หนีหนาว ตามรอยรถไฟ ไปคีรีรัฐนิคม

[mirage_II]

ขอบคุณ คุณksomchai และ คุณmoss-nonburi ที่แวะเข้ามาเิพิ่มเติมให้ครับ ในอันที่จริงผมไม่ค่อยได้สนใจ หาดบ้านกรูด นัก จนเห็นเพื่อนผมคนหนึ่งมาจากลำปางบอกจะไปเที่ยวที่นั่น อะ..อยู่ซะไกล มากรุงเทพฯสักที ตั้งใจไปที่นั่นผมเลยเริ่มสนใจ จนทริปสงกรานต์ปีที่แล้ว (2556) ขากลับผมลองขับรถลัดเลาะหาดบ้านกรูดดู ซึ่งก็สวยสงบดีไม่มีคนพลุกพล่าน และแอบเห็น พระเจดีย์บนยอดเขา ดูอลังการมาก ลงใต้ครั้งนี้เลยแวะดู ครับ เดี๋ยวจะพาไปชมหาดบ้านกรูด เพื่อไปมองดูพระเจดีย์บนยอดเขาอีกครั้ง เป็นการเรียกน้ำย่อย กุ่อนขึ้นไปสักการะนะครับ


กำลังเดินจะพ้นหลังคาชานชาลาหลังใต้สุดแล้ว ข้างหน้ามีซุ้มประตูอะไรน่าสนใจเหมือนกัน


เป็นที่ทำการแขวงบำรุงทางบ้านกรูด ทำประตูรั้วซะสวยแต่เก่าไปหน่อย ที่น่าสนใจคือ โลโก้กลมๆ ของฝ่ายการช่างโยธา มีคำขวัญอยู่ข้างบนด้วย "เราจักบำรุงทางให้มั่นคง"เป็นภาษาโบราณนะครับ ข้างล่างตรงผนังรั้ว มีประติมากรรมภาพนูนต่ำ รูปรถไฟกำลังข้ามสะพาน เป็นรถจักรไอน้ำด้วยครับ


มองต่อไป โอ..ป้ายชื่อสถานีอยู่ไกลจริงๆ ด้านนี้ เป็นชานชาลาไร้หลังคา โชคดีไ่ม่มีทั้งแดดและฝน เดี๋ยวต้องไปเก็บภาพป้ายประเพณีด้านนี้ให้ได้


เดินต่อไปอีก มองข้ามรั้วออกไป โอ้โฮ..บ้านใครใหญ่จริงๆ อ๋อ..ลืมไป อยู่ในที่ทำการแขวงบำรุงทาง ดูเหมือนไม่ได้ใช้งานแล้ว ปิดไว้เฉยๆ เห็นอย่างนี้ทำให้นึกถึง อาคารเรียนสมัยผมเด็กๆ หรือไม่ก็ที่ทำการอำเภอสมัยก่อนที่ยังสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง

[mirage_II]

มาถึงแล้วครับ ป้ายสถานีอันเป็นป้ายประเพณีที่ชาวคนรักรถไฟพลาดไม่ได้ เห็นแล้วฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ธงที่ติดอยู่บนแผ่นป้ายนั้น ปกติเขามักจะติดมุมซ้ายอันมุมขวาัอัน แต่ที่นี่ไปติดทีุ่มุมด้านเดียวกัน โดยมีแท่นจับเสาธงแยกไปทางด้านหน้าและหลังป้ายแทน มองมุมนี้เลยดูขาดสมดุลไป


้เลยจากป้ายชื่อสถานีด้านใต้ไป ยังมีชานชาลาต่อไปอีก คงมีไว้สำหรับขบวนรถยาวๆ ผู้โดยสารจะได้ไ่ม่ต้องปืนลงมาจากบันไดโบกี้ ลำบากมากเพราะพื้นข้างล่างคือหินกรวด เหยียบแล้วเท้าพลิกได้สบายๆ น่าเสียดายที่แสงจ้า (Over) ไปหน่อยเลยมองไม่เห็นปลายรางว่ามีทางรถข้ามอยู่ด้วย


หันกลับไปถ่ายภาพป้ายย้อนกลับไปทางอาคารสถานี เห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ อดคิดไ่ม่ได้ว่า น่าจะใช้คำว่า BanGrood เพราะคำว่า Bankrut นั้นดูเหมือนคำว่า Bankrupt ที่แปลว่า คนล้มละลาย หรือแ้ม้แต่การอ่าน ก็อาจเป็น "แบงค์รัท" หรือ "บ้านครัท" กับ "บ้านครุท" ได้เหมือนกัน


ขอภาพตัวเองไว้เป็นที่ระลึกสักภาพครับ

[mirage_II]

เดินลงไปที่รางสอง หันไปเก็บภาพทางทิศใ้ต้อีกที ลองขยายภาพปลายรางลิบๆ ที่จะเห็นเสาออก 2 ต้นเหมือนทางทิศเหนือ แต่มองไม่เห็นทางรถข้าม เพราะรางมันโค้งไปทางซ้ายเล็กน้อย และก็ไกล ลองวัดจาก GPS Map ดูประมาณ 600 เมตรกว่าๆ


หันหลังกลับไปมองทางสถานีบ้าง จากป้ายสถานีด้านใต้นี้ก็ไกลเหมือนกันนะครับ


เดินกลับไปทางสถานี ตามรางที่สอง แนวหลังคาชานชาลาดูสวยเป็นระเบียบ เพราะเสาสูงมาก

[mirage_II]

เดินมาถึงตรงกึ่งกลางสถานี หันไปมองอาคารสถานีอีกครั้ง นึกแปลกใจว่ามีพื้นคอนกรีตสี่เหลี่ยมจตุรัสอยู่ตรงระหว่างรางหนึ่งกับรางสองทำไมกัน


ลองเก็บภาพมุมกว้างบ้าง หลังคาชานชาลาทางขวาหลุดไปหน่อย


เดินต่อมายังทางเดินออกไปถนนตรงข้ามราง ซึ่งจะเยี้องๆ กับตรงกลางสถานีเล็กน้อย


หันไปทางถนน ซึ่งผมต้องไปทางซ้าย อ้อมสถานีไปหาดบ้านกรูดครับ

[mirage_II]

ก่อนจะออกเดินทางต่อ ขอกางแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมกูเกิ้ล เพื่อความเข้าใจ

เดี๋ยวผมจะล่องใต้ไปข้ามทางรถไฟ แล้ววกกลับมาด้านหลังสถานี ซึ่งกำลังมีตลาดนัดอยู่ และเป็นทางตัน ตรงสถานีตำรวจ (ผมไม่ทันสังเกตุว่าสามารถลอดใต้สะพานรถไฟได้ เพราะเป็นทางลาดลงไป มองไม่เห็น) จะไปหาดบ้านกรูดมีซอยเล็กๆ วิ่งออกมาได้


ผมเดินออกมาที่ถนนแล้ว หันไปมองรถที่จอดรออยู่ เห็นต้นจามจุรี ที่บานเหมือนพัดคลี่แล้วรู้สึกชอบมาก อยากมีที่ดินกว้างๆ จะได้ปลูกไว้สักต้น


เริ่มออกรถต่อไป ข้างหน้าเป็นอุโมงค์ต้นไม้อย่างที่คุณ ksomchai บอกไว้ สวยจริงๆ ครับ

[mirage_II]

มาถึงจุดตัดทางรถไฟแล้ว ก็เลี้ยวซ้ายกลับไปหลังสถานีอีกที


ข้ามรางมา เหลือบเห็นทางแยกตรงหัวโค้งที่ลัดไปหาดบ้านกรูดได้เลย แต่ผมเลือกไปหลังสถานีรถไฟดีกว่า เผื่อได้เห็นบรรยากาศตลาดนัดหลังสถานีบ้าง


นี่ไงครับ ตลาดนัดยามเช้าขายกันตั้งแต่ริมถนนไปถึงหลังสถานีรถไฟ สุดทางเป็นลานกว้างหน้าสถานีตำรวจ

[mirage_II]

ไปสุดทาง เป็นลานกว้างหน้าสถานีตำรวจ เห็นสะพานรถไฟเล็กน้อย ไม่ทันสังเกตุว่ามีทางลาดลงไปลอดใต้สะพาน ลืมถ่ายภาพมา เพราะมัวกลับรถอยู่ ตอนนี้กลับเข้ามาผ่านตลาดหลังสถานีอีกครั้ง รถเยอะเลยพอหาจังหวะถ่ายภาพมาได้


ระหว่างที่ผ่านหลังสถานี รีบหันไปถ่ายภาพ ถ้าหากเป็นช่วงบ่าย ลานจอดรถนี้คงโล่ง เห็นอาคารสถานีได้ชัดกว่านี้นะครับ


กำลังผ่านซอยเลี้ยวซ้ายไปหาดบ้านกรูด ไ่ม่มีป้ายใดๆ แถมแคบมาก


ผ่านช่องแคบมา ก็เป็นที่โ่ล่ง เจอป้ายบอกทางไป พระพุทธกิติสิริชัย บนยอดเขาธงชัย ให้เลี้ยวซ้ายข้างหน้า

[mirage_II]

ไหนๆ ก็มาบ้านกรูดแล้ว ไม่ควรพลาดไปชมหาดบ้านกรูดสักเล็กน้อยก็ดี ผมเลยไม่ีเลี้ยวซ้ายไปเขาธงชัยในตอนนี้ ตรงไปก่อนครับ


ใกล้จะถึงหาดแล้วละครับ เห็นหนุ่มสาวข้างหน้าคล้องแขนกันเดิน แล้วทำให้นึกอิจฉาตอนวัยรุ่นไม่เคยมีกับเขา เอ..แต่ดูๆไป ฝรั่งนี่นาแถมมีอายุแล้วด้วย


จอดรถมองไปที่ชายหาด ย้อนแสงแต่ให้ความรู้สึกเหมือนใกล้ค่ำเลย


มองไปข้างหน้า พอสังเกตุเห็นภูเขายื่นไปในทะเล นั่นแหละครับ เขาธงชัย ที่มีพระเจดีย์อลังการ และพระองค์ใหญ่ "พระพุทธกิติสิริชัย" ประดิษฐานบนโน้น

[mirage_II]

ไม่จุใจ ต้องจอดรถลงไปเดินย่ำหาดกันหน่อยครับ แล้วหันไปดูทางเขาธงชัยอีกครั้ง ซึ่งจะพอเห็นพระเจดีย์และพระองค์ใหญ่ บนเขาได้


ลองใช้กล้องซูมดู แต่วันนั้นอากาศมัวมาก ภาพเลยออกมาเบลอไม่ชัด นึกขึ้นได้ว่าผมเคยถ่ายในมุมนี้มาครั้งเมื่อตอนไปใต้ สงกรานต์ปีที่แล้ว เลยไปค้นหา พบว่าถ่ายได้ชัดกว่ามาก ดังที่เห็นครับ (ในคราวนั้นได้ขับรถลัดเลาะชายหาดตั้งแต่ หาดแม่รำพึง ตรง อ.บางสะพานขึ้นมาเลย)


มองไปทางขวามือ (ทิศใต้) บ้าง หาดทรายที่ดูเป็นหลุมๆ สมกับคำว่า กรูด เลย เพราะนึกถึงผิวมะกรูดที่ขรุขระ ผมพยายามหาประวัติ ที่มาของคำว่า บ้านกรูด ไม่ได้จริงๆ มีแต่ประวัติของเขาธงชัย ที่มาจากการทำพิธี "ธงชัยเฉลิมพล" ของพระเจ้าเอกาทศรถ ครั้งเื่มื่อยกพลลงมา


เดินลงไปใกล้น้ำทะเลให้มากที่สุด เพื่อจะได้สัมผัสธรรมชาติที่นี่ในยามเช้า คลื่นที่ซัดเข้ามาดูคล้ายฟองเบียร์ััจัง

[ksomchai]