RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311238
ทั่วไป:13181603
ทั้งหมด:13492841
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 93, 94, 95 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 01/03/2018 7:54 am    Post subject: Reply with quote

คมนาคมแจงความคืบหน้า 44 โปรเจ็กต์ยักษ์ มูลค่า2ล้านล้าน กำลังเร่งสร้าง-เร่งอนุมัติ
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 - 22:14 น.

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน 2561 (Action Plan) ของกระทรวงคมนาคมว่า การขับเคลื่อนแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยในระยะ 8 ปี ตั้งแต่ ปี2558 ถึงปี 2565 ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมนั้น จำเป็นต้องมี แผนการดำเนินงานที่ชัดเจนสำหรับใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนด

ดังนั้น รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนปี 2561 (Action Plan 61) เช่นเดียวกับแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 2558 ปี 2559 และปี 2560 (Action Plan 58, Action Plan 59, Action Plan 60)

Click on the image for full size

โดยพิจารณาถึงความสอดคล้อง เชื่อมโยงกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ( 2560 – 2579) แผนพัฒนาเศษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ( 2560 –2564) (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ระยะ 20 ปี ( 2560 – 2579)และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งสร้างเสริมความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า สำหรับแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 2561 (Action Plan 61) ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ภายใต้แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 – 2565และโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลและมีความพร้อมในการดำเนินโครงการ ในปีงบประมาณ 2561 รวมทั้งโครงการสำคัญที่ต้องเร่งผลักดัน รวมทั้งสิ้นจำนวน 44 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นจำนวน 2,021,283.52 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 : โครงการที่คณะกรรมการ Public Private Partnership (PPP) จะให้ความเห็นชอบ หรือคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติได้ ภายในปี 2561 จำนวน 21 โครงการ วงเงินการลงทุนรวม914,012.34 ล้านบาท จำแนกเป็นโครงการที่อยู่ใน Action Plan 2559 จำนวน 4 โครงการ ในAction Plan 2560 จำนวน 11 โครงการ และเป็นโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ ทั้งนี้แบ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่

ทางถนน จำนวน 10 โครงการ ทางราง จำนวน 8 โครงการ ทางน้ำ จำนวน 2 โครงการ และทางอากาศ จำนวน 1 โครงการ

กลุ่มที่ 2 : โครงการที่จะประกวดราคาแล้วเสร็จ หรือเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ ภายในปี 2561 จำนวน 23 โครงการ วงเงินการลงทุนรวม 1,107,271.18 ล้านบาท จำแนกเป็นโครงการที่อยู่ใน Action Plan 2559 จำนวน 4 โครงการ ใน Action Plan 2560 จำนวน 17 โครงการ และโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ

ทั้งนี้แบ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทางถนน จำนวน 3 โครงการ ทางราง จำนวน 17 โครงการ ทางอากาศ จำนวน 2 โครงการ และโครงการระบบตั๋วร่วม จำนวน 1 โครงการ

นายชัยวัฒน์ กล่าวตอนท้ายว่า แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน2561 เป็นแผนระยะสั้น (1 ปี) ดังนั้น โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าวนี้ อาจดำเนินการ ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จหรือให้บริการได้ภายในปี2561 เนื่องจากการก่อสร้างโครงการด้านคมนาคมขนาดใหญ่จะใช้ระยะเวลาดำเนินการเฉลี่ยอย่างน้อย 3 – 5 ปี

ซึ่งในแผนปฏิบัติการได้กำหนดเป้าหมายไว้ ณ สิ้นปี 2561 คือ ขั้นตอนการดำเนินงานสุดท้ายที่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ ณ สิ้นปี2561 และจะมีการผลักดันการดำเนินงานให้ต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

โดยมีกลไกในการบริหารจัดการเพื่อให้แผนบรรลุผลสำเร็จ คือ การดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการ ความก้าวหน้า ผลการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาอุปสรรคของโครงการตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน พร้อมทั้งระบุปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น โดยจะมีการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนและบรรลุเป้าหมายต่อไปได้
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 01/03/2018 8:19 am    Post subject: Reply with quote

แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดได้ที่

Arrow https://goo.gl/Ja7U2C

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 02/03/2018 10:42 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดได้ที่

Arrow https://goo.gl/Ja7U2C


ไล่บี้ 44 โปรเจ็กท์ 2 ล้านล้าน
ศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2561 เวลา 10.14 น.
สนข. เผยแผนแอคชั่นแพลน ปี 61 จำนวน 44 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 2,021,283.52 ล้านบาท


นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)  เปิดเผยว่า การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 61 หรือแอคชั่นแพลน (Action Plan) ของกระทรวงคมนาคม  ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 8 ปี ( 58-65 )  และโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลและมีความพร้อมดำเนินโครงการในปีงบฯ 61 รวมทั้งโครงการสำคัญที่ต้องเร่งผลักดัน รวม 44 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 2,021,283.52 ล้านบาท   แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
 
1.โครงการที่คณะกรรมการพีพีพีให้ความเห็นชอบหรือครม.อนุมัติได้ ภายในปี 61 จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 914,012.34 ล้านบาท เป็นโครงการที่อยู่ในแอคชั่นแพลนปี59 จำนวน 4 โครงการ ในแอคชั่นแพลน ปี 60 จำนวน 11 โครงการ และเป็นโครงการใหม่  6 โครงการ  ทั้งนี้แบ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทางถนน 10โครงการ ทางราง 8 โครงการทางน้ำ 2 โครงการ และทางอากาศ 1 โครงการ 
 
นายชัยวัฒน์ กล่าวสต่อว่า   2.โครงการที่จะประกวดราคาแล้วเสร็จ หรือเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 61 จำนวน 23 โครงการ วงเงินลงทุน 1 ,107,271.18 ล้านบาท  อยู่ในแอคชั่นแพลน 59 จำนวน 4 โครงการ  แอคชั่นแพลน 60 จำนวน 17 โครงการ และโครงการใหม่ 2 โครงการ   เป็นโครงการลงทุนขนา ดใหญ่ทางถนน 3 โครงการทางราง 17 โครงการ ทางอากาศ 2 โครงการ และโครงการระบบตั๋วร่วม 1 โครงการ  ทั้งนี้โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ อาจก่อสร้างไม่แล้วเสร็จหรือให้บริการได้ภายในปี61 เนื่องจากใช้เวลาเฉลี่ยอย่างน้อย 3-5 ปี และผลักดันให้ต่อเนื่องในอนาคตด้วยการติดตาม ความก้าวหน้าเป็นระยะ ...
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 02/03/2018 11:10 am    Post subject: Reply with quote

อานิสงส์อีอีซี-รถไฟฟ้าดันยอดขายเหล็กพุ่ง1ล้านตัน
พฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2561 เวลา 13.00 น.
เดอะสตีลฯ ประเมินลงทุนในประเทศฟื้น โดยเฉพาะงานก่อสร้างรถไฟฟ้าหลากสี-สนช.ไฟเขียวร่างพรบ.อีอีซี หนุนความต้องการใช้เหล็กในประเทศเพิ่ม คาดโกยยอดขาย 16,000 ล้านบาทปีนี้


นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สตีล จำกัด(มหาชน) หรือ THE เปิดเผยว่า    หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด  ทั้ง ฉะเชิงเทรา ระยองและชลบุรี คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้เหล็ก เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น   นอกจากนี้ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า  อีอีซีเป็นผลให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น หนุนให้มูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเป็น 400,000 ล้านบาทภายในปี  65 จากปี 2560 อยู่ที่ 283,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เร่งโครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนหลายสาย อาทิ สายสีชมพู สายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดโครงการลงทุนอสังาหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น  

" ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึงภาพการลงทุนจะฟื้นตัว และตั้งเป้าหมายปริมาณขายเหล็กของบริษัทในปีนี้ จะพลิกกลับมาอยู่ที่ 1 ล้านตัน และคาดว่าราคาเหล็กในปีนี้จะยังคงทรงตัวในระดับสูง ผลักดันให้มียอดขาย 15,000-16,000 ล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในปี 60 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 200.59 ล้านบาท ลดลง 63.23% และมีรายได้รวม 13,788 ล้านบาท ลดลง 12.73% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าราคาขายเหล็กรูปเฉลี่ยในปีก่อน จะอยู่ที่  19.61 บาทต่อกก.  เพิ่มขึ้นประมาณ 10.34% แต่ปริมาณการขายลดลง ทำได้เพียง 8 แสนตัน  เนื่องจากความต้องการซื้อลดลงเป็นผลมาจากโครงการของรัฐบาลในหลายโครงการในปีที่ผ่านมาเกิดความล่าช้า กระทบให้โครงการก่อสร้างการลงทุนของภาคเอกชนชะลอตัวลงเช่นกัน

“ บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในปี 60 รวมมูลค่า 114.96 ล้านบาท แบ่งเป็น สำรองหนี้ในส่วนของลูกหนี้การค้าจำนวน 4 ราย มูลค่า 102.37 ล้านบาท และอีก 12.59 ล้านบาท ได้ตั้งสำรองหนี้รองรับในส่วนของลูกหนี้จากกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มียอดค้างชำระนานเกิน 1 ปี แต่ถึงจะมีภาระการตั้งสำรองไม่ได้กระทบต่อสภาพคล่องของบริษัท เพราะเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับรายรับ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำประกันการชำระหนี้ไว้ เพื่อเป็นแผนป้องกันความเสี่ยงอีกชั้นหนึ่งด้วย ทั้งนี้บริษัทฯได้ใช้กลยุทธ์เพิ่มทีมขาย และใช้มาตรการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 273.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.38 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า"  
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/03/2018 5:36 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.เห็นชอบแผน "ไทยแลนด์ริเวียร่า" พัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 06 มี.ค. 2561 เวลา 16:01 น.

ครม.เห็นชอบแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก "สมคิด"ตั้งชื่อ "ไทยแลนด์ริเวียร่า" เทียบชั้นฝรั่งเศส-อิตาลี

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.สัญจร เห็นชอบแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) ประกอบด้วย จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร และจ.ระนอง เป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ในการรักษา ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว หรือ การบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ และสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลในการใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้จากเมืองหลักสู่เมืองรอง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของเมืองรองและชุมชน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและเพื่อช่วยพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้ศึกษาศักยภาพของพื้นที่ 4 จังหวัด เพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลไทย The Royal Coast และพื้นที่เชื่อมโยงโดยพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพในการพัฒนาสู่การเป็นแหล่งพักตากอากาศที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับ French Riviera และ Italian Riviera เนื่องด้วยมีความหลากหลายของสถานที่และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม เชิงประวัติศาสตร์ เชิงกีฬา และการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยมีแนวคิดการพัฒนาคือเน้นพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ยึดรูปแบบการท่องเที่ยวโดยใช้รถยนต์และรถไฟ มุ่งเน้นพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก รวมทั้งการสร้างภาพบักษณ์ที่โดดเด่นและเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง (High End) ในตลาดโลกให้มากขึ้น

แผนแม่บทดังกล่าวได้กำหนดกรอบระยะเวลาไว้ทั้งหมด 20 ปี แบ่งเป็นระยะสั้น (1-5 ปี) ระยะปานกลาง (6-10 ปี) และระยะยาว (11-20 ปี) เพื่อเป้าหมายการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่สามารถสัมผัสได้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระราชา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีความหรูหรา มีคุณภาพ และมีความหลากหลาย

มาตรการสำคัญในการสนับสนุนการท่องเที่ยว ได้แก่ การกำหนดเขตพื้นที่รองในเมืองหลักเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่เมืองรองตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เห็นควรแนะนำพื้นที่เมืองรองในระดับเขตการปกครองระดับอำเภอในพื้นที่จังหวัดที่เป็นเมืองหลัก ให้กรมสรรพากรประกาศกำหนดเขตเพิ่มเติม เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจ.ท่องเที่ยวรอง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61-31 ธ.ค.61 โดยพื้นที่รองที่จะเสนอให้ประกาศเพิ่มเติม มีดังต่อไปนี้ จ.เพชรบุรี จำนวน 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เขาย้อย อ.หนองหญ้าปล้อง อ.บ้านลาด อ.บ้านแหลม และ อ.แก่งกระจาน ส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.กุยบุรี อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย และ อ.สามร้อยยอด

นอกจากนี้ยังมีแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงท่าอากาศยานหัวหิน (สนามบินบ่อฝ้าย) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยท่าอากาศยานหัวหิน (สนามบินบ่อฝ้าย) ตั้งอยู่ในเขต ต.บ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีอาคารผู้โดยสารขนาด 7,200 ตร.ม. และพื้นที่ลานจอดเครื่องบินขนาด 31,000 ตร.ม. สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 240 คนต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม สามารถรองรับเที่ยวบินประจำและแบบเช่าเหมาลำได้ ปัจจุบันมีสายการบินแอร์เอเชียมาเลเซียทำการบินประจำระหว่างท่าอากาศยานหัวหินไป-กลับ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยพื้นที่ตั้งของสนามบินมีศักยภาพเพียงพอในการส่งเสริมเป็นศูนย์กลางการบินของเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความพร้อมในการรองรับเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว

แนวทางการส่งเสริมธุรกิจสนามกอล์ฟเพื่อการท่องเที่ยว กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก โดยประเทศไทยมีนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติหลายคน เช่น โปรเม เอรียา จุฑานุกาล และ โปรอาร์ม กิรเดช อภิบาลรัตน์ สามารถสร้างกระแสนิยมเกิดขึ้นในทุกกลุ่มทุกวัย ประกอบกับประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องของสถานที่ฝึกซ้อม มีสนามกอล์ฟหลายแห่งที่ได้ระดับการรับรองมาตรฐานระดับโลก โดยเฉพาะใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีสนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานและได้รับความนิยมระดับโลก และหลายสนามได้รับการคัดเลือกเป็นสนามแข่งขันรายการสำคัญหลายรายการ เช่น PGA Tour และ LPGA Tour

ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมแลแพร่หลายมากยิ่งขึ้น เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการเล่นกอล์ฟได้ง่ายขึ้น โดยเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการสนามกอล์ฟไม่แพงจนเกินไป รัฐบาลจึงควรกำหนดมาตรการส่งเสริมให้มีการเข้าถึงการเล่นกีฬากอล์ฟของเด็กและเยาวชน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาทบทวนมาตรการด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราที่เหมาะสม

ในส่วนของโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว รัฐบาลได้กำหนดแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในระยะ 20 ปี ครอบคลุมการพัฒนาระบบคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง โดยในพื้นที่ 4 จังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันตก มีโครงการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน, โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน, โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน, โครงการเชื่อมถนนสายรองเพื่อเชื่อมโยงการเข้าถึงระหว่างชุมชนและโครงการพระราชดำริ, โครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว (เส้นทางรถไฟขบวนพิเศษ), โครงการปรับปรุงและขยายสนามบินเพื่อรองรับการท่องเที่ยวสนามบินบ่อฝ้าย ชุมพร และระนอง, โครงการพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์ชายฝั่งทะเล และ โครงการพัฒนาท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีแผนที่จะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวที่สำคัญ ได้แก่ โครงการมารีน่าอ่าวมะนาว อ่าวปะทิว แม่น้ำกระบุรี, โครงการ Water World, โครงการ Sand Dune บางเบิด-ถ้ำธง, โครงการ Spa City จ.ระนอง และ โครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เช่น ระบบกำจัดขยะ น้ำเสียในเขตเมืองท่องเที่ยว

สำหรับแผนงานโครงการเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รวบรวมแผนงาน/โครงการที่สำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนิการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 45 โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 170.69 ล้านบาท จำแนกเป็น จ.เพชรบุรี จำนวน 10 โครงการ วงเงิน 53.74 ล้านบาท จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 11 โครงการ วงเงิน 43.95 ล้านบาท จ.ชุมพร จำนวน 18 โครงการ วงเงิน 53 ล้านบาท และ จ.ระนอง จำนวน 6 โครงการ วงเงิน 20 ล้านบาท

"กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มองว่าในระยะที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาในพื้นที่หัวหิน เพชรบุรี ประจวบฯ ปีละ 5-6 ล้านคน และจบสิ้นการท่องเที่ยวแค่นี้ ไม่ต่อยาวลงไปถึงพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จึงมีแนวคิดจะขยายพื้นที่หัวหิน เพชรบุรีให้เป็นจุดต้นทางเพื่อให้คนเริ่มต้นการท่องเที่ยวลงไปพื้นที่ภาคใต้ตอนบนให้ลึกลงไปกว่านี้อีก อีกแนวคิดคือ ที่ผ่านมาในการท่องเที่ยวภาคใต้ตอนบนและภาคใต้ตอนล่าง ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะขับรถยนต์มา และจะมองแต่ฝั่งทะเล แต่ไม่เคยมองฝั่งแนวเขาตะนาวศรี จึงมีแนวคิดอยากพัฒนาท่องเที่ยวแบบชุมชนในฝั่งแนวเขาตะนาวศรีซึ่งมีหมู่บ้าน มีชุมชน และมีการเสนองบประมาณมาด้วย แต่ ครม.ยังไม่ได้อนุมัติงบประมาณที่เสนอมา เป็นเพียงการรับทราบแนวคิด ซึ่งต้องไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมให้ลงตัวกว่านี้ เพราะที่เสนอมาจำนวนงบประมาณไม่มากพื้นที่ละ 4-5 ล้านบาท เข้าใจว่าคงจะลงไปพร้อมไทยนิยมในครั้งนี้ เพื่อดูว่าแต่ละท้องที่มีจุดแข็งอะไร มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรที่จะพัฒนาให้เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนได้ เพราะทางกระทรวงคมนาคมขอถนนมาแล้ว ถนนที่ทอดจากภาคกลางไปภาคใต้ เดิมเรามีแต่เส้นทางหมายเลข 4 ตอนนี้จะมีถนนเลียบชายฝั่งด้วย ถนนเอกชัย ถนนหมายเลข 35 ที่ตัดตรงเลี่ยงเมืองเพชรบุรีจากหนองหญ้งปล้องไปโผล่วังมะนาว เมื่อเสร็จทางเลห่านี้ดีขึ้น แล้วก็เส้นทางรถไฟต่างๆ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว จะเป็นตัวที่ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ดังนั้นแผนงานที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯเสนอมาในวันนี้จึงมีความสอดคล้องกับงานด้านการคมนาคม ซึ่งรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ได้ตั้งชื่อว่า Thailand Riviera"พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ประชุมครม.สัญจร เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 พร้อมอนุมัติหลักการของโครงการเพื่อการพัฒนาและแก้ปัญหาในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ครอบคลุมทั้งเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงการพัฒนาในทุกด้าน ทั้งด้านการเกษตร การค้าการลงทุนอุตสาหกรรม การดูแลสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว เช่น พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตั้งแต่ จ.เพชรบุรี, อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึง จ.ชุมพร เช่น โครงการถนนเลียบชายฝั่งทะเล หรือไทยแลนด์ ริเวียร่า ระยะทาง 680 กิโลเมตร รวมถึงแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางเรือ และทางรถไฟ โดยเฉพาะรถไฟทางคู่ นครปฐมถึงชุมพร ที่จะต้องดำเนินการออกแบบสถานี สำรวจประตูทางเข้าออกให้รอบคอบ และโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-หัวหิน ระยะทาง 211 กิโลเมตร สามารถเริ่มดำเนินการได้ปี 2565 นอกจากนี้ยังมีหลายโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่สำคัญ เช่น พื้นที่จังหวัดเพชรบุรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอนุมัติในหลักการของหลายโครงการนั้นไม่ใช่การอนุมัติงบประมาณให้ดำเนินการได้ทันทีในทุกโครงการ ซึ่งหลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณางบประมาณและความเหมาะสมเพื่อกำหนดว่าโครงการใดจะเริ่มดำเนินการก่อนหรือหลัง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 06/03/2018 6:21 pm    Post subject: Reply with quote

ชงครม. ยกเครื่อง ‘ไทยแลนด์ริเวียร่า’ หนุนท่องเที่ยว 4 จังหวัด ภาคใต้ตอนต้น
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 6 มีนาคม 2561 - 16:16 น.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ จ.เพชรบุรี (ครม.สัญจร) เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2561 เห็นชอบยุทธศาสตร์เขตพัฒนาการพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast) หรือ ไทยแลนด์ริเวียร่า (Thailand Riviera) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในจังหวัดแถบนี้ให้เป็นที่รู้จักระดับโลก จากปัจจุบันคนจะรู้จักเฉพาะหัวหิน อีกทั้งจะเป็นการตอบโจทย์ความจำเป็นรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งจะมีการเปิดประมูลภายในปีนี้

“ตามแผนกระทรวงคมนาคมก็จะทำรถไฟทางคู่ต่อเนื่องไปถึงจ.ชุมพร และจ.ระนอง ฉะนั้นต่อไปหัวหินจะเป็นจุดเริ่มต้นของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางขึ้นเหนือหรือลงใต้และในพื้นที่ใกล้เคียง”

นายสมคิด กล่าวว่า ในวันที่ 12 มี.ค. ได้เรียกประชุม คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ซึ่งได้ให้นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปปรับงบประมาณบางส่วนมาลงพื้นที่นี้ และจะต้องมีการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งอยู่ทางฝั่งภูเขาตะนาวศรีควบคู่กับฝั่งที่เป็นทะเล เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) ด้วย ส่วนชื่อโครงการภาษาไทยจะสรุปใช้ชื่ออะไรค่อยว่ากันแต่ชื่อภาษาอังกฤษถ้าเอ่ยคำว่าริเวียร่า ตลาดยุโรปและจีนจะรู้จักคำนี้อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ในการประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ฝากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไปพิจารณาลงทุนสร้างอควอเรี่ยมขนาดใหญ่เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.สมุทรสาคร เพราะจังหวัดนี้ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยว แต่คนมักมองข้าม เพราะคิดว่ามีแต่เรื่องการประมง ถ้าสร้างสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวขึ้นมา เช่น การมีอควอเรียมขนาดใหญ่ ดีๆ แบบของประเทศสิงคโปร์จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดคนได้ และคนที่เดินทางท่องเที่ยวหัวหินปีละ 4-5 ล้านคน จะได้แวะเที่ยวสมุทรสาครด้วย



นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ครม.รับทราบตามที่กระทรวงท่องเที่ยวฯ เสนอโครงการเพื่อสนับสนุนภายใต้ยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ในปี 2562 รวม 45 โครงการ ใช้งบประมาณ 170 ล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้สั่งให้ไปไล่เลียงโครงการ และการใช้เงินเพื่อมาเสนอครม. อีกครั้ง โดยเรื่องนี้จะมีการหารือร่วมกับนายสมคิดในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ด้วยเช่นกัน

สำหรับยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวตะวันตก จะเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในพื้นที่นี้ ประกอบด้วย จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ให้เป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อสุขภาพชั้นนำของโลก ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงชุมชนมากขึ้นจากเดิมที่จะเที่ยวแต่ชายทะเล โดยจะเป็นการเชื่อมแหล่งท่องเที่ยว 5 แหล่งคือ แหล่งเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ แหล่งสำราญตะนาวศรี เน้นท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งเพชรคีรีบุรีสุข เน้นท่องเที่ยวครอบครัว แหล่งชื่นสุขวารี เน้นสุขภาพบำบัด และ แหล่งสมุทรนิเวศน์ เน้นแหล่งธรรมชาติ

ขณะเดียวกันก็จะร่วมกับกระทรวงคมนาคม ในแนวคิดท่องเที่ยวได้ไกลขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง ทั้งการเดินทางจากรถไฟความเร็วสูง และเครื่องบิน ภายใต้ 4 โครงการ คือ ชานชาลาน่าสนุก สถานีทรงเสน่ห์ ของดีบนขบวน และโครงการที่นายกรัฐมนตรีต้องการผลักดัน คือ รถถิ่นชวนเที่ยว โดยปัจจุบัน จังหวัดเพชรบุรีมีนักท่องเที่ยว 6 ล้านคนต่อปี หัวหิน 5 ล้านคน ขณะที่ ระนอง 9 แสนคน และ ชุมพร 1.2 ล้านคน ซึ่งยังไม่กระจายตัวมากนัก

นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบในการประกาศพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวรอง เพิ่มเติมเพื่อได้สิทธิทางภาษีหักเป็นรายจ่าย 1.5 หมื่นบาท อีก 11 อำเภอ เป็น จ.เพชรบุรี 6 อำเภอ ได้แก่ เขาย้อย หนองหญ้าปล้อง ท่ายาง บ้านลาด บ้านแหลม แก่งกระจาน และจ.ประจวบคีรีขันธ์ 5 อำเภอ ได้แก่ กุยบุรี ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย และสามร้อยยอด

----

นายกฯ ผุดไอเดีย 'ไทยแลนด์ริเวียร่า' ปลุกการท่องเที่ยว ชายหาดตะวันตก
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 มี.ค. 2561 18:02

นายกฯ ไฟเขียวสร้างระบบขนส่งเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวภาคกลางตอนล่างอื้อ ปลุก "ไทยแลนด์ริเวียร่า" ดึงนักท่องเที่ยว พร้อมชวนคนไทยร่วมฉลอง 150 ปี สุริยุปราคา

เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 61 ที่โรงแรมดุสิตธานี จ.เพรชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุม ครม.สัญจรว่า ครม.ได้พิจารณาหลายเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง 2 ที่มีการขอโครงการต่างๆ มา และจะต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนอีกครั้ง อาทิ โครงการก่อสร้างถนนหลายเส้นทาง รถไฟทางคู่สายใต้ นครปฐม-ชุมพร รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หัวหิน เร่งรัดการเปิดบริการขนส่งผู้โดยสารสินค้าทางน้ำโดยเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทย เพิ่มเติมจากที่มีอยู่เส้นทาง พัทยา-เขาตะเกียบ ปรับปรุงท่าเรือที่มีความทรุดโทรม โครงการขยายทางวิ่งสนามบินหัวหิน เป็นต้น เพื่อเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะและการท่องเที่ยวในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาในโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ในพื้นที่ประสบอุทกภัยปี 60 เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เกษตรกรรม โครงการขุดลอกขยายคลองส่งน้ำหน้าเขื่อนเพชร เพื่อระบายลงทะเลแก้ปัญหาน้ำท่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการท่องเที่ยวที่ต้องเชื่อมโยงทั้ง จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง ให้ได้ เพราะมีชายทะเลป่าชายเลนที่สวยงามสมบูรณ์ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ต้องร่วมมือกับท้องถิ่นของกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการจะทำให้พื้นที่มีความปลอดภัย สร้างบรรยากาศที่ดี เหมาะสมกับคำภาษาอังกฤษว่า "ไทยแลนด์ริเวียร่า" ซึ่งเป็นชายหาดที่ยาวของฝั่งตะวันตก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศแถบยุโรปให้ความสนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสร้างแรงจูงใจกับต่างประเทศให้ได้ แต่ชื่อภาษาไทยกำลังหาอยู่ รวมทั้งอยากให้ขอติดตามท่องเที่ยวกันในวาระอันใกล้นี้ เป็นช่วงสำคัญทางประวัติศาสตร์ 150 ปีปรากฏการณ์สุริยุปราคา ซึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2411 ด้วย

----

คมนาคมแจงความคืบหน้า แผนปฏิบัติการขนส่งระยะเร่งด่วน มูลค่า2ล้านล้าน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 6 มีนาคม 2561

คมนาคมแจงความคืบหน้า แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 2561 มูลค่า 2 ล้านล้าน

ความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2561 (Action Plan) ของกระทรวงคมนาคม
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงคมนาคมโดย สนข. จัดทำแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 2561 (Action Plan 61)
โดยให้พิจารณาถึงความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน สำหรับแผนปฏิบัติการฯ ปี 2561 ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 โครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล โครงการที่มีความพร้อมดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 รวมทั้งโครงการสำคัญที่ต้องเร่งผลักดัน จำนวน 44 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 2,021,283.52 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

Click on the image for full size

กลุ่มที่ 1 โครงการที่คณะกรรมการ Public Private Partnership (PPP) จะให้ความเห็นชอบหรือคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติได้ภายในปี 2561 จำนวน 21 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 914,012.34 ล้านบาท จำแนกเป็นโครงการที่อยู่ในแผนปฏิบัติการฯ ปี 2559 จำนวน 4 โครงการ แผนปฏิบัติการฯ ปี 2560 จำนวน 11 โครงการ และโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ แบ่งเป็น โครงการลงทุนขนาดใหญ่ทางถนน 10 โครงการ ทางราง 8 โครงการ ทางน้ำ 2 โครงการ และทางอากาศ 1 โครงการ

กลุ่มที่ 2 โครงการที่จะประกวดราคาแล้วเสร็จ หรือเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2561 จำนวน 23 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1,107,271.18 ล้านบาท จำแนกเป็นโครงการที่อยู่ในแผนปฏิบัติการฯ ปี 2559 จำนวน 4 โครงการ แผนปฏิบัติการฯ ปี 2560 จำนวน 17 โครงการ และโครงการใหม่ จำนวน 2 โครงการ แบ่งเป็น โครงการลงทุนขนาดใหญ่ทางถนน 3 โครงการ ทางราง 17 โครงการ ทางอากาศ 2 โครงการ และโครงการระบบตั๋วร่วม 1 โครงการ

ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการฯ ปี 2561 เป็นแผนระยะสั้น 1 ปี การดำเนินงานก่อสร้างโครงการต่าง ๆ อาจไม่แล้วเสร็จหรือไม่สามารถให้บริการได้ภายในปี 2561 เนื่องจากการก่อสร้างโครงการด้านคมนาคมขนาดใหญ่จะใช้เวลาดำเนินการเฉลี่ยอย่างน้อย 3 - 5 ปี จึงได้กำหนดเป้าหมายไว้ ณ สิ้นปี 2561 คือ ขั้นตอนการดำเนินงานสุดท้ายที่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ พร้อมกับแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการจะผลักดันการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ปี 2561 เพื่อติดตามความก้าวหน้า แก้ไขปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินงานให้สามารถดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนและบรรลุเป้าหมายต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 08/03/2018 5:17 pm    Post subject: Reply with quote

อาคม เดินหน้าเปิดประมูลงานรถไฟ 1.7 แสนล้านในปีนี้

08 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14:39 น.

“อาคม” ลั่นเปิดประมูลงานรถไฟ 1.7 แสนล้านภายในกลางปีนี้ เร่งประมูลรถไฟไทย-จีนเฟส 1 ภายในปีนี้ ส่วนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คาดเสนอ ครม.ภายในเดือนนี้

8 มี.ค.61-นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่ากระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างเร่งแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะเร่งดันโครงการเพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)และเปิดประมูลให้ได้ภายในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. รวมมูลค่าโครงการราว 1.7 แสนล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กิโลเมตร วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาทและโครงกาารรถไฟฟ้าสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ มูลค่า 7.5 พันล้านบาท จะเร่งเสนอครม.ภายในเดือน เม.ย.ก่อนเปิดประมูลภายในเดือน มิ.ย. เช่นเดียวกับโครงการรถไฟทางคู่ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท และรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตรวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท จะเร่งเสนอครม.ภายในพ.ค.นี้เริ่มทยอยประกวดราคาในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.

นายอาคม กล่าวต่อว่าสำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ขณะนี้ฝ่ายจีนได้ส่งแบบตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง - ขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.มาแล้วคาดว่าจะสามารถเสนอเข้าครม.ใด้ภายในเดือนนี้ เปิดประมูลได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ ขณะที่แบบก่อสร้างสำหรับช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม.และช่วงที่ 4 บางซื่อ-แก่งคอย ระยะทาง 119 กม. มีกำหนดส่งให้รัฐบาลไทยภายในกลางปีนี้เพื่อถอดแบบและกำหนดราคากลางในร่างเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์) ดังนั้นจึงมั่นใจว่าภายในปีนี้จะเปิดประมูลได้ครบทั้งเฟส 1

ขณะที่เส้นทางเชื่อมต่อช่วงแหนองคาย-เวียงจันทน์นั้นจะเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดยจะเร่งหารือกับสปป.ลาวและจีนให้ได้ข้อสรุปภายใน 4 เดือนนี้ สำหรับโครงการรถไฟไทย-จีน เฟส 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 394 กม. นั้นกำหนดว่าฝ่ายจีนต้องส่งแบบรายละเอียดการก่อสร้างมาให้ไทยภายใน 8 เดือนนับจากนี้หรือช่วงปลายปีนี้

อย่างไรก็ตามโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. วงเงินราว 4 แสนล้านบาทตามแผนจะสามารถเสนอครม.ได้ภายในเดือนนี้

//------------------------------------------------------

“อาคม”โชว์แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมครั้งใหญ่ ช่วยยกคุณภาพชีวิตคนไทย
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 08 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19:18:

“อาคม”โชว์แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า ระบุรัฐลงทุนโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่ง“บก ราง น้ำ และอากาศ” ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรในกทม.และเมืองหลักในภูมิภาค เพิ่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในอนาคต

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “ทุกเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับระบบราง” เพื่อเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศไปสู่ One Transport for All คมนาคมรวมเป็นหนึ่งเพื่อความสุขของคนไทยทุกคน ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล

โดยนายอาคมกล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) ซึ่งได้ผลักดันมอเตอร์เวย์ 3 สายทาง ได้แก่ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง196กม. สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96กม. สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32กม. รวมทั้งเพิ่มโครงข่ายมอเตอร์เวย์ให้ครอบคลุม 13 จังหวัด และเร่งรัดการจัดทารายงานการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ใน 2 สายพร้อมเปิดให้บริการทั้งระบบภายในปี 2563 ขณะที่เตรียมลงทุนอีก 2 สาย ได้แก่ สายนครปฐม-ชะอำ และสายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย

ด้านการพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล นั้น ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 5โครงการ ระยะทางรวม 109.8กม. ได้แก่ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (พญาไท-สุวรรณภูมิ) ระยะทาง 28.5 กม. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง) ระยะทาง 21 กม. รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สำโรง) ระยะทาง 23.3 กม. รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (สนามกีฬา-บางหว้า) ระยะทาง 14 กม. และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ระยะทาง 23 กม.

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเส้นทางเชื่อมถนนสู่ประตูเศรษฐกิจ โดยขยายช่องจราจร 4 ช่อง บนถนนหลวงและถนนหลวงชนบท โดยดำเนินการขยายทางหลวงสายประธานทั่วประเทศ เป็น 4 ช่องจราจร เปลี่ยนถนนลูกรังเป็นถนนลาดยาง ระยะทางรวม 2,630 กม. ก่อสร้างถนนเพื่อสนับสนุนโครงการหลวงและโครงการพระราชดาริ 86 สาย และก่อสร้างสะพานชุมชนในภูมิภาค จำนวน 45 สะพาน

สำหรับการพัฒนาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสารในแม่นำเจ้าพระยา เพื่อยกระดับท่าเรือโดยสารสาธารณะให้เป็น “สถานีเรือ” ด้วยการปรับปรุงท่าเรือโดยสารในแม่น้าเจ้าพระยา 17 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือสมุทรปราการ ท่าเรือบางหัวเสือ ท่าเรือบางกะเจ้านอก ท่าเรือสาทร ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือดินแดง ท่าเรือราชวงศ์ ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือราชินี ท่าเรือท่าเตียน ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือพรานนก ท่าเรือเทเวศร์ ท่าเรือเกียกกาย ท่าเรือเขียวไข่กา และท่าเรือพระราม 5

ส่วนการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ระยะทางทั้งหมด 2,506 กิโลเมตร เพื่อเป็นทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ – หนองคาย จากหนองคายเชื่อมไปประเทศลาวและต่อไปยังคุนหมิง ประเทศจีน เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน เพื่อเชื่อมโยงระบบรถไฟระหว่างประเทศ โดยระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา) ระยะทาง 252.35 กม. วงเงิน 179,412.21 ล้านบาทนั้น แบ่งการก่อสร้าง 14 สัญญา ซึ่งขณะนี้จีน ส่งแบบตอนที่ 2 ปากช่อง-ขนาดจิต ระยะทาง 11 กม.แล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้

ส่วนส่วนตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม. และตอนที่ 4 แก่งคอย-กรุงเทพฯ 119 กม.นั้น จีนจะส่งแบบในเดือนมิถุนายนนี้ และจะเปิดประกวดราคาให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2561

รถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 672 กิโลเมตร เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ส่วนการดำเนินการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง –สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชม. สนามบินอู่ตะเภาสามารถเชื่อกรุงเทพฯ ได้ใน 45 นาที (เทียบกับ 2-3 ชั่วโมง โดยรถยนต์) วงเงิน 2.2 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดร่าง TOR ได้ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม และเปิดประกวดราคาในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาศูนย์การขนส่งชายแดน/พัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค โครงการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย ผ่านเส้นทาง R3A และเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งเป็นระบบราง เพื่อขนส่งไปยังท่าเรือ โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม รองรับการขนส่งสินค้าผ่านถนนสาย R12 โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค 17 แห่ง เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางถนนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

“กระทรวงคมนาคม เดินหน้า One Transport for All พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของการเดินทางที่ไม่สะดวก และมีปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองหลวงและเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ โดยนโยบายรัฐบาลที่จะเร่งขับเคลื่อนพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครให้ครบทั้งระบบว่า ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถประหยัดพลังงาน ประชาชนเดินทางได้สะดวก และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น”นายอาคมกล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 10/03/2018 10:20 am    Post subject: Reply with quote

โอกาสทางเศรษฐกิจ รถไฟจีน-ลาว-ไทย
โพสต์ทูเดย์ 10 มีนาคม 2561 เวลา 08:15 น.
โดย...ปิยนุช ผิวเหลือง

จากแนวคิดการเชื่อมโยงระบบรางในภูมิภาค ภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ส่งผลให้รัฐบาลแต่ละประเทศกำหนดนโยบายพัฒนาการขนส่งระบบรางเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคและประเทศนอกภูมิภาค อย่างจีนเข้าด้วยกัน

โครงการเชื่อมโยงระบบรางในภูมิภาคที่เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น เส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง ซึ่งเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายหลักของ 8 ประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม เมียนมา และมณฑลยูนนานของจีน หลังจากนั้นประเทศในอาเซียนก็ตื่นตัวเรื่องการเชื่อมโยงเส้นทางในภูมิภาค ประกอบกับนโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทาง (One Belt One Road:OBOR) ของรัฐบาลจีนที่ต้องการเชื่อมโยงจีนเข้ากับทั่วโลก เพื่อขยายเส้นทางทางการค้า ส่งผลให้เกิดความร่วมมือการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนกับหลายๆ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยมีทั้งแรงหนุนและข้อกังขาว่าอาเซียนจะได้รับประโยชน์จริงหรือไม่

จากงานวิจัย เรื่อง “รถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว-ไทย : ยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการเชื่อมโยงในอาเซียน” โดย จันทิมา เขียวแก้ว เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวถูกตั้งคำถามว่า การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือของจีน เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนเองเป็นหลักและเพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำจากสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ก็ได้มีการอธิบายจากทั้งสองรัฐบาลว่า การลงทุนสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้น จะเป็นประโยชน์ให้กับทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังเป็นการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีในการสร้างรถไฟความเร็วสูงให้กับภูมิภาคอาเซียน

ดังนั้น ในภาพรวมการพัฒนารถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว-ไทย เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจแน่ แต่ต้องกระจายการพัฒนา และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียม ไม่เช่นนั้นปัญหาความเหลื่อมล้ำในภูมิภาคก็ยังไม่ถูกแก้ไข และก่อให้เกิดประโยชน์แก่บุคคลไม่กี่กลุ่มเท่านั้น

การดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว พบว่ารัฐบาล สปป.ลาว ใช้กลยุทธ์ด้านการสื่อสารกับประชาชนว่า โครงการดังกล่าวจะสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นในประเทศได้อย่างไร ทั้งนี้ สปป.ลาว มีนโยบาย เปลี่ยน Land Locked เป็น Land Link ดังนั้นโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเป็นหัวใจสำคัญ รัฐบาลจึงเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ด้วยหวังว่าจะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจ คาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้เศรษฐกิจลาวเติบโตอีก 32% ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ยินดีจึงทำให้การดำเนินงานราบรื่น

สำหรับเส้นทางการพัฒนาระบบรางในประเทศไทยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนประเทศญี่ปุ่น แต่ความก้าวหน้ากลับไม่เท่าประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน เนื่องจากไทยเน้นพัฒนาเส้นทางถนนมากกว่า แม้ว่าการขนส่งสินค้าทางรถไฟต้นทุนจะต่ำกว่าเป็นเท่าตัว ทำให้ในปัจจุบันรัฐบาลหันมาให้ความสนใจการพัฒนาระบบรางมากขึ้น โดยอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เน้นปรับปรุงระบบรถไฟทางคู่ การพัฒนารางรถไฟมาตรฐาน 1.435 เมตร ตลอดจนโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน

ขณะที่การศึกษาพบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระบบรางรถไฟความเร็วสูงของไทย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว-ไทย คือ ความกว้างของระบบรางในประเทศไทยที่เป็นรางขนาด 1 เมตร ไม่ใช่ขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านล้วนเป็นแบบขนาดมาตรฐานทั้งสิ้น โดยหากไทยไม่สามารถเชื่อมโยงต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้ทันเวลา เมื่อโครงการใน สปป.ลาวแล้วเสร็จ ประเทศไทยจะกลายเป็นปัจจัยคุกคามระบบเครือข่ายทันที

ทว่า จากแผนความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนทั้ง 4 ช่วงที่มีความคืบหน้าไปมาก และเตรียมจะเปิดประมูลช่วงการก่อสร้างทั้งหมดภายในปี 2561 นี้ ทำให้เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ใช่จุดอ่อนด้านการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในภูมิภาคแน่นอน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42630
Location: NECTEC

PostPosted: 12/03/2018 11:21 am    Post subject: Reply with quote

ภายในครึ่งปี "5 ระบบราง" เปิดประมูลได้
ข่าว เศรษฐกิจ-โลจิสติกส์
เดลินิวส์
พฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม 2561 เวลา 15.53 น.

คค. ดันทางคู่เด่นชัย-เชียงใหม่ สายสีแดงเข้ม-อ่อน เข้าครม. เม.ย. นี้ ด้านรถไฟไทย-จีน ประมูลเสร็จในปี 61 ยันโครงการระบบรางไม่ซ้ำรอยโฮปเวล เกิดแน่นอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยในงาน กิจกรรม Meet the Press ตอบข้อซักถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับโครงการที่อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม ว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะเร่งดันโครงการเพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)และเปิดประมูลให้ได้ภายในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. ประกอบด้วย โครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง8.5กม. และโครงกาารรถไฟฟ้าสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก ระยะทาง19 กม. จะเร่งเสนอครม.ภายในเดือน เม.ย.ก่อนเปิดประมูลภายในเดือน มิ.ย. เช่นเดียวกับโครงการรถไฟทางคู่ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท และรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท จะเร่งเสนอครม.ภายใน พ.ค.นี้เริ่มทยอยประกวดราคาในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. นอกจากนี้ทางกระทรวงคมนาคมจะรายงานผลการศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ ช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลกให้ ครม.รับทราบภายในเดือน พ.ค.ด้วย



นายอาคม กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ขณะนี้ฝ่ายจีนได้ส่งแบบตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง - ขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.มาแล้วคาดว่าจะสามารถเสนอเข้าครม.ใด้ภายในมี.ค.เปิดประมูลได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ มั่นใจว่าภายในปีนี้จะเปิดประมูลได้ครบทั้ง 4 ตอน อย่างไรก็ตามโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. วงเงินราว 4 แสนล้านบาทตามแผนจะสามารถเสนอ ครม.ได้ภายในเดือนนี้

นายอาคม กล่าวอีกว่า โครงการรถไฟต่างๆ ที่รัฐบาลเร่งดำเนินการนั้น จะไม่ล้มเหลวเหมือนกรณีโฮปเวลที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาลผลักดันลงทุนรวมถึงการร่วมทุนภาครัฐบาล-เอกชนในรูปแบบพีพีพี ต่างจากโครงการโฮปเวลล์เดิมที่เป็นการเสนอขออนุมัติและลงทุนก่อสร้างโดยเอกชนทำให้เกิดความเสี่ยงของขั้นตอนการดำเนินงาน หลังจากชื่อมต่อเส้นทางได้อย่างสะดวก ลำดับต่อไปที่กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาคือการตัดสายทางรถเมล์ให้สั้นและเน้นการจอดรถชานเมืองและใช้รถเมล์และรถสาธรณะในการเดินทางแทน
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44334
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 12/03/2018 4:21 pm    Post subject: Reply with quote

"สมคิด"ย้ำนโยบาย ก.ท่องเที่ยวฯ เดินหน้า"ไทยแลนด์ ริเวียร่า"พัฒนาพื้นที่เมืองรอง
เผยแพร่: 12 มี.ค. 2561 16:03: โดย: MGR Online

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมและติดตามความคืบหน้าการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเน้นย้ำการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวของเมืองรอง ที่จะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังวางโครงการ และในอนาคตจะติดตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี เป็นรายจังหวัด เพื่อให้ภาพรวมขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และสามารถเจาะจงเป็นรายจังหวัดได้ว่าแต่ละพื้นที่มีการขยายตัวมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันแผน โครงการ "ไทยแลนด์ ริเวียร่า" พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทั้งการปรับปรุงทางถนน ความกว้างของรันเวย์สนามบินหัวหิน พัฒนารถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ให้ไปถึงชุมพร รวมทั้งทำท่าเทียบเรือยอร์ช เพื่อเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มากขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 93, 94, 95 ... 121, 122, 123  Next
Page 94 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©