View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 29/07/2015 3:37 pm Post subject: |
|
|
รถไฟฟ้าชินคันเซนมาแล้ว
หมวดหมู่ : ธุรกิจ-ตลาด
โพสต์ทูเดย์
29 กรกฎาคม 2558 , 06:52 น.
รถไฟญี่ปุ่นมาแล้วส่งทีมสำรวจ ส.ค.นี้ เสนอร่วมทุนรถไฟชินคันเซนวิ่ง กทม.-เชียงใหม่
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมเปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการความร่วมมือรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯเชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. มีความคืบหน้าไปมาก โดยในเดือน ส.ค.นี้ ทางญี่ปุ่นจะต้องส่งทีมงานเข้ามาลงพื้นที่สำรวจแนวเส้นทางรถไฟร่วมกับฝ่ายไทย โดยในเดือน มิ.ย. 2559 จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบในการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลสองประเทศ จากนั้นอีก 6 เดือนจะเสนอ ครม.อีกครั้งเพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการเพื่อเริ่มก่อสร้างในปี2560 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 30/07/2015 1:21 am Post subject: |
|
|
เร่งสรุปเส้นรถไฟไทย-จีนก่อนบินไปเจรจา
ไทยโพสต์
30 กรกฎาคม 2558 - 00:07
คมนาคมเร่งหารือข้อสรุปเส้นทางรถไฟไทย-จีน ก่อนบินไปเจรจาที่เฉิงตู หลังข้อมูลไม่ลงตัว เตรียมเสนอจีนใช้เส้นทางที่ สนข.สำรวจและออกแบบ เพื่อให้โครงการเดินหน้าตามกรอบเวลา
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการรถไฟไทย-จีน ได้มีการหารือเพื่อเตรียมข้อมูลก่อนเดินทางไปประชุมที่เฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 6-8 ส.ค.2558 ซึ่งขณะนี้ทางจีนได้ลงพื้นที่สำรวจออกแบบรายละเอียดได้เพียง 50% เท่านั้น โดยเฉพาะในเส้นทางช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วง 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ทำให้ข้อมูลที่ได้ยังไม่ครบ
ประกอบกับทางจีนได้สำรวจออกแบบไม่ตรงกับที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สำรวจไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะจุดใหม่ๆ เช่น เชียงรากน้อย แก่งคอย สระบุรี นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน เนื่องจากหากมีการเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางจะส่งผลกระทบต่อการเวนคืนที่ดินและส่งผลกระทบต่อการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต
ฝ่ายไทยและฝ่ายจีนที่สำรวจออกแบบ จะต้องหารือให้ได้ข้อยุติก่อนจะไปประชุมร่วมกันที่เฉิงตู ประเทศจีน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแนวเส้นทางรถไฟไทย-จีน โครงสร้างระบบราง สถานี หากฝ่ายจีนไม่ปรับแนวเส้นทาง อาจกระทบต่อโครงสร้างและแผนงานทั้งหมด ซึ่งฝ่ายไทยได้ส่งข้อมูลให้ฝ่ายจีนรับทราบอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายจีนก็ยอมรับได้ และจะปรับแนวเส้นทางให้อยู่ในแนวเส้นทางที่ไทยได้ศึกษาไว้ พล.อ.อ.ประจินกล่าว
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น ฝ่ายไทยจะยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อให้มีการร่วมลงทุนในส่วนต่างๆ ให้มากที่สุด สำหรับกรอบการลงทุนยังไม่มีความชัดเจน จำเป็นจะต้องรอการสำรวจออกแบบให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะมีตัวเลขที่ชัดเจนว่าโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และเส้นทางแก่งคอยกรุงเทพฯ ระยะทาง 873 กิโลเมตร (กม.) ความเร็ว 180 กม./ชั่วโมง จะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไร. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 03/08/2015 8:25 pm Post subject: |
|
|
"บิ๊กจิน"เตรียมเยือนจีนเจรจาความร่วมมือด้านรถไฟ คาดเริ่มโครงการ ต.ค.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2558 19:23 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ก่อนเดินทางไปประชุมที่เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ ว่า ขณะนี้โครงการมีความคืบหน้า โดยจีนได้ลงพื้นที่สำรวจออกแบบรายละเอียดแล้วร้อยละ 50 โดยเฉพาะในเส้นทางช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ - แก่งคอย และช่วง 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ส่วนตอนที่ 2 และตอนที่ 4 จะหารือร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งการหารือร่วมกับทางจีนครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปเรื่องเส้นทาง สถานี และความคืบหน้าการเจรจารูปแบบความร่วมมือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (EPC) รวมถึงอัตราดอกเบี้ย และเดือนสิงหาคมนี้ จะฝึกอบรมด้านบุคลากร รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 เดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จีนจะเดินทางมาเพื่อหารือขอร่างสัญญารายละเอียดความร่วมมือระหว่างกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะเริ่มโครงการช่วงตุลาคม ธันวาคมนี้ หากสัญญาแล้วเสร็จ สามารถเริ่มได้ภายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ แต่หากเกิดความล่าช้า จะไม่ให้เกินต้นเดือนธันวาคมนี้ และจะเริ่มดำเนินโครงการ ตอนที่ 1 ที่เชียงรากน้อย และตอนที่ 3 จังหวัดนครราชสีมา |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 05/08/2015 12:48 am Post subject: |
|
|
ประจิน มั่นใจเทคโนโลยีจีนได้มาตรฐาน เตรียมข้อมูลถกแนวรถไฟไทย-จีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 สิงหาคม 2558 18:21 น. (แก้ไขล่าสุด 3 สิงหาคม 2558 18:33 น.)
ประจิน เตรียมพร้อมข้อมูลหารือรถไฟไทย-จีนครั้งที่ 6 ตั้งเป้าเริ่มโครงการตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และตอนที่ 3 แก่งคอย-โคราช เล็งวางศิลาฤกษ์ ต.ค.-ธ.ค. 58 เล็งปรับแนวเส้นทางที่จีนออกแบบให้ตรงกับ สนข.เพื่อไม่ให้กระทบการเวนคืนและการศึกษา EIA พร้อมมั่นใจรถไฟจีนเป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 6-8 ส.ค. 2558 ที่เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ได้ติดตามความก้าวหน้าการสำรวจออกแบบ การกำหนดเส้นทางและกำหนดจำนวนสถานีซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก โดยจะดำเนินการตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตร และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กิโลเมตรก่อน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2558 พร้อมกันนี้จะหารือถึงรูปแบบความร่วมมือและรูปแบบทางการเงินให้มีความชัดเจนด้วย
ทั้งนี้ ในการสำรวจออกแบบรายละเอียดนั้น ทางฝ่ายจีนได้ลงพื้นที่และมีความคืบหน้าประมาณ 50% ซึ่งยอมรับว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วน ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากที่จีนสำรวจออกแบบนั้นยังไม่ตรงกับที่ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้สำรวจไว้ก่อนหน้านี้ เช่น เชียงรากน้อย แก่งคอย สระบุรี นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการหารือกันอีก เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางจะส่งผลกระทบในเรื่องการเวนคืนที่ดินและการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย
การหารือร่วมกับทางจีนในวันที่ 6-8 ส.ค.นี้จะสรุปเรื่องของเส้นทาง สถานี รวมจะได้ความคืบหน้าเรื่องของรูปแบบ EPC และเรื่องดอกเบี้ยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 29 ส.ค.นี้ทางจีนจะเดินทางมาหารือเรื่องร่างสัญญารายละเอียดความร่วมมือระหว่างกันทั้งสองฝ่าย หากสัญญาแล้วเสร็จก็จะสามารถเริ่มได้ภายในวันที่ 23 ต.ค.นี้ หากเกิดความล่าช้าในบางอย่างก็จะไม่ให้เกินเดือน ธ.ค. โดยตามแผนต้องมีการเปิดปฐมฤกษ์โครงการตอนที่ 1 ที่เชียงรากน้อย และตอนที่ 3 ปากช่องอย่างแน่นอน พล.อ.อ.ประจินกล่าว
สำหรับกรณีข้อกังวลเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของรถไฟและเทคโนโลยีจีนนั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า จะต้องตรวจสอบและพิจารณาในภาพรวม ไม่ได้มองแค่จุดใดจุดหนึ่ง โดยต้องดูว่าข้อข้องใจในเรื่องมาตรฐานนั้นเป็นประเด็นใด และทางจีนได้มีมาตรการแก้ไขหรือรองรับปัญหาอย่างไร ต้องให้ทางจีนได้พิสูจน์ก่อนเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องได้ไปศึกษาดูงานระบบรถไฟจีนมากพอสมควรหลายครั้ง และได้ทดสอบการให้บริการรถไฟของจีนในความเร็วระดับต่างๆ แล้ว มีความมั่นใจในเทคโนโลยีของจีนและการให้บริการว่าได้มาตรฐานความปลอดภัย
//------------
เตรียมถกรถไฟไทย-จีนอีกรอบ
บ้านเมือง
วันอังคาร ที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2558, 08.06 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน การประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ว่าในวันที่ 6-8 สิงหาคม 2558 จะเดินทางร่วมการประชุมโครงการดังกล่าวที่เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีการสรุปความคืบหน้าสำรวจและออกแบบเส้นทางโดยเฉพาะในเส้นทางตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ซึ่งได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ส่วนตอนที่ 2 และตอนที่ 4 จะมีการหารือร่วมกันอีกในครั้งต่อไป ส่วนความคืบหน้าการฝึกอบรมก็ได้ข้อสรุปโดยมีการปรับเปลี่ยนล่าสุดในการปรับรายชื่อโดยจะสรุปว่า รุ่นที่ 1ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะมีการอบรมหลักสูตรใดบ้าง มีจำนวนเท่าไหร่ และรุ่นที่ 2 เดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีการสรุปรายละเอียดทั้งหมดให้ทางจีนในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ สำหรับการเจรจารูปแบบความร่วมมือการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือ EPCนั้น ว่าในส่วนของไทยนั้นมีแนวความคิดอย่างไร และส่วนจีนมีแนวความคิดอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการเจรจาก่อนเพิ่มเติม รวมถึงเงื่อนไขของดอกเบี้ยก็จะสรุปเรื่องของสัดส่วนอีกครั้ง
ส่วนการจัดเตรียมแผนโรดแม็พ ว่าในส่วนของการทำ EIA การเวนคืนที่ดิน ในส่วนของการออกแบบเส้นทาง สถานีรถไฟ เรื่องของการเตรียมที่จะเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมนั้น ทั้งหมดจะกลับมาดำเนินการหลังวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ซึ่งในการหารือร่วมกับทางจีนในวันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ จะได้สรุปเรื่องของเส้นทาง สถานี รวมจะได้ความคืบหน้าเรื่องของ EPC และเรื่องดอกเบี้ยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ทางจีนจะเดินทางมาเพื่อหารือเรื่องขอร่างสัญญารายละเอียดความร่วมมือระหว่างกันทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากเรามีแผนเริ่มโครงการในช่วงตุลาคม-ธันวาคม 2558 หากสัญญาแล้วเสร็จก็จะสามารถเริ่มได้ภายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ หากเกิดความล่าช้าในบางอย่างก็จะไม่ให้เกินธันวาคมนี้ จะต้องมีการเปิดปฐมฤกษ์โครงการตอนที่ 1 ที่เชียงรากน้อย และตอนที่ 3 ปากช่องอย่างแน่นอน พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
ส่วนความคืบหน้าโครงการขณะนี้ทางจีนได้ลงพื้นที่สำรวจออกแบบรายละเอียดได้ 50% เท่านั้น ทำให้ข้อมูลที่ได้ยังไม่ครบประกอบกับทางจีนได้ สำรวจออกแบบไม่ตรงกับที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สำรวจไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะจุดใหม่ๆ เช่น เชียงรากน้อย แก่งคอย สระบุรี นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน เนื่องจากหากมีการเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางจะส่งผลกระทบต่อการเวนคืนที่ดิน และส่งผลกระทบต่อการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 11/08/2015 7:28 pm Post subject: |
|
|
ประจินโวก.ย.เคาะแผนรถไฟทางคู่ คลังจ้างทื่ปรึกษาพัฒนามักกะสัน
ไทยโพสต์
11 สิงหาคม 2558
"คมนาคม" คาดสำรวจเส้นทางรถไฟไทย-จีนแล้วเสร็จสิ้น ส.ค.นี้ ชี้ตัวเลขเงินกู้และแนวทางการร่วมลงทุนยังไม่ชัด มั่นใจประชุมครั้งหน้า 10-12 ก.ย.สรุปแน่ ด้านธนารักษ์จ้างเอกชนเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในพื้นที่รถไฟมักกะสัน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน หรือรถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตร ความเร็วปานกลาง ว่า ภายในเดือน ส.ค.58 จะสรุปผลการสำรวจออกแบบในเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ส่วนช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย จะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนกรอบในด้านวงเงินลงทุน ตัวเลขเงินกู้และแนวทางร่วมทุนคาดว่าจะสรุปได้ในการประชุมครั้งหน้าระหว่างวันที่ 10-12 ก.ย.2558
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม กล่าวว่า รูปแบบการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ไทย-จีน ได้มีการเสนอรูปแบบร่วมทุน แบบเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือ SPV โดยจะมี 2ส่วน คือ การเดินรถและการติดตั้งระบบรวมทั้งการจัดหาขบวนรถ ในส่วนการร่างสัญญาการก่อสร้างไทยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งยังมีปัญหาติดขัดด้านข้อกฎหมายที่ไม่ตรงกัน กรณีเกิดผิดสัญญาหรือเบี้ยวหนี้จะแก้ไขอย่างไร ซึ่งต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทุกประเด็น
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมได้ขอเงินกองทุนศึกษาความเป็นไปได้การร่วมทุนภาครัฐและเอกชน จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อจ้างเอกชนมาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนในพื้นที่รถไฟมักกะสัน รวมถึงรูปแบบลงทุน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และผลกระทบสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะใช้เวลาแล้ว 4 เดือนจึงแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกัน กรมธนารักษ์ได้แจ้งกับทาง ร.ฟ.ท.ให้เร่งส่งมอบพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ไว้ จากเดิมส่วนแรก 140 ไร่ จะโอนได้ภายใน 2 ปี ก็ให้โอนภายใน 1 ปีครึ่ง และส่วนที่สอง 170 ไร่ จากเดิมจะโอนภายใน 5 ปี ก็ให้โอนภายใน 2-3 ปี เพื่อจะได้นำที่มาให้เอกชนเช่าลงทุนได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างแก้ไขสัญญาที่เกี่ยวกับการเช่าที่ราชพัสดุ กรณีของภาครัฐเช่ากันเองให้ได้นาน 99 ปี และกรณีรัฐให้เอกชนมาเช่าที่ของรัฐก็จะให้ได้ 50 ปี จากเดิมได้ 30 ปี ซึ่งจะทำให้เอกชนสนใจมาลงทุนในที่มักกะสันมากขึ้น. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 12/08/2015 11:07 am Post subject: |
|
|
จีนรับหลักการตั้งSPV ร่วมลงทุนรถไฟไทย-จีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2558 20:15 น.
ยันสำรวจออกแบบรถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย และ แก่งคอย-โคราช เสร็จ18 ส.ค.นี้ เร่งสรุปวงเงินลุยก่อสร้าง เผยจีนรับหลักการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) บริหารและเดินรถ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการหารือความร่วมมือไทย-จีน ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาด รางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพ- แก่งคอย ,แก่งคอย-มาบตาพุด ,แก่งคอย โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม. ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 6-8 ส.ค. ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีนพบว่าการสำรวจออกแบบเส้นทางช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม. จะแล้วเสร็จในวันที่ 18 ส.ค.นี้ โดยขณะนี้ มีความคืบหน้าประมาณ 80% แล้ว และจะสามารถประเมินมูลค่างานก่อสร้างในช่วงที่ 1 และ 3 ได้ ภายในปลายเดือน ส.ค. นี้ ส่วนช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 246.5 กม. และ ช่วงที่4.นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 355 กม. การสำรวจและออกแบบจะแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. 2558
ส่วนกรอบการทำงานร่วมกัน (Framework Agreement) ยังไม่สามารถตกลงได้ โดยมีเงื่อนไขบางประการที่ต้องหารือเพิ่มเติม ซึ่งจะหารือกันอีกครั้ง ในการประชุมครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ย. 2558 ที่กรุงเทพมหานคร และหากตกลงในรายละเอียดแล้วจะนำส่งร่าง Framework Agreement ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
โดยคาดว่าจะสามารถลงนามร่วมกับจีนได้ภายในเดือนก.ย.นี้
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เรื่องรูปแบบการลงทุนรถไฟไทย-จีนนั้น ฝ่ายไทยได้เสนอให้จีนร่วมทุน โดยจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle : SPV) เพื่อบริหารจัดการงานระบบ จัดหารถไฟฟ้า และเดินรถ โดยรัฐบาลจีนถือหุ้นผ่านบริษัทเอกชนจีน ส่วนฝ่ายไทยจะลงทุนโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)กองทุน และเอกชน ซึ่งเบื้องต้นจีนยอมรับในหลักการแล้ว ส่วนรายละเอียดการกู้เงินนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากต้องรอการประเมินมูลค่าโครงการปลายเดือนส.ค.นี้ก่อน โดยจีนยังยืนยันอัตราดอกเบี้ยแบบพิเศษเหมือนเดิม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 12/08/2015 10:14 pm Post subject: |
|
|
"บิ๊กจิน"ยัน ออกแบบรถไฟไทย-จีน "กรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช" เสร็จ18ส.ค.นี้
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:39:56 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในงานแถลงข่าวพบปะสื่อมวลชนว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมรถไฟไทย-จีน ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน เมื่อวันที่ 6-7 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้นำข้อมูลการสำรวจออกแบบเส้นทางเสนอให้ที่ประชุมทราบ โดยขณะนี้มีความก้าวหน้าการสำรวจออกแบบตอนที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา เกิน 80% แล้ว โดยมีกำหนดภายในวันที่ 18 สิงหาคม จะครบทั้ง 100%
ส่วนตอนที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และตอนที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย จะดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป้าหมายเดิมกำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ก็จะพยายามทำให้ได้ แต่หากล่าช้าก็จำไม่เป็นปัญหา เพราะตามกำหนดจะก่อสร้างของ 2 ตอนนี้ ในช่วงต้นปี 2559 ซึ่งยังมีเวลาเพียงพอที่จะศึกษารายละเอียดให้เรียบร้อย
สำหรับการประเมินมูลค่าโครงการนั้น ตกลงกันว่าหากสามารถศึกษาและออกแบบเสร็จใน 31 สิงหาคม ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อประเมินมูลค่าโครงการ ซึ่งประมาณกลางเดือนสิงหาคมนี้จะเริ่มจ้างที่ปรึกษา โดยภายใน 30 กันยายน 2558 จะมีความชัดเจนเรื่องราคา ระหว่างนี้จะตกลงกันในเรื่องของการร่วมทุน โดยการก่อสร้างตั้งแต่ตั้งแต่รางรถไฟ ไม้หมอน ถึงดินและใต้ดิน ไทยจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนรวมถึงการก่อสร้าง ส่วนระบบสัญญาณ เกี่ยวกับการควบคุม ไฟฟ้า ตัวรถ หัวรถจักรต่างๆ จะเป็นการร่วมลงทุน
โดยฝ่ายจีนจะรวมกันทั้งรัฐและเอกชน เป็น 1 องค์กร ส่วนไทย จะมี ร.ฟ.ท. และเอกชน รวมกันเป็น 2 องค์กร โดยจะร่วมตั้งเป็นกิจการ่วมค้าด้วย ขณะที่สัดส่วนการลงทุนยังไม่กำหนด จึงให้การบ้านไปพิจารณาว่า ถ้าไทยถือ 51 จีน 49 จะเป็นอย่างไร หรือหากไทย 60 จีน 40 หักเกณฑ์ต่างๆจะเป็นไง เพื่อให้นำเสนอในการประชุมครั้ง
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า สำหรับในส่วนของที่ไทยหาแหล่งเงินทุนนั้น ไทยจะมีสิทธิ์หาแหล่งเงินกู้ได้ทุกแหล่ง คือ 1.เงินตามงบประมาณแผ่นดิน 2.เงินจากรัฐวิสาหกิจ 3.เงินกู้ในประเทศและต่างประเทศก็ได้ และ4.ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานด้วย ส่วนที่เป็นระบบและต่างๆยังต้องรอดูดอกเบี้ยจากจีนว่าจะเป็นเท่าไหร่ จากนั้นจึงจะกำหนดว่าจะกู้เท่าไหร่ โดยทางจีนแจ้งว่าจะแจ้งให้ทราบก่อนการประชุมในครั้งหน้าในไทย ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10-12 กันยายนนี้
ในการประชุมที่กรุงเทพฯจะพิจารณาเรื่องกำหนดวันเซ็นสัญญา ห้วงเวลาเวนคืนต่างๆ ห้วงเวลาที่จะเปิดโครงการ โดยจะมีความชัดเจนในวันที่ 12 กันยายนนี้ เบื้องต้นกำหนดเปิดโครงการก่อสร้างวันที่ 23 ตุลาคม โอกาสสำคัญในการลำลึกถึงรัชกาลที่ 5 หรือหากไม่ทันก็จะเป็นวันที่ 1-10 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นการก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่ในรัชกาลที่ 9 โดยเงินลงทุนในส่วนของไทยในโครงการนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2 ใน 5 ของมูลค่าโครงการทั้งหมดประมาณ 4 แสนล้านบาทพล.อ.อ.ประจิน กล่าว
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า สำหรับหลักสูตรฝึกอบรม จะมีการฝึกอบรม ระยะสั้นมี 2 หลักสูตร สำหรับเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จำนวน 30 คน ใน 40 วัน โดยหลักสูตรแรกจะเริ่ม 11 สิงหาคม -9 ตุลาคาม 2558 เป็นต้น โดยหลักสูตรนี้จะเป็นการศึกษาดูงาน ความเป็นมา ศัพท์ทางเทคนิครถไฟสแตนดาร์ดเกจ การออกแบบ และระบบต่างๆ เป็นต้น |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 12/08/2015 11:45 pm Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนเกิด! "ประจิน"ลุยต.ค.นี้ประมูล2สัญญา
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
12 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21:10:27 น.
รัฐโล่ง "รถไฟไทย-จีน" เจรจาสำเร็จ ผลประชุมร่วมสองฝ่ายที่เฉิงตูได้ข้อสรุปชัด จีนลงขัน 40% รับทำระบบเดินรถ-ซ่อมบำรุงมูลค่า 1 แสนล้าน ไทยลงทุนงานโยธา เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารจัดการ "ประจิน" สั่งลุยเฟสแรก "กรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช" เปิดประมูล 2 สัญญา ดีเดย์ตอกเข็ม 23 ต.ค.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 6 ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม 2558 เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท ได้ข้อสรุปเรื่องวงเงินก่อสร้าง รูปแบบการลงทุน แผนงานก่อสร้าง ตลอดจนแนวทางร่วมทุนระหว่างไทยกับจีนชัดเจนแล้ว ตามแผนที่วางไว้จะเปิดประมูลก่อสร้าง 2 สัญญาแรกภายในเดือน ต.ค.นี้ หรืออย่างช้าเดือน ธ.ค. 2558
รูปแบบลงทุนลงตัว-จีนร่วมเดินรถ
ล่าสุด รูปแบบการลงทุนของโครงการได้ข้อสรุปแล้ว โดยฝ่ายไทยจะลงทุนก่อสร้างโครงสร้างงานโยธา โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นผู้ดำเนินการ จะใช้เงินกู้ในประเทศก่อสร้าง คาดว่าโครงการนี้ใช้เงินก่อสร้างกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนนี้ต้องรอผลศึกษารายละเอียดโครงการซึ่งแล้วเสร็จในเดือน ส.ค.นี้
ส่วน งานระบบเดินรถและซ่อมบำรุงซึ่งคาดว่าจะใช้วงเงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท ฝ่ายจีนตกลงจะร่วมลงทุนด้วย เบื้องต้นจีนร่วมทุนโดยใส่เม็ดเงินเข้ามาประมาณ 40% หรือ 4 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน (Eximbank) และฝ่ายไทยลงทุน 60% หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหารโครงการร่วมกัน
ตั้งแต่เริ่มติดตั้ง ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบไฟฟ้า จัดซื้อขบวนรถ บริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุง และใช้สถานีเชียงรากน้อยเป็นศูนย์ควบคุมการเดินรถ (OCC) ส่วนนี้จีนเสนอขอให้ไทยยกเว้นหรือผ่อนปรนการจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่า เพิ่ม (แวต) เพื่อช่วยลดภาระโครงการที่อาจจะขาดทุนจากการเดินรถในช่วง 10 ปีแรก
"ผลสรุปเรื่องนี้อย่างเป็นทางการจะต้องรอการประชุมครั้งที่ 7 ที่จะจัดประชุมที่พัทยาวันที่ 3-5 ก.ย. 2558 เนื่องจากผลการศึกษาความเหมาะสมทั้งโครงการที่จีนดำเนินการให้จะแล้วเสร็จ ทั้งหมด"
อัตราดอกเบี้ยยังไม่สรุป
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หากใช้เงินกู้จากจีนขณะนี้ยังไม่ได้ข้อ สรุปว่าจะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่าใด เบื้องต้นไทยยังคงยืนยันหลักการเดิม ขอให้จีนจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ระยะเวลา 25-30 ปี ปลอดหนี้ 6-7 ปี แต่ติดปัญหาด้านกฎหมายเงินกู้ของ 2 ประเทศที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้
ส่วนการก่อสร้าง ทั้งฝ่ายไทยและจีนมีความเห็นร่วมกันว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วง กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 271.5 กิโลเมตรเป็นลำดับแรก โดยตั้งเป้าเริ่มประมูลและก่อสร้างวันที่ 23 ต.ค.นี้ หรืออย่างช้าวันที่ 5 ธ.ค. 2558 โดยจะเริ่มต้นที่แก่งคอยเป็นพื้นที่แรก จากนั้นจะก่อสร้างไล่มาจนถึงกรุงเทพฯ และก่อสร้างไป จ.นครราชสีมา
รื้อแนว 40 กม.หนีท่อก๊าซ ปตท.
ทั้ง นี้ หลังจากที่จีนได้ลงพื้นที่สำรวจโครงการแล้ว พบว่ามีแนวท่อก๊าซของ บมจ.ปตท.อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟเป็นระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร จากรังสิต-ชุมทางบ้านภาชี ดังนั้นจะต้องปรับแนวเส้นทางเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงท่อก๊าซ โดยจะขยับแนวรถไฟไทย-จีน ห่างออกไปจากท่อก๊าซอีกประมาณ 3 เมตร แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าก่อสร้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้จะเพิ่ม สถานีเพื่อเป็นทางรอหลีกสำหรับขบวนรถขนสินค้าและขบวนรถโดยสาร จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ สถานีชุมทางบ้านภาชี สถานีแก่งคอย สถานีปางอโศก และสถานีโคกสะอาด เนื่องจากรถขบวนสินค้าจะวิ่งช้าใช้ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่รถขบวนผู้โดยสารรถไฟไทย-จีนจะวิ่งด้วยความเร็ว 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น
ในส่วนของสถานีขณะ นี้ยึดตามจุดที่ตั้งของรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน จากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มี 5 สถานี สร้างอยู่บนพื้นที่สถานีรถไฟเดิมและเปิดพื้นที่ใหม่ ได้แก่ 1.สถานีกลางบางซื่อ จะสร้างอยู่ที่เดิม สถานีอยุธยา จะสร้างในพื้นที่เดิม สถานีสระบุรี สร้างบนพื้นที่แห่งใหม่บริเวณคลองเพียว สถานีปากช่อง สร้างบนพื้นที่ใหม่บนแปลงที่ดินราชพัสดุบริเวณหนองสาหร่าย และสถานีโคราช สร้างอยู่ในพื้นที่เดิม
เวนคืนที่ดินจิ๊บ ๆ 10%
แหล่ง ข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับการเวนคืนที่ดิน คาดว่าทั้งโครงการจะมีการเวนคืนประมาณกว่า 10% ของที่ดินทั้งหมดของโครงการ เนื่องจากก่อสร้างอยู่ในแนวรถไฟเดิมจึงเวนคืนไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็น
ผู้บุกรุก ซึ่งทางการรถไฟฯจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่ก่อสร้างที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับญี่ปุ่นนั้น ยังไม่สรุปจะใช้ระบบอาณัติสัญญาณของประเทศจีนหรือญี่ปุ่น แต่ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ต้องการให้ทั้ง 2 โครงการใช้ระบบของยุโรปที่เป็นมาตรฐานกลาง โดยจะมีการหารือกับญี่ปุ่นกลางเดือน ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมแผนสำรองไว้ กรณีทางญี่ปุ่นไม่ยินยอม จะใช้วิธีปรับจุดเริ่มต้นโครงการรถไฟไทย-จีนใหม่ จากสถานีกลางซื่อเป็นเริ่มต้นที่สถานีเชียงรากน้อย แล้ววิ่งไปตามแนวเส้นทางโครงการผ่านแก่งคอย สระบุรี และนครราชสีมา ส่วนรถไฟไทย-ญี่ปุ่นจะเริ่มต้นจากสถานีกลางบางซื่อและไปตามแนวรถไฟสายเหนือ จนถึงเชียงใหม่ ระยะทาง 672 กิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม วงเงินลงทุนตามผลการศึกษาของจีนเมื่อปี 2553 ซึ่งศึกษาโครงการเป็นรถไฟความเร็วสูง จากกรุงเทพฯ-หนองคาย ใช้เงินลงทุนประมาณ 330,000 ล้านบาท แยกเป็นค่าก่อสร้าง 220,000 ล้านบาท และค่างานระบบเดินรถและซ่อมบำรุง 110,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนโครงการรถไฟไทย-จีน น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
23 ต.ค.ปักหมุดแก่งคอย
ก่อน หน้านี้ พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ตั้งเป้าจะให้สถานีแก่งคอยเป็นจุดเริ่มต้นโครงการก่อสร้างระยะแรกช่วง กรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช และเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงใหญ่ของโครงการ ส่วนศูนย์ควบคุมการเดินรถอยู่ที่เชียงรากน้อย คาดว่า เดือน ก.ย.นี้จะเปิดประมูลทันทีหลังได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเตรียมจะเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาวันที่ 10 ก.ย. 2558
การ ประมูลจะใช้วิธีพิเศษ ให้ผู้รับเหมาไทยที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วมาร่วมงานก่อสร้างโครงสร้างทางหลัก สัดส่วนประมาณ 70% ด้านผู้รับเหมาจีนจะก่อสร้างงานที่ใช้เทคโนโลยีสูง เช่น อุโมงค์และสะพาน สัดส่วนประมาณ 30% ในระยะแรกจะแบ่งเป็น 2 สัญญา คือ กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตร และแก่งคอย-โคราช ระยะทาง 138.5 กิโลเมตร วางแผนเซ็นสัญญาก่อสร้างวันที่ 20 ต.ค.นี้ เริ่มก่อสร้างวันที่ 23 ต.ค.หรืออย่างช้าเดือน ธ.ค. 2558โดยได้กำหนดตารางการประชุมไว้ในครั้งที่ 7 จะต้องสรุปเงื่อนไขและข้อตกลงด้านการเงิน รูปแบบการลงทุน
งานสำรวจ ช่วงแรกที่จะสร้าง การเวนคืนที่ดิน และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากนั้นจะลงนามใน Framework Agreement (กรอบทำงาน) วันที่ 10 ก.ย. ร่างสัญญาก่อสร้างวันที่ 11 ก.ย.-19 ต.ค. เซ็นสัญญาก่อสร้าง 20 ต.ค. 2558 และทำพิธีเปิดโครงการก่อสร้างซึ่งจะเริ่มสร้างที่สถานีแก่งคอย จ.สระบุรี เป็นจุดแรก ในวันที่ 23 ต.ค.นี้ แต่ถ้าไม่ทันจะเป็นเดือน ธ.ค. 2558 ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง กำหนดแล้วเสร็จปี 2561
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ทั้งฝ่ายไทยและจีนมีข้อตกลงร่วมกันเรื่องความร่วมมือว่า ช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตร มีกลุ่ม CRC + CRCC หรือบริษัท การก่อสร้างทางรถไฟแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จำกัด จะก่อสร้างร่วมกับผู้รับเหมาไทย และเส้นทางแก่งคอย-โคราช ระยะทาง 138.5 กิโลเมตร กลุ่ม CRC + CREC หรือบริษัท วิศวกรรมทางรถไฟแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จำกัด กับผู้รับเหมาไทยจะร่วมกันดำเนินโครงการ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 13/08/2015 12:10 pm Post subject: |
|
|
เล็งใช้วิธีพิเศษคัดผู้รับเหมา เร่งงานก่อสร้างรถไฟไทย-จีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
13 สิงหาคม 2558 07:28 น. (แก้ไขล่าสุด 13 สิงหาคม 2558 09:41 น.)
คมนาคม เล็งใช้วิธีพิเศษเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟทางคู่ ไทย-จีน ประจิน เผยต้องเร่งงานก่อสร้าง และอาจจะต้องแบ่งซอยงานก่อสร้างช่วงละ 30-40 กม. สั่ง ร.ฟ.ท.ทำทีโออาร์เพื่อเร่งสรุปเสนอ ครม.อนุมัติ ยอมรับหนักใจการเวนคืนและ EIA ส่อทำวางศิลาฤกษ์ไม่ทัน 23 ต.ค.นี้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม. ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ร่างทีโออาร์ในการก่อสร้างงานโยธา (Civil Work) เพื่อแบ่งช่วงการก่อสร้างในแต่ละตอนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับระยะเวลา ซึ่งจะแบ่งใน
ตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. และ
ตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม.ก่อน
พร้อมกันนี้ จะพิจารณาว่าจะสามารถใช้วิธีพิเศษในการคัดเลือกผู้รับเหมาได้หรือไม่ เนื่องจากขณะนี่ผู้รับเหมารายใหญ่ที่จะสามารถก่อสร้างทางรถไฟระยะทางยาวๆ ได้มีประมาณ 8-9 บริษัทเท่านั้น ขณะที่รายเล็กลงไปมีอีกหลายสิบบริษัท ดังนั้นจะต้องดูเนื้องานก่อนว่าเป็นอย่างไรเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม หากเลือกวิธีพิเศษจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป โดยวิธีพิเศษจะเป็นการเชิญผู้รับเหมาที่มีขีดความสามารถที่ 2-3 รายมาเสนอราคาแข่งขัน ซึ่งจะรวดเร็ว แต่จะต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา ขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องหาวิธีที่เหมาะสมและทำให้การก่อสร้างรวดเร็วที่สุด
อาจแบ่งก่อสร้างช่วงละ 30-40 กม. หรือตอนที่ 1 จะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 5 ช่วง เป็นต้น ดังนั้น วิธีพิเศษคือแต่ละช่วงจะเรียกผู้รับเหมา 2-3 รายมายื่นราคาแข่งกัน ตอนนี้ต้องรอให้ ร.ฟ.ท.แบ่งช่วงการก่อสร้างออกมาก่อน ซึ่งหลักจะแบ่งตามระยะทาง ซึ่งการแบ่งซอยช่วงก่อสร้างจะมากหรือน้อยมีทั้งข้อดี ข้อเสีย เช่น แบ่งซอยมากจะมีบริษัทหลายรายเข้ามาก่อสร้างได้พร้อมๆ กัน แต่ในการกำกับการก่อสร้างจะต้องมีจำนวนบุคลากรที่มากพอ และอาจจะมีปัญหาในการเปรียบเทียบคุณภาพงานช่วงรอยต่อที่เป็นเส้นทางเดียวกัน ดังนั้นต้องพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ รมว.คมนาคมกล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ย. ที่กรุงเทพฯ นั้น จะมีความชัดเจนเรื่องการร่วมทุนรวมไปถึงมูลค่าโครงการ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เหมาะสม แนวคิดในความร่วมมือต่างๆ ส่วนการเซ็นสัญญากรอบการทำงานร่วมกัน (Framework Agreement) หรือจะเป็นการลงนามสัญญาเพื่อลงมือก่อสร้าง ได้มอบหมายให้ ร.ฟ.ท.และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำข้อมูลใน Framework Agreement หากเนื้อหาไม่ต่างจากสัญญาจะเลือกลงนามสัญญาไปเลยเพื่อความรวดเร็ว โดยจะนำรายละเอียดสัญญาการร่วมมือแบบจีทูจี และเสนอเข้ากระบวนการพิจารณา เช่น กฤษฎีกา และ ครม.
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากรอบการทำงานในการออกแบบ การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุมัติจาก สผ. การออกกฎหมายเวนคืนที่ดินที่มีขั้นตอนพิจารณามาก จะเป็นปัญหาอุปสรรคที่อาจทำให้เป้าหมายที่กำหนดวางศิลาฤกษ์ หรือเริ่มต้นโครงการในวันที่ 23 ต.ค. (วันปิยมหาราช) ซึ่งเป็นพระบิดารถไฟไทย อาจไม่ทัน และจะต้องขยับไปเป็นวันที่ 1-10 ธ.ค. 2558 (จะเป็นวันแห่งการก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่ในรัชกาลที่ 9) แทน
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีนนั้นมีมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยมีค่าก่อสร้างงานโยธา 2 ใน 5 หรือประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งไทยจะจัดหาแหล่งเงินเอง โดยมีการหารือกับสถาบันการเงินในประเทศบ้างแล้ว ที่เหลืออีก 3 ใน 5 หรือประมาณ 2.4 แสนล้านบาทเป็นงานระบบรถ อาณัติสัญญาณ การซ่อมบำรุง ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะตั้ง SPV ขึ้นมา โดยกำลังพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากจีนและสัดส่วนการร่วมทุนที่เหมาะสม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42702
Location: NECTEC
|
Posted: 14/08/2015 8:41 pm Post subject: |
|
|
ด็อกเตอร์โกร่งพูดถึง รถไฟไทย - จีนดั่งนี้:
รถไฟไทย-จีน
โดย วีรพงษ์ รามางกูร
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
13 สิงหาคม 2558 เวลา 16:50:31 น.
ได้อ่านบทความ "ไทยกำลังตกเป็นเหยื่อจีน" ของคุณลมเปลี่ยนทิศ จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2558 แล้วก็เกิดความรู้สึกร่วมกับคุณลมเปลี่ยนทิศขึ้นมาทันทีว่า เรากำลังจะยกผลประโยชน์ของชาติประมาณ 400,000 ล้านบาทให้กับจีน โดยจะให้จีนก่อสร้างทางรถไฟคู่ขนานมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด มาบตาพุด-แก่งคอย และแก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 867 กิโลเมตร ตกกิโลเมตรละประมาณ 46 ล้านบาท
การร่วมทุน การกู้เงิน อยู่ระหว่างการเจรจา อัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับรัฐบาล 2 เปอร์เซ็นต์ สำหรับอัตราดอกเบี้ยลักษณะเชิงพาณิชย์ 4 เปอร์เซ็นต์ อ่านดูแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าประเด็นที่กำลังเจรจากันคืออะไร
โครงการรถไฟไทย-จีน วงเงิน 400,000 ล้านบาท ต้องถือว่าเป็นโครงการใหญ่สำหรับประเทศไทย แม้ว่าอาจจะไม่ใช่โครงการใหญ่ของจีนก็ตาม มีประเด็นหลายประเด็นที่ต้องการคำตอบ
รัฐบาลกำลังเดินหน้าก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ขนาด 1 เมตรให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โครงการดำเนินการอยู่แล้วกว่า 10 ปี แต่ก็ยังไปไม่ถึงไหน เข้าใจว่าคงจะมีธุรกิจไม่เพียงพอโครงการจึงเดินได้ช้า ความต้องการน้อยเกินไปหรือไม่ ถ้าความต้องการใช้มีมาก กลไกตลาดก็จะผลักดันให้โครงการรถไฟรางคู่เดิมคงจะเดินหน้าได้เร็วกว่านี้ เพราะเสียงเรียกร้องที่จะมีมากขึ้น การไม่มีเสียงเรียกร้องแสดงว่าความจำเป็นยังไม่มี
รางรถไฟขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร เดิมคิดว่าจะเป็นโครงการรองรับผู้โดยสารควบคู่กับการเดินทางโดยเครื่องบิน โดยมีราคาค่าโดยสารถูกกว่าเครื่องบินและรถไฟสามารถเข้าถึงสถานีในเมืองได้ เพื่อลดความแออัดของการจราจรบนถนนในเมือง บัดนี้กลายเป็นโครงการภายในประเทศคือ จากกรุงเทพฯหรือมาบตาพุดไปนครราชสีมา แล้วก็ไปจบที่หนองคาย ส่วนจะต่อไปเวียงจันทน์แล้วขึ้นเหนือไปจีนนั่นยังไม่ได้พูดกัน เพราะไม่ได้ยินข่าวว่าลาวจะลงทุนสร้างทางรถไฟขนาดมาตรฐานเชื่อมต่อจากหนองคายไปหลวงน้ำทาและจีน แต่ทางฝั่งไทยมีข่าวคึกคักว่ากำลังเจรจากับจีนสำหรับโครงการทางรถไฟ
ถ้าโครงการจบแค่การก่อสร้างทางรถไฟขนาดมาตรฐาน กรุงเทพฯ-มาบตาพุด-หนองคาย ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคงไม่มีธุรกิจพอจะรองรับ ทางรถไฟเดิมขนาด 1 เมตรที่จะพัฒนาให้เป็นรางคู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะบัดนี้ก็มีรางข้ามสะพานไปถึงเวียงจันทน์ แต่มีการใช้น้อยมาก ตั้งแต่มีสะพานมิตรภาพการขนส่งทางรถยนต์สะดวกมากกว่า รถไฟที่ข้ามสะพานมิตรภาพมีการใช้น้อยมาก
ถ้าหากเป็นรถไฟรางคู่ขนาดมาตรฐาน เพื่อรองรับรถไฟจีนที่จะขนสินค้ามาลงท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด หรือมากรุงเทพฯก็ต้องมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงผ่านเวียงจันทน์ขึ้นหลวงน้ำทาไปจีน ไทยเราเคยคุยกับลาวหรือยังว่าลาวจะมีโครงการลาว-จีนหรือไม่ ถ้ามีแล้วเงื่อนไขระหว่างจีนกับลาวเป็นอย่างไร ลาวจะยอมให้จีนมาลงทุน โดยลาวเป็นผู้ชำระหนี้หรือไม่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ เจ้าหนี้อื่นๆ ของลาวจะว่าอย่างไร
ถ้าโครงการในลาวไม่ประสบความสำเร็จแต่ไทยตัดสินใจไปแล้ว ถ้ารายได้จากการใช้ทางไม่คุ้มกับดอกเบี้ยและเงินต้นรวมค่าบำรุงรักษา จะผูกจะพันกันไปแค่ไหน รัฐสภาไทยจะให้ทั้งงบประมาณใช้หนี้ให้การรถไฟ ชำระหนี้ให้รัฐบาลจีนหรือไม่ เพราะเป็นเงินจำนวนมาก ทุกวันนี้การขาดทุนของการรถไฟก็เป็นปัญหาหนักอยู่แล้ว
เคยคุยกับผู้ใหญ่ทางลาว คำตอบก็ยังไม่ชัดเจนว่าลาวจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าจะก่อสร้างลาวก็จะเป็นผู้ลงทุนเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือการเจรจาไม่ควรเป็นการเจรจาระหว่างไทยกับจีนเท่านั้น ควรจะเป็นไทย ลาวกับจีน เพราะผู้ใช้จะเป็นจีนเสียส่วนใหญ่ ผ่านลาวกับไทย เงื่อนไขกับไทยและกับลาวควรจะเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน ไม่ใช่เงื่อนไขของไทยแย่กว่าเงื่อนไขของลาว
ความจริงแล้ว ถ้าจีนอยากได้โครงการนี้จริงๆ จีนก็ควรเป็นผู้ก่อสร้างทั้งหมดให้เสร็จ แล้วก็ยกให้ประเทศไทย
รถไฟรางคู่ขนาดมาตรฐานเป็นคนละเรื่องกับรถไฟความเร็วสูงที่ต้องการขนคนเป็นหลัก ที่คิดว่าสถานีต่างๆ จะก่อให้เกิดชุมชนใหม่ๆ เกิดการสร้างเมืองใหม่แบบเดียวกับญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นรถขนสินค้าก็ไม่หวังว่าจะสร้างเมืองใหม่รอบๆ สถานี
ถ้ามองในแง่เศรษฐศาสตร์แล้ว การก่อสร้างทางรถไฟเพื่อขนสินค้าจีนมาลงเรือที่มาบตาพุด ไม่น่าจะเป็นการย่นระยะทางสำหรับจีนที่มีท่าเรือมากมาย ตามชายทะเลของจีนตั้งแต่มณฑลกวางสี มณฑลกวางตุ้งและมณฑลฮกเกี้ยน แต่ถ้าจะมีทางรถไฟวิ่งไปใช้ท่าเรือย่างกุ้งหรือท่าเรือจิตตะกองของบังกลาเทศ เพื่อขนสินค้าไปตะวันออกกลาง ไปแอฟริกาและยุโรปยังน่าจะมีเหตุผลกว่า การที่จีนต้องการสร้างทางรถไฟจากจีนผ่านลาวมาออกที่ไทย ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือกรุงเทพฯหรือท่าเรือมาบตาพุด ไม่น่าจะมีเหตุผลทางเศรษฐกิจ น่าจะมีเหตุผลทางการเมืองมากกว่า ถ้าอยากจะเชื่อมต่อไปมาเลเซียและสิงคโปร์ก็ยิ่งไม่น่าจะมีเหตุผล
ถ้าเราเองอยากจะมีรถไฟความเร็วสูง เพื่อขนคนผู้โดยสารเป็นหลักและขนสินค้าราคาแพงเพื่อส่งออก เราก็ควรจะลงทุนด้วยเงินกู้ภายในประเทศเอง โดยการออกพันธบัตรเป็นเงินบาท ดอกเบี้ยตอนนี้ก็ต่ำ เงินออมภายในประเทศก็มีมากเพราะไม่ได้ใช้เท่าที่ควรมากว่า 17-18 ปีแล้ว ก็ควรจะเปิดประมูลระหว่างประเทศ โดยการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการร่วมทุนรัฐ-เอกชน แทนที่จะไปให้อภิสิทธิ์กับประเทศใดประเทศหนึ่งเสียตั้งแต่แรกโดยไม่มีการเปิดประมูล
แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องการตอบแทนกันทางการเมืองระหว่างประเทศ เพราะเหตุที่ไม่พอใจตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารที่ไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตย ก็ยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่ได้ยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง แต่ใช้เหตุผลและผลประโยชน์ทางการเมืองของรัฐบาลเป็นที่ตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหารหรือรัฐบาลพลเรือนที่ทหารแต่งตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มาแล้วก็ไป ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนที่ยังอยู่ต่อไป มูลค่าโครงการหรือต้นทุนขนาด 400,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยและค่าบำรุงรักษาตลอดไปในอนาคตเป็นเรื่องใหญ่ การจะเอาไปมอบให้ประเทศใดประเทศหนึ่งด้วยเหตุผลการเมืองระยะสั้นของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
สําหรับประเทศจีน แม้จะเป็นประเทศใหญ่มีเงินมากมาย ยิ่งไม่ควรฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบประเทศเล็กๆ ในยามที่ประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียง ควรจะคำนึงถึงจิตใจของประชาชนคนไทยด้วยว่าในอนาคตคนไทยจะรู้สึกอย่างไร ถ้าโครงการขนาดใหญ่เช่นว่าไม่ประสบความสำเร็จ แต่จะสร้างภาระให้กับประชาชนคนไทยอย่างไม่คุ้มค่า โดยการฉวยโอกาสอย่างที่กำลังจะทำอยู่ จากประสบการณ์ที่รับรู้กันมาว่าของจีนนั้นอาจจะราคาถูก แต่เสียง่าย คุณภาพไม่ได้อย่างที่ตกลงกัน เมื่อเกิดเสียหายแล้วการซ่อมบำรุง อะไหล่ การบริการหลังการขายไม่ดีพอ ในระยะยาวก็กลายเป็นของที่แพงกว่าของประเทศอื่น เกิดความสูญเสียทางโอกาสตามมาอีกมากมาย การจัดซื้อจัดจ้างโครงการที่ใช้เงินภาษีของราษฎรไม่ควรเอาไปแลกกับผลประโยชน์ในทางการเมือง ยิ่งเป็นการเมืองระหว่างประเทศยิ่งไม่ควรทำ ควรจะมองแต่เรื่องผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องดูทั้งเรื่องคุณภาพ เรื่องความเชื่อถือในวันข้างหน้า ไม่ใช่ดูราคาอย่างเดียว
ถ้าการเจรจาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงจัง เป็นการสร้างภาพเพื่อแสดงความไม่พอใจตะวันตกว่า เรายังมีเพื่อนมหาอำนาจอื่นที่สนับสนุน ก็ยิ่งเป็นการคิดผิด เพราะผลประโยชน์ของเราที่ผูกพันอยู่กับตะวันตกกับญี่ปุ่นกับอาเซียนมีมากมายมหาศาล ถ้าจะละเลยเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งก็เสียหายทั้งนั้น การปกครองแบบเผด็จการทหารที่ไม่ต้องฟังเสียงใคร ไม่ว่าในหรือต่างประเทศนั้น อาจจะเป็นอันตรายกว่าที่เราคิดก็ได้ เรื่องการเมืองไม่ใช่เรื่องจีรัง เป็นไปตามสภาพกาล เปลี่ยนไปมาได้เสมอ ไม่ควรเอาใจประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป
หวังว่าคงทำกันเล่นๆ แค่ยั่วอเมริกากับยุโรปเท่านั้น คงไม่คิดทำโครงการกับจีนจริงๆ เพราะตรรกะก็ไม่ใช่ วิธีการก็ไม่เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากจะใช้มาตรา 44
ขอให้นอนหลับและฝันดี |
|
Back to top |
|
|
|