Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180204
ทั้งหมด:13491438
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 102, 103, 104 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 12/07/2019 10:12 am    Post subject: Reply with quote

ปลัดคมนาคมเดินหน้าระบบราง! ชงโปรเจกต์ค้างท่อให้รมต.ใหม่ มั่นใจงานต่อเนื่องไม่สะดุด
ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2562 เวลา 05:50 น.



นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างรวบรวมโครงการที่ยังรอการอนุมัติ เพื่อสรุปภาพรวมให้กับ รมว.คมนาคมและรัฐบาลชุดใหม่ทราบ โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับระบบราง เพราะทราบว่ารัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลมีนโยบายที่สอดคล้องกัน คือต้องการลดต้นทุนโลจิสติกส์ ดังนั้น แนวทางลดต้นทุนโลจิสติกส์ หลักๆ ต้องเร่งรัดระบบราง เพราะเป็นระบบขนส่งที่ขนถ่ายผู้โดยสารและสินค้าได้มาก อีกทั้งมีต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโลจิสติกส์ชนิดอื่น

“ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอกับว่าที่ รมว.คมนาคม แต่เชื่อว่าการทำงานของรัฐบาลชุดนี้จะไม่มีปัญหา เพราะมีนโยบายที่สอดคล้องกัน อีกทั้งงานของกระทรวงคมนาคม เป็นงานที่ถูกบรรจุเป็นนโยบายชาติ และเป็นโครงการที่อยู่ในแผนแม่บทหมดแล้ว”

สำหรับโครงการสำคัญที่เตรียมเสนอ รมว.คมนาคมคนใหม่คือ การผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วง
ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ รวมการเดินรถทั้งระบบและโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วงส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-จีน และไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะต้องมีการสานต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้เข้าร่วมประชุมในฐานะประธานคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เมื่อเวลา 09.00 น. โดยได้อนุมัติหลักเกณฑ์ข้อบังคับว่าด้วยการอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือน โดยนายอาคมได้เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุม กบร.ระบุว่า ตนจะยังทำงานในฐานะ รมว.คมนาคม เพราะถือว่าทุกวันยังเป็นวันทำงาน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม ว่า จะทำงานจนถึงสัปดาห์หน้าใช่หรือไม่ นายอาคมยิ้มตอบกลับพร้อมพยักหน้า ทั้งนี้ ผู้ใกล้ชิดนายอาคมได้ให้สัมภาษณ์ว่า นายอาคมมีกำหนด ทำงานในตำแหน่ง รมว.คมนาคมวันสุดท้ายคือช่วงสัปดาห์หน้า หรือหลังจาก ครม.ชุดใหม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ และในช่วงเย็นวันเดียวกัน ข้าราชการหน่วยงานสังกัดคมนาคมได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณ รมว.คมนาคม และ รมช.คมนาคม.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 16/07/2019 6:37 pm    Post subject: Reply with quote

คลังออกกฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าจ้างออกแบบ-คุมงานก่อสร้าง ทุกประเภท รวมถึงรถไฟความเร็วสูง
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2562 เวลา 17:44 น.

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง พ.ศ.2562 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเ ป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างพ.ศ. 2560 ข้อ 3 อัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างให้นำหลักเกณฑ์ราคากลางการจ้างที่ปรึกษาซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบมาใช้บังคับโดยอนุโลมและคำนวณย้อนกลับเป็นร้อยละ ของวงเงินงบประมาณค่าก่อสร้าง แต่สำหรับประเภทงานดังต่อไปนี้ ต้องไม่เกินอัตราร้อยละของวงเงินงบประมาณค่าก่อสร้างตามที่กำหนดในบัญชีท้ายกฎกระทรวง(1)


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบัญชีท้ายกฎกระทรวงที่กำหนดไว้ เช่น งานสถาปัตยกรรมออก การออกแบบ ขนาดของโครงการไม่เกิน 50ล้านบาท อัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบ ไม่เกินร้อยละ 4.5 หากโครงการไม่ซับซ้อน ร้อยละ 6.5 (ซับซ้อน) ร้อยละ 8.5(ซับซ้อนมาก) ขนาดโครงการตั้งแต่ 2,500 ล้านบาท ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 5,000 ล้านบาท ร้อยละ2.5 (ไม่ซับซ้อน) ร้อยละ 3(ซับซ้อน) และร้อยละ 4 (ซับซ้อนมาก) ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้น ร้อยละ 1.5 (ไม่ซับซ้อน) ร้อยละ 2.5(ซับซ้อน) และร้อยละ 3 (ซับซ้อนมาก )

สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๙๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญัติให้อัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้างมีความยืดหยุ่นและครอบคลุมงานก่อสร้างประเภทต่างๆ มากยิ่งขึ้น สมควรปรับปรุงอัตราค่าจ้างผู้ให้บริการงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 16/07/2019 9:30 pm    Post subject: Reply with quote

‘อธิรัฐ’ ลุยสานต่อนโยบายคมนาคม ลั่น! ‘ไม่กดดันอายุน้อยสุดใน ครม. พร้อมขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์’
ข่าวคมนาคม
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2562
“อธิรัฐ” รมช.คมนาคม ฉายา รมต.อายุน้อยที่สุดใน ครม. “ประยุทธ์ 2” ลุยสานต่อโครงการคมนาคม คาดแบ่งงาน 18 ก.ค.นี้ ยืนยันไม่กดดัน พร้อมอ้อนขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังเดินทางมาทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฎิญาณตนในการทำหน้าที่ และประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ชุดใหม่ (16 ก.ค. 2562) ว่า ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ จะเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงคมนาคม ก่อนที่จะมีการประชุมร่วมกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีผู้บริหารกระทรวงคมนาคม หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดฯ เข้าร่วม ทั้งนี้ ในส่วนของการแบ่งงานกำกับดูแลหน่วยงานต่างๆ นั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนในวันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะสานต่อโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และพร้อมที่จะขับเคลื่อนเป็นโยบายหลัก เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟทางคู่ โครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) เป็นต้น

“ผมไม่รู้สึกกดดันและไม่ตื่นเต้น แม้จะอายุน้อยที่สุดของคณะรัฐมนตรี ผมขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และพร้อมผลักดันในทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ” นายอธิรัฐ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ได้นำเสนอนโยบายด้านคมนาคม โดยจะต่อยอดทุกโครงการที่รัฐบาลได้ดำเนินการไว้แล้วให้เป็นรูปธรรม เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้จากระบบรถไฟฟ้า โครงการรถไฟทางคู่ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเสนอให้มี Bangkok Card หรือบัตรใบเดียวที่สามารใช้ได้ครอบคลุมในการเดินทางขนส่งสาธารณะทุกประเภท ทั้งยังเชื่อมการขนส่งด้วยระบบ Feeder ด้วย เพื่อส่งเสริมให้คนใช้ขนส่งสาธารณะให้ได้มากที่สุด ในส่วนของการแก้ปัญหาการจราจรนั้น เตรียมนำเอาระบบ AI เข้ามาช่วยให้จัดการจราจรบนถนน เพื่อให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชั่น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 20/07/2019 2:46 pm    Post subject: Reply with quote

“บิ๊กโอ๋”รื้องบคมนาคมรับนโยบายรัฐ-พรรคร่วมดันเทอร์มินัล2แก้สุวรรณภูมิ-กำชับมอบพื้นที่ซี.พี.สร้างไฮสปีดต้องรอบคอบ
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 เวลา 21:32 น.

“ศักดิ์สยาม” เครื่องร้อนดันเทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ จี้รถไฟรอบคอบส่งมอบพื้นที่ไฮสปีด ซี.พี.หวั่นซ้ำรอยค่าโง่โฮปเวลล์ รีวิวงานระบบรถไฟไทย-จีน 5 หมื่นล้าน ขอดูข้อมูล “ด่วนพระราม3 -ยกระดับพระราม 2” ก่อนเซ็นสัญญา หาช่องลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การนัดหน่วยงานภายใต้กระทรวงคมนาคมมารายงานและสรุปความคืบหน้าของแผนงานต่างๆ ตลอด 2 วันที่ผ่านมามีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เห็นภาพรวมของแผนงานต่างๆ ชัดขึ้น แต่การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ก็อาจจะยังมีไม่มาก จึงอยากให้มีการประสานงานการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่มีลักษณะการดำเนินงานแบบเดียวกัน

@ทบทวนงบปี’63 รับนโยบายหาเสียง

ทั้งนี้ ยังได้หารือเรื่องการจัดทำร่างงบประมาณประจำปี 2563 ที่เคยทำกรอบวงเงินไว้ 420,000 ล้านบาท จะต้องนำกลับมาทบทวนว่า ตรงไหนต้องปรับให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและพรรคร่วม จะทำได้แค่ไหน และมีข้อสังเกตให้ศึกษารัฐธรรมนูญปี 2560 ให้ดี เพราะมีเขียนกำกับเกี่ยวกับการจัดร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีด้วย ต้องทำให้ถูกต้อง

“แต่ในช่วงสุญญากาศ 3 เดือน ของการใช้งบประมาณปี 2563 ซึ่งตามแผนจะล่าช้าออกไปเป็น ม.ค.2564 จะปรึกษากับสำนักงบประมาณเพื่อนำงบเหลือจ่ายแต่ละปีมาเบิกจ่ายใช้ในส่วนของรายจ่ายประจำไปก่อน”

ส่วนการจัดสรรคณะกรรมการ (บอร์ด) ใหม่ตามหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ขอให้ทุกท่านทำงานกันก่อน ถ้าทำงานมีประสิทธิภาพก็ไม่ต้องปรับ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องคุยกัน ขณะที่การแต่งตั้งหัวหน้าที่ยังรักษาการณ์ เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท. ) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ก็ให้สรรหามาตามขั้นตอน

@ทุกโครงการส่งให้ “วิษณุ” ดู กม.ก่อนเสนอ ครม.

นอกจากนี้ ได้บอกกับทุกหน่วยงานแล้วว่า ทุกเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น เพราะต่อจากนี้นอกจากจะมีการส่งให้รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงเป็นผู้เสนอ ครม.แล้ว ต่อไปจะต้องส่งให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายอีกชั้นหนึ่งเพิ่มเข้ามา ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 16 ก.ค.ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีประเด็นไหนที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงทบทวนใหม่แต่อย่างใด

@จี้รถไฟเข้มส่งมอบพื้นที่ไฮสปีด 3 สนามบิน

สำหรับแผนงานที่น่าสนใจ เริ่มที่ ร.ฟ.ท.กำชับในเรื่องการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. เงินลงทุน 224,544 ล้านบาท แม้ ร.ฟ.ท.จะรายงานถึงรายละเอียดทุกอย่างได้ดี แต่ต้องดูข้อกฎหมายให้รอบคอบด้วย

“เพราะอุปสรรคเรื่องพื้นที่บุกรุกก็ไม่ใช่จะแก้กันได้ง่ายๆ ไม่อยากให้เกิดปัญหาค่าโง่เหมือนกรณีโฮปเวลล์ ส่วนจะลงนามในสัญญาได้ภายในเดือน ก.ค.นี้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ ร.ฟ.ท.ว่าได้ทบทวนได้ดีแค่ไหน ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ก็จะเร่งให้ทัน”

ส่วนเรื่องการเจรจากับประเทศจีน เรื่องงานสัญญางานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถและจัดฝึกอบรมบุคลากร (สัญญา 2.3) โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.35 กม. มูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมก่อน เพื่อเพิ่มความเข้าใจ และเป็นการลดการทำงานแบบราชการเก่าๆ ไปด้วย

ด้านการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ก็ได้ขอข้อมูลเรื่องการโอนสิทธิ์รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มาทบทวน ก็ไม่มีปัญหา ส่วนค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง ต้องเอาแต่ละสายมาดู เพราะหากเป็นเส้นทางที่เอกชนลงทุน รัฐจะต้องเข้าไปอุดหนุนโดยใช้เงินภาษี ก็ต้องดูรูปแบบว่าจะทำอย่างไรให้ค่าโดยสารปัจจุบันมีเหตุผล เพราะะต้องยอมรับว่ารัฐไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานเองได้ทั้งหมด ต้องอาศัยเอกชนด้วย

@เดินหน้าเทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ

ขณะที่แผนงานของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เบื้องต้น ยืนยันว่าจะต้องผลักดันโครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2) สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 42,000 ล้านบาท เพราะปริมาณผู้โดยสารในสนามบินแออัดจนใกล้เกินศักยภาพที่รับได้คือ 150 ล้านคน/ปี แล้ว ทอท.รายงานว่าในปี 2564 จะมีผู้โดยสารใช้งานอยู่ที่ 141 ล้านคน/ปี และในปี 2567 จะทะลุไปที่ 170 ล้านคน/ปี จึงจำเป็นต้องสร้าง

@รอทางด่วนพระราม 3 – ยกระดับพระราม 2

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการที่รอเซ็นสัญญาอย่างโครงการทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง 4 สัญญา รวมมูลค่าโครงการ 29,154.230 ล้านบาท ของการทางพิเศษฯและโครงการมอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงแรกจากบางขุนเทียนถึงเอกชัย 1 ระยะทาง 10.8 กม. มูลค่าโครงการ 10,500 ล้านบาท ของกรมทางหลวง (ทล.) จะได้เซ็นในเร็วๆนี้หรือไม่ นายศักดิ์สยามตอบว่า ยังไม่เห็นทั้งสองเรื่องดังกล่าว แต่จะพยายามเร่งให้ทุกเรื่อง ส่วนมากยังติดเรื่องงบประมาณ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 30/07/2019 12:13 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
“บิ๊กโอ๋”รื้องบคมนาคมรับนโยบายรัฐ-พรรคร่วมดันเทอร์มินัล2แก้สุวรรณภูมิ-กำชับมอบพื้นที่ซี.พี.สร้างไฮสปีดต้องรอบคอบ
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 เวลา 21:32 น.

“ภูมิใจไทย-ปชป.” แท็กทีมเขย่าเมกะโปรเจกต์คมนาคม เกลี่ยเค้ก 2 ล้านล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 29 กรกฎาคม 2562 เวลา 10:09
ปรับปรุง: 29 กรกฎาคม 2562 เวลา 11:47




จับตาแบ่งงานคมนาคมหลังแถลงนโยบาย ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ถือไพ่เหนือ คาด "ศักดิ์สยาม" คุมหน่วยงานหลักอย่างกรมทางหลวง งบฯ ปีละกว่า 1 แสนล้านบาท รวมถึง ทอท., รฟม., การทางพิเศษฯ ส่วน "ถาวร เสนเนียม" คุมกรมทางหลวงชนบท, การท่าเรือ, เจ้าท่า และกำลังขอการรถไฟฯ มาดูแล ด้าน "อธิรัฐ รัตนเศรษฐ" จาก พปชร.ดูหน่วยงานแถว 2 อย่างกรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานทางอากาศ ลุ้นระทึกเมกะโปรเจกต์เกือบ 2 ล้านล้านที่รัฐบาล คสช.ได้ริเริ่มเอาไว้จะถูกรืัอใหม่อย่างไรหรือไม่


เป็นที่จับตามองอย่างยิ่งว่าการแบ่งงานในกระทรวงคมนาคม ที่มี "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ "ถาวร เสนเนียม" พรรคประชาธิปัตย์ และ "อธิรัฐ รัตนเศรษฐ" จากพรรคพลังประชารัฐ เป็น รมช.จะออกมาอย่างไร หลังจากเจ้ากระทรวง "ศักดิ์สยาม" เคยบอกว่าให้รอหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วเสร็จก่อน

"คมนาคม" อยู่ในกลุ่มกระทรวงเกรดเอ เพราะมีการลงทุน และโครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท การเจรจาจัดสรร..แบ่งเค้ก..จึง..ไม่ง่าย ซึ่งในเวลานี้พรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ถือว่ามีอำนาจต่อรองมากกว่า "พลังประชารัฐ" ...

วิเคราะห์กันว่า ยังไงเจ้ากระทรวงจะต้องคุมหน่วยงานหลัก อย่าง กรมทางหลวง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีงบประมาณมากที่สุดปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ส่วนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทั้ง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท., การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) น่าจะอยู่ในการกำกับของ "ศักดิ์สยาม" โดยตรง

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ รมช.คมนาคม "ถาวร เสนเนียม" นักการเมืองระดับหัวกะทิ มือกฎหมาย อาจจะได้คุมหน่วยงานที่มีงบประมาณเป็นอันดับ 2 อย่างกรมทางหลวงชนบท และพ่วงด้วยหน่วยงานทางน้ำ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กรมเจ้าท่า และมีกระแสว่าอยู่ระหว่างต่อรองเพื่อขอการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งอยู่ในช่วงการฟื้นฟู ขณะที่มีโครงการสำคัญ อย่างรถไฟทางคู่ระยะ 2 และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และอีกหลายโครงการที่ต้องขับเคลื่อน

ขณะที่ "พลังประชารัฐ" ในฐานะพรรคแกนนำ อาจต้องยอมรับหน่วยงานแถว 2 อย่าง กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานทางอากาศ เป็นต้น



****เขย่า "บิ๊กโปรเจกต์ "...เกลี่ยเม็ดเงินใหม่

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ยุครัฐบาล คสข.นั้นได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) และกระทรวงคมนาคมได้ทำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนผ่านแผนปฏิบัติการ (Action Plan) รายปี ซึ่งปี 2562 มีกรอบวงเงินลงทุนกว่า 1.77 ล้านล้านบาท แต่เพราะเป็นช่วงรอยต่อรัฐบาลใหม่ ทำให้หลายโครงการตกค้าง ยังไม่ได้รับอนุมัติ...รอรัฐบาลใหม่ชี้ชะตา

เป็นไปได้ว่าในช่วง 2-3 เดือนแรกโครงการต่างๆ อาจจะต้องอยู่ในภาวะเกียร์ว่าง เพื่อรอเจ้ากระทรวงใหม่ตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าจะให้เดินหน้าต่อไปตามแผนเดิมหรือไม่

Action Plan 62 วงเงิน 1,778,213.38 ล้านบาท จำนวน 41 โครงการนั้น มีการกำหนดโครงการครอบคลุมทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ มีรูปแบบการลงทุนทั้งใช้งบประมาณแผ่นดินและ ร่วมลงทุนเอกชน (PPP) เช่นมอเตอร์เวย์ และรถไฟฟ้าในเมือง รถไฟทางคู่ระยะที่ 2 มอเตอร์เวย์ ทางด่วน การปรับปรุงท่าเรือ, การพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 พัฒนาสนามบินเชียงใหม่ สนามบินภูมิภาค และการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) เป็นต้น

กรมทางหลวงรับผิดชอบ 8 โครงการ ซึ่งต้องผ่านคณะกรรมการร่วมทุนรัฐและเอกชน (PPP) เห็นชอบ /เตรียมเสนอ กก.PPP ได้แก่ มอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ มูลค่าเงินลงทุนรวม 79,006 ล้านบาท (ผ่าน PPP แล้วอยู่ระหว่างเสนอ ครม.)

ส่วนที่อยู่ในขั้นตอนศึกษาและเตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP อีก 7 โครงการ คือ มอเตอร์เวย์ หาดใหญ่-ชายแดนมาเลเซีย วงเงิน 37,470 ล้านบาท, ทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน วงเงิน 29,269.97 ล้านบาท, ทางยกระดับบนถนนพระราม 2 ช่วงบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว วงเงิน 32,285 ล้านบาท

ศูนย์บริการทางหลวง (Service center) บางละมุง มอเตอร์เวย์ ช่วงพัทยา-มาบตาพุด วงเงิน 620 ล้านบาท, ที่พักริมทาง (Rest Area) มอเตอร์เวย์ หาดใหญ่-กาญจนบุรี 1,486 ล้านบาท, ที่พักริมทาง มอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา 1,579.88 ล้านบาท, ศูนย์บริการทางหลวง มอเตอร์เวย์ ชลบุรี-พัทยา 1,504 ล้านบาท

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ซึ่ง ครม.อนุมัติแล้ว ได้แก่ รถไฟทางคู่สายใหม่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 66,848.33 ล้านบาท และเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงิน 85,345 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนเวนคืนและเตรียมประมูลก่อสร้าง

ส่วนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,496 กม. มูลค่ารวม 272,167 .65 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนเสนอสภาพัฒน์ฯ

ต้องยอมรับว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมดำเนินนโยบายโดยมี Action Plan เป็นสูตรในการขับเคลื่อน และทำให้สามารถผลักดันโครงการได้จำนวนมาก โดยเฉพาะระบบราง และมอเตอร์เวย์ ถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์

****วัดใจ "รื้อ-ล้ม" โครงการร้อน! "ไฮสปีด 3 สนามบิน-แหลมฉบังเฟส 3"

"ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงหลักการทำงานว่า ทุกโครงการต้องพิจารณาตามข้อกฎหมายให้รอบคอบ ทุกหน่วยงานต้องรายงานสถานะงาน สถานภาพโครงการ ที่มาที่ไป มีการศึกษาถูกต้องและทำทีโออาร์ ทำสัญญากันอย่างถูกต้องหรือไม่ ยืนยันว่าแม้กระทรวงคมนาคมจะมีโครงการขนาดใหญ่มาก แต่ใช้เวลาไม่นานจะมีความชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน "ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา" ระยะทาง 220 กม. มูลค่า 224,544 ล้านบาท ครม.ได้อนุมัติผลการประมูลแล้ว โดย ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียด กับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (ซีพี) และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ในประเด็นการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง

"ยอมรับว่าเป็นห่วงในประเด็นนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากลงนามสัญญาไปแล้ว ร.ฟ.ท.ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้เอกชนตามเงื่อนไขได้จะมีปัญหา" ศักดิ์สยามกล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินถือว่าการประมูลเสร็จแล้ว อีกทั้ง ครม.ได้อนุมัติไปแล้ว โอกาสสะดุด... พลิกโผค่อนข้างยาก แต่ยังพูดไม่ได้เต็มปาก 100% ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะปมปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ที่ยังเจรจากันไม่จบจะเป็นเงื่อนตายของ ร.ฟ.ท. เพราะกลุ่ม ซี.พี.ต้องการได้พื้นที่ 100% หลังเซ็นสัญญาทันที ซึ่งรู้กันดีว่า ร.ฟ.ท.ไม่มีทางให้ตามความต้องการของ ซี.พี.ได้แน่นอน

ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท การท่าเรือฯ ยังวุ่นวายกับกรณีที่ กิจการร่วมค้า NCP ประกอบด้วย บริษัทนทลิน, แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ บริษัทลูกของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์, China Railway Construction Corporation Limited, บริษัทพริมา มารีน และบริษัทพีเอชเอส ออแกนิค ฮิลลิ่ง ร้องเรื่องถูกตัดสิทธิ และอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์

ล่าสุด เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ การท่าเรือฯ ระบุว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติยืนผลการพิจารณาไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานจะพิจารณาต่อไป

****จัดสรร ลงทุน "รถไฟฟ้า" เร่งปิดดีลสัมปทานสายสีส้ม และสีม่วงใต้

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มด้านตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ -บางขุนนนท์ ระยะทาง 13.4 กม. เงินลงทุนค่างานโยธา 96,012 ล้านบาท ค่าระบบและรถไฟฟ้ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท คณะกรรมการ PPP อนุมัติแล้ว รอเสนอ ครม.

แหล่งข่าวในวงการผู้รับเหมามั่นใจว่า โครงการรถไฟฟ้าจะได้รับการผลักดันต่อแน่นอน เพราะเป็นโครงการที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการเดินทางในเมืองใหญ่ ทั้ง กทม.และปริมณฑล และเมืองใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่รูปแบบการลงทุนเป็นแพกเกจใหญ่ ทั้งก่อสร้างและสัมปทานเดินรถ งานนี้พรรคภูมิใจไทยน่าจะเคลียร์บิ๊กรับเหมา และนายทุน 2 ขั้วเพื่อแบ่งสัน..ปันส่วนกัน ...ไม่ยาก

โดยมองว่าสัมปทานก่อสร้างและเดินรถสายสีส้มน่าจะเป็นของกลุ่ม "บีทีเอส" ที่ยังคงจับขั้วกับพันธมิตรเดิม บริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เนื่องจากเป็นโครงการใหม่ ไม่มีประเด็นการเดินรถเชื่อมต่อเป็นเงื่อนไข...




ส่วนการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กม. นั้น รฟม.กำลังทบทวนการศึกษาในเรื่องรูปแบบการลงทุนระหว่าง PPP Net Cost กับ PPP Gross Cost

และเนื่องจากสายสีม่วงใต้เป็นส่วนต่อเชื่อมจากสายสีม่วงเหนือ ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ซึ่งมีบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ทำหน้าที่เดินรถ โดยรับสัญญากับ รฟม.ในรูปแบบ PPP Gross Cost หรือการจ้างเดินรถ

ดังนั้น คงตัดสินใจไม่ยากที่จะให้ใช้รูปแบบเดิมโดยให้กลุ่ม BEM เดินรถ ภายใต้เงื่อนไขประชาชนได้รับความสะดวก "ผลประโยชน์..ลงตัว ทั้งประชาชน...ผู้ลงทุน"



****นโยบายเร่งด่วน "หั่นค่าตั๋วรถไฟฟ้า-แกร็บ ถูกกฎหมาย"

ขณะที่นโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทย เรื่องแกร็บ (Grab) ถูกกฎหมาย "รมต.ศักดิ์สยาม" ประกาศเป็นเรื่องเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคม โดยจะต้องเห็นความชัดเจนภายใน 1 เดือน ...โยนการบ้านไปที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ต้องเร่งสรุปการศึกษาแนวทาง การดำเนินงาน สนองนโยบายแบบด่วนจี๋ ... ทำอย่างไร ถึงจะจดทะเบียน "แกร็บ" อย่างถูกต้องในเวลาอันสั้นได้!!!

ส่วนหากจะมี "ม็อบแท็กซี่" ประท้วง...สร้างความวุ่นวาย งานนี้ "รมต.ศักดิ์สยาม" ลั่นเอาอยู่... ไม่มีปัญหา...ยังไง! คนไทยด้วยกันทั้งนั้น เชื่อว่าสามารถทำความเข้าใจกันได้ อีกทั้งพร้อมรับฟังความเห็นของกลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ ต้องการอะไร อยากให้รัฐช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร มาพูดคุยกัน "โลกวันนี้ต้องใช้เทคโนโลยี การบริการต่างๆ จะต้องปรับเปลี่ยน"

ขณะที่ประเด็นค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง เป็นอีกเรื่องด่วนที่น่าจะเห็นผลในเร็ววันนี้ เจ้ากระทรวงสั่งหาโมเดล แก้ค่าตั๋วแพง รวมไปถึงการลดค่าโดยสารขนส่งอื่นๆ ด้วยเพื่อลดค่าครองชีพคนไทยให้ได้...

สิ่งที่คาดหวังได้ว่าโครงการลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ในยุคที่ "คมนาคม" มีเจ้าภาพร่วมจาก 3 พรรค คงจะไม่ชักช้า เสียเวลามากนัก เพราะบรรดานักการเมืองอยากสร้างผลงาน...เพราะไม่รู้ว่ารัฐบาล "ประยุทธ์ 2" ที่เสียงปริ่มน้ำจะมีอายุยาวนานแค่ไหน

แต่! ที่น่ากังวลไม่น้อย...คือการขับเคลื่อน อาจจะไม่เหมือนยุครัฐบาล คสช. ที่เกือบ 5 ปีมี "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกฯ เป็นแม่ทัพ คุมทีมเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์อำนาจเบ็ดเสร็จ สั่งตรงผ่านบอร์ดรัฐวิสาหกิจ หันซ้าย ...หันขวา...

ด้าน "ศักดิ์สยาม" ยืนยันว่า รมต.จาก 3 พรรคจะทำงานเป็นทีมเวิร์ก..เป็น "คมนาคม...ยูไนเต็ด"

ส่วนผลงานจะเป็นอย่างไร...อีกไม่นาน..รู้เรื่อง!
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 30/07/2019 8:10 pm    Post subject: Reply with quote

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด พร้อมมอบนโยบายการบริหารงานแก่ผู้บริหาร และหน่วยงานในสังกัด กระทรวงคมนาคม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด พร้อมมอบนโยบายการบริหารงานแก่ผู้บริหารและหน่วยงานในสังกัด กระทรวงคมนาคม โดยมี นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสมัย โชติสกุล นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงาน และผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ร่วมในการประชุม ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 เวลา 15.30 น. ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายคำนึงถึงการให้บริการประชาชนเป็นสำคัญ ให้ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาภาระค่าครองชีพ โดยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน ลดภาระงบประมาณให้รัฐบาล โดยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ ทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. นโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย 1) การแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการปรับปรุงถนนพระราม 2 2) การแก้ไขปัญหามลภาวะ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ โดยเข้มงวดการตรวจสอบสภาพรถให้เป็นไปตามกฎหมาย 3) ปรับเวลารถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบัน 4) กำหนดอัตราความเร็วถนน 4 ช่องทางจราจรขึ้นไป ให้ใช้อัตราความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูล และนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทั้ง 4 เรื่อง ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
2. สร้างทางเลือกใหม่ โดยการให้บริการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่น และกำหนดแนวทาง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะ (TAXI) รูปแบบเดิม โดยมอบให้กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการดังนี้ 1) ศึกษารูปแบบ เงื่อนไขการอนุญาตบริการรถรับจ้าง
โดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้บริการประชาชน 2) ศึกษาและกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะ (TAXI) ในปัจจุบัน ให้มีการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษา และนำเสนอแผนงาน พร้อมแนวทางปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
3. การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบด้วย 1) ศึกษา และจัดทำแผนการใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบ 2) ศึกษา และจัดทำแผนแก้ปัญหาด่านเก็บเงินทางพิเศษ และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) ให้รถสามารถผ่านด่านเก็บเงินได้อย่างรวดเร็ว ลดความแออัดของรถบริเวณหน้าด่าน
4. ลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ดังนี้ 1) พัฒนาการให้บริการรถโดยสารประจำทาง ขสมก. และรถร่วมโดยสารประจำทาง ให้เป็นรถโดยสารปรับอากาศทั้งระบบ และมีการจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E–Ticket ระบบตั๋วร่วม 2) ศึกษาแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา 3) ศึกษาแนวทางการปรับลดค่าผ่านทางพิเศษทุกประเภท (ทางพิเศษ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โทลล์เวย์) ตั้งแต่ 5 – 10 บาท โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทาง พร้อมนำเสนอแผนงานแนวทางปฏิบัติ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
5. พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางราง ประกอบด้วย 1) พัฒนารถไฟทางคู่ เพิ่มการขนส่งระบบราง 30% ภายในเวลา 3 ปี เพื่อให้เป็นระบบโลจิสติกส์หลักในการขนส่งสินค้า 2) สนับสนุนภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน 3) ศึกษา วิจัย และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากรางที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสามารถใช้ให้เกิดผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าสูงสุดในอนาคต เพื่อให้บริการประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
6. พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำ ประกอบด้วย 1) พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำให้เป็นการเดินทางและการขนส่งทางเลือกในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเชื่อมโยงกับการคมนาคมขนส่งระบบอื่น ๆ ได้ 2) พัฒนาการขนส่งทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อลดปริมาณรถบรรทุกจากภาคใต้เข้าสู่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
7. พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศ ประกอบด้วย 1) พัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางอากาศ เพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูมิภาค ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านคน 2) สนับสนุนสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) ให้บริการประชาชนในภูมิภาคเพิ่มขึ้น และให้มีคุณภาพการให้บริการตามมาตรฐานสากล
8. การจัดทำโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคมให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ 1) ใช้หลักการ Thai First คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน เป็นหลักสำคัญ 2) การใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการต่าง ๆ เช่น หลักเขตบอกทาง หมอนรางรถไฟ เป็นต้น เพื่อช่วยยกระดับราคายางพารา แก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง 3) ส่งเสริมให้ท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิต และกระจายสินค้าเกษตรออกสู่ตลาด
9. การดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยการทำงานของทุกหน่วยงานต้องยึดถือความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นสำคัญ
10. เปิดรับฟังข้อมูลจากข้าราชการ และสหภาพรัฐวิสาหกิจ ของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจของฝ่ายนโยบายต่อไป

cr : ข่าวและภาพกิจกรรมกระทรวงคมนาคม

https://www.facebook.com/1129204760428948/posts/2871125002903573/
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 21/08/2019 6:38 pm    Post subject: Reply with quote

ทูตญี่ปุ่น เสนอตัวลงทุนรถไฟฟ้าเชื่อมตะวันออก - ตะวันตก -
The Bangkok Insight
21 สิงหาคท 2562

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับนายชิโร ซาโดะ ชิมา เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยว่า การเข้าพบครั้งนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับผลการศึกษาการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางแนวตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) เส้นทางมุกดาหาร หนองคาย นครสวรรค์ ตาก เชื่อมต่อไปยังมะระแหม่งของเมียนมา รองรับการขนส่งสินค้าจากเวียดนามต่อมายังไทยออกไปเมียนมา หลังจากได้รัฐบาลเริ่มเดินหน้าพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ญี่ปุ่นจึงสนใจเสนอแผนลงทุนร่วมกับรัฐบาลไทย เพราะได้ทำการศึกษาเอาไว้เบื้องต้น

พร้อมกันนี้ ยังต้องการเข้ามาช่วยปฏิรูปเศรษฐกิจของไทยผ่านการพัฒนาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพราะไทยกำลังสร้างไทยแลนด์ไซเบอร์พอร์ต เพื่อให้เอกชนคนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นเข้ามาช่วยต่อยอดการลงทุน จึงเตรียมนำข้อหารือเสนอในเวทีประชุมร่วมผู้นำระดับสูงช่วงกลางปีหน้า เพื่อให้การลงทุนไทย-ญี่ปุ่น ขยายตัวมากขึ้นโดยเฉพาะในเขตอีอีซีของไทย
Note: ให้เงินกู้ก็ได้นะครับท่านทูต
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 23/08/2019 2:34 am    Post subject: Reply with quote

เปิดบิ๊กโปรเจ็กต์ แสนล้าน เสิร์ฟเข้าครม.
ออนไลน์เมื่อ 22 สิงหาคม 2562
ตีพิมพ์ใน ข่าวหน้า 1
ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3498
วันที่ 22-24 สิงหาคม 2562

คมนาคม ดันบิ๊กโปรเจ็กต์กระตุ้นลงทุนเข้าครม. แสนล้าน ทางหลวงยันดัน 2 มอเตอร์เวย์ ขอไฟเขียวงบเวนคืนเพิ่มกว่า 7,000 ล้าน บางใหญ่ลุยเวนคืนเส้นนครปฐม-ชะอำ ทำอีไอเอ ด้านรถไฟ 3 สนามบิน รฟท. ยํ้าเซ็นสัญญาไม่เกิน ก.ย.นี้ เคลียร์ปตท. ย้ายท่อพ้นเขตทาง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อนำเข้าสู่การพิจาณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ตั้งแต่ จัดซื้อฝูงบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) จำนวน 38 ลำ เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ขยาย ทางหลวงแผ่นดินจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร เพิ่มความปลอดภัยอำนวยความสะดวกในการสัญจร การขนส่งสินค้า เช่นเดียวกับการขยายระบบรางต้องเร่งสานต่อโยงเป็นโครงข่าย มูลค่านับแสนล้านบาท เช่นเดียวกับแผนลงทุนในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ต้องมีความต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการจ้างงานในอนาคตทั้งนี้ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โครงการเร่งด่วน นอกจาก การเพิ่มควมเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนเขตทางหลวงตั้งแต่ 4 เลนขึ้นไป แล้วยังมีโครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ขออนุมัติเพิ่ม วงเงินชดเชยประชาชนกว่า 7,000 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ วงเงิน 7.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วนแบ่งเบาจราจรบนถนนเพชรเกษมลงสู่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างจัดทำการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ และทำความเข้าใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ด้าน ระบบราง นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินรักษาการแทนผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระบุว่า เตรียมนำโครงการรถไฟทางคู่ระยะ 2 จำนวน 7 สายทาง มูลค่า 256,000 ล้านบาท โดยซึ่งต้องเพิ่มเติมข้อมูลให้กับ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ก่อนเสนอครม.ประกอบด้วย ช่วงปากนํ้าโพ-เด่นชัย วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 3.6 หมื่นล้านบาท, ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 2.5 หมื่นล้านบาท , ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 2.3 หมื่นล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่-สงขลา 5.6 หมื่นล้านบาทและช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 5.7 หมื่นล้านบาทนอกจากนี้มีโครงการบริหารไอซีดี ลาดกระบัง 647 ไร่ เกี่ยวกับการขนส่งทางเรือ มูลค่า 4หมื่นล้านล้านบาท หลัง กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) ชนะประมูลได้รับสัมปทาน 20 ปี และวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม นี้จะหารือ ข้อกฎหมาย ก่อนเสนอเข้าครม.รวมถึง โครงการลงทุนเคเบิลใยแก้วนำแสงควบคุมการเดินรถ กว่า 2,000 ล้านบาท ขณะรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ -อู่ตะเภา) รฟท.พร้อมลงนามกับกลุ่มซีพี ภายในเดือนกันยายน ขณะนี้ได้เจรจา รื้อย้ายเสาไฟฟ้า ท่อประปา รวมทั้ง ท่อส่งนํ้ามัน กับกลุ่มปตท., บริษัทขนส่งนํ้ามันทางท่อ จำกัด ฯลฯ ตอม่อ 300 ต้น ส่วนผู้บุกรุกใช้เวลา2ปีด้านแหล่งข่าวจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ยังไม่มีโครงการเข้าครม. ระยะนี้เนื่องจากมูลค่าแต่ละโครงการไม่ถึง 1,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับ

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ยอมรับว่า ช่วงนี้ไม่มีรถไฟฟ้าเสนอเข้าครม. โดยเฉพาะสายสีส้ม ตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ลงทุนรูปแบบพีพีพี มีขั้นตอนค่อนข้างมาก ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาไม่ทันและเลื่อนไป งบประมาณ 2564 คาดว่ากระทรวงการคลังน่าจะเสนอครม.อนุมัติอีกครั้ง

เช่นเดียวกับมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ ได้มอบให้ ทล. พิจารณาข้อคัดค้านของประชาชน ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ และดำเนินการเรื่องที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อนนำเสนอ ครม. โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ (ระยะที่ 2) จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงปากนํ้าโพ-เด่นชัย เด่นชัย-เชียงใหม่ ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ขอนแก่น-หนองคาย ชุมพร-สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และหาดใหญ่ -ปาดังเบซาร์ ได้สั่งการให้ รฟท. จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาโดยเร็ว เพื่อนำเสนอ ครม. ต่อไปเป็นต้น
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/08/2019 8:07 am    Post subject: Reply with quote

"สมคิด"ดันไฮสปีดเทรนแม่สอด-มุกดาหาร บูมระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก
ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายชิโร่ ชาโดชิม่า เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยว่า ได้มีการพูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ของการลงทุนรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East West Economic Corridors) ในเส้นทางจาก จ.มุกดาหาร มายัง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งญี่ปุ่นได้แจ้งให้ทราบว่าจากการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) พบว่ามีศักยภาพเพียงพอและมีความน่าสนใจที่จะลงทุน

"เส้นทางนี้ประเทศไทยได้เคยหารือกับญี่ปุ่นไว้นานแล้วว่า ต้องการให้เกิดการลงทุนเพื่อเสริมสร้างการเดินทางด้วยระบบรางในอนาคตเนื่องจากมองว่ามีศักยภาพสามารถเชื่อมโยง ตั้งแต่ เวียดนาม กัมพูชา ไทย เมียนมา และทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของไทยเติบโตมากขึ้นหลังจากนี้จะได้หารือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อให้เดินหน้าโครงการร่วมกับทางญี่ปุ่นและจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น หรือ JC ต่อไป"

นอกจากนี้เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้กำชับถึงความสำคัญของการศึกษาในรูปแบบของการฝึกหัดสายวิชาชีพและการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อสร้างบุคลากรในอุตสาหกรรมและสาขาอาชีพที่สำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต หรือที่เรียกว่า "โคเซน" และได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนของญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในโครงการไทยแลนด์ไซเบอร์พอร์ต โดยยืนยันว่าโครงการนี้จะเดินหน้าต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าความร่วมมือกับฮ่องกงจะไม่สะดุดลงแม้จะมีเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงก็ตาม

นายสมคิดกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการหารือกับนายเยฟเกนี โตมีฮินเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่า ไทยกับรัสเซียมีโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ได้มีการหารือร่วมกันหลายส่วน ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี พลังงาน การเงินและการเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างสองประเทศให้เพิ่มขึ้น โดยได้ขอให้ฝ่ายรัสเซียพิจารณาเพิ่มการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และสนับสนุนความร่วมมือผ่านอุตสาหกรรม S-Curves ในสาขาต่างๆที่รัสเซียเชี่ยวชาญ.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 16/09/2019 12:21 am    Post subject: Reply with quote

มหาอำนาจโลกบุกSEC มะกัน-ญี่ปุ่น-จีน แห่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลชิงโอกาสลงทุน
บุญเลื่อน พรหมประทานกุล : รายงานจากพื้นที่
ออนไลน์เมื่อ 14 กันยายน 2562
ตีพิมพ์ใน หน้า 9
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,504 วันที่ 12 - 14 กันยายน 2562

โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้หอม มหาอำนาจโลกทั้งจีน อเมริกา ญี่ปุ่น สนใจแผนลงทุนโครงข่ายคมนาคมเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทร ส่งเจ้าหน้าที่ลงเก็บข้อมูลพื้นที่ เพื่อให้นักธุรกิจใช้ประกอบการตัดสินใจช่วงชิงการลงทุนก่อนถูกตัดหน้าธีระพล ชลิศราพงษ์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายหว่าง จินเจีย ( Wang Zhenjia ) ผู้แทนจากสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (China Council for the Promotion of International Trade-CCPIT) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีสำนักงานสาขาอยู่ทั่วประเทศ นำคณะเดินทางเข้าพบนายธีระพล ชลิศราพงษ์ ประธานหอการค้า จ.ระนอง และคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดระนอง เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในพื้นที่ ธุรกิจการค้า การลงทุน การขนส่ง อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ของจ.ระนอง พร้อมเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมชมท่าเรือเอกชนและท่าเรือระนอง เพื่อรวบรวมข้อมูลไปเสนอแก่นักธุรกิจจีน ใช้ประกอบการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในกิจการต่างๆ ในประเทศไทยคณะผู้แทน CCPIT แจ้งว่า ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลในภาคใต้หลายจังหวัด รวมทั้งชุมพรก่อนมาที่ระนอง โดยพื้นที่ภาคใต้ตอนบนที่น่าสนใจคือ โครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) อย่างยั่งยืน เป็นจุดหนึ่งที่นักลงทุนจีนให้ความสนใจ นอกเหนือจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี : EEC) ไทยเป็นประเทศลำดับต้นที่นักธุรกิจจีนเลือกมาลงทุน เพราะเปิดรับและประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันยาวนาน ตนคิดว่าระนองไม่เหมาะในการลงทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ควรเป็นการลงทุนรับการเป็นทางผ่านของการค้าจากระนองไปยังประเทศเมียนมา และกลุ่มประเทศรอบอ่าวเบงกอล(กลุ่มบิมสเทค) และลงทุนด้านการท่องเที่ยวประธานหอการค้า จ.ระนอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ครม.เห็นชอบกรอบการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ในเบื้องต้นจะมุ่งพัฒนาในพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงคือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช (SEC) Southern Economic Condor) ที่นักลงทุนจากทั่วโลกให้ความสนใจ ประเทศมหาอำนาจของโลกตื่นตัว ส่งตัวแทนเดินทางลงพื้นที่ศึกษาสภาพและเก็บข้อมูล เพื่อให้นักธุรกิจชาติตน ใช้ประกอบการตัดสินใจเข้ามาลงทุนต่อไป
Ads by AdAsia
You can close Ad in 2 s
ล้อมกรอบ พาเหรดเคาะประตู‘ระนอง’ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบหลักการพัฒนา SEC เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 61 ตามที่สภาพัฒนฯ เสนอแล้วนั้น วันที่ 2 พ.ย. 61 นายเจษฎา กตเวทิน อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา นำคณะลงพื้นที่ประชุมกับทางจังหวัด หารือถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น จากการที่ระนองจะเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวกับกลุ่มประเทศ BIMSTECถัดมา 9 พ.ย. 61 นายเจค็อป ซูลท์ซ (Jacob Schuitz) เลขานุการเอกและเจ้าหน้าที่แผนกเศรษฐกิจ ประจำสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประเทศไทย เข้าพบคณะกรรมการหอการค้าระนอง และประธาน YEC ประชุมหารือเพื่อทำความเข้าใจแผนพัฒนาของรัฐบาลไทย และโอกาสการค้าการลงทุน ต่อมา 28 พ.ย. 61 นายชินอิจิ อาสาเบะ (Shinichi Asabe) ผู้สื่อข่าว Yohoo-News Japan เข้าพบประธานหอฯระนอง สัมภาษณ์และบันทึกเทปการพัฒนาประเทศไทย โดยพุ่งความสนใจการขนส่งเชื่อม 2 ฝั่งทะเล

สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทหารญี่ปุ่นพยายามสร้างทางรถไฟสายนี้เพื่อการส่งกำลังบำรุง หลังสงครามได้พับแผนไป เมื่อรัฐบาลไทยฟื้นทางรถไฟสายนี้จึงน่าสนใจมาก เนื่องจากจะเป็นจุดเปลี่ยนของการค้าการขนส่งของโลกในอนาคต หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริงและสำเร็จตามแผนที่กำหนดไว้ล่าสุด คือ คณะผู้แทนสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนสิงหาคมนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 102, 103, 104 ... 121, 122, 123  Next
Page 103 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©