ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65

[Mongwin]

รองนายกฯ เศรษฐกิจจี้กระทรวงคมนาคมเร่งโครงการลงทุน
สำนักข่าวไทย กอง บก.ข่าวเศรษฐกิจ 2015/10/05 2:33 PM

กระทรวงคมนาคม 5 ต.ค. – รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจเร่งรัดกระทรวงคมนาคมพัฒนาระบบรางเชื่อมต่อแนวเหนือ-ใต้ และตะวันออก-ตะวันตก เพื่อเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เดินทางเข้าร่วมหารือนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยภายหลังการหารือนายสมคิด กล่าวว่า ได้ขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งแผนการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบราง ซึ่งจะมีความสำคัญทั้งการขนส่งสินค้าและรถไฟโดยสาร

สำหรับโครงการความร่วมมือที่ไทยมีแผนลงทุนร่วมกับจีนและญี่ปุ่น ในส่วนของญี่ปุ่นโครงการที่มีความสำคัญโดยเฉพาะการพัฒนาระบบรางเพื่อเชื่อมต่อแนวตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคย แสดงความสนใจเส้นทางรถไฟจากกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ รวมถึงเส้นทางรถไฟเชื่อมอำเภอแม่สอด จังหวัดตากและมุกดาหาร ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีความสำคัญ เพราะการพัฒนาระบบรางที่จะไปพร้อมกับเส้นทางมอเตอร์เวย์จะช่วยให้การเชื่อมต่อเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากข้อมูลขณะนี้การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในเมียนมาเริ่มมีเอกชนผู้ลงทุนเข้าไปเตรียมการลงทุนในพื้นที่แล้ว ดังนั้น การเชื่อมต่อก็จะมีความสำคัญมากหลังจากนี้

นายสมคิด กล่าวว่า การเร่งรัดโครงการดังกล่าวขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการลงทุนก่อสร้างให้ได้ภายในปี 2559 ซึ่งกระทรวงคมนาคมรับจะไปดำเนินการเร่งรัด นอกจากนี้ ยังมีโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีนที่จะมีเส้นทางเชื่อมต่อเส้นทางมาบตาพุด-กรุงเทพฯ –นครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 2 ฝ่าย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะให้พิจารณาเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจที่จะมีความสำคัญไม่เพียงดูผลตอบแทนการเงินเท่านั้น เนื่องจากการพัฒนาเส้นทางที่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์ทั้งขนส่งสินค้าและโดยสารต้องพิจารณาการพัฒนาพื้นที่ 2 ข้างทางที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง เพื่อให้เกิดการพัฒนาตลอดแนวเส้นทางเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในจังหวัดต่าง ๆ เชื่อว่าจะทำให้โครงการมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยช่วยให้การเจรจากับจีนเกิดความคืบหน้ารวดเร็ว

ส่วนเงินกู้ที่ไทยขอความช่วยเหลือจากจีนคิดอัตราดอกเบี้ยสูงและฝ่ายไทยอยู่ระหว่างเจรจาปรับลดดอกเบี้ยลงนั้น นายสมคิด กล่าวว่า เชื่อว่าสุดท้ายจีนน่าจะผ่อนปรนในเรื่องอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมเร่งรัดโครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งวันนี้กระทรวงคมนาคมยืนยันว่าโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 เส้นทาง คือ สายสีชมพู สายสีเหลือง และส่ายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายใหม่น่าจะสามารถเสนอ ครม.อนุมัติโครงการภายในปี 2558

นายอาคม กล่าวว่า การพัฒนารถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตกเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ขณะนี้มีแผนเร่งรัดดำเนินการอยู่แล้ว โดยการพัฒนาระบบรางเพื่อเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายนั้น ญี่ปุ่นแสดงความสนใจขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษา อย่างไรก็ตาม แนวเส้นทางดังกล่าวจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี เชื่อว่าโครงการจะเริ่มประกวดราคาและก่อสร้างปี 2559 ขณะที่ระบบรางอื่นจะสามารถดำเนินการได้หลังจากนี้.-สำนักข่าวไทย

[Mongwin]

[Mongwin]

“สมคิด”เร่งประมูลรถไฟกาญจนบุรีเชื่อมทวาย ดึงญี่ปุ่นร่วมทุนแซงคิวชินคันเซ็นกทม.-เชียงใหม่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2558 18:03 น.

“สมคิด”ดันประมูลก่อสร้างรถไฟกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ -ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ เชื่อมระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ (East-West Corridor) กัมพูชา-ไทย-เมียนมาร์ รองรับนิคมฯทวาย คาดพ.ย.ผลศึกษาชัดเจนแซงหน้ารถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ เหตุศึกษาช้ากว่า“คมนาคม”จ่อเจรจาญี่ปุ่นร่วมทุน ส่วนรถไฟแม่สอด-พิษณุโลก-มุกดาหาร ดันศึกษาเสร็จใน 1 ปี หวังเปิดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจด้านบน

วันนี้ (5 ต.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางรถไฟ และถนน โดยนายสมคิดกล่าวว่า ได้เร่งรัดการก่อสร้างรถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ด้านล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ -ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศและ ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่สำคัญที่สุด เนื่องจากสามารถขนส่งทั้งคนและสินค้า และผ่านแหล่งอุตสาหกรรมตลอดเส้นทาง ซึ่งจะทำให้การขนส่งไปถึงเมียนมาร์และอินเดียได้รวดเร็วขึ้น โดยกระทรวงคมนาคม มั่นใจว่าจะสามารถประกวดราคาได้ ภายในสิ้นปี 2558

พร้อมกันนี้ได้ติดตามความคืบหน้าเส้นทางรถไฟ ตะวันออก-ตะวันตก ด้านบน จากมุกดาหาร-พิษณุโลก-ตาก-แม่สอด ซึ่งแม้ปริมาณสินค้าอาจจะมีไม่มาก แต่จะมีประโยชน์ในการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งจะกระจายความเจริญไปยังจังหวัดใหญ่ๆ ตามแนวเส้นทางระหว่างภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ จึงจะเร่งรัดการพัฒนาเป็นลำดับถัดไป ส่วนโครงข่ายถนนในแนวทางเดียวกันนั้น การก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 50% แล้วเหลือบางตอนที่จะเร่งการก่อสร้างสมบูรณ์ในปี 2559

“เส้นทางรถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตกด้านล่าง จากกาญจนบุรี-สระแก้วนั้น จะเร่งรัดให้สามารถเริ่มต้นได้ภายในปีนี้ เพราะเส้นทางไม่ยาวมาก สามารถแบ่งเป็นตอนๆ ก่อสร้างได้ และควรเจรจากับญี่ปุ่นก่อนตามความร่วมมือการพัฒนารถไฟไทย-ญี่ปุ่น เพราะจำนวนสินค้าที่ต้องใช้เส้นทางมีมาก และเชื่อมต่อไปยังเมียนมาร์ได้”นายสมคิดกล่าว

ส่วนความร่วมมือไทย-จีน ในการพัฒนารถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช-หนองคาย, แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม. นั้น จะต้องเร่งรัดด้วยเนื่องจากเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะต้องเจรจากับจีนในเรื่องผลตอบแทนทางการเงินที่ดีที่สุด โดยจะดูที่ผลตอบแทนทางการเงินอย่างเดียวไม่ได้เพราะโครงการขนส่งได้ทั้งคนและสินค้า ทำให้เกิดความเจริญสองข้างทางและเมืองที่ผ่าน ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจะต้องทำแผนการพัฒนาจังหวัดตามแนวเส้นทางให้มีความชัดเจนเพื่อให้เห็นผลตอบแทนทางเศรษฐกิจภาพรวม ทั้งด้านท่องเที่ยว ธุรกิจ การพัฒนาเมือง เป็นต้น

“รถไฟไทย-จีน(กรุงเทพ-หนองคาย) ความเร็วปานกลาง กับรถไฟไทย-ญี่ปุ่น (กรุงเทพ-เชียงใหม่) ระบบชินคันเซ็น รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องร่วมมือแล้ว ซึ่งกับจีนนั้นอาจจะต้องมีการเจรจาเพื่อปรับเรื่องเงินลงทุนเพื่อให้โครงการมีความเป็นไปได้และไทยต้องการทั้ง 2 เส้นทางไปพร้อมๆกัน เพื่อให้เกิดจุดตัดของรถไฟ เหนือ-ใต้ และตะวันออก-ตะวันตกเพื่อไทยจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของเออีซี”

***คาดพ.ย.ผลศึกษารถไฟ กาญจนบุรี –กรุงเทพ-แหลมฉบัง-สระแก้วชัดเจน

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมกล่าวว่า ขณะนี้ทางญี่ปุ่นได้ส่งทีมเข้ามาทำการสำรวจออกแบบเส้นทางกาญจนบุรี –กรุงเทพ-แหลมฉบัง-สระแก้ว ตามข้อตกลงความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งเส้นทางดังกล่าว ถือเป็นการพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก-ตะวันออก ตอนใต้ (Northern Corridor) โดยคาดว่าประมาณ พ.ย.นี้การศึกษาจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งจะต้องรู้วงเงินลงทุนก่อน จึงจะสรุปได้ว่า จะร่วมทุนกับญี่ปุ่นตั้งแต่การก่อสร้างหรือร่วมทุนเฉพาะเรื่องการเดินรถ โดยไทยนั้นต้องการให้ร่วมทุนกับเอกชนเพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล รวมถึงจะตัดสินใจได้ว่าจะพัฒนาเป็นทางคู่ขนาดราง 1 เมตรตามเดิมหรือปรับเป็นรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ซึ่ง หากเป็นเส้นทางหลักเชื่อมการขนส่งสินค้าควรเป็นรางขนาด 1.435 เมตรเพื่อเปลี่ยนเทคโนโลยีให้ทันสมัย

นอกจากนี้จะต้องหารือกับเมียนมาร์ ในการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากกาญจนบุรี -บ้านพุน้ำร้อนและทวาย คู่ขนานไปกับการพัฒนาด่านผ่านแดนพุน้ำร้อน และการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายกาญจนบุรี-บางใหญ่ ภายในปี 2559 ด้วย ซึ่งการที่เร่งรัดเส้นทางนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งบมจ.อิตาเลียนไทย ได้เริ่มปรับพื้นที่และคาดว่าในปี 2559 ลูกค้าจะเข้าไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทวาย ประมาณ 60%

“เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ รถไฟมีแนวเส้นทางเดิมและยังเดินรถอยู่ โดยเป็นทางเดี่ยว วันนี้ต้องการชวนญี่ปุ่นมาร่วมทุน ซึ่งญี่ปุ่นขอพิจารณา ผลศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ก่อนตัดสินใจ เราเร่งรัดเพื่อรองรับการเปิดทวาย ซึ่งอาจจะประมูลช่วงกาญจนบุรี-ลาดกระบัง หรือกาญจนบุรี-นครปฐมก่อนได้ ส่วนรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ซึ่งเป็นความร่วมมือกับญี่ปุ่นนั้น เนื่องจากระบบรถไฟความเร็วสูง ชินคันเซ็นนั้น มีขั้นตอนและต้องใช้เวลาในการศึกษาเพื่อความรอบคอบอีกมาก และต้องรับรองในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยอีก แต่จะเป็นในลำดับต่อไป“นายอาคมกล่าว

สำหรับแนวเส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร ด้านบนนั้น ในส่วนโครงข่ายถนนอยู่ระหว่างปรับปรุงเป็น 4 ช่องจราจร โดยช่วงพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทาง 104 กม. จะเปิดใช้ในวันที่ 27 ธ.ค. 2558 ซึ่งจะมีกิจกรรมทั้งการปั่นจักรยาน 100 กม. การประกวดภาพถ่าย การวิ่งมาราธอน เพื่อโปรโมทเส้นทางท่องเที่ยว โดยยัง ขาดช่วงแม่สอด-ตาก ตอนที่ 3 และ 4 ซึ่งผ่าน EIA แล้ว และช่วงมุกดาหาร-คำชะอี-บ้านนาไคร้-กาฬสินธุ์ อยู่ระหว่างปรับแบบ และของบประมาณปี 2560 เพื่อดำเนินการ

ส่วนเส้นทางรถไฟนั้น การศึกษาเบื้องต้น จากแม่สอด-มุกดาหาร ระยะทาง 815 กม. แบ่งเป็นช่วง แม่สอด-พิษณุโลก , พิษณุโลก-ขอนแก่น-มุกดาหาร ซึ่งญี่ปุ่นจะช่วยศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งผ่านภูเขาถึง 150 กม. ซึ่งจะเป็นเส้นทางรถไฟที่เชื่อมภาคเหนือและอีสาน และลาว เน้นการขนส่งสินค้าเป็นหลัก คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี

[Mongwin]

นับถอยหลังประมูลโครงการรัฐ1.77ล้านล. สิ้นปี"58แค่รถไฟทางคู่2สาย-เมกะโปรเจ็กต์เลื่อนกดปุ่มไปปีหน้า
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 05 ต.ค. 2558 เวลา 21:01:16 น.



นับถอยหลังกดปุ่มประมูลเมกะโปรเจ็กต์คมนาคม 19 โครงการ มูลค่ากว่า 1.77 ล้านล้านบาท "อาคม" รื้อแผนปฏิบัติการใหม่ ให้กระชับขึ้น คาดถึงสิ้นปี′58 เปิดประมูลแค่รถไฟทางคู่ 2 เส้นทางกว่า 3 หมื่นล้านและมอเตอร์เวย์ "พัทยา-มาบตาพุด" ส่วน "บางปะอิน-โคราชและบางใหญ่-กาญจน์" รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ม่วงใต้-ชมพู-เหลือง รอปีหน้า จับตา 6 รับเหมาแข่งเดือดชิงทางคู่แปดริ้วหมื่นล้าน เค้กชิ้นสุดท้ายแห่งปี

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะปรับกรอบเวลาแผนปฏิบัติการ (Action Plan) โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง จำนวน 19 โครงการ มูลค่าการลงทุนกว่า 1.77 ล้านล้านบาท พร้อมดำเนินการในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างและเริ่มก่อสร้างในปี 2558-2559 ให้กระชับขึ้นและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจะเร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่

เร่ง 19 โปรเจ็กต์ 1.77 ล้านล้าน

ทั้ง 19 โครงการ จะแบ่งเป็น 4 กลุ่มงาน ได้แก่ 1.ด้านระบบรางมีรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟรางมาตรฐานขนาด 1.435 เมตร 2.ด้านถนนจะมีมอเตอร์เวย์ 3 สายทาง มีสายพัทยา-มาบตาพุด 32 กิโลเมตร อยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง จากนั้นจะตามมาด้วยสายบางปะอิน-นครราชสีมา 196 กิโลเมตรและสายบางใหญ่-กาญจนบุรี 96 กิโลเมตร ที่จะทยอยเปิดประมูลก่อสร้าง 3.ด้านทางน้ำ มีสร้างท่าเทียบเรือชายฝั่งแหลมฉบังรองรับเรือขนาดใหญ่และศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟแหลมฉบังเพื่อลดจำนวนรถบรรทุกเข้า-ออกท่าเรือและ 4.ด้านทางอากาศ จะเร่งรัดขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 มีการสร้างอาคารผู้โดยสารและรันเวย์ที่ 3

"โครงการผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีและพร้อมประมูลปี 2558 มีรถไฟทางคู่สายจิระ - ขอนแก่น มอเตอร์เวย์สายพัทยา - มาบตาพุด สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา สายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรีพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบังและสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 2.5 แสนล้านบาท"

มอเตอร์เวย์โคราช-กาญจน์ปีหน้า

แหล่งข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรมเริ่มทยอยเปิดยื่นซองราคามอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด จำนวน 14 สัญญา ล่าสุดได้ผู้รับจ้างแล้ว 1 สัญญา ส่วนที่เหลือคาดว่าจะได้ผู้รับจ้างทั้งหมดภายในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2558 จากนั้นกรมจะดำเนินการเปิดประมูลสายบางปะอิน-นครราชสีมา คาดว่าจะประกาศทีโออาร์ต้นปี 2559 (ม.ค.-มี.ค.) จากเดิมจะเริ่มเดือนตุลาคมนี้ และอีก 3 เดือนหรือประมาณเดือนกรกฎาคมจะเริ่มประมูลสายบางใหญ่-กาญจนบุรี จากเดิมจะเริ่มเดือนธันวาคมนี้

ทั้งนี้แผนงานประมูลจะขยับจากแผนเดิมไป 3 เดือน เนื่องจากต้องใช้เวลาในการประเมินราคากลาง เตรียมความพร้อมเรื่องแบบรายละเอียดก่อสร้าง ตรวจสอบแบบ ประมาณการราคา ตรวจสอบราคาก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มขั้นตอนของสายบางปะอิน-นครราชสีมาได้ประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2558 จึงยังไม่สามารถกำหนดชัดเจนว่าจะเริ่มประกาศทีโออาร์ได้เมื่อไหร่แต่จะไม่ให้เกินต้นปีหน้า

"ส่วนจำนวนสัญญาก่อสร้างที่จะประมูลยังไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจากต้องรอฟังนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่จากเดิมจะแบ่งงานก่อสร้างของสายบางปะอิน-นครราชสีมา ประมาณ 30 สัญญาและสายบางใหญ่-กาญจนบุรีประมาณ 20 สัญญา"

ยักษ์รับเหมาแห่ชิงเค้กหมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 30 กันยายน 2558 การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เปิดยื่นประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร จำนวน 2 สัญญา วงเงินก่อสร้างรวม 10,524 ล้านบาท แยกเป็นสัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง วงเงินค่าก่อสร้าง 9,926 ล้านบาท

มียื่นประมูล จำนวน 6 ราย ได้แก่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, บจ.เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอ็นจิเนียริ่ง (1964) , กิจการร่วมค้าทีซี จอยต์เวนเจอร์ (ทิพากร+ไชน่าฮาร์เบอร์), บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น, บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนิยริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น และกิจการร่วมค้าซีเคซีเอช (ช.การช่าง+ช.ทวี)

ส่วนสัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ พร้อมอุโมงค์รถไฟ ค่าก่อสร้าง 598 ล้านบาท มียื่นประมูล จำนวน 4 ราย ได้แก่ บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, กิจการร่วมค้าทีซี จอยต์เวนเจอร์, บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ และบจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด

5 ต.ค.ประมูลจิระ-ขอนแก่น

โดย ร.ฟ.ท.จะประกาศผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ (พีคิว) วันที่ 26 ตุลาคมนี้ และเคาะราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีออกชั่น) วันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 ส่วนสายจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร ล่าสุด ร.ฟ.ท.เตรียมประกาศขายซองประมูลวันที่ 5 ตุลาคมนี้ กำหนดราคาอยู่ที่ 24,000 ล้านบาท ปรับลดจากวงเงินลงทุนเดิม 26,004 ล้านบาท คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาก่อสร้างเดือนธันวาคม-มกราคม 2559 สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคา คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาเดือนมีนาคม 2559

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าสายใหม่ 4 โครงการของ รฟม.จะเริ่มได้สายแรกคือ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) จะเสนอ ครม.อนุมัติโครงการในปีนี้ เริ่มประกาศทีโออาร์ประมูลกลางปี 2559 จากนั้นเป็นสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) จะเร่งขออนุมัติโครงการในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) เนื่องจากต้องดำเนินการในรูปแบบ PPP ในการลงทุนก่อสร้างทั้งโครงการ จะใช้เวลาดำเนินการมากกว่าปกติ คาดว่าเริ่มขั้นตอนประมูลได้ปี 2559 เริ่มก่อสร้างปี 2560

สิ้นปีประมูลได้แค่ทางคู่ 2 สาย

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วงเงินก่อสร้างกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2558 นี้ จะมีโครงการขนาดใหญ่เปิดประมูล 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท คือรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอยและสายจิระ-ขอนแก่น ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเริ่มต้นได้ในปี 2559

"เมื่อโครงการขนาดใหญ่เปิดประมูลน้อย คาดว่ารถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย จะเกิดการแข่งขันกันสูง"

[Wisarut]

‘สมคิด’สั่งลุยรถไฟไทย – ญี่ปุ่น เชื่อมเขตศก.พิเศษตะวันตก-อีสาน ดันเส้นแม่สอด-มุกดาหาร
ออนไลน์เมื่อ ศุกร์ ที่ 9 ตุลาคม 2558
ตีพืมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3094 วันที่ 8-10 ตุลาคม พ.ศ. 2558


“สมคิด”สั่งลุย รถไฟไทย-ญี่ปุ่นเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบังและแม่สอด-มุกดาหารเชื่อม 2 เขตเศรษฐกิจพิเศษในไทย แนะคมนาคมเปิดประมูลบางช่วงเส้นทางกาญจนบุรี-แหลมฉบังปลายปีนี้ เพื่อเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในเมียนมา ก่อนจ่อคิวเส้นทางแม่สอด-มุกดาหารงบลงทุนกว่าแสนล้านในปี 59

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับความร่วมมือการพัฒนาระบบรถไฟระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งมี 3 เส้นทาง ได้แก่
1.เส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพฯ
2.เส้นทางกาญจนบุรี-แหลมฉบัง และ
3.เส้นทาง มุกดาหาร-แม่สอด

โดยได้ข้อสรุปในหลายประเด็นที่เห็นความชัดเจนแล้วเพื่อนำเป็นข้อมูลในการเจรจาครั้งต่อไป โดยจะเร่งก่อสร้างเส้นทางรถไฟที่ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงพื้นที่ภาคตะวันตกกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

“เส้นทางรถไฟที่ให้ความสำคัญมากคือเส้นทางเชื่อมตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตก จากมุกดาหาร-แม่สอด จังหวัดตาก รวมระยะทาง 815 กิโลเมตร สามารถเชื่อมโยงออกไปยังเมียนมา คาดว่าจะก่อสร้างได้ภายในปี 2559 นี้ปัจจุบันมีเส้นทางถนนจากขอนแก่น-มุกดาหารเชื่อมโยงถึงกันแล้ว ส่วนที่เหลือคือช่วงพิษณุโลก-สุโขทัย-ตาก-แม่สอด อยู่ระหว่างการดำเนินการ”

ขณะที่เส้นทางถนนช่วงมุกดาหาร-ขอนแก่น-พิษณุโลก-แม่สอด จังหวัดตาก ระยะทาง 592 กิโลเมตรที่แม้ว่าช่วงแรกการขนส่งสินค้าอาจจะมีไม่มากนัก แต่ในการขนคนจะเชื่อมโยงกับจังหวัดใหญ่ๆในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงเกิดประโยชน์ต่อภาคตะวันตกของไทยและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะช่วงพิษณุโลก-สุโขทัย-อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระยะทาง 223 กิโลเมตร จะผ่านภูเขาระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตรซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษในการก่อสร้าง

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางรถไฟที่จะเสนอกับทางญี่ปุ่น เพื่อให้ความช่วยเหลือเชื่อมโยงเส้นทางช่วงตะวันออก-ตะวันตก อีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบัง เนื่องจากมีผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมตลอดเส้นทางจำนวนหลายราย หากเปิดให้บริการจะช่วยให้การขนส่งเชื่อมโยงถึงเมียนมาได้อย่างสะดวกขึ้น ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะให้เปิดประมูลได้เป็นบางช่วง เนื่องจากเส้นทางไม่ยาวมาก ดังนั้นหากเป็นไปได้จะสามารถนำรายละเอียดเข้าหารือกับทางญี่ปุ่นให้ชัดเจนโดยเฉพาะเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบัง ที่น่าจะเร่งดำเนินการได้ก่อนเพราะเห็นผลได้ชัดเจนเรื่องการขนส่งสินค้าเชื่อมเมียนมา

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้คณะสำรวจของญี่ปุ่นขอเวลา 2 สัปดาห์ในการศึกษาออกแบบเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบัง ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้นอยู่ระหว่างเร่งหารือร่วมกัน โดยญี่ปุ่นจะใช้ข้อมูลส่วนหนึ่งที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ดำเนินการศึกษาไว้แล้วมาเปรียบเทียบ

“ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ ดังนั้นคงต้องรอสรุปผลการศึกษาให้ชัดเจนว่าจะใช้ขนาดราง 1 เมตรหรือ 1.435 เมตร แต่โดยหลักการอยากให้เส้นทางหลักเป็นขนาดมาตรฐาน(1.435 เมตร) เพื่อให้ไทยได้ใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น โดยจะมีการหารือร่วมกับทางฝ่ายเมียนมาด้วย เนื่องจากเส้นทางกาญจนบุรีจะเชื่อมไปถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและท่าเรือน้ำลึกทวายในเมียนมาได้อีกด้วย”

ทั้งนี้ เส้นทางรถไฟมุกดาหาร-กาฬสินธุ์-ขอนแก่น-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก-สุโขทัย-แม่สอด จังหวัดตาก มูลค่าก่อสร้างโครงการ 1.59 แสนล้านบาท (ค่าเวนคืน 2.1 หมื่นล้านบาท ค่าก่อสร้าง 1.38 แสนล้านบาท) คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร ปี 2562 จำนวน 8.2 ล้านคนต่อปี ในปี 2592 จำนวน 23.5 ล้านคนต่อปี คาดการณ์ปริมาณสินค้าในปี 2562 จำนวน 2.3 ล้านตันต่อปี และปี 2592 จำนวน 5.6 ล้านตันต่อปี ส่วนความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจช่วงพิษณุโลก-แม่สอด EIRR 16.92% และช่วงพิษณุโลก-ขอนแก่น-มุกดาหาร EIRR 10.15%

[Mongwin]

คค.ปรับแผนประมูล19โครงการมูลค่า 1.7 ลล. ปี 59 เน้นPPP -สร้างเชื่อมั่นนักลงทุน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ตุลาคม 2558 19:38 น.

“อาคม”แจง”สมคิด”เร่งแผนลงทุนรถไฟตะวันออก-ตะวันตกเชื่อมกัมพูชา-ไทย-ทวาย (เมียนมาร์) พร้อมปรับตารางแผนงาน( Time Frame ) 19 โครงการมูลค่ากว่า 1.7 ลล.เร่งประมูลในปี 59 สร้างความมั่นใจนักลงทุนโดยเน้น PPP เพื่อลดหนี้สาธารณะและเร่งเติมเต็มเม็ดเงินเข้าระบบศก.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีวันนี้ (12 ต.ค.) ได้รายงานความก้าวหน้าโครงการด้านระบบรางของกระทรวงคมนาคม โดยรองนายกฯ ต้องการทราบรายละเอียดของแผนงานการดำเนินงานในแต่ละโครงการที่ชัดเจน เช่น จะเริ่มต้นเมื่อใด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา รองนายกฯ ได้มาติดตามความคืบหน้าแล้วและได้เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ด้านล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ระยะทาง 574กม. ซึ่งมีความสำคัญในการขนส่งสินค้า เชื่อมจาก ประเทศกัมพูชา ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และเชื่อมไปถึงนิคมอุตสาหกรรมทวาย แประเทศเมียนมาร์และประเทศอินเดียได้ โดยตลอดเส้นทาง ผ่านแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญจำนวนมาก

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมมีความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในการพัฒนารถไฟ 3 เส้นทางประกอบด้วย

1.รถไฟความเร็วสูง ระบบชินคันเซ็น (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) ระยะทาง 672 กิโลเมตร ความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2. รถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตก ด้านล่าง เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพ, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ, กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง
3. การศึกษา รถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตก ด้านบน เส้นทางมุกดาหาร-กาฬสินธุ์-ขอนแก่น-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก-สุโขทัย-ตาก-แม่สอด ระยะทาง 815.82 กม.
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือไทย-จีน ในการพัฒนารถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช-หนองคาย, แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม.

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้ปรับปรุงแผนงานลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในปี 2559 จากเดิม 17 โครงการเป็น 19 โครงการ มูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท และ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ)ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 104,116.61ล้านบาท โดยมีเป้าหมายจะต้องนำเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเปิดประกวดราคาภายในปี 2559 โดยจะมีการจัดทำแผนภาพระยะเวลาการดำเนินงานในช่วงเวลาต่างๆ (Time Frame) อย่างชัดเจน ทั้งนี้เพื่อทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่า โครงการต่างๆ ของรัฐบาลจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และกล้าที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพื่อเติมเต็มเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ในแต่ละโครงการจะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ การร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ Public Private Partnerships (PPP) เพื่อลดลงทุนหนี้สาธารณะลง

สำหรับ 19 โครงการประกอบด้วย โครงการมอเตอร์เวย์ 3 สายของกรมทางหลวง (ทล.) คือ
1.สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาท,
2.สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 55,620 ล้านบาทและ
3. สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 84,600 ล้านบาท (ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วและอยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา)
4. โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) งบประมาณ 1,864.19 ล้านบาท
5. โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator : SRTO) วงเงินลงทุน 3,062 ล้านบาท ของโครงการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) (ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วและอยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา)

โครงการรถไฟทางคู่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 6 เส้นทาง ประกอบด้วย
1 สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. กรอบวงเงิน 10,524,890,000 บาท
2. ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท
3. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 29,853.18 ล้านบาท
4. ช่วงลพบุรี –ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 24,840.54 ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณา EIA
5. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 20,306.53 ล้านบาท
6. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท

และรถไฟสายสีแดง Missing Link ขนาดรางกว้าง 1 เมตร (Meter Gauge) ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร และช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก ระยะทาง 19.5 กิโลเมตร วงเงินรวม 3.9 หมื่นล้านบาท ,
โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง)-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง (แอร์พอร์ตลิงก์ส่วนต่อขยาย) ระยะทาง 21.8 กม. วงเงิน 3.1 หมื่นล้านบาท

โครงการรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 4 เส้นทาง ประกอบด้วย
1. สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 34.5 กม.วงเงิน 56,691 ล้านบาท
2. สาย สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาท
3. สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีระยะทาง 21 กม. วงเงิน 110,325.76 ล้านบาท
4. สายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ)ระยะทางทั้งสิ้น 23.6 กม. วงเงิน 104,116.61ล้านบาท

และการพัฒนาขนส่งทางอากาศ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. 2 โครงการ คือ
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงิน 61,735.420 ล้านบาท ล้านบาทและ
โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ความยาว 4,000 เมตร มูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยค่าก่อสร้างที่ 6,312 ล้านบาท ค่าก่อสร้างทางเชื่อมระหว่างรันเวย์ ประมาณ 3,000 ล้านบาทและค่าชดเชยผลกระทบทางเสียงประมาณ 10,000 ล้านบาท

[Mongwin]

คาดอีก3-6เดือนสรุปผลศึกษารถไฟไทยญี่ปุ่น
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 14 ตุลาคม 2558, 15:12

"อาคม" รมว.คมนาคม คาดอีก 3-6 เดือนจะได้ผลสรุปการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟไทยญี่ปุ่นเส้นตะวันออก-ตะวันตก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในโครงการก่อสร้างรถไฟแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) เริ่มจากกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ, กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง ระยะทาง 574 กม. โดยญี่ปุ่นกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ คาดว่าจะเสร็จ 3-6 เดือน ขณะเดียวกัน จะหารือกับทางเมียนมาร์ ที่จะเชื่อมทางรถไฟเข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมถึงยังมีเส้นมอเตอร์เวย์ เส้นบางใหญ่- กาญจนบุรี

ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ในการพัฒนารถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช-หนองคาย, แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 873 กม.นั้น กระทรวงจะเร่งรัดให้เริ่มโครงการได้ภายในปลายปีนี้

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเร่งเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางถนนและทางรางตามเขตชายแดน ได้แก่ แม่สอด มุกดาหาร สระแก้ว กาญจนบุรี ตราด เชียงราย สะเดา เป็นต้น เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปลายปีนี้ โดยเชือมั่นว่าจะส่งเสริมให้ธุรกิจโลจิสติกส์เติบโต ซึ่งจะมาพร้อมกับธุรกิจค้าปลีก ตามมาด้วยธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจภาคการเกษตร รวมทั้งธรุกิจภาคบริการ อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาล โรงเรียนเอกชน และอื่นๆ ตามแนวชายแดน

ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคมก่อสร้างด่านที่แม่สอดแห่งที่ 2 จะใช้เวลาก่อสร้าง 24 เดือน ด่านอรัญประเทศที่เชื่อมกับปอยเปต แห่งที่ 2 คาดว่าจะก่อสร้างได้ปลายปีนี้ และ ด่านสะเดาแห่งที่ 3 ซึ่งเชื่อมไทยกับมาเลเซีย โดยขณะนี้ซื้อที่ได้แล้ว และจะเตรียมงานก่อสร้างต่อไป

[Mongwin]

ไทย-จีน เดินหน้าความร่วมมือรถไฟทางคู่ความเร็ว 150 กม./ชม.
PPTV 12:04น. 14/10/2558

สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณประชาชนจีน จัดเสวนาเรื่อง ความร่วมมือพื้นฐานด้านคมนาคมรถไฟทางคู่ ขนาด 1.435 เมตร พร้อมเดินหน้าเปิดเส้นทาง หนองคาย-ขอนแก่น-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด เป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจ

นายหนิง ฟู กุ่ย เอกอัครราชทูตสาธารณประชาชนจีนประจำประเทศไทย และ ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ร่วมเป็นประธาน ในการบรรยายและการเสวนาเรื่อง ความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน เพื่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตร แนวเส้นทาง หนองคาย-ขอนแก่น-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด

โดยรูปแบบความร่วมมือไทย-จีน นั้นแบ่งเป็น ฝ่ายไทยรับผิดชอบด้านงานโยธาเป็นหลัก ขณะที่จีนจะให้การสนับสนุนส่วนงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การเดินรถ และการซ่อมบำรุง

ส่วนขั้นตอนการดำเนินการ จีนจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบหลักใน 3 ปีแรก ปีที่ 4-7 จะเป็นดูแลร่วมกัน และหลังจากปีที่ 7 ฝ่ายไทยจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ โดยมีจีนเป็นที่ปรึกษา

โครงข่ายรถไฟทางคู่เส้นทางดังกล่าว มีแผนการให้บริการ ขบวนโดยสาร 200กม./ชม. ขบวนสินค้า 120กม./ชม. โดยความเร็วเฉลี่ยขบวนโดยสารจะอยู่ที่ 150กม./ชม. ส่วนความถี่ในการเดินรถโดยสารจะอยู่ที่ 30 นาทีต่อขบวน

รถไฟฟ้าทางคู่รูปแบบความร่วมมือไทย-จีน เป็นหนึ่งช่องทางการพัฒนาด้านเศรษฐกิจในอนาคต สามารถแก้ปัญหาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ เช่น สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

[Wisarut]

[Wisarut]

สนข.เร่งผลักดันรถไฟทางคู่เชื่อม “ไทย-ลาว-จีน”
โดย jirapha
Spring Update - เศรษฐกิจ
Spring News
15 ตุลาคม 2015 เวลา 20:04 น.
รถไฟไทย-ลาว-จีน
รอง ผอ.สนข.พร้อมผลักดันรถไฟทางคู่เชื่อมไทย-ลาว-จีน สร้างมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจมากกว่าร้อยละ 12 ระบุเปลี่ยนความเร็วขบวนรถไฟไทย-จีนเป็น 200 กม./ชม. เพราะคุ้มค่ากว่า

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. กล่าวถึงโครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 ม. ความเร็ว180 กม. ที่จะเชื่อมต่อระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีน ว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้มากกว่าร้อยละ 12

โดยในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่ไทย-จีน อยู่ระหว่างการออกแบบและกรอบความร่วมมือ วงเงินลงทุน แต่ในส่วนของการเชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว และไปจีน อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สปป.ลาว เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหุบเขาต้องใช้งบประมาณสูง แม้จีนเสนอการลงทุนให้ สปป.ลาวร้อยละ 70 ก็ตาม โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ยากต่อการออกแบบ ทำให้จีน คิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าไทย ถือเป็นความเสี่ยงของการเชื่อมต่อ 3 ประเทศ หากไทยเข้าไปช่วยเหลือ สปป.ลาวในส่วนของงบประมาณเงินกู้ได้ ก็จะทำให้โครงการราบรื่นมากขึ้น

ส่วนความคุ้มค่าของโครงการรถไฟไทย-จีนต้องรอผลการศึกษาของ 2 ประเทศก่อนขณะที่ความคืบหน้าโครงการเดือน พ.ย. สนข.จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับทราบ แต่เชื่อว่าโครงการจะล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ก่อนจะเตรียมแผนลงเสาเข็ม ต้นแรกพร้อมกัน 2 ประเทศเพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มก่อสร้างโครงการ

โดย สนข.พิจารณาแล้วเห็นว่าเส้นทางสายนี้ควรซื้อขบวนรถที่มีความเร็ว 200 กม./ชม. เพราะคุ้มค่ามากกว่า 180 กม./ชม. ที่ต้องผลิตพิเศษและมีราคาแพงเพราะรถรุ่นนี้ยกเลิกการ ผลิตและวางจำหน่ายแล้ว