ลัดเลาะแถวเมืองกาญจน์ (นี่แหละ)

Mongwin · Posted: 02/10/2015 11:10 am Post subject:

ขอบคุณคุณวิศรุตและพี่ตึ๋งครับ
พอสรุปได้ว่ายังไม่ได้สร้างโรงไฟฟ้านะครับ แค่มีโครงการเฉย ๆ Wink

black_express · Posted: 02/10/2015 11:16 am Post subject:

สี่โมงเช้า ล้อหมุนออกจากโรงแรมไปยังวัดชัยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) งานนี้ต้องอาศัยประสบการณ์เก่าคราวพาคณะ สตง.มาตรวจงานแถวราชบุรี กาญจนบุรี เลาะริมน้ำตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำแควมายังศูนย์แพเธค และถึงวัดโดยสวัสดิภาพ

ขอเป็นนายแบบคู่กับป้ายพิพิธภัณฑ์สงครามสักหน่อย จะใช้คำว่า "หุ่น" กลัวจะไปพ้องกับละคร "ห้องหุ่น" Razz

มีหลักซึ่งเป็นอภินันทนาการจากชาวญี่ปุ่นปักไว้หน้าพิพิธภัณฑ์ด้วยครับ

Wisarut · Posted: 02/10/2015 12:12 pm Post subject:

black_express · Posted: 02/10/2015 12:22 pm Post subject:

ลืมบันทึกไว้ครับว่าเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ ว่าต้องเกี่ยวข้องกับกับการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สงครามแห่งนี้แน่ๆ

แผนที่แสดงแนวทางรถไฟสายมรณะที่บางส่วนได้หายไปในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์เรียบร้อยแล้ว

ด้านหน้าอาคารแสดงครับ เป็นอาคารสำหรับเชลยศึกชาวฝรั่ง ซึ่งคิดว่าขนาดอึดอัดสำหรับเขา มีรูปถ่าย ภาพวาดของเหล่าเชลยศึก ผู้คุมชาวญี่ปุ่น เก็บอยู่ในนั้น และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

สำหรับค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 10 บาท และชาวต่างประเทศ 30 บาท/คน เวลาเปิด-ปิดระหว่างเวลา 08.30-16.30 น.

พ้นออกมาจากอาคารออกมาสู่บรรยากาศข้างนอก นอกจากประตูเข้า-ออกแล้ว ยังมีหอคอยสำหรับผู้คุมประจำการอยู่เหนือประตูอีกด้วย

black_express · Posted: 02/10/2015 1:16 pm Post subject:

มายังอาคารอีกหลังหนึ่ง ซึ่งมีทั้งห้องฉาย วิดีโอ และข้าวของเกี่ยวของกับสงครามสมัยนั้นที่ได้รับการบริจาคตั้งแสดงอยู่ พอเข้ามาครั้งแรกก็ตะลึงกับลูกระเบิดทำลายแล้ว

ขนาดพอๆ กับตั้งแสดงที่ชุมทางบ้านดารา กับสะพานข้ามแม่น้ำแควเลย

ส่วนหางของระเบิดที่มีเสียงดังหวีดหวิว เวเลาทิ้งจากเครื่องบินนั่นแหละ ถ้าถอดหางออกแล้ว ตัวระเบิดจะมีลักษณะจ้ำม่ำดังภาพบน

หมวกเหล็กทหาร เท่าที่ประเมินด้วยสายตา บางใบมีขนาดเล็กเท่ากับศรีษะของเด็กด้วยซ้ำไป

black_express · Posted: 02/10/2015 1:18 pm Post subject:

black_express · Posted: 02/10/2015 1:25 pm Post subject:

บรรดาปืนผาหน้าไม้ เวลเตรียมรบกับข้าศึกสมัยนั้น เพราะช่วงปลายสงคราม ทราบว่าตั้งที่มั่นประจันหน้ากับทหารญี่ปุ่นทุกหัวถนน

อีกข้างหนึ่งก็ไมแพ้กัน ลากดาบซามูไรกรากๆ ติดตัวตลอดเลย

บรรดาระเบิดขนาดน้อยใหญ่ ทั้งระเบิดทิ้ง ระเบิดยิง ต่างๆ กันครับ

black_express · Posted: 02/10/2015 1:39 pm Post subject:

ข้าวของที่บรรดาเชลยศึกฝรั่งนำมาขายให้กับคนไทยที่ส่วนใหญ่จะเป็นคุณบุญผ่อง สิริเวชชะพันธุ์ คอยรับซื้อครับ ล้วนแต่เหมาะสำหรับกินขนมปัง ผลไม้สักลูกสองลูก

แต่เมื่อเจอข้าวต้มที่มีน้ำมากกว่าข้าว กับผักกาดเค็มเข้า ฝรั่งเลยเอาไปขายดีกว่า

สำหรับชีวิตชาวบ้านก็ใช่ว่าจะมีความสุขสบายก็หาไม่ ยกเว้นอิสระในการจับปลาหากินกับการทำนาเก็บข้าวเท่าที่รัฐบาลกำหนดเท่านั้น เกินกว่านั้น ต้องนำขายให้กับรัฐบาลตามมาตรการควบคุมสินค้ายุทธปัจจัยครับ

ดังนั้น ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในตอนนั้นคือ พ่อค้าตลาดมืด

นั่นคือประวัติศาสตร์เมืองกาญจน์ฯ ที่เป็นเมืองหน้าด่านจนกระทั่งถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองครับ

black_express · Posted: 02/10/2015 1:50 pm Post subject:

ยังมีของดีที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผืนดินเมืองกาญจน์ฯ และมีชื่อเสียงทั่วโลก นั่นคือ "พลอย" ที่ อ.บ่อพลอย ครับ

ถึงแม้จะโรยราไปบ้างแล้วก็ตาม แต่กาญจนบุรียังจะกลายเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือเมืองทวาย ของสหภาพเมียนมาร์ ถึงแม้จะมีป้ายคัดค้านโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายนี้ก็ตามที

จะต้านโลกาภิวัฒน์ได้สักเท่าไหร่น้อ ?

พักสายตากับทิวทัศน์ริมแม่น้ำแม่กลองลงไปทางใต้ก่อนครับ อีกสัก 20 นาทีต่อมา ชาวคณะนั่งรถผ่านย่านเมืองกาญจน์ฯ มาปรากฎกายอีกครั้งหนึ่งที่เรือนแพริมสะพานข้ามแม่น้ำแควด้านเหนือ

แพหลังนี้แหละครับ มีกล้วยไข่ปลิดให้ชิมได้ฟรี พนักงานล้วนเป็นชาวมอญตามธรรมเนียม

เพิ่งนึกได้ว่า ต้มยำที่เขายกมาให้เสิร์ฟนั้น ไม่มีปลายี่สกด้วยแฮะ Laughing

black_express · Posted: 02/10/2015 2:08 pm Post subject:

พอท้องอิ่ม ก็ขอขึ้นมาทัศนาจรบนสะพานตามมอัธยาศัย ก็เริ่มต้นที่จุดประเพณีนิยมซึ่งพี่สมชายมายืนถ่ายรูปนั่นแหละ Laughing

มีป้ายเตือนก่อนเดินบนสะพานด้วยครับ สำหรับรถไฟนั้น ต้องบ่ายคล้อยโน่นแหละ ส่วนบริเวณทางเดินนั้น ปูแผ่นเหล็กทับอย่างดี ทั้งช่องกลางและช่องข้างสะพาน ก็หวานคอแร้งเราเท่านั้นสิ

น้องที่ตามมาด้วย ยังอาสาเป็นช่างกล้องให้กับฝรั่งนักท่องเที่ยวอีดก 2-3 ราย

มองไปยังฝั่งท่ามะขาม คงได้งบประมาณสนับสนุนมาเยอะ ถึงได้เห็นสะพานทาสีใหม่ตลอดตัวสะพาน