Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311283
ทั่วไป:13264861
ทั้งหมด:13576144
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม(บางซื่อ-รังสิต และ บางซื่อ-หัวลำโพง)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 92, 93, 94 ... 148, 149, 150  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 13/12/2020 12:29 am    Post subject: Reply with quote

เปิดบันทึกกมธ. : 'รฟท.' ยกเคส ‘คลองด่าน’ ยื้อจ่ายคดีโฮปเวลล์-เอกชนโวยผ่านมา 30 ปีเพิ่งยื่นสอบ
เขียนโดยisranews
เขียนวันศุกร์ ที่ 11 ธันวาคม 2563 เวลา 16:58 น.

“…รฟท.จึงไม่สามารถสรุปผลใดๆ ได้ ต้องนำกลับมาตรวจสอบและพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสก่อนการจ่ายชำระค่าเสียหายให้กับบริษัทฯ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) และหากมีการ ‘ชี้มูลความผิด’ การจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับบริษัทฯ จะไปสู่ผลเสียหายกับประเทศชาติ และหยิบยกกรณีการชำระเงินของภาครัฐกรณี ‘คลองด่าน’ ต่อที่ประชุมเป็นตัวอย่าง…”

..................

หมายเหตุ : บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง พิจารณาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการจดทะเบียนจัดตั้ง และการดำเนินกิจการของ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2563


สืบเนื่องจากกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ ให้ กระทวงคมนาคมและ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชำระเงินชดเชยจากการบอกเลิกสัญญาโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร ให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเงิน 11,888.75 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2563 คณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร เชิญผู้แทนจากรฟท. ผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนจากบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าชี้แจงเกี่ยวกับการจดทะเบียนจัดตั้ง และการดำเนินกิจการของ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

คณะกรรมาธิการฯเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายต่อภาครัฐอย่างมหาศาล เพราะต้องชำระเงินตามคำพิพากษาจำนวนมาก ทั้งยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและประเทศไทย การดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติ และรวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยของนักลงทุนชาวต่างชาติ

@ ‘บ.โฮปเวลล์’ จี้ถามเหตุใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

ประธานคณะกรรมาธิการ (อันวาร์ สาและ) ขอให้ผู้แทนจากบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และหน่วยงานอื่นชี้แจงประเด็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง

ผู้แทนจากบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงว่า กรณีของบริษัทฯ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่าง ‘กระชับและง่ายขึ้น’ ขอเสนอให้ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาให้ผู้แทนจากการรถไฟแห่งประเทศไทยชี้แจงว่า ‘เหตุใดจึงไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด’

ผู้แทนจาก รฟท.ชี้แจงว่า ในกรณีนี้ ถึงแม้จะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ยังมีประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ ซึ่งมีข้อมูลจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการคณะอื่นของสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการต่างๆ ที่ตั้งขึ้นโดยกระทรวงคมนาคม

หลังจากที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลปกครองสูงสูด เมื่อเดือนเมษายน 2562 นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้มีดำริให้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานต่างๆ กรณีบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 143/2562 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2562

จากการตรวจสอบของคณะทำงานพบว่า โครงการก่อสร้างดังกล่าวมีประเด็นปัญหาความผิดปกติหลายประเด็น และได้มีการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และส่งรายงานให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช)

ต่อมากระทรวงคมนาคมได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นอีกคณะหนึ่ง ซึ่งเป็นคณะทำงานศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาความเสียหายในกรณีนี้ ตามคำสั่งกระทรวงคมนาคมที่ 248/2562 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2562 คณะทำงานคณะนี้ได้ทำการตรวจสอบและพบว่า มีประเด็นปัญหาต่างๆ เช่นกัน

ต่อมาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และได้จัดทำรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวัน 3 กันยายน 2563 รายงานฉบับดังกล่าวได้นำเสนอประเด็นปัญหาต่างๆ

ทั้งนี้ โครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพฯ มิใช่โครงการที่ดำเนินการโดยรฟท. เพียงหน่วยงานเดียว แต่เป็นโครงการที่กระทรวงคมนคมเสนอต่อรัฐบาล และรัฐบาลอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการลงนามในสัญญาสัมปทาน โดยรฟท.เข้าไปดำเนินการในฐานะผู้เป็นเจ้าของพื้นที่โครงการ

@กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายัน ‘บ.โฮปเวลล์’ จดทะเบียนถูกต้อง

ผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าชี้แจงว่า จากข้อมูลที่รฟท.ชี้แจงว่า การตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของคณะทำงานฯ พบประเด็นความผิดปกติเกี่ยวกับการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลและการดำเนินกิจการของบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เห็นว่า ‘เป็นประเด็นเพียงเล็กน้อย’

โดยการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ดำเนินการในปี พ.ศ.2533 มีขั้นตอน 2 ข้อ คือ การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ และการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งระเบียบที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น การรับจดทะเบียนนิติบุคคลที่เป็นต่างด้าวจะดำเนินการมิได้ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281

บริษัท โฮปเวลล์ โฮลดิ้ง (ฮ่องกง) จำกัด ได้รับสัมปทานจากกระทรวงคมนาคม และได้มีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ จึงเกิดประเด็นว่า บริษัทจะต้องดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทย จึงได้มีดำเนินการกับกรมทะเบียนการค้าในขณะนั้น

การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เห็นว่า ‘ไม่ขัดต่อประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 เนื่องจากบริษัทได้รับสัมปทานตามมติคณะรัฐมนตรี และขอยืนยันว่าการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งบริษัทเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย’

@รฟท.ยันรอผลชี้มูล ‘ป.ป.ช.’ ก่อนชดใช้-ยกกรณี ‘คลองด่าน’ เป็นตัวอย่าง

ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวควรดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างรอบคอบและเหมาะสม เพื่อมิให้เกิดความเสียหายกับประเทศ

เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ‘จะก่อให้เกิดผลกับการต้องชำระดอกเบี้ยจำนวน 2.4 ล้านบาทต่อวัน’ ความเสียหายดังกล่าวนี้หน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ เห็นว่าควรพิจารณาถึงการเปิดให้มีการเจรจาประนีประนอมตกลงกัน เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวสิ้นสุดโดยเร็ว

ผู้แทนจากรฟท.ชี้แจงว่า กรณีปัญหานี้ รฟท.ไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน คือ คณะทำงานที่ตั้งขึ้นโดยนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย

ผู้แทนจาก บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงโดยให้ความคิดเห็นว่า กรณีนี้ภาครัฐควรดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งการดำเนินการตามโครงการที่บริษัทได้รับสัมปทานภาครัฐ มิได้มีการใช้เงินงบประมาณในการลงทุนแต่อย่างใด เป็นการลงทุนด้วยเงินของบริษัททั้งหมด…

และมีข้อสังเกตว่า หากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเป็นไปในทางกลับกัน คือ ภาครัฐมิต้องชดใช้ค่าเสียหายใดๆ จะมีการตรวจสอบดังเช่นที่เป็นอยู่หรือไม่ และเห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เกิดการเลือกปฏิบัติ อันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

ผู้แทนจากรฟท.ชี้แจงว่า เนื่องจากการตรวจสอบของคณะทำงานฯ ตามที่ได้ชี้แจงไปเบื้องต้นพบว่า มีประเด็นความผิดปกติเกิดขึ้น ทางรฟท.จึงไม่สามารถสรุปผลใดๆ ได้ ต้องนำกลับมาตรวจสอบและพิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสก่อนการจ่ายชำระค่าเสียหายให้กับบริษัทฯ

ขณะนี้เรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) และหากมีการ ‘ชี้มูลความผิด’ การจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับบริษัทฯจะไปสู่ผลเสียหายกับประเทศชาติ และหยิบยกกรณีการชำระเงินของภาครัฐกรณี ‘คลองด่าน’ ต่อที่ประชุมเป็นตัวอย่าง

ข้อซักถามของคุณะกรรมาธิการ

1.การพิจารณาว่า การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมีปัญหาความผิดปกติ เป็นการพิจารณาจากเหตุผลหรือมีหลักฐานเอกสารใดประกอบ หรือไม่ อย่างไร ?

ผู้แทนจากรฟท.ชี้แจงว่า การตรวจสอบหลักฐานต่างๆ เป็นการดำเนินการของคณะทำงานหลายชุดตามที่ได้ชี้แจงไว้ และพบว่าไม่เป็นไปตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281…และได้นำเสนอหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0506/33322 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2563

“ข้อ 3 สำหรับกรณีที่กระทรวงพาณิชย์มิได้ดำเนินการหรือการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 (ตามข้อ 1.2) ให้ถูกต้อง ชัดเจน แต่ได้มีการตีความมติคณะรัฐมนตรีและไปดำเนินการต่างๆ เอง โดยคลาดเคลื่อนไปจากที่คณะรัฐมนตรีระบุไว้ หากเกิดความผิดพลาด คลาดเคลื่อน ความเสียหาย หรือผลกระทบใดๆ กระทรวงพาณิชย์ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว”

การตรวจสอบของคณะทำงานทั้ง 3 ชุด ทำให้ รฟท.ได้รับข้อสั่งการจากกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการตรวจสอบ และพบว่าการดำเนินการในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและสถานะความเป็นบริษัทนั้น ‘มีความถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่’

@บ.โฮปเวลล์โต้ใช้ ‘พยานบุคคล’ หักล้าง ‘พยานเอกสารราชการ’ ไม่ได้

ผู้แทนจาก บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงว่า จากคำชี้แจงของผู้แทนรฟท. การศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ มีข้อมูลที่ ‘มิได้เป็นข้อเท็จจริง’ การตรวจสอบโครงการของบริษัทฯ ‘ไม่พบการทุจริต’ เกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงไม่สามาถนำโครงการอื่นใดมากล่าวอ้างเปรียบเทียบกับโครงการที่บริษัทดำเนินการ และได้ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้

1.การได้รับอนุมัติตามมติครม.จนได้รับสัมปทานเป็นการอนุมัติตามรายละเอียดที่นำเสนอ และเป็นไปตามที่ได้มีการเจรจาทำความตกลงไว้ทุกประการ มิได้เป็นไปตามที่รฟท.ชี้แจงแต่อย่างใด

2.สภาพความเป็นนิติบุคคลของบริษัทฯ มิได้ถูกเพิกถอนสิทธิจากทั้งศาลปกครอง หรือศาลแพ่ง จึงยังคงมีสภาพความเป็นนิติบุคคลอย่างชัดเจน

3.การพิจารณาคดีในปี 2563 มีการนำ ‘พยานบุคคล’ เพื่อหักล้าง ‘พยานเอกสารทางราชการ’ ในปี 2533 ทางกฎหมายถือว่าไม่สามารถกระทำได้

4.การดำเนินโครงการของบริษัทที่มีการกล่าวอ้างว่า ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จหรือมีการกระทำผิดสัญญา ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้ตัดสินชี้ขาดแล้วว่า การที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จเป็นความผิดของรฟท.ที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ตามสัญญาสัมปทานได้ และยังมีเหตุผลประกอบอีกหลายประการ

@รฟท.ย้ำ 'บ.โฮปเวลล์' ไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลมาแต่ต้น

ผู้แทนจากรฟท.ชี้แจงว่า ในส่วนของผลการพิจารณาตรวจสอบ ขอให้ประธานคณะกรรมาธิการเชิญประธานคณะอนุกรรมาธิการ ซึ่งแต่งตั้งโดยประธานคณะกรรมาธิการการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร มาให้ข้อมูล รฟท.เป็นเพียงหน่วยงานที่นำข้อมูลจากการตรวจสอบมาพิจารณาเพื่อดำเนินการเท่านั้น

ในส่วนของสถานะของบริษัทฯ…กระทรวงพาณิชย์โดยอธิบดีกรมทะเบียนการค้าในขณะนั้นได้ออกระเบียบสำนักงานหุ้นส่วนบริษัทกลาง ปี 2533 เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท

ข้อ 29 ของระเบียบฉบับดังกล่าวระบุว่า “ห้ามมิให้จดทะเบียนนิติบุคคลให้กับนิติบุคคลต่างด้าว เว้นแต่จะได้รับยกเว้นตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 หรือได้รับการส่งเสริมการลงทุน”

บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2533 มีการยกเว้นตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 หรือไม่ เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา เนื่องจากเกิดข้อกังวลว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ จึงอาจกล่าวได้ว่า ‘บริษัทไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลมาตั้งแต่ต้น’

ซึ่งรฟท.ได้รับข้อสั่งการจากกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการฟ้องร้องบริษัทฯ และเรื่องอยู่ระหว่างขั้นตอนทางคดีในชั้นศาล และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมและรฟท.มิได้จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล

2.การรถไฟแห่ประเทศไทยได้มีการต่อสู้ทางคดีในชั้นศาลหรือไม่ อย่างไร

ผู้แทนจากรฟท.ชี้แจงว่า ได้มีการต่อสู้คดีในชั้นศาลเรื่องสถานะของบริษัทที่มีได้มีการตรวจสอบตั้งแต่แรก โดยตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในส่วนของเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือรับรอง ทะเบียนผู้ถือหุ้น

โดยประเด็นที่เป็นปัญหาเกิดจากการตรวจสอบของคณะทำงานที่แต่งตั้งขึ้นโดยนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ทราบข้อเท็จจริงบางประการที่ทำให้เกิดการร้อง ‘ขอทำคดีใหม่ในชั้นศาล’

@บ.โฮปเวลล์กังขาตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งหลังผ่านมา 30 ปี

ผู้แทนจาก บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงว่า คำชี้แจงของรฟท. มิได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงแต่อย่างใด การดำเนินการในทางคดีได้กระทำไปจนครบทุกชั้นตอนในทุกศาลที่ได้มีการยื่นเรื่องฟ้องทางคดี

ทั้งนี้ การดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบความสามารถในการดำเนินกิจการของบริษัทมีขึ้นตั้งแต่ปี 2533 ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา การบอกเลิกสัญญา การยื่นข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการและยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด

ในขั้นตอนดังกล่าว รฟท.มีสิทธิ์ยื่นเรื่องเพื่อต่อสู้ทางคดี แต่รฟท.มิได้กระทำการใดๆ และยอมรับมาโดยตลอดว่า บริษัทเป็นคู่สัญญาโดยถูกต้อง โดยเมื่อเรื่องล่วงเลยเวลาแล้ว รฟท.ได้ยื่นเรื่องฟ้องหาคดีต่อศาลปกครองกลางในเรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2663 ให้รับคำฟ้องของรฟท.ไว้พิจารณา เป็นที่สังเกตได้ว่า เมื่อรฟท.แพ้คดีจึงได้ยื่นฟ้องร้องดังกล่าว

สำหรับการตรวจสอบการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เหตุใดจึงพึ่งดำเนินการในปัจจุบันเมื่อผ่านมาแล้วกว่า 30 ปี ทั้งที่สามารถกระทำได้ตลอดเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการในการดำเนินการต่าง ๆ มิได้แตกต่างกัน และได้รับคำยืนยันจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย

3.ขั้นตอนพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลการ ใช้กฎหมายของประเทศใด กระบวนการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการและการพิจารณาเกิดขึ้นที่ใด ?
ผู้แทนจาก บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงว่า สัญญาสัมปทานกำหนดไว้ว่า ถ้าเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาขึ้นให้นำเสนอคณะอนุญาโตตุลาการ

เมื่อรฟท.บอกเลิกสัญญา บริษัทฯได้ปฏิเสธและแจ้งกลับว่า เป็นการบอกเลิกสัญญาโดยไชอบด้วยกฎหมาย และได้ยื่นเรื่องไปยังคณะอนุญาโตตุลาการศาลยุติธรรม

โดยคณะอนุญาโตตุลาการประกอบด้วย ผู้แทนจากกรมอัยการสูงสูด นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตหัวหน้าคณะผู้พิพากษาในศาลฎีกา กระบวนการพิจารณาใช้ประมวลกฎหมายแพ่งเป็นหลัก

คำวินิจฉัยมีมติเอกฉันท์ว่า รฟท.ต้องคืนเงินตามสัญญา 2,850 ล้านบาท ค่าธรรมนียมหนังสือค้ำประกันที่บริษัทจ่ายให้ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด 38 ล้านบาท และค่าหนังสือสัญญาค้ำประกัน 500 ล้านบาท ค่าก่อสร้างในการลงทุนเพื่อกลับสู่สถานะเดิมตามเอกสารที่บริษัทเสนอคณะอนุญาโตตุลาการ มีค่าเสียหายประมาณ 200 แฟ้ม มีค่าเสียหายกว่า 14,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ คณะอนุญาโตตุลาการพิจารณาลดค่าก่อสร้างลงเหลือ 9,000 ล้านบาท จากที่บริษัทได้จ่ายเงินลงทุนรวมทั้งหมดไปกว่า 20,000 ล้านบาท

4.สิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นซากที่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการไว้ สามารถนำไปต่อยอดเป็นโครงสร้างในการก่อสร้างโครงการอื่น ๆ ได้หรือไม่ อย่างไร และขอทราบว่าหน่วยงานใดหรือบุคคลใดเป็นผู้ประเมินว่าโครงสร้างดังกล่าวไม่สมารถนำไปใช้ได้ และเส้นทางเดิมที่บริษัททำโครงการไว้จะมีการก่อสร้างโครงการใหม่อื่นอีกหรือไม่อย่างไร ?

ผู้แทนจากรฟท.ชี้แจงว่า จากการพิจารณาตรวจสอบโครงสร้างของตอม่อดังกล่าว ไม่สามารถไปใช้ในโครงการอื่นได้ ต้องทุบทิ้งเพียงประการเดียว การทุบทิ้งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายกับภาครัฐ ตามสัญญาบริษัทจะต้องเป็นผู้ดำเนินการให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งบริษัทมิได้ดำเนินการแต่อย่างใด

และยอมรับว่า การพิจารณาคดีนี้ถึงที่สุดแล้ว แต่ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตร 75 บัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งพิพากษาหรือคำสั่งขี้ขาดคดีปกครองเสร็จเด็ดขาดแล้ว คู่กรณีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกกระทบจากผลแห่งคดีนั้น อาจมีคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งขาดคดีปกครองนั้นใหม่ได้

กรณีการมอบหมาย ‘บุคคลภายนอก’ เป็นตัวแทนของรฟท.ในการต่อสู้คดีเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากบุคคลดังกล่าวได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงาน ซึ่งกระทรวงฯ เป็นผู้แต่งตั้ง

สิ่งก่อสร้างที่มีอยู่เดิมไม่สามารถนำไปใช้กับโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ได้ ถ้านำไปใช้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โครงการใหม่ที่สร้างขึ้นถ้าใช้วิธีสร้างขึ้นใหม่จะสะดวกกว่า

@เอกชนยันเสาตอม่อ ‘โฮปเวลล์’ มีอายุการใช้งาน 120 ปี

ผู้แทนจาก บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้แจงว่า สิ่งก่อสร้างที่บริษัทได้ดำเนินการไว้สามารถนำไปใช้ในโครงการอื่นได้ การก่อสร้างถูกออกแบบโดยบริษัทระดับโลก อายุการใช้งาน 120 ปี โดยรองรับการขนส่ง 3 ระบบ คือ รถไฟฟ้า ทางด่วน และรถไฟราง ในระหว่างการก่อสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยจ้างบริษัทระดับโลกตรวจสอบการก่อสร้างของบริษัท และบริษัทได้ว่าจ้างหน่วยงานอื่นตรวจสอบการก่อสร้างด้วย

ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ

1.เรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทกับกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ซึ่งจากคำชี้แจงได้ข้อยุติว่า ‘ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายแล้ว’

2.บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และรฟท. ควรประสานความร่วมมือหาแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทำให้ประเทศเสียหายน้อยที่สุด

ทั้งนี้ ข้อตกลงอันเป็นที่สิ้นสุดที่จะเกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสามารถอธิบายให้สังคมเข้าใจและเป็นที่รับได้ ซึ่งการพิจารณาของคณะกรรมาธิการไม่สามารถตัดสินและก่อให้เกิดผลอย่างไรได้ เนื่องจากเรื่องนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของศาลและศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

3.รฟท.ควรพิจารณานำสิ่งก่อสร้างที่เป็นชาก มาปรับใช้กับโครงการก่อสร้างใหม่ๆ โดยการออกแบบโครงการใหม่ควรทำให้สอดรับกับโครงการหรือเส้นทางเดิมที่มีอยู่อันจะเป็นทางหนึ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์และประหยัดงบประมาณของประเทศลงได้ด้วย

เหล่านี้เป็นคำชี้แจงของ รฟท. และบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เกี่ยวกับความคืบหน้าในการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายในคดีโฮปเวลล์ ซึ่งวันนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 14/12/2020 10:15 am    Post subject: Reply with quote

ไม่เคลียร์! งบสีแดงเพิ่มหมื่นล้าน “ศักดิ์สยาม” ลั่นผิด กม.ไม่จ่าย-ที่สุดผู้รับเหมาอาจต้องฟ้องศาล
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: จันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 08:25 น.
"ศักดิ์สยาม"ลั่นผิดกม.ไม่จ่าย ปมงบสายสีแดงเพิ่มหมื่นล้าน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: จันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 02:34 น.

เคลียร์ปมค่าก่อสร้างรถไฟสีแดงเพิ่มหมื่นล้านไม่คืบ “ศักดิ์สยาม” ยืนกรานผิดกฎหมาย ไม่มีระเบียบรองรับ ไม่จ่าย แย้มส่อลากยาว หนทางสุดท้ายผู้รับเหมาอาจต้องฟ้องเพื่อพึ่งคำสั่งศาลเรียกร้องให้ รฟท.จ่ายค่างาน VO

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีค่าก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชันเพิ่มขึ้น 10,345 ล้านบาทว่า ขณะนี้คณะทำงานฯ ที่มี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ยังไม่ได้รายงานข้อสรุปใดๆ เข้ามา ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องพิจารณาเรื่องอำนาจว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ตามระเบียบและกฎหมาย ซึ่งกรณีสั่งทำงานเพิ่มอยู่ระหว่างหารืออัยการสูงสุด

ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรณีค่างานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการเปิดเดินรถและการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะมีการทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในเดือน มี.ค. 2564 และกำหนดเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือน พ.ย. 2564

ส่วนกรณีที่ รฟท.ได้เสนอขอเพิ่มงบส่วนของค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับวัสดุนำเข้า ของสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าเครื่องกลและขบวนรถ ที่มีกิจการร่วมค้า MHSC (มิตซูบิชิ, ฮิตาชิ, สุมิโตโม) เป็นผู้รับจ้าง ประมาณ 1,907 ล้านบาทนั้น นายศักดิ์สยามเห็นว่าค่าภาษีไม่น่ามีประเด็นเพราะมีที่มาของตัวเลข ดังนั้น หากอธิบายได้ก็สามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติได้ แต่จะต้องไม่มีส่วนที่เกี่ยวกับงานเพิ่มเติม (Variation Order : VO) ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กรณีรถไฟชานเมืองสายสีแดงมีค่างานเพิ่มนั้น ล่าสุดนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจ้งต่อ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม อย่างไม่เป็นทางการว่า ทางองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) จะให้เงินกู้เพิ่ม โดยต้องมีที่ปรึกษาเข้ามาตรวจสอบงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนายศักดิ์สยามเห็นว่าประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือการที่ได้ทำงานไปก่อนแล้ว ดังนั้นต้องคำนึงว่ามีระเบียบพัสดุ หรือกฎหมายใดรองรับให้สามารถดำเนินการได้บ้าง รวมถึงกรณีจะใช้เงินกู้ไจก้ามีขั้นตอนเงื่อนไขการดำเนินการอย่างไร เช่น ต้องได้อนุมัติเงินกู้ก่อนจึงไปดำเนินโครงการได้ หรือสามารถดำเนินโครงการไปก่อน แล้วเสนอขออนุมัติเงินกู้ภายหลังได้ ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลย สำหรับหลักการในการทำโครงการ คือ สามารถสำรวจ ออกแบบ และประมาณการวงเงินก่อน และเมื่อได้รับอนุมัติงบหรือเงินกู้แล้วจึงไปดำเนินโครงการ ส่วนจะเป็นโครงการใหม่ หรือเป็นงาน VO ก็อยู่ที่วิธีการ แต่หากทำงานไปก่อนแล้วค่อยมาขอเงินเพิ่มภายหลัง แบบนี้ยังไม่เห็นระเบียบที่รองรับ
@สุดท้ายรับเหมาอาจต้องฟ้องศาลให้สั่งจ่ายค่างาน VO

แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่สุดแล้วหากไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรองรับกรณีทำงานไปก่อนแล้วขอเงินเพิ่มภายหลังได้ รฟท.ไม่สามารถจ่ายเงินได้ ทางผู้รับจ้างเองยังมีช่องทางที่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าก่อสร้างงาน VO ได้ และหากศาลมีคำพิพากษาออกมาอย่างไรทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม ซึ่งหากศาลมีคำสั่งให้ รฟท.จ่ายค่างาน VO ให้ผู้รับจ้าง รฟท.ถึงจะจ่ายได้ตามคำสั่งศาล โดยค่า VO 10,345 ล้านบาท เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท และเป็นงานก่อสร้างเพิ่มเติมจากที่ออกแบบประมาณ 6,220 ล้านบาท

ส่วนสัญญา 3 ที่เป็นงานระบบนั้น พบว่ามีค่างาน VO ประมาณ 21 รายการ ซึ่งเป็นงานที่มีความจำเป็นของระบบรถไฟฟ้าที่มีผลต่อการเปิดเดินรถรวมถึงระบบควบคุมความปลอดภัยอัตโนมัติของรถไฟ (ATP) ที่จะติดให้กับหัวรถจักรของ รฟท.และปรับประแจการเดินรถ เป็นต้น

ปัจจุบันรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต มีกรอบวงเงินที่จาก 93,950 ล้านบาท โดย รฟท.ขอปรับกรอบเพิ่มอีก 10,345 ล้านบาท จะทำให้วงเงินรวมเป็น 104,295 ล้านบาท โดยสัญญาที่ 1 ขอเพิ่ม 5,566 ล้านบาท (รวมเป็น 39,684 ล้านบาท) สัญญาที่ 2 ขอเพิ่ม 266 ล้านบาท (เพิ่มเป็น 24,842 ล้านบาท) สัญญาที่ 3 ขอเพิ่ม 3,118 ล้านบาท (รวมเป็น 35,991 ล้านบาท) และค่าที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างและที่ปรึกษาบริหารโครงการเพิ่มขึ้น 261 ล้านบาท (รวมเป็น 2,539 ล้านบาท)
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 14/12/2020 5:28 pm    Post subject: Reply with quote

พร้อม 100% “ศักดิ์สยาม” อวดรถไฟสีแดงนายกฯพรุ่งนี้
14 ธันวาคม 2563



โชว์สปีด 145 กม./ชม.บางซื่อ-รังสิต 15 นาที ประชาชนได้ทดลองนั่งฟรีแน่ๆ ก.ค.ปีหน้าจ้า

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาตรวจความพร้อม เพื่อเตรียมต้อนรับ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้การตรวจความพร้อมดังกล่าว นายศักดิ์สยามและคณะผู้บริหาร ได้ซักซ้อมคิวต่างๆ ในกำหนดการแบบเสมือนจริงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การฉายวีทีอาร์บนเวที จนกระทั่งถึงการทดลองนั่งรถไฟฟ้าจากสถานีบางซื่อ ไป สถานีรังสิต ซึ่งภายหลังจากทดลองนั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายศักดิ์สยาม ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า พร้อม 100%
การทดสอบการเดินขบวนรถไฟฟ้าในครั้งนี้ได้ใช้ความเร็วในการทดสอบอยู่ที่ประมาณ 120-145 กม/ชม. ซึ่งจะเป็นความเร็วจริงที่จะใช้เมื่อเปิดให้บริการ โดยจากสถานีบางซื่อ ถึงสถานีรังสิต จะใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที แต่เนื่องจากการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้หยุดจอดที่สถานีใดเลย จึงใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15-16 นาที อย่างไรก็ตามการทดสอบครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่พบปัญหาอุปสรรคใดๆซึ่งหลังจากนี้ก็ยังคงทดสอบการเดินรถทั้ง 2 ช่วงอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะดำเนินทดสอบเดินรถเสมือนจริงในเดือนมี.ค.64 และเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการฟรีในเดือน ก.ค.64 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบในเดือนพ.ย.64
สำหรับในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางมาถึงสถานีกลางบางซื่อประมาณ 14.00 น. โดยจะเริ่มจากการตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ และเยี่ยมชมห้องควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงบริเวณชั้น 2 จากนั้นจะออกเดินทางจากชานชาลา 9 สถานีกลางบางซื่อ เพื่อทดสอบการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงไปยังสถานีรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเมื่อถึงสถานีรังสิต นายกรัฐมนตรี จะพบปะประชาชนที่บริเวณชานชาลาสถานีรังสิต ก่อนที่จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานีรังสิตกลับมายังสถานีกลางบางซื่อ
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการว่า ขณะนี้
สัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง เสร็จ 100%
ส่วนสัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟบางซื่อ-รังสิต เสร็จ 100% ขณะที่
สัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหารถตู้ไฟฟ้าสำหรับช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน คืบหน้า 89.10% ยังเหลืองานทดสอบระบบรวมทุกระบบ.

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2792002681021232
https://www.youtube.com/watch?v=2yHgLs00ep0

มีเฮ "สายสีแดง" เปิดให้ประชาชนนั่งรถไฟฟรี มี.ค.นี้
14 ธันวาคม 2563 เวลา 17:21:25 น.

"ศักดิ์สยาม" ลงพื้นที่เตรียมความพร้อมต้อนรับนายกฯ-ครม.ตรวจสถานีกลางบางซื่อ-ทดลองนั่งรถไฟสายสีแดง มั่นใจพร้อมเดินรถ 100%

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ สถานีกลางบางซื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นการตรวจเช็คความพร้อมก่อนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทดลองนั่งรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ระหว่างสถานีบางซื่อ ถึงสถานีรังสิต ในเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2563
ทั้งนี้ ระหว่างการตรวจเยี่ยมสถานี นายศักดิ์สยาม ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "พร้อม 100%"
อย่างไรก็ตามแผนการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จะเริ่มทดสอบเดินรถเสมือนจริงภายในเดือนมีนาคม 2564 เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ ในเเดือนพฤศจิกายน 2564 ในส่วนของการบริหารสถานีกลางบางซื่อ และระบบการบริหารจัดการการเดินรถในช่วงแรก ร.ฟ.ท. มอบหมายให้ บริษัทลูก คือ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงในการเดินรถและซ่อมบำรุง ปัจจุุบันอยู่ระหว่างอบรมพนักงานเพื่อดำเนินงานต่อไป
https://www.thansettakij.com/content/normal_news/460275


Last edited by Wisarut on 02/01/2021 7:20 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44539
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 15/12/2020 10:16 am    Post subject: Reply with quote

สถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางระบบรางอาเซียน
วันอังคารที่ 15 ธัันวาคม 2563
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/37613

ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า ครับ

รัฐบาลเดินหน้า สถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการคมนาคมแห่งใหม่ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน โดยเป็นการเชื่อมระบบรางอย่างครบวงจร ได้แก่ รถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสู่ภูมิภาค รองรับขบวนรถไฟและรถไฟฟ้าได้พร้อมกัน 26 – 40 ขบวน นอกจากนี้ยังเชื่อมเข้ากับการคมนาคมในเขตเมือง เช่น รถไฟฟ้ามหานคร หรือ MRT และรถโดยสารประจำทางอีกด้วย ทั้งนี้การก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อคืบหน้าแล้วร้อยละ 99 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน พ.ย. 2564 โดยสายแรกที่จะให้บริการคือรถไฟฟ้าสายสีแดงความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้เวลาจากบางซื่อถึงรังสิตเพียง 30 นาทีเท่านั้น

“รวมไทยสร้างชาติ” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/12/2020 10:36 am    Post subject: Reply with quote

“ศักดิ์สยาม” นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงเช็กอัพระบบรับ “ประยุทธ์” และ ครม. พรุ่งนี้
อสังหาริมทรัพย์
เผยแพร่: วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 19:08 น.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. 2563 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจความพร้อมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)

โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีขร. ตรวจสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) มี นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าร.ฟ.ท.ให้การต้อนรับ

ด้านหนึ่งก็เพื่อเตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2563 นี้ด้วย




หลังเสร็จสิ้นการตรวจเยี่ยม นายศักดิ์สยามไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน บอกว่าให้รอพรุ่งนี้ทีเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 15 ธันวาคม2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะพาคณะรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ณ สถานีกลางบางซื่อ ถนนกำแพงเพชร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ จะตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ และเยี่ยมชมห้องควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณ ชั้น 2

จากนั้น จะออกเดินทางจากชานชาลา 10 สถานีกลางบางซื่อเพื่อทดสอบการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง ไปยังสถานีรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบปะประชาชน ณ บริเวณชานชาลาสถานีรังสิต

เมื่อพบปะประชาชนแล้ว นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จะออกเดินทางจากสถานีรังสิตกลับยังมาสถานีกลางบางซื่อโดยรถไฟฟ้าสายสีแดง และเดินทางกลับโดยรถยนต์


"สายสีแดง"โชว์สปีด145กม.ต่อชม.พรุ่งนี้นายกฯทดลองนั่ง
เผยแพร่: วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 17.15 น.

รถไฟฟ้าสีแดงโชว์สปีด 145 กม.ต่อชม. วิ่งฉิวนั่งจากบางซื่อถึงรังสิต แค่ 15 นาที “ศักดิ์สยาม” พร้อมอวด นายกฯ-ครม. 15 ธ.ค.นี้ ลั่นพร้อมแล้ว 100% เหลือแค่ทดสอบระบบรวม ยังเดินหน้าตามแผน ก.ค.64 ประชาชนได้นั่งแน่ด้าน รฟท. เผยสถานีกลางบางซื่อพร้อมรับไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินแล้ว 

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่สถานีกลางบางซื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาตรวจความพร้อม เพื่อเตรียมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้การตรวจความพร้อมดังกล่าว นายศักดิ์สยามและคณะผู้บริหาร ได้ซักซ้อมคิวต่างๆ ในกำหนดการแบบเสมือนจริงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การฉายวีทีอาร์บนเวทีจนกระทั่งถึงการทดลองนั่งรถไฟฟ้าจากสถานีบางซื่อไปสถานีรังสิต ซึ่งภายหลังจากทดลองนั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายศักดิ์สยาม ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า พร้อม 100% 
           
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การทดสอบการเดินขบวนรถไฟฟ้าในครั้งนี้ได้ใช้ความเร็วในการทดสอบอยู่ที่ประมาณ 120-145 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) ซึ่งจะเป็นความเร็วจริงที่จะใช้เมื่อเปิดให้บริการ โดยจากสถานีบางซื่อถึงสถานีรังสิต จะใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที แต่เนื่องจากการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้หยุดจอดที่สถานีใดเลย จึงใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15-16 นาที อย่างไรก็ตามการทดสอบครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่พบปัญหาอุปสรรคใดๆ ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังคงทดสอบการเดินรถทั้ง 2 ช่วงอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะดำเนินทดสอบเดินรถเสมือนจริงในเดือน มี.ค.64 และเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้ในเดือน ก.ค.64 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบในเดือน พ.ย.64 
 
       


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางมาถึงสถานีกลางบางซื่อประมาณ 14.00 น. โดยจะเริ่มจากการตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ และเยี่ยมชมห้องควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงบริเวณชั้น 2 จากนั้นจะออกเดินทางจากชานชาลา 9 สถานีกลางบางซื่อ เพื่อทดสอบการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงไปยังสถานีรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเมื่อถึงสถานีรังสิต นายกรัฐมนตรี จะพบปะประชาชนที่บริเวณชานชาลาสถานีรังสิต ก่อนที่จะเดินทางด้วยขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานีรังสิตกลับมายังสถานีกลางบางซื่อ 

          
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการว่า ขณะนี้สัญญาที่ 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง เสร็จ 100% ส่วนสัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟบางซื่อ-รังสิต เสร็จ 100% ขณะที่สัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหารถตู้ไฟฟ้าสำหรับช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน คืบหน้า 89.10% ยังเหลืองานทดสอบระบบรวมทุกระบบ อย่างไรก็ตามในส่วนของสถานีกลางบางซื่อยังได้เตรียมพร้อมวางระบบรองรับโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, อู่ตะเภา) ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่สร้างคานยกระดับเข้ามาเชื่อมต่อเท่านั้น ซึ่งในส่วนของไฮสปีดจะอยู่ที่บริเวณชั้น 3 ของสถานี.

ระบบรถไฟสีแดงคืบ 89.10% พร้อมรับ ครม. - รฟท.เทงบ 90 ล.เร่งซ่อมแซมช่วง “บางซื่อ-ตลิ่งชัน”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 18:10 น.

“ศักดิ์สยาม” เช็กความพร้อม มั่นใจ “รถไฟสีแดง” พร้อมรับนายกฯ และ ครม. เผยงานโยธา 100% ส่วนระบบคืบหน้า 89.10% ทดลองวิ่งถึงรังสิตไร้ปัญหา เผยช่วงแรกให้ บ.แอร์พอร์ตลิงก์ เดินรถไปก่อน ด้าน รฟท.เร่งเซ็นจ้าง “ยูนิค” ซ่อมแซมช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน 90 ล้าน

วันนี้ (14 ธ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจความพร้อมของสถานีกลางบางซื่อ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) รวมถึงได้ทดลองขึ้นขบวนรถไฟ ทำการวิ่งทดสอบจากสถานีบางซื่อไปยังสถานีรังสิต เพื่อเตรียมความพร้อมรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีกำหนดตรวจเยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ ในวันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 ช่วงเวลา 13.00-16.00 น.

ทั้งนี้ ในการทดสอบระบบการเดินรถไฟสายสีแดง ด้วยความเร็ว 135-140 กม./ชม. จากสถานีบางซื่อไปยังสถานีรังสิต โดยเป็นการวิ่งแบบไม่มีการหยุดจอด พบว่าระบบการเดินรถเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการทดลองวิ่งมาแล้วระยะหนึ่งแล้วซึ่งนายศักดิ์สยามกล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างโครงการเป็นไปตามแผน และพร้อม 100% ในการต้อนรับนายกฯ และ ครม.ที่จะมาตรวจเยี่ยมความคืบหน้า ในวันพรุ่งนี้ (15 ธ.ค.)

โดยการก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง สัญญา 1 งานโยธาสำหรับสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง เริ่มงานเมื่อ วันที่ 10 ก.พ. 2556 ปัจจุบันแล้วเสร็จ 100% สัญญา 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟ บางซื่อ-รังสิต เริ่มงานเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556 ปัจจุบันแล้วเสร็จ 100% สัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมจัดหาตู้รถไฟฟ้าสำหรับช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน เริ่มงานวันที่ 28 มิ.ย. 2559 ปัจจุบันคืบหน้า 89.10%

ทั้งนี้ จะมีการทดสอบการเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในเดือน มี.ค. 2564 จากนั้นในเดือน ก.ค. 2564 จะเป็นการทดลองเดินรถเสมือนจริงแบบกำหนดตารางเวลาเดินรถ โดยประชาชนที่ต้องการเข้ามาร่วมทดลองได้ และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เก็บค่าโดยสารในเดือน พ.ย. 2564

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ในส่วนของการบริหารสถานีกลางบางซื่อ และระบบการบริหารจัดการเดินรถนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มอบหมายให้บริษัทลูก คือ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุง ในช่วงแรกที่อยู่ระหว่างการศึกษาและดำเนินการให้เอกชนร่วมลงทุน(PPP)

เร่งเซ็นรับเหมา 90 ล้านบาท ปรับปรุงซ่อมแซม ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน
แหล่งข่าวจาก รฟท.กล่าวว่า สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดงมี 2 ช่วง ได้แก่ สายเหนือ ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มีระยะทาง 26 กม. มีจำนวน 10 สถานี คือ บางซื่อ, จตุจักร, วัดเสมียนนารี, บางเขน, ทุ่งสองห้อง, หลักสี่, การเคหะ, ดอนเมือง, หลักหก, รังสิต

และสายตะวันตก ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กม. มีจำนวน 3 สถานี คือ บางซื่อ, บางบำหรุ และตลิ่งชัน โดยช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน การก่อสร้างงานโยธาเสร็จนานแล้ว ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการใช้งานทำให้ต้องมีการซ่อมบำรุง

โดย รฟท.ได้ประมูลหาผู้รับจ้างเสร็จแล้ว คือ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) วงเงินประมาณ 90 ล้านบาท เตรียมลงนามสัญญาและเร่งดำเนินการปรับปรุงในเฟสแรก ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล ทั้งนี้เพื่อให้รองรับการเปิดเดินรถ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2564

สำหรับสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าเครื่องกลและขบวนรถ ที่มีกิจการร่วมค้า MHSC (มิตซูบิชิ, ฮิตาชิ, สุมิโตโม) เป็นผู้รับจ้าง มีการจัดหารถไฟฟ้า รวมทั้งหมด 130 ตู้ แบ่งเป็นรถไฟแบบ 4 ตู้ 10 ขบวน (รองรับผู้โดยสารได้ 1,120คน) และรถไฟแบบ 6 ตู้ 15 ขบวน (รองรับผู้โดยสารได้ 1,710 คน)

"ศักดิ์สยาม" เช็ค "สถานีกลางบางซื่อ" ต้อนรับนายกฯ 15 ธ.ค.นี้
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 01:12 น.

รมว.คมนาคม ลงพื้นที่ดูความพร้อม "สถานีกลางบางซื่อ" ก่อน นายกฯนำ ครม.มาทดสอบระบบ 15 ธ.ค.นี้ พร้อมเปิดให้บริการประชาชนปีหน้า

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ตรวจสถานีกลางบางซื่อและโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) โดยมี นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ และทดสอบขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานีกลางบางซื่อ-สถานีรังสิต-สถานีกลางบางซื่อ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2563


Last edited by Wisarut on 15/12/2020 12:56 pm; edited 2 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/12/2020 11:24 am    Post subject: Reply with quote

รถไฟฟ้าสายสีแดง (จะ) มาแล้ว
ลม เปลี่ยนทิศ
วันอังคารที่ 15 ธัันวาคม 2563 เวลา 05:01 น.

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรีไปทดลองนั่ง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ–รังสิต ระยะทาง 21.6 กม. ก่อนเปิดให้ประชาชนลองใช้ในเดือนมีนาคม 2564 และเปิดใช้จริงปลายปี 2564 รถไฟฟ้าสั้นๆสายนี้ใช้เวลาก่อสร้างโครงการตั้งแต่ ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2550 จนถึงวันเปิดใช้จริงปลายปี 2564 เบ็ดเสร็จใช้เวลาในการดำเนินการก่อสร้างนานถึง 14 ปีเต็ม เฉลี่ยสร้างได้ปีละ 1.5 กม. ที่น่าช้ำใจคนไทยกว่านั้น รัฐบาลยังได้เพิ่มงบประมาณก่อสร้างให้เรื่อยๆ จากจุดเริ่มต้นโครงการ 59,888 ล้านบาท เป็นกู้เงินจากไจก้าญี่ปุ่น 24,000 ล้านบาท วันนี้ปาเข้าไปกว่า 110,000 ล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้นเท่าตัวมันเป็นไปได้อย่างไร?


แต่ ไม่มีข้าราชการและนักการเมืองถูกร้องสักคน ไม่รู้จะเรียกโครงการนี้ว่าอะไรดี



การก่อสร้างเริ่มในต้นปี 2556 กำหนดเวลาก่อสร้าง 4 ปี เสร็จปี 2560 ระหว่างการก่อสร้างได้มีการ “แก้แบบ-ออกแบบใหม่-ขยายชานชาลายาวขึ้น” เป็นรัฐบาลไหนบ้างไปไล่ไทม์ไลน์ดูได้ ข้อมูลจาก “วิกิพีเดีย” สารานุกรมเสรีระบุว่า ปี 2557 การรถไฟฯได้ของบเพิ่มอีก 8,140 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนเป็น 4 ราง จากเดิมที่ออกแบบไว้ 3 ราง ให้ออกแบบสถานีใหม่ทั้งหมด และ ให้ขยายชานชาลาสถานีบางซื่อให้ยาวขึ้น

วิกิพีเดีย ตั้งข้อสังเกตว่า งบโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงระยะที่ 1 ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความล่าช้าและการออกแบบใหม่ ปี 2550 เริ่มต้นที่ 59,890 ล้านบาท ปี 2552 เพิ่มเป็น 75,555 ล้านบาท ปี 2555 เพิ่มเป็น 80,380 ล้านบาท วันที่ 16 มกราคม 2563 คุณวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฯ แถลงว่า บอร์ดรถไฟเห็นชอบเพิ่มงบลงทุนระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ–รังสิต อีก 10,000 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ รถไฟฟ้าสีแดงสายนี้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 110,000 ล้านบาท เฉลี่ย กม.ละ 5,092 ล้านบาทเศษ ถ้ารวม ค่าโง่โฮปเวลล์ อีก 11,888 ล้านบาท เบ็ดเสร็จ 121,888 ล้านบาท ยังไม่รู้จะต้องเพิ่มงบอีกเพื่อเดินรถจริงหรือไม่

คำถามในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีก็คือ รัฐบาล ข้าราชการ นักการเมือง พวกท่านทำกับประเทศไทยอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคนอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไม สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ช. จึงไม่เข้าไปตรวจสอบความโปร่งใส ทั้งที่มีการเพิ่มงบจาก 59,000 กว่าล้านบาท เป็น 110,000 ล้านบาท และ ใช้เวลาก่อสร้างมานานถึง 14 ปี ถ้านับรวมโฮปเวลล์ที่เป็นจุดเริ่มต้นด้วยก็ใช้เวลาถึง 32 ปี พวกท่านรักประเทศไทยหรือไม่ครับ

วันเดียวกับที่ โฆษกสำนักนายกฯ แถลงข่าว นายกฯจะไปทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็มีข่าวจาก ประเทศจีน รายงานว่า การรถไฟจีนเพิ่งฉลองความสำเร็จการสร้างทางรถไฟฟ้าสายที่ยากลำบากที่สุด 435 กม. เชื่อม กรุงลาซาล กับ เมืองหลินจือ ในเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร คนงานกว่า 2 หมื่นชีวิตต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ มีการระเบิดภูเขาเพื่อสร้างอุโมงค์ถึง 47 แห่ง สะพานข้ามเขาอีก 120 สะพาน เริ่มก่อสร้าง ปี 2014 (พ.ศ.2557) เสร็จสมบูรณ์ในครึ่งปีแรกของปีนี้ 2020 (พ.ศ.2563) จะเปิดใช้งานจริงในปีหน้า 2021 พ.ศ.2564 วิ่งด้วยความเร็ว 160 กม.ต่อชั่วโมง

เทียบกับไทย รถไฟฟ้าสายสีแดง 21.6 กม. สร้างบนพื้นที่ราบไม่มีอุโมงค์ไม่มีภูเขา ไทยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 8 ปี ระหว่างก่อสร้างก็อนุมัติงบเพิ่มเท่าตัว ไม่มีใครร้อง ไม่มีใครสอบ ราบรื่นไปหมด จีนสร้างรถไฟฟ้าบนที่ราบสูง 3,000 เมตรจากน้ำทะเล คนงานต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ ต้องระเบิดภูเขา เจาะอุโมงค์ สร้างสะพาน ระยะทาง 435 กม. ใช้เวลาสร้าง 7 ปี เฉลี่ยสร้างได้ปีละ 62 กม. เทียบกับปีละ 1.5 กม.ของไทย

ผมคิดว่า รัฐบาลควรพิจารณาตัวเองเสียหน่อยก็ดีนะครับ การทำโครงการที่ล่าช้าแบบนี้ สร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองขนาดไหน ทั้ง เศรษฐกิจจริง และ โอกาสทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรจะ “รักชาติ” ด้วยการกระทำ ไม่ใช่การเรียกร้องอย่างเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/12/2020 12:13 pm    Post subject: Reply with quote

เตรียมพร้อมก่อนตรวจพินิจงานรถไฟฟ้าสายสีแดงวันนี้

หน้าตารถไฟฟ้าสายสีแดง จากฮิตาชิ
https://twitter.com/i/web/status/1338490279007961090

รถไฟฟ้าสายสีแดง จากฮิตาชิ ทำขบวนได้ 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
https://twitter.com/i/web/status/1338398908980973570

สถานีกลางบางซื่อก่อนต่อขยายไปหัวลำโพงและหัวหมาก
https://twitter.com/i/web/status/1333398115483668489

นึกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่น
https://twitter.com/i/web/status/1333423402422439936

รถไฟฟ้าสายสีแดงใกล้ความจริงแล้วหละ
https://twitter.com/i/web/status/1333407383066796032
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/12/2020 2:44 pm    Post subject: Reply with quote

เหาะตามรถไฟฟ้าสายสีแดง
https://www.facebook.com/watch/live/?v=3724606197560078&ref=notif&notif_id=1608016638389224&notif_t=live_video

ดูภายในสถานีกลางบางซื่อไปด้วย
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/videos/3693082157474107/
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/videos/3724606197560078/

[LIVE] นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมห้องควบคุมการเดินรถไฟฟ้า และออกเดินทางพร้อม ครม. จากสถานีกลางบางซื่อไปยังสถานีรังสิต จ.ปทุมธานี โดยรถไฟฟ้าสายสีแดง
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/videos/215036296791829/
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 15/12/2020 6:14 pm    Post subject: Reply with quote

นายกฯ สั่งปั้นพื้นที่ว่างเปล่าตลอดเส้นรถไฟฟ้าสายสีแดง

นายกฯ สั่งจัดการพื้นที่ว่างเปล่าตลอดเส้นรถไฟสายสีแดง

อังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 17.47 น. https://dailynews.co.th/economic/812996




นายกฯ สั่งจัดการพื้นที่ว่างเปล่าตลอดเส้นรถไฟสายสีแดง ให้หากิจกรรมทำให้เกิดประโยชน์ รฟท. พร้อมให้ประชาชนได้ทดลองนั่ง ก.ค.64 เร่งเคาะค่าโดยสาร หาร้านค้าให้บริการประชาชน ต้นปี 65 เล็งให้บริการรถไฟทางไกล 8 ขบวน
*รฟท.เร่งเคาะค่าโดยสารคาดแรกเข้าเริ่ม 15 บาท หวังปีแรกได้ผู้โดยสาร 86000 คนต่อวัน
*ต้นปี 65 ถึงคิวรถไฟทางไกล@สถานีกลางบางซื่อ - โดยเริ่มที่ ดพ. ทั้งแปดขบวนที่มีถังเก็บสิ่งปฏิกูลก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่สถานีกลางบางซื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ พร้อมรับฟังแผนการพัฒนาที่ดินบริเวณรอบสถานีกลางบางซื่อ และทดลองเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง ระหว่างสถานีกลางบางซื่อ - สถานีรังสิตด้วย อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ได้ใช้ความเร็วในการเดินรถสูงสุดอยู่ที่เกือบ 150 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) โดยใช้เวลาเดินทางจากสถานีกลางบางซื่อถึงสถานีรังสิต ประมาณ 30 นาที.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีแดง เป็นสายสำคัญที่จะมาเติมเต็มระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเป็นฟีดเดอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตามในระหว่างทางที่ได้นั่งทดสอบขบวนรถนั้น พบว่า ตลอดสองข้างทางยังมีพื้นที่ว่างเปล่าเป็นจำนวนมาก จึงมอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินกิจกรรมอะไรได้บ้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ย่านบางซื่อด้วย เพื่อจะได้ช่วยขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและการขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน 

ด้านนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ในเดือน ก.ค.64 จะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการ จากนั้นในเดือน พ.ย.64 จะให้บริการแบบเชิงพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราค่าโดยสาร เบื้องต้นค่าแรกเข้าน่าจะอยู่ที่ 15 บาท คิดตามระยะทางตามเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตามในระยะแรก รฟท. จะให้บริษัท รถไฟฟ้า รฟฟท. จำกัด เป็นผู้เดินรถ และบริหารจัดการไปก่อน ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีกลางบางซื่อนั้น อยู่ระหว่างการหารูปแบบในการเปิดประมูล แต่ในช่วงแรกจะมีการจัดหาร้านค้าให้บริการอย่างเหมาะสมก่อน สำหรับปริมาณผู้โดยสารในระยะแรกนั้นคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 8.6 หมื่นคนต่อวัน โดยในต้นปี 65 มีแผนจะให้บริการรถไฟทางไกลที่สถานีกลางบางซื่อด้วย ซึ่งจะเริ่มที่ 8 ขบวนก่อน 


https://www.facebook.com/PPTVHD36/posts/5301226999895036 https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2792792584275575
https://www.youtube.com/watch?v=ExhT43FDEEs
https://www.youtube.com/watch?v=EN0G624TOGo


Last edited by Wisarut on 17/12/2020 12:23 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42709
Location: NECTEC

PostPosted: 16/12/2020 3:32 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
รถไฟฟ้าสายสีแดง (จะ) มาแล้ว
ลม เปลี่ยนทิศ
วันอังคารที่ 15 ธัันวาคม 2563 เวลา 05:01 น.


การรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงการก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงที่ใช้ระยะเวลานาน 14 ปี และงบประมาณการก่อสร้างสูง
ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันพุธที่ 16 ธัันวาคม 2563 เวลา 05:01 น.


ตามที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2563 (กรอบบ่าย) คอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย โดยลมเปลี่ยนทิศ ได้เขียนบทความ รถไฟฟ้าสายสีแดง(จะ)มาแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลานาน 14 ปี และงบประมาณก่อสร้าง โครงการสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จากจุดเริ่มต้นโครงการ 59,888 ล้านบาท และโครงการที่จะแล้วเสร็จใช้งบประมาณสูงขึ้นถึง 110,000 ล้านบาท นั้น
การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 ได้อนุมัติโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต-บางซื่อ- ตลิ่งชัน โดยในส่วนของช่วงบางซื่อ-รังสิต ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการในกรอบวงเงิน 52,220 ล้านบาท มีขอบเขตงานโดยคร่าวระหว่างบางซื่อถึงรังสิต เช่น ทางรถไฟกว้าง 1 เมตร จำนวน 3 ทาง ยาว 26 กิโลเมตร มีสถานีบางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมืองและรังสิต รวม 5 สถานี และได้เสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ปรับแบบรูปแบบโครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เพิ่มศูนย์ซ่อม เพิ่มพื้นที่จอดรถใต้ดิน เพิ่มสถานีจตุจักร ทุ่งสองห้อง การเคหะ วัดเสมียนนารี หลักหก โดยรวมงานระบบควบคุมการเดินรถช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชันให้เป็นระบบเดียวกันทั้งโครงการ ปรับกรอบวงเงิน 59,888 ล้านบาท สำหรับช่วงปี 2551 มีการเจรจาหาแหล่งเงินกู้จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศญีปุ่น (JICA) ซึ่งใช้ระยะเวลาจึงเสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 ปรับราคาให้เป็นปัจจุบัน และรวมค่างานจัดหาตู้รถไฟฟ้า เป็นปรับกรอบวงเงิน 75,548 ล้านบาท ตามเงื่อนไขของแหล่งเงินกู้ จาก JICA ซึ่งได้ดำเนินการโดยวิธีประกวดราคานานาชาติ และ JICA เห็นชอบเอกสารประกวดราคางานและเริ่มกระบวนการประกวดราคาได้ช่วง สิงหาคม 2553 ซึ่งมีเงื่อนไขการประกวดราคาจะต้องผ่านการพิจารณาจาก JICA และเสนอ คณะรัฐมนตรี รับทราบผลการประกวดราคา สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างงานโยธาสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง และสัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ช่วงบางซื่อ - รังสิต ลงนามสัญญาจ้าง 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 18 และ 31 มกราคม 2556 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถระหว่างรถไฟชานเมือง (Commuter Train) และรถไฟทางไกล (Long Distance) จาก 3 ทางวิ่ง เป็น 4 ทางวิ่ง และปรับแบบสถานีกลางบางซื่อรองรับการเดินรถไฟทุกประเภท จากเดิม 16 ชานชาชา เป็น 24 ชานชาลา และมีความจำเป็นที่ต้องขยายความยาวอาคารสถานีกลางบางซื่อ การปรับปรุงนี้จึงไม่ต้องสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงเพิ่มเติมเป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกับสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟ โดยเสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 มีค่าก่อสร้างสองสัญญาเพิ่มขึ้น 8,140 ล้านบาท ส่วนสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า ผลการประกวดราคาหลังเจรจาเป็นเงิน 32,399 ล้านบาท ซึ่งได้เสนอ คณะรัฐมนตรี อนุมัติเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นเงิน 93,950 ล้านบาท นั้น
จากการดำเนินการดังกล่าว การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ระเบียบต่าง ๆ ครบถ้วน และด้วยมีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงสถานีกลางบางซื่อ และโครงการสายสีแดง ให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางระบบคมนาคมทางรางของประเทศ รองรับรถไฟรูปแบบต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนและเมื่อโครงการต่อเนื่องที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ประกอบด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ- นครราชสีมา และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ก็จะมีจุดเชื่อมต่อระบบรางที่สำคัญ ณ สถานีกลางบางซื่อ แห่งนี้ต่อไป
โครงการสายสีแดง มีการดำเนินงานและผลงานก่อสร้างล่าช้า ด้วยมีเหตุผลและความจำเป็นดังที่ชี้แจ้งข้างต้น ซึ่งเงินงบประมาณเป็นแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศ มีเงื่อนไขที่แหล่งเงินกู้กำหนดให้ผู้กู้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ มีผลให้ใช้ระยะเวลาดำเนินการจนกว่าแหล่งเงินกู้ จะได้ให้ความเห็นชอบ ประกอบกับ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และมีพื้นที่ก่อสร้างมีอุปสรรคระหว่างการก่อสร้างด้วยเป็นโครงการขนาดใหญ่พบปัญหาผู้บุกรุก ต้องสร้างรั้วป้องกัน อีกทั้งจะต้องรักษาการให้บริการขบวนรถทางไกล สายเหนือสายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ ให้สามารถเดินรถตามปกติ ซึ่งต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยของทั้งงานก่อสร้าง และควมปลอดภัยของการเดินรถเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการให้บริการเดินรถ ในการก่อสร้างในพื้นที่ใจกลางเมือง ซึ่งการรถไฟฯ ได้เร่งรัดดำเนินการโครงการสายสีแดง ผลงานก่อสร้างงานโยธาปัจจุบันแล้วเสร็จ เหลือส่วนงานระบบที่จะดำเนินการ เพื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในปลายปี 2564 ต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 92, 93, 94 ... 148, 149, 150  Next
Page 93 of 150

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©