View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
|
Back to top |
|
|
nop2
2nd Class Pass (Air)
Joined: 06/03/2008 Posts: 985
Location: เพชรบุรี
|
Posted: 20/02/2013 4:52 pm Post subject: |
|
|
ถ้ามีแค่โบกี้ล่ะกับรถจักรก็ไม่ได้หรอกนะครับ ต้องดูทางกับสภาพแว้ดล้อมข้างทางด้วย ไม่งั่นได้กินรถกินวัวกันทุกวันแน่ๆ _________________ "You are star I am darkness Our love brighter than the sun .." |
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 20/02/2013 4:58 pm Post subject: |
|
|
nop2 wrote: | ถ้ามีแค่โบกี้ล่ะกับรถจักรก็ไม่ได้หรอกนะครับ ต้องดูทางกับสภาพแว้ดล้อมข้างทางด้วย ไม่งั่นได้กินรถกินวัวกันทุกวันแน่ๆ |
ขณะนี้กำลังดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเรื่องนี้ ด้วยการกั้นรั้ว และปรับปรุงจุดตัดครับ |
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 09/04/2013 10:48 pm Post subject: |
|
|
ยังไงเสียก็ขอให้รถไฟโดยสารที่ใช้รถจักรทำขบวนในราง 1 เมตร วิงได้ เกิน 100 ทีเถอะครับ
และปรับปรงุเบรกให้เบรกได้สั้นเข้า ลดนัำหนักตู้ดยสารเพื่อให้ออกตัวเร็ว
เปลี่ยนแคร่ล้อเป็นรุ่นรองรับ 110 ให้หมด
จริงๆ ผมไม่อยากให้รถ กรุงเทพ สุรินทร์ 233 ใช้เวลามากโขขนาด 8 ชั่วโมงหรอกครับ
ผมอยากให้ลดเวลาลง อาจจะช้ากว่ารถทัวร์ไม่มาก แค่ 2.5%-5.0% โดยปรับปรุงสภาพทางให้มั่นคง ราง 100 ปอนด์ขึ้น หมอนคอนกรีต และ อัดหินโรงทางแน่นปึ๊กๆๆ กันรถโยก
จากปกติใช้เวลานานกว่าถึง 45% ก็ลดลงเยอะ ถ้าแก้ระบบเบรกจากท่อลมอัดท่อเดียวเป็น ท่อลมอัดสองท่อ และหม้อลมเบรกจากสองลูกเป็นสี่ลูก
รถเร็ว ก็ให้ใช้เวลาพอๆ กับรถทัวร์ เร็วกว่าซัก 1.2% ช้ากว่าซัก 1.5% ก็ยังดี ตอนนี้ช้ากว่าที่ 38%
รถด่วน ให้ใช้เวลาพอๆ กับรถทัวร์เลยแล้วกันครับ
รถทัวร์ วิ่ง 90-100-160 แต่ใช้ได้ความเร็วเฉลี่ยส่วนมากโดยประมาณ 65-70 กม.ชม.
รถไฟ ถ้าเป็นรถธรรมดา 233 น่าจะทำให้ได้ความเร็วเฉลี่ย ซัก 62-64 กม.ชม. จากเดิม วิ่งที่ 80-90 ไดความเร็วเฉลี่ยที่ 30 กม./ชม. ให้เพิ่มขึ้นซัก 62-65 หรือ 70
รถเร็ว ขอให้ได้ความเร็วเฉลี่ยซัก 75 รถด่วนให้ได้ซัก 80 ก็ดีแล้วครับผม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42628
Location: NECTEC
|
Posted: 09/04/2013 10:52 pm Post subject: |
|
|
JackSkyline wrote: | nop2 wrote: | ถ้ามีแค่โบกี้ล่ะกับรถจักรก็ไม่ได้หรอกนะครับ ต้องดูทางกับสภาพแว้ดล้อมข้างทางด้วย ไม่งั่นได้กินรถกินวัวกันทุกวันแน่ๆ |
ขณะนี้กำลังดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเรื่องนี้ ด้วยการกั้นรั้ว และปรับปรุงจุดตัดครับ |
อัดหินโรยทางหนาเป็นฟุตแบบ KTMB หรือยังหรือว่าต้องขนหินภูเขาไฟจากอินโดนิเซียมาเสริมกะหินเขากระโดง เพราะ ที่เป็นหินอัคนี หินชั้นอย่างบ่อศิลาบ้านหมี่ที่เพิ่งเลิกใช้ไม่เอาแล้วเพราะ มัก แตกละเอียดและแปรสภาพเป็นโคลนเมื่อโดนฝนชะลงดิน |
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 10/04/2013 2:02 am Post subject: |
|
|
Wisarut wrote: | อัดหินโรยทางหนาเป็นฟุตแบบ KTMB หรือยังหรือว่าต้องขนหินภูเขาไฟจากอินโดนิเซียมาเสริมกะหินเขากระโดง เพราะ ที่เป็นหินอัคนี หินชั้นอย่างบ่อศิลาบ้านหมี่ที่เพิ่งเลิกใช้ไม่เอาแล้วเพราะ มัก แตกละเอียดและแปรสภาพเป็นโคลนเมื่อโดนฝนชะลงดิน |
หินเขากระโดงยังมีเหลืออีกมากมายมหาศาลครับผม
ผมอยุ่บุรีรัมยื กองหินข้างปลายทางจุดสับเปลี่ยนรถไฟ
ยังมีอยู่เยอะ ครับผม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42628
Location: NECTEC
|
Posted: 10/04/2013 2:13 am Post subject: |
|
|
^^^
ได้อีกกี่พันล้านลูกบาสก์เมตรหละ? |
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 10/04/2013 10:42 am Post subject: |
|
|
ไม่ทราบครับ แต่น่าจะเยอะมาก ขยายเส้นทางและปรับปรุงทางได้ทั่วประเทศยังไม่หมดครับ เพาะสองสามปีมานี้เห็นรถไฟขนหินเข้ามาบ่อยมากกว่า 3 ครั้งต่อปี |
|
Back to top |
|
|
kikoo
1st Class Pass (Air)
Joined: 01/02/2010 Posts: 1667
Location: มอ.ตรัง และ สถานีตรัง
|
Posted: 10/04/2013 3:24 pm Post subject: |
|
|
สรุปให้เลยแล้วกัน
อยากให้ทางรถไฟรองรับความเร็วได้มากกว่าเดิม ต้องเข้าไปจัดการต่างๆกับปัจจัยดังนั้น
- ราง
- ประแจ
- หมอนรองราง
- หินโรยทาง
- จุดตัดถนน
- สะพาน
- สภาพรถและอุปกรณ์ส่วนควบ
- ระบบควบคุมการเดินรถและอาณัตสัญญาณ
- การดูแลและบำรุงรักษา
ที่ผ่านมาข้างบน ผมพูดไปโดยไม่คำนึงถึงขนาดความกว้างของรางครับ เพราะการให้ทางรถไฟรองรับความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ ไม่ว่ารางจะกว้างเท่าไหร่ ก็มีปัจจัยส่วนใหญ่เหมือนกับข้างบนนั่นแหล่ะครับ
ผมเคยได้รับทราบข้อมูลว่าสมัยก่อนเคยมีประเทศในยุโรป ทำการทดสอบความเร็วบนรางกว้าง1เมตร ผลคือสามารถวิ่งได้ถึง200กม./ชม.เป๊ะ! แต่ค่าความปลอดภัยต่ำมาก เอาไปใช้ให้บริการจริงๆไม่ได้...(คิดว่าคงให้อารมณ์เหมือนล้อรถไฟกำลังจะเหาะออกจากราง)
แต่ปัจจุบันรางกว้าง1เมตร วิ่งได้เร็วที่สุด(และยังมีค่าความปลอดภัยที่ยังยอมรับได้)คือ160กม./ชม.ครับ(โดยอาศัยการปรับปรุงตัวปัจจัยที่ว่ามาด้านบนนั่นแหล่ะ) _________________ ความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางช่วงที่วัง-กันตัง
http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5618 |
|
Back to top |
|
|
JackSkyline
Warning 3 (Final)
Joined: 11/02/2013 Posts: 118
|
Posted: 10/04/2013 9:38 pm Post subject: |
|
|
kikoo wrote: | สรุปให้เลยแล้วกัน
อยากให้ทางรถไฟรองรับความเร็วได้มากกว่าเดิม ต้องเข้าไปจัดการต่างๆกับปัจจัยดังนั้น
- ราง
- ประแจ
- หมอนรองราง
- หินโรยทาง
- จุดตัดถนน
- สะพาน
- สภาพรถและอุปกรณ์ส่วนควบ
- ระบบควบคุมการเดินรถและอาณัตสัญญาณ
- การดูแลและบำรุงรักษา
ที่ผ่านมาข้างบน ผมพูดไปโดยไม่คำนึงถึงขนาดความกว้างของรางครับ เพราะการให้ทางรถไฟรองรับความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ ไม่ว่ารางจะกว้างเท่าไหร่ ก็มีปัจจัยส่วนใหญ่เหมือนกับข้างบนนั่นแหล่ะครับ
ผมเคยได้รับทราบข้อมูลว่าสมัยก่อนเคยมีประเทศในยุโรป ทำการทดสอบความเร็วบนรางกว้าง1เมตร ผลคือสามารถวิ่งได้ถึง200กม./ชม.เป๊ะ! แต่ค่าความปลอดภัยต่ำมาก เอาไปใช้ให้บริการจริงๆไม่ได้...(คิดว่าคงให้อารมณ์เหมือนล้อรถไฟกำลังจะเหาะออกจากราง)
แต่ปัจจุบันรางกว้าง1เมตร วิ่งได้เร็วที่สุด(และยังมีค่าความปลอดภัยที่ยังยอมรับได้)คือ160กม./ชม.ครับ(โดยอาศัยการปรับปรุงตัวปัจจัยที่ว่ามาด้านบนนั่นแหล่ะ) |
แล้วที่ว่า รวมทั้งดีเซลราง และรถที่ใช้รถจักรทำขบวนยาวๆ ลากตุ้โดยสารด้วยใช่ไหมครับ
หรือเฉพาะจงเฉพาะ DMU หรือ EMU ก็ทำความเร็วได้ถึงนั้นได้จริงๆ
แต่ ขบวนที่ใช้รถจักรทำขบวนยาวๆ ก็น่าจะเกิน 120 ด้วยใช่ไหมครับ ถ้าจะว่าไปแล้ว |
|
Back to top |
|
|
|