View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 03/12/2014 3:31 am Post subject:
ชงร่าง MOU รถไฟไทย-จีน เสนอสนช.พิจารณา 4 ธ.ค.นี้ ดันตอกเข็มในปี 59
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
2 ธันวาคม 2557 22:42 น.
คมนาคมเสนอสนช. พิจารณาร่าง MOU รถไฟทางคู่ ไทย-จีน คาดบรรจุเป็นวาระประชุม 4 ธ.ค.นี้ โดยมีสาระสำคัญ 7 ข้อ ตั้งเป้าลงมือก่อสร้างให้ได้ภายในปี 2559 จีนหนุนก่อสร้างและการเงิน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในหนังสือส่งถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้พิจารณาบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 พร้อมทั้งแนบร่าง MOU ดังกล่าวนำส่งไปพร้อมกัน โดย สนช.ได้บรรจุเข้าเป็นวาระการประชุมในวันที่ 4 ธันวาคมนี้
สำหรับสาระสำคัญของร่าง MOU ดังกล่าวมี 7 ข้อ ประกอบด้วย
1.รัฐบาลไทยตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามีส่วนร่วมดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุดระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และช่วงแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตรซึ่งเป็นโครงการทางคู่ขนาดมาตรฐานโครงการแรกของไทย โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะใช้ความร่วมมือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
2.ในการดำเนินการตามเนื้อหาข้างต้น ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นพ้องที่จะใช้หลักการดังนี้
2.1 ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบก่อสร้างและพัฒนาระบบรถไฟเส้นทางดังกล่าว สำหรับการสนับสนุนเงินลงทุน และการชำระเงินลงทุนจะมีการหารือกันต่อไป
2.2 ฝ่ายไทยตกลงที่จะให้ฝ่ายจีนเข้ามามีส่วนร่วมในโอกาสแรกที่เป็นไปได้ ในขั้นตอนการเตรียมการของโครงการ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ และจะพยายามให้เริ่มการก่อสร้างได้ภายในปี 2559
2.3 ในการประเมินมูลค่าโครงการ ให้เป็นการหารือระหว่างไทยกับจีน รวมทั้งให้องค์กรที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของ 2 ฝ่ายเป็นผู้ประเมิน
2.4 ทั้ง 2 ฝ่ายจะพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับรูปแบบความร่วมมือของโครงการ โดยจะหารือกันต่อไปเกี่ยวกับรูปแบบดังกล่าว
3. ให้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมขึ้นใหม่ชุดหนึ่ง เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ สำหรับไทยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วม สำหรับจีน ให้ผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Council) เป็นประธานร่วม
4. ในการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ใช้อยู่ในประเทศคู่ภาคี
5. ในกรณีที่สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ขัดหรือแย้งกับบันทึกความเข้าใจใดๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟที่ลงนามระหว่างปี 2554-2556 ให้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีผลเหนือกว่า
6. บันทึกความเข้าใจฉบับนี้อาจแก้ไขโดยความเห็นชอบร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร
7. บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ ณ วันที่ลงนาม และจะมีผลบังคับใช้ 5 ปี นอกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร 6 เดือนล่วงหน้า ทั้งนี้หากไม่มีการบอกเลิก บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติอีกครั้งละ 5 ปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เคยระบุว่า จะพยายามผลักดันให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างของไทยมีส่วนในงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าว แม้เบื้องต้นไทยจะต้องให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านงานก่อสร้างของจีนซึ่งมีอยู่ 5 หน่วยงาน เป็นผู้รับงานก็ตาม โดยในเดือนธันวาคมนี้คาดว่าไทย-จีน จะสามารถร่วมลงนามใน MOU ได้และเริ่มทำงานร่วมกันในเดือนมกราคม 2558 ด้วยการสำรวจแนวเส้นทาง ออกแบบ และประเมินราคาให้ชัดเจน จากกรอบที่ตั้งไว้เบื้องต้นคือ 4 แสนล้านบาท
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 04/12/2014 11:11 am Post subject:
อดีตผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.หนุนโครงการรถไฟสาย ศก.ไทย-จีน ให้ สนช.ลงมติกันครหา-ออก กม.กันล่ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 ธันวาคม 2557 15:37 น.
ยุทธนา ทัพเจริญ รองโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (รองโฆษกวิป สนช.) เผยพรุ่งนี้ถกโครงการรถไฟ 2 เส้นทางสายเศรษฐกิจที่ไทยจับมือกับจีน รัฐให้สภาเห็นชอบก่อนกันครหา ชี้หากต้องการให้จีนดำเนินต้องออกกฎหมายรองรับกันโครงการล่ม ตัดปัญหาแบบที่ผ่านมาทั้งแท็บเล็ต-ข้าว ต้องพร้อมก่อนลงนาม รับชาติอื่นสนใจร่วมได้ พร้อมหนุนโครงการเต็มที่
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายยุทธนา ทัพเจริญ รองโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย แถลงภายหลังการประชุมวิป สนช.ว่า ในการประชุม สนช.วันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 ซึ่งมี 2 เส้นทาง คือ โครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร ทั้งสองเส้นทางเข้าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 23 ที่ระบุว่าต้องผ่านความเห็นชอบจากสภากรณีที่มีการใช้ทรัพยากรบางส่วนมีผลกระทบเศรษฐกิจ สังคมโดยรวม แต่ก็มี สนช.บางคนแย้งว่าไม่เข้ามาตรา 23 แต่เข้ามาตรา 17 ขอหารือสภาโดยไม่ลงมติ ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีความเห็นว่าควรให้สภาเห็นชอบเพื่อไม่เกิดปัญหาในอนาคต เพราะเรื่องนี้มีผลผูกพัน การก่อสร้างจะเริ่มปี 59 หากรัฐบาลใหม่มาก็จะมีปัญหาว่าทำไมไม่ผ่านสภา
นายยุทธนากล่าวว่า โครงการดังกล่าวประเทศจีนได้มีการศึกษาเส้นทางไว้แล้ว ส่วนวิธีการแม้จะเป็นรูปแบบจีทูจี หรือรัฐบาลกับรัฐบาล แต่หากจีนไม่ลงนามในสัญญาเองในอนาคตและให้เอกชนมาดำเนินการ สิ่งที่ตามมาคือกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้อยู่รองรับได้หรือไม่ และหากจะต้องมีการเปิดประมูล แต่ทางจีนจะต้องส่งมาเพียงรายเดียว เพราะหากส่งมากกว่า 1 รายก็อาจจะมีปัญหากับกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แต่หากจีนไม่สามารถชนะการประมูลก็จะเป็นจุดอ่อน ดังนั้น หากต้องการให้จีนเข้ามาดำเนินการจะต้องออกกฎหมายหรือระเบียบมารองรับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ในอดีตมีการทำสัญญาจีทูจีกับจีน ทั้งการซื้อขายแท็บเล็ต หรือขายข้าว ก็ไม่มีการประมูล เมื่อรัฐบาลถูกร้อง ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ เป็นการถ่วงเวลา โครงการไม่เกิด หรือรถดับเพลิง พอลงมือปฏิบัติจริงให้เอกชนมาทำ โดยจ้างเอกชนไทยก็เกิดปัญหาอีก เราเกรงว่าจะเกิดปัญหาลักษณะนี้อีก จึงควรออกกฎหมายหรือระเบียบมารองรับ หากรัฐบาลจีนทำไม่ได้ คนที่จะมาทำต่อก็ต้องเป็นคนของจีน ก็ต้องมีข้อยกเว้นมิเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาความล่าช้า โครงการล้ม หรือถ่วงเวลา ดังนั้นหากรัฐบาลกับรัฐบาลลงนามด้วยกันจริง แต่เวลาทำจะให้เอกชนมาทำ แต่รัฐบาลจะไม่ค้ำประกันหากมีการเปลี่ยนไป ดังนั้นหากเราไม่ปิดกั้นหรือหาทางแก้ไขไว้ หากรัฐบาลชุดนี้ไปแล้วข้าราชการอาจโดนร้องได้
นายยุทธนากล่าวว่า เมื่อร่างบันทึกความเข้าใจผ่านสภาแล้วยังไม่ได้ลงมือทำทันที จะต้องมีการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานโดยรัฐ เช่นการศึกษาความเป็นไปได้ หรือหัวรถจักร ดังนั้นต้องเตรียมการให้พร้อมก่อนที่จะมีการลงนาม จึงจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ส่วนเรื่องจุดคุ้มทุนจะมีการพูดกันภายหลังจากได้ข้อตกลงว่าจะให้ใครเข้ามาทำ โดยทางจีนต้องการขอสำรวจก่อน หากเห็นว่าคุ้มจึงจะตกลงแต่ ถ้าตกลงไม่ได้ก็ต้องเลิกไป หากสภาให้ความเห็นชอบก็จะมีการลงนามในเดือนธันวาคม โดยจะต้องมีการออกกฎหมายหรือระเบียบมารองรับเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้น ส่วนเหตุผลที่เลือกเส้นทางนี้เพราะเป็นเส้นทางที่ต่อจากจีน ไปลาว และเข้ามายังอ่าวไทย และในอนาคตจะไปออกทะเลอันดามัน หากประเทศอื่นๆสนใจก็สามารถมาทำได้เพราะยังมีหลายเส้นทาง เช่นประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจจะทำเส้นทางมุกดาหาร-เพชรบูรณ์-ตาก ซึ่งตนให้การสนับสนุนโครงการนี้เต็มที่
สำหรับร่างข้อตกลงบันทึกดังกล่าวถือเป็นโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานโครงการแรกของไทย โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยทางฝ่ายจีนจะรับผิดชอบในการก่อสร้างและพัฒนาระบบรถไฟ ส่วนทางฝ่ายไทยจะมีการให้จีนเข้ามีส่วนร่วมในขั้นตอนของการเตรียมโครงการ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและพยายามให้เริ่มมีการก่อสร้างในปี 2559 ในการ ประเมินมูลค่าโครงการให้เป็นการหารือระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมทั้งให้องค์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ประเมิน นอกจากนี้ให้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมขึ้นใหม่ชุดหนึ่ง เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการตามข้อบันทึกความเข้าใจ สำหรับไทยให้ รมว.คมนาคมเป็นประธานร่วม ส่วนจีนให้ ผอ.คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติเป็นประธานร่วมในกรณีที่สาระสำคัญของบันทึก ขัดหรือแย้งกับบนทึกความเข้าใจใดๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ลงนามระหว่างปี 2554-2556 ให้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีผลเหนือกว่า โดยจะมีผลใช้บังคับในวันที่ลงนาม และมีผลบังคับใช้ 5 ปี
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 04/12/2014 3:43 pm Post subject:
สนช.เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือไทย-จีนพัฒนารถไฟรางคู่
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ที่มา สำนักข่าวไทย
4 ธันวาคม 2557 เวลา 14:42:59 น.
สนช.ผ่าน "เอ็มโอยู" ไทย-จีน พัฒนารถไฟทางคู่
เรื่องโดย Nation TV
วันที่ 4 ธันวาคม 2557 14:29 น.
4 ธ.ค. สนช.เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือไทย-จีนพัฒนาโครงการรถไฟรางคู่ โดยเห็นชอบให้จีนรับผิดชอบก่อสร้างและพัฒนาระบบ
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (4 ธ.ค.) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า ไทยและจีนบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่าจะให้รัฐบาลจีนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ 133 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานโครงการแรกของไทย เพื่อประโยชน์ในระยะยาวของประชาชน รวมทั้งใช้ตำแหน่งที่ตั้งอันเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของไทยในภูมิภาคในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทางบกระหว่างจีนและประเทศสมาชิกอาเซียน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ตามข้อตกลงเห็นพ้องให้จีนรับผิดชอบก่อสร้างและพัฒนาระบบโดยการสนับ สนุนเงินลงทุน และการชำระเงินจะมีการหารือกันต่อไป ซึ่งจีนจะเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการเตรียมการรวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยจะพยายามให้เริ่มการก่อสร้างให้ได้ภายในปี 2559 และหากบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ขัดหรือแย้งกับบันทึกความเข้าใจใด ๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างนี้ระหว่างปี 2554-2556 ให้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้เหนือกว่า
ขณะที่ นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิก สนช. สนับสนุนร่างบันทึกความเข้าใจนี้ เพราะเป็นประโยชน์ของทั้งสองประเทศ และเป็นการลงทุนสู่อนาคต ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของสังคม แต่ยอมรับว่าโครงการขนาดใหญ่ที่ผ่านมา ยังเป็นระบบที่ไม่ครอบคลุมประชาชนทุกชนชั้น จึงอยากให้รัฐบาลติดตามอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุดที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบกับร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ด้วยคะแนน 187 คะแนน งดออกเสียง 7 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 158 เสียง ไม่เห็นด้วย 7 เสียง และงดออกเสียง 20 เสียง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 05/12/2014 3:32 pm Post subject:
กต. คาดเช็นเอ็มโอยูไทย-จีนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมระหว่าง 19 - 23 ธ.ค.นี้
โดย เมธา สกาวรัตน์
คอลัมน์ : ข่าวรายวัน -ข่าวในประเทศ
วันพฤหัสบดีที่ 04 ธันวาคม 2014 เวลา 19:52 น.
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การลงนามร่างบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับประธานสภาเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน คาดว่า จะมีขึ้นได้ในระหว่างวันที่ 19 - 23 ธ.ค.นี้ โดยขณะนี้อยู่ช่วงกำหนดวันที่ชัดเจนอยู่ หลังลงนามแล้วจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างไทย-จีนขึ้น ขณะที่ทางจีนจะส่งทีมเข้ามาเพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ของโครงการ โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ตั้งเป้าร่วมกัน ว่า จะเริ่มการก่อสร้างได้ในปี 2559
//------------------------------------
เริ่มสร้างรถไฟทางคู่ ปี59 ! มติสนช.เห็นชอบทำเอ็มโอยู "ไทย-จีน"
มติชน
วันที่ 05 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 08:58:19 น.
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 เห็นชอบบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 โดยมีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 187 เสียง และงดออกเสียง 7 เสียง และคาดว่าจะมีการลงนามระหว่างทั้ง 2 ประเทศในเร็วๆ นี้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของไทยที่ขอให้ สนช.พิจารณาเห็นชอบมี 2 เส้นทาง
ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอยกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อผ่าน สนช.และมีการลงนามระหว่างทั้งสองประเทศแล้ว จะมีการตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการ เชื่อว่าภายในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2558 จะสามารถลงพื้นที่สำรวจรวมถึงพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ ได้
"ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวถือเป็นโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานโครงการแรกของไทย โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะใช้ความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบในการก่อสร้างและพัฒนาระบบรถไฟ ส่วนฝ่ายไทยจะให้จีนเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนของการเตรียมโครงการ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและพยายามให้เริ่มมีการก่อสร้างในปี 2559" พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
พล.อ.อ.ประจิน ชี้แจงด้วยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการเดินรถไฟมาช้านาน ทั้งเรื่องอายุของรถ ราง และระบบการเดินรถ ที่ทำให้มีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การเดินทางใช้เวลามากเกินไป ดังนั้น โครงการนี้จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการขนส่งระบบราง ทั้งเรื่องระบบการบริการ ความปลอดภัย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โครงการนี้จะเป็นหนึ่งในโครงการเชื่อมจีนกับอาเซียนซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอน ขอยืนยันว่าจะไม่มีการมอบสิทธิประโยชน์เรื่องที่ดินสองข้างทางรถไฟให้กับประเทศจีน เราจะดูแลโครงการนี้ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกหลานในอนาคต
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 07/12/2014 9:30 pm Post subject:
"บิ๊กจิน" เอาใจจีน-ญี่ปุ่น ลุยมินิไฮสปีดเทรนเชื่อมไทย-อาเซียน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
7 ธันวาคม 2557 เวลา 11:55:35 น.
พลัน ที่ "สนช.-สภานิติบัญญัติฯ" ไฟเขียวร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล จีน ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เพื่อร่วมพัฒนารถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 734 กม. และแก่งคอย-บ้านภาชี-กรุงเทพฯ ระยะทาง 133 กม.
รถไฟทางคู่สายแรก ของไทยจะมีความเร็ว 180 กม.ต่อชั่วโมง ดูแลโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย 2558-2565 ซึ่งรัฐบาลประยุทธ์เร่งผลักดันหวัง "ยกเครื่อง"โครงสร้างพื้นฐานให้ทัดเทียมกับประเทศอาเซียน โดยเฉพาะ "ระบบราง" จะเป็นโปรเจ็กต์ไฮไลต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของไทยในอนาคต
"พล.อ.อ .ประจิน จั่นตอง" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแม่ทัพได้ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงรายละเอียดเรื่องนี้ว่า การเจรจาในข้อตกลงระหว่าง "รัฐบาลไทย-จีน" นั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาร่วมกันแล้วโรดแมปหลังจาก นี้ประมาณกลางเดือนธันวาคมจะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงของ 2 ประเทศ จากนั้นช่วงกลางเดือนมกราคม 2558 จะเริ่มดำเนินการภายใต้กรอบร่างเอ็มโอยูทันที
"เอ็มโอยูฉบับล่าสุดร่างขึ้นภายใต้เงื่อนไขใหม่ หลังนายกรัฐมนตรีไปเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการและนายกรัฐมนตรีของจีน ทวงถามถึงข้อตกลงเดิมของ 2 รัฐบาลที่ผ่านมา (เมื่อปี 2553 และปี 2556) แต่เราไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมด อันไหนที่เป็นประโยชน์ไม่ขัดกับข้อตกลงปัจจุบันก็จะคงไว้ แต่เป็นแค่กรอบกว้าง ๆ ต้องหารือร่วมกันอีกและใช้เวลาพอสมควร"
แต่ พล.อ.อ.ประจินบอกอย่างมั่นใจว่า ในปีหน้าจะเห็นเป็นรูปธรรมชัด หลังคณะทำงาน 2 ฝ่ายเดินหน้าแล้ว ทั้งรูปแบบโครงการ การลงทุนและวงเงินก่อสร้าง จากที่ประเมินไว้คาดว่าจะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 392,570 ล้านบาท
"เป้าหมายรัฐบาลไทยอยากนำร่องสายแรกให้ได้ก่อน คือกรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 250 กม. ซึ่งจะประมูลก่อสร้างในปี 2559 แล้วเสร็จในปี 2563-2564 โดยจะเริ่มพร้อมกับรถไฟความเร็วสูงของจีนที่ใช้ความเร็ว 160-180 กม.ต่อ ชม.ที่สร้างจากคุนหมิงมานครเวียงจันทน์ แล้วเชื่อมกับไทยที่หนองคาย"
สำหรับ รูปแบบการลงทุนนั้น เจ้ากระทรวงคมนาคมระบุว่า จะมี 3 แนวทาง แนวทางแรกเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership)ซึ่งเอกชนในที่นี้หมายถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีนที่มีหน้า ที่รับผิดชอบงานก่อสร้าง ทราบว่ามีอยู่ 4-5 บริษัท ซึ่งไทยมีสิทธิ์จะคัดเลือกบริษัทต่าง ๆ เข้ามาร่วมลงทุนได้
แนวทาง ที่ 2 รูปแบบ BOT (Build-Operate-Transfer Contract) โดยจ้างเอกชนลงทุนก่อสร้าง พร้อมให้สัมปทานบริหารและเก็บค่าบริการ เมื่อครบอายุสัมปทานก็จะโอนกรรมสิทธิ์ให้รัฐบาลไทย
รูปแบบที่ 3 EPC&F (Engineering Procurement Construction and Finance) จีนจะดำเนินการให้ทุกอย่าง คล้ายกับวิธีการเทิร์นคีย์ แต่จะไม่เรียกว่าเทิร์นคีย์ ทั้งสำรวจ วางแผนโครงการ จัดหาเงินลงทุนดอกเบี้ยต่ำ ออกแบบและประมูลก่อสร้าง ส่วนการบริหารโครงการ รัฐบาลไทยจะดำเนินการพร้อมชำระหนี้คืนในระยะยาว
"ประเด็นนี้ยังไม่รู้ว่าจะกี่ปี 30 ปี หรือ 50 ปี เงื่อนไขอยู่ที่การเจรจา"
"รูป แบบสุดท้าย ผมว่าน่าสนใจ หากรัฐบาลจีนให้เครดิตเงินลงทุนดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานแก่เราได้ โดยรัฐบาลไทย-จีนจะตั้งบริษัทร่วมกันรูปแบบรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไทยมีสิทธิ์จะเลือกรัฐวิสาหกิจของจีนทั้ง 5 รายมาร่วมลงทุน สัดส่วนการถือหุ้นยังไม่นิ่ง ฝ่ายไทยอาจจะถือ 80-85% ส่วนจีนอยู่ที่ 15-20%"
ประเด็นข้อกังวลเรื่องสิทธิ์การพัฒนาที่ดินตามเขตทางรถไฟนั้น พล.อ.อ.ประจินย้ำว่า "สิทธิ์นี้ยังเป็นของรัฐบาลไทย รวมถึงผู้รับ เหมาก่อสร้างก็ต้องเป็นรับเหมาไทยเช่นกัน ส่วนจีนจะได้สิทธิ์แค่การก่อสร้างและพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการจัดหาแรงงานเฉพาะทางเท่านั้น"
พล.อ.อ.ประจินกล่าวยอมรับว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศชัดว่าจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางกว่า 1 ล้านล้านบาท นอกจากรัฐบาลจีนแล้วก็มีอีกหลายประเทศทั้งในเอเชียและยุโรปต่างแสดงความสนใจ อยากเข้ามาลงทุนในระบบราง
"พันธมิตรต่างชาติ เราทิ้งใครไม่ได้เลย ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป เพราะเราจะทำทั้งรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ น่าจะให้ทุกประเทศมีส่วนร่วม ซึ่งญี่ปุ่นสนใจรถไฟทางคู่1.435 เมตร และพร้อมปล่อยกู้ให้ไทยลงทุนสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 ส่วนเกาหลีใต้สนใจเรื่องการบริหารจัดการน้ำและรถเมล์เอ็นจีวี"
ทั้งนี้ คาดว่าในเร็ว ๆ นี้หลังนายกรัฐมนตรีเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว จะเห็นความร่วมมือชัดเจน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบรถไฟรางสายตะวันออก-ตะวันตก 2 เส้นทางได้แก่ สายตาก-พิษณุโลก-บ้านไผ่-มุกดาหาร ซึ่งไทยยังไม่มีรถไฟเชื่อมแนวตะวันออก-ตะวันตก อีกทั้งเป็นการรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.แม่สอดและ จ.มุกดาหาร
และสายกาญจนบุรี-มาบตาพุด ซึ่งจะเชื่อมท่าเรือน้ำลึกที่ทวายได้ โดยมีเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง เป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์รวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนที่รัฐบาลกำลังจะเร่งอยู่ เพื่อเสริมการท่องเที่ยวภาคตะวันออกและเชื่อมต่อกับสายหนองคาย-มาบตาพุด เพื่อให้เป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์
ทั้งนี้ เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง จะต่อขยายจากแอร์พอร์ตลิงก์ วิ่งด้วยความเร็ว 160 กม.ต่อ ชม. ระยะทาง 193 กม. เบื้องต้นใช้เงินลงทุน 101,205 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการหารือกับจีน ต้องขอศึกษาก่อนว่าจะไปรวมกับสายแก่งคอย-กรุงเทพฯ หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีจะหารือกับญี่ปุ่นในประเด็นนี้ด้วย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44333
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 08/12/2014 11:05 am Post subject:
ประจินชะลอถกญี่ปุ่น สร้างรถไฟกึ่งเร็วสูง
ประจิน ชะลอถกญี่ปุ่น ร่วมมือรถไฟกึ่งความเร็วสูง ตาก-มุกดาหาร หลังรัฐบาลยุ่นยุบสภา แต่พร้อมเดินหน้าลงนาม เอ็มโอยู ไทย-จีน เดือนธ.ค.นี้
เดลินิวส์ วันจันทร์ 8 ธันวาคม 2557 เวลา 02:21 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ชะลอการเจรจาความร่วมมือ โครงการทางรถไฟกึ่งความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางสายตาก-มุกดาหาร เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นมีการยุบสภาและอยู่ระหว่างการเลือกตั้งใหม่ จึงต้องรอให้มีการตั้งรัฐบาลญี่ปุ่นเสร็จก่อน ถึงจะมีการเจรจาร่วมกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศอีกครั้ง อย่างไรก็ตามระหว่างนี้จะให้มีการหารือกันในระดับเจ้าหน้าที่ไปก่อน
ส่วนความคืบหน้าความร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด 734 กม และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ 133 กม. ระหว่างไทย-จีน ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ธ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางไปลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยและจีนอย่างเป็นทางการ
ตามขั้นตอนการร่างเอ็มโอยูไทย-จีน ต้องผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามมาตรา 24 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ก่อน จึงสามารถลงนามในเอ็มโอยูที่จะร่วมมือกันได้ จากนั้นผมได้รับมอบหมายจะเป็นหัวหน้าคณะในการเจรจารายละเอียดความร่วมมือของโครงการต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 08/12/2014 7:45 pm Post subject:
เปิดปูมเอ็มโอยูรถไฟ"ไทย-จีน"
โดย : นครินทร์ ศรีเลิศ Bank_tennis@hotmail.com
การเมือง : ทัศนะวิจารณ์
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 8 ธันวาคม 2557 01:00
สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่งจะมีมติเห็นชอบ ร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลจีนภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 ตามที่ ครม.เสนอ
ที่ผ่านมาไทยกับจีนมีการหารือเรื่องความร่วมมือ ในการสร้างทางรถไฟมาแล้วหลายรัฐบาล ไล่เรียงตั้งแต่สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่จีนเริ่มมีนโยบายเชื่อมทางรถไฟจากเมืองคุนหมิงลงมายัง สปป.ลาว ต่อมาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มีการลงนามในเอ็มโอยูร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ได้แก่เอ็มโอยูว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ และเอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟในประเทศไทยแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตร ก่อนที่จะมีการยุบสภาฯไปเมื่อปลายปี 2556 ทำให้โครงการนี้หยุดชะงัก กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้หารือเรื่องนี้กับนาย หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ระหว่างการประชุม ASEM ณ นครมิลาน อิตาลี จึงมีการรื้อฟื้นความร่วมมือเรื่องรถไฟระหว่างสองประเทศขึ้นมาหารืออีกครั้ง
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช. ไปหารือกับตัวแทนของรัฐบาลจีนระหว่างวันที่ 28 - 31 ต.ค. ในครั้งนั้นคณะของพล.อ.ประวิตรได้พบกับ พล.อ.ฉาง ว่านฉวน รมว.กลาโหมของจีน ซึ่งมีการหารือความร่วมมือระหว่างไทย -จีนหลายด้านและเป็นที่มาของการจัดทำร่างเอ็มโอยูฉบับนี้เพื่อเดินหน้าโครงการรถไฟทั้งสองโครงการ
รายละเอียดของเอ็มโอยูฉบับดังกล่าว เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับจีน ในการสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร 2 เส้นทางได้แก่เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม. และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทาง 133 กม. ขณะที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมบอกว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวมกันไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาทและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2559
เอ็มโอยูฉบับนี้ยังระบุเงื่อนไขในดีลระหว่างรัฐบาลว่า ในการชำระเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวคืน ส่วนหนึ่งฝ่ายไทยจะชำระคืนด้วยข้าว และ/หรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆในสัดส่วนที่เหมาะสมกับมูลค่าของโครงการฯตามที่จะตกลงกัน ส่วนที่เหลือจะชำระด้วยเงินสด จีนพร้อมที่จะลงนามในสัญญาซื้อสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มเติม ได้แก่ข้าว (ข้าวใหม่)ของไทยอีก 1 ล้านตันและข้าวในสต็อกของรัฐบาลไทยอีก 1 ล้านตัน และจะเร่งรัดการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวที่ได้ลงนามกันไว้แล้วอีก 7 แสนตัน รวมทั้งจีนตกลงที่จะซื้อยางพาราจากไทยจำนวน 2 แสนตัน
หากพิจารณาจากเงื่อนไขตรงนี้ดูเหมือนจะเป็นแบบ Win - Win ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไทยได้เดินหน้าสร้างทางรถไฟสายใหม่และเป็นโครงการแรกที่ไทยจะสร้างรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร รวมทั้งได้ระบายสินค้าเกษตรในสต็อกทั้งข้าวและยางพารา ขณะที่จีนก็จะได้เชื่อมต่อทางรถไฟจากตอนใต้ลงมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดทางออกสู่ทะเลเพิ่มขึ้นตามแผนเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ตามที่ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ได้ประกาศไว้ในเวที APEC ที่เพิ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อเร็วๆนี้
ต้องจับตามองต่อไปว่าหลังจากการลงนามในเอ็มโอยู ระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในโครงการนี้จะมีการขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติอย่างไร ? คงต้องฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมการบริหารร่วมฯที่มี รมว.คมนาคมของไทยเป็นประธานร่วม กับผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีนที่จะทำงานร่วมกันในการเดินหน้าโครงการนี้ ให้เป็นรูปธรรมด้วความโปร่งใส คุ้มค่าต่อการลงทุน ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน ในการพัฒนาเศรษฐกิจระยะต่อไปอย่างแท้จริง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 08/12/2014 11:31 pm Post subject:
เวอร์ชันประชาชาติธุรกิจจะเป็นแบบนี้
เลื่อนคุยญี่ปุ่นลงทุนรถไฟทางคู่ รอรัฐบาลใหม่ตั้งเสร็จก่อนเยือน เดินหน้าเอ็มโอยูจีนสัปดาห์หน้า
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
8 ธันวาคม 2557 เวลา 13:40:57 น.
"ประจิน" เผยรัฐบาลชะลอเดินทางเยือนญี่ปุ่นร่วมเจรจาพัฒนารถไฟทางคู่ เส้นทางตาก-มุกดาหาร จากเดิมกำหนดไว้กลางเดือนธันวาคมนี้ รอญี่ปุ่นตั้งรัฐบาลใหม่ให้เสร็จก่อน พร้อมเดินหน้าลงนามเอ็มโอยู รถไฟไทย-จีน สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนี้ หลังผ่านความเห็นชอบจาก สนช.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลจะชะลอการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นเพื่อเจรจาความร่วมมือพัฒนาโครงการทางรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน (สแตนดาร์ด เกจ) 1.435 เมตร เส้นทางสายตาก-มุกดาหาร ที่เป็นระบบรถไฟฟ้าออกไปก่อน จากเดิมที่มีกำหนดการจะเดินทางไปในช่วงกลางเดือนธันวาคม และจะร่วมมือกันในลักษณะเดียวกับไทยและจีน เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในของญี่ปุ่น จึงต้องรอให้ญี่ปุ่นจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จก่อน
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า สำหรับการเดินทางไปเยือนประเทศจีนเพื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยและจีน ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพ ระยะทาง 133 กิโลเมตรนั้น คาดว่าภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนจีนและลงนามเอ็มโอยูดังกล่าว ส่วนร่างเอ็มโอยูที่ไทยจะลงนามร่วมกับจีนนั้น ได้ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว จึงสามารถลงนามในเอ็มโอยูที่จะร่วมมือกันได้เลย จากนั้นจึงจะเจรจารายละเอียดของโครงการร่วมกันต่อไป
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ในส่วนของการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ที่จะดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2558 ยังกำหนดไว้ที่ 3 เส้นทาง คือ
1.สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 190 กิโลเมตร
2.สายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร และ
3.สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร
โดยเส้นทางที่ 3 ได้รับงบประมาณเวนคืนที่ดินแล้ว ส่วนค่าก่อสร้างจะใช้เงินค่าธรรมเนียมผ่านทางจากกองทุนมอเตอร์เวย์
"ใน 2 สายแรกคือ สายบางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี ตอนนี้มีหลายประเทศแสดงความสนใจและพร้อมสนับสนุนเงินกู้ เช่น เกาหลี จีน และญี่ปุ่น แต่จะดำเนินการในรูปแบบใดต้องหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลังก่อน" พล.อ.อ.ประจินกล่าว
นายชูศักดิ์ เกวี อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเสนอขอความเห็นชอบรูปแบบการลงทุน ซึ่งมี 4 รูปแบบคือ
1.กระทรวงการคลังกู้เงินภายในประเทศ
2.การให้เอกชนร่วมลงทุนแบบพีพีพี แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน
3.การให้เอกชนเข้ามารับสัมปทาน และ
4.การให้เอกชนเข้ามาลงทุนก่อสร้างพร้อมจัดหาแหล่งเงินกู้แบบเทิร์นคีย์ที่มีแบบรายละเอียดก่อสร้างแล้ว เพื่อควบคุมราคาก่อสร้างได้ เมื่อก่อสร้างเสร็จกรมทางหลวงจะชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าก่อสร้าง เชื่อว่าแนวทางนี้มีความเหมาะสมที่สุด และศักยภาพของผู้รับเหมารายใหญ่ในไทยสามารถดำเนินการได้ ส่วนแนวทางที่เป็นไปได้รองลงมา คือ รัฐกู้เงินดอกเบี้ยต่ำมาดำเนินการ
//---------------
คมนาคมจะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเข้า ครม.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 ธันวาคม 2557 19:03 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมมีแผนผลักดันโครงการรถไฟฟ้าที่ยังล่าช้า โดยภายในเดือนมกราคม 2558 จะนำโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ-สุวินทวงศ์ และช่วงสถานีบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
ซึ่งขณะนี้รายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถูกเสนอเรื่องมาที่กระทรวงคมนาคมเรียบร้อยแล้ว และจะเร่งรัดโครงการที่ค้างอยู่ต่อไป ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต -สะพานใหม่-คูคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการประมูลก่อนจะสรุปเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ม. เพื่อกระทรวงคมนาคมจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ส่วนสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-บางกะปิ -สำโรง และสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี คาดว่าจะสามารถเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 2558
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ ขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ที่เข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 - 2565 ว่า หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบกรอบความลงตกแล้วนั้น คาดว่าจะมีการลงนามร่วมกันภายในปีนี้ อาจจะเป็นช่วงระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมตรีรัฐบาลจีน ประมาณวันที่ 25 ธันวาคมนี้ หรืออาจจะเป็นช่วงก่อนปีใหม่ที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไปเยือนจีน
ทั้งนี้ หากการลงนามแล้วเสร็จ กระทรวงคมนาคมจะจัดตั้งคณะทำงานในส่วนของกระทรวงคมนาคมและหน่วยเกี่ยข้อง ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2558
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) กระทรวงคมนาคมได้เชิญคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มาบรรยายสรุปเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดสำหรับโครงการของกระทรวงคมนาคม หากมีความเป็นไปได้ จะให้แต่ละหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจไปศึกษาร่วมกับ ก.ล.ต.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 09/12/2014 8:26 pm Post subject:
สนทนาเกี่ยวกะ รถไฟความไวสูง กับ รมช. คมนาคม
https://www.youtube.com/watch?v=diqO2fhlCYk
//----------------------------
นายกฯ เผยร่วมลงนามข้อตกลงเอ็มโอยูรถไฟจีน 19-20 ธ.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
10 ธันวาคม 2557 12:41 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 19-20 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ นายหลี เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะให้เกียรติมาเซ็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือเอ็มโอยู ซึ่งเป็นการร่วมกันพัฒนาในโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง 160 - 180 ต่อชั่วโมง เป็นการเชื่อมโยงเพื่อพัฒนาประเทศไปสู่อนาคต และสร้างความเชื่อมโยงของอาเซียน โดยจีนให้ความช่วยเหลือในรูปเงินกู้
//-------------------------------
นายกฯ มีกำหนดเยือนจีน 22-23 ธ.ค.เซ็น MOU สร้างทางรถไฟ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 ธันวาคม 2557 14:45 น.
ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม ตามคำเชิญของผู้นำจีน เพื่อร่วมลงนามร่างบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย 2558-2565 ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย กับประธานสภาเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของสาธารณประชาชนจีน
//-----------------
รบ.เตรียมลงนามMOUสร้างรถไฟเร็วปานกลาง
ข่าวภูมิภาค
INN News
วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2557 17:01น.
รัฐบาลไทยเตรียมลงนามร่างบันทึกความร่วมมือก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลางกับรัฐบาลจีน ในช่วงระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค.
ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดการลงนามร่างบันทึกความร่วมมือ หรือ เอ็มโอยู ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งมีความเร็ว 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ว่า จะมีการลงนามกันที่ประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุม ส่วนการดำเนินการก่อสร้างอย่างเร็วที่สุดน่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2559 เนื่องจากในปี 2558 จะเริ่มมีการศึกษาแผนการก่อสร้างต่าง ๆ ร่วมกัน
ส่วนการเดินทางของนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในการเชื่อมสัมพันธ์ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ตอบรับการเดินทางแล้ว ส่วนวันเวลาในการเดินทางทีมโฆษกจะเปิดเผยให้ทราบอีกครั้ง ขณะเดียวกันในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อร่วมประชุมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ และพบปะนักธุรกิจชาวเกาหลีเพื่อกระชับสัมพันธ์ทางการค้า
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42629
Location: NECTEC
Posted: 15/12/2014 11:20 am Post subject:
ประยุทธ์ จ่อลงนามเอ็มโอยูจีน รถไฟความเร็วปานกลาง-ขายข้าว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 ธันวาคม 2557 18:30 น.
นายกฯ ไทย-จีนเตรียมเซ็น MOU เส้นทางรถไฟ-ค้าข้าว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 ธันวาคม 2557 19:04 น.
ไทย-จีน จ่อเซ็นเอ็มโอยูรถไฟ-ขายข้าว
เดลินิวส์
วันอาทิตย์ 14 ธันวาคม 2557 เวลา 16:31 น.
"บิ๊กตู่"เตรียมถกทวิภาคีนายกฯ จีน 19-20 ธ.ค.นี้ จ่อลงนามเอ็มโอยู 2 ฉบับ รถไฟความเร็วปานกลาง-ขายข้าว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 19-20 ธันวาคมนี้ จะมีผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศ ไทย จีน ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า เข้าร่วม โดยที่ประชุมจะพิจารณาแผนงานโครงการความร่วมมือต่างๆ อาทิ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจเพื่อมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ การพัฒนากฎระเบียบให้เกิดความเชื่อมโยงในภูมิภาค เป็นต้น
โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะหารือทวิภาคีร่วมกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟความเร็วปานกลางสองเส้นทาง คือ หนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพ และบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขายข้าวระหว่างไทยกับจีน
//----------------------------------------
Back to top