ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65

[Mongwin]

"ประยุทธ์" เผย ไทย-จีน ร่วมมือกันทำรถไฟทางคู่-รถไฟ 3 เส้นทาง แบบรัฐต่อรัฐ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 11 พ.ย. 2557 เวลา 14:13:16 น.

"ประยุทธ์" เผย จีนตกลงร่วมมือกันทำรถไฟทางคู่-รถไฟ 3 เส้นทาง ดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ ยันทำทุกอย่างโปร่งใส ไม่เสียเปรียบ

วันที่ 11 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าการเดินทางมาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีโอกาสแนะนำตัวกับผู้นำต่าง ๆ และได้เข้าหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจีนมีความต้องการรื้อฟื้นเส้นทางสายไหม ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะมีความสำคัญต่อประเทศไทย ซึ่งจะมีการทบทวนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป

"ท่านมีความรู้สึกว่าไทยกับจีนน่าจะร่วมกันตรงนี้ เพราะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างไทยกับจีน เส้นทางก็มีการทำเชื่อมกันอยู่แล้วในปัจจุบัน มีการปรับปรุง ขยายเส้นทางกันอยู่แล้วในแต่ละประเทศ ประเด็นสำคัญคือเรื่องการขนส่งสินค้าต้องมีความเชื่อมโยงกัน จึงตกลงกันว่าจะร่วมมือกันในเรื่องการทำทางรถไฟ ขนาด 1.435 เมตร เป็นทางรถไฟที่รางกว้างกว่าปกติ คือกว้าง 1 เมตร ก็สอดคล้องกันพอดี ทางจีนบอกว่าพร้อมจะร่วมมือและสนับสนุนไทยทุกอย่างในการก่อสร้างเส้นทางนี้และเกิดประโยชน์ทั้งไทยและอาเซียนและจีน ก็ถือว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในด้านการพัฒนาการขนส่ง ทั้งสินค้าและประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนพัฒนารถไฟหลายเส้นทาง ที่พูดคุยกับทางการจีน และตกลงที่จะร่วมมือกันแบบรัฐต่อรัฐ คือ เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย กรุงเทพ-มาบตาพุด และแยกที่แก่งคอย จ.สระบุรี การดำเนินการไม่ได้ผ่านบริษัทใด ไม่มีผลประโยชน์ให้ใคร มีแต่ผลประโยชน์ให้ประเทศ ขอให้เชื่อมั่น ตนไม่ได้มีการเจรจาส่วนตัวเลย เวลาพุดคุยเป็นการคุยเต็มคณะทั้งหมด กลับไปก็คงไปดำเนินการให้ถูกต้อง ตามกฎหมายให้เรียบร้อย เพื่อเดินหน้าต่อไปให้ได้ ถ้าไม่ทำวันนี้จะไม่ทันการณ์ และราคาจะแพงขึ้น

"ผมยืนยันว่าเราต้องไม่เสียเปรียบในเรื่องรถไฟ มีอีกหลายประเทศที่สนใจ แต่เขาสนใจเส้นทางอื่น ไม่ใช่เส้นทางนี้ ซึ่งจะต้องไปพูดคุยกันต่อ ถ้าเราไม่ทำเส้นทางเหล่านี้ไว้ ก็จะเชื่อมต่อไม่ได้ เวลาก็จะล่าช้าไปเรื่อย การขนส่งสินค้าก็ลำบาก วันนี้เราจะเริ่มต้นรถไฟในประเทศ เริ่มทำทางคู่ รางกว้าง 1 เมตรส่วนหนึ่งก่อน ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร เพื่อจะเพิ่มระยะทางทางรถไฟให้มากขึ้น และรถไฟความเร็วสูง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รางกว้าง 1.435 เมตร ส่วนรถไฟความเร็วสูง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องศึกษาเรื่องความคุ้มค่าอีกครั้ง เราจะดำเนินการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วปานกลาง ถือว่าเป็นของขวัญให้คนไทยในปี 2558" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่าตนจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุด เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศที่เป็นมิตรกับเราด้วย อย่ากังวล ตนไม่เอาประเทศไทยเป็นเบี้ยล่างให้ใคร ตนมาทุกครั้งเอาเกียรติยศของคนไทยมาด้วย ยืนยันว่าจะต้องไม่มีการทุจริตในทุกโครงการ และโครงการจะต้องเกิด ไม่เช่นนั้นความไว้วางใจจะไม่เกิดขึ้น ชื่อเสียงประเทศไทยเสียหายมากเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการทำสัญญา ตนจะให้ทำตามกฎหมาย ทั้งนี้จีนจะให้ความช่วยเหลือเรื่องสินค้าเกษตร โดยจะรับซื้อข้าวจากไทย นอกจากนี้ยังได้พูดคุยในเรื่องความร่วมมือไทย-จีน

"นายกฯ" เผย หลายประเทศห่วงสถานการณ์การเมืองไทย ระบุ "ผู้นำจีน-ญี่ปุ่น" เตรียมยกเลิกประกาศเตือนพลเมืองเข้าไทย

วันที่ 11 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการร่วมงานเลี้ยงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า ได้พบผู้นำทุกประเทศ รวมถึงได้พุดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัค โอบามา นายวลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งทุกประเทศสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทยว่ามีความสุขกันหรือยัง ซึ่งได้บอกไปว่าบรรยากาศดีแล้ว แต่ขอเวลาปฏิรูปประเทศระยะหนึ่งก่อน

"ได้พูดกับประธานาธิบดีโอบามาด้วย เขาแสดงความเป็นห่วง ผมก็ขอบคุณที่เป็นห่วงและยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับนายกฯ ปูติน ก็ถามว่าประเทศไทยเป็นไง เรียบร้อยหรือยัง ผมก็บอกเรียบร้อยดี ขอเวลาเราระยะหนึ่ง ทุกคนก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้พูดเรื่องความขัดแย้ง ผมบอกทุกประเทศว่าประเทศไทยสงบสุขพอสมควรแล้ว การท่องเที่ยวก็ดีขึ้น ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศมาเที่ยวเมืองไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและจีนบอกว่าจะยกเลิกประกาศเตือนเพื่อให้คนมาเที่ยว ทุกประเทศกล่าวขวัญถึงประเทศไทยในทางที่ดีหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

[Wisarut]

คลังกู้1แสนล้าน ลุยเมกะโปรเจ็กต์ 4แบงก์ใหญ่อ้วน
ข่าวหุ้น
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2557

คลังเตรียมแผนกู้เงิน 1 แสนล้านบาท จากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ไทยพาณิชย์ - กรุงไทย - กรุงเทพ - กสิกรไทยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในปีงบประมาณ 2558 โครงการถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ดันจีดีพีปีหน้าโต 5%

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังเตรียมแผนกู้เงินสำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จากสถาบันการเงินประจำปีงบประมาณ 2558 ไว้ทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการทางด้านคมนาคม ได้แก่ โครงการลงทุนเดิม เช่น
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง,
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน,
รถไฟฟ้าสายสีเขียว

โครงการที่คาดว่าจะใช้งบประมาณช่วงไตรมาสที่สอง หรือ Q2 โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 26,465 ล้านบาท

ซึ่งจะประกวดราคา วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ คณะกรรมการประกวดราคาจะมีการประชุมเพื่อสรุปผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น
จากนั้นจะรายงานให้บอร์ดรับทราบและดำเนินการเปิดข้อเสนอทางเทคนิคต่อไป

รวมทั้งโครงการลงทุนรถไฟทางคู่ จำนวน 6 เส้นทาง และเส้นทางรางรถไฟขนาด 1.435 เมตร จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา/นครราชสีมา-หนองคาย และกรุงเทพฯ-ระยอง โครงการรถไฟทางคู่เส้นทางจิระ-ขอนแก่น ซึ่งจะทยอยกู้ตามความต้องการและความพร้อมของแต่ละโครงการ

แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า การกู้เงินของกระทรวงการคลัง สำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท โดยกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศ จากแบงก์ขนาดใหญ่ ได้แก่ แบงก์กรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ และกรุงไทย โดยเฉพาะกรุงไทย

คาดว่าจะมีโอกาสได้สูงเนื่องจากเป็นแบงก์รัฐทั้งนี้ ตามแผนการใช้เงินลงทุนของภาครัฐ จะเป็นแบบทยอยเบิกมาใช้ หลังจากนั้นจึงออกพันธบัตรมาทดแทนในภายหลังเพื่อเปลี่ยนเป็นหนี้ระยะยาว
แต่ในระยะแรกของการก่อสร้างจะใช้วิธีกู้เงินจากสถาบันการเงินเท่านั้น

ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจขยายตัวถึง 5% ถ้ากระทรวงคมนาคมเดินหน้าลงทุน

โครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบขนส่งให้เป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้ เช่น โครงการรถไฟทางคู่จากที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าจีดีพีจะเติบโต 4%

นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจมีการเติบโตได้ และจะมีส่วนช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้กับธนาคารได้

[Wisarut]

[Mongwin]

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 11 พ.ย. 57

[Wisarut]

^^^
ข่าวหน้า 1 จากโพสต์ทูเดย์วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 บอกว่า สายไปหนองคายและมาบตาพุด ทั้งที่เป็นสายที่ผ่านคลอง 19 และ สายที่ผ่าน ลาดกระบัง จะให้จีนรับไปทำ ส่วนทางไปเชียงใหม่นั้นจะให้ญี่ปุ่นไปทำหนะครับ


การร่วมทุึนกะจีนทำ 3 สาย
http://www.youtube.com/watch?v=oMYYSoG8j2Q


การร่วมทุึนกะญี่ปุ่น ทำสายเหนือ
http://www.youtube.com/watch?v=5YPPaY3k56U



รอประจินแจง แผนจับมือจีนสร้างรถไฟฟ้ากึ่งเร็วสูง
เดลินิวส์
วันพุธ 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา 21:39 น.

ปลัดคมนาคมชี้ต้องรอ พล.อ.อ.ประจิน แจงข้อตกลงรัฐบาลไทยกับจีนร่วมมือกับรถไฟฟ้าทางคู่ก่อนที่จะรับทราบนโยบายในการเดินหน้าโครงการต่อ


นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เข้าหารือกับทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อร่วมกันทำรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน1.435 เมตรว่าขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงของรัฐบาลไทยกับจีนในการร่วมมือกันทำรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน1.435 เมตร คงต้องรอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เดินทางกลับมาก่อนจึงจะรับทราบนโยบายก่อนเดินหน้าโครงการต่อไป

สำหรับเส้นทางที่รัฐบาลไทยได้ตกลงร่วมกับจีนน่าจะเป็นรถไฟทางคู่รางมาตรฐานระยะเร่งด่วนที่กระทรวงคมนาคมกำหนดไว้ในแผนการดำเนินงานโครงการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งปี 58 ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย 58-65โดยเป็นการพัฒนารถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน สามารถวิ่งได้ความเร็วสูงสุด 180กม.ต่อชั่วโมงรวม 3 ช่วง คือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และนครราชสีมา-มาบตาพุดระยะทาง 512 กม. กรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 193 กม. และนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง335 กม. รวมระยะทาง 1,060 กม.

ส่วนความร่วมมือกับแบบรัฐต่อรัฐโดยจีนจะให้ความช่วยเหลือรับซื้อสินค้าเกษตร และข้าวจากไทยนั้นคงจะต้องมีการหารือในรายละเอียดร่วมกันกับผู้ที่เกี่ยวข้องภายหลัง พล.อ.อ.ประจินกลับมาอีกครั้งเพราะไม่ทราบว่าในรายละเอียดของบันทึกความเข้าใจร่วมกัน(เอ็มโอยู)ที่รัฐบาลไทยทำไว้กับจีนก่อนหน้านี้มีเนื้อหาอย่างไรบ้าง

[Mongwin]

ตู่แบ่งเค้กรถไฟจีน-ญี่ปุ่น
โพสต์ทูเดย์ 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11:39 น.

รัฐบาลไทยยกรถไฟ 2 เส้นทางให้จีนลงทุน ลากยาวจากหนองคายไปถึงมาบตาพุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันในเรื่องการทำทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร เป็นรางรถไฟ ที่กว้างกว่าปกติ คือกว้าง 1 เมตร

ทางการจีนบอกว่าพร้อมจะร่วมมือและสนับสนุนไทยทุกอย่างในการก่อสร้างเส้นทางนี้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งไทยและอาเซียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แผนพัฒนารถไฟที่ตกลงจะร่วมมือกันแบบรัฐต่อรัฐ คือ
1.เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย
2.กรุงเทพฯ-มาบตาพุด ส่วนที่แยกจาก อ.แก่ง คอย จ.สระบุรี ไปยังมาบตาพุด

“การดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้ผ่านบริษัทใด ไม่มีผลประโยชน์ให้ใคร ขอให้เชื่อมั่น” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง

ทั้งนี้ ทางการจีนจะให้ความช่วยเหลือเรื่องสินค้าเกษตรด้วยการรับซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไทยไม่เสียเปรียบในเรื่องรถไฟ เพราะมีหลายประเทศสนใจ แต่เป็นเส้นทางอื่น ซึ่งต้องพูดคุยกันต่อไป ถ้าเราไม่ทำทางเหล่านี้ไว้ก็จะเชื่อมต่อไม่ได้ ขณะนี้ไทยจะเริ่มต้นรถไฟ ทางคู่ก่อน เพื่อจะเพิ่มระยะทางให้มากขึ้น และเริ่มรถไฟความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง รางกว้าง 1.435 เมตร ส่วนรถไฟความเร็วสูง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต้องศึกษาความคุ้มค่า แต่จะดำเนินการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วปานกลางให้เป็นของขวัญคนไทยในปี 2558

สำหรับเส้นทางสายหนองคาย-นครราชสีมา-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 กิโลเมตร จะใช้เงินลงทุน 392,570 ล้านบาท

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลญี่ปุ่นสนใจจะลงทุนรถไฟสายเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุน โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ โดยจะมีการยกเรื่องการลงทุนรถไฟมาหารือกัน

[Wisarut]

นายกฯหนุนญี่ปุ่นลงทุนระบบรางในอาเซียน
Post Today
12 พฤศจิกายน 2557 เวลา 21:43 น.
ประยุทธ์ร่วมประชุมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง- ญี่ปุ่น หนุนญี่ปุ่นลงทุนระบบรางในอาเซียน ร่วมส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาค

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง- ญี่ปุ่น ครั้งที่ 17 ที่ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำประจำปีระหว่างผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ กับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนความร่วมมือ กำหนดแนวทางส่งเสริมความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น และประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยสนับสนุนการที่ญี่ปุ่นมีบทบาทแข็งขันในการพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาคและระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง การพัฒนาระบบการขนส่งทางราง การพัฒนาระบบรางคู่ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงเป็น win-win สำหรับทั้งอาเซียนและญี่ปุ่น เพราะประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง ย่อมจะเป็นผลประโยชน์สำหรับญี่ปุ่นเช่นกัน"ยุคนี้ เป็นยุคของเอเชีย-แปซิฟิก เพราะเราเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก ทุกประเทศจึงต้องช่วยกันประคับประคองและรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาค เพื่อเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ บทบาทของมหาอำนาจและความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประเทศมหาอำนาจมีความสำคัญ ดังนั้น นโยบายเชิงรุกเพื่อสันติภาพของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น น่าจะช่วยส่งเสริมความพยายามนี้ได้"พล.อ.ประยุทธ์กล่าวนอกเหนือจากความมั่นคงรูปแบบเดิม ในปัจจุบัน ประชาคมโลกยังคงต้องเผชิญต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ไร้พรมแดนและหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับวันมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การคอรัปชั่น และโรคระบาด ต้องยอมรับว่า การเชื่อมโยงของภูมิภาคที่มากขึ้น จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ มีมากขึ้น แต่อาเซียนต้องสร้างเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งด้วย
ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงสนับสนุนการรับรองแถลงการณ์ร่วมระหว่างอาเซียนและญีปุ่นเพื่อความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมข้ามชาติ โดยไทยให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปราม การบังคับใช้กฎหมาย การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในด้านอาชญกรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย และอาชญกรรมทางคอมพิวเตอร์ในลำดับแรก
หนึ่งในปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ที่อาเซียนจะต้องให้ความสำคัญคือ ภัยพิบัติ โดยเน้นการสร้างความเตรียมพร้อมและลดความเสี่ยง ไทยพร้อมสนับสนุนญี่ปุ่นที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Third UN World Conference on DisasterRisk Reduction ที่จะจัดในปีหน้า เพื่อเสริมสร้างการเตรียมความพร้อมในระดับโลก ซึ่งในระดับภูมิภาค ไทยได้ร่วมเป็นเจ้าภาพกับสหประชาชาติ จัดการประชุม Asian Ministerial Conference Disaster Risk Reduction ครั้งที่ 6 เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา.

[Mongwin]

'จีทูจี'จีนดันรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 10:00

'จีทูจี'จีนดันรถไฟทางคู่3เส้นทาง เชื่อมกรุงเทพฯ-หนองคาย-มาบตาพุด "ประยุทธ์"ชี้เป็นของขวัญปีใหม่

รัฐบาล "ไทย-จีน"เตรียมร่วมมือพัฒนาเส้นทางรถไฟใน 3 เส้นทาง โดยเป็นความร่วมมือแบบ"รัฐต่อรัฐ" เพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน และอาเซียน โดยข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ มีขึ้นในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการหารือความร่วมมือพัฒนาเส้นทางรถไฟเป็นการหารือแบบเต็มคณะ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของจีนที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าจีนมีความต้องการรื้อฟื้นเส้นทางสายไหม ซึ่งเห็นด้วยเพราะมีความสำคัญต่อประเทศไทย ซึ่งจะมีการทบทวนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป

“ท่านมีความรู้สึกว่าไทยกับจีนน่าจะร่วมกันตรงนี้เพราะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างไทยกับจีน เส้นทางก็มีการทำเชื่อมกันอยู่แล้วในปัจจุบัน มีการปรับปรุง ขยายเส้นทางกันอยู่แล้วในแต่ละประเทศ ประเด็นสำคัญคือเรื่องการขนส่งสินค้าต้องมีความเชื่อมโยงกัน จึงตกลงกันว่าจะร่วมมือกันในเรื่องการทำทางรถไฟ ขนาด 1.435 เมตร เป็นทางรถไฟที่รางกว้างกว่าปกติ คือกว้าง 1 เมตร ก็สอดคล้องกันพอดี ทางจีนบอกว่าพร้อมจะร่วมมือและสนับสนุนไทยทุกอย่างในการก่อสร้างเส้นทางนี้และเกิดประโยชน์ทั้งไทยและอาเซียน และจีน ก็ถือว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในด้านการพัฒนาการขนส่ง ทั้งสินค้าและประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนพัฒนารถไฟหลายเส้นทาง ที่พูดคุยกับทางการจีน และตกลงที่จะร่วมมือกันแบบรัฐต่อรัฐ คือ เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย กรุงเทพ-มาบตาพุด และแยกที่แก่งคอย จ.สระบุรี

"การดำเนินการไม่ได้ผ่านบริษัทใด ไม่มีผลประโยชน์ให้ใคร มีแต่ผลประโยชน์ให้ประเทศ ขอให้เชื่อมั่น ไม่ได้มีการเจรจาส่วนตัว เวลาพุดคุยเป็นการคุยเต็มคณะทั้งหมด กลับไปก็คงไปดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายให้เรียบร้อย เพื่อเดินหน้าต่อไปให้ได้ ถ้าไม่ทำวันนี้จะไม่ทันการณ์ และราคาจะแพงขึ้น"

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเห็นชอบแผนพัฒนารถไฟรางคู่ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ระยะเร่งด่วน 6 เส้นทาง ระยะทาง 903 กม. งบประมาณ 1.29 แสนล้านบาท โดยเป็นโครงการเชื่อมต่อจากเส้นทางเดิม กลุ่มที่สอง เป็นโครงการระยะที่ 2 เป็นขั้นศึกษาออกแบบในงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ระยะทาง 1,626 กม. และกลุ่มที่สาม พัฒนาทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน(Standard Gauge) ขนาด 1.435 เมตร ความเร็ว 180 กม./ชม. รวมระยะทาง 1,060 กม. โดยตามแผนอยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบ

ดังนั้น แผนพัฒนาร่วมระหว่างไทย-จีน ทั้ง 3 เส้นทางดังกล่าว ถือเป็นโครงการที่เร่งผลักดัน จากแผนเดิมอยู่ในขั้นการศึกษาและออกแบบ

“ผมยืนยันว่าเราต้องไม่เสียเปรียบในเรื่องรถไฟ มีอีกหลายประเทศที่สนใจ แต่เขาสนใจเส้นทางอื่น ไม่ใช่เส้นทางนี้ ซึ่งจะต้องไปพูดคุยกันต่อ ถ้าเราไม่ทำเส้นทางเหล่านี้ไว้ ก็จะเชื่อมต่อไม่ได้ เวลาก็จะล่าช้าไปเรื่อย การขนส่งสินค้าก็ลำบาก วันนี้เราจะเริ่มต้นรถไฟในประเทศ เริ่มทำทางคู่ รางกว้าง 1 เมตรส่วนหนึ่งก่อน ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร เพื่อจะเพิ่มระยะทางทางรถไฟให้มากขึ้น และรถไฟความเร็วสูง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รางกว้าง 1.435 เมตร ส่วนรถไฟความเร็วสูง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องศึกษาเรื่องความคุ้มค่าอีกครั้ง เราจะดำเนินการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วปานกลาง ถือว่าเป็นของขวัญให้คนไทยในปี 2558” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ยันโครงการต้องเกิด-ทุกอย่างโปร่งใส

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุด เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศที่เป็นมิตรกับเราด้วย

"อย่ากังวล ผมไม่เอาประเทศไทยเป็นเบี้ยล่างให้ใคร ผมมาทุกครั้งเอาเกียรติยศของคนไทยมาด้วย ยืนยันว่าจะต้องไม่มีการทุจริตในทุกโครงการ และโครงการจะต้องเกิด ไม่เช่นนั้นความไว้วางใจจะไม่เกิดขึ้น ชื่อเสียงประเทศไทยเสียหายมากเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการทำสัญญา จะให้ทำตามกฎหมาย"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่านอกจากนี้จีนจะให้ความช่วยเหลือเรื่องสินค้าเกษตร โดยจะรับซื้อข้าวจากไทย นอกจากนี้ยังได้พูดคุยในเรื่องความร่วมมือไทย-จีนด้านอื่นด้วย

ทีดีอาร์ไอชี้ต้องดูเงื่อนไข-รายละเอียด

นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่าในการเจรจากันในครั้งนี้ เข้าใจว่าเป็นการรับหลักการในเบื้องต้นระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศถึงความร่วมมือที่จะมีต่อกัน แต่ทั้งสองประเทศจะต้องทำงานร่วมกันในการศึกษาและกำหนดรายละเอียด

โดยในส่วนของประเทศไทย รัฐบาลอาจจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ด้วย

นายสุเมธกล่าวอีกว่าในการพิจารณาถึงความเหมาะสมของการร่วมมือระหว่างจีนกับไทยในโครงการนี้ แม้ในแง่เทคโนโลยีจีนมีการสร้างรางรถไฟจำนวนมากและเป็นประเทศผู้ผู้ผลิตเทคโนโลยีรถไฟที่มีเทคโนโลยีของตัวเอง แต่ในการพิจารณายังจะต้องรอดูความชัดเจนในเรื่องอื่นๆ ระหว่างการเจรจาระหว่างสองประเทศในขั้นตอนต่อไปว่าโครงการนี้มีรายละเอียดและเงื่อนไขอย่างไร

"โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนหลายแสนล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยก็ไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาซึ่งประเทศจีนจะมาลงทุนให้ฟรีๆ"

นายสุเมธ กล่าวว่าดังนั้นต้องดูว่าใครจะเป็นผู้ลงทุนด้วยเงื่อนไขอะไรแต่ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนทั้งสามเส้นทางที่จะมีการก่อสร้างนั้น ขณะนี้กระทรวงคมนาคมก็กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าของโครงการเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงระบบจากที่เคยจะก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงมาเป็นรถไฟความเร็วปานกลางที่วิ่งบนขนาดราง 1.435 เมตร จึงต้องมีการศึกษาความคุ้มค่าใหม่

จีน-ญี่ปุ่นพร้อมเลิกประกาศเตือนมาไทย

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการพบผู้นำอื่น รวมถึงได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัก โอบามา นายวลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งทุกประเทศสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทยว่ามีความสุขกันหรือยัง ซึ่งได้บอกไปว่าบรรยากาศดีแล้ว แต่ขอเวลาปฏิรูปประเทศระยะหนึ่งก่อน

“ได้พูดกับประธานาธิบดีโอบามาด้วย เขาแสดงความเป็นห่วง ผมก็ขอบคุณที่เป็นห่วงและยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับนายกฯ ปูติน ก็ถามว่าประเทศไทยเป็นไง เรียบร้อยหรือยัง ผมก็บอกเรียบร้อยดี ขอเวลาเราระยะหนึ่ง ทุกคนก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้พูดเรื่องความขัดแย้ง ผมบอกทุกประเทศว่าประเทศไทยสงบสุขพอสมควรแล้ว การท่องเที่ยวก็ดีขึ้น ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศมาเที่ยวเมืองไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและจีนบอกว่าจะยกเลิกประกาศเตือนเพื่อให้คนมาเที่ยว ทุกประเทศกล่าวขวัญถึงประเทศไทยในทางที่ดีหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

[Mongwin]

"ประจิน" เตรียมชง ครม.อนุมัติกรอบร่วมลงทุนรถไฟไทย-จีน 4 แสนล้าน คาดลงนาม ธ.ค.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 13 พ.ย. 2557 เวลา 17:00:15 น.

"ประจิน" เตรียมชง ครม.อนุมัติกรอบร่วมลงทุนรถไฟไทย-จีน 4 แสนล้าน เชื่อมคุณหมิง-เวียงจันทร์-หนองคาย-มาบตาพุด คาดลงนาม ธ.ค.นี้

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะนำผลกรอบการเจรจาร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนถึงความร่วมมือการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร จำนวน 1 เส้นทาง คือ สายหนองคาย-ขอนแก่น-นครราชสีมา-แก่งคอย-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด และแก่งคอย-บ้านภาชี-ชุมทางบางซื่อ ระยะทาง 867 กิโลเมตร จะเป็นการดำเนินการโครงการในรูปแบบจีทูจีหรือรัฐบาลต่อรัฐบาล ให้ ครม.อนุมัติในหลักการก่อนที่จะมีการร่างข้อตกลง (MOU) ร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและจีน คาดว่าจะลงนามร่วมกันได้ประมาณเดือนธันวาคมนี้

"หลังจากได้รับการอนุมัติหลักการจาก ครม.แล้ว จะนำร่างเอ็มโอยูที่จะร่างขึ้นมาใหม่เข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติ หรือ สนช.เพื่อให้เกิดความรอบคอบในแง่ของกฎหมาย จากนั้นก็จะเตรียมร่างเอ็มโอยูของทั้ง 2 ฝ่ายด้านทางรถไฟและไปลงนามที่จีนในเดือนธันวาคมนี้ และเริ่มทำงานร่วมกันตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนวงเงินลงทุนจะต้องมาร่วมกันประเมินอีกครั้งจากการออกแบบรายละเอียดของโครงการแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นกระทรวงคมนาคมได้ประเมินคร่าว ๆ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท"

พล.อ.อ.ประจินกล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดร่างเอ็มโอยูฉบับใหม่นี้ จะเน้นเรื่องความร่วมมือกันพัฒนาโครงการรถไฟสายไหมที่รัฐบาลจีนจะสร้างจากคุณหมิงมายัง สปป.ลาวโดยมาเชื่อมกับเส้นทางรถไฟของไทยที่หนองคาย-นครเวียงจันทร์ ซึ่งแนวทางการลงทุนจะไม่ได้ยึดเงื่อนไขของเอ็มโอยูเดิมที่ทำไว้ทั้งรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์และรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ ทั้งหมดจะอยู่บนเงื่อนไขใหม่ทั้งหมด จะไม่มีการนำสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยางพาราเข้ามาเกี่ยวข้อง

โดยการดำเนินการ เบื้องต้นจะมี 3 วิธีการ คือ
1.ร่วมกันลงทุนรูปแบบ PPP
2.BOT จะเป็นรูปแบบสัมปทาน และ
3.EPC&F เป็นแบบตั้งบริษัทร่วมกันในรูปแบบรัฐวิสาหกิจ
โดยรัฐบาลจีนจะเป็นหาเงินมาผู้ลงทุนและก่อสร้าง ส่วนรัฐบาลไทยเป็นผู้บริหารโครงการ พร้อมชำระหนี้เงินลงทุนคืนในระยะยาว

ส่วนการก่อสร้าง พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า จะเริ่มลงทุนก่อสร้างช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตรก่อนเป็นสายแรก ส่วนที่เหลือจะพัฒนาในระยะถัดไป

[Mongwin]