Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311232
ทั่วไป:13180039
ทั้งหมด:13491271
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 201, 202, 203 ... 471, 472, 473  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 26/07/2013 1:18 am    Post subject: Reply with quote

ตามไปดูขบวนรถไฟพิเศษของนายกฯปู สุดอลังการ เที่ยวพิเศษ หัวลำโพง-หัวหิน
เรื่อง/ภาพโดย นภสร บูรณสมภพ
มติชน
วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18:10:57 น.

เป็นที่ทราบกันดีว่า เร็วๆนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับปลัดกระทรวงในวาระพิเศษ โดยในครั้งนี้ จะมีการจัดการประชุมดังกล่าว "บนรถไฟ"โดยมีสถานีปลายทาง คือ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 8 และ 9 สิงหาคม 2556 - แต่ความพิเศษของรถไฟที่ไม่เหมือนใครขบวนนี้มีใครทราบกันหรือยัง?

โดยคุณสิริพงษ์ กลิ่นศิริ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและการขนส่งและ คุณชัชวาลย์ กนิษฐายน วิศวกรกำกับการกองซ่อมส่วนล่างรถดีเซลรางและรถปรับอากาศฝ่ายการช่างกล(วลป.) การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลถึงรถไฟขบวนพิเศษนี้ว่า ขบวนรถประชุมนี้แต่เดิมเป็นรถเจอาร์-เวสของประเทศญี่ปุ่น ถูกดัดแปลงขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 2553 ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับมอบในเดือนธันวาคมและนำมา ปรับแต่ง บำรุงใหม่เป็นการใหญ่ เพื่อนำมาใช้สำหรับให้บริการประชาชนทั่วไปที่มีความประสงค์ในการเช่าเป็นหมู่คณะเพื่อใช้ในการทำการประชุมหรือทำกิจกรรมต่างๆโดยเปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนมกราคม2554และสงวนราคาเช่าเริ่มต้นที่ 50,000 บาทต่อวัน

ซึ่งรถไฟขบวนนี้ประกอบไปด้วยโบกี้ถึงสามโบกี้ด้วยกัน เป็นโบกี้ปรับอากาศซึ่งภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงาม เพียบพร้อมไปด้วยห้องประชุมขนาดใหญ่ ห้องประชุมขนาดเล็ก ห้องเตรียมชากาแฟสำหรับการประชุม ห้องอาหาร ห้องนอนที่มีห้องน้ำส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร ห้องนอนสำหรับผู้ติดตาม ห้องน้ำรวม ห้องครัว บาร์เครื่องดื่มขนาดเล็ก และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้สำหรับการจัดงานประชุมสำหรับองค์กรต่างๆในภาคเอกชนมาแล้วหลายงานอาทิใช้จัดการประชุมของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนอีกทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีก็เคยเสด็จประทับมาแล้วด้วย

ล่าสุดทางฝ่ายการช่างกล การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยรูปงานออกแบบภายในรถไฟที่จะปรับปรุงให้กลายเป็นรถขบวนพิเศษในโครงการปรับปรุงรถโดยสารเจอาร์-เวสที่เป็นรถเก่าได้รับมอบจากประเทศญี่ปุ่นขณะนี้กำลังอยู่ในโรงงานที่มักกะสันรวมทั้งสิ้น4คัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปีหน้า

Pitipon Srioumsuk wrote:
จริงๆ ตามระเบียบ ถ้าเอาชุด 3 ม่วง บจพ.ป ขั้นต่ำต้อง 1 แสนบาทด้วยนะ ข่าวอาจจะคลาดเคลื่อน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 29/07/2013 6:37 pm    Post subject: Reply with quote

"คมนาคม" เกลี่ย 2 ล้านล้านใหม่ เติมให้ "ร.ฟ.ท." 4 พันล้านบาท
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:49:26 น.


ผลหารือระหว่าง "คมนาคม" กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ...วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาวาระ 2 และ 3 ต่อไป

ล่าสุด "คมนาคม" รีวิวโครงการได้ปรับลดวงเงินได้อีก 11,538.25 ล้านบาท จากกรอบรวมของกระทรวงเดิม 1,978,193.70 ล้านบาท เหลือ 1,966,655.45 ล้านบาท ขณะที่กรอบวงเงิน 2 ล้านล้านบาทยัง



คงเดิม แต่นำเงินที่ปรับลดไปสมทบในค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด จากเดิมกันไว้ 9,216.04 ล้านบาท เพิ่มเป็น 20,799.29 ล้านบาท

โดยวงเงินที่ลดลง มีทั้งปรับเพิ่มและปรับลด จำแนกเป็นค่าจ้างที่ปรึกษา ปรับลด 2,782.71 ล้านบาท จาก 44,373.48 ล้านบาท เหลือ 41,590.78 ล้านบาท, ค่าที่ดินเพิ่ม 7,205.41 ล้านบาท จาก 101,377.04 ล้านบาท เป็น 108,582.45 ล้านบาท ค่าก่อสร้างปรับลด 15,155.71 ล้านบาท จาก 1,533,816.79 ล้านบาท เหลือ 1,518,661.08 ล้านบาท, ค่างานระบบรถไฟฟ้าลด 805.25 ล้านบาท จาก 298,400.92 ล้านบาท เหลือ 297,595.67 ล้านบาท

ที่คงเดิมวงเงินลงทุนระบบโครงสร้างศุลกากร 41 แห่ง 12,545.26 ล้านบาท

เมื่อแยกเป็นรายหน่วยงานพบว่า "การรถไฟฯ" ได้งบฯเพิ่ม 4,258 ล้านบาท จาก 1,272,669.77 ล้านบาท เป็น 1,276,927 ล้านบาท "รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" ถูกปรับลด 15,556.65 ล้านบาท จาก 386,222.35 ล้านบาท เหลือ 370,665.70 ล้านบาท "กรมเจ้าท่า" ก็ถูกปรับลดไป 238.84 ล้านบาท จาก 29,819.50 ล้านบาท เหลือ 29,580.66 ล้านบาท

ส่วนที่ไม่ถูกตัดสักสตางค์เดียวมี "กรมทางหลวง" อยู่ที่ 241,080 ล้านบาท "กรมทางหลวงชนบท" 34,309.02 ล้านบาท "กรมการขนส่งทางบก" 14,093.07 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 29/07/2013 6:40 pm    Post subject: Reply with quote

เร่งระบบรางเชื่อมฐานผลิต3กลุ่ม
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม พิมพ์
ออนไลน์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฏาคม 2013 เวลา 07:46 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,865 วันที่ 28 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คมนาคมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องแผนพัฒนาฉบับที่ 11 มุ่งพัฒนาระบบรางเชื่อมโยงกทม.-หัวเมืองใหญ่และมุ่งสู่ประตูการค้าชายแดน หนุนรถไฟเชื่อมฐานการผลิตด้านการเกษตร อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ด้านสภาวิศวกรปลุกจิตสำนึกคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณของที่ปรึกษา

alt ดร.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวในการสัมมนา "วิศวกรกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งระบบราง" ว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกระทรวงให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ด้วยการเร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบรางให้เชื่อมโยงกรุงเทพมหานครกับหัวเมืองใหญ่ ตลอดจนการเชื่อมโยงสู่ประตูการค้าชายแดน นอกจากนั้นยังให้เชื่อมโยงสู่ฐานการผลิตสำคัญๆของประเทศใน 3 กลุ่มหลัก ๆได้แก่ ด้านการเกษตร ด้านอุตสาหกรรม และด้านการท่องเที่ยว
นอกจากนั้นยังมุ่งเน้นการใช้งานทางหลวงอาเซียนเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคหลักและด่านสำคัญต่างๆให้เกิดความคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงถนน 4 เลน พร้อมกับการหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทยในการจัดรูปที่ดินให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบรางของรัฐบาลอีกด้วย โดยปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยทางถนนในปี 2548 มีปริมาณ 1.76 แสนล้านตัน ในส่วนปี 2553 พบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นมากถึง 1.85 แสนล้านตัน คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ยในการขนส่งทางถนน 1.72 บาทต่อตัน-กิโลเมตร ทางราง ปี 2548 มีปริมาณ 3,002 ล้านตัน ในปี 2553 ลดลงเหลือเพียง 2,585 ล้านตัน คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ยในการขนส่งทางราง 0.93 บาทต่อตัน-กิโลเมตร ทางน้ำ ปี 2548 มีปริมาณ 5,555 ล้านตัน ปี 2553 เหลือเพียง 5,538 ล้านตัน คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ยในการขนส่ง 0.64 บาทต่อตัน-กิโลเมตร ทางอากาศ ปี 2548 มีปริมาณ 34 ล้านตัน ปี 2553 เพิ่มเป็น 33 ล้านตัน
ด้านดร.กมล ตรรกบุตร นายกสภาวิศวกร กล่าวว่าโครงการภายใต้งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ควรเปิดโอกาสให้วิศวกรไทยเข้าไปแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกับวิศวกรต่างประเทศให้มากที่สุด โดยเฉพาะการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดแต่ละโครงการ เพราะปัจจุบันไทยมีแอร์พอร์ตลิงค์ รถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าบีทีเอส วิศวกรไทยจึงสามารถต่อยอดองค์ความรู้ได้ทันที เพื่อก้าวไปสู่รถไฟความเร็วสูงที่อยู่ระหว่างการเร่งผลักดันของรัฐบาล
"ทิศทางวิศวกรไทยยังเปิดกว้าง การแข่งขันด้านวิศวกรยังมีสูงซึ่งเออีซีน่าจะเป็นการเปิดตลาดวิศวกรไทยที่รองรับการเปิดตลาดเสรีอาเซียนได้เป็นอย่างดี ล่าสุดจีน ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศก็พร้อมให้ความช่วยเหลือด้วยการรับวิศวกรไทยที่อยู่ในระบบงานราชการไปศึกษาดูงานและฝึกอบรมในประเทศนั้นๆ แต่ควรส่งบุคลากรที่มีศักยภาพเข้าไปเพื่อนำความรู้มาถ่ายทอดอีกที โดยโครงการภายใต้งบ 2 ล้านล้านบาท จะพบว่ามีการดำเนินการเชิงวิศวกรรมหลายสาขาควบคู่กันไป" นายกสภาวิศวกรกล่าวและว่า
ดังนั้นจึงอยากให้วิศวกรตระหนักถึงบทบาทของตนเองให้มากที่สุด ดำเนินการตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างยุติธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด เนื่องจากพบว่าช่วงที่ผ่านมาผลการศึกษาบางรายการจะขัดแย้งกับความเป็นจริง มีปริมาณผู้ใช้บริการที่ใส่ตัวเลขไว้สูงมากเกินไป เช่น รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์และรถไฟฟ้าใต้ดินที่กว่าจะมีผู้โดยสารตามผลการศึกษาต้องใช้เวลากว่า 10 ปี
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44323
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 02/08/2013 7:22 am    Post subject: Reply with quote

รฟท.เล็งรื้อแผนเดินรถใหม่รับรถไฟทางคู่
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 1 สิงหาคม 2556 18:00

รฟท.เตรียมรื้อแผนเดินรถไฟใหม่ รองรับรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ย่ำรถไฟจะวิ่งได้เร็วและตรงเวลามากขึ้น ขณะที่รายได้จะเพิ่มเท่าตัว

นายประจักษ์ มโนธัม รองผู้ว่าการหน่วยธุรกิจการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนการเดินรถไฟใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมรองรับรถไฟทางคู่ที่จะเริ่มก่อสร้างทันทีที่ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศผ่านการพิจารณาของรัฐสภา โดยแผนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของรถไฟ รวมทั้งทำให้การลงทุนคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อการก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้วเสร็จตามแผนการที่กำหนด รถไฟจะวิ่งได้เร็วและสามารถให้บริการได้อย่างมีศักยภาพมากขึ้น

"ที่ผ่านมารถไฟไม่ได้ปรับปรุงมานาน นอกจากสภาพรางเก่าแล้ว สภาพรถที่ให้บริการยังมีอายุการใช้งานนานมากจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้ง แต่เมื่อมีรถไฟทางคู่ครอบคลุมไปในทุกเส้นทาง จะช่วยให้รถวิ่งได้เร็ว และตรงเวลากว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน"นายประจักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อรถไฟมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ปริมาณผู้โดยสารก็เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ สำหรับรถด่วนพิเศษปัจจุบันใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-17 ชั่วโมง แต่เมื่อมีรถไฟทางคู่จะสามารถลดระยะเวลาเดินทางเหลือเพียง 9-10 ชั่วโมง ดังนั้นขบวนรถไฟที่ให้บริการในเส้นทางนี้จากเดิมที่ให้บริการได้วันละ 1 เที่ยว แต่ในอนาคตจะเพิ่มเป็นวันละ 2 เที่ยว ขณะที่รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณเท่าตัวด้วย

สำหรับความถี่ของขบวนรถไฟที่จะให้บริการในอนาคตเพิ่มขึ้นในทุกเส้นทาง โดยอาจจะกำหนดให้ครึ่งชั่วโมงมีรถไฟให้บริการ 1 ขบวนในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ เนื่องจากไม่มีปัญหารอหลีกเหมือนปัจจุบัน หากในอนาคตมีผู้โดยสารมากขึ้นก็อาจพิจารณาให้มีขบวนรถบริการทุก 15 นาที หรือเร็วกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร

โดย ตามแผนรฟท.จะได้จัดซื้อรถจักรเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เช่น รถจักรดีเซล จำนวน 20 คัน ที่ได้ลงนามสั่งซื้อไปแล้ว จะรับมอบได้ในอีก 15 เดือน โดยจะนำมาให้บริการขนส่งสินค้า ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างจะจัดซื้ออีก 50 คัน เพื่อนำมาให้บริการผู้โดยสาร และยังมีแผนจัดซื้อเพิ่มเติมอีกเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสารในอนาคต

"รถไฟ 1 คัน คิดเป็นเงินหลัก 100 ล้านบาท เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า และสอดคล้องกับการให้บริการอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการให้บริการผู้โดยสาร รวมทั้งเพิ่มรายได้ด้วย" นายประจักษ์ กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 08/08/2013 3:30 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ตามไปดูขบวนรถไฟพิเศษของนายกฯปู สุดอลังการ เที่ยวพิเศษ หัวลำโพง-หัวหิน
เรื่อง/ภาพโดย นภสร บูรณสมภพ
มติชน
วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18:10:57 น.


นายกฯ ขึ้นรถไฟเที่ยวพิเศษไปนครปฐม มอบ 3 ยุทธศาสตร์พัฒนารถไฟไทย
ข่าวการเมือง เดลินิวส์
วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556 เวลา 20:31 น.

นายกฯ ขึ้นรถไฟเที่ยวพิเศษไปนครปฐม มอบ 3 ยุทธศาสตร์พัฒนารถไฟไทย

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. เวลา 08.20 น. ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้ออกเดินทางโดยรถไฟเที่ยวพิเศษ (กรุงเทพ-หัวหิน) ไปยังจ.นครปฐม โดยก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพราะประเทศไทยไม่ได้มีการลงทุนขนาดใหญ่มาหลายปีแล้ว การลงทุนพื้นฐานมีความจำเป็นที่จะต้องทำ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากรัฐสภาเรื่องการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งใหญ่นี้จะตอบโจทย์ระยะยาวให้กัับประเทศ ทำให้เศรษฐกิจและขีดความสามารถของประเทศดีขึ้น รวมทั้งคุณภาพชีวิตของผู้โดยสาร ลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าต่าง ๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้เราจะได้มาพูดคุยกันอย่างจริงจัง การเดินทางโดยรถไฟเป็นสิ่งที่รัฐควรจะให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก เพราะประหยัดเรื่องพลังงานในระยะยาว และมีความปลอดภัยสูง แต่รถไฟไทยขาดการพัฒนามานาน จึงขอฝาก 3 ยุทธศาสตร์ให้กับกระทรวงคมนาคมได้นำไปปรับปรุงเพื่อที่จะลดการขนส่งทางถนนมาสู่ระบบรางให้มากขึ้น โดย 1.ต้องยกระดับการบริหารงานและการบริการให้ดีขึ้น มีค่าโดยสารเหมาะสม และความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมทั้งควรมีการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเอาสินค้าโอท้อปขึ้นมาขายและตกแต่งบนรถไฟ เพราะไม่ใช่แค่การทำให้มีจุดคุ้มทุน แต่ต้องทำให้ความเจริญรอบ ๆ ชุมชนเกิดขึ้นได้อย่างไรด้วย 2.จุดเชื่อมต่อที่เป็นสถานีต่าง ๆ ที่ลงไปสูู่ภูมิภาค ต้องทำให้เป็นจุดศูนย์กลางความเจริญ และหาเส้นทางใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้เปิดเมืองใหม่ไปสู่ภูมิภาคได้ และ 3. เชื่อมการเดินทางทั่วประเทศสู่อาเซียน โดยต้องวางระบบรางให้เชื่อมกับภูมิภาคในกลุ่มอาเซียน จะทำให้มีรายได้ใหม่จากผู้โดยสารจากประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องดูจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางคมนาคมอื่น ๆด้วย "การลงทุนให้กับประเทศครั้งนี้ นอกจากผลที่ได้จะเกิดกับประเทศและการรถไฟที่จะมีจุดคุ้มทุนแล้ว ผลที่ได้กับประชาชนคือการสร้างความเจริญในทุกที่ ดิฉันอยากเห็นโมเดลนี้เกิดขึ้น และที่เดินทางด้วยรถไฟครั้งนี้เพราะอยากรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้โดยสารตัวจริงที่เดินทางด้วยรถไฟด้วยว่าอยากเห็นการรถไฟไทยปรับปรุงอะไรบ้าง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินดูนิทรรศการที่การรถไฟนำมาจัดแสดงเรื่อง "รถไฟ....เส้นทางแห่งความสุข และความภูมิใจของคนทั้งประเทศ" ซึ่งประกอบด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้า ที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการตามนโยบาย พร้อมทักทายประชาชนที่มาใช้บริการภายในสถานีรถไฟหัวลำโพง ก่อนขึ้นรถไฟเที่ยวพิเศษ ออกจากสถานีหัวลำโพงในเวลา 09.00 น.โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที โดยระหว่างอยู่บนรถไฟ ได้ร่วมสัมมนากับรัฐมนตรีทีี่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารระดับสูงของการรถไฟถึงแนวทางพัฒนารถไฟไทย

//--------------------------------------------------------

นายกฯ พร้อมคณะหารือเชิงปฏิบัติการบนรถไฟเที่ยวพิเศษ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8
8 สิงหาคม 2556 09:21 น.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการบนรถไฟเที่ยวพิเศษ ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายปรับระบบขนส่ง และการเดินทางโดยรถไฟ โดยขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่มศักยภาพการคมนาคมให้มีความคล่องตัว เพื่อลดการขนส่งบนถนนไปสู่ระบบรางให้มากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงระบบการบริการ ดูแลความปลอดภัยของประชาชนให้เป็นศูนย์กลางความเจริญในภูมิภาค ซึ่งหากทำสำเร็จจะทำให้เกิดเมืองใหม่ในภูมิภาคต่างๆ เชื่อมโยงรองรับผู้โดยสารจากประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ขบวนรถไฟจะพักลงที่สถานีรถไฟนครปฐม จ.นครปฐมเป็นจุดแรก เพื่อกราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นจะเดินทางต่อไปยัง จ.ราชบุรี เพชรบุรี และจะพักค้างคืนอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีจะประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการเรื่องกรอบยุทธศาสตร์ประเทศ รวมทั้งสรุปแผนการดำเนินงานของคณะทำงานด้วย

//------------------------------------------------------------

“ปู” หวั่น ถกราชการบนรถไฟไม่สะดวก ปรับนั่งถึงนครปฐม ก่อนต่อรถไปประชุมแทน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7
7 สิงหาคม 2556 17:23 น.


“ยิ่งลักษณ์” เปลี่ยนใจ ปรับแผนวันพรุ่งนี้ จากนั่งรถไฟจาก กทม.เพื่อประชุมยุทธศาสตร์ประเทศ ที่ หัวหิน และถก หน.ส่วนราชการช่วงเดินทาง เป็นนั่งรถไฟไปนครปฐม แทน พร้อมประชุมพัฒนารถไฟช่วงเดินทาง ก่อนต่อรถยนต์พบปะ ปชช.9 ส.ค.ถึงถกส่วนราชการ แจง รถไฟที่แคบ เสียงรบกวนประชุม เสียเวลา ไม่เกี่ยวการเมืองเดือด

วันนี้ (7 ส.ค.) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ล่าสุดกำหนดการเดินทางไปราชการจังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ในวันที่ 8-9 ส.ค.โดยขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ กรุงเทพฯ-หัวหิน เพื่อประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการฯ เรื่องกรอบยุทธศาสตร์ประเทศ และสรุปแผนการดำเนินงานของคณะทำงาน 8 คณะ และข้อเสนอการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน

ซึ่งเดิมนายกฯมีแนวความคิดที่จะเดินทางโดยขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ กรุงเทพฯ-หัวหิน โดยระหว่างการเดินทางจะมีการประชุมกลุ่มย่อยกับหัวหน้าส่วนราชการบนรถไฟ และแวะทักทายกับประชาชน ตามสถานีที่ผ่านในแต่ละจังหวัด แต่ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการดังกล่าว โดยปรับการเดินทางของขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ เป็นกรุงเทพฯ-นครปฐม โดยระหว่างการเดินทางจะมีประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนารถไฟไทย และจากนั้นจะเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อพบปะกับประชาชนตามจุดต่างๆ ตามกำหนดการที่ได้จัดไว้ และในวันที่ 9 ส.ค.นายกฯจะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการฯตามเดิม

โดยแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับกำหนดการต่างๆ นั้น ยังเป็นไปตามเดิม แต่ปรับเรื่องขบวนรถไฟ โดยเปลี่ยนจากขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษกรุงเทพฯ-หัวหิน เป็นกรุงเทพฯ-นครปฐม เนื่องจากนายกฯเห็นว่าการประชุมบนรถไฟนั้น มีพื้นที่จำกัด ทำให้ที่นั่งไม่เพียงพอสำหรับผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบกับมีเสียงรบกวนจากเครื่องจักรรถไฟ ทำให้ประชุมไม่รู้เรื่อง โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอให้มีการเสริมเก้าอี้เพิ่มสำหรับผู้ร่วมประชุม แต่นายกฯก็เกรงว่าจะไม่สะดวก อีกทั้งเรื่องการลงพื้นที่ในแต่ละจุด หากต้องลงรถไฟไปแต่ละพื้นที่ แล้วย้อนกลับมาขึ้นรถไฟเพื่อไปจุดต่อไปอีกจะทำให้เสียเวลา นายกฯจึงปรับแนวคิดโดยให้เดินทางด้วยขบวนรถไฟถึงแค่จังหวัดนครปฐม และเดินทางต่อไปในจุดต่างๆ ด้วยขบวนรถยนต์แทน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแผนดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการรักษาความปลอดภัยในช่วงสถานการณ์การเมืองรุนแรงแต่อย่างใด

//----------------------------------------

“ปู” ลงฉึกฉักไหว้องค์พระปฐมฯ บึ่งรถดูนมหนองโพ สั่งเกษตรดูเลี้ยงโคครบวงจร

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8
8 สิงหาคม 2556 19:16 น.

นายกฯ และรมว.กห.ลงรถไฟที่นครปฐม ไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์ ไหว้พระร่วงโรจนฤทธิ์ กอดเด็กหญิง 8 ขวบโผล่ร้องไห้ ก่อนบึ่งรถไปดูนมหนองโพ คุยโซนนิ่งเอาพื้นที่ปลูกข้าวได้น้อยมาปลูกอ้อย หญ้า ข้าวโพด ฟาร์มแทน สั่งเกษตรดูเลี้ยงครบวงจร

วันนี้ (8 ส.ค.) ที่สถานีรถไฟ จ.นครปฐม เมื่อเวลา 10.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเดินทางถึงสถานีรถไฟ โดยมีนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าฯ จ.นครปฐม พร้อมข้าราชการ และประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯ ออกเดินทางจากสถานีรถไฟนครปฐมโดยรถสองแถว ทะเบียน 10-2248 นครปฐม ไปองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งระหว่างทางนายกฯ โบกมือทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับ เมื่อนายกฯ เดินทางถึงองค์พระปฐมเจดีย์ ได้ทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำ จ.นครปฐม และพบปะทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ระหว่างนั้นได้มีเด็กนักเรียนหญิง อายุ 8 ปีร้องไห้เข้าสวมกอดนายกฯ ด้วยความดีใจ

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชอุปถัมภ์) ต.หนองโด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เข้ารับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมปศุสัตว์ เรื่องการเลี้ยงโคนมและสถานการณ์การผลิตน้ำนมดิบ และดูขัั้นตอนการผลิต ก่อนมอบนโยบายแก่คณะผู้บริหารสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรีฯ และผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดราชบุรีว่า วัตถุประสงค์ของการมาดูงาน เป็นความต่อเนื่องจากการที่ได้นำตัวแทนเกษตรกรไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเลี้ยงโคนมที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเห็นควรนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาการเลี้ยงโคนมของไทย และมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกำหนดเขตโซนนิ่งพื้นที่การเกษตรให้มีความเหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการของตลาด

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ซึ่งจังหวัดราชบุรีมีพื้นที่การเกษตรในการปลูกข้าวที่ได้ผลผลิตไม่มาก จึงเห็นควรให้นำพื้นที่ดังกล่าวมาปลูกพืชชนิดอื่น เช่น อ้อย หญ้าสำหรับเลี้ยงโคนม ข้าวโพดสำหรับผลิตเป็นอาหารสัตว์ หรือปรับพื้นที่ให้เป็นฟาร์มเลี้ยงโคนม ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดราชบุรีพิจารณาความเหมาะสมกับความต้องการของประชาชนเป็นหลัก โดยรัฐบาลพร้อมทำงานสนับสนุนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สำหรับการเลี้ยงโคนมจะต้องร่วมกันวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน นำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นในภาพรวม และส่งผลให้รายได้ของประชาชนในจังหวัดราชบุรีเพิ่มขึ้น

“ขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการทำงานและบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบในเรื่องการเลี้ยงโคนม การตลาดอย่างครบวงจร พร้อมทั้งจัดหาแม่พันธุ์โคนมที่มีคุณภาพ พร้อมกับฝังชิปในแม่พันธุ์โคนมเพื่อจัดเก็บสถิติจำนวนผลผลิตน้ำนมดิบในแต่ละวัน รวมถึงจัดหาพื้นที่เพาะปลูกหญ้าและพันธุ์หญ้าที่ดีเพื่อเป็นอาหารให้กับโคนม และให้มีการส่งเสริมให้ความรู้กับบุคลากร เพิ่มทักษะในการเลี้ยงดูโคนม ทักษะการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมด้วย นอกจากนี้ ขอมอบหมายให้จังหวัดราชบุรีสำรวจกำลังการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ในจังหวัดให้สอดคล้องกับโรงงานผลิต สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางต่อมายัง ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เยี่ยมชมโครงการชั่งหัวมัน ตามโครงการพระราชดำริ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวบรวมพืชเศรษฐกิจนานาชนิดและเพื่อเป็นแนวทางการทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเกษตรกร โดยมีนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง นำชมโครงการ

ต่อมาเวลา 17.40 น.นายกฯ เดินมายังอุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ เนื่องในโอกาสมหามงคล 12 สิงหาคม มหาราชินี เรียนรู้และยืนยัน"กุยบุรีโมเดล"ที่ประสบความสำเร็จในการอนุรักษ์ช้างป่าและสัตว์ป่าดีเยี่ยมในระดับประเทศและระดับสากล พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกิจกรรมส่งสัตว์ป่าคืนวนา เพื่อป่าสมบูรณ์ ปลูกต้นไม้สร้างบ้านสัตว์ป่า ปลูกหญ้าทำโปร่งเทียม และทำการปล่อยกวางเนื้อทราย ไก่ป่า จำนวน 81 ตัว จากนั้นเดินทางเข้าพักโรงแรมรีเจนซี่ หัวหิน


//------------------------------------------
“ปูํ” พร้อมคณะนั่งรถไฟถึงนครปฐมกราบพระร่วงโรจนฤทธิ์-เจ้าคณะจังหวัด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8
8 สิงหาคม 2556 13:45 น.

นครปฐม - “ปูํ” พร้อมคณะนั่งรถไฟถึงนครปฐม กราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ และพระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ก่อนเดินทางโดยรถยนต์ไปสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี

เมื่อเวลา 10.20 น. วันนี้ (8 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟจังหวัดนครปฐม และได้นั่งรถสองแถวทะเบียน 10-2248 นครปฐม ต่อไปยังองค์พระปฐมเจดีย์ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้ากราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ และกราบนมัสการพระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ซึ่งได้ให้พรนายกรัฐมนตรีให้สุขภาพแข็งแรง และฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ พร้อมบริหารบ้านเมืองประสบผลสำเร็จ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พบปะกับกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และมวลชนจำนวนมากที่มารอต้อนรับ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวขอบคุณที่ให้กำลังใจ พร้อมยืนยันว่าจะทำหน้าที่ต่อไปอย่างดีที่สุด จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกเดินทางโดยขบวนรถยนต์ ไปยังสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ที่ ต.หนองโพธิ์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปการเลี้ยงโคนม และสถานการณ์การผลิตน้ำนมดิบของประเทศไทย ก่อนที่จะเยี่ยมชมโรงงานทั้งระบบรับน้ำนม ระบบแปรรูปผลิตภัณฑ์นม และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมหน้าโรงงาน ทั้งนี้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ใช้รถโฟล์คตู้สีดำทะเบียน นบ 1 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวบ้านอย่างมาก

สำหรับการเดินทางไปราชการในพื้นที่ จ.นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ระหว่างวันที่ 8-9 ส.ค.นี้ ในวันนี้ (8 ส.ค.) เวลา 08.15 น. นายกรัฐมนตรี และคณะ เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เดินทางด้วย​ขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษกรุงเทพฯ-หัวหิน จากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปสถานีรถไฟนครปฐม พร้อมกับมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนารถไฟไทยบนรถไฟด้วย

โดยก่อนการเดินทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบนโยบายการดำเนินการของการรถไฟฯ และการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นในการพัฒนาระยะยาว ต้องใช้เวลาในการวางแผน ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องคุยกัน โครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2 ล้านล้าน อยู่ในขั้นตอนของการขออนุมัติงบประมาณจากรัฐสภา ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อตอบโจทย์ของประเทศ ทำให้มีขีดความสามารถในการแข็งขันที่ดีขึ้น การสัญจร รวมไปถึงค่าโดยสารดีขึ้น การเดินทางด้วยรถไฟจำเป็นที่ต้องมีการพัฒนา

ดังนั้น การประชุมในวันนี้จะต้องมีการพูดคุยอย่างจริงจัง รถไฟควรที่จะได้รับการพัฒนามานานแล้ว แต่ถูกปล่อยปละละเลย ทั้งนี้ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน รวมไปถึงเป็นขวัญกำลังใจของพนักงานรัฐบาล รัฐบาลสนับสนุนการเดินทางด้วยรถไฟ อย่างไรก็ตาม ขอฝากยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานด้วยว่า

1.ส่งเสริมการขนส่งจากระบบจากบนถนน สู่ระบบราง นอกจากนี้ การลงทุนต้องมีการบริหารจัดการที่ดีด้วย และบริเวณรอบสถานีต้องมีความเจริญ
2.เน้นความคล่องตัวในการเดินทาง เพื่อให้เป็นจุดศูนย์กลางของความเจริญในแต่ละจุด ในแต่ละภูมิภาค และรวมไปถึงมีการเชื่อมโยงระบบขนส่งด้วย
//---------------------------------------------

ปูเปลี่ยนแผนขึ้นรถไฟต่อรถยนต์ กินลม"หัวหิน"

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 7
7 สิงหาคม 2556 20:21 น.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า กำหนดการเดินทางไปราชการจังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ในวันที่ 8 - 9 ส.ค. โดยขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ กรุงเทพฯ-หัวหิน เพื่อประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการฯ เรื่องกรอบยุทธศาสตร์ประเทศ และสรุปแผนการดำเนินงานของคณะทำงาน 8 คณะ และข้อเสนอการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน
ทั้งนี้จากเดิมนายกฯ มีแนวความคิดที่จะเดินทางโดยขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษ กรุงเทพฯ-หัวหิน โดยระหว่างการเดินทาง จะมีการประชุมกลุ่มย่อยกับหัวหน้าส่วนราชการบนรถไฟ และแวะทักทายกับประชาชน ตามสถานีที่ผ่านในแต่ละจังหวัด แต่ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการดังกล่าว โดยปรับการเดินทางของขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษเป็น กรุงเทพฯ-นครปฐม โดยระหว่างการเดินทางจะมีประชุมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนารถไฟไทย จากนั้นจะเดินทางด้วยรถยนต์ เพื่อพบปะกับประชาชนตามจุดต่างๆ ตามกำหนดการที่ได้จัดไว้ และในวันที่ 9 ส.ค. นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการฯ ตามเดิม
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับกำหนดการต่างๆนั้น ยังเป็นไปตามเดิม แต่การปรับแผนการเดินทางนั้น เนื่องจากนายกฯเห็นว่า การประชุมบนรถไฟ มีพื้นที่จำกัด ทำให้ที่นั่งไม่เพียงพอสำหรับผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบกับมีเสียงรบกวนจากเครื่องจักรรถไฟ อาจทำให้ประชุมไม่รู้เรื่อง โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอให้มีการเสริมเก้าอี้เพิ่มสำหรับผู้ร่วมประชุม แต่นายกฯ ก็เกรงว่าจะไม่สะดวก อีกทั้งเรื่องการลงพื้นที่ในแต่ละจุด หากต้องลงรถไฟไปแต่ละพื้นที่ แล้วย้อนกลับมาขึ้นรถไฟเพื่อไปจุดต่อไป จะทำให้เสียเวลา นายกฯ จึงปรับแนวคิดโดยให้เดินทางด้วยขบวนรถไฟถึงแค่จังหวัดนครปฐม และเดินทางต่อไปในจุดต่างๆ ด้วยขบวนรถยนต์แทน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแผนดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการรักษาความปลอดภัยในช่วงสถานการณ์การเมืองรุนแรงแต่อย่างใด

//--------------------------------------------------------------

เปิดทุกโบกี้รถไฟขบวนพิเศษ รับรอง 'นายกฯปู' สัญจร
ข่าวเศรษฐกิจ
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
8 สิงหาคม 2556, 08:12 น.


'ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์' พาไปทำความรู้จักแบบทุกซอกทุกมุมของรถไฟขบวนพิเศษ พา 'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' เปิดหวูดสัญจรจากกรุงเทพฯ ทำเวิร์กช็อปพัฒนารถไฟไทยปลายทางหัวหิน...

เช้าวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ เพื่อประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการพัฒนารถไฟไทย ถือเป็นการประชุมบนรถไฟครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนั้น ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปรู้จักรถไฟขบวนนี้

รถไฟขบวนพิเศษ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขบวนนี้ ประกอบด้วย 11 โบกี้ 4 โบกี้แรก เป็นรถปรับอากาศนั่ง และนอน ชั้นที่ 2 สำหรับรองรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ผู้บริหารการรถไฟฯ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักนายกรัฐมนตรี



โบกี้ที่ 5 เป็นตู้ปรับอากาศบริการอาหาร เป็นตู้เสบียงที่ 1 จะมีพ่อครัวประกอบอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมพนักงานนำไปบริการถึงที่นั่งของคณะเจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ตลอดเส้นทาง ทั้งอาหารเช้าอย่างข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มปลา อาหารว่าง รวมทั้งอาหารชื่อดังของการรถไฟฯ คือ ข้าวผัดรถไฟ และโอเลี้ยงรถไฟ

ถัดไปเป็นโบกี้ที่ 6 และ 7 สำหรับเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างๆ และสื่อมวลชน โบกี้ 2 ตู้นี้ชื่อว่า รถโอทอป จัดทำตามนโยบายรัฐบาล เพื่อนำเสนอสินค้าโอทอป โบกี้นี้ภายในถูกปรับปรุง และตกแต่งให้ดูทันสมัย สวยงาม ด้วยวอลเปเปอร์ลายไม้

ความพิเศษของรถไฟขบวนนี้ อยู่ที่ 4 โบกี้สุดท้าย ที่เป็นรถปรับอากาศ จัดให้สำหรับแขก VIP โดยโบกี้ที่ 8 ที่เป็นตู้เสบียง จะให้บริการอาหารเฉพาะ 4 โบกี้หลังเท่านั้น ส่วนในโบกี้ที่ 9 มีการติดตั้งจอโทรทัศน์ถ่ายทอดการประชุม ในโบกี้ถัดไป เป็นโบกี้ห้องประชุม ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินนวัตร นายกรัฐมนตรี จะได้รับฟังแผนพัฒนาการรถไฟฯ จากนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฯ

ถัดไปเป็นโบกี้ ห้องพักสำหรับรับรอง นายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม สไตล์คลาสสิก ด้วยวอลเปเปอร์ลายไม้ ห้องรับรองไม่แตกต่างจากห้องพักส่วนตัว ที่สะดวกสบาย มีของใช้ครบครัน นอกจากนี้ ยังมีห้องพักสำหรับผู้ใกล้ชิด หรือผู้ติดตามนายกรัฐมนตรีอีก 3 ห้อง ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องประชุมย่อย อย่างละห้อง

ส่วนโบกี้สุดท้ายเป็นโบกี้สำหรับเลขาธิการนายกฯ และคณะทำงานของนายกฯ ใช้เตรียมเอกสารและข้อมูลสนับสนุนสำหรับการประชุม

ขบวนรถไฟทั้ง 11 โบกี้นี้ จะนำคณะเจ้าหน้าที่สำรวจเส้นทางรถไฟ จากกรุงเทพฯ ถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมสร้างรถไฟความเร็วสูง ตามแผนพัฒนาระบบราง ที่ผู้ว่าการการรถไฟฯ จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ระหว่างเส้นทางก่อนถึงสถานีนครปฐม

"รางและหัวจักรรถไฟของไทย มีการใช้งานเกินอายุ ขณะนี้กำลังปรับปรุง โดยมั่นใจว่าใน 7 ปีข้างหน้า การพัฒนาระบบรางตามแผน จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ใช้บริการ ให้กลับมาประทับใจ ภูมิใจกับรถไฟไทย เพราะจะให้บริการเร็วขึ้น และตรงเวลามากขึ้น” นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟท. กล่าว

สำหรับรถไฟหรูหราขบวนนี้ ตามปกติเปิดให้บริการเป็นการทั่วไปอยู่แล้ว มีค่าเช่าบริการขั้นต่ำที่ 56,000 บาท ต่อวัน ใครที่อยากจะมาใช้บริการ ขอบอกว่าต้องจองล่วงหน้า เพราะ “คิวแน่นมาก”

//-------------------------------------------------

นี่ครับขบวนรถพิเศษที่ว่านี่
https://twitter.com/Wiroon_PJ/status/365266124851519489/photo/1

//------------------------------------

"ปู" นั่งฉึกฉักไปหัวหิน ถกปลัดฯ พัฒนารถไฟ ชูกู้ 2 ล้านล้าน พลิกโฉมชาติ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8
8 สิงหาคม 2556 10:21 น.


"ยิ่งลักษณ์" มอบนโยบายพัฒนากิจการรถไฟ ก่อนนั่งไปประชุมปลัดฯ ที่หัวหิน อ้างไทยขาดลงทุนโครงสร้างคมนาคมทำเสียโอกาสแข่งขัน ชู 3 ยุทธศาสตร์หลัก หวังเพิ่มการค้าชายแดนเป็นศูนย์กลางอาเซียน โวพลิกโฉชาติ

วันนี้ (8 ส.ค.) ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อเวลา 08.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายการพัฒนากิจการรถไฟ และเยี่ยมชมนิทรรศการ "ไทยแลนด์ 2020" และ"รถไฟ...เส้นทางแห่งความสุขและความภูมิใจของคนไทยทั่วประเทศ" โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนและรองหัวหน้าส่วนราชการ ​ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมงาน

โดยนายกฯ กล่าวว่า ในโอกาสที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้จัดให้มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ระหว่างวันที่ 8 – 9 ส.ค. ที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตนได้ถือโอกาสมาประชุมหารือการพัฒนาอนาคตรถไฟไทย และโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ การคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ ไม่ใช่แค่การเดินทางแต่เป็นการนำความเจริญไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของประเทศ ซึ่งในอดีต รถไฟเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งในการเดินทางของประชาชน ที่ต้องการความรวดเร็ว แต่ปัจจุบัน การเดินทางด้วยรถไฟได้ลดความสำคัญลงไป เนื่องจาก ประเทศไทยขาดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมานาน ทำให้เราสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน และการลงทุนจากต่างประเทศ

นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเล็งเห็นปัญหาดังกล่าว และต้องการแก้ไขปัญหาทั้งระบบอย่างยั่งยืน ให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่มั่นคงควบคู่กับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น จึงได้ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์หลัก

ยุทธศาสตร์ที่ 1 การลดการขนส่งทางถนน มาสู่การขนส่งทางระบบรางให้มากขึ้น (Modal Shift + Multimodal) โดยเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานระบบรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีการใช้งานมานาน ให้กลับมีสภาพที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพ และพร้อมรองรับต่อการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ยิ่งขึ้น

นายกฯ กล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเพิ่มความคล่องตัวในการคมนาคม (Mobility) เพื่อลดเวลาการเดินทางและการขนส่งสินค้า เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวไทย โดยการพัฒนาระบบรางรถไฟให้เป็นทางคู่ การพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟความเร็วสูง และการก่อสร้างทางสายใหม่ ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ให้ประชาชนได้เข้าถึงโครงข่ายระบบรถไฟได้มากขึ้น และ

ยุทธศาสตร์ที่ 3 เชื่อมการเดินทางทั่วประเทศ เปิดประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน(Connectivity) เพื่อเชื่อมโยงประเทศทั้ง 4 ภูมิภาค เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจและสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน เพิ่มปริมาณการค้าชายแดน ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประชาคมอาเซียน (ASEAN HUB)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า จากยุทธศาสตร์ทั้ง 3 ด้าน รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสามารถพลิกโฉมประเทศไทย ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกได้ดียิ่งขึ้น กระจายความเจริญภายในประเทศ ไปสู่เมืองที่รถไฟวิ่งผ่านและเมืองโดยรอบ ลดความเหลื่อมล้ำ ขยายโอกาส เพื่อความกินดีอยู่ดี และนำความสุขมาให้กับประชาชนในทุกภาคของประเทศ จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมการพัฒนาอนาคตรถไฟไทย บนรถไฟเที่ยวพิเศษกรุงเทพฯ-หัวหิน เพื่อนำผลการประชุมไปหารือในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ในวันที่ 9 ส.ค.ต่อไป

//----------------------------------------


Last edited by Wisarut on 09/08/2013 11:20 am; edited 5 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44323
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 08/08/2013 3:36 pm    Post subject: Reply with quote

นายกฯมอบ รฟท.เร่งพัฒนารถไฟ 4 ด้าน
โพสต์ทูเดย์ 08 สิงหาคม 2556 เวลา 14:22 น.

นายกฯมอบรฟท.เร่งพัฒนารถไฟไทย 4 ด้านเพื่อเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีรถไฟความเร็วสูงในปี2563

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือ ระหว่างนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงคมนาคม รวมถึงผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย บนรถไฟเที่ยวพิเศษ ว่า นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รายงานวิสัยทัศน์ในการพัฒนารถไฟไทยว่า มีการตั้งเป้าหมายในปี 2563 ให้รถไฟกลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอีกครั้งเมื่อการลงทุนตามโครงการ 2 ล้านล้านแล้วเสร็จ หลังจากที่ไทยเคยภาคภูมิใจที่มีรถไฟที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชียเมื่อ 100 ปีก่อน เพราะไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีรถไฟความเร็วสูง

นอกจากนี้ ยังได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาการรถไฟ คือ
1.ลดต้นทุนด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ต่อจีดีพี
2.เปลี่ยนวิธีการเดินทางของประชาชนจากรถมาใช้รถไฟมากขึ้น
3.ชักชวนให้ผู้ประกอบการหันมาขนส่งด้วยรถไฟมากขึ้น
4.เพิ่มสัดส่วนผู้โดยสาร
5.เพิ่มความเร็วเฉลี่ยของรถไฟไทย
6.สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่น เช่น สนามบิน ท่าเรือ เป็นต้น


นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยมีจุดมุ่งหมายให้เป็นโครงข่ายคมนาคมหลักของประเทศในราคาที่เหมาะสม รวมถึงให้มีการพัฒนาการบริการแบบครบวงจรด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น TCDC โดยจะใช้สถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นต้นแบบในการพัฒนา

นอกจากนี้ได้เสนอแนวทางการพัฒนาการรถไฟแห่งประเทศไทยใน 4 ด้านคือ
1.สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบรถไฟไทย
2.พัฒนาบริการเพื่อผู้โดยสาร
3.บริหารทรัพยากรของรถไฟที่มีอยู่ และ
4.พัฒนาบุคลากรของการรถไฟให้พร้อมรองรับการขยายตัวของรถไฟในอนาคต

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงการคลัง เพื่อสร้างต้นแบบในการพัฒนารถไฟและการบริหารสินทรัพย์ของรถไฟ

ทั้งนี้ ที่ประชุมบนรถไฟ ได้สรุปว่าจะเลือกเส้นทางรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และแอร์พอร์ตลิงค์ มาพัฒนาเป็นต้นแบบของรถไฟทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารพื้นที่สถานี จุดเชื่อมต่อ การออกแบบ การให้บริการทั้งบนชานชาลาและในรถไฟ นอกจากนี้ยังมีมติให้นำพื้นที่ของการรถไฟที่มีอยู่ เช่น พื้นที่มักกะสัน และที่ดินริมแม่น้ำ เพื่อหาทางล้างหนี้และภาระขาดทุนสะสมให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทในเบื้องต้นนั้น จะมีความยาวเส้นทางรวม 1,447 กิโลเมตร ผ่าน 24 จังหวัด มีเที่ยวรถไฟให้บริการกว่า 200 เที่ยวต่อวัน ให้บริการผู้โดยสารได้กว่า 40 ล้านคนต่อปี และยังมีการพัฒนารถไฟรางคู่ทั่วประเทศ โดยจะพัฒนาระบบรถไฟเดิมของไทยทั้งหมดให้เป็นรางคู่ เพื่อทำให้เพิ่มความสะดวกให้กับการขนส่ง และโลจิสติกส์ของประเทศ รวมถึงการสร้างรถไฟทางคู่ใหม่อีก 3 เส้นทางคือ เส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เส้นทางบ้านไผ่-มุกดาหาร และเส้นทางภาชี-นครหลวง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 09/08/2013 2:36 am    Post subject: Reply with quote

'ชัชชาติ' หยอด รฟท. มีศักยภาพทำ'รางคู่-ไฮสปีด'ได้
หน้าหลักเศรษฐกิจ
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
8 สิงหาคม 2556, 20:00 น.

"ชัชชาติ" หยอดคำหวานพนักงานการรถไฟฯ มั่นใจมีศักยภาพดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ลั่นไม่ทิ้งพนักงาน เตรียมจัดสรรงบจ่ายบำเหน็จ-บำนาญ...

วันที่ 8 ส.ค. 56 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ รมว.คมนาคม เปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การเตรียมความพร้อมรองรับการดำเนินโครงการภายใต้งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท สำหรับผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท และวิลล่าหัวหิน โดยย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งกระทรวงคมนาคม ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อใช้ดำเนินโครงการต่างๆ ถึง 80% ของงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท

โดยยืนยันว่า เชื่อมั่นในศักยภาพของการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่าจะสามารถดำเนินโครงการรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน ได้ แต่พนักงานการรถไฟฯ ต้องระดมกำลังในการขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสำเร็จ และย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ละทิ้งพนักงานการรถไฟฯ โดยเตรียมจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายบำเหน็จ-บำนาญให้พนักงาน

“ผมมาเพื่อพัฒนาพวกเราให้ดีขึ้น ไม่ทำความเสียหายให้พวกเราแล้วเผ่นหนี ผมเชื่อว่าพวกคุณอยู่นานกว่าผม และช่วงที่ผมอยู่ ผมจะทำให้ดีที่สุด” นายชัชชาติ กล่าว

ส่วนการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้โจทย์การรถไฟฯ ในการพัฒนารถไฟเส้นทางรถไฟ กรุงเทพฯ-หัวหิน ให้เป็นต้นแบบในการพัฒนารถไฟนั้น มองว่าฝ่ายวิเคราะห์โครงการจะต้องวางแผนการตลาดว่า จะเดินรถอย่างไรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร เช่น หากเดินทางมาลงรถไฟที่สถานีรถไฟหัวหิน จะสามารถเดินทาง หรือต่อรถเข้าไปท่องเที่ยวในเมืองได้อย่างไร

ทางด้าน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฯ กล่าวว่า พนักงานทุกคนจะต้องช่วยกันระดมความคิดเห็นว่า อีก 7 ปีข้างหน้า จะพลิกโฉมรถไฟอย่างไร หลังนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้พิจารณารายละเอียดวิธีดำเนินการ อาทิ อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ สาขาวิชาชีพ ที่มีความจำเป็นต้องรองรับต่อการพัฒนาโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ตลอดจนความร่วมมือกับกระทรวงการคลัง ในการลดภาระหนี้ของการรถไฟฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ จะทำอย่างไรให้การรถไฟฯ มีความคุ้มค่าจากการดำเนินงาน ซึ่งจะต้องทำงานร่วม ทีซีดีซี-ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบให้มีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการศึกษาเปรียบเทียบอัตราค่าโดยสาร ที่ควรจะเป็นเทียบกับอัตราค่าโดยสาร เครื่องบิน เพื่อให้ดึงดูดประชาชนมาใช้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคต

“ผมไม่ห่วงเรื่องเงิน 2 ล้านล้านบาท แต่ห่วงว่าอีก 2 ปีจากนี้ ใครจะมารับตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ ต่อจากผม เพราะจากประวัติศาสตร์การรถไฟฯ มันมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน” นายประภัสร์ กล่าว.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 09/08/2013 11:21 am    Post subject: Reply with quote

นายกฯ ประชุมบนรถไฟ เสนอพัฒนารถไฟไทย 4 ด้าน
ข่าวการเมือง
เดลินิวส์
วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556 เวลา 10:22 น.
นายกฯมอบนโยบายพัฒนากิจการรถไฟ-พร้อมหนุนแหล่งเงินงบประมาณ
โดย ณัฐญา เนตรหิน
ฐานเศรษฐกิจ
วันพฤหัสบดีที่ 08 สิงหาคม 2013 เวลา 11:20 น.

นายกฯ ประชุมบนรถไฟ เสนอพัฒนารถไฟไทย 4 ด้าน เลือกรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และแอร์พอร์ตลิงค์ พัฒนาเป็นต้นแบบของรถไฟทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายกฯ ประชุมบนรถไฟ เสนอพัฒนารถไฟไทย 4 ด้าน เลือกรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และแอร์พอร์ตลิงค์ พัฒนาเป็นต้นแบบของรถไฟทั้งระบบ นายธีรัตถ์​ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือ ระหว่างนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงคมนาคม รวมถึงผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย บนรถไฟเที่ยวพิเศษ ว่า นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รายงานวิสัยทัศน์ในการพัฒนารถไฟไทยว่า มีการตั้งเป้าหมายในปี 2563 ให้รถไฟกลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอีกครั้งเมื่อการลงทุนตามโครงการ 2 ล้านล้านแล้วเสร็จ หลังจากที่ไทยเคยภาคภูมิใจที่มีรถไฟที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชียเมื่อ 100 ปีก่อน เพราะไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ยังได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาการรถไฟ คือ

1.ลดต้นทุนด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ต่อจีดีพี
2.เปลี่ยนวิธีการเดินทางของประชาชนจากรถมาใช้รถไฟมากขึ้น
3.ชักชวนให้ผู้ประกอบการหันมาขนส่งด้วยรถไฟมากขึ้น
4.เพิ่มสัดส่วนผู้โดยสาร
5.เพิ่มความเร็วเฉลี่ยของรถไฟไทย
6.สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่น เช่น สนามบิน ท่าเรือ เป็นต้น

นายธีระ กล่าวว่า ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยมีจุดมุ่งหมายให้เป็นโครงข่ายคมนาคมหลักของประเทศในราคาที่เหมาะสม รวมถึงให้มีการพัฒนาการบริการแบบครบวงจรด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น TCDC โดยจะใช้สถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นต้นแบบในการพัฒนา นอกจากนี้ได้เสนอแนวทางการพัฒนาการรถไฟแห่งประเทศไทยใน 4 ด้านคือ

1.สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบรถไฟไทย
2.พัฒนาบริการเพื่อผู้โดยสาร
3.บริหารทรัพยากรของรถไฟที่มีอยู่ และ
4.พัฒนาบุคลากรของการรถไฟให้พร้อมรองรับการขยายตัวของรถไฟในอนาคต

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงการคลัง เพื่อสร้างต้นแบบในการพัฒนารถไฟและการบริหารสินทรัพย์ของรถไฟ นายธีรัตถ์ กล่าวด้วยว่าที่ประชุมบนรถไฟ ได้สรุปว่าจะเลือกเส้นทางรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และแอร์พอร์ตลิงค์ มาพัฒนาเป็นต้นแบบของรถไฟทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารพื้นที่สถานี จุดเชื่อมต่อ การออกแบบ การให้บริการทั้งบนชานชาลาและในรถไฟ นอกจากนี้ยังมีมติให้นำพื้นที่ของการรถไฟที่มีอยู่ เช่น พื้นที่มักกะสัน และที่ดินริมแม่น้ำ เพื่อหาทางล้างหนี้และภาระขาดทุนสะสมให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งนี้การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทในเบื้องต้นนั้น จะมีความยาวเส้นทางรวม 1,447 กิโลเมตร ผ่าน 24 จังหวัด มีเที่ยวรถไฟให้บริการกว่า 200 เที่ยวต่อวัน ให้บริการผู้โดยสารได้กว่า 40 ล้านคนต่อปี และยังมีการพัฒนารถไฟรางคู่ทั่วประเทศ โดยจะพัฒนาระบบรถไฟเดิมของไทยทั้งหมดให้เป็นรางคู่ เพื่อทำให้เพิ่มความสะดวกให้กับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศ รวมถึงการสร้างรถไฟทางคู่ใหม่อีก 3 เส้นทางคือ

1. เส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
2. เส้นทางบ้านไผ่-มุกดาหาร และ
3. เส้นทางภาชี-นครหลวง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 09/08/2013 11:41 am    Post subject: Reply with quote


Suphamas Baibang Plaumkusol wrote:
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟฯ การเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ๑ คน ๑ พลัง ร่วมใจกันสร้างความภาคภูมิใจให้กลับคืนมา เดิมตั้งใจกล่าวเปิด 5 นาที และสุดท้าย กว่า ชั่วโมง โดนใจ มากมาย
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44323
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 10/08/2013 11:58 am    Post subject: Reply with quote

นายกฯ ลุยยกระดับรถไฟไทย ประเดิมจี้ปรับปรุงส้วม
ไทยรัฐออนไลน์ 10 สิงหาคม 2556, 09:22 น.

'นายกฯปู' ร่ายยาวขายฝันพัฒนาการขนส่งระบบราง ทั้งรถไฟในปัจจุบันและโครงการที่จะเกิดในอนาคต กำหนดเป็นระยะสั้นและระยะยาว ประเดิมนโยบายด่วนจี๋คือ ให้ปรับปรุงห้องน้ำทั้งที่สถานีและบนขบวน ตลอดจนเอื้อคนพิการ...

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. มีรายงานว่า มีการเผยแพร่เทปรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยเป็นภารกิจที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางโดยรถไฟจากหัวลำโพงและร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบริการรถไฟ ก่อนทำภารกิจใน จ.นครปฐม ราชบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประชุมหัวหน้าส่วนราชการในระดับปลัดกระทรวง

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เดินทางโดยรถไฟเพื่อให้เข้าใจและเห็นสภาพแวดล้อมจริง การพัฒนารถไฟได้มอบให้เน้น 2 เรื่องคือ การแก้ปัญหารถไฟปัจจุบัน เพื่อให้บริการประชาชนดีขึ้น และอีกเรื่องคือ การแก้ปัญหาอนาคตรองรับโครงการลงทุนตามเงินกู้ 2 ล้านล้าน จากนี้ต้องมาดูผล ทั้งนี้ ระยะยาวการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. และกระทรวงคมนาคมมีการศึกษาผลตอบแทนการลงทุนแล้ว จึงให้รถไฟ 1 สาย เป็นกรณีศึกษาเพื่อให้เห็นภาพจริง ไม่ใช่มองแค่ค่าโดยสาร เส้นที่เร็วสุดสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ตั้งแต่ต้นทาง ในตัวสถานีมีอะไรบ้าง ทั้งบริการภาครัฐและเอกชน รายได้ การลงทุน นอกจากค่าโดยสาร และต้องคิดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า การศึกษานี้ เริ่มตั้งแต่ต้นทาง ศึกษาให้เป็นโมเดล ทั้งการเติบโต เศรษฐกิจโดยรวม รายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ การดูแลบุคลากร งานบริการ การนำสินค้าโอทอปในแต่ละสถานที่ใกล้พื้นที่มาขายให้มีรายได้อย่างไร จากนั้น ดูว่าบางสถานที่ของรถไฟจะต้องพัฒนา ทั้งที่ดินและแอร์พอร์ตลิงค์

ทั้งนี้ สิ่งที่รถไฟต้องทำในอนาคต หนี้ มีนโยบายอย่างไร มีหนี้จริง แต่มีที่ดินจะก่อให้เกิดรายได้ ต้องคิด ทำจากสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดรายได้ และต้องเน้นการบริกรประชาชนควบคู่ไป อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเป็นส่วนหนึ่ง แต่อยากให้มองโดยรวมทั้งความเจริญโดยรวมของบริเวณนั้น ดูภาพรวมด้านเศรษฐกิจ ทำให้ผู้โดยสารอื่นๆ มาใช้รถไฟอย่างไร เพราะนอกจากปลอดภัยแล้วยังลดใช้พลังงานจากรถยนต์ ในส่วนการพัฒนาขวัญกำลังใจบุคลากร ให้ไปศึกษาว่า ขวัญกำลังใจ อัตราการจูงใจ จำนวนบุคลากรให้พอ ทั้งหมดนี้ คือแผนระยะยาว ส่วนแผนสั้นคือ ให้เปลี่ยนห้องน้ำตามสถานี และห้องน้ำบนรถไฟ ตลอดนป้ายบอกทางที่จะทำให้มีผู้โดยสารมากขึ้น และคำนึงถึงคนพิการด้วย

นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการลงทุนตามโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้าน ว่า รถไฟรางคู่มีการพูดถึงมาตรฐานที่จะเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อบ้านในอนาคต ในส่วนรางเก่าจะขยายอย่างไร รวมทั้งเส้นทางต้องปลอดภัย ได้ฝากไว้ระหว่างประชุม

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงคมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของการสร้างรถไฟความเร็วสูงนอกจากเร็วแล้ว ยังจะได้อะไร คุ้มทุนหรือไม่นั้น ต้องมองด้านเศรษฐกิจด้วย สร้างงานเร็ว เปิดโอกาสในพื้นที่ เรื่องค่าตั๋วโดยสาร ต้องดูครอบคลุมค่าใช้จ่ายเดินรถและบุคลากร แต่จะเอาค่าตั๋วโดยสารมาชดเชยค่าใช้จ่ายลงทุนไม่ได้ ต้องมองการเจริญเติบโตของภาพรวมเศรษฐกิจ เช่น เมืองใหม่ การลงทุน โอกาสอื่นๆ เป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตโดยรอบตามเส้นทางมีการกระจายงาน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนการพัฒนาเมืองตามแนวเส้นทางดังกล่าว จะไม่เวนคืนที่ดินเอกชน เน้นใช้ที่หลวงก่อน ทั้งที่ดินราชพัสดุ และที่ดินราชการอื่นๆ ที่ไม่ใช้ประโยชน์ แต่ละสถานีจะแตกต่างกัน มีกรรมการดูรายละเอียด ส่วนรถไฟรางคู่จะสร้างโอกาสเพราะเป็นการขนสินค้าและคนที่ไม่ต้องการความเร็ว
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 201, 202, 203 ... 471, 472, 473  Next
Page 202 of 473

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©