View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 10/09/2015 10:03 pm Post subject: |
|
|
จับตารถไฟไทย-จีน บัญชา"บิ๊กตู่" "อาคม"คุมเกม ลุ้นเคาะเฟสแรก กทม.-โคราช 2.3แสนล้าน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
9 กันยายน 2558 เวลา 23:40:57 น.
จับตาผลประชุมคณะกรรมการร่วมรถไฟไทย-จีนครั้งที่ 7 หลังจีนส่งผลศึกษาโครงการเฟสแรก "กรุงเทพฯ-โคราช" ใช้เม็ดเงินทุน 2.3 แสนล้าน เตรียมจ้างคนกลางประเมินมูลค่าโครงการ ก่อนเคาะครั้งสุดท้ายปลายปีนี้ "อาคม" แทงกั๊กตอกเข็มทัน-ไม่ทันกำหนดเดิม รอผลสรุปแบบและเงื่อนไขการกู้เงิน "บิ๊กตู่" ลั่นตอกเข็ม ธ.ค. 58 เผยจีนร่วมลงทุนแล้ว 40% ส่วนรถไฟความเร็วสูง "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่" ญี่ปุ่นขอเวลาศึกษา 1 ปี และความชัดเจนพื้นที่ทับซ้อนรถไฟไทย-จีน คาดเสนอ ครม.อนุมัติกลางปี′59
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 10-12 กันยายนนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช-หนองคายและแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร ครั้งที่ 7 จะพิจารณาผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการร่วมกันหลังจีนได้ส่งรายงานผลการศึกษาโครงการเฟสแรกช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราชระยะทาง271.5 กิโลเมตร ให้ฝ่ายไทยวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา จะใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ จากทั้งโครงการประเมินคร่าว ๆ ใช้เงินลงทุนประมาณ 400,000 ล้านบาท จะต้องตรวจสอบร่วมกันต่อไป อีกทั้งข้อสรุปสัดส่วนการลงทุน ร่วมลงทุนงานระบบและเดินรถ วงเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย สำหรับเนื้องานที่จะต้องใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีน ซึ่งฝ่ายจีนจะให้คำตอบในครั้งนี้
"รถไฟไทย-จีน เดิมจะมอบหมายให้ท่านรัฐมนตรีช่วย (ออมสิน ชีวะพฤกษ์) กำกับ ล่าสุดผมจะนำกลับมาดูเองทั้งรถไฟไทย-จีนและรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เพื่อให้มีคนพูดคนเดียวกัน"
ยังไม่ฟันธงตอกเข็มปีนี้
นายอาคมกล่าวว่า ถึงจะเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ โครงการรถไฟไทย-จีนยังคงมีการพิจารณาต่อไปในรายละเอียด และขณะนี้ยังยึดกำหนดการเดิม คือ จะเริ่มสร้างเฟสแรกวันที่ 23 ตุลาคมนี้หรืออย่างช้าเดือนธันวาคม 2558 ทั้งนี้ ต้องรอดูผลการศึกษาของจีนที่ส่งมอบให้ด้วยว่าสมบูรณ์และมีข้อสรุปจากการเจรจาครั้งที่ 7 มากน้อยแค่ไหน ถ้ารายงานการศึกษายังมีข้อปรับปรุงแก้ไข ก็ต้องมีการพิจารณากำหนดเวลากันอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนความคืบหน้ารถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กิโลเมตร นายอาคมกล่าวว่า ผลจากการประชุมครั้งแรกร่วมกันวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ฝ่ายญี่ปุ่นได้กลุ่มที่ปรึกษามาศึกษาโครงการร่วมกับไทยแล้ว ประกอบด้วยบริษัท อีสต์เจแปน เรลเวย์ จำกัด (JR-East) ผู้ผลิตและเดินรถ, บริษัท อิตาชิ จำกัด เป็นผู้พัฒนาระบบรถไฟฟ้า และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) เป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค
เร่งเครื่องรถไฟไทย-ญี่ปุ่น
ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาหาข้อสรุปถึงการใช้ระบบอาณัติสัญญาณช่วงกรุงเทพฯ-ภาชีที่ทับซ้อนกับรถไฟไทย-จีนจะเป็นลักษณะใช้ร่วมกันได้หรือไม่ซึ่งญี่ปุ่นขอแยกรางวิ่งต่างหาก เนื่องจากระบบที่ใช้เป็นระบบชินคันเซน จะต้องเวนคืนและรื้อท่อก๊าซ ปตท. ซึ่งหากใช้รางร่วมกันจะประหยัดต้นทุนก่อสร้างได้ ทางบริษัทที่ปรึกษาไทยและญี่ปุ่นจะลงสำรวจพื้นที่ต่อไป
"รถไฟไทย-ญี่ปุ่น จะใช้เวลาศึกษา 1 ปี แม้จะมีผลศึกษารถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ที่เราศึกษาไว้แล้ว เงินลงทุน 449,473 ล้านบาท เพราะญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัย คาดว่ามิถุนายน-กรกฎาคมปี′59 จะขออนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรีในหลักการที่ญี่ปุ่นศึกษาร่วมกับไทย เพื่อลงนามความร่วมมือหรือความเข้าใจรัฐต่อรัฐพัฒนาโครงการ หลังมีรายละเอียดและเงินลงทุนระดับหนึ่ง ส่วนรูปแบบลงทุนเราขอเป็นรูปแบบ PPP ตามแผนเริ่มเวนคืนปี"60 และก่อสร้างปี′61 การลงทุนจะให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องพัฒนาเมืองและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ควบคู่ไปด้วย เช่น ย่านสถานี รวมถึงการท่องเที่ยวเมืองมรดกโลกและย่านสำคัญอื่น ๆ ตลอดเส้นทาง" นายอาคมกล่าว
ผลศึกษาจีนเฟสแรก 2.3 แสน ล.
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฝ่ายจีนส่งผลการศึกษารถไฟไทย-จีนเฟสแรกให้แล้ววันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา จะใช้เงินลงทุนก่อสร้างงานโยธาและงานระบบประมาณ 230,000 ล้านบาท ทั้ง 2 ฝ่ายจะจ้างคนกลางประเมินมูลค่าโครงการอีกครั้งหนึ่ง จากทั้งโครงการใช้เงินลงทุนประมาณ 400,000 ล้านบาท มีค่าเวนคืนที่ดิน 4,661 ล้านบาท ส่วนผลการศึกษาทั้งโครงการฝ่ายจีนจะส่งให้ปลายปีนี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ฝ่ายจีนมีแนวโน้มจะคิดเป็นอัตราคงที่แบบพิเศษ โดยเป็นอัตราที่คิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว อาจจะอยู่ที่กว่า 3% จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 2-4% แต่ฝ่ายไทยขออัตราต่ำกว่านี้ โดยมีระยะเวลากู้รวม 30 ปี ปลอดหนี้ 5 ปี และชำระหนี้ 25 ปี ฝ่ายจีนรับข้อเสนอไปพิจารณาและจะรายงานความก้าวหน้าให้ทราบในการประชุมครั้งที่ 7 หลังจากตัดสินใจจะร่วมลงทุนกับฝ่ายไทยสำหรับงานระบบและเดินรถแล้ว
บิ๊กตู่ ลั่นสร้างธ.ค.นี้
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขประเทศไทย" ถึงความคืบหน้ารถไฟไทย-จีนว่า เป็นรถไฟความเร็วปานกลาง 160-180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทาง 873 กิโลเมตร แบ่งก่อสร้างเป็น 4 ช่วง คือ กรุงเทพฯ - แก่งคอย 133 กิโลเมตร, แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 กิโลเมตร, แก่งคอย-นครราชสีมา 138.5 กิโลเมตร และนครราชสีมา-หนองคาย 355 กิโลเมตร จะใช้เวลาสร้าง 3 ปีครึ่ง จะเริ่มสร้างช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ภายในเดือนธันวาคม 2558
ไทย-จีนร่วมทุน 60:40
ส่วนการลงทุน เป็นการร่วมลงทุนของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในลักษณะ SPV หรือ Special Purpose Vehicle ฝ่ายไทยถือหุ้น 60% ฝ่ายจีนถือหุ้น 40% มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในภาพรวมไม่น้อยกว่า 14.99% โดยงานก่อสร้างจะใช้สัญญาก่อสร้างแบบ EPC หรือ Engineering Procurement Construction ฝ่ายจีนรับผิดชอบด้านการสำรวจออกแบบก่อสร้าง ฝ่ายไทยเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบแบบ ราคาก่อสร้าง และความเหมาะสมของราคา ก่อนจะลงนามสัญญางานก่อสร้างทั้งหมด
สำหรับการลงทุนและงานโยธา ฝ่ายไทยจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนเอง ดำเนินการคัดเลือกผู้รับจ้างไทยก่อสร้างเองในงานชั้นฐานที่เป็นทางราบ อาคาร ส่วนงานเจาะอุโมงค์ งานก่อสร้างชั้นฐานทางไหล่เขาฝ่ายจีนจะเป็นผู้ดำเนินการงานระบบ งานอาณัติสัญญาณ งานจัดหาและติดตั้งตัวรถ ตลอดจนอุปกรณ์เดินรถและซ่อมบำรุง
ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 672 กิโลเมตร ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น อยู่ในขั้นการศึกษา มีแผนการดำเนินการวางไว้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่วมสำรวจและออกแบบ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 11/09/2015 4:36 am Post subject: |
|
|
"JR-East" รุกคืบเมกะโปรเจ็กต์ไทย จากสายสีม่วงถึงไฮสปีดเทรน 4 แสนล้าน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
10 กันยายน 2558 เวลา 21:45:57 น.
เอ่ยชื่อ "J-TREC-บริษัท เจแปน ทรานสปอร์ต เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด" สำหรับประเทศไทยอาจจะไม่คุ้นหูกันมากนัก แต่หากพูดถึง "JR-East-บริษัท อีสต์เจแปน เรลเวย์ จำกัด" น้อยคนที่ไม่รู้จัก ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นหลากหลายระบบ ทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้า รถไฟชานเมือง รถไฟระหว่างเมือง และรถไฟความเร็วสูงชินคันเซนมาร่วม 28 ปี
ปัจจุบันมีพนักงาน 70,000 คน และเมื่อปี 2555 ได้เข้าซื้อกิจการ "J-TREC" ผู้ผลิตรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์มายาวนาน 67 ปี
ส่วน "J-TREC" ก่อตั้งเมื่อปี 2491 เดิมชื่อ "บริษัท โตเกียว คาร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด" หรือ TCC เป็นผู้ผลิตรถไฟจากสเตนเลสรายแรก และเป็นผู้ผลิตระบบอาณัติสัญญาณและตู้บรรจุรางรถไฟ
รวมถึงออกแบบผลิตรถไฟได้หลากหลายตามความต้องการของลูกค้า อาทิ รถไฟชินคันเซน ผ่านการผลิตรถไฟมาแล้วกว่า 21,000 ตู้ พร้อมกับส่งออกขบวนรถไฟไปยังหลายประเทศตลอดระยะเวลา 67 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เป็นออร์เดอร์จาก "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" สั่งซื้อรถไฟดีเซลราง จำนวน 13 ตู้
ล่าสุดเพิ่งได้งานชิ้นใหญ่ผลิตรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้ "บีเอ็มซีแอล" หรือบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และกำลังมองหาช่องทางขยายตลาดเพิ่ม ไปยังรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่ "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" กำลังก่อสร้างและจัดหาผู้เดินรถ
ที่กำลังอยู่ในความสนใจในขณะนี้ คือ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) ระยะทาง 27 กิโลเมตร ที่ "บีเอ็มซีแอล" พันธมิตรเก่าของทั้ง "J-TREC" กับ "JR-East" กำลังลุ้นจะคว้าสัมปทานเดินรถสายนี้เมื่อไหร่ หลังรอคอยมาร่วมปี
ว่ากันว่า...หากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ส่งข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศญี่ปุ่นมาถึงไทยวันที่ 16 กันยายนนี้ ทาง "J-TREC" ทำผลงานดีแบบไร้ที่ติ คงเป็นหนึ่งในบัญชีที่ได้รับการพิจารณา
นอกจากนี้อาจจะรวมถึง "รถไฟความเร็วสูง" โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ลงนามบันทึกแสดงเจตจำนง (MOI) ร่วมกันไปแล้ว ในเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กิโลเมตร ที่ญี่ปุ่นเสนอเป็นระบบชินคันเซน คาดว่ามีเม็ดเงินลงทุน 449,473 ล้านบาท
เพราะโปรเจ็กต์นี้มีชื่อ "JR-East" บริษัทแม่ของ "J-TREC" ร่วมศึกษาความเหมาะสมของโครงการด้วย
ขณะที่ "J-TREC" ปัจจุบันผลิตรถไฟชินคันเซนรุ่นใหม่ "รุ่น E7" วิ่งด้วยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงออกสู่ท้องตลาด ทั้งวิ่งให้บริการในประเทศญี่ปุ่นและส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งในนี้อาจจะรวมถึงประเทศไทยด้วยก็เป็นได้ โดยมีข้อได้เปรียบสามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จทั้งเดินรถและซ่อมบำรุง
ด้าน นายทาคาโอะ นิชิยามา กรรมการบริหารฝ่ายกิจการต่างประเทศ บริษัท อีสต์เจแปน เรลเวย์ จำกัด (JR-East) ผู้ประกอบการธุรกิจรถไฟประเทศญี่ปุ่น กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มองว่าประเทศไทยถึงเวลาจะต้องมีการพัฒนาระบบรถไฟแบบใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่นเคยได้ดำเนินการมา
สำหรับบริษัทให้ความสนใจที่จะลงทุนรถไฟความเร็วสูงของไทย ขณะนี้ได้ร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบการลงทุนรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ด้วยซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น
ส่วนการลงทุนจะเป็นรูปแบบPPPอย่างที่รัฐบาลไทยต้องการจะดำเนินการหรือไม่ อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด นอกจากนี้บริษัทยังสนใจลงทุนระบบรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ด้วย นอกเหนือจากสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) ที่บริษัทผลิตรถไฟฟ้าให้จำนวน 21 ขบวน 63 ตู้แล้ว ทั้งสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เป็นต้น
ด้านระบบรถไฟรางเดี่ยวหรือโมโนเรลนั้น ซึ่งรัฐบาลไทยจะนำมาใช้ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ขณะนี้ทางบริษัทอยู่ระหว่างเก็บข้อมูล
เป็นการรุกคืบของยักษ์ระบบรางจากแดนปลาดิบหลังสามารถตีตลาดประเทศไทยสำเร็จ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 11/09/2015 12:15 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมหารือจีนกรณีก่อสร้างรถไฟทางมาตรฐาน
สำนักข่าวไทย กอง บก.ข่าวเศรษฐกิจ 2015/09/11 12:04 PM
กรุงเทพฯ 11 ก.ย. รมว.คมนาคมหารือรัฐบาลจีน ก่อสร้างรถไฟทางมาตรฐาน ล่าสุดยอมรับยังไม่สามารถกำหนดเวลาเริ่มงานก่อสร้างได้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร ความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชม. โดยระบุว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับรายการการศึกษาออกแบบเบื้องต้นในการก่อสร้างโครงการ ช่วงที่1 กรุงเทพ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 252 กม. ซึ่งจะมีการสรุปรายละเอียดร่วมกัน เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ โดยในที่ประชุมยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างการออกแบบการก่อสร้าง แนวเส้นทาง และรูปแบบทางการเงิน ฉะนั้นจะต้องหาข้อสรุปในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ก่อน
นอกจากนี้ในส่วนของมูลค่าการลงทุนในช่วงที่ 1 และ 3 ได้ ซึ่งไทยยืนยันว่าต้องการให้มีการตั้งที่ปรึกษาทางการเงินของฝ่ายไทยมาร่วมพิจารณา เพื่อให้สามารถวิเคราะห์มูลค่าโครงการได้อย่างเหมาะสม และได้ราคาค่าก่อสร้างที่เป็นจริง ซึ่งที่ผ่านมาไทยและจีนยังมีความเห็นแตกต่างกัน แต่ล่าสุดจีนได้ยืนยันจะใช้ดัชนีราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศ ดังนั้นไทยจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยรมว.คมนาคม ยอมรับว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะเริ่มงานก่อสร้างได้เมื่อไร เนื่องจากการสำรวจในพื้นที่ของจีนเป็นการสำรวจในเบื้องต้น ขณะเดียวกันการสำรวจพื้นที่ โดยภาพถ่ายทางอากาศของแนวเส้นทางโครงการคืบหน้าเพียง 30% เท่านั้น ดังนั้นงานก่อสร้างจะเริ่มได้เมื่อใด ยังมีกระบวนการอีกหลายอย่างต้องพิจารณา
ทั้งนี้ในวันที่ 12 กันยายนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้แทนจีนจะลงนามรับรอบผลการประชุมครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุม ทางฝ่ายไทยพิจารณารายละเอียดโครงการแล้ว คาดว่าอาจจะใช้เวลาในการพิจารณาโครงการถึง 8-9 เดือน จึงจะเริ่มงานก่อสร้างได้ เนื่องจากไทยต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA รูปแบบโครงการ การร่วมทุนต่างๆ ขณะที่จีนต้องเร่งให้เกิดการก่อสร้างได้ภายในปลายปีนี้
ทั้งนี้โครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นไทยยังคงยืนยันหลักการเดิม ขอให้จีนจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ระยะเวลา 25-30 ปี ปลอดหนี้ 6-7 ปี สำนักข่าวไทย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 11/09/2015 12:21 pm Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนคืบหน้า คาดภายในสิ้นปีได้รายละเอียดความเหมาะสมโครงการ
มติชน
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 11:45:36 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 ว่า ได้หารือกันในเรื่องของรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นที่ทางจีนได้จัดทำขึ้น โดยส่วนที่ได้สำรวจและออกแบบเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ ตอนที่ 1 บางซื่อ-แก่งคอย และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ส่วนตอนที่ 2 ช่วงแก่งคอย-มาบตาพุด และนครราชสีมา- หนองคาย จะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยจะมีการพิจารณารายละเอียดความเหมาะสม ต้นทุนของโครงการ
อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น ทางจีนจะต้องกลับไปคำนวณตัวเลขให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะสามารถเริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคมนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าไทยและจีนเห็นชอบร่วมกันในผลการศึกษาหรือไม่ หากเห็นชอบร่วมกันก็จะมีการพิจารณาเรื่องการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมต่อไป ขณะที่อีกส่วนที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วยคือการวิเคราะห์ผลการศึกษาภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 30 โดยต้องนำข้อมูลมาประมวลร่วมกันให้ครบถ้วนก่อน จึงจะสามารถกำหนดกรอบระยะเวลาได้
นายอาคม กล่าวถึงกรณีมีการวิจารณ์ถึงต้นทุนการก่อสร้าง ซึ่งระบุว่าทางจีนเสนอราคามาสูงเกินไป ว่า ฝ่ายไทยได้มีการตั้งคณะที่ปรึกษาฝ่ายการเงินที่จะเข้ามาดูแลความเหมาะสมของต้นทุน แต่จากการหารือในครั้งนี้ ทางจีนระบุว่าใช้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในประเทศไทยในการคำนวณ ซึ่งคงต้องมีการตรวจสอบต่อไป
//----------------------
ไทยขอจีนช่วยลดดอกเบี้ยเงินกู้สร้างรถไฟ! "ประวิตร"รับ จีนคิดแพง เกินจะรับไหว
มติชน
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17:10:39 น.
ประวิตรเผยกำลังเจรจาขอจีนลดดอกเบี้ยสร้างรถไฟ ชี้ถ้าแพงก็รับไม่ไหว มอบคมนาคมเจรจา
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาและได้มีการเจรจาขอลดดอกเบี้ยในการก่อสร้างรถไฟกับรัฐบาลจีนจาก 4% ให้เหลือ 2% ว่า เรื่องรถไฟมีการตกลงกันว่าดอกเบี้ยยังแพง จึงมีการตกลงกัน ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมของไทยและกระทรวงคมนาคมของจีนกำลังตกลงกันอยู่ เพราะเราต้องการให้ได้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นก็รับไม่ไหว และนอกจากนี้ต้องมาตกลงร่วมกันว่าผลประโยชน์ต่างๆจะต้องทำอย่างไร ซึ่งวันนี้กระทรวงคมนาคมของไทยและจีนกำลังคุยกันอยู่
เมื่อถามว่าดอกเบี้ยที่จีนระบุมาจำนวนเท่าไร พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือเท่าไร แต่เราต้องการให้ได้ดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด เพราะว่าถ้าแพงก็ไม่ไหว
เมื่อถามว่าเรื่องรถไฟไทย-จีนต้องการให้เกิดความชัดเจนภายในปีนี้หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า อยากให้เรื่องนี้จบภายในปีนี้ แต่จะทันหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ทั้งสองประเทศต้องคุยกัน ทุกอย่างจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความชัดเจน
เดิมทีวางแผนจะให้จบภายในปีนี้ ในเรื่องของการเริ่มดำเนินการก่อสร้าง แต่ต้องช้าเกี่ยวกับเรื่องสัญญาข้อตกลงความร่วมมือกันและหลายๆเรื่อง ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องตกลงให้ได้ทั้งสองประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบได้เปรียบครับพลเอกประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ว่าจะไปกู้เงินจากแหล่งอื่นมาดำเนินการถ้าดอกเบี้ยของจีนยังแพงอยู่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เรื่องนี้ต้องคุยกัน เพราะยังตกลงกันไม่ได้ว่าเราจะกู้เงินจากจีนหรือจากที่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการ ตนก็ทราบแต่กว้างๆและไม่ได้ลงในรายละเอียด |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 12/09/2015 11:47 am Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนตามแผนลงนามวันนี้
บ้านเมือง นเสาร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558, 10.56 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมติดตามความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 7 ร่วมกับหัวหน้าคณะฝ่ายจีน ก่อนที่จะมีการรับรองบันทึกการประชุมและลงนามบันทึกการประชุมในวันที่12 ก.ย.นี้ สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 เป็นการติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง ความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม จากการหารือกลุ่มย่อยวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางการจีนได้รายงานการศึกษาออกแบบเบื้องต้นในการก่อสร้างระยะที่ 1 ช่วงที่1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ซึ่งจะมีการสรุปรายละเอียดร่วมกันเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ตามแผนที่คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้
ขณะเดียวกันนายวุฒิชาติ กัลยามิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการ ว่า ขณะนี้โครงการมีการออกแบบเส้นทางเดินรถ และรายละเอียดจุดติดตั้งตัวสถานี โดยในที่ประชุมนอกรอบที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมในหลายด้าน โดยเฉพาะราคาการก่อสร้างที่ฝ่ายจีนเสนอมา เมื่อเปรียบเทียบราคาในคุณสมบัติเดียวกันพบว่ามีความแตกต่าง นอกจากนี้ยังมีประเด็นเทคนิคด้านการออกแบบด้วย ซึ่งจะหารือรายละเอียดเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่ายังสามารถเปิดประมูลและเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ตามกำหนดกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ที่จะเริ่มประมูลได้ในเดือนตุลาคมปี 2558
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท เบื้องต้นไทยยังคงยืนยันหลักการเดิม ขอให้จีนจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2 ระยะเวลา 25-30 ปี ปลอดหนี้ 6-7 ปี แต่ติดปัญหาด้านกฎหมายเงินกู้ของ 2 ประเทศที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 13/09/2015 2:28 am Post subject: |
|
|
เลื่อนตอกเข็มรถไฟไทย-จีน ติดด่านหินเงินลงทุน-ดอกเบี้ยกดไม่ลง รอประชุมปักกิ่งปลายต.ค.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
11 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:18:37 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย จีน ครั้งที่ 7 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ติดตามรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมการออกแบบและการสำรวจเส้นทาง ตอนที่1 บางซื่อ-แก่งคอย และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทางรวม 271.8 กม. ที่จีนส่งผลการศึกษามาให้
โดยจีนระบุว่ายังเป็นการศึกษาเบื้องต้นมูลค่าลงทุรประมาณ2.3แสนล้านบาทยังไม่สามารถประเมินต้นทุนโครงการที่สมบูรณ์ได้ ซึ่งทางจีนจะต้องคำนวนตัวเลขให้ชัดเจนอีก คาดว่าจะทราบผลในเดือนตุลาคมนี้
ส่วนตอนที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และตอนที่4 นครราชสีมา-หนองคายนั้นคาดว่าจะศึกษาสำรวจออกแบบเสร็จในเดือนธันวาคม2558
"ตัวเลขมูลค่าโครงการยังไม่นิ่งทำให้ยังกำหนดการกู้เงินและสัดส่วนการลงทุนที่จะร่วมลงทุนกับจีนในรูปแบบSPV งานระบบและเดินรถ มูลค่ากว่า1แสนล้านบาท ครั้งนี้ไทยขอให้จีนร่วมลงทุน50:50จากเดิม60:40 ฝ่ายจีนขอกลับไปพิจารณา"
ส่วนอัตราดอกเบี้ยผลการหารือก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นกันเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่จีนเสนอมากว่า 3%ยังสูงกว่าเงินกู้ในประเทศของไทย ก็ต่อรองให้ปรับลดลงอีก
อย่างไรก็ตามคาดว่า จะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในการประชุมครั้งที่8จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29ตุลาคมนี้ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
นายอาคมกล่าวว่า จากการที่ยังต้องใช้เวลาสำหรับการพิจารณาผลศึกษาโครงการ ที่ต้องดูผลตอบแทนการเงิน เวนคืนที่ดินและอีไอเอ คาดว่าดารก่อสร้างระยะแรกจากกรุงเทพ-แก่งคอย-นครราชสีมาจะไม่ทันเดือนตุลาคมนี้ แต่จะพยายามเร่งให้ทันเดือนธันวาคมตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 13/09/2015 5:40 am Post subject: |
|
|
อัพเดทโครงสร้างพื้นฐาน 1.6 ล้านล. ฟื้นเชื่อมั่นครม.บิ๊กตู่3
ฐานเศรษฐกิจ HEADLINE, THAN INSIGHT
ออนไลน์เมื่อ ศุกร์ ที่ 11 กันยายน 2558
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3086 วันที่ 10-12 กันยายน พ.ศ. 2558
แม้จะดูเหมือนเปลี่ยนม้ากลางศึก ครม.บิ๊กตู่ 3 ที่ดัน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ขึ้นไปนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ จากรัฐมนตรีช่วยมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อมาเร่งสานต่อเมกะโปรเจ็กต์ที่คั่งค้าง ทั้งยังดึงคนนอกอย่าง ออมสิน ชีวะพฤกษ์ อดีตประธานบอร์ด การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มาเป็นรัฐมนตรีช่วย ดูแลงานด้านระบบรางเสริมทัพอีกแรงหนึ่ง
การเปลี่ยนตัวบิ๊กกระทรวงคมนาคมครั้งนี้ จึงเป็นที่จับตาของทุกภาคส่วนที่คาดหวังว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจนับตั้งแต่ปลายนี้เป็นต้นไป และยังเป็น 1 ใน 4 ยุทธศาสตร์ที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ที่ให้ความสำคัญมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเดิมงบประมาณการลงทุนภาครัฐคิดเป็น 40% แต่วันนี้เหลือ 20 % จึงจำเป็นต้องเร่งผลักดัน
งบ 4 หมื่นล้านจ่ายจริงกันยานี้
พลันที่นั่งหัวโต๊ะบิ๊กหูกวาง อาคม แถลงทันที (26 สิงหาคม) ว่ามีโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ส่วนใหญ่เป็นระบบรางและถนนที่ต้องเร่งดำเนินการอยู่ทั้งหมด 17 โครงการภายใต้งบประมาณ 1.6 ล้านล้านบาทที่ต้องดำเนินการช่วงปลายปีนี้ถึงปี 2559 และยังมีเม็ดเงินจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่อนุมัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์อีก 4 หมื่นล้านบาทเข้ามาขับเคลื่อน ส่วนใหญ่เป็นงบสร้างถนน เชื่อมชายแดน ขยายถนน อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง 2.5 หมื่นล้านบาทและกรมทางหลวงชนทบ 1.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนกันยายนนี้คาบเกี่ยวไปจนถึงต้นปีหน้า
นอกจากนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคเอกชนเขายังได้มีการจัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือกกร. ยืนยันถึงแผนการลงทุนเรียกความเชื่อมั่นภาคเอกชน และตั้งเป้าหมายจะจัดให้มีการประชุมร่วมกันทุก 2 เดือนเพื่อติดตามความคืบหน้าของแผนงาน โดยจะมีการหารือกลุ่มย่อยแบ่งตามการขนส่งทางบก น้ำ อากาศ และราง อย่างชัดเจนเพื่อติดตามงานด้านกฎ กติกาที่เป็นอุปสรรคต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบอีกด้วย
เข็นอีก 5 หมื่นล้านเซ็นสัญญาQ4
พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่า ในส่วนของเมกะโปรเจ็กต์หลายโครงการที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วจะเร่งเปิดประกวดราคาทันที ส่วนอีกหลายโครงการที่ยังไม่ผ่านก็จะเร่งรัดอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันเม็ดเงินให้ออกมาในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า (ดูตารางประกอบ) ซึ่งโครงการที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในช่วง 3-4 เดือนที่เหลือนี้มี 3 โครงการ
จากการตรวจสอบทั้ง 3 โครงการพบว่าแบ่งเป็นงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง คือ
1.รถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย วงเงิน 1.05 หมื่นล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการประมูลมีผู้สนใจเป็นจำนวนมากวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้จะเปิดให้เสนอราคาทางอี-อ็อกชั่น และ
2.รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท ที่กำลังอยู่ระหว่างร่างทีโออาร์เตรียมเปิดประมูล
ส่วนอีกโครงการเป็นการก่อสร้างทางหลวง-พิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 72 กิโลเมตรวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท กำลังอยู่ในขั้นตอนร่างทีโออาร์ เพื่อรอเปิดประมูล เพราะมีงบพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งงบที่ก่อสร้างมาจากกองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางมาดำเนินการ กำลังเริ่มออกทีโออาร์เตรียมเปิดประมูล ซึ่งโครงการนี้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนและน่าจะลงนามได้ในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่มอเตอร์เวย์อีก 2 โครงการ กำลังทำเรื่องเสนอของบประมาณจากกระทรวงการคลัง
รถไฟฟ้า 4 สายจ่อเข้าครม.
นอกจากนี้ยังโครงการรถไฟฟ้าที่เริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีก 4 สายไม่ว่าจะเป็นสายสีส้มที่ขณะนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) ได้เสนอเรื่องมายังกระทรวงแล้ว เตรียมนำเสนอ ครม.อีกส่วนหนี่ง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะวิเคราะห์โครงการไปพร้อมๆ กัน คาดว่าจะอนุมัติได้ในเดือนธันวาคมนี้ แบ่งการดำเนินการเป็น 2 ส่วนคือ งานก่อสร้างและ 2.การเดินรถและจัดหารถ โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ ด้านสายสีชมพู และสายสีเหลือง เป็น โมโนเรล ทั้งสองโครงการนี้จะเปิดให้เอกชนลงทุน 100% ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2556
ทั้งสายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีม่วงเป็นส่วนต่อขยาย จาก เตาปูนถึงราษฎร์บูรณะ มีการนำเสนอเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมแล้วรอนำเข้าเสนอ ครม.อนุมัติ ยกเว้นส่วนสายสีชมพูที่ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังทำเรื่องสรุปเพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป ในขณะที่สายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) เปิดให้บริการแน่โดยจะเริ่มทดลองวิ่งในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ โดยขณะนี้ขบวนรถกำลังนำเข้ามาญี่ปุ่นถึงประเทศไทยในเดือนกันยายนนี้ ใช้เวลาเซ็ตอัพระบบ ระยะหนึ่ง และคาดจะเริ่มให้ทดสอบในเดือนมีนาคมปี 2559
ออมสินดันรางคู่เต็มเหนี่ยว
อย่างไรก็ดี ทางด้านรมช.ออมสิน ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลงานระบบราง ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ออกมาตอกย้ำว่า จะเร่งรัดประกวดราคาโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางให้ได้ภายในปีนี้ หลังขายเอกสารประกวดราคาเส้นทาง ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยแล้วและจะเร่งขายเอกสารประกวดราคาเส้นทาง จิระ-ขอนแก่น หลังของอนุมัติบอร์ด ร.ฟ.ท. (วันที่ 8 กันยายน)
ส่วนเส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร และมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ได้รับการอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว คาดจะเร่งประกาศทีโออาร์ในเร็วๆ นี้ ส่วนเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพและนครปฐม-หัวหิน กำลังเร่งรัดให้พิจารณา อีไอเอ เพื่อให้สามารถเปิดประกวดราคาได้ภายในปีนี้ ตามเป้าหมายรัฐบาล
รถไฟความเร็วสูงลุ้นปีหน้า
สำหรับโครงการความร่วมมือรถไฟจีน และญี่ปุ่น โดยในส่วนของรถไฟไทย-จีนเส้นทาง กทม.-หนองคาย หนองคาย-แหลมฉะบัง ซึ่งอยู่ในการดูแลของ รมว. อาคม ความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผลการศึกษาความเป็นไปได้ที่จีนได้ส่งมาแล้ว และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ซึ่งแผนเดิมคาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างได้ในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนรถไฟไทย-ญี่ปุ่น กทม.-เชียงใหม่ เป็นรถไฟความเร็วสูง ขณะนี้เริ่มทำการศึกษาทางด้านเทคนิค กลางปีหน้าน่าจะครม.อนุมัติในหลักการ เช่นเดียวกับรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง กทม.-พัทยา-ระยองและกทม.-หัวหิน จะเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุน คาดว่าปี 2559 น่าจะเสนอขออนุมัติเห็นชอบจาก ครม.
เมกะโปรเจ็กต์กระตุ้นการลงทุนครั้งใหญ่ 1.6 ล้านล้านบาทจะเป็นจริงแค่ไหนรอลุ้นกันอีกเฮือก !! |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42709
Location: NECTEC
|
Posted: 14/09/2015 4:18 am Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนส่อเลื่อนก่อสร้างเป็นธ.ค.58 หลังจีนเสนอราคาสร้างสูงกว่าไทย
มติชน
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:11:54 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 7 ว่า ได้มีการหารือถึงผลการศึกษา สำรวจ ออกแบบและก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม. ที่จีนเสนอมาพบว่ามูลค่าโครงการที่จีนเสนอมาสูงกว่าราคาประเมินของไทยมากถึง 25-30% อีกทั้งประมาณการรายรับและรายจ่ายของโครงการที่เสนอยังไม่ครอบคลุมทั้งโครงการซึ่งมี 2 ระยะ ซึ่งจะรวมระยะที่ 2 ในเส้นทางช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และช่วงที่4 นคราชสีมา-หนองคายด้วย ขณะที่แบบก่อสร้างที่จีนเสนอมายังไม่ครบถ้วน
นายอาคม กล่าวว่า สำหรับรูปแบบการลงทุน จะใช้รูปแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ (เอสพีวี) โดยการตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกัน เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมากำหนดรายละเอียดสัดส่วนการร่วมทุนที่เหมาะสมคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเทอมการชำระเงินกู้ จีนรับว่าจะให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดแบบมิตรภาพ โดยขณะนี้กระทรวงการคลังและสำนักบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ของไทยได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการกู้เงินของไทยให้ฝ่ายจีนรับทราบแล้ว
ขณะนี้ การเจรจายังตกลงกันไม่ได้หลายเรื่อง ทำให้การเริ่มก่อสร้างอาจจะล่าช้าออกไปเป็นเดือนธันวาคมจากเดิมกำหนดไว้ในเดือนตุลาคมนี้ โดยหลังจากนี้ไทยจะจ้างที่ปรึกษาเข้ามาประเมินมูลค่าก่อสร้างที่แท้จริงใหม่คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ส่วนการปรับแบบก่อสร้างใหม่นั้นคาดว่าจีนจะสามารถนำกลับมาเสนอให้ไทยพิจารณาได้ในการประชุมครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศจีน
//---------------------
รถไฟไทย-จีนเฟสแรกค่าก่อสร้างบาน ผลตอบแทนต่ำ-ยึดตอกเข็มเป็นธ.ค.58
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 กันยายน 2558 08:21 น.
ยืดสรุปผลศึกษาออกแบบรถไฟไทย-จีนเฟสแรกกรุงเทพ-โคราชอีก 1 เดือน อาคมขยับตอกเข็มไปใช้แผน 2 เดือน ธ.ค.นี้ ชี้จีนออกแบบ ทำค่าก่อสร้างแพง หวั่นกระทบต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ติงประมาณการรายได้ยังต่ำ แนะคำนวณจำนวนผู้โดยสารและสินค้าจากจีน-ลาว-ไทย ตลอดแนว พร้อมส่งที่ปรึกษารีเช็คค่าก่อสร้างนัดประชุมครั้ง 8 ที่กรุงปักกิ่ง28-29 ต.ค. นี้เชื่อได้ข้อสรุปผลศึกษาเฟส 2 เล็งเสนอครม.ขออนุมัติในพ.ย.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า จากการประชุมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 7 ร่วมกับ Mr. Wang Xiaotao (นายหวัง เสียวเทา) รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ หัวหน้าคณะฝ่ายจีน เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2558 ในการศึกษาความเหมาะสมการออกแบบและการสำรวจเส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม. ในเฟสแรก ตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กิโลเมตร โดยจีนได้นำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้น ซึ่งได้ออกแบบรายละเอียด (Detail & Design) ไปได้ประมาณ 30%
โดย พบว่ายังมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงกว่าผลการศึกษาเดิม เนื่องจากการก่อสร้างมีความยาก เพราะมีสะพานและอุโมงค์ ถึง 75% ของระยะทางแล้ว ทางจีนได้ออกแบบโครงสร้างสะพานที่ยาวมากขึ้นโดยทางจีนจะไปทำรายละเอียดและเหตุผลเพิ่มเติม นอกจากนี้ฝ่ายไทยยังตั้งข้อสังเกตในเรื่อง มูลค่าโครงการ ประมาณการต้นทุนประมาณการจำนวนผู้โดยสาร ประมาณการรายได้ ผลตอบแทนทางการเงิน เนื่องจากเห็นว่า การประเมินตัวเลขการลงทุนของตอนที่ 1,3 นั้นจะต้องนำประมาณการและการส่งต่อผู้โดยสารในตอนที่ 2,4 ที่รับมาจากลาวและจีน มาประกอบด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุน ประมาณการรายได้ของทั้งโครงการ โดยฝ่ายไทยได้ให้ที่ปรึกษาเข้าไปตรวจสอบความเหมาะสมที่ทางจีนศึกษาและประเมินไว้ โดยคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน
ส่วนเรื่องรูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle : SPV) ระหว่างไทย-จีน เพื่อร่วมลงทุนงานระบบและงานเดินรถ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2แสนล้านบาทนั้น เป็นไปตามข้อตกลงเดิม ส่วนสัดส่วนการถือหุ้นนั้นครั้งนี้ไทยเสนอ 50:50 จากเดิมที่ 60:40 ซึ่งจีนรับไปพิจารณา และใช้สัญญาก่อสร้างแบบ EPC หรือ Engineering Procurement Construction
นายอาคมกล่าวว่า ได้กำหนดประชุมร่วมครั้งที่ 8 ในวันที่ 28-29 ต.ค. นี้ ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดย คาดว่าจะมีรายละเอียดและมูลค่าการลงทุนในตอนที่ 1 และ 3 ส่วน ตอนที่ 2 และ 4 นั้น การศึกษาจะแล้วเสร็จเดือนธ.ค. แต่คาดว่าจะนำเสนอผลการศึกษาในเบื้องต้นได้ ซึ่งจะทำให้ทราบถึงมูลค่าโครงการทั้งหมด ผลตอบแทนและเป็นไปได้ที่จะสามารถนำผลศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ของทั้งโครงการ เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการได้ในเดือนพ.ย.2558 และจะสามารถตอกเข็มเพื่อเริ่มต้นการก่อสร้างตอนที่ 1,3 ได้ภายในเดือนธ.ค. 2558 ซึ่งอยู่ในแผนที่ 2 ที่กำหนดไว้ช่วงวันที่1-10ธ.ค. 2558 (วันแห่งการก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่ในรัชกาลที่ 9) แทนแผน 1 ที่กำหนดไว้เดิมใน วันที่ 23 ต.ค. (วันปิยมหาราชบิดารถไฟไทย)
การประชุมครั้งที่ 8 ที่จีน จะชัดเจนมากขึ้น ซึ่งยังตกลงที่จะเตรียมพร้อมในเรื่องของสัญญาร่วมทุน สัญญาการตั้ง SPVและเอ็มโอยูเรื่องสัญญาการถือหุ้น สัญญาก่อสร้าง รูปแบบการลงทุน ตอนนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง ซึ่งตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าปริมาณงานในแต่ละส่วนจะไม่ทราบปริมาณการกู้ส่วนดอกเบี้ยจะสูงหรือต่ำต้องดูที่ผลตอบแทนที่มาจากการประมาณการรายได้ จากจำนวนผู้โดยสารและสินค้าซึ่งต้องดูตั้งแต่ต้นทางจากจีน ส่งต่อลาวมาไทย ต้องมองทั้งเส้นทาง และได้แจ้งจีนไปแล้วว่า การกู้เงินแบบนี้ จะต้องบวกเรื่องการสวอปอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งมีความเสี่ยงไปด้วย
ดูเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่เสนอมาให้อย่างเดียวไม่ได้ โดยจีนยังยืนยันว่าจะพิจารณาให้ดีที่สุดนายอาคมกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า รูปแบบการก่อสร้างช่วงกรุงเทพ-โคราชนั้น จะเป็นทางยกระดับแทบทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ค่าก่อสร้างค่อนข้างสูง ในขณะที่ จีน จะตั้งศูนย์ควบคุมการเดินรถ (OCC) ที่เชียงรากน้อย ซึ่งพื้นที่เขตทางและย่านสถานีรถไฟมีไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเวนคืนเพิ่มนอกจากนี้ยังมีบางสถานีที่จะต้องมีพื้นที่สำหรับเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงย่อย ซึ่งจะต้องเวนคืนเพิ่มเติมเช่นกัน ในขณะที่การเสนอขออนุมัติครม.นั้นจะต้องศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทั้งโครงการก่อน ซึ่งนายอาคม ยอมรับว่า โครงการทั้งหมดมี 4 ตอน ต้องมีการศึกษาทั้งหมด เพื่อเสนอขออนุมัติ จะมาขออนุมัติทีละตอนไม่ได้ ซึ่งทางธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกจากจีน (China EXIM Bank) เองต้องการเห็นผลศึกษาทั้งโครงการก่อสร้างก่อนเพราะจะรู้ต้นทุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่เกี่ยวข้องเร่งทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเร่งรัดโครงการ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 17/09/2015 8:19 am Post subject: |
|
|
ขอนแก่นเปิดเวทีสรุปผลการศึกษา รถไฟทางคู่กรุงเทพฯหนองคาย
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2558 06:00:00 น.
นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายชัยวัฒน์ ทองคูณรองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน (Standard Gauge) เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ภายใต้โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-หนองคายระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ และภาคประชาชน ภายใน จ.นครราชสีมา รวมประมาณ 400 คน เข้าร่วมที่ห้องประชุม คอนเวนชั่น โรงแรมเซ็นทารา ขอนแก่น
โดยการสัมมนาครั้งนี้ได้นำเสนอสรุปผลการศึกษาโครงการ เกี่ยวกับแนวเส้นทางรูปแบบการเดินรถ ผลประโยชน์จากโครงการ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม แนวเส้นทางโครงการมีจุดเริ่มต้นบริเวณสถานีรถไฟนครราชสีมา สิ้นสุดโครงการบริเวณสถานีรถไฟหนองคาย ผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย มีระยะทางประมาณ 355 กิโลเมตร
โดยแนวเส้นทางจะเป็นทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร วางขนานไปกับแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร ก่อสร้างเป็นทางอิสระอยู่ภายในเขตทางรถไฟปัจจุบันให้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินรูปแบบการเดินรถขนาดทางมาตรฐานมี 2 ทางเลือก ประกอบด้วย 1.การเดินรถร่วมกันระหว่างรถไฟโดยสารกับขบวนรถสินค้า (Mixed Traffic) ออกแบบให้รองรับรถไฟความเร็วสูงสุด 200 กม/ชม. และขบวนรถสินค้าความเร็วสูงสุด 120 กม./ ชม. ใช้ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ-หนองคาย รวม4 ชั่วโมง มูลค่าโครงการประมาณ 239,285ล้านบาท และ 2.การเดินเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ออกแบบให้รองรับรถไฟความเร็วสูงสุด 300 กม.ต่อชม. โดยไม่มีขบวนรถสินค้าวิ่งร่วมด้วย ใช้ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ-หนองคาย รวม 3 ชั่วโมง มูลค่าโครงการประมาณ235,325 ล้านบาท
ทั้งนี้ จะเป็นสถานียกระดับทั้งหมดกรณีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและการเงิน เมื่อรวมผลประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจในเชิงกว้างแล้ว กรณีพัฒนาโครงการแบบเดินรถร่วมกัน และมีโครงข่ายทางรถไฟจากจีนมาเชื่อมโยงจะมีความคุ้มค่าและมีความเหมาะสมทางเศรษฐกิจมากที่สุด |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 17/09/2015 12:34 pm Post subject: |
|
|
รถไฟไทย-จีนลุ้นเฮือกที่ 8 สร้างทันปีนี้หรือเลื่อนตอกเข็มไปปี59
พฤหัสบดี ที่ 17 กันยายน 2558 ฐานเศรษฐกิจ HEADLINE
ต้องลุ้นกันว่าท้ายที่สุดแล้วโครงการรถไฟไทย-จีนจะแจ้งเกิดได้หรือไม่ และความร่วมมือกันแบบจีทูจีจะสำเร็จหรือไม่ ขณะที่การประชุมร่วม 2 ฝ่ายผ่านไปแล้วถึง 7 ครั้ง ผลลัพธ์ที่ปรากฏมีเพียงผลการศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น แต่ใช่ว่าจะสิ้นสุดแบบสรุปเสร็จเพียงเท่านี้ เนื่องจากยังจะมีการประชุมครั้งที่ 8 ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
ประการสำคัญหลายฝ่ายยังเชื่อกันว่าน่าจะมีการประชุมร่วมกันถึง 10 ครั้ง กว่าที่จะสรุปความชัดเจนให้เปิดประมูลเพื่อหาผู้รับเหมาตอกเข็มก่อสร้าง โดยเฉพาะเรื่องแบบการก่อสร้าง งบประมาณ การเดินรถและการบริหารจัดการ
ลุ้นตอกเสาเข็มเฟสแรกปลายปีนี้
แผนเดิมโครงการรถไฟไทย-จีนกำหนดตอกเสาเข็มเดือนตุลาคมนี้ ก็มีอันต้องเลื่อนออกไปเป็นปลายปีนี้ จากคำยืนยันของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้กล่าวกับสื่อมวลชนที่ไปเฝ้าติดตามผลการประชุมครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 11-12 กันยายนที่ผ่านมา ว่างานที่ฝ่ายจีนรับดำเนินการ ซึ่งต้องใช้เทคนิคพิเศษ อาทิ งานด้านอุโมงค์อาจจะต้องดำเนินการก่อน และงานที่ผู้รับเหมาไทยรับไปดำเนินการต้องผ่านกระบวนการต่างๆของไทยให้ครบถ้วนก่อน
ทั้งนี้ มีข่าวเล็ดลอดออกมาจากวงประชุมว่าฝ่ายไทยขอขยายเวลาออกไปอีกประมาณ 8-9 เดือน เพราะอยากให้กระบวนการขั้นตอนต่างๆเสร็จสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอขอความเห็นชอบจากหน่วยงานต่างๆ การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้โครงการ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ สื่อมวลชนและประชาชนทั่วประเทศรับทราบในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนการรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ซึ่งเป็นไปได้ว่าหากผลการศึกษาอีไอเอของโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่นำเสนอไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ได้รับอนุมัติเร็วๆนี้ และปลายปีนี้ก็คงจะมีลุ้นว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
ด้านผลการศึกษาเบื้องต้นที่ฝ่ายจีนนำเสนอมานั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาของไทย ยืนยันว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 เดือน เพื่อตรวจสอบรายละเอียดให้รอบคอบ ฉะนั้น เมื่อผลการศึกษายังไม่สรุป คงยังไม่ต้องพูดถึงจำนวนเงินและแหล่งงบประมาณที่จะนำไปใช้ดำเนินการว่าท้ายที่สุดแล้วจะกู้จากฝ่ายจีนจำนวนมากน้อยเพียงใด จะกู้จากสถาบันการเงินในประเทศจำนวนเท่าใด อีกทั้งจะได้อัตราดอกเบี้ยอย่างไร เพราะความช่วยเหลือทางการเงินครั้งนี้ฝ่ายจีนได้เสนอวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับฝ่ายไทย เนื่องจากความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการก่อสร้างโครงการมิตรภาพที่แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมกัน การเสนอวงเงินกู้ต้องเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับได้นั่นเอง
เฟสแรกจีนเสนอค่าก่อสร้างสูงกว่า 30%
ผลการประชุมครั้งที่ 7 พบว่างานด้านการก่อสร้างเฟสแรกช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ- แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตร และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กิโลเมตร ซึ่งมีเป้าหมายจะดำเนินการตอกเข็มก่อนนั้นดูจะไม่หมูอย่างที่คิดเสียแล้ว เมื่อฝ่ายจีนประเมินการลงทุนแพงกว่าที่คาดการณ์ถึง 30% ทั้งที่ในการเจรจาต่อกันได้เห็นชอบในการเตรียมรูปแบบการลงทุนเป็นรูปแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ(เอสพีวี)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงมอบหมายให้ร.ฟ.ท. ร่วมหารือกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการเส้นทางนี้ เร่งประเมินผลพร้อมหาข้อสรุปเพื่อให้ทันตอกเสาเข็มก่อสร้างในเดือนธันวาคม 2558
ทั้งนี้นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการร.ฟ.ท. ยังชี้ให้เห็นอีกว่าผลการศึกษาที่ฝ่ายจีนส่งมานั้นมีเป็นจำนวนมาก ฝ่ายไทยต้องใช้เวลาศึกษาให้รอบคอบก่อน เบื้องต้นยังพบอีกว่าการประเมินเรื่องรายรับ- รายจ่ายไม่มีความชัดเจน เพราะฝ่ายไทยต้องการให้รับรู้ถึงช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย เพื่อประเมินให้ครบทั้งโครงการ
อย่างไรก็ตามมติที่ประชุมได้เร่งรัดให้ฝ่ายจีนส่งผลศึกษา การสำรวจออกแบบ รายละเอียดเฟส 2 ให้ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ จากกำหนดการเดิมเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้ทันนำเข้าพิจารณาการประชุมครั้งที่ 8 ก็จะได้เห็นภาพรวมทั้งโครงการ ก่อนที่จะนำเสนอครม.อนุมัติให้ดำเนินการโดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี
ดังนั้นแนวโน้มจึงเป็นไปได้ยากในการปฏิบัติ เพราะผลการศึกษาเฟสแรกที่ฝ่ายจีนนำเสนอเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ร.ฟ.ท.และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาของไทยขอใช้เวลาประมาณ 3 เดือนตรวจสอบให้รอบคอบ อีกทั้งยังต้องมีเฟสที่ 2 ที่รอให้ฝ่ายจีนนำเสนอพิจารณาในเดือนตุลาคมนี้อีกด้วย
คงต้องลุ้นว่าเฮือกที่ 8 ของการประชุมที่จีนจะสำเร็จหรือไม่ และจะประมูลปลายปีนี้หรือปีหน้าสำหรับรถไฟไทย-จีนเส้นทางประวัติศาสตร์ของความร่วมมือ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมขนส่งของไทยและจีนให้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3088 วันที่ 17-19 กันยายน พ.ศ. 2558 |
|
Back to top |
|
|
|