View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 5:17 pm Post subject: |
|
|
เหลือบเห็นปืนใหญ่... ไม่ต้องคิดมากครับ มองกลับไปที่ศาลในแนวนี้ ดูจะไม่มีอะไรบังจากแนวบันไดเล็กที่ขึ้นมาครับ
อันปืนใหญ่โบราณนี้ มีถึง 2 กระบอก และตรงกลางมีปืนใหญ่จำลองขนาดเล็กทำด้วยสแตนเลสอีก 2 กระบอกด้วยครับ เสด็จเตี่ยทรงโปรดปืนมาก ผู้คนนิยมถวายท่านด้วยการยิงปืนหรือประทัดเป็นประจำครับ
ลองมาดูปืนใหญ่จำลองขนาดเล็กที่ทำด้วยสแตนเลสกัน ดูน่ารักดี แต่คงยิงได้จริง ถ้าใส่ดินปืนเข้าไปข้างใน แล้วทิ้งลูกปืนให้เข้าไปกระแทกดินปืนข้างใน บึ้ม!
แผ่นหินอ่อนที่ตั้งอยู่หลังปืนใหญ่จำลองนี้ ก็คือรายนามผู้บริจาคปืนจำลองนี้นั่นเอง แต่ดีที่มีรูปภาพพระองค์ท่านและพระนาม ไว้ข้างบน แหม..ดูทีแรกนึกว่า ป้ายชื่อบนฮวงซุ้ยซะอีก
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:32 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 5:55 pm Post subject: |
|
|
ตรงกลางระหว่างปืนใหญ่จำลอง 2 อันก็เป็นป้ายอันเดียวกับที่เห็นข้างล่าง ด้านนี้เป็นรายชื่อผู้ร่วมบริจาคเงินสร้าง หัวเรือหลวงพระร่วงจำลองนี้
เข้ามาดูใกล้ๆ ได้ข้อมูลที่สำคัญคือ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2533 - พ.ศ.2534 โอ..นานกว่า 20 ปีแล้วยังดูเหมือนเพิ่งสร้างใหม่เลย น่าจะสร้างพร้อมๆ กับศาลาหลังใหม่ หรือตำหนักบน (น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถค้นหาเวลาว่าสร้างขึ้นเมื่อใด)
มองไปทางหัวเรือ โอ..มีคนมายืนถ่ายภาพกันเยอะจริงๆ แม้ว่าจะแดดจัดในช่วงนั้นก็ตาม สู้ไม่ถอยเลย อาจเพราะวิวสวยและลมพัดเย็นสบายดีครับ
ผมเองก็ขอสักภาพครับ สังเกตุว่าโฟกัสไปอยู่ีที่เกาะมะพร้าวไกลๆ โน่น หน้าผมเลยเบลอไปหน่อย
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:35 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 6:11 pm Post subject: |
|
|
คนเยอะ คิวยาว ใครๆ ก็มาถ่ายภาพกันตรงหัวเรือนี่
ผมเลยขอแหวกแนว ยื่นกล้องออกไปข้างนอกรั้ว เก็บภาพมุมเสียวมาให้ดูแทน นี่ถ้าเ็ป็นเรือจริงๆ ข้างล่างก็เป็นทะเลนะครับ
ย้ายมายืนอีกฝั่งของหัวเรือ ตรงนี้พอจะเก็บภาพหัวเรือ ที่มีธงกองทัพเรือโบกสะบัดอยู่ด้วยได้
มองกลับไปทางฝั่งโน้น คนยังถ่ายภาพกันอยู่เช่นเดิม
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:37 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 6:59 pm Post subject: |
|
|
เหลือบเห็นห่วงชูชีพมีการพิมพ์ชื่อเรือหลวงอื่นๆ ด้วย เหมือนนำมาแจมกัน ที่แปลกคือ เป็นชื่อสถานที่ ที่ไม่ติดทะเล จ.สุรินทร์ และ อ.คีรีรัฐ(นิคม)
ตรงนี้ก็มีอีก 2 วง เป็นของ รล.เจ้าพระยา และ รล.ทองแก้ว ซึ่งสำหรับเรือหลวงทองแก้วนี้เป็นเรือระบายพล หรือขนส่งขนาดใหญ่ที่หน้าเรือเปิดได้คล้ายกับแพขนานยนต์ ครับ มีรูปดังข้างล่างนี้
ซึ่งมีเลขประจำเรือคือ 771 ในซีรีย์เดียวกับเรือระบายพลลำอื่นๆที่มีหน้าตาคล้ายกัน เช่น รล.ทองหลาง 772, รล.วังนอก 773, รล.วังใน 774
อนึ่ง เข้าไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรือ เลยได้ทราบว่า หมายเลขประจำเรือของกองทัพเรือนี้ เข้ามีนัยยะสำคัญด้วยนะครับ คือ เลขตัวแรกเป็นชนิดของเรือตามหน้าที่ คือ 1 เป็นเรือบัญชาการ, 2 เป็นเรือดำน้ำ, 3 เป็นเรือเร็วโจมตี, 4 เป็นเรือพิฆาตอาวุธหนัก, 5 เป็นเรือตรวจการณ์ขนาดเล็ก, 6 เป็นเรือทุ่นระเบิด, 7 เป็นเรือระบายพล, 8 เป็นเรือช่วยรบชนิดอื่นๆ 9 เป็นเรือขนส่งเครื่องบิน
เลขตัวที่สองเป็นชุดหรือเรือที่มีหน้าตาคล้ายกัน(หรือสั่งเข้ามาพร้อมกัน)จัดไว้ชุดเดียวกัน เลขตัวที่สามคือลำดับที่ในชุดนั้นๆ และสำหรับชื่อเรือก็มีหลักเกณฑ์การตั้งอีก (เยอะจัง) สำหรับเรือที่ตั้งตามชื่อจังหวัดก็คือเรือเร็วโจมตี เช่น รล.ชุมพร รล.สงขลา เป็นต้น อ้อ..และเรือหลวงพระร่วงนี้จัดเป็นเรือพิฆาตนะครับ โดยตั้งตามชื่อสกุล ยศศักดิ์ ต่างๆ ให้ดูน่าเกรงขาม และสำหรับหมายเลขประจำเรือหลวงพระร่วง เท่าที่ค้นหาดูไม่มี คงเป็นเรือรบลำแรก ตั้งแต่ยังไม่มีกฏเกณฑ์การตั้งหมายเลขประจำเรือนะครับ
เจาะรายละเอียดมากไปหน่อย กลับมาเดินทางกันต่อนะครับ ใกล้จะจบแล้ว..
หันไปมองทางเหนือ ด้านที่เป็นลานจอดรถบน ที่ผมเดินมาตอนแรก นับเป็นการหลงลืมของผม ที่อยากจะเดินลงบันไดด้านข้างหัวเรือไปห้องใต้ท้องเรือข้างล่าง ซึ่งอยู่ฝั่งนี้ตามลูกศรชี้ แต่เนื่องจากคนเยอะด้วยเลยลืมสนิท ถ้าผ่านมาคราวหน้า ก็จะแวะมาเดินลงไปดูสักครั้ง
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:39 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 7:23 pm Post subject: |
|
|
ก่อนจะไปจากหัวเรือหลวงพระร่วงจำลอง ลองมาดูภาพเรือหลวงพระร่วงของจริงแบบเต็มลำจากภาพนี้ สักหน่อยครับ
เห็นปล่องควัน 3 ปล่องเหมือนเรือเดินทะเลสมัยก่อน นั้นไม่ต้องสงสัยว่า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ เพราะสมัยก่อนยังไม่มีการใช้เครื่องยนต์ดีเซลกันมาก โดยเฉพาะเครื่องจักรขนาดใหญ่ ใช้ฟืนเผาต้มน้ำไปผลักลูกสูบ นั้นดูจะมีประสิทธิภาพกว่า แถมอยู่ในทะเลหาน้ำต้มก็ง่าย ดูในรูปแล้วไม่เห็นปืนใหญ่เลย แต่กลับมีแท่นยิงปืนระเบิดน้ำลึก 2 แท่น มีท่อปล่อยตอร์ปิโด 4 ท่อ เรียกกว่าเสือซ่อนเล็บ ต่างจากเรือเร็วแบบ รล.ชุมพร ที่เน้นการยิงบนอากาศเพื่อป้องกันเครื่องบินจู่โจมมากกว่า แต่ทั้งนี้ รล.ชุมพรก็ยังใช้เครื่องจักรไอน้ำเช่นกันครับ
มามะ..มาเดินทางต่อกัน เผลอเป็นไม่ได้ต้องฝอยข้อมูลเชิงลึกให้อีกแล้ว
ก่อนจะออกไปจากหัวเรือจำลอง ก็ขอเล็งด้านหน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ ว่าตรงกับจุดใดแน่ คนเยอะอีกแล้ว สรุปแล้วก็ตรงกับตรงกลางของป้ายหินอ่อนยาวๆ นั่นเอง ส่วนเสาธงนั้นจะเอียงไปทางขวา (ทิศเหนือ) เล็กน้อยครับ
ลงมาข้างล่าง รอบๆ เสาธงมีการนำเอาหัวจรวดมาล่ามโซ่เป็นเสมือนรั้ว โดยมีสมอเรือคู่เป็นเสมือนช่องเดินเข้าไปข้างใน
ข้างหน้าเสาธงมีตราสัญญลักษณ์กองทัพเรืออยู่ด้วยครับ
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:42 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 7:49 pm Post subject: |
|
|
มองไปที่หน้าศาลฯ ศาลานั่งไหว้ตอนนี้กลับมีคนเ้้ข้ามาไหว้กันเยอะอีกแล้วครับ ผมใช้เวลาสำรวจเรือมานานมาก ไม่มีเวลาไปจุดธูปแล้ว ต้องใช้มือเปล่าไหว้แทนก็แล้วกันครับ
ก่อนเข้าไป ขอเก็บภาพเต็มๆ ของศาลฯ หรือตำหนักบนของกรมหลวงชุมพรฯ สักภาพครับ ต้องยอมรับว่าหามุมถ่ายได้ยาก เพราะนอกจากคนจะเยอะแล้วยังมีศาลาข้างหน้าบังไว้อีก
พอดีตรงนี้มีป้ายข้อมูลเกี่ยวกับ ศาลกรมหลวงฯ แ่ต่เข้าไปดูแล้วกลับเป็นข้อมูลเกี่ยวกับศาลเดิมที่อยู่ข้างล่าง สรุปคือ มีพระรูปอยู่ 2 องค์สร้างด้วยทองสำริด องค์แรกสูง 90 ซม. พันเอกแสง จุลละจาริต กับคณะพนักงานรถไฟ (อ๊ะ..มีรถไฟมาเกี่ยวข้องด้วย) ร่วมสร้างในปี พ.ศ.2507 และนำมาประดิษฐานพร้อมศาล (แสดงว่าก่อนหน้านี้ไ่ม่มีศาล หรือมีแต่เป็นศาลเล็กๆ ไ่ม่ได้มีรูปหล่อของพระองค์) กับอีกองค์ที่มีขนาดเท่าพระองค์จริง อัญเชิญโดย พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในปีพ.ศ.2515 ซึ่งหลังจากนั้น 3 ปี รล.ชุมพรก็ปลดประจำการ และถูกนำมาประดิษฐานไว้ที่นี่ในปีพ.ศ.2522 อย่างที่ทราบกันครับ
มาเข้าไปไหว้เสด็จเตี่ย กันข้างในครับ
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:46 am; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 8:26 pm Post subject: |
|
|
ก่อนเข้าไปก็แหงนหน้าถ่ายภาพป้ายชื่อศาลฯ "ตำหนัก พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ อันเป็นพระนามพระราชทาน(สมัยนั้น รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดตั้งชื่อพระราชโอรสที่ดำรงตำแหน่งสำคัญตามชื่อจังหวัด) ซึ่งพระนามจริงของพระองค์คือ "อาภากร" และได้รับพระราชทานพระนามเป็น กรมหมื่นชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ หลังจากศึกษาจบและเข้ารับราชการเป็นรองผบ.ทหารเรือ ตำแหน่งเจ้ากรมยุทธศึกษาในปีพ.ศ.2443 และได้เลื่อนยศเป็น กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (เปลี่ยนคำว่าเขตร์เป็นเขต) ในปีพ.ศ.2463 หลังจากนำเรือหลวงพระร่วงกลับมาไทยได้สำเร็จและได้รับโปรดเกล้าให้เป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ต่อจากกรมพระนครสวรรค์(เจ้าฟ้าบริพัตร สุขุมพันธ์) เผลอร่ายประวัติศาสตร์อีกแล้ว
มองไปทางซ้ายมีตัวอักษรพิมพ์ไว้ที่กระจก "ชาวชุมพรจะปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณตำหนัก..ผู้ใดประสงค์จะบริจาคติดต่อได้ที่ ผู้ว่า..." และป้ายห้ามประทับทรงและจุดธูปเีทียนขึ้นบนตำหนัก สังเกตุตรงเสาหินอ่อนมีการพิมพ์สัญญลักษณ์กองทัพเรือสีทองไว้ด้วย
มองทางขวาก็มีสัญญลักษณ์กองทัพเรือเช่นกัน
ก่อนเ้ข้าประตูก็เก็บภาพอีกนิด แบบค่อยๆ ลุ้นครับ คนเยอะยังบังองค์พระรูปอยู่ครับ
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:49 am; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 8:49 pm Post subject: |
|
|
เข้ามาถึงซุ้มประตูด้านในตำหนักแล้ว ต้องผงะกับป้าย "กรุณางดถ่ายภาพ" ถึง 3 ป้าย จะปฏิเสธว่าไม่เห็นไ่ม่ได้ เลยต้องหยุดพักการถ่ายภาพได้เพียงข้างนอกเท่านี้
หลังจากเข้าไปไหว้พระองค์ท่านข้างใน ท่ามกลางคนที่หนาแน่น โดยเฉพาะตอนเดินวนอ้อมหลังรูปปั้น เสร็จแล้วออกมาก็เริ่มถ่ายภาพใหม่ โดยมองออกมาข้างนอกครับ
ออกมาก็ มาเก็บภาพป้ายคาถาบูชาเสด็จเตี่ยอีกครั้ง
แหงนหน้าขึ้นดูยอดตำหนักอีกที ลักษณะตำหนักเป็นจตุรมุข คล้ายมณฑป งามนัก
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:51 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Nakhonlampang
1st Class Pass (Air)
Joined: 29/03/2006 Posts: 3291
Location: เสนานิคม1-คลองหลวง
|
Posted: 24/07/2014 8:51 pm Post subject: |
|
|
mirage_II wrote: |
เหลือบเห็นห่วงชูชีพมีการพิมพ์ชื่อเรือหลวงอื่นๆ ด้วย เหมือนนำมาแจมกัน ที่แปลกคือ เป็นชื่อสถานที่ ที่ไม่ติดทะเล จ.สุรินทร์ และ อ.คีรีรัฐ(นิคม) |
กรณีชื่อเรือหลวงสุรินทร์นั้น เนื่องจากเรือหลวงสุรินทร์เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ตาม "ระเบียบกองทัพเรือ ว่าด้วยการแบ่งชั้นเรือ หมู่เรือ และการตั้งชื่อ เรือหลวง พ.ศ.๒๕๒๗" กำหนดให้เรือประเภทนี้ตั้งชื่อตามชื่อเกาะ และเรือลำนี้ตั้งชื่อตามชื่อเกาะสุรินทร์ จ.พังงา ครับ
ส่วนเรือหลวงคีรีรัฐ นั้นเเป็นเรือฟริเกต และตามระเบียบกำหนดให้ตั้งตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญ ซึ่งเรือลำนี้ตั้งชื่อตามชื่อแม่น้ำคีรีรัฐ จ.สุราษฎร์ธานี ครับ
ดังนั้นตามประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตมานั้น ต้องเข้าใจก่อนว่ามีสถานที่หลายแห่งที่มีชื่อเหมือนกันแต่อยู่คนละที่ และยังมีชื่อเรืออีกหลายลำที่มีชื่อคล้ายกับกรณีนี้ เช่น เรือหลวงอ่างทอง เป็นต้น
ปกติตามระเบียบการตั้งชื่อเรือนี้ มักจะกำหนดชื่อที่เกี่ยวข้องกับน้ำ หรือทะเล แต่ก็ยังมีเรืออีกบางประเภทที่ระเบียบกำหนดการตั้งชื่อตามสถานที่ที่ไม่เจาะจงว่าต้องเกี่ยวข้องกับทะเลครับ มีอยู่ 2 ประเภท นั่นคือ
1.เรือคอร์เวต ตั้งตามชื่อเมืองหลวง หรือเมืองสำคัญ ในประวัติศาสตร์ เช่น เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือหลวงสุโขทัย
2.เรือทุ่นระเบิด ตั้งตามชื่อสมรภูมิที่สำคัญ เช่น เรือหลวงบางระจัน เรือหลวงหนองสาหร่าย เรือหลวงลาดหญ้า เรือหลวงท่าดินแดง ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีการตั้งชื่อที่ไม่เกี่ยวกับสถานที่ใดๆด้วยครับ ถ้าสนใจก็ลองไปอ่านระเบียบการตั้งชื่อเรือได้ครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 24/07/2014 9:38 pm Post subject: |
|
|
ขอบคุณคุณหนุ่มมากครับ ที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ ผมเพิ่งทราบว่าคุณก็รอบรู้เรื่องเรือเหมือนกันนะครับ (เพราะชื่อบอกว่าอยู่ภาคเหนือ ) โอ..ผมลืมไปว่าชื่อจังหวัดนั้น บ่อยครั้งก็พ้องกับชื่อสถานที่อื่นๆ ด้วย ง่ายๆ ก็คือถนนในกรุงเทพฯเรานี่แหละ ตั้งชื่อเป็นจังหวัดในประเทศไทยซะก็หลายสาย โดยเฉพาะแถวใกล้ๆ ที่ทำงานผมละเพียบเลย
เดินออกมาทางซ้ายของศาลฯ (หันหน้าเข้าศาล) เจอกลุ่มสาวๆ ถือ ดอกไม้ธูปเทียนมาจากไหนกันนะ...
เดินต่อไปตามช่องทางออกที่รั้วบังคับไว้ เป็นศาลาเอนกประสงค์ อ้าว..เป็นจุดบริการธูปเทียน และประทัด ตลอดจนลูกปืน ผมเพิ่งทราบนะครับ เพราะตอนที่เข้ามา ผมไม่ได้เดินเข้ามาจากถนน คนก็มุงกันเยอะ จนดูไม่ออกว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง
หันกลับไปมองศาลฯ หรือตำหนักบน อีกที ซึ่งเป็นด้านข้าง น่าเสียดายจริงที่เขาห้ามถ่ายภาพ เลยจำไม่ได้ว่าข้างในศาลนั้นเป็นอย่างไร
ติดกับศาลฯ ทางด้านหลัง เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ ครับ ตอนแรกผมก็ไม่กล้าเข้าไป เวลาก็เหลือน้อยด้วย(3 โมงเย็นกว่าแล้ว เดี๋ยวต้องกลับกรุงเทพฯ ด้วย) แต่เห็นมีคนเดินออกมา ก็เลยรู้สึกสนใจ อีกหน่อยก็แล้วกัน
Last edited by mirage_II on 29/05/2015 8:55 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
|