RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311280
ทั่วไป:13262923
ทั้งหมด:13574203
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 83, 84, 85 ... 148, 149, 150  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44518
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 20/07/2020 12:20 pm    Post subject: Reply with quote

คอลัมน์ Lineทาง
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

นายสปีดtransport@dailynews.co.th

ในที่สุดพลังทัวร์ (ลง) ก็ชนะเมื่อ รมว.คมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ กลับลำว่าจะเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) ก่อนปี 66 หลังจากยืนยันเสียงแข็งว่าเลื่อนเปิดบริการจากปี 64 เป็นปี 66

ทั้งคลิปภาพคลิป เสียงให้สัมภาษณ์ของท่านรัฐมนตรีชัดแจ๋ว!! ว่าเปิดบริการปี 66 ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเปิดปี 65 ได้หรือไม่ ยังเสียงเขียวบอกไม่ทัน มาวันนี้ตีมึน?? บอกไม่รู้ใคร? พูดว่าเลื่อน เปิดบริการปี 66 นั่นแน่ะ!! นักการเมืองก็แบบเนียะ!! พอทัวร์ลงก็ชอบพลิกลิ้นนะ ค้า

ขอทำความเข้าใจในฐานะที่ข่าวนวัตกรรมขนส่ง เดลินิวส์ เปิดประเด็นเรื่องนี้ ว่าจากการฟังสุ้มเสียงประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้านให้เอกชนเดินรถ เพราะเข้าใจเหตุผลและนโยบายของนักการเมืองและผู้บริหาร การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่จะ เลือกแนวทางที่เหมาะสมและดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ก็คาดหวังความโปร่งใสในการคัดเลือก และยังประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด

แต่ช่วงรอยต่อที่ต้องรอกระบวนการ PPP เมื่อการก่อสร้างเสร็จ ควรทยอยเปิดบริการเป็นช่วง ๆ แบบรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ได้หรือไม่?? เพราะประชาชนรอคอยใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้มานานแสนนาน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทนรถติดย่านรังสิต อย่าให้ประชาชนเสียโอกาสอีกเลย

ข้อมูลจาก รฟท.ก็ยืนยันว่า ภาพรวมการก่อสร้างโครงการและสถานีกลางบางซื่อ มีความคืบหน้า 99% โดยสัญญาที่ 1 งานโยธาสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง คืบหน้าประมาณ 99% สัญญาที่ 2 งานโยธาทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต เสร็จ 100% และสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน คืบหน้ากว่า 80 %

ขณะนี้ขบวนรถจากประเทศญี่ปุ่นเดินทางถึงไทยอย่างต่อเนื่อง รับขบวนรถแล้ว 13 ขบวน จากทั้งหมด 25 ขบวน ประกอบด้วย 6 ตู้ 7 ขบวน และ 4 ตู้ 6 ขบวน ปลายเดือน ก.ค.นี้ จะมาเพิ่มอีก 2 ขบวน ประกอบด้วย 6 ตู้ 1 ขบวน และ 4 ตู้ 1 ขบวน ส่วนที่เหลือคาดว่าจะเดินทางมาครบทั้งหมดภายในปีนี้ ระหว่างรอเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการ จะทดสอบเดินรถต่อเนื่องจนกว่าจะเปิดให้บริการ รวมทั้งเตรียมฝึกอบรมบุคลากรให้พร้อมกับการเปิดเดินรถด้วย

เวลานี้เอกชนได้ติดตั้งงานระบบไฟฟ้าบริเวณราง และสถานีเกือบครบทั้งหมดตลอดเส้นทางจากตลิ่งชันรังสิตแล้ว โดยในส่วนของสายสีแดง (ตะวันตก) ช่วง ตลิ่งชัน-บางซื่อ ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จมากว่า 10 ปีก่อนติดตั้งงานระบบไฟฟ้า ต้องตั้งงบประมาณในการซ่อมแซมปรับปรุง เนื่องจากบางพื้นที่เริ่มชำรุดสึกหรอ และบางส่วนปลวกกัดกินแล้ว คาดว่าในเดือน ก.ค.นี้ จะเริ่มทดสอบเดินรถในฝั่งตะวันตกได้

ส่วน นายนิรุต มณีพันธ์ ผู้ว่าการ รฟท. ก็ให้เหตุผลสนับสนุนว่า บอร์ด รฟท. มีมติเห็นชอบ PPP เพราะผลการศึกษาระบุชัดเจนว่า การ PPP จะเกิด ประโยชน์และเป็นผลดีต่อทั้งประชาชน, รฟท. และประเทศชาติโดยรวม อาทิ รฟท. ไม่ต้องแบกหนี้สิน 9 หมื่นล้าน และลด ความเสี่ยงในการบริหารการเดินรถด้วย

เมื่อการก่อสร้าง รวมถึงวางระบบต่าง ๆ แล้วเสร็จ และพร้อมที่จะเดินรถ ก็ต้องเปิดเดินรถทันที โดยจะให้บริษัทลูก ของ รฟท. เดินรถไปก่อน คู่ขนานกับขั้นตอนการทำ PPP หาเอกชนมาเดินรถ......ชัดยิ่งกว่าชัดพร้อมเดินรถก่อนไม่ต้องรอไปอีก 3 ปี ให้รถไฟฟ้าพัง!! ปลวกขึ้นสถานีรอบ 2, 3, 4++ นะคร้าบบบ.......ด้วยความเคารพ........
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42708
Location: NECTEC

PostPosted: 20/07/2020 1:01 pm    Post subject: Reply with quote

กางไทม์ไลน์สายสีแดง เปิดทดลองฟรี มิ.ย. 64 - “ศักดิ์สยาม” เรียกถกเคาะ PPP
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 07:49



เปิดไทม์ไลน์รถไฟสีแดง งานระบบเสร็จพร้อมวิ่งทดสอบต้นปี 64 และเปิด ปชช.ใช้ฟรี มิ.ย. มั่นใจเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ได้ 31 ต.ค. 64 “ศักดิ์สยาม” เรียกถกผลศึกษา PPP และแก้ปมก่อสร้างล่าช้า ลั่นระบบพร้อมและปลอดภัยให้เปิดแน่นอน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ว่าขณะนี้มีปัญหาก่อสร้างล่าช้าและผู้รับจ้างขอขยายเวลาสัญญาที่ 3 (งานระบบอาณัติสัญญาณ) 512 วัน โดยเห็นชอบไปแล้ว 87 วัน ที่เหลืออยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งตามแผนเดิมจะมีการเปิดเดินรถสายสีแดงในเดือน ม.ค. 2564 หากต่อเวลาให้ตามที่ผู้รับจ้างขอจะเสร็จในปี 2565 ไม่ใช่ปี 2566 ตามที่มีข่าวออกไป และเชื่อว่าจะยังปรับแผนก่อสร้างให้เร็วขึ้นได้อีก

“ผมไม่ได้พูดเรื่องสายสีแดงจะเปิดเดินรถปี 66 จากที่มีนักข่าวมาถามผมก็บอกว่า หากให้ขยายเวลาก่อสร้างเต็มที่ตามที่เอกชนขอ 512 วัน ก็ให้บวกเวลาต่อไปจาก ม.ค. 64 แต่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเขียนข่าวว่าเปิดปี 66 แต่ไม่เป็นไร ผมยินดีรับก้อนหินทุกก้อนที่ปาเข้ามา” นายศักดิ์สยามกล่าว

โดยในสัปดาห์นี้จะประชุมร่วมกับกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อดูรายละเอียดของปัญหา รวมถึงเรื่องโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลมีภาระที่ต้องใช้งบประมาณในการแก้ปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมีเพดานหนี้สาธารณะที่ไม่เกิน 60% ของ GDP ตอนนี้อยู่ที่ 58% แล้ว ดังนั้นต้องหาวิธีคิดอื่นในการบริหารสายสีแดงที่ไม่เป็นภาระงบประมาณ เป็นที่มาการปรับรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP)

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะใช้รูปแบบไหน ประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด ค่าโดยสารต้องต่ำ รัฐต้องไม่เสียเปรียบ และเอกชนต้องทำโครงการได้ โดยขณะนี้ ร.ฟ.ท.ได้สรุปผลการศึกษาแล้วกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาข้อมูลของ ร.ฟ.ท.ก่อน จากนั้นจะเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และคณะกรรมการ PPP

ส่วนจะเปิดเดินรถได้เมื่อใด ต้องพิจารณาว่าระบบมีความปลอดภัยหรือไม่ ศูนย์ควบคุมการเดินรถพร้อมหรือไม่ มีประสิทธิภาพในการดำเนินการหรือไม่ การเดินรถต้องคุ้มค่าหากไม่มีเอกชนมาวิ่งจะให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด มาเดินรถตามมติ คนร. หากขาดทุนต้องใช้งบประมาณเข้าไปช่วงอุดหนุนอีก จึงต้องพิจารณาทุกประเด็น ยืนยันว่าหากแนวทางไหนทำแล้วเกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศจะทำแน่นอน

“หากพิจารณามั่นใจว่าปลอดภัย ประชาชนสะดวกต้องเปิดแน่นอน ผมโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่เปิดก็ว่าชะลอ เปิดไปแล้วไม่คุ้มขาดทุนก็ว่าเอาอะไรคิด จึงต้องหาจุดที่เหมาะสมที่สุด”

ส่วนที่บอกว่าสายสีแดงก่อสร้างจะเสร็จแล้ว ต้องถามว่าเสร็จจริงแล้วหรือไม่ เส้นทางจากบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ยังต้องวางระบบอาณัติสัญญาณควบคุมเดินรถอีก นอกจากนี้ ยังมีเนื้องานเพิ่มวงเงิน 10,345 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินไจก้าไม่ได้ ดังนั้น ร.ฟ.ท.ต้องตรวจสอบปริมาณงานที่ขอเพิ่มจำเป็นต้องทำหรือไม่ และจะใช้เงินจากไหน

เปิดไทม์ไลน์รถไฟ พร้อมวิ่งทดสอบต้นปี 64 - มิ.ย.เปิด ปชช.ใช้ฟรี



รายงานข่าวแจ้งว่า ร.ฟ.ท.ได้ทำไทม์ไลน์ พบว่า จะพร้อมเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดง 30 พ.ย. 64 หรือช้ากว่าแผนเดิม 10 เดือน โดยขณะนี้รถไฟ 2 ขบวน และจะรับมอบครบ 25 ขบวนปลายปี 63 ขณะที่ศูนย์ควบคุมเดินรถเสร็จแล้ว การติดตั้งระบบไฟฟ้าเสร็จ ม.ค. 64 จะเริ่มทดสอบระบบการเดินรถ (Trial Run) ไปถึงเดือน พ.ค. 64 และตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64 จะเป็นการทดสอบการเดินรถโดยให้ประชาชนร่วมใช้ฟรี (Soft Opening) 5-6 เดือน กำหนดเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการ 31 ต.ค. 64

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้าง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 63 สัญญา 1 (สถานีกลางบางซื่อ) อยู่ที่ 99.8% (ล่าช้า 0.2%) มีกลุ่มกิจการร่วมค้า SU (บมจ.ซิโน-ไทย และ บมจ.ยูนิค) เป็นผู้รับจ้าง ขอขยายเวลา 1,177 วัน อนุมัติแล้ว ขยายสัญญาจะสิ้นสุดจาก 10 ก.พ. 60 เป็น 2 พ.ค. 63

สัญญา 2 (งานทางวิ่งและงานสถานี 8 แห่ง วางเสร็จ 100% แล้ว มี บมจ.อิตาเลียนไทย เป็นผู้รับจ้าง

สัญญา 3 (งานระบบอาณัติสัญญาณ) คืบหน้า 83.72% โดยมี 2 ส่วน คือ 3A ช่วงบางซื่อ-รังสิต คืบหน้า 85.12% ส่วน 3B ช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน คืบหน้า 76.82% กลุ่ม MHSC (มิตซูบิชิ-ฮิตาชิ-สุมิโตโม) จากญี่ปุ่นเป็นผู้รับจ้าง สัญญาสิ้นสุด 6 มิ.ย. 63 ขอขยาย 512 วัน ไปสิ้นสุด 31 ต.ค. 64
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44518
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/07/2020 7:36 am    Post subject: Reply with quote

ดันรถไฟฟ้าสายสีแดงเสร็จปี 2565
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 23 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และ ตลิ่งชัน-บางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น กับโครงการ โดยยืนยันว่าโครงการดังกล่าว จำเป็นต้องใช้แนวทางรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน (PPP) ในการเดินรถเพื่อลดภาระงบประมาณและการก่อหนี้สาธารณะลง ขณะที่กำหนดการเปิดให้บริการ จากไทม์ไลน์ของ ขร. ยังมั่นใจว่าโครงการจะแล้วเสร็จทดลองเปิดให้บริการได้ในปลายปีหน้า ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการ ปี 2565

"จากนี้ไปผมจะขับเคลื่อนการลงทุนระบบรางอย่างเต็มที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและใช้ระบบรางเพื่อลดค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน ซึ่งความคืบหน้า ล่าสุดพบว่า โครงการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนรถไฟฟ้า ภายในเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง 8 โครงการ ระยะทางรวม 167.74 กิโลเมตร (กม.) ประกอบด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งช่วงบางซื่อ-รังสิต 26.3 กิโลเมตร และสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน 15.16 กิโลเมตร ทั้ง 2 โครงการเปิดให้บริการปลายปีหน้า"

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงวัดพระศรีมหาธาตุ-คูคต 9.50 กม. กำหนดการเปิดให้บริการในปีนี้, รถไฟฟ้าสายสีทองช่วงกรุงธนบุรี-คลองสาน 1.88 กม. เปิดให้บริการในปีนี้, รถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี 37.50 กิโลเมตร, รถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง 33 กิโลเมตร ทั้ง 2 โครงการเปิดให้บริการในปี 2565, รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมมีนบุรี 22.50 กิโลเมตร เปิดให้บริการปี 2570 และในอนาคตพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑลจะมีรถไฟฟ้ารวม 14 สายทาง ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2572 ระยะทางรวม 559 กม ประกอบด้วย 367 สถานีครอบคลุมพื้นที่ 1,600 ตารางกิโลเมตร.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42708
Location: NECTEC

PostPosted: 21/07/2020 10:00 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ดันรถไฟฟ้าสายสีแดงเสร็จปี 2565
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563


ลิงก์อยู่นี่ครับ
"ศักดิ์สยาม" ดันรถไฟฟ้าสายสีแดงเสร็จปี 2565
ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 07:25 น.
https://www.thairath.co.th/news/business/1893887
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44518
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 21/07/2020 10:12 am    Post subject: Reply with quote

กวนน้ำให้ใส
สารส้ม
แนวหน้า วันอังคาร ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
ใครคือ ไอ้เข้ขวางคลอง(ราง)? ใครทำรถไฟฟ้าสายสีแดง เปิดช้า?
Arrow https://www.naewna.com/politic/columnist/44706
โครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต มีอันจะต้องเลื่อนกำหนดเปิดให้บริการออกไปจากเดิม

ข่าวรายงานว่า จากปี 2564 เป็น 2566

สืบเนื่องจากนโยบายที่เปลี่ยนไปของกระทรวงคมนาคม!!!

1. เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ต่อกรณีที่มีข่าวเลื่อนการเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีแดง จากกำหนดเดิมต้นปี’64 เป็นปี’66 ว่า ขอยืนยันตามนั้น โดยอ้างเหตุว่า จะต้องเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการลงทุนแบบพีพีพี net cost ทั้งก่อสร้างส่วนที่เหลือ การบริหารและเดินรถรวมทั้งบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างไตรมาส 3 ปี’64 หรือเร็วสุดไตรมาส 2 ปี’64

“เบื้องต้นยังประเมินว่าจะเปิดบริการได้ในปี’66 แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด ส่วนเวลาที่ชัดเจนต้องดูว่าทั้งโครงการเสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยัง โดยเฉพาะสถานีกลางบางซื่อหากยังก่อสร้างไม่เสร็จหรืออยู่ระหว่างก่อสร้าง รถก็ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เพราะเสี่ยงต่อความปลอดภัยที่อาจมีสิ่งของตกใส่ผู้โดยสารจนเกิดอันตรายได้ จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยที่สุด... วันนี้เราต้องอยู่บนความจริง หากบริหารโดยไม่อยู่บนความจริงแล้วสุดท้ายพบเสียหายจะทำอย่างไร การเปิดพีพีพีไม่ได้เอื้อเอกชนรายใดรายหนึ่ง เพราะเวลาเปิดประมูลต้องสู้กันไม่ได้มีรายเดียว เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ก็เปิดประมูลก่อสร้างพร้อมบริหารเช่นกัน” นายศักดิ์สยามกล่าว

เมื่อนักข่าวถามว่า นานเกินไปหรือไม่ โครงสร้างจะเสียหาย รถซื้อมาจอดรอแล้ว จะเสื่อมหรือไม่

รัฐมนตรีคมนาคมบอกว่า รถที่เข้ามามีวิธีดูแลรักษา และทดลองวิ่งแล้ว ไม่ได้มาจอดนิ่งๆ เหมือนยานยนต์ประเภทอื่นที่มีกระบวนการดูแลรักษาอยู่แล้ว ไม่ใช่จอดทิ้งจนปลูกสาระแหน่ได้

2. หลังจากนั้น ปรากฏว่า ประชาชนแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน

ส่วนใหญ่มองว่า งานก่อสร้างมั้งหมดเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว ขบวนรถก็ซื้อมาแล้ว แถมเริ่มทดสอบวิ่งบนรางให้เห็นไปแล้วด้วย แต่จะมาเลื่อนเพราะนโยบายเปลี่ยนไปให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน



สงสัยกันว่า งานนี้ ใครมีเจตนาเอื้อประโยชน์ใคร หรือไม่?

ประชาชนบางส่วนไม่ไว้วางใจ ถึงขนาดเสนอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม!!!

3. ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายศักดิ์สยามให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการเลื่อนเปิดรถไฟฟ้าสายสีแดง

คราวนี้ ยืนยันว่า จะเปิดบริการประชาชนได้ก่อนปี’66 แน่นอน!!!

รัฐมนตรีคมนาคม บอกว่า ขณะนี้งานโยธาเสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว เดิมจะเปิดให้บริการได้ในปี’64 แต่เนื่องจากผู้รับจ้างขอยื่นขยายสัญญาการก่อสร้างออกไปอีกเป็น 1,122 วัน จึงทำงานล่าช้าออกไป สัปดาห์นี้จะมีการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง(ขร.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปว่าจะให้ขยายสัญญาหรือไม่ แต่
เบื้องต้นได้รับรายงานว่า จากการดูกรอบเวลาการขยายสัญญาแล้ว น่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ก่อนปี’66

“..ส่วนการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) จะทำให้โครงการรถไฟสีแดงไม่เป็นหนี้ และรูปแบบนี้ประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ค่าโดยสารก็ต้องต่ำที่สุด รัฐต้องไม่เสียเปรียบ แต่เอกชนก็ต้องเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่อง PPPนั้น ต้องเสนอให้คณะกรรมการ PPP และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาต่อไปยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีข้อเคลือบแคลงอะไรปกปิดแน่นอน ไม่ต้องกังวล และไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครเพราะใช้หลักธรรมาภิบาลในการทำงาน โปร่งใส มีส่วนร่วม และตรวจสอบได้ ไม่มีการมุมมิบทำ..

ผมอยากเนรมิตให้เปิดใช้ในวันนี้พรุ่งนี้ ดังนั้น หากประเมินว่าเปิดเดินรถได้ส่วนไหนก่อนจะเร่งเปิดเดินรถทันทีภายใต้พื้นฐานความปลอดภัยและความสะดวก ส่วนรถที่ซื้อมามีระบบและคู่มือบำรุงรักษาอยู่แล้ว ไม่ได้จอดทิ้งเฉยๆ พอไม่เปิดก็หาว่าจะชะลอ พอเปิดไม่คุ้มก็หาว่าเอาอะไรมาคิด จุดที่เหมาะสมคืออะไรจะประชุมสัปดาห์หน้า พร้อมเหตุผลอธิบายทำให้ดีที่สุด...

ยืนยันว่าเปิดบริการประชาชนได้ก่อนปี’66 แน่นอน” นายศักดิ์สยามกล่าว

4. เรื่องนี้ แทนที่จะเป็นข่าวดี สร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เต็มๆ กลับมีอะไรบางอย่างที่ดูแปลกๆ แปร่งๆ ยึกๆ ยักๆ ชักเข้าชักออก

แฟนเพจ “โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure” สรุปข้อมูลพื้นฐานจากการติดตามโครงการมาอย่าง่ตอเนื่อง ระบุว่า

“ข้อมูลจากทางการรถไฟ ความคืบหน้าของสัญญารถไฟสายสีแดงทั้ง 3 สัญญา คือ

- สัญญาที่ 1 งานโยธาสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง คืบหน้าประมาณ 99%

- สัญญาที่ 2 งานโยธาทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต เสร็จ 100%

- สัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟ ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน คืบหน้ากว่า 80% ซึ่งในส่วนสัญญาที่ 3 รวมถึงตัวรถไฟฟ้า ระบบราง ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ

จุดที่ช้าหลักๆ คือ ตัวรถไฟ ซึ่งปัจจุบันรับแล้ว 13 ขบวน จากทั้งหมด25 ขบวน แบ่งเป็น ขบวน 6 ตู้ ซึ่งใช้กับสายเหนือ (บางซื่อ-รังสิต) 7 ขบวน, ขบวน 4 ตู้ ซึ่งใช้กับสายตะวันตก (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) 6 ตู้ แต่จากข้อมูลที่ผมมี จากการศึกษาของจุฬาฯ ในการเดินรถ ใช้เพียง 10 ขบวน ก็เพียงพอในการเดินรถแล้ว

ซึ่งในสัญญาที่ 3 นี้ ทางญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้รับจ้างในสัญญานี้ ได้ขอขยายเวลา เนื่องจากปัญหาต่างๆในระหว่างก่อสร้าง คือ ความพร้อมในการจ่ายไฟฟ้า, การส่งมอบพื้นที่, ปัญหาการนำเข้าอุปกรณ์อาณัติสัญญาณ ซึ่งต้องผ่าน คณะกรรมการ กสทช .อนุมัติก่อน รวม 512 วัน ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้รับจ้าง ในการขอเต็มที่ แต่จะอนุมัติมั้ยอีกเรื่อง ซึ่ง ร.ฟ.ท. อนุมัติประเด็นการขยายเวลาเนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าให้ไม่ได้ไป แล้ว 87 วัน แต่ส่วนอื่นยังไม่อนุมัติ

ส่วนการทำ PPP ของรถไฟฟ้าสายสีแดง ทางผู้ว่าการการรถไฟเห็นว่าควรร่วมทุนกับเอกชน (PPP) เพราะผลการศึกษาระบุชัดเจนว่า การ PPP จะเกิดประโยชน์และเป็นผลดีต่อทั้งประชาชน, ร.ฟ.ท. และประเทศชาติโดยรวม อาทิ ร.ฟ.ท.ไม่ต้องแบกหนี้สิน 9 หมื่นล้าน และลดความเสี่ยงในการบริหารการเดินรถด้วย เป็นต้น

แต่!!!! เมื่อโครงการแล้วเสร็จพร้อมเดินรถ ก็ต้องเปิดเดินรถทันที โดยจะให้บริษัทลูกของ ร.ฟ.ท. (SRTET) เป็นผู้เดินรถไปก่อนคู่ขนานไปกับขั้นตอนการทำ PPP หาเอกชนมาเดินรถ

ซึ่งแบบนี้ก็ไม่ต่างจากแผน คนร. ซึ่งทำในช่วงที่ท่านอาคมทำไว้ ซึ่งให้ SRTET เดินรถก่อน แต่จะต่างกันที่เงื่อนไขการให้เอกชนมาเดินรถ ซึ่งแต่เดิมต้องไม่ผ่านตาม KPI ของ คนร. ก่อน แต่ตอนนี้เป็นการเดินรถรอการศึกษา และคัดเลือกเอกชนมา PPP

ถ้าเป็นไปตามนี้ โครงการสามารถเปิดให้บริการได้เมื่อเสร็จ (ปี’64) แน่นอน

แบบนี้ดูค่อยมีหวังหน่อยครับ

ทำไมมันต่างจากที่ รมต.คมนาคมให้สัมภาษณ์เมื่อวานจังหว่า”

5. ขณะนี้ มีการเปิดแคมเปญลงชื่อใน Change.org เรื่อง “เปิดเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ ให้ได้ภายในปี 2564”

คุณ Pakasit Wongkeam ได้สร้างแคมเปญรณรงค์นี้ ร้องเรียน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม) ระบุว่า “จากข่าวที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ - ตลิ่งชัน) (บางซื่อ - รังสิต) และสถานีกลางบางซื่อ ได้เลื่อนเปิดใช้งานจากปี 2564 เป็น 2566 ทำให้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องการโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และใช้บริการสถานีกลางบางซื่อ รวมถึงประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เนื่องด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง ที่รุมเร้าอยู่ ณ ขณะนี้

กระผมจึงขอร้องให้กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วยเร่งดำเนินการเกี่ยวกับสถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ทั้งการก่อสร้าง การแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง การจัดหาเอกชนมาร่วมลงทุน (PPP) โดยมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เข้ามาบริหาร โดยจะบริหารชั่วคราวไปก่อน 3 ปี แล้วค่อยหา PPP ทีหลัง หรือจะบริหารถาวรเลยก็ได้ การปรับเปลี่ยนชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพ ฯลฯ เพื่อให้ทั้งสถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สามารถเปิดทำการใช้งานได้ภายในปี 2564 ตามที่ได้สัญญาเอาไว้กับประชาชน”

สมควรที่รัฐมนตรีศักดิ์สยาม จะพิจารณารับฟัง และทำให้สำเร็จ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

ไม่ควรมีข้อกังขาว่า มีใครทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง (ราง) ในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน และเป็นคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เช่นนี้

สารส้ม
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42708
Location: NECTEC

PostPosted: 21/07/2020 6:04 pm    Post subject: Reply with quote

บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ J.2415 งานติดตั้ง Power Distribution System (PDS), Communication System (COM), Signalling System (SIG) and Automatic Fare Collection System (AFC) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงสัญญา 3
ภาพการทำงานติดตั้งอุปกรณ์ ระบบอาณัติสัญญาณ (Signalling) ตามแนวทางวิ่งรถไฟฟ้า ความคืบหน้าของงาน 95%
https://www.facebook.com/itdho/posts/2825964917509017
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42708
Location: NECTEC

PostPosted: 21/07/2020 7:13 pm    Post subject: Reply with quote

2สหภาพรถไฟฯแถลงสู้ยิบตา!!ขวางเอกชนกินรวบรถไฟฟ้าทั้งประเทศ
*เดิมพันประสบการณ์กว่า100ปีขอโอกาสประชาชน
*ศักดิ์สยาม ชืดชอบ ยอมรับแล้ว”ผมเออเร่อเองครับ”
*ประกาศเลื่อนเปิดบริการสายสีแดงปี66จนทัวร์ลง!!...
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2658202807734554
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42708
Location: NECTEC

PostPosted: 22/07/2020 3:53 pm    Post subject: Reply with quote

ด่วน ปิดฉาก“ค่าโง่โฮปเวลล์”รัฐต้องจ่าย2.4หมื่นล้านบาท
หน้าธุรกิจ
วันพุธ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 14:33 น.

ปิดฉาก “ค่าโง่โฮปเวลล์” รัฐต้องจ่าย 2.4 หมื่นล้าน หลังศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำร้องกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ

วันนี้(22 ก.ค.63 ) ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ไม่รับคำฟ้องของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอให้รื้อคดีที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดไปว่า กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ต้องคืนค่าตอบแทน ที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการพร้อมดอกเบี้ยราว 2.4 หมื่นล้านบาท ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)จำกัด

โดยคดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 หมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 กันยายน 2551 ที่ให้ผู้ร้องทั้งสองคืนเงินค่าตอบแทนที่ผู้คัดค้านชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการ พร้อมดอกเบี้ย ให้แก่ผู้คัดค้าน

โดยผู้ร้องทั้งสองได้มีคำร้องยื่นต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่าศาลปกครองสูงสุดรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด และมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประเด็นที่ผู้ร้องทั้งสองโต้แย้งเกี่ยวกับระยะเวลาการใช้สิทธิเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ การเลิกกันของสัญญาพิพาท และการกลับคืนสู่ฐานะเดิมของผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านมีลักษณะเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการพิพากษาคดีและผลของคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และที่ผู้ร้องทั้งสองโต้แย้งเรื่องความสามารถของผู้คัดค้านในขณะเข้าทำสัญญานั้น เป็นประเด็นที่ผู้ร้องมิเคยโต้แย้งมาก่อนทั้งในศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด ซึ่งไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองไม่ทราบถึงเหตุนั้นในการพิจารณา จึงถือมิได้ว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่



อันมีผลทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้วเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ และประการสุดท้าย การที่ผู้ร้องอ้างว่ามีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 143/2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน “กรณีโฮปเวลล์” ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2562 ซึ่งเอกสารฉบับดังกล่าวผู้ร้องก็มิได้แสดงต่อศาลแต่อย่างใด จึงมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา ผู้ร้องทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด

โฮปเวลล์: ปิดฉากคดี “ค่าโง่” 2.5 หมื่นล้าน ศาลฯ ยกคำร้องฟื้นคดี
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 - 16:50 น.
โฮปเวลล์: ปิดฉาก

ปิดฉาก “ค่าโง่” โฮปเวลล์ 2.5 หมื่นล้าน “ศาลปกครองสูงสุด” ยกคำร้องรื้อฟื้นคดี-ไม่นำขึ้นมาพิจารณาใหม่

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (22 ก.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำร้องของกระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ต้องการให้มีการรื้อฟื้นคดี “โฮปเวลล์” ขึ้นมาพิจารณาใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้วเสร็จ ทนายของทั้ง 2 ฝ่ายต่างปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน โดยมีการคัดคำพิพากษาและเดินทางออกจากศาลปกครองทันที

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุดออกมาแล้ว ทางกระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.คงต้องเจรจาต่อกับบริษัทโฮปเวลล์ ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก่อนว่า จะดำเนินการกับค่าชดเชยตามคำพิพากษาจำนวน 25,000 ล้านบาทอย่างไรต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานใหม่ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องศาลอาญาทุจริต โดยใช้โมเดลคดีคลองด่าน แต่รายละเอียดขออนุญาตไม่เปิดเผยในขณะนี้

อนึ่งคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ยกคำร้องของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท. และให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 และข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 64/2551

โดยตัดสินให้กระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการทั้ง 2 ฉบับ จ่ายค่าก่อสร้างโครงการ 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% รวมประมาณ 24,798 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับจากวันที่คดีถึงที่สุด รวมทั้งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ ทั้งหมด แต่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งให้หาหลักฐานต่อสู้คดีใหม่


คำสั่งศาลปกครอสูงสุด
สำหรับ คดีหมายเลขดำ ที่ 107/2552,2038/2551,1379/2552 คดีหมายเลขแดงที่ 366-368/2557 เป็นคดีระหว่าง กระทรวงคมนาคม ที่ 1 การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ 2 เป็นผู้ร้อง กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัดเป็นผู้คัดค้าน

ฝ่ายผู้ร้องต้องการให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ เพราะมีข้อโต้แย้งใน 2 ประเด็นคือ

1. หลักฐานใหม่ที่ศาลปกครองสูงสุดยังไม่พิจารณา คือการที่กรมทะเบียนการค้า (กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปัจจุบัน) รับจดทะเบียนนิติบุคคลบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2533 เป็นการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะปฏิวัติที่ 281 (ปว.281) เพราะขณะนั้นโฮปเวลล์มีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว ซึ่งมีข้อกำกับห้ามมีวัตถุประสงค์ตามบัญชีแนบท้าย

2. การที่โฮปเวลล์ไม่ได้รับการยกเว้นให้ประกอบการและไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แต่ปรากฎพบว่ามีการลงนามในสัญญากับรัฐในวันที่ 29 พ.ย. 2533 และเข้าปฏิบัติตามสัญญาในวันที่ 6 ธ.ค. 2534 จึงเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าว

โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำร้องของกระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท. เนื่องจากข้ออ้างที่ว่ารับจดทะเบียนนิติบุคคลขัดกับ ปว.281 นั้นศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฎในช่วงทำสัญญา ผู้คัดค้านทั้ง 2 (คมนาคม-ร.ฟ.ท.) ได้ออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลของโฮปเวลล์ไว้แล้ว

และในสัญญาระบุให้บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษ้ทแม่ที่ฮ่องกงเข้าพื้นที่ก่อสร้างและพัฒนาทึ่ดินตามเงื่อนไขในสัญญา โดยทางโฮปเวลล์ฮ่องกงได้จดจัดตั้ง บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัดขึ้นตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งทั้งกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.จะต้องทราบอยู่แล้วว่า โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) มีบริษัทแม่อยู่ฮ่องกง

อีกเหตุผลหนึ่งที่อ้างว่ายังไม่ได้รับการยกเว้นหรือการส่งเสริมการลงทุน ศาลเห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะผู้ลงนามร่วมจะต้องทราบตั้งแต่แรกว่า โฮปเวลล์ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

อีกทั้งในคำขอพิจารณาคดีใหม่ กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.ก็ระบุเองว่า ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามบัญชีแนบท้าย ปว.281 แล้ว ส่วนการอ้างว่านิติบุคคลต่างด้าวต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมทะเบียนการค้าก่อนนั้น เป็นเรื่องที่ทั้งกระทรวงและร.ฟ.ท.จะปฏิเสธการรับรู้ไม่ได้

และทั้งสองจะต้องมีการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวก่อนลงนามในสัญญาด้วย และส้ญญาที่ลงนามต้องผ่านการพิจารณาของกรมอัยการ (อัยการสูงสุด) ก่อน ยิ่งต้องมีการตรวจสอบและต้องรู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวก่อน จึงถือว่ากรณีนี้เป็นความบกพร่องเองของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.จึงไม่อาจถือเป็นหลักฐานใหม่ได้

ส่วนที่อ้างศาลปกครองสูงสุดไม่ย้อนสำนวนให้ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาเนื้อหาในคดีก่อนนั้น ทั้งศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริง คู่กรณีได้รับทราบข้อเท็จจริงและมีการโต้แย้งชี้แจงไปแล้ว ถือว่าหลักฐานและข้อเท็จจริงเพียงพอสำหรับการพิจารณาคดี ข้ออ้างนี้จึงตกไป


Last edited by Wisarut on 22/07/2020 6:58 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44518
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/07/2020 6:50 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ด่วน ปิดฉาก“ค่าโง่โฮปเวลล์”รัฐต้องจ่าย2.4หมื่นล้านบาท
หน้าธุรกิจ
วันพุธ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 14:33 น.

อวสาน! รัฐต้องจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน
ThaiPBS 18:03 | 22 กรกฎาคม 2563


ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกคำร้องรื้อฟื้นคดีโฮปเวลล์ ไม่นำขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำร้อง ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ส่งผลให้รัฐต้องจ่ายค่าชดเชยให้เอกชนวงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท

วันนี้ ( 22 ก.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ในคดีโฮปเวลล๋ โดยอ้างว่า มีการรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด และมีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป โดยวันนี้ ศาลปกครองสูง สุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำร้องของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง

สำหรับกรณีดังกล่าว กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยื่นคำร้องต่อศาลปก ครอง ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของ บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากพบว่าเป็นการจดทะเบียนไม่ถูกข้อกฎหมาย เพื่อให้ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โฮปเวลล์ หลังอนุญาโตตุลาการ มีคำชี้ขาดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ต้องคืนค่าตอบแทน และชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย รวมกว่า 24,000 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่เดือนต.ค.2562

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันนี้ 23 ส.ค.2562 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่มาแล้วเนื่องจากคดีดังกล่าวศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 ให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 หมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 ก.ย.25551 ที่ให้ผู้ร้องทั้งสองคืนเงินค่าตอบแทนที่ผู้คัดค้านชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการ พร้อมดอกเบี้ย ให้แก่ผู้คัดค้าน

ผู้ร้องทั้งสองได้มีคำร้องยื่นต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่า ศาลปกครองสูงสุดรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด และมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานกรณีโฮปเวลล์ ซึ่งหากได้พยานหลักฐานใหม่ จะนำเสนอศาลปกครองสูงสุดต่อไป ทั้งโต้แย้งเรื่องความสามารถในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในประเทศของผู้คัดค้านในขณะเข้าทำสัญญาพิพาท รวมทั้งอ้างว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดมิได้ย้อนสำนวนให้ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นเนื้อหาแห่งคดี ถือว่าเป็นข้อบกพร่องในกระบวนการยุติธรรม
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42708
Location: NECTEC

PostPosted: 22/07/2020 8:35 pm    Post subject: Reply with quote

คมนาคมรอรัฐบาลชี้ขาด”ค่าโง่โฮปเวลล์”ดิ้นต่อหรือพอแค่นี้
*สุดทาง! ศาลปกครองสูงสุดไม่รับพิจารณาคดีใหม่
*รถไฟจ่ายอ่วมเกือบ3หมื่นล้านรีบเจรจาหยุดตัวเลข
https://www.facebook.com/TransportDailynews/photos/a.1879214052300104/2659117044309797/

พลิกตำราไม่จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ หลังศาล ปค.สูงสุดไม่รับรื้อคดี ยังเหลือสู้ปมเพิกถอนทะเบียนสัญญา “โมฆะ”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: พุธที่ 22 กรกฎาคม 2563 เวลา 19:01



ศาลปกครองสูงสุดไม่รับพิจารณาคดี “ค่าโง่โฮปเวลล์” ยืนคำสั่งเดิม รัฐจ่ายชดเชย 2.4 หมื่นล้าน เหตุไม่มีหลักฐานใหม่ “ศักดิ์สยาม” สั่งทีม กม.ตรวจรายละเอียดหาช่องทางสู้ต่อไป ลุ้นประเด็นเพิกถอนนายทะเบียนสัญญาโมฆะ รัฐไม่ต้องจ่ายค่าโง่

วันนี้ (22 ก.ค.) ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ในคดีหมายเลขดำที่ 107/2552, 2038/2551, 1379/2552 คดีหมายเลขแดงที่ 366-368/2557 ระหว่าง กระทรวงคมนาคม ที่ 1 การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ 2 ผู้ร้อง บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้าน โดยมีคำสั่งไม่รับคำร้องของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ โดยอ้างเหตุว่ามีการรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดและมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป

ซึ่งมีผลทำให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 119/2547 หมายเลขแดงที่ 64/2551 ลงวันที่ 30 ก.ย. 25551 ที่ให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ คืนเงินค่าตอบแทนที่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) ชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการ พร้อมดอกเบี้ย ราว 2.4 หมื่นล้านบาท ให้แก่บริษัท โฮปเวลล์

ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดพิจารณากรณีที่กระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.โต้แย้งเรื่องความสามารถของ บ.โฮปเวลล์ขณะเข้าทำสัญญา ว่าเป็นการดำเนินการของคนต่างด้าวที่ฝ่าฝืนประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2515 ทั้งที่เอกสารหลักฐานดังกล่าวเป็นเอกสารที่ส่วนราชการสามารถตรวจสอบได้เองในขณะที่เข้าทำสัญญาพิพาท แต่ทั้งกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.มิเคยโต้แย้งมาก่อน ทั้งในศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด ซึ่งไม่อาจถือได้ว่าไม่ทราบถึงเหตุนั้น ในการพิจารณาครั้งที่แล้วมา โดยมิใช่ความผิดของผู้ร้อง ถือว่าเอกสารมีอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นหลักฐานที่ปราฏขึ้นใหม่

@“ศักดิ์สยาม” สั่งถอดคำสั่งศาล เร่งวางแนวทางสู้ต่อ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับทราบว่าศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำพิพากษาแล้ว แต่เนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมากถึง 23 หน้า จึงให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ตรวจสอบรายละเอียดก่อน จากนั้นจะพิจารณาแนวทางการดำเนินการต่อไป ตอนนี้ตนจึงยังให้ความเห็นอะไรไม่ได้

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า จากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ชำระค่าเสียหายให้โฮปเวลล์ วงเงินประมาณ 24,798 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 11,888 ล้านบาท ดอกเบี้ย 12,910 ล้านบาท เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการคู่ขนาน โดยตั้งคณะทำงานชุดที่มี นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เพื่อเจรจาเงื่อนไขการชำระค่าเสียหาย เช่น ทยอยผ่อนชำระ ลดดอกเบี้ย ซึ่ง บ.โฮปเวลล์ได้ยื่นข้อเสนอให้กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.ชำระเงินรวมดอกเบี้ยที่ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมเงื่อนไขที่ต้องอำนวยความสะดวกในการนำเงินออกนอกประเทศ และดำเนินการถอนเรื่องการฟ้องร้อง อุทธรณ์คดีความต่างๆ ให้ยุติทั้งหมด

โดยกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ได้นำประเด็นเงื่อนไขของโฮปเวลล์หารือทางอัยการสูงสุด ซึ่งเห็นว่า เป็นเงื่อนไขที่รัฐเสียเปรียบ ไม่สามารถยอมรับได้ ทำให้ในส่วนของการเจรจากับโฮปเวลล์ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม

@ ลุ้นศาลปกครองประเด็นเพิกถอนนายทะเบียน-สัญญาโมฆะ

ขณะที่เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2563 นายนิติธร ลํ้าเหลือ ทนายความ ผู้ได้รับมอบอำนาจจาก ร.ฟ.ท. และกระทรวงคมนาคม ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ตรวจสอบการจดทะเบียนของบริษัทโฮปเวลล์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยยื่นฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียน คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนย้อนหลังของโฮปเวลล์ ตรวจสอบพบว่า บ.โฮปเวลล์ขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย โดยการจดทะเบียนมีนิติบุคคลต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการขัดกฎหมายของไทยขณะนั้น ซึ่งตามกระบวนการศาลคาดว่านัดวันไต่สวนภายใน 30 วัน หรือภายในเดือน ก.ค.นี้ ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง


X


หากศาลมีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์เพิกถอนการจดทะเบียน ทำให้ บ.โฮปเวลล์ไม่มีตัวตน และสัญญาระหว่างกระทรวงคมนาคม ร.ฟ.ท. และโฮปเวลล์ เป็นโมฆะ และการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจะไม่เป็นผล

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยืนยันจะต้องนำทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาและสู้ในทุกช่องทางที่จะทำได้ โดยเห็นว่าแนวทางหนึ่งที่จะต้องนำมาต่อสู้คือ แนวทางเดียวกับการต่อสู้คดีโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่มีการทุจริตทำให้การลงนามสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีผลผูกพัน

ทั้งนี้ สำหรับคดีโฮปเวลล์นั้นยังมีความต่างกับคดีคลองด่านอยู่บ้างในการต่อสู้ที่ผ่านมา ซึ่งคดีคลองด่าน กระทรวงการคลังและกรมควบคุมมลพิษได้ตรวจสอบประเด็นทุจริตคู่ขนานกับการต่อสู้คดีมาตลอด ขณะที่ คมนาคมและ ร.ฟ.ท.เพิ่งนำประเด็นการทุจริตมาตรวจสอบ หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้จ่ายชดใช้ค่าเสียหายแก่ บ.โฮปเวลล์แล้ว

ที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ได้มีการต่อสู้ในประเด็นเรื่องการนับอายุความ ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นเห็นว่าหมดอายุความจริง แต่ศาลปกครองสูงสุดกลับเห็นต่างจากศาลปกครองกลาง ทำให้ต้องยืนตามอนุญาโตตุลาการ
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 83, 84, 85 ... 148, 149, 150  Next
Page 84 of 150

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©