View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 3291
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง
|
Posted: 24/05/2014 10:30 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: |
พัฒนชัยชนะ ต่ายสอาด เล่าเพิ่มเติมอีกว่า
พัฒนชัยชนะ ต่ายสอาด wrote: | วันนี้เป็นวันครบรอบ 25 ปี วันที่ 23 พฤษภาคม 2532 ได้เกิดเหตุการณ์ รถไฟขบวนรถเร็วที่ 38 เชียงใหม่ - กรุงเทพ ( ปัจจุบันคือรถด่วนที่ 52 ) ตกรางช่วง กม. ที่ 585 - 586 ระหว่าง สถานี ปางป๋วย อ. เเม่เมาะ จ. ลำปาง กับสถานีผาคัน อ.ลอง จ.เเพร่ สาเหตุเกิดจาก หัวรถจักร ได้เเหกโค้ง เเละตกเหว ไปพุ่งชนกับ หน้าผาอย่างรุนเเรง มีผู้ บาดเจ็บเเละเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รถจักร รุ่นอัลตอม หมายเลข 4104 (อย่าเอาไปเล่นหวยนะ) |
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1427432617518057&set=a.1374739956120657.1073741825.100007539961145&type=1&theater |
ข้อมูลที่ลงใน facebook ผิดพลาดในส่วนของหมายเลขรถจักรครับ
อุบัติเหตุของขบวน 38 เมื่อปี 2532 เป็นรถจักรหมายเลข 4412
ส่วนรถจักรหมายเลข 4104 เป็นกรณีอุบัติเหตุของขบวน 38 ตกรางในตอน ผาคัน-บ้านปิน เมื่อปี 2541 ครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 24/05/2014 7:20 pm Post subject: |
|
|
^^^
จำได้แล้ว สงสัยอยู่แล้วเชีวว่าทำไมแถวปางป่วยถึงได้มีการปักไม้กางเขน เพราะ อุบัติเหตุคราวนั้นฝรั่งตายหลายคน |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44335
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44335
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 18/09/2017 11:46 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | 1 กุมภาพันธ์ 2490 เวลาประมาณ 1100 รถยนต์รางตรวจทางของ รมต. คค. (หม่อมหลวง กรี เดชาติวงศ์) และ คณะ คว่ำ ตกรางที่แก่งคอยท่า กม. 261 สายกาญจนบุรี เพราะ สะพานไม้ข้ามห้วยแก่งคอยท่า ถูกไฟป่าไหม้ตับสะพานไม้หมดเหลือแต่รางแขวนกลางอากาศ คนขับรถยนต์ราง (นายชิต เชิดวุฒิ - ผู้ช่วยนายช่างก่อสร้างทางเขตกาญจนบุรี ) ต้องห้ามล้อกระทันหันทำให้ตกราง หม่อมหลวง กรี เดชาดิวงศ์ ถึงแก่อนิจกรรม และ นาย จรุง จิรานนท์ บุรุษพยาบาลถึงแก่กรรม ณ ที่เกิดเหตุ
ส่วนอธิบดีกรมรถไฟ (นาย ปุ่น ศกุนตนาค) และ นายช่างก่อสร้างทางเขตกาญจนบุรี
(นายเชถ รื่นใจชล) บาดเจ็บสาหัส
อธิบดีกรมทางหลวง (หลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์) ซีโครงหัก 3 ซี่
นายช่างบำรุงทางรถไฟเขตหัวหิน (นายสำราญ สาครินทร์) บาดเจ็บ
ลูกน้องคนที่หม่อมหลวง กรี เดชาติวงศ์ เคยไล่ออกจากราชการได้ลงมือต่อโลงไว้ศพ รมต. คค.
ต้องในป่าอยู่ 1 คืน ขอข้าวจากกระเหรี่ยงกันอดตาย กว่าจะเอา รถยนต์รางจาก แก่งคอยท่า ไปค้างคืนที่ปรังกาสี และ จากปรังกาสี ไปค้างคืนเมืองกาญจนบุรี กว่าจะถึงสถานีธนบุรี ได้ก็ 4 กุมภาพันธ์ 2490 เวลา 1000 |
รมต.คนดี หวังรื้อฟื้นทางรถไฟสายมรณะขึ้นใช้ประโยชน์! นำคณะไปสำรวจ ตกเหวทั้งขบวน!!
เผยแพร่: 18 กันยายน 2560 10:24:00
รัฐมนตรีประเภทหาทำพันธุ์ยากท่านหนึ่ง ชื่นชมฝีมือสร้างทางรถไฟของญี่ปุ่น เคยไปดูงานสายยุทธศาสตร์แมนจูกัวที่ญี่ปุ่นสร้างไปตีจีน จึงนำคณะไปสำรวจทางรถไฟสายมรณะที่ที่ถูกทิ้งร้าง หวังจะรื้อฟื้นมาใช้ประโยชน์ แต่ถูกไฟป่าไหม้ไม้หมอนบนสะพาน ทำให้รถไฟตกเหวไปทั้งขบวน ต้องส่งคนเดินเท้าออกมาขอความช่วยเหลือ ๓ วันจึงนำศพออกมาได้ ทิ้งลูกเมียให้อยู่อย่างยากแค้น รัฐบาลทนดูไม่ได้ต้องรับภาระส่งเสียลูกเล็กๆถึง ๓ คน ทั้งๆที่ว่าการมาแต่ละกระทรวงน่าจะรวยจนโจรขนเงินไม่หมดทั้งนั้น
รัฐมนตรีที่ยกมือไหว้ได้อย่างไม่ต้องกระดากใจท่านนี้ มีชื่อว่า หม่อมหลวงกรี เดชาติวงศ์
ชีวิตของหม่อมหลวงกรีเป็นชีวิตอาภัพ พ่อแม่ถึงแก่อนิจกรรมตั้งแต่ยังเล็ก หม่อมหลวงสมบุญ ผู้เป็นพี่สาวเลี้ยงดูจนจบมัธยมปีที่ ๘ จึงสอบชิงทุนของกรมรถไฟหลวงไปเรียนต่อวิศวกรรมที่อังกฤษ เมื่อกลับมาก็เข้ารับราชการในกรมรถไฟตามสัญญา ความขยันขันแข็งต่อหน้าที่และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่กล่าวกันว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระบิดาแห่งการรถไฟ ทรงคาดหมายไว้ว่า จะให้เป็นผู้รับมอบภาระในด้านการคมนาคมของประเทศต่อไป
ใน พ.ศ. ๒๔๗๔ หม่อมหลวงกรีเข้าพิธีสมรสกับ เจ้าหวลกลิ่น ธิดา เจ้าหอมนวล ราชธิดา เจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย ในปีเดียวกันนั้นก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงเดชาติวงศ์วราวัฒน์
ตอนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ มีชื่อของ รองอำมาตย์เอกหลวงเดชาติวงศ์วราวัฒน์ อยู่ในรายชื่อสมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือนด้วย และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนราษฎรชุดแรก แต่เมื่อพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรกประกาศยุบสภา งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อกำจัดคณะราษฎร ม.ล.กรีจึงถูกย้ายจากตำแหน่งนายช่างกำกับโรงงานมักกะสัน ไปเป็นนายช่างผู้ควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟจากจังหวัดขอนแก่นถึงอำเภอกุมภวาปี
ในปี ๒๔๗๘ ม.ล.กรีได้รับตำแหน่งนายช่างชั้น ๑ กองช่างนคราทร จึงได้เข้าปรับปรุงสวนลุมพินี ที่ถูกทิ้งร้างมา ๑๐ ปี เป็นที่เกิดฆาตกรรมขึ้นบ่อยๆ ให้กลับเป็นสวนสาธารณะที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน จัดตั้งสวนเพาะชำเพื่อขยายต้นไม้ใช้ตกแต่งในกรุงเทพฯ และติดต่อ นายโอวบุ้นโฮ้ว เศรษฐีใหญ่ของสิงคโปร์ ให้ช่วยสร้างสนามกีฬาสำหรับเด็กขึ้นในสวนลุมพินีด้วย
ในเดือนเมษายน ๒๔๘๓ ม.ล.กรีได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนกระทรวงคมนาคมไปประชุมวิศวกรรมที่กรุงโตเกียว และให้เดินทางดูงานด้านคมนาคมในประเทศญี่ปุ่นกับประเทศใกล้เคียง จึงได้ไปดูการสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์สายแมนจูกัว ของกองพันทหารรถไฟญี่ปุ่น ซึ่งใช้ขนทหารไปบุกจีน ขากลับยังได้ดูงานการสร้างทางรถไฟในอินโดจีน และกลับกรุงเทพฯทางรถไฟด้านอรัญประเทศ
หลังกลับจากประเทศญี่ปุ่น ม.ล.กรีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นนายช่างใหญ่กรมทาง ข้าราชการพลเรือนชั้นพิเศษ ต่อมาได้เกิดกรณีพิพาทไทยกับฝรั่งเศสในอินโดจีน ม.ล.กรีต้องบุกป่าไปสำรวจเส้นทางยุทธศาสตร์จากจังหวัดน่านไปล้านช้าง
ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งรัฐบาลไทยคาดอยู่แล้ว จึงส่ง ม.ล.กรีไปทำงานใต้ดิน สร้างเครื่องกีดขวางญี่ปุ่นที่อาจยกกำลังทางรถไฟมาจากอินโดจีน และเมื่อญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกทางอ่าวไทยแล้ว พระยาพหลพลพยุหเสนาคิดจะหนีขึ้นเหนือไปตั้งรัฐไทยอิสระ แต่เมื่อส่ง ม.ล.กรีขึ้นไปก่อน ก็พบว่าญี่ปุ่นยึดทุกแห่งไปหมดแล้ว เลยต้องเลิกล้มความตั้งใจ แม้กระนั้น ม.ล.กรีก็ยังคงส่งข่าวให้ฝ่ายสัมพันธมิตรทราบการเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นทางด้านนั้น
ในระหว่างสงครามนี้ ม.ล.กรีได้รับมอบหมายให้สร้างทางสายตาก-แม่สอด และยังสำรวจที่จะสร้างทางสายแม่สาย-เชียงตุงด้วย ซึ่งล้วนแต่เป็นทางสายยุทธศาสตร์ จึงได้รับพระราชทานยศนายพันตรี เป็นนายทหารพิเศษประจำกองทัพบก
ต่อมาในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๔๘๖ ก็ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีสั่งราชการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคมปีเดียวกัน ก็ได้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมควบอีกตำแหน่งหนึ่ง และในวันที่ ๘ กันยายนปีนั้นก็ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
หน้าที่ทางราชการของ ม.ล.กรี เดชาติวงศ์ ได้ก้าวไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่เป็นรัฐมนตรีอยู่นี้ยังได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดตั้งและเป็นผู้จัดการบริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมภาคเอกชนให้ผลิตสินค้าจำเป็นที่ขาดแคลนยามสงคราม ม.ล.กรีเห็นว่าบริษัทนี้มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชนยามสงครามมาก จึงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีมารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท เพื่อทุ่มเทการทำงานได้เต็มที่
ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๘๙ ม.ล.กรีก็ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจอมพล ป. แสดงว่า ม.ล.กรีเข้าได้กับทุกฝ่าย
ต่อมารัฐบาลนายปรีดีลาออก พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ม.ล.กรีก็ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิต
เมื่อครั้งที่เดินทางไปดูกิจการทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่นที่แมนจูกัว ม.ล.กรีชื่นชมฝีมือในการสร้างทางรถไฟของญี่ปุ่นมาก เมื่อเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคมใน จึงคิดที่จะปรับปรุงกิจการรถไฟครั้งใหญ่ รวมทั้งทางรถไฟสายไทย-พม่าที่เรียกกันว่า ทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งญี่ปุ่นใช้แรงงานเชลยศึกสร้างไว้ และรัฐบาลไทยรับซื้อไว้ในราคา ๕๐ ล้านบาทเมื่อสงครามยุติ เพื่อมิให้ชาติสัมพันธมิตรเข้ามายึดครองเพราะถือว่าเป็นของญี่ปุ่น ม.ล.กรีเห็นว่าเส้นทางนี้ถูกทอดทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ จึงคิดจะเอามาใช้ขนสินค้าจากอินเดียและพม่า เพราะขณะนั้นมีปัญหาที่สินค้าจาก ๒ ประเทศนี้ต้องใช้เรืออ้อมไปสิงคโปร์ และบางครั้งก็ตกค้างอยู่ที่สิงคโปร์เป็นเวลานานเพราะไม่มีเรือขน ม.ล.กรีจึงได้ไปสำรวจทางรถไฟสายมรณะด้วยตัวเอง
คณะของรัฐมนตรีคมนาคมประกอบด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรมรถไฟและกรมทางรวม ๒๖ คน ออกเดินทางโดยขบวนรถพิเศษที่เรียกว่ารถยนต์ราง จากสถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ในเช้าของวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๐ เมื่อมาถึงหลัก กม.ที่ ๒๖๒ ระหว่างสถานีปรังกาสีกับนิเถะ ซึ่งมีหญ้าขึ้นปกคลุมรางและเป็นทางโค้ง พอสุดทางโค้งก็เป็นทางลาดลงสู่สะพานข้ามลำห้วยคอยทา พนักงานรักษารถเห็นไม้หมอนบนสะพานกำลังไหม้ไฟจึงร้องบอกพนักงานขับรถ ซึ่งก็ได้พยายามเบรกจนล้อตาย แต่เป็นทางลาดลง รถจึงลื่นไหลลงไปอย่างช้าๆ หลายคนเห็นท่าไม่ดีรีบกระโดดลงจากรถ เมื่อรถไหลลงไปถึงสะพาน ไม้หมอนรถไฟซึ่งไหม้ไฟเกรียมอยู่ได้หักลง เป็นผลให้รางทรุด ขบวนรถตรวจราชการของรัฐมนตรีจึงตกลงไปในเหวลึก ๘ เมตรทั้งขบวน มีคนติดอยู่ในรถ ๑๙ คน บุรุษพยาบาลของการรถไฟถูกรถทับอยู่ ๑๐ นาทีก็สิ้นใจ ม.ล.กรี และนายปุ่น สกุนตนาค อธิบดีกรมรถไฟ และอธิบดีกรมทาง รวมทั้งพนักงานขับรถไฟบาดเจ็บสาหัส
คนที่บาดเจ็บน้อยที่สุดได้เดินเท้ามาที่สถานีปรังกาสี โทรเลขขอรถพยาบาลจากกรมรถไฟให้รีบไปช่วย จากนั้นก็ลำเลียงคนเจ็บมาที่สถานีปรังกาสี ม.ล.กรีทนพิษบาดแผลอยู่ได้เพียง ๑ ชั่วโมงก็เสียชีวิต และกว่าจะนำศพกลับมาถึงสถานีธนบุรีได้ก็เป็นเวลา ๑๐ น.ของวันที่ ๔ กุมภาพันธ์แล้ว โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนักการเมืองรวมทั้งนายกรัฐมนตรีไปรอรับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับศพไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งไว้ ณ วัดเบญจมบพิตร
แม้ ม.ล.กรีจะเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสำคัญๆ และมีตำแหน่งราชการที่สามารถหาผลประโยชน์ให้ตัวเองได้อย่างมหาศาล แต่ปรากฏว่าในวันตายไม่ได้ทิ้งสมบัติไว้ให้ลูกเมียเลย รัฐบาลต้องยื่นมือเข้ารับภาระส่งเสียลูกเล็กๆถึง ๔ คน ตอบแทนคุณงามความดีของคนที่ทุ่มเททำงานให้ชาติโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยเลยตลอดชีวิต
อนุสรณ์สถานที่ระลึกถึง ม.ล.กรี เดชาติวงศ์ ขณะนี้ก็คือ สะพานเดชาติวงศ์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งแม้จะมีการสร้างสะพานใหม่ขึ้นเป็นคู่ขนาน แต่ผลงานของหม่อมหลวงกรีชิ้นนี้ก็ถูกอนุรักษ์ไว้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42630
Location: NECTEC
|
Posted: 05/10/2017 11:03 am Post subject: |
|
|
วันที่ 5 ตุลาคม เมื่อ พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - เหตุการณ์รถไฟตกรางที่หัวหิน พ.ศ. 2552 : เวลา 04.20 น. รถด่วนขบวนที่ 84 จากตรัง-กรุงเทพ ตกรางที่เขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 88 ราย "
https://www.facebook.com/191phetchaburi/posts/1812479799022618 |
|
Back to top |
|
|
|