Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180416
ทั้งหมด:13491650
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ 2558-65
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 96, 97, 98 ... 121, 122, 123  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 20/08/2018 7:32 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
อัพเกรดโลจิสติกส์ใต้ ชงครม.สัญจรตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนา 5 ด้าน
ฐานเศรษฐกิจ 20 August 2018


“อาคม” สั่งเร่งโครงการเชื่อมภาคใต้ฝั่งอันดามันและอ่าวไทย
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561 20:44
ปรับปรุง: 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561 10:10

คมนาคมเร่ง 11 โครงการสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ออกแบบก่อสร้างระบบลอจิสติกส์จากสถานีรถไฟชุมพรเชื่อมต่อท่าเรือระนอง ส่วนรถไฟสายใหม่ “สุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น” 158 กม. วงเงินกว่า 3.4 หมื่นล้านอยู่ระหว่างการพิจารณา EIA

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ประชุมทีมงาน One Transport เพื่อติดตามโครงการที่สำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยได้เร่งรัดแผนการก่อสร้างโครงการสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการคมนาคมและท่องเที่ยว ได้แก่

1. เร่งรัดการออกแบบก่อสร้างระบบลอจิสติกส์จากสถานีรถไฟชุมพร เพื่อเชื่อมต่อท่าเรือน้ำลึกจังหวัดระนอง และเพื่อสนับสนุนและเชื่อมต่อ EEC

2. เร่งรัดการก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (Thailand Rivera) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 2 ตอน

3. การก่อสร้างรถไฟสายใหม่เส้นทางสุราษฎร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น ระยะทาง 158 กม. วงเงิน 34,237 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการออกแบบแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการพิจารณา EIA

4. เสนอให้ศึกษาความเป็นไปได้ระบบรางจากสถานีกันตัง ท่าเรือนาเกลือ จังหวัดตรัง ซึ่งขณะนี้พื้นที่ไม่มีแนวสายทางรถไฟ โดยมอบให้ สนข.พิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม และความคุ้มค่าในการดำเนินงาน

5. เร่งรัดการพัฒนาและปรับปรุงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดย ทอท.อยู่ระหว่างขยายขีดความสามารถในการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร เพื่อรองรับการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น

6. พัฒนาท่าเรือระนอง โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการเป็นท่าเรือระหว่างประเทศหลักของภาคใต้ฝั่งอันดามันเชื่อมโยงระบบการขนส่งชายฝั่ง และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบในประเทศ และระหว่างประเทศ

7. โครงการพัฒนาท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานกระบี่ ท่าอากาศยานระนอง และท่าอากาศยานตรัง

8. การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 6.5 ล้านคนต่อปี เป็น 12.5 ล้านคนต่อปี โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 5 ล้านคน/ปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 7.5 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559

9. การพัฒนาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองกระบี่ จะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 โครงการก่อสร้างถนนเพื่อการท่องเที่ยวบนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น

10. การส่งเสริมระบบลอจิสติกส์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่ แยกทางหลวงหมายเลข 4-ด่านสะเดาแห่งที่ 2 เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงประเทศไทยกับมาเลเซีย รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษสงขลา

11. การแก้ไขปัญหาจราจร ได้แก่ ถนนวงแหวนรอบเมืองตรัง (ทางหลวงหมายเลข 419) และถนนสาย จ ผังเมืองรวมเมืองชุมพร จ.ชุมพร

//-----------------------------

“ลุงตู่” ลงระนองตามความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก เพื่อเป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตก
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561 16:35
ปรับปรุง: 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561 16:40
ระนอง - นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ระนอง ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก เพื่อเป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตก โดยจะเชื่อมเส้นทางขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ





วันนี้ (20 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางมาตรวจราชการพื้นที่จังหวัดระนอง เนื่องในโอกาสประชุม ครม.สัญจร นอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่จังหวัดชุมพร (วันที่ 21 สิงหาคม) โดยวันนี้ หลังจากนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงจังหวัดระนอง เพื่อติดตามการดำเนินงานต่างๆ ของรัฐบาล เช่น ศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ชายแดนฝั่งอันดามัน การรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลโดยการใช้ปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งพักอาศัย แหล่งอาหาร และแหล่งสืบพันธุ์ของสัตว์น้ำ



เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้เดินทางมาพบปะประชาชน ข้าราชการ องค์การต่างๆ ที่หอประชุมพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง พร้อมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองลำเลียง-ละอุ่น” อำเภอเมืองระนอง อำเภอกระบุรี อำเภอละอุ่น เนื้อรวมที่ 511 ไร่ 3 งาน 33 ตารางวา จำนวน 98 แปลง 94 ราย



จากนั้นเดินทางไปยังบ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน และเยี่ยมชมศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลระนอง ก่อนเดินทางไปยังท่าเรือระนอง พบปะประชาชนเป็นจุดที่สอง และฟังการบรรยายสรุปแผนการพัฒนาท่าเรือระนอง พร้อมมอบทุ่นปะการังเทียมให้แก่ตัวเแทนอำเภอเมือง และอำเภอสุขสำราญ

การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ได้เดินทางไปยังท่าเรือจังหวัดระนอง ซึ่งให้ความสำคัญในการผุดแผนพัฒนาท่าเรือน้ำลึก เพื่อเป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตก โดยจะเชื่อมเส้นทางขนส่งสินค้ากับประเทศพม่า หรือออกทางมหาสมุทรอินเดียก็จะเชื่อมต่อกับประเทศอินเดีย บังกลาเทศ ไปถึงศรีลังกา



ท่าเรือระนอง ปัจจุบันสามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าได้ไม่เกิน 500 ตันกรอส จอดเทียบท่าได้พร้อมกันแค่ 2 ลำ รัฐบาลจึงมีแผนจะพัฒนาให้เป็นท่าเรือน้ำลึก เพื่อเป็นประตูฝั่งตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งท่าเรือน้ำลึกนี้จะเชื่อมการเดินเรือชายฝั่งกับพม่า และเชื่อมกลุ่มประเทศอ่าวเบงกอล ประกอบด้วย อินเดีย บังกลาเทศ และศรีลังกา ที่กำลังมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง เป็นการเพิ่มตลาดให้สินค้าไทยออกไปทางฝั่งตะวันตก



และแผนที่จะทำคู่กัน คือ การสร้างทางรถไฟรางคู่เชื่อมกับจังหวัดชุมพร เพื่อเชื่อมอันดามันกับอ่าวไทย ลดระยะเวลาขนส่งสินค้าทางเรือ จากเดิมจะข้ามฝั่งทะเล ต้องไปอ้อมผ่านช่องแคบมะละกา ใช้เวลา 15-20 วัน ถ้ามาขึ้นฝั่งที่ระนอง ขนขึ้นรถไฟข้ามไปทางชุมพร จะลดเวลาลง 3 เท่า เหลือไม่เกิน 7 วันเท่านั้น นอกจากทางรถไฟแล้ว จังหวัดระนองยังขอให้รัฐบาลพิจารณาการขยายถนนที่เชื่อมอำเภอเมืองระนอง เข้ากับอำเภอหลังสวน ของชุมพร เป็นถนน 4 เลน เพื่อรองรับแผนการเชื่อมอันดามันกับอ่าวไทยในครั้งนี้ด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/08/2018 6:32 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.สัญจรเห็นชอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้
สำนักข่าวไทย 21 ส.ค. 61 | 18:07 น.

Click on the image for full size

ชุมพร 21 ส.ค. - ครม.ผลักดันแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ตามข้อเสนอผู้ว่าฯ และภาคเอกชน 11 จังหวัดภาคใต้ วงเงินกว่า 1.28 แสนล้านบาท เชื่อมโยงทั้งคมนาคนขนส่งทางน้ำ อากาศ เรือ เปิดทางส่งสินค้าสู่ภูมิภาค

Click on the image for full size

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ จ.ชุมพร รับข้อเสนอจากที่ประชุมพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เสนอแผนพัฒนาโครงการ 11 จังหวัดภาคใต้ โดยกำหนดให้จังหวัดระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช อยู่ภายใต้แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC:Southern Economic Corridor) หรือ SEC โดยมีแรงจูงใจต่อการลงทุนผ่านการส่งเสริมการลงทุนเหมือนกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใช้เงินเฟสแรก 12,000 ล้านบาท พัฒนาจุดเริ่มต้น ด้วยพัฒนาโครงข่ายคมนาคมสิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรมขนส่งทาเรือ การขนส่งตามชายฝั่ง การพัฒนารถไฟทางคู่เส้นใหม่ชุมพร-ระนอง ให้เป็นเส้นทางไปสู่อันดามันเชื่อมกับฝั่งอ่าวไทย เชื่อมต่อกับประเทศเขตความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล (BIMSTEC) ประกอบด้วย บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา ไทย ท่าเรือน้ำลึก ท่าเรืออเนกประสงค์ จะส่งผลต่อการท่องเที่ยว ขนส่งสินค้าและการประมงร่วมกันมากขึ้น

นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อภาคใต้มีศักยภาพเศรษฐกิจเข้มแข็งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ เห็นได้จากตัวเลขจีดีพีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ขยายตัวร้อยละ 4.8 ในครึ่งปีแรก นับว่าทั้งการลงทุนและการบริโภคยังดีต่อเนื่องในปีนี้ จึงคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 4.5 หลังจากนี้ 6-7 เดือนจะเร่งปฏิรูปทุกด้านทั้งลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะการผลักดัน โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า (Thailand Rivera) การท่องเที่ยวเลียบชายทะเล ด้วยการพัฒนาเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดฝั่งอ่าวไทยและอันดามันทั้ง 2 ฝั่ง เริ่มจาก อ.หัวหิน เพชรบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องไปยังชุมพร , สงขลา นอกจากนี้ ยังเพิ่มแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวเขาตะนาวศรี พัฒนาธรรมท้องถิ่น สินค้าโอทอป ไม่ใช่เน้นทางชายฝั่งทะเลเพียงด้านเดียว เพราะยังมีน้ำตก ป่าอันสมบูรณ์อีกหลายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวหลายสไตล์

Click on the image for full size

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วงเงินพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาคใต้ทั้งหมด 28 โครงการ วงเงิน 128,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทางบก วงเงิน 43,000 ล้านบาท ท่าเรือ 628 ล้านบาท สนามบิน 3,338 ล้านบาท และระบบรางวงเงิน 83,378 ล้านบาท ประกอบด้วย การสร้างรถไฟเส้นทางใหม่ ชุมพร -ระนอง เริ่มศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม EIA เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2562 จากนั้นมีแผนขยายรถไฟทางคู่ต่อจากประจวบฯ -ชุมพร ขยายไปสุราษฎร์-สงขลา และหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จากนั้นเพิ่มเส้นทางใหม่ สุราษฎร์-ท่านุ่น ระยะทาง 158 กิโลเมตร และขยายเพิ่มเส้นทาง สุราษฎร์ฯ-ดอนสัก เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังเพิ่มเส้นทางรถไฟทางคู่ พังงา-กระบี่ 314 กิโลเมตร เพื่อให้การเชื่อมต่อสินค้าภาคใต้ตอนบนและตอนล่งเชื่อมต่อทั้งสองฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน

การสร้างมอเตอร์เวย์ลงภาคใต้ นำร่องช่วงนครปฐม-ชะอำ ลงทุนแบบ PPP ในปี 2560-2564 จากนั้นจะขยายลงสู่ภาคใต้ตลอดแนวทั้งช่วงชะอำ-ชุมพร ในปี 2565-2569 เส้นทางชุมพร-สงขลา ในปี 2570-2574 และเส้นทางสงขลา-นราธิวาส ปี 2575-2579 เพื่อการเดินทางเสริมจากทางหลวงหมายเลข 4 เพชรเกษม ที่กำลังแออัดในปัจจุบัน ส่วนการพัฒนาท่าเรือน้ำลึก จากเดิมรองรับ 7,000 ตู้ เพิ่มเป็น 500,000 ตู้ต่อปี การขนส่งสินค้าผ่านไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC สะดวกมากขึ้น ส่วนทางด้านอากาศ มุ่งพัฒนา 3 สนามบิน ทั้งระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ทั้งเพิ่มความยาวรันเวย์ของสนามบินชุมพรจาก 2,300 เมตร เพิ่มเป็น 3,000 เมตร รองรับเครื่องโบอิ้ง 747 สนามบินระนอง รันเวย์จาก 2,100 เพิ่มเป็น 2,300 เมตร เพิ่มอาคารที่พักผู้โดยสารแห่งใหม่ เพราะชุมพรผู้โดยสารเพิ่มร้อยละ 30 ต่อปี สนามบินสุราษฎร์เพิ่มร้อยละ 50 เริ่มแออัดมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/08/2018 11:59 am    Post subject: Reply with quote

บิ๊กตู่ใจป้ำ! เทงบกว่า ‘สองแสนล้าน!’ พัฒนาใต้ จัดเต็มได้ทั้ง ถนน-ท่าเรือ-รถไฟ
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 21 สิงหาคม 2561 - 15:19 น.

บิ๊กตู่ ใจป้ำ! อนุมัติเทงบกว่า ‘สองแสนล้าน!’ พัฒนาภาคใต้ จัดเต็ม ได้ทั้งถนน ท่าเรือ รถไฟ

บิ๊กตู่ใจป้ำ / 21 ส.ค.2561 ที่ จ.ชุมพร นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอภาคเอกชน เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาคใต้ ครอบคลุม 4 ด้าน รวม 34 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท โดยโครงการส่วนใหญ่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเป็นหลัก โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อ 2 ฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทย และอันดามันเข้าด้วยกัน

นายวัฒนา กล่าวว่า โครงการสำคัญ เช่น โครงการท่าเรืออเนกประสงค์ เพื่อเชื่อมแลนด์บริดจ์ของท่าเรือชุมพร-ระนอง วงเงิน 5,000 ล้านบาท โครงข่ายระบบราง รถไฟทางคู่ เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ดอนสัก 11,000 ล้านบาท รถไฟทางคู่ เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ท่านุ่น 34,000 ล้านบาท และเสนอเห็นชอบหลักการโครงการรถไฟทางคู่เส้นทาง ชุมพร-ระนอง 12,000 ล้านบาท โดยเสนอขอเร่งรัดใช้งบประมาณปี 2563 ซึ่งมีการศึกษาความเป็นไปได้ และออกแบบโครงการในบางเส้นทางแล้ว

“เอกชนพอใจผลการพูดคุยกับนายกฯ ครั้งนี้มาก เพราะนายกฯ ลงรายละเอียดทุกโครงการ ไม่เหมือนเมื่อครั้งเดินทางมาประชุมครม.สัญจร รอบที่แล้วที่จังหวัดสงขลา ที่เห็นแต่ภาพรวมโครงการ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับข้อเสนอไปเร่งทำด้วยการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ และนายกฯ ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมามีหลายโครงการที่ทำแต่ไม่น่าเชื่อว่า บางโครงการยังไม่ได้ดันในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้รับทุกข้อเสนอ และจะเอาเข้าไปคุยในครม.ต่อไป ซึ่งถ้าผลักดันได้ทุกโครงการ ภาคเอกชนเชื่อว่าจะช่วยดันเศรษฐกิจภาคใต้ให้โตได้มากกว่าปีละ 1.2 ล้านล้านบาท” นายวัฒนา กล่าว

โดยเมื่อเช้านี้ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา) และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล) ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์

โดยในช่วงระหว่าง คณะรัฐมนตรี (ครม.)นายกฯ กล่าวว่า การประชุม ครม.นอกสถานที่ครั้งนี้ไม่ใช่มาเพื่อแจกเงินหรือแจกงบประมาณ แต่มาเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมโยงในกลุ่มจังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้(เอสอีซี) ทั้งการท่องเที่ยว ท่าเรือ และสนามบินให้เกิดห่วงโซ่มูลค่า สร้างรายได้ในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะและปรับแผนการทำงานให้ตรงกัน ขอให้ผู้ว่าฯ ไปศึกษารายละเอียดกติกาใหม่ของบีโอไอด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในพื้นที่มากขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/08/2018 12:23 pm    Post subject: Reply with quote

ทำความรู้จักเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)
โดย ฐานเศรษฐกิจ - 23 August 25614

มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ที่ จ.ชุมพรและระนอง มีการพิจารณาโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน … อ่าวไทย ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา และอันดามัน ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล

มีการอนุมัติ เร่งรัด และศึกษา ทั้งหมด 5 ด้าน ตามที่เอกชนเสนอ คือ 1.ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ทั้งโครงข่ายถนน โครงข่ายระบบราง โครงข่ายทางน้ำ และโครงข่ายทางอากาศ ที่มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 2.2 แสนล้านบาท อาทิ โครงการพัฒนาโครงข่ายเส้นทางเชื่อมต่อ ทั้งแนวตะวันตก-ตะวันออกและแนวเหนือ-ใต้ / เร่งรัดก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (Thailand Rivera) / พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งเพื่อพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าภาคใต้-ทุ่งสง 3 สายทาง / โครงการโครงข่ายคมนาคมทางถนนเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวและการเกษตรสองฝั่งสมุทร อ่าวไทย-อันดามัน

โครงการรถไฟทางคู่ชุมพร-สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และเส้นทางรถไฟสายใหม่ สุราษฎร์ธานี-ท่านุ่น (พังงา) ดอนสัก-สุราษฎร์ธานี และชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง

พัฒนาท่าเรือสำราญที่มีมาตรฐานในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีศักยภาพที่ อ.สมุย เร่งรัดก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 เพื่อเชื่อมแลนด์บริดของท่าเรือชุมพร-ระนอง รวมทั้งเร่งรัดการพัฒนาและปรับปรุงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา

2.ด้านการท่องเที่ยว ยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำของโลก พัฒนาศักยภาพการรักษาความปลอดภัยทางบกและทางน้ำ พัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว ปรับปรุงผิวจราจร ก่อสร่างจุดพักรถ จุดชมวิว และปรับปรุงภูมิทัศน์

3.ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย

4.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และมีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

5.ด้านการยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยเสนอให้มีการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้เป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ SEC (Southern Economic Corridor ) สู่การเป็นเมืองนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐาน Agro-Bio-Economy เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจของภาคใต้สู่การแข่งขันตลาดโลก

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) เชื่อมโยง 4 จังหวัด ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

จ.ชุมพร คือ แหล่งผลไม้และท่องเที่ยว จ.ระนอง คือ ท่าเรือสู่พม่า อินเดีย ลังกา บังคลาเทศ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช คือ พื้นที่เกษตรที่จะเป็นแหล่งผลิตและแปรรูป

SEC เป็นการเชื่อมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับทะเลอันดามัน ทำให้สินค้าแปรรูปจากภาคใต้ส่งไปยังกลุ่มประเทศบิมสเทค ( BIMSTEC) 7 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย พม่า เนปาล ศรีลังกา และไทยและเข้าไปถึงอีอีซี เเละเป็นโครงการใหญ่เคียงคู่ไทยแลนด์ ริเวียร่าจากจ.เพชรบุรีสู่ จ.ชุมพร

เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) เป็นข้อเสนอของ สศช. มีข้อมูลพื้นที่แนบในการเสนอ แม้ว่ามูลค่าสินค้าเกษตรหลักอย่างยางพาราและปาล์มจะลดลง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ มูลค่าผลิตภัณฑ์ภาคเท่ากับ 1.3 ล้านล้าน หรือร้อยละ 9.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ เศรษฐกิจขยายตัว 3.7% ที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา/ผลิตภัณฑ์ภาคต่อหัวประชากร 1.4 แสนบาท/คน/ปี (เพิ่ม 8.2 %)

มูลค่าการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย มีมากถึง 5.6 แสนล้าน หรือคิดเป็น 52.2% ของการค้าชายแดนของทั้งประเทศ ภาคบริการขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 13.2% เป็น 20.9% และภาคการท่องเที่ยวขยายตัว ในปี 60 มีมูลค่า 7.8 แสนล้านบาท

ครม. มีมติไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2561 ตามที่ สศช. เสนอ คือ

1.ศึกษาการพัฒนา SEC ชุมพร-ระนอง-สุราษฎร์ฯ-นครศรีธรรมราช กรอบระยะเวลา 8 เดือน คือ ก.ย. 2561 ถึง เม.ย. 2562

2.เกี่ยวโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ คือ โครงการ รถไฟทางคู่ นครปฐม–หัวหิน หัวหิน-ประจวบฯ ประจวบฯ-ชุมพร ที่ต้องแล้วเสร็จในปี 2565 และ โครงการรถไฟ (สายใหม่) ชุมพร–ระนอง ปี 2562 เริ่มก่อสร้าง

● ศึกษาท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (ปี 2562 แล้วเสร็จ)
● ท่าเทียบเรือแวะพัก (Port of call) (ปี 2563 แล้วเสร็จ)
● ศึกษาท่าเทียบเรือระนอง (ก.ย. 2561 – เม.ย. 2562)
● ศึกษาพัฒนาสนามบินระนอง (ก.ย. 2561 – เม.ย. 2562)
● ศึกษาเมืองระนองเป็น Smart City (ก.ย. 2561 – เม.ย. 2562)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 23/08/2018 5:58 pm    Post subject: Reply with quote

เร่งศึกษาสถานีไอซีดี สนข.เล็งหาที่แปดริ้วรองรับขนส่งสินค้ารถไฟทางคู่
ฐานเศรษฐกิจ 23 August 2018

สนข.เดินหน้าศึกษาสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ (ICD) ฉะเชิงเทรา ให้แล้วเสร็จก.พ.62 คู่ขนานรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง เชื่อม 3 ท่าเรือ ด้วยงบลงทุนรวมราว 6.8 หมื่นล้านบาท หวังเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มเป็น 4 ล้านตู้ต่อปี ส่วนการจัดหาพื้นที่ยังชั่งใจจะซื้อหรือเวนคืนที่ดิน

โครงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยง 3ท่าเรือ และระบบการจัดการขนส่งแบบบูรณาการทั้งรถไฟและท่าเรือแบบไร้รอยต่อ ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟจาก 7% เพิ่มขึ้นเป็น 30% เพื่อยกระดับประเทศให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลกและเป็นประตูสู่เอเชียทางทะเล โดยมีเป้าหมายเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟทางคู่กับ 3 ท่าเรือ และพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV และจีนตอนล่าง

Click on the image for full size

ทั้งนี้ มีแนวทางดำเนินงานในระยะเร่งด่วนได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางรถไฟช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา ระยะทาง 125 กิโลเมตร โครงการรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-สัตหีบ-มาบตาพุด ระยะทาง 75 กิโลเมตร และโครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์(ICD) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการรวบรวมและกระจายสินค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประเทศกัมพูชา ผ่านจังหวัดสระแก้ว โดยจะใช้งบการลงทุนทั้ง 3 โครงการราว 6.8 หมื่นล้านบาท

โดยในส่วนของสถานี ICD นั้น ล่าสุดได้มีการจัดรับฟังความเห็นครั้งที่ 1 ไปแล้วเพื่อนำข้อเสนอแนะไปจัดทำทีโออาร์
ตามรูปแบบรัฐร่วมการลงทุนกับเอกชนหรือพีพีพีการร่วมลงทุนโดยรัฐจะเป็นผู้ลงทุนจัดหาที่ดินและระบบสาธารณูปโภคส่วนเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการและจัดหาเครื่องมือ

Click on the image for full size

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผยว่าสถานี ICD อยู่ระหว่างเร่งศึกษาโครงการใช้งบราว 40 ล้านบาท คู่ขนานไปกับการศึกษาโครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง ที่ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายในการรับสินค้าจาก 3 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือสัตหีบ ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟให้ได้ 4 ล้านตู้ต่อปี จากปัจจุบัน 1.4 ล้านตู้ต่อปี และจะช่วยลดเวลาการขนส่งสินค้าจากรูปแบบเดิมที่ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง เหลือประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งใช้ระยะเวลาการศึกษาประมาณ 9 เดือนแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาก่อสร้างได้ในปลายปี 2562 และจะเปิดดำเนินการได้พร้อมกับรถไฟทางคู่ทั้ง 2 เส้นทาง ที่จะแล้วเสร็จอย่างช้าในปี 2565

Click on the image for full size
ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ

“สถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์(ไอซีดี)ปัจจุบันใช้บริการได้ที่ลาดกระบังแต่มีปริมาณรองรับไม่เพียงพอ เกิดความแออัดจึงต้องเร่งหาสถานที่ใหม่มารองรับ โดยพบว่าพื้นที่ฉะเชิงเทรามีความเหมาะสมมากที่สุด เกาะแนวรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย ซึ่งต้องดูว่าพื้นที่ใดมีความเหมาะสมที่จะนำไปดำเนินการ มีความคุ้มค่าด้านการลงทุนหรือไม่”

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานี ICD ราว 500-600 ไร่นั้น อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะจัดหาซื้อที่ดินเองหรือต้องเวนคืนพื้นที่ ซึ่งจะต้องรอดูผลการศึกษาอีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไร และรูปแบบไหนจะมีความเหมาะสมมากที่สุด

Click on the image for full size

โดยบริษัทที่ปรึกษาจะต้องไปศึกษารายละเอียดทั้งหมด ว่าใช้พื้นที่มากน้อยแค่ไหน ไปดูปริมาณสินค้าที่จะเข้า-ออกว่ามีมากน้อยอย่างไรในอนาคตให้สอดคล้องกับการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกตลอดจนการเติบโตของท่าเรือทั้ง 3 แห่ง พร้อมกับแนวโน้มการเติบโตของระบบรางในพื้นที่ว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการพัฒนาได้อย่างไรเบื้องต้นนั้นนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีต้องการให้ท่าเรือแหลมฉบังรองรับได้ทั้งกลุ่มประเทศ CLMV ไม่ใช่รองรับเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น

PHoTO : Laemchabang Port
……………….
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,384 วันที่ 19-21 ก.ค. 2561
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 28/08/2018 8:58 pm    Post subject: Reply with quote

บ.รถไฟจีน พบ “สมคิด” สนลงทุนไฮสปีดเทรนเชื่อม3สนามบินอีอีซี จมูกไวเล็งทางคู่เชื่อมเอสอีซี-ท่าเรือระนอง
พร็อพเพอร์ตี้
เผยแพร่: 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561 - 17:20 น.


แฟ้มภาพ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนาย Chen Fenjian ประธานบริษัท China Railway Construction เข้าพบ ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นบริษัทประกอบธุรกิจก่อสร้างรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ และถนน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นบริษัทอันดับที่ 58 จาก 500 บริษัทที่จัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน ซึ่งมีความสนใจลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) เช่น ท่าเรือระนอง เพราะเป็นท่าเรือที่จะเอื้อประโยชน์เรื่องโลจิสติกส์ ไปสู่เศรษฐกิจโลก

นายสมคิดกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสหารือกับบริษัททรัสต์โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเอกชนกับรัฐบาลมหาวิทยาลัยซินหัว ซึ่งขณะนี้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ช่วยผลิตผู้ประกอบการป้อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของจีนเป็นจำนวนมาก


“เขาจะเข้ามาประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีอี) เพื่อสร้างนวัตกรรมและผู้ประกอบการรายใหม่ให้กับประเทศไทย” นายสมคิดกล่าว

นายสมคิดกล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่าฃไทย-จีน ครั้งที่ 6 ในวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) นายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นำคณะผู้นำรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ 22 แห่ง และบริษัทธุรกิจระดับท็อบ 50 จำนวนมาก ผู้ประกอบการจีน 400 กว่าบริษัทและจะยกคณะไปเยี่ยมชมอีอีซีในวันที่ 25 สิงหาคม

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมกล่าวว่า นอกจากนี้เขายังสนใจรรถไฟทางคู่เชื่อมชุมพร-ระนอง และการพัฒนาท่าเรือ เพราะเป็นเส้นทางออกฝั่งอันดามันที่สั้นที่สุด รวมทั้งยังสนใจทางด่วนพระราม 3 ดาวคะนองซึ่งจะประกวดราคา

ต่อมานายสมคิดให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลัง นาย Li Changin ประธานคณะกรรมการบริษัท China Railway Engineering Corporation Limited เข้าพบ ว่า บริษัทอันดับที่ 56 จาก 500 บริษัทที่จัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูน โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการดีไซด์ และรถไฟโมโนเรลในประเทศจีนเกินกว่าครึ่งผลิตโดยบริษัท

“เขารู้สึกเสียดายที่เข้ามาช้าไปหน่อยเ พราะเพิ่งมาเห็นพัฒนาการของประเทศในขณะนี้ที่ก้าวไปไวมาก แต่ไม่เป็นไร มาช้าดีกว่าไม่มา ซึ่งเขาแสดงความสนใจในทุกโครงการที่มี โดยเฉพาะโครงการที่ยากที่สุด เพราะดีไซด์ยากและมีราคา” นายสมคิดกล่าว

จีนแห่ลงทุนไฮสปีด บิ๊กคค.ไขก๊อกงานไม่สะดุด
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561 22:14
วานนี้ (23 ส.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับนาย Chen Fenjian ประธานบริษัท China Railway Construction ว่า กลุ่มบริษัท China Railway Construction เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการก่อสร้างสนามบิน ท่าเรือ ถนน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและมีสาขาทั่วโลก ซึ่งในแถบอาเซียน มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มบริษัทนี้ ซึ่งมีความสนใจในการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และที่อื่นๆในประเทศไทย และสนใจที่จะเข้ามาประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ที่ประเทศไทยได้ดำเนินการออก TOR มาแล้ว และยังสนใจลงทุนในโครงการอื่นๆอีก



ทั้งนี้ ได้มีการหารือถึงการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ กับ EEC โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือระนอง ซึ่งทางกลุ่มบริษัท China Railway Construction ได้ให้ข้อมูลที่ดีต่อประเทศไทย เพราะเคยศึกษาเรื่องท่าเรืออย่างลึกซึ้งในหลายประเทศ และได้เคยไปดูงานที่ท่าเรือระนองมาแล้ว ซึ่งมองว่าท่าเรือระนองมีศักยภาพเป็นท่าเรือที่ดี และทำให้เป็นประโยชน์ต่อระบบคมนาคมขนส่งหรือโลจิสติกส์ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาศักยภาพทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่สูงมากที่จะดำเนินการสิ่งเหล่านี้ แต่หากมีการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้พร้อมกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ก็จะเกิดความเชื่อมโยงเศรษฐกิจภาคใต้สู่ประเทศอื่น รวมถึงเชื่อมไปยังพื้นที่ EEC ดังนั้นในวันนี้ถือว่ากลุ่มบริษัท China Railway Construction ให้เกียรติกับประเทศไทยเป็นอย่างดี

นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้หารือกับนักธุรกิจจีนในกลุ่มทัช โฮลดิ้ง ที่ยกทัพมาดูงานในประเทศไทย 24 – 25 ส.ค.นี้ นำโดยนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน ซึ่งนำนักธุรกิจจีนที่มีความหลายหลาย และเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ พัฒนามาจากกลุ่มสตาร์ทอัพที่อยู่ภายใต้กลุ่มทัช โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาระหว่างเอกชน และรัฐบาลจีน รวมถึงรวมมือกับมหาวิทยาลัยซินหัว ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ช่วยสร้างผู้ประกอบการในประเทศจีนให้มีคุณภาพ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีนได้เป็นจำนวนมาก โอกาสนี้กลุ่มบริษัทดังกล่าวจะร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในด้านการสร้างนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการใหม่ในประเทศไทยด้วย

จากนั้น นาย Li Changin ประธานคณะกรรมการบริษัท China Railway Engineering Corporation Limited ได้เข้าพบนายสมคิด โดยระบุว่า ทางบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบระบบรถไฟ ซึ่งรถไฟโมโนเรลในจีนเกินครึ่งการออกแบบมาจากทางบริษัท ซึ่งหลังจากนี้ทางบริษัทจะส่งตัวแทนไปหารือกับทางกระทรวงคมนาคม เพราะมีความสนใจในทุกโครงการที่ไทยดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะโครงการที่ต้องมีการออกแบบยากๆ

ส่วนกรณีปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงคมนาคม ที่ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ไม่พอใจที่ถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงคมนาคม โดยจะขอลาออกจากตำแหน่งนั้น นายสมคิดกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับการดำเนินการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ของกระทรวงคมนาคมที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งเรื่องทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เพราะการโยกย้ายเป็นไปตามความเหมาะสม โดยตนได้หารือกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม แล้ว ดังนั้น ปัญหาเรื่องงานจะไม่มีสะดุดอย่างแน่นอน

ขณะที่ นายอาคม กล่าวว่า หลังเรียกอธิบดีทั้ง 2 คน มาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ยังไม่ทราบว่าทั้ง 2 อธิบดีจะเปลี่ยนใจไม่ลาออกหรือไม่ แต่ยืนยันว่างานต่างๆ ที่รัฐบาลลงทุนก็จะเดินหน้าต่อ

อีกด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค.นี้ เตรียมต้อนรับคณะนักลงทุนจากประเทศจีนประมาณ 500 คน ซึ่งนำโดย นายหวังหย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน โดยจะสัมมนาร่วมกันในประเด็น Thailand-China Business Forum 2018 : Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะต้อนรับ ขณะเดียวกันจะนำนักลงทุนทั้งหมดลงพื้นที่ EEC เพื่อศึกษาดูงานในพื้นที่จริงก่อนการลงทุน นอกจากนี้การมาของนักลงทุนจีนถือเป็นครั้งแรก ที่ลงพื้นที่อีอีซีอย่างเป็นทางการ เชื่อว่า จะมีเงินลงทุนจากจีนจะมาลงทุนในไทยมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันทั้งหมด 17 ฉบับ แบ่งเป็นการลงนาม MOU ระหว่างไทยและเอกชนจีน 10 ฉบับ และ MOU ระหว่างรัฐบาลไทยนำโดยกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเอกชนจีนอีก 7 ฉบับ.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/08/2018 9:31 pm    Post subject: Reply with quote

หอการค้าไทย เร่งคมนาคม ผุดแผนแม่บทท่าเรือสำราญ ยกไทยศูนย์กลางท่องเที่ยวทางน้ำ
เผยแพร่: 29 ส.ค. 2561 20:32 โดย: MGR Online

หอการค้าไทยพบ”อาคม” เร่งผลักดันและขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ หนุนแผนแม่บทท่าเรือสําราญขนาดใหญ่และเส้นทางเดินเรือ(Cruise Master Plan) ยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ ชูพัฒนา”พัทยา,ภูเก็ต” นำร่อง และเร่งขยาย สนามบินเชียงใหม่และภูเก็ต ยกระดับบุรีรัมย์เป็นสนามบินนานาชาติ รองรับการเติบโต

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนเร่งรัดโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ ทางอากาศ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนมาโดยตลอด เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมแผนงานให้เหมาะสม โดยหอการค้าไทย ได้ขอให้เร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ในส่วนของเส้นทางสายใหม่ที่เชื่อมจาสายหลักกับจังหวัดสำคัญ การพัฒนาสนามบินเชียงใหม่และภูเก็ต รวมถึงสนามบินของกรมท่าอากาศยาน และการจัดทำแผนแม่บท รองรับเรือสําราญขนาดใหญ่ (Cruise) รวมถึงพัฒนาเส้นทางเดินเรือเพื่อรองรับการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งโครงการส่วนใหญ่อยู่ในแผนงานของกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยจะเร่งรัดการดำเนินงานต่อไป

ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ทั้งส่วนกลางและพื้นที่ภาคทั้ง 5 ภาค ได้หารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเร่งรัดและติดตามโครงการที่สำคัญๆ ของแต่ละพื้นที่ และข้อเสนอด้านนโยบาย โดยหอการค้าไทยได้แบ่งประเด็นในการนำเสนอ 3 กลุ่ม ดังนี้

1. ด้านนโยบาย ได้เสนอให้มีการจัดทำแผนแม่บทท่าเรือสําราญขนาดใหญ่และเส้นทางเดินเรือ หรือCruise Master Plan เพื่อยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ (Cruise Tourism) โดยกรมเจ้าท่า (จท.) เป็นผู้จัดทำแผน และมีการพิจารณาออกมาตรการทางการเงินสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี ตามที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อปี 2554 ให้มีผลในทางปฏิบัติอีกครั้ง (วงเงิน 18,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี) และความก้าวหน้าในการจัดตั้งกรมราง

2. ข้อเสนอให้เร่งรัดดำเนินการและติดตามความก้าวหน้าโครงการต่าง ๆ ทุกภูมิภาค รวมทั้งสิ้นจำนวน 35 โครงการ โดยทางบก มี 22 โครงการ ,ทางราง 8 โครงการ ได้แก่ รถไฟทางคู่ สาย เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งล่าสุดครม.ได้เห็นชอบแล้ว ,สายสุราษฏร์ธานี-พังงา-ท่านุ่น ,สุราษฏร์ธานี-ดอนสัก ,บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม รถไฟความเร็วสูง ต่อขยายจาก สนามบินอู่ตะเภา-ระยอง, การเดินรถไฟกรุงเทพ-อรัญประเทศ เป็นสปรินเตอร์ ซึ่งลดระยะเวลาจาก 4 ชม.เป็น 2 ชม. เพื่อรองรับการเดินทางที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้เร่งพัฒนา พัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) สถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ (ICD) และลานกองเก็บสินค้าคอนเทนเนอร์ (CY) ที่โคราชและขอนแก่น เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศ

ส่วนโครงการทางอากาศ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ การขยายสนามบินเชียงใหม่และภูเก็ตและการพัฒนาสนามบินแห่งที่ 2 ,สนามบินบุรีรัมย์ ยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติ ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะประกาศในเดือนต.ค.นี้ .สนามบินมุกดาหาร ,สนามบินลำปาง เพื่อช่วยลดความแออัดสนามบินเชียงใหม่อีกทาง

และ 3 .ข้อเสนอโครงการใหม่ ภาคตะวันออก เสนอให้มีการพิจารณาโครงการรถไฟความเร็วสูงส่วนต่อจากสถานีอู่ตะเภาถึงระยอง ส่วนภาคกลางเสนอให้มีการพิจารณาศึกษาและออกแบบโครงการ ได้แก่ โครงการศึกษาทางหลวงแนวใหม่ 4 ช่องจราจร แยกสาย 32 RT ต.บ้านเบิก –ทางเลี่ยงเมืองลพบุรี (หมายเลข 336) ต.โพธิ์เก้าต้น (แยกบ่อเงินปลาเผา) ระยะทาง 25 กม. และโครงการสะพานรถข้ามแยกสายเอเชีย (หมายเลข 32) ขาล่อง แยกขวาเข้าถนนพหลโยธิน (หมายเลข 1) แยกหลวงพ่อโอ บริเวณท่าน้ำอ้อย อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ เพื่อลดปัญหาการจราจรหนาแน่นและติดสัญญาณไฟจราจร

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัด รวมทั้งภาคเอกชนในพื้นที่ได้มีการนำเสนอขอรับการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นความต้องการของพื้นที่ ในเวทีการประชุม กรอ.กลุ่มจังหวัด รวมทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ซึ่งในหลายโครงการทางกระทรวงคมนาคมได้มีการรับข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาและบรรจุอยู่ในแผนดำเนินการของกระทรวงฯ

นายกลินท์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเร่งจัดทำ แผนแม่บทท่าเรือสําราญขนาดใหญ่และเส้นทางเดินเรือ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ดังกล่าวซึ่งปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวมีหลายแสนคนต่อปี ปัญหาคือเมื่อเข้ามายังท่าเรือแล้วไม่มีการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมต่อที่สะดวก ซึ่งปัจจุบัน เรือสำราญจะเข้ามาจอดที่ท่าเรือแหลมฉบัง แต่การเดินทางออกจากท่าเรือไปยังสถานีที่ท่องเที่ยว ค่อนข้างไม่สะดวก

ซึ่งท่าเรือสำราญ มีแบบเป็น Home Port คือเป็นท่าเรือแบบจุดต่อจุด ซึ่งต้องเป็นจุดที่มีสนามบินดีที่สามารถเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวได้สะดวก และแบบ Port of Call เป็นท่าเรือที่เป็นจุดผ่าน มีแหล่งท่องเที่ยวรองรับ ซึ่งรัฐจะต้องเป็นเจ้าภาพส่วนภาคเอกชนผู้ประกอบการพร้อมที่จะร่วมลงทุน โดยเห็นว่า พัทยา ที่แหลมบาลีฮาย และภูเก็ต จะเป็นโครงการนำร่องที่เหมาะสม

เช่น หากมีเรือท่อเที่ยวเที่ยว จากสิงคโปร์ มาประเทศไทย ควรจัดท่าเรือให้เรือแวะได้ ในระยะ 200-300 ไมล์ทะเล เช่น จากสิงคโปร์มายัง สงขลา – สมุย- หัวหิน-พัทยา- เกาะช้าง –กัมพูชา-เวียดนาม ส่วนฝั่งอันดามัน จากสิงคโปร์ –ภูเก็ต –ระนอง เป็นต้น จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยงของไทย ผ่านการเดินท่องเที่ยวทางน้ำ (Cruise Tourism)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 30/08/2018 10:08 am    Post subject: Reply with quote

รถไฟทางคู่ เส้นทางชุมพร-ระนอง ส่งเสริมการเดินทางเชื่อม 2 ฝั่งทะเล


เกาะติดเมกะโปรเจ็กต์: เซกชั่น เศรษฐกิจมหภาค
ออนไลน์เมื่อ 28 สิงหาคม 2561
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
หน้า 12 ฉบับ 3395 ระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม 2561



ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจรในภาคใต้ช่วงวันที่ 20-21 สิงหาคมนี้โครงการรถไฟทางคู่เส้นทางชุมพร-ระนอง ได้รับการยกระดับความสำคัญให้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับการบรรจุไว้ในแผนดำเนินการด้านการพัฒนาระบบรางในโซนพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งรถไฟทางคู่เส้นทางนี้ปัจจุบันสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นแล้วเสร็จ จะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่จะช่วยส่งเสริมการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างฐานการผลิตในโซนพื้นที่ภาคใต้ของไทยออกไปสู่ประตูการค้าของประเทศที่เกิดจากการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่าง 2 ฝั่งทะเล คือฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยในรูปแบบการเดินทางด้วยรถไฟ

รถไฟทางคู่เส้นทางชุมพร-ระนองมีระยะทางรวม 109 กิโลเมตร จำนวน 9 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 4 อำเภอ 15 ตำบล โดยตามแนวเส้นทางจะมีทั้งทางยกระดับและทางลอดอุโมงค์ โดยมีจุดก่อสร้างอุโมงค์จำนวนมากถึง แห่ง ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร อุโมงค์ระยะสั้นที่สุดมีความยาว 370 เมตร ส่วนอุโมงค์ที่ยาวที่สุดมีความยาว 1,815 เมตร ใช้ความเร็ว 80-160 กม./ชม. วงเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท

โดยตามผลการศึกษาของสนข.ได้มีการประเมินราคาเบื้องต้น และความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงิน จะมีการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างทางรถไฟและสถานีคิดเป็นพื้นที่รวม 3,840 ไร่ โดยพบว่ารวมราคาประมาณการเวนคืนที่ดิน 1,033 ล้านบาท สิ่งปลูกสร้าง 254 อาคาร รวมใช้งบเวนคืนทั้งสิ้น 1,640 ล้านบาท มูลค่าการก่อสร้างงานโยธากว่า 2.9 หมื่นล้านบาท งบลงทุนในระหว่างเปิดให้บริการ 1.6 หมื่นล้านบาท รวมเป็นงบประมาณการลงทุนทั้งสิ้นกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท

พบว่ามีผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์(EIRR) 8.55% อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน B/C Ratio 0.68 ผลการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางด้านการเงิน ที่มีผลตอบแทนทางด้านการเงิน(FIRR) 2.01% อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน B/C Ratio 0.39

ทั้งนี้สนข.ได้เริ่มกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยการจัดปฐมนิเทศโครงการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 การประชุมสัมมนารับฟังความเห็น (Focus Group) ช่วงเดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม 2560 การนำเสนอผลการศึกษาและรายงานฉบับสุดท้ายไปเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา

จุดเด่นของรถไฟทางคู่เส้นทางนี้ในด้านวิศวกรรมจะมีการออกแบบสถาปัตยกรรมของอาคารสถานีให้เป็นจุดสังเกตใหม่ในพื้นที่โดยนำสถาปัตยกรรมท้องถิ่นมาร่วมออกแบบเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและให้เป็นตามหลักมาตรฐานสากล รวมทั้งการจัดระบบการจราจรโดยรอบสถานี การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โดยหลังจากครม.สัญจรรับทราบตามผลการศึกษาเรียบร้อยแล้วคงต้องตามลุ้นกันต่อไปว่ารถไฟทางคู่เส้นทางนี้จะได้รับการผลักดันให้เข้าสู่กระบวนการนำเสนอครม.เห็นชอบให้เปิดประมูลก่อสร้างในปีไหนเพื่อให้เกิดผลต่อการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของโซนพื้นที่ภาคใต้กันต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44325
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 12/09/2018 5:05 am    Post subject: Reply with quote

ทางรถไฟอ่าวไทย-อันดามัน หนุนระนองฮับขนส่งกลุ่มเอเชียใต้
ฐานเศรษฐกิจ 11 September 2018
สัมภาษณ์

การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 6/2561 (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 ที่ประชุมได้รับฟังข้อเสนอแนะของภาคเอกชน สภาเกษตรกร ในเรื่องที่ต้องดำเนินการเกี่ยวกับศักยภาพของ 11 จังหวัดภาคใต้ ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก เรื่องหนึ่งที่มีการเสนอและผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง คือ การก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากชุมพรมายังท่าเรือนํ้าลึกจังหวัดระนอง เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งระหว่างฝั่งอ่าวไทยกับอันดามัน นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง แกนนำภาคเอกชนในพื้นที่ที่ผลักดันเรื่องนี้ ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงประโยชน์จากโครงการนี้

เอกชนหนุนทำรถไฟชุมพร-ระนอง

จากการที่คณะรัฐมนตรี เห็นชอบในการให้ดำเนินการศึกษาเพื่อก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากชุมพรมายังท่าเรือนํ้าลึก จังหวัดระนอง เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งระหว่างฝั่งอ่าวไทยกับอันดามัน ย่นระยะการขนส่งสินค้าสู่ 2 ฝั่งมหาสมุทรนั้น ทางภาคเอกชนจังหวัดระนองสนับสนุนอย่างเต็มที่ในดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากจังหวัดชุมพรมายังท่าเรือระนอง ซึ่งจะเป็นระบบรางสำคัญในการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบการขนส่งทางเรือจากอ่าวไทยมายังอันดามันที่พยายามมีการผลักดันมานาน

Click on the image for full size
http://media.thansettakij.com/2018/09/MP21-3399-A.jpg

ที่ผ่านมาทางภาคเอกชนจังหวัดระนองกำลังหาช่องทางที่จะผลักดันท่าเรือระนองให้เป็นท่าเรือสำคัญ ในการรองรับแผนการพัฒนาเส้นทางการค้าจากโฮจิมินห์-กัมพูชา-กรุงเทพฯ-เชนไน ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจการค้าเส้นทางใหม่อีกเส้นทางหนึ่ง เกิดขึ้นจากโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มนํ้าโขงกับญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างประเทศของญี่ปุ่นที่ต้องการให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชีย ด้วยวิธีการกระตุ้นด้านความต้องการ (Demand Side) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค

“ที่ผ่านมาทราบว่าทางญี่ปุ่นได้ว่าจ้างบริษัท MITSUI ให้ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง Study on Development of Andaman Sea Gate Port In Kingdom Thailand ภายใต้โครงการ Study on Private-Initiative Infrastructure project in Developing Counties ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากเจโทร(JETRO) เพื่อทำการศึกษาบนพื้นฐานของโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ ซึ่งผลการศึกษาสรุปได้ว่า ให้ขยายขีดความสามารถท่าเรือระนอง เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากท่าเรือดังกล่าวในการขนส่งสินค้าไปเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย เพราะว่าในอนาคตเส้นทางการเดินเรือจะเปลี่ยนไป หากมีการขยายช่องแคบปานามาให้สามารถรองรับเรือคอนเทนเนอร์ขนาด 12,000 TEU ซึ่งคาดว่าหากแล้วเสร็จ จะส่งผลให้รูปแบบการขนส่งสินค้าทางทะเลจากตะวันออกไกลไปยังอเมริกาฝั่งตะวันออกเปลี่ยนไป โดยการขนส่งสินค้าไปยังยุโรปผ่านประเทศสิงคโปร์จะน้อยลง และสิงคโปร์จะสูญเสียบทบาทความเป็นฮับ โดยฮับจะย้ายไปอยู่ในเอเชียใต้แทน”

ท่าเรือระนองฮับเอเชียใต้

นายนิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสรุปจากบริษัท MITSUI ที่ได้สำรวจท่าเรือระนอง, กระบี่, เมาะละแหม่ง และทวาย พบว่าท่าเรือระนองมีต้นทุนตํ่าที่สุด สามารถรองรับเรือขนาด 12,000 ตัน ที่นํ้าลึก 8 เมตร แต่ไม่สามารถรองรับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ได้ และเห็นว่าท่าเรือระนองของไทยจะมีบทบาทเป็นฮับเล็กๆ
หรือท่าเรือฟรีดอม (Freedom) ส่งสินค้าไปเอเชียใต้ ซึ่งเป็นฮับใหญ่

“แม้ว่าจากผลการศึกษาจะพบข้อเสีย คือ เส้นทางเชื่อมระนอง-ชุมพร มีความคดเคี้ยวทำให้การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่มีขนาดยาวทำได้ลำบาก แต่หากทุกฝ่ายเข้ามาดำเนินการพัฒนาอย่างจริงจัง ปัญหาดังกล่าวน่าจะแก้ไขได้ โดยเฉพาะหากมีการเกิดขึ้นจริงของระบบราง ซึ่งที่ผ่านมาทางหอการค้า และภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดได้พยายามผลักดันเรื่องนี้ผ่านผู้แทนหอการค้าไทย ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนกรมทางหลวง รวมถึงผู้แทนกรมการค้าฯ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นด้วย โดยเฉพาะประเด็นการพัฒนาท่าเรือระนอง เพื่อเป็นช่องทางการขนส่งสินค้าไปยังอินเดีย ซึ่งทางภาคเอกชนจังหวัดระนองทุกภาคส่วนจะร่วมเดินหน้าผลักดันเรื่องนี้ต่อไป”

ระนองมีทำเลที่ตั้งเป็นประตูสู่ทะเลอันดามัน และมหา สมุทรอินเดีย สามารถใช้เป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างทะเลฝั่งตะวันตก (อันดามัน) กับทะเลฝั่งตะวันออก (อ่าวไทย) เพราะมีระยะถึงกันสั้นที่สุด จึงเหมาะแก่การขนถ่ายสินค้าระหว่าง 2 ฝั่ง และขนถ่ายไปยังประเทศริมฝั่งทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย

นอกจากนี้ท่าเรือระนอง ถือเป็นจุดใกล้ที่สุดในการขนส่งสินค้าจากภาคกลางไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC โดยไม่ต้องอ้อมแหลมมลายูผ่านช่องแคบมะละกา ช่วยร่นระยะเวลา-ระยะทางในการเดินเรือสินค้าไปยังประเทศในแถบฝั่งอันดามันหรือมหาสมุทรอินเดียลงประมาณ 3 เท่าตัว

ศักยภาพในการรองรับสินค้าของท่าเรือระนอง ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดีสำหรับการเชื่อมโยงระบบการค้ากับประเทศในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป ปัจจุบันท่าเรือระนองสามารถรองรับเรือสินค้าขนาดไม่เกิน 12,000 เดตเวตตัน มีเครื่องมือทุ่นแรงที่สำคัญคือ ปั้นจั่นหน้าท่าล้อยางขับเคลื่อนด้วยตนเอง (Mobile Harbour Crane) นํ้าหนักยกไม่น้อยกว่า 63 เมตริกตัน 1 คัน ปั้นจั่นขนาด 50 ตัน 1 คัน รถยกตู้สินค้าหนัก 40 ตัน จำนวน 1 คัน รถยกตู้สินค้าเปล่า 7 ตัน จำนวน 1 คัน รถยกขนาด 10 ตัน 1 คัน ขนาด 3.5 ตัน 2 คัน และขนาด 2.5 ตัน 2 คัน รถยนต์หัวลากจำนวน 4 คัน และหางลากพ่วงตู้สินค้า 4 คัน

ที่ผ่านมา ท่าเรือระนองได้ปรับกลยุทธ์เพิ่มบทบาทกิจกรรมการให้บริการเรือ ซึ่งเป็นกิจกรรมการรับมอบ เก็บรักษา ส่งมอบ วัสดุ อุปกรณ์สำรวจและขุดเจาะ ท่อก๊าซ นํ้ามันดีเซล นํ้าจืด ปูนซีเมนต์ผง เวชภัณฑ์ อาหาร ฯลฯ เนื่องจากรัฐบาลเมียนมาได้ให้สัมปทานบริษัทข้ามชาติเข้าไปขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวเมาะตะมะ

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,399 วันที่ 9-12 กันยายน 2561
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 17/09/2018 10:51 am    Post subject: Reply with quote

เปิดใช้ที่ดิน 'อีอีซี' 1.3 แสนไร่! ทางคู่เวนคืน 40 เมตร ระยะ 300 กม. - ไฮสปีดแจ๊กพ็อต 857 ไร่
ออนไลน์เมื่อ 14 กันยายน 2561
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,400
วันที่ 13-15 กันยายน 2561 หน้า 11

สกพอ. เปิดแผนการใช้ประโยชน์ในที่ดินอีอีซี 1.36 แสนไร่ มอบให้กรมโยธาฯ ไปเร่งจัดทำผังเมืองรวมให้เสร็จภายใน 6 เดือน รับการลงทุนในช่วงต้นปีหน้า เผย มีที่ดินแนวรถไฟความเร็วสูงต้องเวนคืนที่ดิน 857 ไร่ และก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ต้องเวนคืนที่ดิน 40 เมตร ตลอดระยะทาง 300 กิโลเมตร

แผนการใช้ประโยชน์ในที่ดินในภาพรวมได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) แล้ว เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา และได้มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองฯ ร่วมกับ สกพอ. เร่งจัดทำผังเมืองให้เสร็จภายใน 1 ปี

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ กพอ. ยืนยันว่า การจัดทำผังเมืองรวมน่าจะเสร็จต้นปี 2562


แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมของการใช้ประโยชน์ในที่ดิน สำหรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่นำไปสู่การจัดทำผังเมืองรวม 3 จังหวัด และก่อให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ จะมีการใช้พื้นที่รวมอยู่ราว 1.36 แสนไร่ ซึ่งยังไม่รวมพื้นที่การเวนคืนที่ดินในโครงการต่าง ๆ โดยการใช้ประโยชน์ที่ดินในช่วง 5 ปีแรก (ปี 2560-2564) จะประกอบด้วย เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 4 เขต ได้แก่

1.เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ พื้นที่ 3,302 ไร่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ,

2.เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หรือ อีอีซีดี พื้นที่ 829 ไร่ บริเวณ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ,

3.เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก พื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง

4.เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พื้นที่ 7,853 ไร่ ตลอดแนวเส้นทางระยะทาง 220 กิโลเมตร และอาจจะต้องเวนคืนที่ดินบางส่วนบริเวณสถานีพญาไท ฉะเชิงเทรา ลาดกระบัง ศรีราชา และอู่ตะเภา ประมาณ 857 ไร่

นอกจากนี้ ยังมีเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ 21 เขต เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ครอบคลุมพื้นที่ 86,775 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเอกชนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จากการประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ พบว่า ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จะมีความต้องการใช้พื้นที่รองรับการลงทุนอีกราว 2 หมื่นไร่ ซึ่งจะต้องพิจารณาประกาศเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะที่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะดำเนินการถมทะเลราว 1,600 ไร่ และในอนาคตจะมีการขยายเขตท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 4 เพิ่มอีก เพื่อรองรับสินค้าจากภูมิภาค CLMV ส่วนท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 จะใช้พื้นที่ถมทะเล 1 พันไร่


นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของการพัฒนารถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ โดยในส่วนการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ช่วงศรีราชา-ระยอง และระยอง-มาบตาพุด , ช่วงระยอง-จันทบุรี-ตราด , ช่วงคลองสิบเก้า-อรัญประเทศ , ช่วงท่าแฉลบ-พานทอง ระยะทาง 300 กิโลเมตร จะใช้ที่ดินเวนคืนใหม่ในเขตทางประมาณ 40 เมตร

ขณะที่ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทในพื้นที่อีอีซี ที่จะมีการก่อสร้างทางหลวงใหม่ เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี-นครราชสีมา ต้องอาศัยเขตทางใหม่ โดยจะมีการเวนคืนที่ดินใช้เขตทางกว่า 100 เมตร

รวมทั้งการพัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่ โดยจะใช้พื้นที่ราว 1.55 หมื่นไร่

อีกทั้งในส่วนของการพัฒนารองรับศูนย์กลางโลจิสติกส์แนวทางรถไฟสายแก่งคอย-คลองสิบเก้า-ฉะเชิงเทรา และฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง อีกราว 1,500 ไร่





__________________
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 96, 97, 98 ... 121, 122, 123  Next
Page 97 of 123

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©