View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 13/11/2014 9:41 pm Post subject:
บิ๊กจินเร่งเครื่องรถไฟทางคู่กทม.-หนองคายเชื่อมจีน ชงครม.เห็นชอบเอ็มโอยู ยกเลิกเงื่อนไขรบ.ชุดที่แล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2557 18:45 น.
ประจินเผยเตรียมชงครม.18 พ.ย.นี้ เห็นชอบกรอบเอ็มโอยู ไทย-จีนพัฒนารถไฟทางคู่รางมาตราฐาน 1.435 เมตรเส้นทาง หนองคาย-แก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ วงงิน 4 แสนล. เล็งยกเลิกข้อตกลงแลกสินค้าเกษตรเดิม เปิดทางจีนหาแหล่งเงินทุน คาดตั้งคณะทำงานร่วมเริ่มสำรวจแนวเส้นทาง ออกแบบ ม.ค. 58 นี้ เล็งดึงญี่ปุ่น เกาหลีร่วมพัฒนาสนามบินและบริหารจัดการน้ำ พร้อมกันนี้ได้เร่งสรุปแผนพัฒนาโครงข่ายถนน และสนามบิน 6 ด่านศก.พิเศษ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า แนวทางความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน ในการพัฒนาเส้นทางรถไฟซึ่งจีนมีความต้องการฟื้นเส้นทางสายไหมเชื่อมจากเวียงจันทน์ต่อกับไทยที่หนองคาย เส้นทาง กรุงเทพ หนองคาย ระยะทางรวม 867 กม.ซึ่งจะเป็นรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) แบ่งเป็นช่วงหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม. และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ ระยะทาง 133 กม. วงเงินลงทุนรวมประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยจะเป็นความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยจะจัดทำกรอบบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างไทย-จีน เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นขอบในหลักการ ในการประชุม วันที่ 18 พฤศจิกายน หรืออย่างข้าไม่เกินสัปดาห์ต่อไป เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และลงนามในเอ็มโอยูร่วมกัน ให้ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ที่ประเทศจีน เพื่อให้มีผลทางปฎิบัติในเดือนมกราคม 2558 โดยทั้ง 2 ฝ่ายจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันในการสำรวจออกแบบและประมาณการราคาค่าก่อสร้างที่ชัดเจน
โดยขณะนี้มี 2 แนวคิดที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาคือ ยกเลิกข้อตกลงในเอ็มโอยูของรัฐบาลเดิม ที่เคยลงนามมาก่อนหน้านี้ซึ่งมีข้อตกลงการใช้สินค้าเกษตร ข้าว ยางพาราของไทย แลกกับการให้จีนลงทุนโครงการพื้นฐาน หรือ 2. คงเงื่อนไขใน เอ็มโอยู ฉบับเก่า ที่เป็นประ โยชน์ไว้ รวมกับเอ็มโอยูที่จะมีการลงนามใหม่ โดยหลักการ จะไม่มีรูปแบบการใช้สินค้าเกษตรแลกเปลี่ยนแล้ว
สำหรับรูปแบบการลงทุนในเอ็มโอยูไทย-จีน จะมี 3แนวทาง โดยจะเป็นการร่วมลงทุน โดยไทยจะมีสัดส่วนน้อยกว่าจีน เช่น 20 ต่อ 80 หรือ 15 ต่อ 85 หรือ 0 ต่อ100 โดยมีหลายแนวทางเช่น การร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (PublicPrivate Partnership หรือ PPP) ซึ่งเอกชนในที่นี้หมายถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีนที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานก่อสร้าง หรือ Build-Operate-Transfer Contract หรือ BOT คือ เอกชนเป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง บริหาร พร้อมให้สัมปทานบริหารและเก็บค่าบริการ จนครบอายุสัมปทาน จะโอนกรรมสิทธิ์ให้กับรัฐบาลไทย 3. Engineering Procurement Construction and Finance หรือ EPC&F คือให้เอกชนลงทุนสำรวจออกแบบก่อสร้าง และบริหาร จัดการ จัดเก็บค่าบริการ เพื่อชำระหนี้ โดยในข้อตกลงจีนจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนให้
ในแง่ของการลงทุน ไทยกับจีนจะร่วมกันแต่เราลงน้อยกว่า และเราจะเลือกรัฐวิสาหกิจของจีนที่มีอยู่ 5หน่วย ว่าจะใช้หน่วยไหนมารับผิดชอบงานก่อสร้าง ซึ่งหลังจากลงนามเอ็มโอยูร่วมกันเดือนมกราคม 2558 จะเริ่มต้นสำรวจแนวเส้นทาง ออกแบบ และประเมินค่าก่อสร้างให้ชัดเจน โดย 4 แสนล้านเป็นกรอบคร่าวๆ ที่วางไว้เบื้องต้น ต้องรอการสำรวจรายละเอียดจึงจะได้วงเงินลงทุนที่ชัดเจนพล.อ.อ.ประจิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือไทย-จีน ขณะนี้มีเส้นทางรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1 เส้นทาง และในเดือนธันวาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการหารือในการร่วมมือพัฒนา ท่าอากาศยาน และท่าเรือร่วมกัน รวมถึงความร่วมมือกับประเทศอื่น เช่น เกาหลี ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น
***เร่งสรุปแผนพัฒนาโครงข่ายถนน และสนามบิน 6 ด่านศก.พิเศษ
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการประชุมเพื่อสรุปแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะเร่งด่วน 5 พื้นที่ 6 ด่าน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) บริเวณชายแดน ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ในการเชื่อมโยงโครงข่ายด้านคมนาคมและด่านศุลกากร ซึ่งจะเริ่มมีการพัฒนาในปีงบประมาณ 2558 เช่นการสำรวจ ออกแบบ เวนคืน และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่วนปี 2559 จะต้องเร่งทำแผนงานให้ชัดเจนให้แล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2558 เพื่อบรรจุให้ทันกับงบประมาณปี 2559
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 14/11/2014 11:40 am Post subject:
จีนทุ่ม 4 แสนล้านเชื่อมรถไฟ ประจิน ชง ครม.อนุมัติแผนร่วมทุนสองประเทศ
หน้า เศรษฐกิจ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 พ.ย. 2557 06:15
ประจิน เสนอแผนร่วมมือโครงสร้างพื้นฐานไทย-จีน เข้า ครม.18 พ.ย.นี้ ก่อนเซ็นเอ็มโอยูในเดือน ธ.ค. ย้ำเดินหน้ารถไฟฟ้ากึ่งเร็วสูงเชื่อมไทย-ลาว-จีน แบบจีทูจี ประเดิมสายกรุงเทพฯ-โคราช 4 แสนล้านบาท เริ่มปี 58 จีนทุนหนักควักให้ 80-100% ไทยผ่อนทีหลัง ไม่เอี่ยวสินค้าเกษตร แย้มข่าวดีร่วมมือญี่ปุ่นเพิ่ม น้ำ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมนำเสนอหลักการความร่วมมือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือกับผู้นำจีน ในช่วงที่เดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบที่จะทำยุทธศาสตร์ร่วมกัน ซึ่งจีนจะเป็นยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมจากจีนสู่อาเซียน ขณะที่ไทยจะเป็นยุทธศาสตร์เชื่อมไทยกับอาเซียน
ทั้งนี้ การประชุมร่วมกันกับผู้นำจีนได้พูดถึงเส้นทางเชื่อมต่อจากลาว โดยเห็นชอบที่จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน (สแตนดาร์ด เกจ) 1.435 เมตร ร่วมกันระหว่างจีนและไทยใน 3 ช่วง คือ
ช่วงหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย
ช่วงแก่งคอย-กรุงเทพฯ และ
ช่วงแก่งคอย-ชลบุรี-มาบตาพุด
รวมระยะทาง 867 กิโลเมตร โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานเจรจา กำหนดรายละเอียดเส้นทางเพื่อให้เริ่มดำเนินการศึกษาและออกแบบได้ปี 2558 และเริ่มก่อสร้างปี 2559 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ใช้เงินลงทุน 400,000 ล้านบาท
ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความร่วมมือจะเป็นแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมีเส้นทางรถไฟที่จะก่อสร้างแน่นอนเป็นรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน ความเร็ว 160-180 กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานร่วมไทย-จีน ในระดับ รมว.คมนาคมกับผู้อำนวยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน เพื่อผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และทั้ง 2 ฝ่าย จะมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกันในเดือน ธ.ค.นี้ ช่วงที่คณะของไทยจะเดินทางไปจีน เพื่อให้มีผลบังคับเดือน ม.ค.2558
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร เพราะเป็นการลงทุนสร้างทางรถไฟร่วมกันเท่านั้น โดยความร่วมมือลงทุนมี 3 แนวทาง คือ รูปแบบพีพีพี คือ ภาครัฐและเอกชนร่วมดำเนินการ ซึ่งเป็นไปได้น้อย รูปแบบบีโอที คือสัญญาที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งตกลงให้อีกฝ่ายหนึ่งสร้างแล้วนำไปบริหารจัดการจนครบสัญญาแล้วโอนกลับคืน และอีซีพีแอนด์เอฟ คือการที่จีนเข้ามาร่วมลงทุนก่อสร้าง แต่ให้ไทยเป็นผู้บริหารจัดการ และไทยค่อยชำระเงินคืนให้กับจีนระยะยาว ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นมากสุด สำหรับสัดส่วนการลงทุนจีนอาจมากถึง 80-100% ขณะที่ไทยจะลงทุนไม่เกิน 20% แต่ยังไม่สรุป
นอกจากนี้ กลางเดือน ธ.ค. คณะนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น และอาจมีข่าวดีเกี่ยวกับความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ โดยจะนำเรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำ พลังงาน และโครง-สร้างพื้นฐานไปหารือด้วย ขณะเดียวกันยืนยันว่า การดำเนินโครงการจะเปิดกว้างให้ทุกประเทศที่สนใจไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน หรือยุโรป เพราะกระทรวงคมนาคมยังมีอีกหลายโครงการที่ต้องดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ปี 2558-2565 ที่กระทรวงคมนาคมกำลังจัดทำอยู่ คาดว่าจะใช้เงินทุนสูงเกิน 3 ล้านล้านบาท ครอบคลุมทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และอากาศ โดยกรอบวงเงินและโครงการที่มีความชัดเจนแล้ว แบ่งเป็นทางถนน 400,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการเร่งด่วนประมาณ 100,000 ล้านบาท ทางรางประมาณ 2 ล้านล้านบาท ทางอากาศ 110,000 ล้านบาท และทางน้ำ 76,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมด้วย สำหรับที่มาของแหล่งเงินทุนจะนำมาจาก 4 แหล่งเหมือนเดิม ได้แก่ การใช้งบประมาณของรัฐ การกู้เงินทั้งในและต่างประเทศ การร่วมทุนรัฐและเอกชน และการใช้กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้แนวทางใด
ทั้งนี้ โครงการเร่งด่วนที่จะดำเนินการแน่นอน เช่น การก่อสร้างรถไฟทางคู่รางมาตรฐานขนาด 1.435 เมตร เส้นทางแรก คือ ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และนครราชสีมา-มาบตาพุด กรุงเทพฯ-ระยอง และนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งจะนำเสนอ ครม.และสร้างให้เสร็จใน 4 ปี การก่อสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง เช่น ฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย (106 กม.) วงเงิน 11,272 ล้านบาท ชท.ถนนจิระ-ขอนแก่น (185 กม.) วงเงิน 26,007 ล้านบาท ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร (167 กม.) วงเงิน 17,292 ล้านบาท เป็นต้น
นอกจากนี้ มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 10 สาย ระยะทาง 464 กม. ใช้เงินลงทุนมากกว่า 400,000-500,000 ล้านบาท ส่วนทางอากาศ จะมีการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต สนามบินอู่ตะเภา ขณะที่โครงการสร้างถนน มีโครงการเร่งด่วนสร้างและขยายถนนทางหลวงระหว่างประเทศกับเพื่อนบ้าน และขยายถนนทางหลวงในประเทศเป็น 4 เลน สำหรับทางน้ำ จะมีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ปาก-บารา จ.สตูล ฝั่งอันดามัน เพื่อเชื่อมโยงกับท่าเรือสงขลา 2 ทางฝั่งอ่าวไทย การพัฒนาท่าเรือแม่น้ำป่าสัก เป็นต้น.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 14/11/2014 6:55 pm Post subject:
'อังกฤษ-ฝรั่งเศส'สนใจร่วมลงทุนรถไฟทางคู่
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2557 16:06
"อังกฤษ-ฝรั่งเศส" สนใจร่วมลงทุนรถไฟทางคู่ หวังเพิ่มความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับไทย
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังที่ นาย Roger Godsiff ประธานสมาชิกรัฐสภาของอังกฤษ ซึ่งเป็นกลุ่มมิตรภาพอังกฤษ-ไทย (Chairnam of All-Party Parliament Group หรือ APPG พร้อมด้วยนาย Graham Brady และ นาย David Amess สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ เดินทางเข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยร่วมด้วย โดยการหารือครั้งนี้ ทางสมาชิกรัฐสภาอังกฤษแสดงความยินดีในพัฒนาการทางการเมืองของไทย และการเดินหน้าตามโรปแมปที่ประกาศไว้ รวมทั้งกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้เล่าว่า ในขณะนี้ไทยได้จัดตั้ง สนช. สปช. และนำไปสู่สภาร่างรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ทางสมาชิกรัฐสภาอังกฤษพร้อมส่งผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกระบวนการปฏิรูปประชาธิปไตยของไทย
นายเสข กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษต้องส่งเสริมนโยบายการลงทุน การค้าระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนของสองประเทศ โดยทางอังกฤษสนใจจะร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทย เนื่องจากคำนึงถึงบทบาทไทยในภูมิภาคในการเชื่อมโครงโครงสร้างคมนาคม เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในภูมิภาค อีกทั้งไทยและอังกฤษพร้อมจะร่วมมือกันให้ความรู้ทางวิชาการกับประเทศในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม พล.อ.ธนะศักดิ์ได้แจ้งให้อังกฤษทราบเรื่อง พรบ.การประกอบธุรกิจแรงงานต่างด้าว ซึ่งอยู่ระหว่าง สปช.ทำการศึกษา ถ้าทางอังกฤษมีประเด็นที่ห่วงกังวล และมีข้อเสนอแนะในเรื่องใด ก็ขอให้ส่งมา เพื่อให้กฎหมายอำนวยด้านการค้ากับนักลงทุนต่างชาติมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นายเสข กล่าวต่อว่า ในวันเดียวกัน นายฟิลลิป วาแรง ผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสได้เข้าพบ พลเอกธนะศักดิ์ ในโอกาสที่นายวาแรง เดินทางเยือนไทย ในการเป็นประธานเปิดงานเวทีประชุมที่ปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศระหว่างฝรั่งเศส กับเอเชีย จะจัดขึ้นในวันที่ 17 พ.ย. 2557 ซึ่งมีนักธุรกิจฝรั่งเศส อาเซียน และหลายประเทศในเอเชีย เข้าร่วมกว่า 300 คน ที่ประเทศไทย
นายเสข กล่าวด้วยว่า ในการพบปะกันระหว่าง พล.อ.ธนะศักดิ์ และผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสครั้งนี้ นายวาแรง ได้ย้ำถึงความสำคัญบทบาทไทยในการเป็นศูนย์กลางทางภูมิภาค ใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผู้แทนพิเศษของรมต.ฝรั่งเศสแสดงความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุนและสนใจร่วมมือกับประเทศไทยในด้านต่างๆ ได้แก่ การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวฝรั่งเศสเดินทางมาไทย 6 แสนคนต่อปี ฝรั่งเศสจึงมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทย ต้องการส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนไทยในฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทไทยไปลงทุนในฝรั่งเศสแล้ว เช่น บริษัทกระดาษดับเบิ้ลเอ บริษัท ปตท. ซึ่งในปัจจุบัน มีบริษัทฝรั่งเศสมี 300 กว่าบริษัทในไทย มีการว่าจ้างงานคนไทยประมาณ 7 หมื่นคน ขณะเดี่ยวกัน มีคนฝรั่งเศสในไทยราว 2 แสนคน
นายเสข กล่าวว่า ขณะเดียวกันฝรั่งต้องการการขยายสินค้าส่งออกมายังประเทศไทย รวมทั้งการบริการในไทย อาทิ ด้านเทคโนโลยีเภสัชศาสตร์ พยาบาล พลังงาน การเกษตร นอกจากนี้ ทางฝรั่งเศสสนับสนุนให้นักศึกษาไทยเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสมากขึ้นกว่าเดิม โดยแสดงความพร้อมให้ทุนแก่นักเรียนทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการพบปะกันครั้งนี้ ทั้งอังกฤษและผรั่งสนใจร่วมสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะรถไฟทางคู่ โดยพลเอก ธนะศักดิ์ ขอให้เขียนแผนเสนอมายังประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/11/2014 3:07 pm Post subject:
คมนาคมเตรียมชงโครงการรถไฟรางคู่ร่วมกับจีนเข้า ครม.พรุ่งนี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2557 14:27 น.
ในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเสนอโครงการความร่วมมือสร้างรถไฟรางคู่ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะเสนอหลักการความร่วมมือที่จะดำเนินการกับประเทศจีน หลังจากนั้นจึงจะร่วมมือกับจีนกำหนดกรอบความร่วมมือให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตั้งเป้าเดินทางไปลงนามเอ็มโอยู (บันทึกความเข้าใจ) ในเดือนธันวาคมนี้ที่ประเทศจีนจากนั้นไทย และจีนจะเริ่มเดินหน้าโครงการภายใต้ความร่วมมืออย่างจริงจังต่อไป
สำหรับโครงการดังกล่าว จะเป็นการลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ใน 3 ช่วง คือ ช่วงหนองคายนครราชสีมา-แก่งคอย ช่วงแก่งคอย-กรุงเทพฯ และช่วงแก่งคอย-ชลบุรี-มาบตาพุด รวมระยะทางประมาณ 867 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟจากจีนผ่านลาวเข้ามาในไทย หลังตั้งคณะทำงานเจรจากำหนดรายละเอียดเส้นทางในปี 2558 แล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2559
เบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท เป็นระบบรถไฟฟ้าที่สามารถวิ่งให้บริการได้ด้วยความเร็ว 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความร่วมมือจะเป็นแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ส่วนรูปแบบการลงทุนพิจารณาไว้ 3 รูปแบบคือ พีพีพี คือ รัฐเอกชนร่วมดำเนินการ แต่ พล.อ.อ.ประจิน ระบุว่า จะไม่ใช่ทางเลือกแรกแน่นอน บีโอที หรือสร้างและเดินรถแล้วยกให้รัฐถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และอีซีพีแอนด์เอฟ คือ การที่จีนเข้ามาลงทุนก่อสร้างแล้วทางไทยเป็นผู้บริหารจัดการเอง โดยไทยชำระเงินคืนให้กับจีนในระยะยาว หรือเป็นการให้จีนลงทุนก่อสร้าง และไทยบริหารจัดการ และชำระเงินคืน ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกดีที่สุดสำหรับสัดส่วนการลงทุนอาจจะกำหนดให้จีนลงทุน 85% ไทย 15% หรือไทย 20% จีน 80% หรือจีน 100% ไทย 0%
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 17/11/2014 7:25 pm Post subject:
^^^
เห็นสัดสวนเช่นนี้แล้วกลุ้มใจหนอ เล่น 80-20 อย่างไรก็ไม่พ้นสิ่งที่คล้ายๆกะมาตรา 90 เด้ออ้าย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 18/11/2014 3:18 pm Post subject:
"ประยุทธ์" เผยครม.ไฟเขียวจับมือรัฐบาลจีนทำเส้นทางรถไฟร่วมกันแบบจีทูจี
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 18 พ.ย. 2557 เวลา 14:29:21 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 โดยกล่าวว่า ครม.เห็นชอบกับกระทรวงคมนาคมในเรื่องความร่วมมือกับรัฐบาลจีน ในการทำเส้นทางรถไฟร่วมกัน โดยจะจัดทำแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่ง ครม.เห็นชอบให้จะมีการเร่งรัดโครงการนี้โดยเร็ว
นายกฯกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ความร่วมมือกับจีน ยังมีประเด็นที่จีนจะซื้อผลผลิตทางการเกษตรจำนวนหนึ่งจากไทยด้วย เนื่องในวาระครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน 40 ปี
----
ครม.เห็นชอบสร้างรถไฟรางคู่ ยันเป็นความร่วมมือรัฐต่อรัฐ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤศจิกายน 2557 15:21 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหารือร่างพระราชบัญญัติภาษีมรดก ตามที่กระทรวงการคลังแล้ว พบว่ายังมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาอีกมาก และต้องใช้เวลาศึกษาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังมีมติเห็นชอบการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ตามมาตรฐานยุโรป ขนาด 1.435 เมตร เส้นทางแรกคือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา นครราชสีมา-มาบตาพุด กรุงเทพฯ-ระยอง และนครราชสีมา-หนองคาย โดยจะสร้างให้แล้วเสร็จใน 4 ปี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเป็นความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐ ไม่ผ่านบริษัทเอกชน
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 19/11/2014 12:12 pm Post subject:
ครม.สั่งคมนาคมร่างMOUไทย-จีน ฉบับรถไฟและฉบับสินค้าเกษตร
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 18 พฤศจิกายน 2557 21:39 น.
ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.เห็นชอบ คมนาคมและพาณิชย์ จัดทำร่างเอ็มโอยู ไทย-จีน 2 ฉบับ รถไฟและฉบับสินค้าเกษตร โดยให้เสนอร่างเอ็มโอยูเห็นชอบในสัปดาห์หน้า ประจินเผย มติเดิมให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ดำเนินการแต่รองนายกฯยังอยู่ต่างประเทศจึงให้คมนาคมและพาณิชย์จัดทำ นอกจากนี้ ครม.ไฟเขียวออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินสร้างรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้(18 พ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบหลักการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ตามที่ได้มอบหมายให้มีการแยกข้อตกลงเป็น 2 ฉบับ คือ ร่างเอ็มโอยูความร่วมมือ ไทย-จีน เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
และร่างเอ็มโอยูความร่วมมือไทย-จีน เรื่องการซื้อขายสินค้าเกษตร โดยประสงค์ให้ 2 ฝ่ายคือไทย-จีน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้นำร่างเอ็มโอยูที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เสนอครม.เห็นชอบในการประชุมครม.วันที่ 25 พฤศจิกายน ต่อไป
เป็นเรื่องเดิมที่ก่อนหน้านี้ครม.ได้เคยเห็นชอบไปแล้ว โดยมอบหมายให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ไปดำเนินการจัดทำ ร่างเอ็มโอยู 2 ฉบับและนำเสนอครม. แต่เนื่องจากรองนายกฯยังอยู่ระหว่างเยือนต่างประเทศหลายวัน และเป็นช่วงที่นายกฯเพิ่งกลับจากจีน จึงเป็นจังหวะที่ควรจะเดินหน้า ครม.จึงเห็นชอบให้ไปจัดทำร่างเอ็มโอยู ฉบับ โครงสร้างพื้นฐานและฉบับสินค้าเกษตร ซึ่งตัดมติเดิมที่มอบให้รองนายกฯเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทั้งไทย-จีน มีคณะทำงานอย่างไม่เป็นทางการ เจรจาร่วมกันแล้ว ซึ่งในส่วนของรถไฟที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ พร้อมจะนำเสนอครม.ขอความเห็นชอบร่างเอ็ทโอยูได้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนแน่นอน และพร้อมที่จะเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทันทีพล.อ.อ.ประจินกล่าว
โดยร่างเอ็มโอยูความร่วมมือด้านรถไฟนั้น มาจากหลักยุทธศาสตร์ เส้นทางสายไหมของจีน ยุทธศาสตร์การเชื่อมเครือข่ายของไทยที่เส้นทางจะมาเชื่อมต่อกัน และความสัมพันธ์ไทย-จีนและเอ็มโอยูที่รัฐบาลไทย -จีนเคยมีต่อกัน เห็นควรให้จีนมาร่วมดำเนินการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน1.435 เมตร (Standard Gauge) แบ่งเป็นช่วงหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม.และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ ระยะทาง 133 กม. โดยจะให้มีคณะทำงาน โดยรถไฟจะมอบหมายให้รมว.คมนาคมเจรจารายละเอียด ส่วนสินค้าเกษตร จะมอบให้รมว.พาณิชย์เจรจารายละเอียด ส่วนกรณีที่จีน จะซื้อข้าวจากไทยนั้น เป็นเอ็มโอยูอีกฉบับที่ไม่เกี่ยวกับเอ็มโอยูการก่อสร้างทางรถไฟ
ด้านนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ยังได้มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ 5 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.เส้นทางรถไฟสายเหนือ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ จำนวน4 ฉบับ เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ 2. เส้นทางชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น รวม 4 ฉบับ
เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
3.สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ รวม 15 ฉบับ 4.สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน รวม 19 ฉบับ และ 5.สายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร รวม 8ฉบับ นอกจากนี้ยังได้อนุมัติหลักการร่างพ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในตำบลจันทึก จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทางสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟและทางรถไฟทางคู่
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 19/11/2014 7:38 pm Post subject:
คาดนายกฯลงนามสร้างรถไฟทางคู่กับจีนเดือนหน้า
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 12:05
"สร้อยทิพย์" คาด "นายกรัฐมนตรี" จะลงนามก่อสร้างรถไฟทางคู่หนองคาย-มาบตาพุดกับรัฐบาลจีน เดือนธ.ค.นี้
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯอยู่ระหว่างการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ(MOU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้มีมติให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว และคาดว่าจะเสนอให้ ครม.อนุมัติในสัปดาห์ก่อนจะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ตรวจสอบข้อกฎหมายและประเด็นต่างๆ จากนั้นจะมีการลงนามร่วมกับรัฐบาลจีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางเยือนจีนในเดือน ธ.ค.นี้
สาระสำคัญภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนจะพัฒนาโครงการสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรเส้นทางจากหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม.และ กรุงเทพ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. รวมระยะทาง 867 กม. ซึ่งทางจีนจะจัดหาเงินลงทุนให้ พร้อมกับรับผิดชอบโครงการก่อสร้างทั้งงานโยธาและงานวางราง ส่วนทางฝ่ายไทยจะเป็นผู้บริหารโครงการ
นางสร้อยทิพย์ กล่าวว่า หลังจากการลงนามใน MOU ร่วมกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลงานก่อสร้างโครงการดังกล่าว โดยจะมีตัวแทนทั้งจากฝ่ายจีนและไทย รวมทั้งนักวิชาการที่จะเข้ามาร่วมออกแบบและประเมินเงินลงทุน ซึ่งจะมีการหารือถึงรายละเอียดในทุกด้าน และส่วนสำคัญคือแนวทางการชำระเงินคืนให้กับจีนด้วย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งดำเนินโครงการนี้ให้สามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 59
"จีนจะรับผิดชอบเรื่องการก่อสร้างโครงการ ส่วนเงินจีนเป็นคนหาให้ ส่วนเราจะใช้คืนอย่างไรต้องหารือกัน ที่จะหารือกันในคณะกรรมการร่วมกันจะมีความพยายามอย่างสูงสุดที่จะเริ่มก่อสร้างให้ได้ในปี 59"นางสร้อยทิพย์ กล่าว
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jhzUXq3FHjU
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Posted: 20/11/2014 10:18 am Post subject:
เตรียมร่วมญี่ปุ่น ผุดไฮสปีดเทรน ทาง867กิโลเมตร
ไทยโพสต์
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2557 - 00:00
ประยุทธ์ เตรียมเยือนญี่ปุ่นช่วงปลายปี คาดจับมือสร้าง ไฮสปีดเทรน เส้นใหม่ ตาก-มุกดาหาร เชื่อมฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศ ส่ง บิ๊กป้อม-สมคิด นำร่องเจรจาเหมือนคราวจีน ประจิน แจงรถไฟจีทูจีจีนเร็วปรื๋อเพราะเป็นเรื่องต่อเนื่อง ซ้ำสอดคล้องแผนพัฒนาม้าเหล็กดินแดนมังกร
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในช่วงเดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีภารกิจระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 1 ธ.ค. จะเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ, วันที่ 11-12 ธ.ค. จะร่วมประชุมอาเซียน-เกาหลี ที่ประเทศเกาหลีใต้ และวันที่ 19-20 ธ.ค. จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) และในช่วงปลายเดือนอาจจะมีการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ได้มีการหารือทวิภาคีในระหว่างประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ครั้งที่ 10 เมื่อเดือน ต.ค.
แหล่งข่าวกล่าวว่า การไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ อาจมีการทำความตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับญี่ปุ่น เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นเส้นทางสายใหม่จากจังหวัดตากไปยังจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเชื่อมฝั่งตะวันตกไปตะวันออก และเป็น 1 ใน 2 เส้นทางที่รัฐบาลกำหนดเอาไว้
ส่วนเส้นทางแรกได้ตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามาดำเนินการ คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย และหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 867 กิโลเมตร
เบื้องต้นคาดว่าไทยจะให้ญี่ปุ่นเข้ามาดำเนินโครงการรถไฟสายใหม่ ช่วงตาก-มุกดาหาร แต่ก่อนที่คณะของนายกฯ จะเดินทางไปเยือน คาดว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษานายกฯ จะร่วมคณะไปด้วย เพื่อเจรจากรอบความตกลงในเบื้องต้นเหมือนกรณีเดียวกับจีน แหล่งข่าวระบุ
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ยอมรับว่า เส้นทางรถไฟสายใหม่นี้เป็นรถไฟทางคู่ รางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ความเร็ว 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งรัฐบาลต้องการผลักดันเพื่อต่อเชื่อมจากฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมแม่สอดเชื่อมไปยัง จ.มุกดาหาร ที่จะต่อเข้าไปยัง สปป.ลาว ส่วนแนวทางที่จะให้ญี่ปุ่นเข้ามาดำเนินการนั้น ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน แต่ขณะนี้มีเพียงญี่ปุ่นเพียงรายเดียวที่แสดงความสนใจเส้นทางที่จะเชื่อมต่อกับโครงการทวาย นอกจากรถไฟทางคู่จากทวาย-บ้านพุน้ำร้อน แต่ก็ยังเปิดกว้างให้ทุกประเทศสนใจเข้าร่วมได้
เมื่อถามว่า ทำไมจีนไม่สนใจรถไฟสายนี้ พล.อ.อ.ประจินตอบว่า เป็นทางรถไฟสายใหม่ของ คสช.ที่กำหนดแนวทางการพัฒนารถไฟทางคู่ที่จะเชื่อมจากฝั่งตะวันตก-ฝั่งตะวันออก กับเส้นทางเชื่อมอีสานตอนบนกับอีสานตอนล่าง และมาบรรจบกับเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่เป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด-หนองคาย
หากมีเพียงญี่ปุ่นที่ตอบตกลงเข้ามาร่วมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การดำเนินโครงการก็น่าจะเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ส่วนรายละเอียดทางรถไฟสายใหม่ มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ในฐานะที่เป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รับผิดชอบ และจะร่วมเดินทางไปกับคณะของนายกฯ ในการเยือนญี่ปุ่นด้วย รวมทั้งอาจร่วมเดินทางไปกับคณะของ พล.อ.ประวิตร ที่จะเดินทางไปหารืออย่างไม่เป็นทางการล่วงหน้าด้วยพล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจินยังกล่าวถึงความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายกรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด-หนองคาย ว่า เป็นผลมาจากรัฐบาลก่อนเมื่อปี 2553 และรัฐบาลในเวลาต่อมาได้ทำความตกลงบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับรัฐบาลจีนว่าจะร่วมมือกันพัฒนารถไฟสายนี้ และจีนได้เข้าร่วมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้วย จึงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ รวมทั้งสอดคล้องกับแผนพัฒนารถไฟสายไหมของจีนที่จะผ่านลาวมาไทยและเชื่อมต่อไปยังมาเลเซีย ก็ทำให้การเจรจาครั้งนี้ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 18 พ.ย. เป็นการรายงานข้อมูลความร่วมมือในการการพัฒนารถไฟทางคู่ไทยจีนแบบรัฐต่อรัฐ และในวันที่ 21 พ.ย.นี้ จะสรุปกรอบความตกลงที่จะลงนามในเอ็มโอยู ก่อนเสนอขออนุมัติจาก ครม.ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ เพื่อนำเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยจะเป็นเพียงการวางกรอบแนวทางเบื้องต้นและมอบอำนาจให้ รมว.คมนาคมเป็นหัวหน้าคณะเจรจาในรายละเอียดของความร่วมมือต่อไป ส่วนเงื่อนไขรายละเอียดข้อตกลงนั้น จะเป็นการตกลงของผู้แทนทั้งสองฝ่าย และต้องได้รับความเห็นชอบตามขั้นตอนจากระดับประธานาธิบดีของจีน และ ครม.ของไทย ก่อนเปิดเผยรายละเอียดได้
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า แผนการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าตามแผนเดิมนั้น มี 5 เส้น โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนมี 2 เส้นทาง คือ
1.เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา (โคราช)-สระบุรี-แหลมฉบัง-มาบตาพุด ระยะทาง 737 กม. วงเงินก่อสร้าง 392,570 ล้านบาท และ
2.เส้นทางเชียงของ-เด่นชัย-บ้านภาชี ระยะทาง 655 กม. วงเงินก่อสร้าง 348,890 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ คาดว่าจะเริ่มดำเนินก่อสร้างได้พร้อมกันทั้ง 2 เส้นทางในปลายปี 2558 และกำหนดแล้วเสร็จในปี 2564
ส่วนระยะที่ 2 มี 3 เส้นทาง คือ
1.ตาก-พิษณุโลก-บ้านไผ่ เป็นเส้นทางที่เน้นเชื่อมต่อการเดินทางจากฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกของไทย เป็นการเชื่อมต่อประตูการค้าจากฝั่งพม่า-ไทย-ลาว
2.หนองคาย-อุบลราชธานี จะเน้นเชื่อมต่อประตูการค้าด้านอีสานตอนบนกับตอนล่าง เพื่อต่อไปยังเวียดนามและกัมพูชา และ
3.บ้านภาชี-กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ เป็นการเชื่อมต่อลงภาคใต้ตอนล่างไปยังมาเลเซีย จะดำเนินการช่วงปี 2565-2572.
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/11/2014 11:23 am Post subject:
ญี่ปุ่นเกาะขบวนรถไฟทางคู่ เปิดสายใหม่ตาก-มุกดาหารเชื่อมอีสต์-เวสต์
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 พ.ย. 2557 06:15
คมนาคมเปิดทางดึงญี่ปุ่นร่วมโปรเจกต์รถไฟทางคู่สายใหม่ตาก-มุกดาหาร เชื่อมฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ประจิน แจงเอ็มโอยูไทย-จีนสายหนองคายมาบตาพุด ทำมาก่อนรัฐบาลชุดนี้แล้วจึงยากปฏิเสธ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในเดือน ธ.ค.นี้ โดยคาดว่าจะมีการทำความตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ รางมาตรฐาน 1.435 เมตรที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นเส้นทางสายใหม่ จาก จ.ตากไปยัง จ.มุกดาหาร เพื่อเชื่อมฝั่งตะวันตกไปตะวันออกของไทย และเป็น 1 ใน 2 เส้นทางที่รัฐบาล คสช.กำหนดเอาไว้ ส่วนเส้นทางแรกที่ตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามาดำเนินการ คือเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย และหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทางรวม 867 กิโลเมตร
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่า เส้นทางรถไฟสายใหม่ตาก-มุกดาหาร เป็นรถไฟทางคู่ รางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ความเร็ว 160-180 กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งรัฐบาลต้องการผลักดันเพื่อต่อเชื่อมจากฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมแม่สอดเชื่อมไปยังมุกดาหารที่จะเชื่อมต่อเข้าไปยังประเทศลาว
ส่วนแนวทางที่จะให้ญี่ปุ่นเข้ามาดำเนินการนั้นยังไม่ได้มีข้อตกลงที่ชัดเจน แต่ขณะนี้มีเพียงญี่ปุ่นเพียงรายเดียวที่แสดงความสนใจนอกจากรถไฟทางคู่จากทวาย-บ้านพุน้ำร้อน เพราะญี่ปุ่นสนใจเส้นทางที่จะเชื่อมต่อกับโครงการทวายอยู่แล้ว ขณะนี้ถือว่ายังเปิดกว้างให้กับทุกประเทศ ที่สนใจเข้าร่วมได้ แต่หากในที่สุดมีเพียงญี่ปุ่นที่ตอบตกลงที่จะเข้ามาร่วมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การดำเนินโครงการก็น่าจะเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยจะเริ่มต้นจากการเข้าร่วมในการศึกษารายละเอียดของเส้นทางและความเป็นไปได้ของโครงการ
สำหรับรายละเอียดทางรถไฟสายใหม่นั้น ได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รับผิดชอบและจะร่วมเดินทางไปกับคณะของนายก รัฐมนตรีในการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ด้วย และอาจร่วมเดินทางไปกับคณะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปหารืออย่างไม่เป็นทางการล่วงหน้า
นอกจากนี้ พล.อ.อ.ประจิน ยังชี้แจงถึงความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนในการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่หนองคาย-มาบตาพุด ว่าเป็นผลสืบเนื่องจากรัฐบาลก่อนหน้านี้เมื่อปี 2553 และรัฐบาลในเวลาต่อมามีการทำความตกลงบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับทางรัฐบาลจีนว่าจะร่วมมือ กันพัฒนารถไฟสายนี้ และจีนได้เข้าร่วมในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้รายงานข้อมูลความร่วมมือในการพัฒนารถไฟทางคู่ไทย-จีน แบบรัฐต่อรัฐ โดยจะสรุปกรอบความตกลงที่จะลงนามในบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ซึ่งจะเสนอขออนุมัติจาก ครม.อีกครั้งในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยจะเป็นเพียงการวางกรอบแนวทางเบื้องต้นและมอบอำนาจให้ รมว.คมนาคมเป็นหัวหน้าคณะในการเจรจาในรายละเอียดของความร่วมมือต่อไป ส่วนเงื่อนไขรายละเอียดข้อตกลงนั้นจะมีการตกลงของผู้แทนทั้งสองฝ่ายและต้องได้รับความเห็นชอบตามขั้นตอนจากระดับประธานาธิบดีของจีนและ ครม.ของไทย ก่อนที่จะเปิดเผยรายละเอียดได้.
Back to top