตลอด ขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบข้อสรุปว่าเป็นอย่างไรความคืบหน้าจะต้องไปถามท่านเอง"

รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ปัญหาหลักๆคือคนในร.ฟ.ท.กลัวการสูญเสียงาน กลัวการย้ายไปอยู่ราชการ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจ และเป็นหน้าที่ของเบอร์ 1 ขององค์กรที่จะต้องชี้แจงความชัดเจนให้กับลูกน้อง

“ผมพูดไปก็ไม่มีใครฟัง ต้องให้เบอร์หนึ่งพูด ถ้าเบอร์หนึ่งไม่พูด พูดไม่เคลียร์ เบอร์สอง เบอร์สามก็พูดไม่ได้ ทุกอย่างในองค์กรจึงอยู่ที่การตัดสินใจของเบอร์1”

//--------------

“บิ๊กตู่”งัดแผนป้องพนง.ขนส่งฯหยุดงานหลังสหภาพรถไฟเดินสายค้านกรมราง
เขียนโดยisranews
เขียนวันที่ วันพฤหัสบดี ที่ 11 มิถุนายน 2558 เวลา 17:31 น.

“ประยุทธ์” เอาจริง! สั่ง “ประวิตร-หน่วยมั่นคง” เตรียมมาตรการป้องกัน หากพนักงานบริการขนส่งสาธารณะลุกฮือนัดหยุดงาน จัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแทน หลัง "สหภาพฯรถไฟ" เดินสายล็อบบี้ค้านตั้ง 'กรมราง'

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย จัดเตรียมมาตรการรองรับหากเกิดกรณีที่บริการขนส่งสาธารณะหยุดชะงักหรือไม่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดจากกรณีการนัดหยุดงานของผู้ทำหน้าที่ให้บริการเหล่านั้น โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานแทนเพื่อรองรับหากเกิดกรณีดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายจัดตั้งกรมรางนั้น ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่พนักงานในการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นอย่างมาก ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟฯ เดินสายพบกับสหภาพฯตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อคัดค้านการตั้งกรมรางแล้ว