ข่าวการประมูล จัดซื้อรถจักร รถพ่วงใหม่ของ รฟท. (เริ่มปี 2555)

[Wisarut]

นายกฯระบุภายในม.ค.58พร้อมพูดคุยรายละเอียดโครงการรถไฟกับจีน
โดย ณัฐญา เนตรหิน
Breaking News - ข่าวรายวัน - คอลัมน์ : ข่าวในประเทศ
ฐานเศรษฐกิจ
วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2014 เวลา 21:19 น.


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติในตอนหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์กล่วถึงความร่วมมือทวิภาคีในด้านการพัฒนาเส้นทางรถไฟที่ไทยและจีนได้ลงนามเอ็มโอยูที่ประเทศไทยไปแล้วนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีคณะกรรมการร่วมเร่งหารือในรายละเอียดของโครงการภายในต้นปีหน้า ซึ่งผมกำหนดไว้แล้วว่า ภายในเดือนมกราคม พร้อมที่จะพูดคุยกันเป็นต้นไป และเร่งศึกษาทำความเข้าใจหากฎกติกาการค้า การร่วมกันลงทุนอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ให้แล้วเสร็จได้โดยเร็ว เพื่อจะได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นของขวัญให้กับคนไทย ในประมาณปลายปี 2558 หรือเร็วกว่านั้น

ทั้งนี้ ได้ขอให้จีนสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความพร้อมของไทยที่จะเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ควบคุมระบบรถไฟในภูมิภาค รวมทั้งตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจการรถไฟ ในขณะเดียวกันก็จะมีความร่วมมือในอีกหลายๆ ด้าน ที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การศึกษาดูงานด้านกิจการอวกาศ และวิจัยในประเทศจีน การพัฒนาระบบจีพีเอสสำหรับเรือประมง และใช้ประโยชน์จากดาวเทียม และเทคโนโลยีสำรวจระยะไกล หรือระบบ Remote Sensing พร้อมทั้งเสนอให้มีการลงนามความร่วมมือด้านอวกาศระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่าย

สำหรับความร่วมมือด้านพลังงาน จีนยินดีกระชับความร่วมมือกับไทยในเรื่องพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังความร้อน โรงงานขยะ ขณะที่เราพร้อมเสนอการส่งออกเอทานอลแก่จีน สำหรับความร่วมมือด้านพลังงานนี้ จะหารือกันในการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านพลังงานไทย-จีน เพื่อขยายผลความสำเร็จต่อไป เรื่องความร่วมมือด้านเกษตร จีนยินดีที่จะเร่งรัดดำเนินการตามที่ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน อีกทั้งจีนจะเร่งรัดการจัดตั้งสถาบันวิจัยยางในไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ผมได้ขอให้การสนับสนุนในการจัดตั้งสถาบันตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์เรื่องยาง และเรื่องรถยนต์ด้วย ซึ่งท่านรับปากว่าจะพิจารณาต่อไป ซึ่งเป็นผลดีกับบ้านเรา เราจะได้มีสถาบันวิจัยต่างๆ ที่มีมาตรฐาน เมื่อผลิตแล้วมันต้องมีการรับรองมาตรฐาน และส่งออกได้ ไม่ใช่ผลิตออกมาแล้วไม่ต้องรับรองคุณภาพ ต้องส่งไปก็เสียค่าตรวจสอบอีกจากต่างประเทศ มันทำให้มูลค่าสินค้านั้นแพงมากขึ้น

[Wisarut]

รถจักร ที่สั่งจากจีนแดงเบอร์ 5101 - 5102 มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม 2558 แล้ว ตามข่าวต่อไปนี้ครับ

รฟท.เผยหัวรถจักรใหม่ถึงไทยแล้ว เตรียมแถลง 22 ม.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 มกราคม 2558 18:17 น.

การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยว่า หัวรถจักรที่รับมอบจากผู้ผลิตใหม่ จำนวน 2 คันแรก เดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหัวรถจักรทั้ง 2 คันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหัวรถจักรที่ รฟท.ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดหารถจักรใหม่จำนวน 20 คัน เพื่อใช้ลากจูงรถสินค้า โดยทั้ง 20 คัน มีน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และผลิตจากประเทศจีน
ทั้งนี้ หลังจากนำหัวรถจักรทำพิธีทางศุลกากร จะลากจูงไปยังสถานีศรีราชา และเข้าสู่กระบวนการทดสอบระบบ ก่อนจะแถลงข่าวในวันที่ 22 มกราคมนี้

//-----------------------

สิ้นสุดการรอคอย! หัวรถจักรใหม่ รฟท. 2 คัน ถึงไทยแล้ว
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
4 มกราคม. 2558 เวลา 15:58:59 น.

4 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (4 ม.ค.) ทีมประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้เผยแพร่ภาพหัวรถจักรที่รับมอบจากผู้ผลิตใหม่ จำนวน 2 คันแรก เดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง โดยหัวรถจักรทั้ง 2 คันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหัวรถจักรที่ รฟท.ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้จัดหารถจักรใหม่จำนวน 20 คัน เพื่อใช้ลากจูงรถสินค้า โดยทั้ง 20 คัน มีน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ผลิตจากประเทศจีนโดยบริษัท CSR (ประเทศที่สั่งรถจักรจาก CSR ได้แก่ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย แองโกลา สหรัฐอเมริกา เยอรมนี บราซิล ฯลฯ) และวันนี้ถือว่า หัวรถจักร U-20 จำนวน 2 คันแรก ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ เมื่อหัวรถจักรทั้ง 2 คัน ทำพิธีทางศุลกากรแล้วจะลากไปยังสถานีศรีราชา จากนั้นจะเป็นกระบวนการทดสอบระบบและ testing run ก่อนจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนวันที่ 22 มกราคม 2558 ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการใช้ในการเดินรถอย่างเป็นทางการ โดยเบื้องต้นจะใช้ลากรถคอนเทนเนอร์จาก ICD ลาดกระบัง – ท่าเรือแหลมบัง และเมื่อประจำการครบ 20 คัน จะใช้ในการลากสินค้าอื่น ๆ เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ แร่เหล็ก และผลิตภัณฑ์การเกษตร ในส่วนของการขนส่งสินค้าของ รฟท.ในอนาคต

//------------------------------------------

มาแล้ว 2 คัน! หัวรถจักรรถไฟ U-20 จากจีน โดย CSR
โดย ไทยรัฐออนไลน์
4 ม.ค. 2558 17:21

หัวรถจักรรถไฟ U-20 โดย CSR ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. จำนวน 2 คันแรก จากจีนเดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พร้อมทดสอบและลองวิ่ง ก่อนแถลงข่าวในวันที่ 22 ม.ค. นี้...

จากกรณี การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้จัดหารถจักรใหม่จำนวน 20 คัน เพื่อใช้ลากจูงรถสินค้า โดยทั้ง 20 คัน มีน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ผลิตจากประเทศจีน โดย CSR ซึ่งประเทศที่สั่งรถจักรจาก CSR ได้แก่ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย แองโกลา สหรัฐอเมริกา เยอรมนี บราซิล นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 58 เวลาประมาณ 15.00 น. ในเพจเฟซบุ๊ก 'ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย' ได้แพร่ภาพหัวรถจักรรถไฟ U-20 ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. จำนวน 2 คันแรก จากประเทศจีนเดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ รถจักรทั้ง 2 คัน เมื่อทำพิธีการทางศุลกากรแล้ว จะลากไปยังสถานีศรีราชา จากนั้นจะเป็นกระบวนการทดสอบระบบ และ test run ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 22 ม.ค. 58 นี้

อย่างไรก็ตาม หัวรถจักรรถไฟ U-20 ยังไม่มีการกำหนดใช้เดินรถอย่างเป็นทางการ แต่แผนเบื้องต้นนั้นจะใช้ลากรถคอนเทนเนอร์จาก ICD ลาดกระบัง-ท่าเรือแหลมบัง และเมื่อประจำการครบ 20 คัน จะใช้ในการลากสินค้าอื่นๆ เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ แร่เหล็ก และผลิตภัณฑ์การเกษตร.
//----------------------------------------------------
ภาพการขนรถจักร 2 หลังแรก ดูที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.999693313378873.1073741962.129946050353608&type=1

[Mongwin]

First batch of Chinese-made locomotives delivered to Thailand
The Cambodia Herald 05-Jan-15 02:20PM

BANGKOK (Xinhua) -- A couple of Chinese-made locomotives were delivered to Thailand on Sunday, confirmed officials of the State Railway of Thailand on Monday.

The two locomotives, shipped from southwest China to Laem Chabang port in Chonburi province, were the first consignment of a fleet of 20 locomotives, the rest of which will be gradually shipped to the Thai railway firm.

The locomotives, manufactured by China's CSR Corp, were designed for cargo trains with an axle load of 20 tons and a maximum speed of 120 kilometers per hour, according to the SRT officials.

The CSR locomotives were purchased to replace the General Electric locomotives which have hauled Thai cargo trains since 1995. No other locomotives had been bought since.

Compared to the relatively modern CSR locomotives, the old GE locomotives have an axle load of 14 tons and a maximum speed of 100 kilometers per hour.

The other 18 new locomotives are yet to be delivered from Sichuan province in China where they are being manufactured by CSR Corp, the officials said.

In another development, China recently agreed to build a medium- speed rail system for Thailand as part of a joint effort to promote land traffic throughout the Southeast Asian region.

The Chinese medium-speed rail project is designed to run from Yunnan province in southern China to northeastern Thailand via northern Laos.

The rail system will pass Nong Khai province in northeastern Thailand, from across the Lao capital of Vientiane, and Saraburi province in the central region of Thailand with destinations in Bangkok and Maptaput port in the eastern part of the country.

The medium-speed train will not only carry passengers but also cargoes to Thailand which is joining an ASEAN Economic Community, scheduled to open later this year.

Thailand has planned to become core of the AEC bloc in following years, regarding land-based logistics, rail systems and road traffic linking the Southeast Asian country with its neighbor states including Cambodia, Myanmar, Malaysia and Laos.

Besides the expanding rail systems, six-lane motorways will be built to connect Kanchanaburi province in western Thailand with Dawei special economic zone in southern Myanmar and to link eastern Thailand with northwest Cambodia, among others.

[Wisarut]

หัวรถจักร "จีน" ตีตลาดไทย กวาดเรียบเค้กประมูลหมื่นล้าน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
9 มกราคม 2558 เวลา 10:55:19 น.

ปล่อยให้ผู้ผลิตจากประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา ยึดหัวหาดธุรกิจระบบรถไฟในประเทศไทยมานับ 10 ปี ในที่สุดซัพพลายเออร์จากประเทศจีนสามารถเจาะตลาดไทยแลนด์ได้สำเร็จ

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน จากการปฏิวัติของ "คีรี กาญจนพาสน์" เจ้าพ่อบีทีเอส ลุกขึ้นมาเปลี่ยนยี่ห้อรถใหม่ พลิกแคแร็กเตอร์จากแบรนด์ยุโรป "ซีเมนส์" จากประเทศเยอรมนีมาเป็นรถจีน โดยสั่งผลิตจาก "บริษัท ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด" ในกลุ่มบริษัท CNR ซื้อลอตแรก 12 ขบวน มูลค่า 2,300 ล้านบาท จากนั้นทยอยซื้ออีกหลายขบวน แต่เป็นรุ่นใช้อะไหล่จากยุโรปมาประกอบที่โรงงานจีน

"เลือกรถจีนเพราะต้นทุนถูกกว่า 10-20% เนื่องจากค่าแรงที่จีนจะต่ำกว่ายุโรป ส่วนคุณภาพอยู่ที่เลือกมากกว่า มีหลายเกรด ส่วนใหญ่อะไหล่จะเกรดเดียวกับยุโรปแล้วประกอบที่โรงงานจีน เช่น ต้าเหลียน "คำอธิบายจาก" สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี

จากวันนั้นถึงวันนี้ ล่าสุด "จีน" ได้ขยับขยายตลาดรุกเข้าไปเจาะโครงการของ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" กำลังมีคิวจัดซื้อ "หัวรถจักร-รถโดยสาร-โบกี้บรรทุกสินค้า" ลอตใหญ่ คิดเป็นมูลค่าร่วม 14,022 ล้านบาท หลังว่างเว้นการซื้อหัวรถจักรและรถใหม่มานานร่วม 20-30 ปี

เจ้าแรกที่บุกเบิกตลาดสำเร็จ คือ ผู้ผลิตจีนตอนใต้ "บริษัท CSR Qishuya" ที่คว้างาน "จัดซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า" จำนวน 20 คัน พร้อมอะไหล่วงเงิน 2,020 ล้านบาท มี "บริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด" เป็นผู้แทนการขาย ขณะนี้หัวรถจักรลอตแรก 2 คันมาถึงไทยแล้วเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2558 อยู่ระหว่างทดสอบวิ่ง พร้อมเปิดตัววันที่ 22 มกราคมนี้ จากนั้นนำมาลากจูงรถขนส่งสินค้าสายอีสานและสายเหนือมายังท่าเรือแหลมฉบัง และนับเป็นครั้งแรก "ร.ฟ.ท." ซื้อหัวรถจักรจากจีน จากเดิมจะซื้อจากยุโรป "อเมริกา-เยอรมนี-ฝรั่งเศส"

ถัดมาเป็น "บริษัท ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด" ในกลุ่ม CNR เจ้าเดียวกับที่ผลิตรถไฟฟ้าให้บีทีเอสที่ซิวเค้ก "รถโดยสารรุ่นใหม่" จำนวน 115 คัน วงเงิน 4,668 ล้านบาท และเพิ่งจะเซ็นสัญญาไปหมาด ๆ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2557 โดยซื้อผ่านกลุ่มบริษัท เขาหลักแบมบู ออร์คิด จำกัด บริษัท ร่วมมิตรเหมืองแร่ จำกัดและบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชั่น จำกัด มีกำหนดส่งมอบ 2 ชุดแรก จำนวน 26 ตู้ (ชุดละ 13 ตู้) ในเดือนกันยายนนี้

ที่รอลุ้นมี "ซื้อโบกี้บรรทุกสินค้า" จำนวน 308 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงิน 770 ล้านบาท อยู่ระหว่างตรวจสอบร่างสัญญาซื้อขายของผู้ชนะที่เป็นกลุ่มจากประเทศจีนเช่นกัน มีบริษัท สยามโบกี้ จำกัด เป็นผู้แทนจากไทยเป็นผู้จัดหาให้ ร.ฟ.ท.

อีกโครงการ "จัดซื้อหัวรถจักรจีอี" จำนวน 50 คัน วงเงิน 6,562 ล้านบาท อยู่ระหว่างปรับปรุงร่างทีโออาร์ คาดว่าอีก 1-2 เดือนนี้จะเปิดประมูล และมีแนวโน้มสูงที่ผลิตจากจีนจะชนะประมูล อยู่ที่ว่าจะเป็นโรงงานไหนเท่านั้นเอง

แหล่งข่าวจากการรถไฟฯ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จีนสามารถชนะประมูลซื้อหัวรถจักรและล้อเลื่อนของการรถไฟฯได้หลายโครงการ เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าประเทศยุโรปอย่างน้อย 30-50% เช่น หัวรถจักรราคาเฉลี่ยอยู่ที่คันละ 100-110 ล้านบาท อีกทั้งปัจจุบันจีนมีการพัฒนาเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น หลังได้รับการถ่ายทอดจากประเทศยุโรปพร้อมกับได้รับไลเซนส์การผลิต

"ไม่ว่าจะกำหนดสเป็กแบบไหน โรงงานจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่จากการผลิตจำนวนมาก ก็สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์สำคัญมาประกอบได้ตามข้อกำหนดในทีโออาร์ และหัวรถจักรวิ่งบนราง 1 เมตรที่ไทยสั่งซื้อ ทางยุโรปไม่มีใครผลิตแล้ว ส่วนใหญ่หันไปพัฒนารางมาตรฐาน 1.435 เมตร ที่สำคัญสู้ต้นทุนของจีนไม่ไหวด้วย"

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ทัพสินค้าจากจีนจะตีตลาดไทยสำเร็จแค่ไหน จะเข้าทำนอง "ของถูกไม่มีดี ของดีไม่มีถูก" อย่างที่เขาว่าเปรียบเปรยกันไว้หรือไม่ คงได้รู้กันในเร็ววันนี้

[Mongwin]

Thairath TV : รับมอบหัวรถจักรรถไฟ 2 คันแรก 23/1/2558

[Tohoku_Line]

แล้วที่เคยมีข้อมูลว่าจะมีโครงการจัดซื้อรถดีเซลรางใหม่อีก 100 กว่าคันจะได้ฤกษ์เริ่มเมื่อไหร่ครับ

[Wisarut]

[Mongwin]

หัวรถจักรใหม่ "การรถไฟฯ" ดึงเทคโนโลยี "จีน" ยกระดับโลจิสติกส์ไทย
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 03 ก.พ. 2558 เวลา 13:30:18 น.

หลังข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ในที่สุด "รถจักรดีเซลไฟฟ้า 2 คัน"ที่สั่งผลิตจากประเทศจีนลอตแรก ได้ฤกษ์นำมาใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 หลังผ่านการทดสอบระบบโดยทีมวิศวกรการรถไฟฯและวิศวกรจากจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบครบ 20 คันในปีนี้ คิวถัดไปเดือนเมษายนจะมาอีก 8 คัน และ 10 คันเดือนพฤษภาคมนี้

รถจักรจำนวน 20 คัน พร้อมอะไหล่ ถือเป็นก้าวแรก "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" ที่สั่งซื้อในรอบ 20 ปี นับจากปี 2538 ซื้อรุ่นล่าสุด "รถจักร GEA" ผลิตในสหรัฐอเมริกา จำนวน 38 คัน และเป็นครั้งแรกที่สั่งซื้อจากผู้ผลิตจีน "บริษัท CHR Qishuyan จำกัด"

กว่าจะมีวันนี้ "ร.ฟ.ท." ใช้เวลาดำเนินการร่วม 7 ปี นับจาก "ครม.-คณะรัฐมนตรี" ปี 2551 มีมติอนุมัติให้จัดหาวงเงิน 3,300 ล้านบาท โดยเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายเงินกู้เอง และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน

ถัดมาปี 2554 คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.ให้จัดหาด้วยวิธีประกวดราคาสากลและเทียบเชิญผู้ผลิตรถจักร 9 ประเทศเข้าร่วมเสนอราคา ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้

สุดท้ายผู้ผลิตจีนผนึก "บริษัท ป่าไม้สันติ จำกัด" ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "บริษัท ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด" เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ด้วยวงเงิน 2,020 ล้านบาท และลงนามสัญญาไปเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2556 ส่งมอบมกราคมที่ผ่านมา

สำหรับคุณสมบัติของรถจักรโฉมใหม่ เป็นดีเซลไฟฟ้ารุ่น 5101 และ 5102 ขนาดน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตันต่อเพลา วิ่งในราง 1 เมตร ขนาด 100 ปอนด์ ความเร็วสูงสุดสำหรับลากจูงสินค้าอยู่ที่ 100 กม./ชม. สำหรับรถโดยสารอยู่ที่ 120 กม./ชม.

เมื่อมาประจำการครบ 20 คัน "ร.ฟ.ท." มีแผนใช้งานนำมาลากจูงรถสินค้าเส้นทาง "ไอซีดีลาดกระบัง-แหลมฉบัง" รองรับรถไฟทางคู่ช่วง "ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง" ที่สร้างเสร็จไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน

โดย 7 คันแรกรองรับรถคอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศจากไอซีดีลาดกระบัง-แหลมฉบัง มีปริมาณขนส่งสินค้า 14.7 ล้านตัน/ปี อีก 13 คันสำหรับรถสินค้าคอนเทนเนอร์ทั่วไปในประเทศ กลุ่มสินค้าเกษตร พลังงาน และปูนซีเมนต์ จะทำให้ขนส่งได้ปริมาณที่มากและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม จะวิ่งในเส้นทาง "ภาคเหนือ" จากศิลาอาสน์-แหลมฉบัง สำหรับขนส่งข้าวสาร "ภาคอีสาน" จากท่าพระ-แหลมฉบัง, ชุมทางถนนจิระ-แหลมฉบัง, กุดจิก-แหลมฉบัง เพื่อขนส่งน้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง และข้าวสาร และ "ภาคใต้" จากชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์-ไอซีดีลาดกระบัง ที่ขนส่งยางพาราและเฟอร์นิเจอร์

"พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เป้าหมายซื้อรถจักรใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งไอซีดีลาดกระบัง และรองรับปริมาณสินค้าที่จะขนส่งจากย่านกองเก็บตู้สินค้า (Container Yard หรือ CY) ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่ใช้เป็นศูนย์กระจายการขนส่งในภูมิภาคสนับสนุนส่งออกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และขยายตลาดในการขนส่งสินค้าทางรถไฟ

อีกทั้งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ เมื่อรถไฟขนส่งได้มากขึ้น ทำให้คนหันมาใช้บริการมากขึ้น จะเปลี่ยนโหมดการขนส่งจาก "ถนน" มาสู่ "ทางราง" ได้ ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการลดลง ช่วยให้มีราคาสินค้าที่แข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในตลาดโลกได้

"ซื้อรถจักรใหม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งไทยปี"58-65 ที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบลงทุนสร้างรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร เร่งด่วน 6 เส้นทางให้เสร็จปี"61 รองรับกับการให้บริการรถจักรใหม่ ผู้ประกอบการก็มั่นใจต่อประสิทธิภาพการเดินรถไฟที่จะมีความรวดเร็วและลากจูงสินค้าได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี พัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพ มีต้นทุนเหมาะสมและได้มาตรฐานสากล"

ด้าน "ประเสริฐ อัตตะนันทน์" รองผู้ว่าการด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 และรักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า รถจักร20 คันจะรองรับการลากจูงได้ถึง 40 แคร่ มากกว่าปัจจุบันอยู่ที่ 30 แคร่ ทำให้รถไฟไทยมีขีดความสามารถด้านกำลังหัวรถจักรเทียบเท่ากับมาเลเซีย และเป็น 2 ประเทศผู้นำในอาเซียน ซึ่งรถจักรใหม่จะเพิ่มการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารจากเดิมได้ 3-4 เท่า สร้างรายได้เพิ่มให้ ร.ฟ.ท.อีก 30% จากปัจจุบันมีรายได้การขนส่งสินค้าปีละ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ "ร.ฟ.ท." มีแผนจะจัดหารถจักรใหม่อีก 80 คัน ปัจจุบันกำลังจะทยอยจัดหารถจักรจำนวน 50 คัน และอีก 30 คัน ให้ครบ 100 คัน ใน 3 ปีนี้ โดยทุกอย่างเดินไปตามแผนฟื้นฟูกิจการของ ร.ฟ.ท. มีเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร เพื่อปลดแอกหนี้ที่มีอยู่ 1.1 แสนล้านบาท

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.คาดรับมอบหัวจักรดีเซลรถไฟครบสิ้นปีหน้า


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
17 มีนาคม 2558 12:49 น.

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า การรับมอบหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าจำนวน 20 หัว ซึ่งได้รับมอบไปแล้ว 2 หัว เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังเหลืออีก 18 หัวจะรับมอบได้แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนการจัดซื้อโบกี้รถไฟอีก 115 คัน จะเริ่มส่งมอบในเดือนเมษายนปีหน้า คาดว่าจะส่งมอบครบทั้งหมดสิ้นปี 2559
สำหรับกรณีคณะรัฐมนตรี เตรียมพิจารณามาตรการลดค่าครองชีพประชาชนด้านการเดินทางด้วยรถไฟฟรี รายละเอียดทั้งหมดได้เสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาหลักเกณฑ์ในเบื้องต้นแล้ว โดยรูปแบบการใช้บริการอาจเป็นลักษณะบัตรเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้การใช้บริการตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ในวันนี้ (17 มี.ค.) ร.ฟ.ท.ยังได้ทำการปรุงภูมิทัศน์สภาพแวดล้อม 2 ข้างทางรถไฟ ตั้งแต่สถานีกรุงเทพฯ ถึงสถานีสามเสน และปรับปรุงในระยะ 500 ในพื้นที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ ซึ่งจะทยอยทำไปจนครบ เพื่อเตรียมฉลองสถานีรถไฟกรุงเทพฯ ครบรอบ 100 ปี ในปี 2559 ส่วนการปรับปรุงห้องน้ำใหม่ จะเริ่มเห็นความชัดเจนในเดือนเมษายนนี้ และเสร็จสมบูรณ์ในปีหน้า รวมทั้งปรับปรุงสถานีรถไฟทั่วประเทศ 444 สถานี
สำหรับการลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อสำรวจเส้นทาง และการทำงานของ ร.ฟ.ท.พบว่า สิ่งที่ต้องปรับคือภาพลักษณ์องค์กร ดังนั้นสิ่งแรกที่จะทำคือ เปลี่ยนเครื่องแบบการทำงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมคุมเข้มการตรวจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการขายบนขบวนรถไฟและสถานีให้มากขึ้น เพราะยังมีการร้องเรียนเข้ามามาก

[unique]