ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65

Mongwin · Posted: 11/12/2012 4:23 pm Post subject:

ผ่านทิวเขาหลวงพระบางไม่ไหวแน่นอน
ตามข่าว คงจะยกฐานะด่านภูดู่ จากจุดผ่อนปรน เป็นด่านถาวรกระมังครับ

ส่วนย่านสถานีศิลาอาสน์ ล่าสุดการรถไฟฯ ก็เปิดประมูลให้เอกชนเข้าใช้ประโยชน์อยู่ครับ

Mongwin · Posted: 16/12/2012 10:48 am Post subject:

"ชัชชาติ"เร่งเชื่อมทางคมนาคมเชียงราย 20ธ.ค.นี้เปิดสะพานมิตรภาพ 4
วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8053 ข่าวสดรายวัน หน้า 9

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ตนจะร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) และจะหารือกับตัวแทนสปป.ลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยจะเจรจากับสปป.ลาว เรื่องการจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีส่งออกของไทยผ่านสปป.ลาวไปจีน บริเวณบ่อหาร-บ่อเต็น เพราะที่ผ่านมาการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางไทย-ลาว-จีน ทางสปป.ลาวมีการจัดเก็บภาษีทั้งนำเข้า-ส่งออก ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเสนอปรับแนวทางการจัดเก็บภาษีเป็นการเก็บสินค้าผ่านแดนจากต้นทางและปลายทางเท่านั้น

ในส่วนของพม่าจะเจรจาขอให้รถพ่วงเทรลเลอร์สามารถขนสินค้าผ่านด่านแม่สาย จ.เชียงรายได้ เพราะในการหารือกับตัวแทนสภาหอการค้าจังหวัดเชียงรายและตัวแทนเอกชนต่างต้องการให้กรมทางหลวง (ทล.) สร้างมอเตอร์เวย์จากเชียงใหม่-เชียงราย ระยะทางประมาณ 150 ก.ม. เพื่อร่นระยะทางในการขนส่งสินค้า โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้ปริมาณจราจรในเมืองใหญ่ติดขัดมาก ตนจึงมอบหมายให้ทล. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปศึกษาการแก้ไขปัญหาจราจรเมืองใหญ่ทั้งหมดตามสภาพภูมิศาสตร์ของเมืองใหญ่ในแต่ละจังหวัดซึ่งมีความแตกต่างกัน เช่น จ.เชียงใหม่อาจใช้โมโนเรล โดยรัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นจะร่วมมือกันวางแผนและแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมต้องการบูรณาการโครงข่ายคมนาคมทุกระบบในการแก้ไขปัญหาจราจร รวมทั้งเส้นทางการบินมายังเชียงราย ปัจจุบันมีเที่ยวบิน 20 เที่ยวต่อวัน ปริมาณผู้โดยสาร 1 ล้านคนต่อปี คาดว่าในอนาคตจะเพิ่มเป็น 1.7 ล้านคนต่อปี รวมทั้งมีเที่ยวบินจากคุนหมิง-เชียงรายแล้ว ดังนั้น เราต้องแก้ไขปัญหารันเวย์สนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นคอขวดให้สำเร็จ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้มากขึ้น ส่วนโครงสร้างพื้นฐานเรามีความพร้อม แต่ขาดเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกัน

นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนเรื่องระบบรางได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมด้านสิ่งแวดล้อม คาดใช้เวลา 8 ปี รวมทั้งให้สนข.ศึกษารถไฟความเร็วสูงจากเชียงใหม่-เชียงรายด้วย

สำหรับโครงการสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ-ห้วยทราย เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศไทย ลาว และจีนเข้าด้วยกันในเส้นทาง R3 a เชียงของ-ห้วยทราย-บ่อเต็น-เชียงรุ้ง ระยะทางประมาณ 400 ก.ม. โดยมีรถเทรลเลอร์วิ่งผ่านประมาณ 50-80 คันต่อวัน คาดว่าสะพานจะก่อสร้างเสร็จในเดือนเม.ย.2556 ทำให้เส้น R3 b เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่สำคัญในการขนส่งสินค้า

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะก่อสร้างศูนย์ขนถ่ายสินค้าฝั่งไทยโดยเวนคืนที่ดินและก่อสร้างวงเงินกว่า 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 200 ไร่ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งมีแผนก่อสร้างถนน 4 เลน เชียงของ-เชียงราย และสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงราย-พะเยา โดยปรับเป็นทาง 4 เลน ส่วนท่าเรือเชียงแสน 2 จะรองรับเรือขนาด 300 ตัน เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าไปจีน ขณะที่ท่าเรือเชียงแสน 1 จะเน้นการขนส่งผู้โดยสาร

nutsiwat · Posted: 17/12/2012 2:13 pm Post subject:

ไม่รู้ว่าเส้นทางจะไปสิ้นสุดที่เชียงของ หรือว่าเชียงแสนนะครับ

Mongwin · Posted: 17/12/2012 4:58 pm Post subject:

ตามแผนแรกเริ่มไปแค่เชียงรายครับ
ต่อมาก็เพิ่มเชียงของ แล้วก็เชียงแสน
ต้องสร้างจากเชียงรายไปแล้วไปแยกเป็นรูปตัว Y ครับ

Click on the image for full size

Mongwin · Posted: 20/12/2012 6:15 pm Post subject:

ไทยเจ้าภาพประชุมเจซี ไทย-กัมพูชา เน้นหารือการเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดน
สำนักข่าวไทย TNA News | 20 ธ.ค. 2555 17:31

กระทรวงการต่างประเทศ 20 ธ.ค. - นายดำรง ใคร่ครวญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (เจซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 โรงแรมดุสิตธานี ระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคมนี้ โดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานฝ่ายไทย และนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา ว่า การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากว่างเว้นมา 2 ปี เป็นการสะท้อนถึงบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเห็นตรงกันว่าช่วงเวลาดังกล่าวเหมาะสมสำหรับการประชุม ซึ่งประเด็นที่สำคัญจะเน้นเรื่องการเชื่อมโยงของสองประเทศในพื้นที่ชายแดน อาทิ โครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 48 หรือ อาร์ 10 (อ.เกาะกง จ.ตราด - จ.สะแรอัมเบิล) สะพานข้ามแดน บ.หนองเอี่ยน จ.สระแก้ว-สตึงบท โครงการก่อสร้างส่วนเชื่อมต่อทางรถไฟด้านด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว และหารือถึงความเป็นไปได้ในการลงนามเอ็มโอยูคำประกาศว่าด้วยเรื่องการตรวจลงตรา ประเภท Single Visa ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ซึ่งหากตกลงกันได้จะถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ นอกจากนี้จะมีการพูดคุยถึงปัญหาการลอบตัดไม้พยูงด้วย

“การประชุมเจซี เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ดี แม้ทั้งสองประเทศจะต่อสู้คดีกันอยู่ กรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหาร 2505 ซึ่งกระบวนการดังกล่าวในส่วนนั้นต้องเดินต่อไป แต่จุดยืนของฝ่ายไทยเห็นว่าไม่ต้องการให้ประเด็นเดียวมาหยุดยั้งความร่วมมือด้านอื่น ๆ ซึ่งกัมพูชาน่าจะเห็นตรงกัน จึงสามารถประชุมเจซีกันได้ นอกจากนี้นายฮอร์ นัมฮง มีกำหนดการจะเข้าคาราวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย ในช่วงบ่ายวันที่ 25 ธันวาคมนี้” นายดำรง กล่าว.-สำนักข่าวไทย

Wisarut · Posted: 24/12/2012 10:54 am Post subject:

เร่งเปิดเส้นทางศก.กลุ่มGMS 'เนด้า'เล็งขออนุมัติงบเพิ่ม 2 พันล้าน
กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
ออนไลน์เมื่อ วันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2012 เวลา 10:24 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,802 วันที่ 20-22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เนด้าเร่งเปิดเส้นทางเศรษฐกิจเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มประตูสู่ยุทธศาสตร์การค้าชายแดนไทยและกลุ่มประเทศGMSลุ่มน้ำโขงเป็นฐานการผลิตสินค้าด้วยการเชื่อมโยงระบบโครงข่ายคมนาคมมาตรฐานอาเซียน

เผยปีหน้า 2556 มีลุ้นงบกว่า 4พันล้านบาท เล็งชงของบเพิ่มอีกปีละ1-2 พันล้านบาท เสริมศักยภาพต่อยอดระดับสูงขึ้นในการเตรียมรับมือเออีซี
อรรคศิริ บุรณศิริ นายอรรคศิริ บุรณศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน(สพพ.) (องค์การมหาชน)หรือ NEDA เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่านโยบายและแนวทางการดำเนินงานของเนด้าในปี 2556 มุ่งเน้นไปที่การเร่งเปิดเส้นทางเศรษฐกิจและยกระดับระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง(GMS)ที่ถือว่าเชื่อมโยงด้านยุทธศาสตร์การค้าชายแดนของไทยให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและด้านวิชาการแก่แต่ละประเทศ โดยปีที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้วหลายโครงการซึ่งจะเริ่มเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 2556 -2557 นี้
โดยแต่ละโครงการถือเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญด้านการค้าชายแดนของไทยและการยกระดับระบบสาธารณูปโภคด้านโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศในกลุ่ม 6 ประเทศลุ่มน้ำโขงได้แก่ โครงการพัฒนาถนน R11 โครงการอาเซมโรดในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย - ยุโรป (ASEM Summit) ครั้งที่ 9 โครงการก่อสร้างรถไฟสายท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ โครงการก่อสร้างถนนจากภูดู่ - เมืองปากลาย โครงการปรับปรุงสนามบินปากเซ ระยะที่ 2 โครงการปรับปรุงร่องระบายน้ำในสปป.ลาว โครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก อ.เชียงคำ จ.พะเยา และโครงการพัฒนาถนนจากเมืองหงสา - บ้านเชียงแมน
"ขณะนี้โครงการพัฒนาถนน R11 คืบหน้าประมาณ 27.65% โครงการถนนอาเซมโรดเพื่อรับมือการจัดประชุมอาเซมในสปป.ลาวคืบหน้าประมาณ 79 % เช่นเดียวกับอีก 3 โครงการคือ

1. โครงการรถไฟท่านาแล้ง-เวียงจันทน์,
2. โครงการก่อสร้างถนนภูดู่-เมืองปากลาย,
3. โครงการปรับปรุงสนามบินปากเซระยะที่ 2 และโครงการปรับปรุงท่อระบายน้ำในสปป.ลาว

ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก และโครงการพัฒนาถนนจากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมนอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ"

นายอรรคศิริกล่าวเสริมว่า ในปี 2556 มีโครงการที่เตรียมเปิดประมูลจำนวน 3 โครงการ รวมงบ 4,250 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการก่อสร้างถนนหงสา-เชียงแมน(หลวงพระบาง) งบประมาณ 1,900 ล้านบาท
2.โครงการก่อสร้างถนนบ้านฮวก-เมืองคอบ-เมืองปากคอบ-บ้านก้อนตื้น และเมืองคอบ-เชียงฮ่อน งบประมาณ 1,500 ล้านบาท และ
3.โครงการพัฒนาระบบประปาและพัฒนาเมือง 12 แห่งในสปป.ลาว งบประมาณ 850 ล้านบาท

ทั้งนี้มีโครงการที่น่าสนใจซึ่งเป็นเงินให้เปล่าจากสพพ.1โครงการคืองานทบทวนแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และออกแบบประตูกั้นน้ำในนครโฮจิมินห์ วงเงินให้เปล่าเพื่อศึกษารวม 20 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2556"

สำหรับโครงการที่จะดำเนินการศึกษาในปี 2556 นั้นจำแนกเป็นแต่ละประเทศดังนี้ สปป.ลาว 2 โครงการ คือ

1.งานศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดถนนหมายเลข 11 ช่วงบ้านวัง-สานะคาม-เมืองหมื่น- คกข้าวดอ
2.งานศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาระบบชลประทาน

กัมพูชามีจำนวน 3 โครงการ คือ
1.งานศึกษาและออกแบบโครงการก่อสร้างด่านสตรึงบท จังหวัดบันเตียเมียนเจย

2.งานออกแบบรายละเอียดสะพานรถไฟที่ปอยเปต และ

3.งานศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาถนนชายแดนไทย-กัมพูชา เวียดนาม มี 1 โครงการ คือ งานศึกษาความเหมาะสมโครงการพัฒนาโรงพยาบาลหญิงและโรงเรียนเด็กในเมือง Thanh Hoa

ส่วนในพม่า มี 2 โครงการ คือ
1.งานศึกษาและสำรวจออกแบบโครงการพัฒนาถนนไทย-เมียนมาร์-อินเดีย ช่วง Monywa-Yargi-Kalewa
2.งานศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบโครงการพัฒนาถนนจากด่านสิงขร-บ้านมอต่อง-ตะนาวศรี-มะริด

"เนด้ายังให้ความช่วยเหลือทางวิชาการในงานสำรวจและออกแบบรายละเอียดอีกหลายโครงการขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอรายงานงานสำรวจและออกแบบรายละเอียด ส่วนโครงการวิจัยที่อยู่ระหว่างดำเนินการมี 2 โครงการคือ โครงการวิจัยเรื่องแนวทางการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่-เวียงจันทน์ และโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายต่อประเทศไทยที่อยู่ระหว่างดำเนินการ"

Mongwin · Posted: 24/12/2012 11:10 am Post subject:

nutsiwat · Posted: 24/12/2012 10:19 pm Post subject:

Mongwin · Posted: 26/12/2012 9:53 am Post subject:

ปัญหาคือยังไม่เริ่มลงมือเสียทีครับ
----
Thai-Cambodian meet touches on crucial issues
MCOT By Digital Media | 26 ธ.ค. 2555 09:31

BANGKOK, Dec 26 – Economic cooperation between Thailand and Cambodia along their common borders will be upgraded to emphasise road and railway construction, and opening more checkpoints, according to the Thai foreign ministry.

The resolution was made during the 8th Thai-Cambodian Joint Commission, held in Bangkok on Tuesday and Wednesday.

Thai Foreign Minister Surapong Tovichakchaikul and his Cambodian counterpart Hor Namhong attended the meeting.

Sihasak Puangketkaew, permanent secretary for foreign affairs, said among the essential issues discussed were the opening of permanent checkpoints at Ban Nong Eiang in Sa Kaeo province linking Stung Bot in Cambodia’s Banteay Meanchey province, development of Route 48 from Thailand’s Trat province to Cambodia’s Sihanoukville, and a railway extension from the Aranyaprathet checkpoint on Thailand’s eastern border into Cambodia.

The Thai and Cambodian representatives agreed to a land survey for border demarcation, joint suppression of human trafficking and illegal logging of Siamese rosewood on the border, he said.

An MoU will be signed agreeing a single visa under the Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS).

ACMECS is a cooperation framework among Thailand, Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Vietnam to join member countries’ diverse strengths and to promote balanced development in the sub-region.

Deputy Prime Minister/Foreign Minister Surapong hosted a dinner function in honour of Mr Hor Namhong on Tuesday night.

The Thai-Cambodian Joint Commission which reconvenes after a two-year recess is a signal of an improved relationship between the two countries, the Thai foreign minister said. (MCOT online news)
----
ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส เจซี ไทย-กัมพูชา เห็นชอบส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
By สำนักข่าวไทย TNA News | 25 ธ.ค. 2555 19:28

กรุงเทพฯ 25 ธ.ค.- ที่โรงแรมดุสิตธานี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อเตรียมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (เจซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 ว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศมีความใกล้ชิด ประเด็นที่มีการหารือมากเป็นพิเศษคือการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจตามเจตนารมณ์ของอาเซียน ซึ่งครอบคลุมการเปิดด่านถาวรที่บ้านหนองเอี่ยน จ.สระแก้วและบ้านสตึงบท จ.บันเตยเมียนเจย นอกจากนี้ได้ตกลงในหลักการช่วยกัมพูชาพัฒนาถนนหมายเลข 48 หรือ อาร์ 10 (อ.เกาะกง จ.ตราด - จ.สะแรอัมเบิล) รวมถึงโครงการก่อสร้างส่วนเชื่อมต่อทางรถไฟด้านด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือชายแดนทั้งสองฝ่ายเห็นว่าต้องมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน รวมถึงความร่วมมือในการป้องกันขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการค้ามนุษย์ และความร่วมมือในการป้องกันการลักลอบตัดไม้บริเวณชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบกับชาวบ้านบริเวณชายแดน นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบที่จะมีการลงนามเอ็มโอยูคำประกาศว่าด้วยเรื่องการตรวจลงตรา ประเภท Single Visa ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยและกัมพูชาในการเดินทางระหว่างสองประเทศ .-สำนักข่าวไทย

Mongwin · Posted: 26/12/2012 1:18 pm Post subject:

ประชุมเจซีไทย-กัมพูชา ตกลงใช้ "ACMECS Single Visa"
เนชั่นทันข่าว 26 ธ.ค. 55 12.29 น.

โรงแรมดุสิตธานี วันที่ 26 ธ.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลา 08.30 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ และนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กัมพูชา หารือทวิภาคีระหว่างกัน เนื่องในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 8 จากนั้นเวลา 09.00 น. มีพิธีเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยมีนายสุรพงษ์เป็นประธานเจซี ฝ่ายไทย และนายฮอร์ นัม ฮง เป็นประธานเจซี ฝ่ายกัมพูชา ทั้งนี้ประเด็นการหารือจะครอบคลุมความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ภายหลังการประชุมนายสุรพงษ์ แถลงว่า การประชุมนี้ ถือเป็นกลไกในการสร้างความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน และขับเคลื่อนผลักดันในมิติต่างๆ หลังจากที่การประชุมครั้งที่ 7 เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วได้ชะลอไป โดยการประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปใน 3 ด้าน ประกอบด้วย ให้สองฝ่ายเร่งรัดจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่สำหรับเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน จังหวัดสระแก้ว ตรงข้ามกับบ้านสตึงบท จังหวัดบันเตียเบียนเจ่ย เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าและรองรับการขยายตัวการลงทุน พร้อมเห็นชอบการสำรวจพื้นที่เตรียมเปิดจุดผ่านแดนผ่อนปรน บ้านโนนหมากหมุ่น จังหวัดสระแก้ว ตรงข้ามบ้านไปร่จัน จังหวัดบันเตียนเบียนเจ่ย และหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาลักลอบตัดไม้พยุง โดยทั้งสองจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นพ้องประกาศใช้ความตกลง ACMECS Single Visa โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 27 ธันวาคม2555 ซึ่งในส่วนประเทศที่เหลือในกลุ่ม ACMECS จะเข้ามาร่วมซิงเกิลวีซ่าได้เมื่อใดนั้น เชื่อว่าถ้าสิ่งที่ไทยและกัมพูชาทำประสบความสำเร็จประเทศที่เหลือจะดำเนินการตามอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังจะช่วยเหลือศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงผิวถนนและช่วยเหลือก่อสร้างสะพานรถไฟ เส้นทางคลองลึก-ปอยเปต ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและสัญจรข้ามแดนระหว่างสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้เห็นชอบร่วมกันความร่วมมือด้านการจัดการแรงงาน และการโอนตัวนักโทษระหว่างกัน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สำเร็จอย่างดียิ่งสะท้อนความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย เห็นความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้มีความคืบหน้าต่อไป โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งรัดผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป หลังจากนี้จะมีการพูดคุยถึงการจัดประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีร่วมไทยกัมพูชา

ด้านนายฮอร์ นัม ฮง กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวถือว่าประสบผลสำเร็จได้ดี มาจากการที่สองประเทศอยู่ในบริบทใหม่แห่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ซึ่งทำให้มูลค่าการค้าในปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000 ล้านเหรียนสหรัฐ สองฝ่ายจึงไ้ดตกลงกันว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเลขดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยที่สุด ร้อยละ 30 ต่อปี และที่ผ่านมานักท่องเที่ยวของสองประเทศมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งกัมพูชามั่นใจว่ามาจากผลความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และเชื่อมั่นในทางบวกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะดีมากขึ้นไปอีกในอนาคต และมีความทราบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่ทรงขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือวิทยาลักัมปงเชอเตียน และขอบคุณรัฐบาลไทยที่อำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชาได้มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องมากกว่าสองแสนคนในขณะนี้ และยังได้ตกลงกันที่จะมีการป้องกันและปราบปรามแรงงานและนายหน้าที่นำคนเข้ามาอย่างผิดกฎหมายด้วย