Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13263890
ทั้งหมด:13575173
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 51, 52, 53 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/09/2015 10:10 am    Post subject: Reply with quote

วิบากกรรมรถไฟไทย-จีน "ลงทุนพุ่ง-ดอกเบี้ยแพง" เลื่อนตอกเข็มยาว
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 18 ก.ย. 2558 เวลา 06:17:52 น.

ชัดเจนโครงการ "รถไฟไทย-จีน" ลงเสาเข็มไม่ทันเดือนตุลาคมอย่างที่วาดแผนไว้ รอลุ้นอีกเฮือกจะปักหมุดทันเดือนธันวาคมนี้ อย่างที่ได้ลั่นวาจา หรือจะเลื่อนยาวข้ามไปถึงปีหน้า ก็อยู่ในความสนใจไม่ใช่น้อย

เมื่อเส้นทางโครงการดูจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ถึงจะปิดการประชุมคณะกรรมร่วมฯมาแล้ว 7 ครั้ง แต่ดูเหมือนโปรเจ็กต์ความร่วมมือรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนยังไร้ข้อสรุป เพื่อนำไปสู่จุดคิกออฟโครงการ

คงต้องไปว่ากันต่อนัดหน้าวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ส่วนจะมีความก้าวหน้าแค่ไหนยังไม่มีใครตอบได้ ในเมื่อไม่มีเงื่อนเวลาเป็นตัวตั้งจึงไม่ต้องเร่งรัด และเป็นไปได้ว่าโครงการอาจจะถูกทอดเวลายาวไปอีก จนกว่าจะได้ข้อเสนอเป็นที่น่าพอใจจากจีน

สำหรับการประชุมครั้งล่าสุด ภายใต้การคุมเกม "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นการรีเช็กรายละเอียดผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการที่จีนส่งให้พิจารณา สำหรับการลงทุนเฟสแรก "กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา" ระยะทาง 271.8 กิโลเมตร ใช้เม็ดเงินลงทุนร่วม 230,000 ล้านบาท ที่ไทยประเมินยังสูงเกินจากกรอบศึกษาเดิม 25-30%

Click on the image for full size

รวมถึงต่อรองอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จีนให้ได้อัตราไม่เกิน 2% จากที่จีนเสนอมา 3.28% (รวมค่าเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) เนื่องจากยังสูงกว่าเงินกู้ในประเทศ (พันธบัตรรัฐบาล) อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.15% เงินกู้จากประเทศญี่ปุ่นผ่านไจก้า และต่อรองให้จีนรับภาระความเสี่ยงโครงการร่วมกันจากการตั้งบริษัทร่วมทุน (SPV) งานระบบและเดินรถในสัดส่วน 50 : 50 จากเดิมจีนขอร่วมทุนสัดส่วน 40% และไทย 60%

"จีนส่งผลศึกษาโครงการระยะแรกเป็นแค่เบื้องต้น ซึ่งเงินลงทุนเสนอมายังสูง โดยจีนชี้แจงว่าเพราะช่วงแรกมีการสร้างอุโมงค์และสะพานถึง 75% ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจากเดิมที่ไทยเคยศึกษาไว้ ต้องให้ที่ปรึกษาเช็กรายละเอียดให้ชัดเจน ก็ได้แสดงความคิดเห็นกับจีนถึงเรื่องผลการศึกษา การสำรวจ มูลค่าโครงการ ประมาณการผู้โดยสารและรายได้ ต้นทุนก่อสร้าง ผลตอบแทนทางการเงิน ให้เร่งสรุปใน 1 เดือนนี้" นายอาคมกล่าวและว่า

ขณะนี้มูลค่าโครงการยังไม่นิ่ง ต้องดูผลศึกษาทั้งโครงการ โดยเร่งรัดให้จีนศึกษาเฟส 2 ช่วงแก่งคอย-มาบตาพุด และนครราชสีมา-หนองคายให้เสร็จเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จากเดิมจะเสร็จเดือนธันวาคมนี้ เพื่อไม่ให้กระทบการเดินหน้าเฟสแรกที่คาดว่าจะเริ่มเดือนธันวาคมนี้

นายอาคมกล่าวว่า จะสร้างเฟสแรกได้ต้องประเมินผลทั้งโครงการให้รู้มูลค่าลงทุน เพื่อกำหนดวงเงินกู้จะมาจากไหนบ้าง สัดส่วนการลงทุนใน SPV งานระบบและเดินรถมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งฝ่ายไทยขอเพิ่มสัดส่วนลงทุนเป็น 50 : 50 จีนก็รับไปพิจารณา อีกทั้งยังต้องประมาณการรายได้และการขนส่งสินค้าจากจีนผ่าน สปป.ลาว เข้ามายังหนองคายลงมามาบตาพุด เพื่อประเมินผลตอบแทนการเงินและการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) การเวนคืนที่ดิน ถึงจะเสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้

"การก่อสร้างจะขยับจากตุลาคมนี้เป็นธันวาคมนี้ แต่จะพยายามเร่งให้ทันและเร็วที่สุด เพราะเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี การประชุมครั้งที่ 8 น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น"

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังสำรวจและออกแบบเบื้องต้น ซึ่งค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น เพราะสร้างบนพื้นที่ใหม่ในบางจุด และมีก่อสร้างสะพาน ทางลอด ทางเชื่อมเพิ่ม จะเร่งหาข้อสรุปร่วมกันเรื่องค่าก่อสร้างว่ามีข้อแตกต่างกันตรงไหน ถ้าราคายังสูงอยู่ก็ต้องเจรจากันต่อไป ใจของทั้ง 2 ประเทศอยากจะให้โครงการเกิดปีนี้ เพราะเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ยังมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาร่วมกันอีกมาก เช่น การขออนุมัติอีไอเอของเฟส 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย และแก่งค่อย-มาบตาพุด จะใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน การจัดเตรียมร่างสัญญา EPC รูปแบบการร่วมลงทุนไทย-จีน รูปแบบทางการเงิน ต้องจ้างที่ปรึกษาทางการเงินมาดำเนินการให้ จะใช้ระยะเวลา 5 เดือน ยังรวมถึงนำโครงการเสนอให้สภาพัฒน์และ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการ มีแนวโน้มกรอบระยะเวลาก่อสร้างจะล่าช้าจากแผนงาน 9 เดือน เป็นประมาณกลางปี 2559

ท้ายที่สุดโปรเจ็กต์นี้จะฉลุยหรือจะเป็นได้แค่ "รถไฟสายการทูต" ของรัฐบาล คสช. รอดูนับจากนี้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 18/09/2015 7:15 pm    Post subject: Reply with quote

รับปากพิจารณาเงินกู้สร้างรถไฟ จีนหยอดหวานโครงการมิตรภาพ
แนวหน้า
12 กันยายน พ.ศ. 2558, 06.00 น.


12 ก.ย. 58 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการรับรองบันทึกการประชุมและลงนามการประชุมรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 ร่วมกับ Mr.Wang Xiaotao รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติ หัวหน้าคณะของฝ่ายจีน ว่า การประชุมในครั้งนี้ได้ข้อสรุปร่วมกันหลายประเด็นได้แก่

1.รายงานการศึกษาความเหมาะสมของโครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐานระยะที่ 1 ช่วงที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตร และช่วงที่ 3 เส้นทางแก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กิโลเมตร ซึ่งทางจีนได้มีการส่งรายงานการศึกษาให้กับฝ่ายไทยพิจารณาและมีการพิจารณาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน ส่วนระยะที่ 2 ช่วงที่ 2 เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย และช่วงที่ 4 เส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด ทั้งนี้ทางฝ่ายจีนจะทำการเร่งรัดทำการศึกษาความเหมาะสมให้แล้วเสร็จก่อนกำหนดจากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือน ธ.ค. 2558 โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จในเดือน พ.ย.2558 โดยระยะที่ 1 ทางฝ่ายจีนได้ทำการสำรวจและออกแบบเส้นทางไว้เรียบร้อยแล้วส่วนหนึ่งแต่อีกบางส่วน ซึ่งทางจีนจะพยายามเร่งรัดการออกแบบรายละเอียดให้ครบถ้วนโดยเร็ว แต่ในภาพรวมโครงการสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยเร็วตามกำหนดที่คาดว่าจะตอกเสาเข็มในวันที่ 23 ต.ค.นี้ แต่หากการออกแบบ และรายละเอียดวงเงินไม่ได้ข้อสรุปก็คาดว่าจะตอกเสาเข็มได้ในเดือน ธ.ค. นี้ แต่อย่างไรก็ยังมั่นใจว่าจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ โดยส่วนที่เป็นอุปสรรคการออกแบบในระยะที่ 1 คือต้องการออกแบบให้เป็นแนวตรงมากที่สุดที่มีพื้นที่ส่วนมากผ่านภูเขา จึงต้องออกแบบให้มีอุโมงค์ และสะพานด้วย ในขณะที่ระยะที่ 2 ทางเทคนิคไม่ซับซ้อนมากเพราะเป็นพื้นที่ทางราบโดยจะมีการจัดทำทางยกระดับประมาณ 75% หากรายละเอียดโครงการแล้วเสร็จคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 36 เดือน



2.การเตรียมการในด้านสัญญาการก่อสร้างโครงการและรูปแบบการลงทุน ซึ่งได้มีการตกลงร่วมกันว่าจะใช้รูปแบบการลงทุนแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ(SPV) ที่จะมีการหารือในระดับคณะการทำงานต่อไปในช่วง 2-3 สัปดาห์หน้านี้เพื่อให้ได้ข้อสรุป

3.การช่วยเหลือทางด้านการเงินทางกระทรวงการคลังโดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะได้มีการจัดทำข้อมูลเพื่อให้ทางฝ่ายจีนได้รับทราบในระบบการกู้เงินระหว่างประเทศของไทยและในส่วนของเงื่อนไขในการกู้เงินทางจีนก็ได้รับปากว่าจะทำการพิจารณาในเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับโครงการนี้ เนื่องจากโครงการนี้ถือเป็นโครงการมิตรภาพรวมถึงเป็นการนำระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในระบบรถไฟของประเทศไทย ส่วนของจำนวนเงินที่จะทำการกู้เท่าไหร่นั้นทางฝ่ายจีนได้จะข้อมูลในเบื้องต้นก่อนและจะมีการตรวจสอบในรายละเอียดเพื่อให้ทราบถึงต้นทุนของโครงการที่แท้จริง ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ได้มีการจ้างที่ปรึกษาโครงการเพื่อทำการตรวจสอบในรายละเอียดของรายการต่างๆโดยเฉพาะต้นทุนของโครง

4.การฝึกอบรมทางฝ่ายไทยได้ส่งบุคลากรไปฝึกอบรมแล้ว 1 รุ่น มี 30 คน ซึ่งได้ส่งไปฝึกอบรมเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการอบรมที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง คาดว่าในการส่งบุคลากรในรุ่นที่ 2 จะเป็นในช่วงเดือน ต.ค.นี้ โดยในการฝึกอบรมดำเนินการได้เร็วกว่าที่คาดหวังตามแผนงานไว้



5.ในการเห็นร่วมกันในการประชาสัมพันธ์โดยทางจีนได้ร่วมกับไทยในการเตรียมความพร้อมจัดสัมมนาวิชาการให้กับนักวิชาการไทย สื่อมวลชน และประชาชนรับทราบ นอกจากนี้แผนดำเนินการในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้จีนจะมีการเร่งรัด ปรับปรุงข้อมูล และรายงานความคืบหน้าให้ต่อเนื่อง และเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตามในประชุมร่วมกันระหว่างไทย-จีนครั้งที่ 8 ณ กรุงปักกิ่ง ช่วงเดือน พ.ย.นี้ จะได้ข้อสรุปถึงผลการออกแบบที่ชัดเจนใน กรอบความร่วมมือ หลักการดำเนินงาน และประกอบกับผลการพิจารณาวงเงินที่มอบหมายให้ที่ปรึกษาไปดูรายละเอียด

//-------------
ไทยพร้อมลุยรถไฟฟ้า ยืนยันให้จีนปล่อยกู้คิดดอกไม่เกิน2%
วันจันทร์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558, 06.00 น.


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยระหว่างการประชุมร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน

ครั้งที่ 7 ร่วมกับ Mr. Wang Xiaotao หัวหน้าคณะฝ่ายจีนว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร ความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเป็นการหารือหลังจีนส่งผลรายงานการศึกษาความเหมาะสมการออกแบบการสำรวจเส้นทางที่แล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.2558 ซึ่งจีนได้ขอส่งเป็นการศึกษาออกแบบเบื้องต้นก่อน

ทั้งนี้ในส่วนของตอนที่ 1 เส้นทาง กรุงเทพฯ-แก่งคอย และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ส่วนตอนที่ 2 เส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด และตอนที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย จะมีการสรุปรายละเอียดร่วมกันเพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และในที่ประชุมยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างการออกแบบการก่อสร้างแนวเส้นทาง และรูปแบบทางการเงินจึงจำเป็นจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อนซึ่งคาดว่าจีนจะสำรวจแล้วเสร็จในต้นเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นไทยยังคงยืนยันหลักการเดิม ขอให้จีนจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ระยะเวลา 25-30 ปี ปลอดหนี้ 6-7 ปี

โดยในส่วนของมูลค่าการลงทุนในช่วงที่ 1 และ 3 ทางไทยยืนยันว่าต้องการให้มีการตั้งที่ปรึกษาทางการเงินของฝ่ายไทยมาร่วมพิจารณาเพื่อให้สามารถวิเคราะห์มูลค่าโครงการได้อย่างเหมาะสมและได้ราคาค่าก่อสร้างที่เป็นจริง ซึ่งที่ผ่านมาไทยและจีนยังมีความเห็นแตกต่างกัน

สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างไทยและจีน โดยรูปแบบและเทคโนโลยีทางจีนจะเป็นผู้ออกแบบ
แต่ในขั้นตอนการก่อสร้างขอเป็นคนไทยดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องแยกรายการให้ชัดเจน ซึ่งเท่าที่ดูยังไม่มีความชัดเจน
เท่าไหร่ หลังจากวิธีการก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเข้าสู่กระบวนการหาผู้รับเหมา และอีไอเอ โดยหากเส้นทางเปลี่ยนแปลงจากเดิมจะต้องส่งถึงสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ส่วนพื้นที่ต้องการใช้เพิ่มเติมจะมีการเวนคืนโดยจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนด้วยโดยในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ไทย และผู้แทนจีนจะลงนามรับรอบผลการประชุมครั้งนี้ด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 21/09/2015 5:08 am    Post subject: Reply with quote

"สมคิด" ชง "อาคม" รื้อ โปรเจกต์รถไฟไทย-จีน
เศรษฐกิจภาครัฐ
โพสต์ทูเดย์
19 กันยายน 2558 เวลา 14:45 น.

โดย...ทีมข่าวเศรษฐกิจภาครัฐโพสต์ทูเดย์

การเปลี่ยนตัว รมว.คมนาคม จาก พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็น อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) “บิ๊กตู่ 3” โดยมี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่เพียงสร้างแรงกระเพื่อมให้กับ “ผู้รับเหมา” ในประเทศเท่านั้น

แต่ยังส่งผลให้ “ท่าที” ของฝ่ายไทยในการเจรจาโครงการความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างประเทศ “เข้มงวด” มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา

เช่น โครงการความร่วมมือรถไฟความเร็วปานกลางไทย-จีน เส้นกรุงเทพฯ-หนองคาย 873 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งการลงทุนเป็น 4 ช่วง 2 เฟส ประกอบด้วย เฟสแรกช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา มีแผนเริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2558 และเฟส 2 ช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย ที่จะเริ่มก่อสร้างเดือน ก.พ. 2559 ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการเซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างจะเลื่อนไปจากกำหนดเดิม

นั่นเพราะหลังการปรับ ครม.ผ่านไปเพียง 20 วัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ว่าอัตราดอกเบี้ยของจีนที่จะให้กู้ลงทุนโครงการรถไฟไทย-จีนสูงเกินไป เนื่องจากฝ่ายไทยต้องการดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับอัตราที่กู้ได้จากญี่ปุ่นที่อัตราไม่เกิน 2%

“เราต้องการดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด ถ้าแพงก็ไม่ไหว เราเองก็อยากจะให้ชัดเจนและจบภายในปีนี้ ส่วนจะทันหรือไม่ทัน อันนี้ไม่รู้” พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ผลการเยือนจีนในช่วงต้นเดือน ก.ย. และผลเจรจาขอให้ทางการจีนลดอัตราดอกเบี้ยโครงการรถไฟไทย-จีน ลงจาก 4% เหลือ 2%

ต่อมาในการประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 7 วันที่ 11-12 ก.ย. ที่มีอาคมเป็นหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายไทย และ หวังเซียวเถา เป็นหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายจีน ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการประชุม อาคม แถลงว่า การก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ช่วงที่ 1 และช่วงที่ 3 จะไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ทันตามกำหนดวันที่ 23 ต.ค.นี้ เนื่องจากจีนได้รายงานผลการศึกษาออกแบบโครงการในช่วงดังกล่าวพบว่า “สูงกว่าที่ฝ่ายไทยประเมินไว้ 20-30%”

“การลงทุนในช่วงที่ 1 และช่วงที่ 3 ที่สูงเกินไป เนื่องจากจีนได้สำรวจออกแบบโครงการรถไฟไทย-จีน โดยได้รวมโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ช่วงพญาไท-ดอนเมือง เข้าไปด้วย และไม่ได้แยกศูนย์ก่อสร้างระหว่างเฟส 1 และเฟส 2 จึงได้ให้ฝ่ายจีนแยกส่วนเหล่านี้ให้จบ” แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย

นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังยืนยันเงื่อนไขว่า การลงทุนระบบรางในช่วงที่ 1 และช่วงที่ 3 จะให้ผู้รับเหมาไทยลงทุนทั้งหมด รวมทั้งขอให้ฝ่ายจีนแต่งตั้ง “ที่ปรึกษาทางการเงิน” เพื่อทำหน้าที่ศึกษาโครงการลงทุนรถไฟไทย-จีน ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และหากจีนไม่ยอมลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงมาตามที่ฝ่ายไทยต้องการ ไทยจะกู้เงินลงทุนจากแหล่งอื่นแทน

สอดคล้องกับนโยบายของสมคิดที่ให้ทิศทางกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ว่า “โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐจะต้องยึดประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับและให้เอกชนไทยเข้าร่วมลงทุน ถ้าหากคู่สัญญาเอาเปรียบเราจนเกินไป เราไม่ยอม แม้แต่จีน”

ล่าสุด อาคม ได้สั่งการให้ ชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะว่าที่ปลัดกระทรวงคมนาคม เตรียมข้อมูลและวางกรอบการปฏิบัติงานก่อสร้างโครงการรถไฟไทย-จีน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาข้อกฎหมายและข้อติดขัดต่างๆ ให้แล้วเสร็จ ก่อนการประชุมคณะทำงานความ ร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 8 วันที่ 28-29 ต.ค.นี้ เพื่อจะได้ประเมินว่าการก่อสร้างหรือการตอกเสาเข็มโครงการจะเริ่มได้ในเดือน ธ.ค.ปีนี้หรือไม่

“กระทรวงจะต้องสรุปข้อมูล เช่น การปรับเวลาก่อสร้าง เพราะรายงานการศึกษาโครงการของจีนยังไม่สมบูรณ์ และให้ดูว่าฝ่ายไทยจะต้องทำอะไรบ้าง อาทิ แผนก่อสร้าง รายละเอียดและรูปแบบดีไซน์ การปรับลดวงเงินลงทุนที่สูงเกินไป และเตรียมรูปแบบการลงทุนว่าจะเป็นการร่วมทุนลักษณะใด ซึ่งอาจเป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนหรือรูปแบบอื่นๆ โดยจะต้องมีที่ปรึกษาเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เนื่องจากตัวเลขต่างๆ ยังไม่ลงตัว” อาคม กล่าว

อาคม ยังระบุว่า “การเลื่อนกรอบเวลาก่อสร้างไปเป็นเดือน ธ.ค. ทำให้ฝ่ายจีนค่อนข้างกังวล”

จากท่าทีฝ่ายไทยที่มีความเข้มงวดมากขึ้น น่าจะสร้างความหนักใจให้ฝ่ายจีนไม่น้อย และกดดันให้ฝ่ายจีนต้องยอมรับเงื่อนไขตามที่ไทยเสนอ เพราะไม่เช่นนั้นโครงการรถไฟไทย-จีนเส้นนี้ อาจเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด จนส่งผลกระทบต่อนโยบาย “ส่งออกระบบรถไฟ” ของจีนที่มี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐวิสาหกิจจีนเป็นหัวหอกรุกคืบไทยทุกภูมิภาค
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 22/09/2015 10:50 am    Post subject: Reply with quote

“มาร์ค”แนะร่วมทุนรถไฟไทย-จีน


โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
21 กันยายน 2558 21:11 น.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ออกมาใช้ถ้อยคำรุนแรงตอบโต้สื่อต่างชาติ ที่วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจ ว่า อยากให้ใจเย็น ซึ่งตนเห็นใจว่า ทุกคนที่ทำงานย่อมมีแรงกดดัน คนที่ตั้งใจดี เมื่อถูกวิจารณ์ก็หงุดหงิดได้ แต่ต้องช่วยกันว่าสังคมเปิด ต้องยอมรับความเห็นต่าง หมดยุคผูกขาดความถูกต้องอยู่ที่ตัวเอง หรือคิดเพียงว่า ตั้งใจดี แล้วคนอื่นวิจารณ์ไม่ได้ ส่วนเรื่องใส่ร้ายป้ายสี หรือมีอะไรแอบแฝง ก็ว่าไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เห็นว่ามาตรการเศรษฐกิจที่ออกมาช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ยังมีภาวะเศรษฐกิจหลายปัจจัยเป็นตัวถ่วงอยู่ การกระตุ้นกำลังซื้อมาถูกทางแล้ว แต่ต้องดูว่าเพียงพอหรือไม่
อดีตนายกฯ ยังเตือนให้ระวังเรื่องหนี้ครัวเรือน วินัยการเงิน การทุจริต หรือความไม่โปร่งใส จากเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และอยากให้รัฐบาลชัดเจนว่า ถ้าไม่ให้ชาวนาทำนา เพราะไม่มีน้ำ ต้องมีโครงการทดแทนว่า จะให้เขามีรายได้อย่างไร ส่วนการก่อหนี้รัฐที่มีข่าวว่า จะออกกฎหมายกู้เงิน 7.2 แสนล้านบาท อยากให้ระวัง และคิดให้ดี เพราะภาวะหนี้สาธารณะ และหนี้ครัวเรือนอยู่ในภาวะที่ไม่ควรวางใจ หากจะใช้เงินก้อนใหญ่ควรจะเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ที่ปัจจุบันมีรูปแบบที่ไม่จำเป็นต้องกู้เงิน ตนอยากให้เอาจริงเอาจังกับทางเลือกอื่น เช่น การร่วมทุน หรือให้เอกชนเข้ามาทำ จะเป็นหลักประกันที่ดีกว่า ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของประเทศ เช่น โครงการรถไฟไทย-จีน ตนก็ยังเป็นห่วงอยู่ว่า จะเป็นการกู้เงินทั้งหมดหรือไม่ เพราะยังมีการเจรจากันอยู่ ถ้าเลือกได้ อยากให้กลับไปสู่การร่วมทุน เพราะหากกู้ เรารับหนี้มาเต็มๆ ขาดทุน ก็รับหมด แต่ถ้าร่วมทุน ภาระไม่ได้อยู่กับเราคนเดียว และเรายังได้ประโยชน์จากประสบการณ์บริหารรถไฟด้วย อีกทั้งเส้นทางนี้ต้องเชื่อมกันหมด จึงเสนอให้เป็นการร่วมทุน และเจรจา 3 ประเทศ ระหว่าง ลาว จีน ไทย จะดีที่สุด
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/09/2015 5:59 pm    Post subject: Reply with quote

ดึงญี่ปุ่นสร้างรถไฟขนส่งสินค้า
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 ก.ย. 2558 07:00

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ต้องการให้เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ส่งสารไปยังรัฐบาลญี่ปุ่นว่า รัฐบาลไทยต้องการให้เข้ามาลงทุนสร้างรถไฟขนส่งสินค้า
เส้นทางกาญจนบุรี -เพชรบุรี-ราชบุรี- ลาดกระบัง(กรุงเทพฯ)-แหลมฉบัง(ชลบุรี)- มาบตาพุด (ระยอง)

เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีโรงงานผู้ประกอบการญี่ปุ่น ที่มาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และมองว่าคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน เพราะเส้นทางสร้างไปหลายพื้นที่ โดยปลายเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จะนำคณะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อชักชวนให้มาลงทุนในเส้นทางรถไฟดังกล่าว แต่ถ้าไม่สนใจจะให้กระทรวงคมนาคมของไทยไปศึกษาเพื่อลงทุนเองทั้งหมด

ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือพัฒนารถไฟความเร็วสูงกับญี่ปุ่น ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ปทุมธานี-อยุธยา-สระบุรี-ลพบุรี-นครสวรรค์-พิจิตร-พิษณุโลก-สุโขทัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กิโลเมตร

และ เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ ระยะทาง 574 กิโลเมตร คาดว่าใช้เวลาในการสำรวจประมาณ 12 เดือน และเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2561
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 25/09/2015 10:14 am    Post subject: Reply with quote

รถไฟไทยขยายแนวรุกพัฒนาสถานีต่างจังหวัด จากต้นแบบบางซื่อสู่เชียงใหม่
พฤหัสบดี ที่ 24 กันยายน 2558 ฐานเศรษฐกิจ

หลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดตัวโครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อให้เป็น New Grand Station ในยุค AEC โดยมีการนำแนวความคิดด้าน TOD (Transit Oriented Development) มาเสนอในการพัฒนากรุงเทพมหานคร 15 ล้านคน โดยวิธีการเปลี่ยนจากการสัญจรขนส่งจากระบบ “รถ มาเป็น ระบบราง” ซึ่งเมืองใหญ่ทั่วโลกที่มีประชากรกว่า 10 ล้านคน จะมุ่งการพัฒนาระบบรางและ Mass Transit กันทั้งนั้น

กรุงเทพฯและผังเมืองกรุงเทพฯในการปรับปรุงครั้งที่ 4 อีก 2 ปีกว่า ข้างหน้าจะนำแนวคิดนี้จะ เปลี่ยนโฉมผังเมือง เมืองชั้นในจะมีรถน้อยลง ระบบรางของ Mass Transit จะมีมากขึ้น Mass Transit 10 สาย บวก 2 สายโมโนเรลของกรุงเทพมหานครคือ สายสีเทา (วัชรพล-พระราม 9-ท่าพระ) และสายสีทอง (เจริญนคร-คลองสาน-สะพานพุทธ) จะเสร็จอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คนจะเดินทางด้วยระบบรางมากขึ้นจาก 10% เป็น 20% – 25% และอีก 5 ปี ข้างหน้าคนกรุงเทพฯ 15 – 16 ล้านคน 60% จะเดินทางด้วยระบบราง

เมื่อระบบรางเกิดขึ้น การเชื่อมต่อกับระบบรถยนต์ส่วนตัว รถบัส การเชื่อมต่อสู่ท่าเรือ สนามบิน ก็จะเป็นจุดต่อที่สำคัญ เป็น NOD Station ของการพัฒนา และต่อเชื่อมกับการเดินเท้าของคนที่จะทำกิจกรรมกับผู้คน ก็จะเป็นจุดเชื่อมที่สำคัญยิ่ง นั่นคือ สถานีขนส่งต่างๆ ในทุกขนาด สถานีขนาดใหญ่ เช่น บางซื่อ มักกะสัน แม่น้ำ ขนาดรองก็คือ สถานีบีทีเอสที่ติดกันเป็น Junction ขนาดเล็ก ก็คือ สถานีเดี่ยวๆ เช่น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทองหล่อ เป็นต้น

สถานีเชื่อมต่อขนาดใหญ่ หนีไม่พ้น เป็นสถานีของการรถไฟที่จะขนคนจำนวนมาก วันละเป็นแสนคน หรือเกือบล้านคน มาต่อกับระบบรองในเมือง เพื่อต่อเชื่อมสู่กิจกรรมย่อยของคนเมือง การรถไฟยุคก้าวหน้าก็จะเริ่มเปิดกลยุทธ์ใหญ่ นำสถานีขนาดใหญ่ออกมาปัดฝุ่นปรับผังแม่บทที่เชื่อมกับโลจิสติกส์ระดับชาติ นอกจากสถานีกลางของรถไฟในเมืองกรุง ก็เริ่มจะนำเสนอแนวความคิดสู่เมืองใหญ่ภูมิภาคที่การรถไฟมีนโยบายเดิมที่จะพัฒนาและปรับเข้าสู่รถไฟความเร็วสูง รถไฟระดับมาตรฐานโลก คือ ราง ขนาด 1.435 เมตร โดยกำหนดสถานีหลักไว้ 13 สถานี นอกเหนือกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และกำลังเลือกตัวอย่าง 4 สถานีคือ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา หัวหิน นำร่อง โดยจะนำเสนอต่อภาคเอกชนแต่ละจังหวัด นำความคิดเรื่องการร่วมลงทุน (PPP) มาใช้โดยให้เอกชนเข้ามาร่วม (มิใช่รถไฟทำเองอีกแล้ว)

จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ ซึ่งสถานีรถไฟเดิมสวยงามมาก การรถไฟก็เตรียมพื้นที่รอบสถานีจัดมาสเตอร์แพลน ไว้ในอดีต จะนำมาปัดฝุ่น เดินสายเสนอเป็น มาร์เก็ตซาวดิ้ง เหมือนที่ทำกับสถานีกลางบางซื่อ เสนอต่อท้องถิ่น และนักลงทุน นำความคิดมาปรับปรุงและจะทำทีโออาร์เสนอเอกชนมาลงทุนในการสร้างสถานีกลาง เน้นระบบราง มาเป็นแกนการพัฒนาร่วมเอกชนต่อไป

Central Station เชียงใหม่กำลังจะถูกนำเสนอต่อจังหวัด เทศบาลท้องถิ่นและนักลงทุน จะนำเสนอรถไฟความเร็วสูงในอนาคต รถไฟรางมาตรฐาน และการเชื่อมต่อกับระบบบีอาร์ทีของนครเชียงใหม่ พื้นที่สถานีประมาณ 135 ไร่ จะพัฒนา TOD และจัดเป็นสวนสาธารณะเปิดใช้แล้ว 52 ไร่ มาสเตอร์แพลนใหม่ทางการรถไฟอยากจะนำความคิด TOD มาใช้ให้เป็นสถานีกลางรวมระบบราง ซึ่งจะต้องจัดเตรียมให้รถไฟความเร็วสูงผ่านไปสู่เชียงรายและการเชื่อมต่อของบีอาร์ที ซึ่งทางท้องถิ่นเตรียมไว้ข้างสวนสัตว์เชียงใหม่ ผ่านมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผ่านรอบเมืองเก่า ควรจะดึงไปเชื่อมสนามบินเชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งจะขยายรองรับนักท่องเที่ยวจากปีละ 5 ล้านคนเป็น 10 ล้านคน และมาเชื่อมกับ New Central Station เชียงใหม่ร่วมลงทุน รัฐจัดราง เอกชนจัดรถ

ขณะนี้รถไฟไทยกำลังเดินหน้าหลังจากปลดหนี้ก้อนใหญ่ได้จากกระทรวงการคลัง (6 หมื่นล้านบาท) ก็กำลังเดินสายหาแนวร่วมจากหัวเมืองใหญ่ เตรียมรองรับการเป็น AEC ทั่วประเทศออกสู่เพื่อนบ้านด้วย ถ้าใครสนใจโดยเฉพาะคนเชียงใหม่ควรออกไปตรวจสอบติดตามดูว่าเมืองเชียงใหม่ที่น่ารักจะปรับตัวเข้าสู่ระบบรางในอนาคตเหมือนเมืองที่น่ารักมากมายในยุโรปได้ไหม หรือจะแบบอเมริกา เมืองเต็มไปด้วยรถยนต์ รถติด ควันพิษ โอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะตัวร่วมทุนระหว่างราชการกัเอกชน ช่วยกันทำเมืองให้ดี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3090 วันที่ 24-26 กันยายน พ.ศ. 2558
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 29/09/2015 7:16 pm    Post subject: Reply with quote

"สมาคมการค้าฯยุโรป" เสนอเทคโนโลยีระบบราง สนับสนุนรถไฟไทยจีน-ญี่ปุ่น
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 29 กันยายน 2558 เวลา 13:25:33 น.


"สมาคมการค้าฯยุโรป" เสนอเทคโนโลยีระบบราง สนับสนุนรถไฟไทยจีน-ญี่ปุ่น เล็งตั้งคณะทำงาน "อาคม-ประจิน" เป็นเจ้าภาพ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังนายรอล์ฟ-ดีเตอร์ ดาเนียล (Mr.Rolf-Dieter Daniel) นายกสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์เข้าพบ ว่า สมาคมการค้าฯ ได้ยืนยันว่ายุโรปยังคงให้ความสำคัญต่อประเทศไทยและพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในทุกด้าน ตามขีดความสามารถของยุโรป โดยเสนอระบบมาตรฐานยุโรปในเรื่องเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของไทย ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยใช้เทคโนโลยีของยุโรปในหลายด้าน เช่น การขนส่งทางน้ำ ทางบกและทางอากาศ

"สมาคมการค้าฯ ให้ความสนใจในหลายเรื่อง แต่การหารือในวันนี้เน้นระบบการขนส่งทางราง เช่น ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ รถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งเสนอมาว่ามีความพร้อมที่จะเป็นส่วนในการพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบการควบคุมการเดินรถ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่สำหรับหัวรถจักร ซึ่งมีความพิเศษคือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" พล.อ.อ.ประจินกล่าว

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า การหารือครั้งต่อไปจะมีการหารือในเรื่องการทำงานร่วมกันในลักษณะคณะทำงาน ในเรื่องเทคโนโลยีระบบขนส่งทางราง โดยมีผู้แทนจากสมาคมการค้าฯ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชาวอังกฤษ ขณะที่คณะทำงานฝ่ายไทยจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าผู้แทนรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีเพื่อนำไปปฏิบัติ ขณะเดียวกันการพัฒนาด้านบุคลากรจะเป็นการทำงานร่วมกัน เช่น ด้านการศึกษา พลังงาน และไอซีที ซึ่งตัวเองรับผิดชอบอยู่และเป็นส่วนที่จะสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44522
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/10/2015 9:57 am    Post subject: Reply with quote

จีนใช้รถไฟกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่มีเส้นทางคุนหมิง–กรุงเทพฯ
ไทยรัฐออนไลน์ โดย ลม เปลี่ยนทิศ 2 ต.ค. 2558 05:01

เศรษฐกิจจีนที่ถดถอยยาวนาน ฉุดเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยให้ถดถอยไปด้วย เพราะเศรษฐกิจจีนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ล่าสุดกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนเดือนสิงหาคมรูดลงไปถึง 8.8% ก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจโลกผวา

วันวาน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้ตัดสินใจกระตุ้นเศรษฐกิจจีนครั้งใหญ่ ทุ่มเงินก้อนโตสร้างรถไฟความเร็วสูงปีละ 850,000 ล้านหยวน แบบเดียวกับ เหวินเจียเป่า อดีตนายกฯจีนที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจสมัยวิกฤติการเงิน

นายกฯหลี่ จะใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้ง การลงทุนเส้นทางใหม่ในประเทศ และ การส่งออกรถไฟความเร็วสูงไปขายในต่างประเทศ โดย นายกฯหลี่ จะทำหน้าที่เป็น “เซลส์แมน” ผลักดันอย่างเป็นทางการ เพื่อให้รถไฟความเร็วสูงจีนเป็นสินค้าส่งออกหลักอย่างหนึ่งของจีน

ล่าสุดจีนเพิ่งขายรถไฟความเร็วสูงให้สหรัฐฯในเส้นทาง ลอสแอนเจลิส–ลาสเวกัส และขายรถไฟความเร็วสูงให้รัสเซียในเส้นทาง มอสโก–คาซาน

นายกฯหลี่ ได้วางแผนลงทุนเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในจีน ปีละ 850,000 ล้านหยวน หรือ 133,600 ล้านดอลลาร์ 5.1 ล้านล้านบาท ใน 4 ปีข้างหน้าตั้งแต่ปี 2016–2020 เมื่อต้นสัปดาห์นี้เอง คณะกรรมการวางแผนพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ได้เห็นชอบ ให้สร้างรถไฟความเร็วสูงอีก 3 เส้นทาง ใน ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ภาคตะวันออกของจังหวัดเจียงซู และ ตอนกลางของจังหวัดหูเป่ย ด้วยเงินลงทุน 109,300 ล้านหยวน

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการวางแผนฯ ได้อนุมัติแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงระยะทาง 818 กม.ในเส้นทาง ปักกิ่ง–ฉงชิ่ง ช่วยย่นเวลาการเดินทางจาก 18 ชั่วโมงเหลือเพียง 8 ชั่วโมง

แต่ไม่มีเส้นทาง คุนหมิง–กรุงเทพฯ–สิงคโปร์ อยู่ในแผน

ทั้งที่ กระทรวงคมนาคมไทย ตีปี๊บออกข่าว เส้นทางรถไฟไทย– จีน จาก คุนหมิง–หนองคาย–กรุงเทพฯ ตลอดเวลา ใจร้อนถึงขนาดจะเร่งก่อสร้างเฟสแรก กรุงเทพฯ–แก่งคอย ให้ได้ในปีนี้ ทั้งที่ยังตกลงวงเงินกู้และดอกเบี้ยราคาแพงลิ่วจากจีนไม่เสร็จ การสำรวจวางแผนก็ยังไม่เสร็จ

ไม่ว่าเรื่องความคุ้มค่าการลงทุน หรือค่าโดยสารในเส้นทาง

การลงทุนรถไฟความเร็วสูงอีกหลายสายครั้งนี้ นายกฯหลี่ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานของจีน นอกจากจะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจจีนในช่วงสั้นนี้แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศจีนในระยะยาวอีกด้วย

การสร้างรถไฟความเร็วสูงใหม่หลายเส้นทางครั้งนี้ นายกฯหลี่ ประกาศ เปิดกว้างให้นักลงทุนเอกชนเข้าไปร่วมลงทุนด้วย จีนแม้จะมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก แต่รัฐบาลจีนก็มีหนี้ท่วมหัวเหมือนกัน แค่ 6 เดือนแรกของปีนี้ หนี้สินของรัฐบาลจีนพุ่งขึ้นไปถึง 207% ของจีดีพี เข้าไปแล้ว

นายกฯหลี่ ได้ตั้งเป้า ส่งออกรถไฟความเร็วสูงจีนด้วย เพื่อหารายได้เข้าประเทศ โดย ซีอาร์อาร์ซี คอร์ป บริษัทผลิตรถไฟของรัฐบาลจีน ตั้งเป้าจะส่งออกรถไฟจีนให้ได้ 15,000 ล้านดอลลาร์ ราว 540,000 กว่าล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า

ปีที่แล้ว รัฐบาลจีน ลงทุนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาไปแล้วถึง 800,000 ล้านหยวน ปีนี้ก็คาดว่าจะลงทุนอีกอย่างน้อย 800,000 ล้านหยวน ยังไม่รวมวงเงินที่จะลงทุนใหม่อีก ปีละ 850,000 ล้านหยวน ในอีก 4 ปีข้างหน้า แสดงว่าอาการป่วยทางเศรษฐกิจจีนครั้งนี้สาหัสจริงๆ

เศรษฐกิจไทยยามนี้ผมคิดว่า กระทรวงคมนาคม ควรจะ เร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่ 1 เมตร ให้ เชื่อมทั่วไทย และ เชื่อมรอบบ้าน ทั้ง กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม เปิดเส้นทางค้าขายใหม่กับประเทศรอบบ้าน 170 ล้านคน ดีกว่าครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 02/10/2015 10:27 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ดึงญี่ปุ่นสร้างรถไฟขนส่งสินค้า
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 ก.ย. 2558 07:00



สมคิดเผยหอการค้าญี่ปุ่นปลื้ม แผนลงทุนทางรถไฟเชื่อมภาค


โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
1 ตุลาคม 2558 20:43 น.


"สมคิด"เผยหอการค้าญี่ปุ่นพอใจมาตรการไทย สนใจลงทุนระบบรถไฟไทย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 ตุลาคม 2558 17:30 น. (แก้ไขล่าสุด 1 ตุลาคม 2558 17:36 น.)

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (1 ต.ค.) นายอะกิระ มูราโคชิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ และคณะผู้บริหารหอการค้าเข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ภายหลังการเข้าพบ นายสมคิด กล่าวว่า ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ และคณะผู้บริหารหอการค้า มาเข้าพบเพื่อฟังนโยบายของรัฐบาล โดยตนได้เล่าสถานการณ์และนโยบาย ที่รัฐบาลดำเนินการ โดยยืนยันไปว่า สถานการณ์ของไทยไม่มีอะไรหนักหนาที่น่าเป็นห่วง ตนได้เข้ามาทำงานร่วมรัฐบาลเป็นเวลา 1 เดือน สิ่งที่ได้ทำในช่วงแรก คือ การพยายามทำให้มีเงินหมุนเวียน ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งออกนโยบายไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ดังนั้นคงต้องใช้เวลาอีกซักระยะหนึ่ง ถึงจะมีเงินหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น และก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เข้าไปเพิ่มแรงจูงใจในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ซึ่งประเด็นนี้หอการค้าญี่ปุ่นมีความพอใจอย่างยิ่ง เพระญี่ปุ่นได้ลงทุนในเมืองไทยจำนวนมาก
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ทางหอการค้าญี่ปุ่นต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเอสเอ็มอีของญี่ปุ่น ที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเอสเอ็มอี ของญี่ปุ่น ถือว่ามี เทคโนโลยี contentสูงมาก ตรงกับความต้องการของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้คุยกันถึงเรื่องเส้นทางรถไฟ ซึ่งทางหอการค้าญี่ปุ่นเห็นด้วยกับตน และแสดงความสนใจสูงมาก โดยเฉพาะเส้นตะวันออกสู่ตะวันตก มาบตาพุด ผ่านกรุงเทพ เพชรบุรี ราชบุรี ไปกาญจนบุรี และ ออกสู่พม่า ซึ่งระหว่างเส้นทางดังกล่าว มีโรงงานของนักธุรกิจญี่ปุ่นมาลงทุนอยู่จำนวนมาก โดยญี่ปุ่นได้มีการลงทุนในเขมร เวียดนาม พม่า และไทย ซึ่งแต่ละแห่งแยกออกจากกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ มีจุดเชื่อมตรงนี้ ก็จะสามารถมองเห็นกระบวนการผลิต ไปสู่ประเทศต่างๆได้ ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้ไปแจ้ง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เร่งดำเนินการโดยเร็ว
//----------
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 05/10/2015 8:40 am    Post subject: Reply with quote

“รถไฟไทย-ญี่ปุ่น” เริ่มสร้างเส้นแรก แม่สอด-มุกดาหาร
ข่าวเศรษฐกิจ
โดบ pawinee patchaiwong
Spring News
3 ตุลาคม 2015 เวลา 15:42 น.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยโครงการรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร เชื่อม 4 ประเทศ จะเป็นเส้นทางแรกที่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ โดยคาดว่าหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้อย่างมาก

วันที่ 3 ต.ค. 58 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการ ด้านการลงทุนระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ทางญี่ปุ่นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสำรวจทุกเส้นทาง ที่จะเข้ามาดำเนินงานก่อสร้างและลงทุนในไทยแล้ว ทั้งเส้น ทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ เส้นทางกาญจนบุรี-แหลมฉบัง-สระแก้ว และการพัฒนาระบบขนส่งทางรางเส้นทาง แม่สอด-มุกดาหาร

ทั้งนี้ กำลังพิจารณาเรื่องการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทเดินรถร่วมกัน ซึ่งเส้นทางที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ก่อน คือ เส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร เนื่องจากเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า จะต้องดำเนินการก่อสร้างไปถึงจนถึงสถานีกลางบางซื่อ และจะต้องแยกระบบการเดินรถช่วงชุมทางภาชี ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย

สำหรับรายละเอียดเส้นทาง แม่สอด-มุกดาหาร ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ศึกษาไว้แล้ว และนำข้อมูลให้กับทางญี่ปุ่นไปทั้งหมดแล้ว ทั้งช่วงแม่สอด-พิษณุโลก และขอนแก่น-มุกดาหาร ซึ่งทางญี่ปุ่นจะเข้าไปศึกษาเส้นทางอีกครั้งว่า มีความเหมาะสมในการลงทุนมากน้อยเพียงใด เพราะเป็นเส้นทางเชื่อม 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม, ลาว, ไทย และพม่า คาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะทำให้ลดต้นทุนการขนส่งได้มากขึ้น และหากทีมงานของญี่ปุ่น ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางประมาณ 2 เดือน ก็จะมีการจัดประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อรายงานความคืบหน้าของโครงการทั้งหมด

//---------------

สมคิด'ประชุมรถไฟแม่สอด-มุกดาหาร
ข่าวเศรษฐกิจ
INN News
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2558 11:23 น.

รองนายกฯ "สมคิด" ประชุมโครงการรถไฟแม่สอด-มุกดาหาร เชื่อมโยงการค้า ขนส่ง ที่ กระทรวงคมนาคม

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่กระทรวงคมนาคม ในวันนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมโครงการรถไฟแม่สอด-มุกดาหาร เพื่อเชื่อมโยงการค้าและการขนส่งสินค้าในอนาคต ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ศึกษาไว้แล้ว และได้นำข้อมูลให้กับทางญี่ปุ่นไปทั้งหมดแล้วเช่นกัน ทั้งช่วงแม่สอด-พิษณุโลก และขอนแก่น-มุกดาหาร ซึ่งทางญี่ปุ่นจะเข้าไปศึกษาเส้นทางอีกครั้งว่ามีความเหมาะสมในการลงทุนมากน้อยเพียงใด เพราะเป็นเส้นทางเชื่อม 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ลาว ไทย และพม่า

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะทำให้ลดต้นทุนการขนส่งได้มากขึ้น และหากทีมงานของญี่ปุ่น ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางประมาณ 2 เดือน ก็จะมีการจัดประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อรายงานความคืบหน้าของโครงการทั้งหมด
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 51, 52, 53 ... 121, 122, 123  Next
Page 52 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©