ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Mongwin]

ลุ้นแผนยกเครื่องรฟท.ความฝันความหวังคนไทย
เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2556 เวลา 00:00 น.

การเดินทางโดยรถไฟ นับเป็นระบบการคมนาคมที่เก่าแก่ และเคยมีความสำคัญต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป รถไฟไทยกลับมีความสำคัญต่อคนไทยน้อยลงเรื่อย ๆ เป็นทางเลือกที่ถูกลืมของคนไทยไป

ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า แนวโน้มปริมาณผู้โดยสารและปริมาณการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟมีแนวโน้มลดลงตลอด และไม่ใช่รูปแบบการเดินทางหลักของประชาชนอีกต่อไป โดยปริมาณผู้โดยสารรถไฟ 1 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45 ล้านคน เมื่อเทียบกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ที่มีปริมาณผู้โดยสารวันละ 3 ล้านคน เท่ากับว่า รถเมล์ให้บริการแค่ครึ่งเดือนจะเท่ากับผู้โดยสารของรถไฟทั้งปี

เหตุผลสำคัญที่ทำให้บริการของรถไฟ...ถอยห่างจากหัวคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะระบบการคมนาคมรูปแบบอื่นทั้งรถยนต์สาธารณะ รถยนต์ส่วนตัว ถนนหนทาง เครื่องบิน หรือแม้กระทั่งเรือ ได้มีการพัฒนาต่อเนื่อง สะดวกสบาย รวดเร็วทันใจ สวนทางกับการบริการของรถไฟที่ไม่ได้เห็นการพัฒนา

มีแต่ข่าวรถไฟตกราง

ขณะที่ทุกวันนี้...มีแต่ข่าวรถไฟตกรางอยู่เป็นประจำและล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์รถไฟตกรางที่จังหวัดลำปาง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่คนไทยจะหันเหไปใช้บริการจากยานพาหนะอื่น ๆ แทน

หากย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ริเริ่มให้สร้างรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมาขึ้น ขณะนั้นคนไทยยังต้องแจวเรือ ขี่ม้า ลากเกวียนกันอยู่ ขณะที่เมื่อปี 2471 ที่เริ่มเปลี่ยนจากหัวรถจักรไอน้ำมาใช้หัวรถจักรดีเซลเท่านั้น ทั้งที่โลกใน พ.ศ.นี้ ก้าวไกลไปถึงดาวอังคารกันแล้ว

เฉลี่ยวิ่งได้ 48 กม.ต่อชม.

ด้วยสภาพอุปกรณ์ที่เก่า และเป็นองค์กรที่ถูกเพิกเฉยจากรัฐบาลในหลายยุคหลายสมัย ทำให้องค์กรม้าเหล็กกลายเป็นองค์กรคร่ำครึและมีปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะการให้บริการที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ ทั้งในแง่ภาพลักษณ์ ที่ใครหากคิดใช้บริการรถไฟ ต้องทำใจยอมรับว่า “ไม่เร่ง ไม่รีบ” เพราะมักเกิดปัญหาความล่าช้าเป็นประจำ เริ่มกันตั้งแต่เวลาออกจากสถานีต้นทางไปจนถึงปลายทางเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญความเร็วของรถไฟไทย ยังวิ่งได้เฉลี่ยเพียง 48 กม.ต่อชม. เท่านั้น

ขณะเดียวกันรางรถไฟบางช่วงในปัจจุบันก็มีอายุอานามไม่น้อยกว่า 100 ปี แถมเป็นรางขนาดเล็ก และหลายเส้นทางยังใช้หมอนไม้ ขาดการบำรุงรักษามายาวนาน ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุรถไฟตกรางถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสถิติในเดือน ก.ค. 56-ปัจจุบัน รถไฟไทยตกรางมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง บางเหตุการณ์ รุนแรงถึงขั้นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต

อีกปัญหาที่กลายเป็นปัญหาคลาสสิกจนลืมไม่ได้ คือ ความสะอาด เพราะสถิติร้องเรียนได้ฟ้องว่า ปัญหาห้องน้ำสกปรก น้ำไม่เพียงพอ ห้องโดยสารรถไฟมีกลิ่นเหม็น หรือเป็นแหล่งเพาะแมลงวันหรืออื่น ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้โดยสารรถไฟทุกคนล้วนประสบพบเจอมาแล้ว ขนาด นายกฯหญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ยังทนไม่ไหวออกมาจี้ให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เร่งปรับปรุง แก้ไขความสะอาดของห้องน้ำอย่างเร่งด่วน หลังเสร็จจากการประชุมบนรถไฟขบวนพิเศษกรุงเทพฯ-หัวหิน

“ชัชชาติ” เรียลิตี้โชว์

กระทั่งล่าสุด “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รมว.คมนาคม ยังได้เดินสายออกเรียลิตี้โชว์ผ่านเฟซบุ๊ก ขึ้นรถไฟสายยาวกรุงเทพฯ-สุรินทร์ แบบไม่จัดฉาก ซึ่งก็พบปัญหาหลายอย่างตลอดการเดินทาง ทั้งเรื่องน้ำในห้องน้ำไม่เพียงพอ มีต้นไม้ยื่นมาเกะกะ เป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร รวมถึงปัญหาความไม่ตรงต่อเวลาของรถไฟ เพราะกว่าจะออกเดินทางได้ก็ล่าช้าไปนานถึง 30 นาที ขณะที่กว่าจะถึงปลายทางที่จังหวัดสุรินทร์ ก็ล่าช้ารวมกันไปกว่า 2 ชม.

เหล่านี้...ล้วนเป็น ’ปัญหาหมักหมม” คู่กับรถไฟไทยมาช้านาน โดย รฟท. ก็ยอมรับความจริง เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านโครงสร้าง และทรัพยากรการเดินรถในหลายด้าน ทั้งหัวรถจักร ที่ปัจจุบันเหลือใช้งานประมาณ 200 หัว และใช้งานได้จริงเพียง 160 หัว ถือว่าน้อยมากเพราะที่จริงต้องมีไม่ต่ำกว่า 300 หัว ส่งผลให้หัวรถจักรต้องใช้งานตลอดเวลา ไม่มีเวลาพักเครื่อง เวลาบำรุงรักษา อย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ยังมีปัญหารางเก่า หลายเส้นทางยังเป็นหมอนไม้ ไม่ใช่คอนกรีต จึงเกิดชำรุดทรุดโทรมได้

ผู้ว่าการรฟท.ย้ำเร่งแก้ปัญหา

เรื่องนี้ “ประภัสร์ จงสงวน” ผู้ว่าการ รฟท. ออกมายอมรับแบบไม่ต้องปั้นหน้าว่า กำลังแก้ไขปัญหาของ รฟท.อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระยะสั้น อย่างเรื่องความสะอาด หรือห้องน้ำ ซึ่งเวลานี้ได้ทำใน 2 ด้าน คือให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำความสะอาดบนรถไฟถี่ขึ้นโดยเฉพาะเส้นทางยาว ขณะที่เรื่องน้ำในห้องน้ำหมด ได้สั่งให้แวะเติมน้ำระหว่างทาง แม้เสียเวลาไปบ้าง 5-10 นาที รวมไปทั้งรณรงค์ให้ผู้โดยสารใช้สอยน้ำอย่างประหยัด เพราะบางคนเข้าไปใช้อาบน้ำ ไปเทน้ำล้างมือล้างเท้าฟุ่มเฟือยทำให้น้ำหมดเร็ว ขณะที่ด้านความปลอดภัยได้เพิ่มความเข้มงวด หากหัวรถจักรใดไม่พร้อมก็ให้ยกเลิกเที่ยวเดินทางไป รวมถึงให้ชะลอความเร็วเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ทุกคนรู้ปัญหาเป็นอย่างดี แต่ที่ผ่านมาการพัฒนากลับล่าช้า แต่ใน 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลหลายชุดเริ่มใส่ใจปรับปรุงรถไฟมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 2552 สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล มีการจัดสรรงบประมาณ 176,808.28 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟทั้งระบบ ตั้งแต่การซื้อหัวรถจักร ตู้โดยสาร ซ่อมแซมระบบราง ไม้หมอน รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ

ผู้ว่าการประภัสร์ บอกว่า ปัญหาเหล่านี้กำลังเร่งพัฒนาอยู่ โดยได้ลงนามจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลนำมาขนส่งสินค้าแล้ว 20 คัน ทยอยส่งมอบทั้งหมดในอีก 15-19 เดือนข้างหน้า ส่วนอีก 50 คันที่นำมาให้บริการผู้โดยสาร อยู่ระหว่างเปิดประกวดราคา คาดลงนามกับบริษัทที่ชนะได้ในเดือนก.ย. และที่เหลืออีก 7 คัน กำลังจัดทำรายละเอียดเพื่อเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติจัดซื้อ

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างตู้รถโดยสารอีก 115 ตู้ รวมถึงแคร่ขนส่งสินค้า 308 คัน ขณะที่การปรับปรุง ซ่อมแซมรางรถไฟทั่วประเทศไปแล้วได้ 80% จากเส้นทางทั่วประเทศกว่า 4,000 กม. และจะแล้วเสร็จไม่เกินปี 2557 หากสำเร็จตามแผนทั้งหมดในปี 2558 รฟท.คาดหวังว่าจะช่วยยกระดับการให้บริการรถไฟ จากวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 40-50 กม.ต่อชม. เป็น 100-120 กม. ทำให้การเดินทางไปเชียงใหม่จะเหลือเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้น

พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ช่วยได้

อีกหนึ่งความหวังสำคัญที่ยังช่วยปฏิวัติวงการรถไฟไทยครั้งใหญ่ คือ พ.ร.บ.เงินกู้เพื่อลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้านระบบขนส่ง วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ที่คาดกันว่าสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณากันในปลายเดือนส.ค.นี้ เพราะเงินกว่า 75% จะนำมาพัฒนาระบบราง หรือ 1.4 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะการพัฒนารถไฟทางคู่ 6 สาย ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย, ลพบุรี-ปากน้ำโพ, มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ, ชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น, นครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ที่หากทำได้จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความเร็ว

เห็นได้ว่าช่วงนี้เป็นจังหวะดีที่ รฟท.จะได้มีโอกาสสางปัญหา ยกเครื่ององค์กรม้าเหล็กครั้งใหญ่ให้กลับมาไฉไล เป็นบริการหลักของไทยได้อีกครั้ง แต่ทว่ายังมีอีกสิ่งที่ยังพูดถึงกันน้อย คือการพัฒนาเรื่องคน วัฒนธรรมเดิมขององค์กร ที่นักวิชาการหลายฝ่ายหนุนให้รัฐบาลเร่งปรับปรุงแก้ไขให้พร้อมกับการใช้งบ เช่น ให้มีการแยกเป็นบริษัทลูกให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น เพราะหากจะมุ่งแต่อัดฉีดงบประมาณมาก แต่การบริหารยังโบราณเหมือนเดิม ก็ห่วงกันว่า อนาคตรถไฟไทยจะเป็นแค่ตำนานในหน้าประวัติศาสตร์เท่านั้น.

[Wisarut]

อารยสถาปัตย์รถไฟไทยยุคใหม่ :
คอลัมน์ กฤษนะทัวร์ยกล้อ
โดย... กฤษนะ ละไล
คมชัดลึก
วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2556

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้เดินทางไปใช้บริการโดยสารรถไฟไทยครั้งแรกในรอบ 20 ปี เลยถือโอกาสสำรวจอารยสถาปัตย์ของรถไฟ และสถานีรถไฟในปัจจุบันไปด้วย โดยมีคุณประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย นำชม
สมัยก่อน ถ้าไปถามใครก็ตามที่นั่งวีลแชร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ป่วยพักฟื้น ว่าไปขึ้นรถไฟกันมั้ย ? เชื่อว่าทุกคนต้องส่ายหัว เพราะเดาได้เลยว่างานนี้ ต้องยกต้องแบกกันทั้งขึ้นทั้งล่องแหง ๆ อีกทั้ง จะเข้าห้องน้ำห้องท่าทีก็แสนยากลำบาก ทำให้การเดินทางโดยสารรถไฟของคนกลุ่มนี้ ถูกตัดขาดจากระบบรถไฟไปโดยปริยาย
แต่รถไฟไทยสมัยใหม่ในปัจจุบัน กำลังลบภาพ และความรู้สึกแย่ ๆ ที่ผู้คนเคยมีมาแต่เก่าก่อนให้หมดสิ้นไป ด้วยการเร่งแก้ไข และปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการให้บริการผู้โดยสารรถไฟ ทุกกลุ่มทุกวัย และทุกสภาพร่างกาย โดยใช้หลัก “อารยสถาปัตย์” หรือการออกแบบที่เป็นธรรม ทั่วถึง และเท่าเทียม ด้วยการระดมสร้างทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับคนทั้งมวลทั่วทั้งระบบการโดยสารรถไฟ
เริ่มตั้งแต่ “ทุ่งวัวลำพอง” ในอดีต หรือ “หัวลำโพง” ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟเก่าแก่ที่สุด ของเมืองไทย เพราะเริ่มสร้างตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัชการที่ 5 แต่มาแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2459 ในสมัยรัชการที่ 6 นับถึงปัจจุบัน สถานีรถไฟหัวลำโพงมีอายุเก่าแก่ถึง 97 ปีแล้ว
สภาพโดยรวมในปัจจุบัน สถานีรถไฟหัวลำโพงยังคงเอกลักษณ์ศิลปะสถาปัตย์ในสไตล์ยุโรปคลาสสิค ยังมีอาคารเพดานโค้งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ในแต่ละวันจะมีรถไฟวิ่งเข้ามารับส่งผู้โดยสารที่นี่ถึง 200 ขบวน มีผู้โดยสารทั้งที่เป็นคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาใช้บริการสถานีรถไฟหัวลำโพงประมาณ 80,000 คน แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลคงทะลุหลักแสน
ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงตอนนี้ มีการปรับปรุงเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามแบบมาตรฐานโลกเพิ่มขึ้นมากมาย คือ มีทางลาดเกือบทุกจุดที่มีทางเดินของคนปกติ มีลิฟต์ และมีทางลาดเชื่อมโยงไปสู่สถานีรถไฟใต้ดินได้
มีห้องน้ำสำหรับมนุษย์ล้อ มีโทรศัพท์สาธารณะสำหรับผู้พิการ
แม้แต่ที่ซื้อตั๋วก็มีช่องเฉพาะพิเศษสำหรับผู้พิการ แถมยังมีป้ายสัญลักษณ์รูปรถเข็นวีลแชร์ติดให้เห็นอยู่ทั่วสถานี อันเป็นภาษาสากลที่บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ สามารถให้บริการคนทุกกลุ่ม ทุกวัย และทุกสภาพร่างกายได้เฉกเช่นนานาอารยประเทศแล้ว
ได้ไปเห็นกับตาตัวเองแล้ว ต้องขอบอกว่า “ของเขาดีจริงๆ” และผมขอยกย่องให้สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นตัวอย่างของ “สถานที่อารยสถาปัตย์” ประเภทอาคารเก่าที่มีการปรับปรุงแก้ไขดีเยี่ยม เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมการขยายตลาดการท่องเที่ยวของไทยไปสู่กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้พิการ รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยพักฟื้น ซึ่งจะนำเงินรายได้เข้าสู่ประเทศเราอีกมหาศาล
นอกจากนี้ ผมยังได้ทดลอง ใช้บริการโดยสารรถไฟเส้นทางสายประวัติศาสตร์การรถไฟไทย โดยขึ้นรถไฟจากสถานีหัวลำโพง ไปลงที่สถานีเมืองกรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
ระหว่างเดินทางนั่งอยู่ในรถไฟ คุณประภัสร์ เล่าให้ผมฟังว่า การเดินทางโดยสารรถไฟของคนไทย มีมาตั้งแต่ 117 ปีมาแล้ว เรามีรถไฟใช้ก่อนใครในอาเซียน และมีรถไฟใช้เป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชีย ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของมหาราช รัชการที่ 5 ที่ทรงเปิดให้บริการโดยสารรถไฟสายแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2439
รถไฟสายแรกที่เปิดให้บริการ ก็คือเส้นทางที่ผมไปทดลองนั่งดูนั่นแหละ จากกรุงเทพ ไปถึงพระนครอยุธยา ระยะทาง 71 กิโลเมตร หลังจากนั้น จึงมีการต่อขยายเส้นทางไปจนถึง จ.นครราชสีมา ในปี พ.ศ.2443 รวมระยะทาง 265 กิโลเมตร
ที่น่าดีใจมากสำหรับผมคือ รถไฟไทยยุคใหม่ มีการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับให้บริการผู้พิการ ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ ได้เป็นอย่างดี มีลิฟต์สำหรับยกรถเข็นวีลแชร์ขึ้นไปในห้องผู้โดยสารได้โดย “สะดวก” และ “ปลอดภัย” ภายในโบกี้ก็มีที่พิเศษเฉพาะผู้ที่นั่งวีลแชร์ พร้อมผู้ติดตาม และมีห้องน้ำสำหรับมนุษย์ล้อ เหมือนนั่งรถไฟอยู่ในญี่ปุ่นเลย สุโค่ยมาก
สิ่งดีงามที่เกิดขึ้นกับรถไฟไทย และประเทศชาติของเราในยุคนี้ เป็นผลมาจากนโยบาย และการปฏิบัติที่มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังของคนในกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ตัวผู้นำองค์กร คือ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และคุณฐิติมา ฉายแสง อดีตเลขานุการรัฐมนตรี รวมถึงคุณประภัสร์ ผู้ว่าฯองค์กรม้าเหล็กคนปัจจุบัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริม และผลักดันอย่างจริงจังจนทำให้กิจการรถไฟไทยมีความเจริญก้าวหน้า เป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างไม่อายใคร
สมแล้วกับสโลแกนที่ว่า “สะดวก ปลอดภัย คมนาคมยุคใหม่ ใส่ใจคนพิการ” สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริการสมัยใหม่ของรถไฟไทยครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า คนไทยทำได้ และทำได้ดีด้วย ถ้าคิดจะทำจริง ๆ ซะอย่าง
.......................................
(หมายเหตุ อารยสถาปัตย์รถไฟไทยยุคใหม่ : คอลัมน์ กฤษนะทัวร์ยกล้อ โดย... กฤษนะ ละไล)

[Wisarut]

ข่าวร้ายจากบางซื่อ 1

[Mongwin]

รถไฟ 4 ขบวนค้างเติ่งม็อบยางปิดทาง-ผบ.ตร.สั่งตรึงกำลังทางเลี่ยง
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 01:17 น.

รถไฟสายใต้ 4 ขบวนทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ ชะงักเข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้ หลังม็อบยางปิดทางรถไฟ อ.ชะอวด การรถไฟฯ ต้องจัดที่นอนให้ผู้โดยสารตกค้าง ด้านผบ.ตร.หารือด่วนตำรวจภาค8 -นครศรีฯ ตรึงกำลังเส้นทางเลี่ยงสาย41-408

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ปิดถนนและทางรถไฟสายใต้ของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ อ. ชะอวด จ. นครศรีธรรมราชว่า ล่าสุด การให้บริการรถไฟเส้นทางสายใต้ปั่นป่วนอย่างหนัก หลังจากม็อบยางและสวนปาล์มรวมตัวปิดเส้นทางรถไฟสายใต้บริเวณสี่แยกบ้านตูน หมู่ 2 ต.บ้านตูน อ.ชะอวด ระหว่างสถานีชะอวด-บ้านตูน พร้อมจุดไฟเผาทางรถไฟด้วยนั้น ทำให้รถไฟสายใต้ขาขึ้นกรุงเทพฯ รวม 4 ขบวน ไม่สามารถผ่านได้ต้องตีรถกลับเข้าสถานีชุมทางหาดใหญ่3 ขบวน คือขบวนรถด่วน38 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ ขบวนรถเร็ว 172 สุไหลโก-ลก-กรุงเทพฯ และขบวน42 สปรินเตอร์ยะลา-กรุงเทพฯ รวมทั้งขบวนรถบัตเตอร์เวิร์ธ ซึ่งเป็นขบวนรถระหว่างประเทศต้องจอดอยู่ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ มีเพียงขบวนรถเร็ว170 ยะลา-กรุงเทพฯเพียงขบวนเดียวที่ขอผ่านทางได้

นายพีระพล ทับเวช ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้โดยสารรถไฟทั้ง4 ขบวนในคืนนี้หากไม่มีที่พักก็จำเป็นต้องให้นอนบนขบวนรถไฟ และจะประเมินสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้อีกครั้งว่ากลุ่มผู้ประท้วงจะยอมเปิดเส้นทางหรือไม่ หากยังยืดเยื้อก็จะจัดขบวนรถไปส่งผู้โดยสารยังสถานีต้นทางและจะคืนเงินเต็มจำนวนตั๋วโดยสาร

ขณะที่ตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้วิทยุแจ้งไปสถานีตำรวจในพื้นที่จ.สงขลา เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์และเลี่ยงการเดินทางด้วยรถไฟเพราะสถานการณ์อาจจะยืดเยื้อไม่มีกำหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ล่าสุดพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้วิดีโอคอนเฟอร์เรนกับผบช.ภ. 8 และผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เพื่อระดมกำลังตำรวจจากภาค 8 หลายร้อยนาย เข้าตรึงกำลังในจุดตัดสำคัญโดยเฉพาะ เส้นทางบ่อล้อ อ. เชียรใหญ่ และแยกเอเชีย อ. เมือง จ. พัทลุง แยกถนนสาย 408 อ. ทุ่งสง ที่เป็นเส้นทางลัดที่ยังใช้ได้ โดยต้องตรึงเส้นทางไว้ไม่ให้ม็อบยางปิดถนนเพิ่ม

ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนจากกรุงเทพฯ ที่จะลงใต้เลี่ยงไปใช้ถนนสาย 41 เมื่อถึงอ.ทุ่งสงให้เลี้ยวขวาไปทางจ. ตรัง ส่วนจ. พัทลุง ให้ไปทางอ.หาดใหญ่ จ. สงขลา ส่วนขาเข้ากรุงเทพฯ ให้ใช้ถนนสาย 41 เลี้ยวซ้ายแยกเมืองพัทลุง ส่วนจากภาคใต้ จากจ.นครศรีธรรมราช ให้ใช้ถนนสาย 408 ผ่านอ. เชียรใหญ่ ไป อ.ระโนดแทน

ต่อมาศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า ตามที่รถไฟ 4 ขบวนไม่สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพได้ ทำให้ผู้โดยสารตกค้างรวม 809 คน ประกอบด้วย ขบวน172 โกลก-กรุงเทพ ขบวน 42 ยะลา-กรุงเทพ 2 ขบวนนี้ติดค้างที่จ.พัทลุง กำลังถอยขบวนรถกลับไปที่สถานีหาดใหญ่ ส่วนขบวน36 บัตเตอร์เวิร์ธ-กรุงเทพ และขบวน 38 โกลก-กรุงเทพ 2 ขบวนนี้อยู่ที่สถานีหาดใหญ่แล้ว และแม้จะให้เจ้าหน้าที่พยายามเจรจากับกลุ่มม็อบเพื่อขอเปิดทางแล้วแต่ไม่เป็นผล ดังนั้น ร.ฟ.ท. พร้อมรับคืนตั๋วจากผู้เดินทางเพื่อให้ประชาชนเลือกระบบเดินทางอื่น

ล่าสุดเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 27 ส.ค. นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมนายอำเภอหลายพื้นที่ ร่วมปรชุมกับผู็เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุม โดยรอคำสั่งจากผบ.ตร. ในการเข้าสลายการชุมนุม ซึ่งผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ระดมกำลังตำรวจปราบจราจลกว่า 1,000 นาย เตรียมการสลายการชุมนุมทันทีหลังได้รับคำสั่ง ซึ่งอาจจะเป็นภายในคืนนี้ที่ม็อบเริ่มอ่อนแรง หรืออาจเป็นช่วงเช้าตรู่

[black_express]

สภาพพื้นที่ทางภาคใต้นั้น แคบและยาว กลายเป็นจุดอ่อนอย่างยิ่งด้านการคมนาคมทางบก หากมีการปิดเส้นทางเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และประชาชนเป็นตัวประกัน

ตัวอย่างเช่น หากมีม็อบปิดถนนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ทั้งทางถนนและทางรถไฟ ภาคใต้ทั้งภาคก็เป็นอัมพาตแล้ว

ถ้าหากจะหาเส้นทางที่พอติดต่อกับส่วนกลางได้ เห็นจะมีทางเรือเดินทะเล และทางอากาศกระมัง ?

[Wisarut]

ผู้นำท้องถิ่นนครศรีฯ วอนม็อบยุติการปิดเส้นทาง
เนชั่นทันข่าว
วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 13:57 น.

นางเพ็ญศรี ช่วยบุญชู กำนันตำบลเกาะขันธ์ อำเภอชะอวด ในฐานะประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และผู้นำท้องถิ่น แถลงขอร้องให้ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทางรถยนต์และเส้นทางรถไฟบริเวณแยกบ้านตูล ม.2 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพราะทำให้รถไฟที่จะเดินทางล่องภาคใต้ตอนล่างไม่สามารถใช้การได้

นางเพ็ญศรี กล่าวว่า ขอร้องให้ผู้ชุมนุมที่ปิดถนนบริเวณแยกบ้านตูลเปิดถนนและเปิดทางรถไฟ เนื่องจากเป็นเส้นทางสายหลักที่ชาวชะอวดสัญจร และอยากเรียกร้องว่าให้มีการชุมนุมจุดเดียวคือ ที่แยกควนหนองหงส์เท่านั้น พร้อมมาร่วมกันหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็ว และขอร้องให้ประชาชนที่เข้าร่วมนั้นกลับบ้าน ส่วนที่กำลังเดินทางเข้ามานั้นอย่าเข้าร่วม เนื่องจากกลุ่มนำชุดเดิมนั้นได้ยุติแล้ว นายสมใจ ทักสิน กำนันตำบลชะอวด กล่าวว่า แปลกใจที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่รู้จักกับกลุ่มผู้นำท้องที่ของอำเภอชะอวดและอำเภอจุฬาภรณ์

//------------------------------------

ผู้ว่าฯนครศรีเตรียมใช้กฎหมายคุมม็อบปิดถนน-รถไฟ
เนชั่นทันข่าว
วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 17:17 น.

ความคืบหน้าสถานการณ์ในการชุมนุมกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันใน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 27 ส.ค.นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบอำนาจให้นายอรุณ รสจันทร์วงศ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนครศรีธรรมราช ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อไต่สวนฉุกเฉินและขอคำสั่งศาลเพื่อขอบังคับคืนพื้นที่สาธารณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เป็นพื้นที่ชุมทั้งสองจุดคือที่แยกควนหนองหงส์ ต.ควนหนองหงส์ และแยกบ้านตูล ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช

ขณะที่พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสรุปข้อมูลและมอบหมายให้พนักงานสอบสวนที่ถูกเรียกตัวมาเร่งดำเนินการทำสำนวนเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างน้อย 5 รายที่มีบทบาทเป็นแกนนำในการชุมนุมทั้งสองจุด โดยเฉพาะในจุดแยกบ้านตูล ต.บ้านตูล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในค่ำวันนี้ ก่อนใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการในช่วงเช้ามืดของวันพรุ่งนี้โดยขณะนี้ได้มีการเคลื่อนกำลังเจ้าหน้าที่ปราบจราจลเข้ามาพักอยู่ที่สำนักงานเขตห้ามล่าพันธ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อห่างจากจุดชุมนุมประมาณ 20 กิโลเมตร

พล.ต.ต.รณพงศ์ เปิดเผยว่ากรณีนำภาพผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแชร์กันต่อๆไปในสังคมออนไลน์นั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้ไฟช็อตจนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหาในการชุมนุมด้วย เจ้าหน้าที่ได้ติดตามผลการตรวจทางการแพทย์ที่รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช พบว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก และพบข้อมูลอีกว่าสาเหตุที่บาดเจ็บมีร่องรอยการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการชุมนุมขณะเดียวกันอาจมีการดำเนินคดีกับพี่สาวที่ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ว่าถูกเจ้าหน้าที่ใช้ไฟฟ้าช็อตด้วย

[Mongwin]

วันนี้เห็น รฟท.ประกาศประกวดราคาสร้างสถานีย่อยปาดังเบซาร์ (สถานี 2) ในฝั่งประเทศไทย ราคากลาง 9,895,000 บาท ครับ แต่ยกเลิกประกาศไปเสียแล้ว
http://www.railway.co.th/auction/system/Declaration.asp?NumDC=18561

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.ประกาศหยุดเดินรถไฟขาล่องใต้อีก 5 ขบวน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27
27 สิงหาคม 2556 17:15 น.


หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเกษตรกรชาวสวนยางพารายังคงปิดทางรถไฟระหว่างบ้านตูล-ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เป็นเหตุให้รถไฟเปิดให้บริการมายังสถานีปลายทาง สิ้นสุดที่สถานีพัทลุงเท่านั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับตัวแทนผู้ชุมนุมขอเปิดเส้นทางรถไฟสายใต้มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ทั้งนี้ การรถไฟฯ จึงประกาศหยุดการเดินรถสายใต้จากกรุงเทพฯ อีก 5 ขบวน คือ ขบวนรถเร็ว 171 กรุงเทพ-สุไหงโกลก ขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ-บัตเตอร์เวิร์ธ ขบวนรถด่วนพิเศษ 37 กรุงเทพ-สุไหงโกลก ขบวนรถเร็วกรุงเทพ-ยะลา และขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ-ยะลา
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ส่งผลกระทบหลายส่วน นอกจากการสัญจรทั้งขาขึ้น-ขาล่อง กรุงเทพ-ภาคใต้แล้ว ยังกระทบด้านการขนส่งสินค้าด้วย ทั้งนี้ กำชับให้กรมทางหลวงจัดหาเส้นทางเลี่ยงให้กับรถยนต์ โดยกระทรวงคมนาคมได้จัดเตรียมรถโดยสารรองรับในบางช่วง พร้อมกับวอนม็อบสวนยาง อย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน

//------------------------------------

"ชัชชาติ"ชี้ม็อบยางปิดทางรถไฟภาคใต้กระทบขนส่ง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27
27 สิงหาคม 2556 17:21 น.


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การปิดเส้นทางการเดินรถไฟของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้มีการรับซื้อราคายางส่งผลเสียหายต่อการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ทั้งในแง่ของรายได้และการเสียโอกาส รวมถึงทำให้ประชาชนผู้โดยสารทั่วไปเดือดร้อน ทั้งนี้ จึงอยากจะขอให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงความเดือดร้อนที่จะกระทบกับผู้โดยสารสายใต้ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่มีผู้โดยสารมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. สรุปความเสียหายต่อรายได้ ทั้งด้านการขนส่งสินค้า และผู้โดยสารให้รับทราบภายในสัปดาห์นี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ให้ในพื้นที่ประสานงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และบริษัทขนส่ง ในการขนย้ายผู้โดยสารและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ปิดเส้นทางของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งหากผู้โดยสารรายใดประสงค์ขอคืนตั๋ว ทาง ร.ฟ.ท.จะคืนให้ทันที
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบท ไปศึกษาหาเส้นทางที่หลีกเลี่ยงการชุมนุม


รถไฟใต้รอผลเจรจาม็อบนครศรีฯ หากยืดเยื้อพรุ่งนี้งดเดินรถทุกขบวน (ชมคลิป)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27
27 สิงหาคม 2556 18:08 น.

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชุมทางหาดใหญ่เงียบเหงา เคลียร์ผู้โดยสารวันนี้ทั้งไทย และต่างชาติขึ้น กทม.เรียบร้อยแล้ว เผยหากการชุมนุมยังยืดเยื้อจะหยุดเดินรถไฟสายใต้ขึ้นล่องกรุงเทพฯ ทุกขบวน แต่หากสามารถเจรจาจนเปิดเส้นทางได้ ในวันพรุ่งก็พร้อมให้บริการตามปกติ

บรรยากาศที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วยบ่ายของวันนี้ (27 ส.ค.)เ ป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากขบวนรถไฟขาขึ้นกรุงเทพฯ ทั้ง 5 ขบวน ประกอบด้วย 172, 170, 42, 36 และ 38 ต้องหยุดเดินรถชั่วคราวจากปัญหาม็อบชาวสวนยาง และสวนปาล์ม ปิดเส้นทางรถไฟในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มีเพียงขบวนรถไฟท้องถิ่น เส้นทางตั้งแต่พัทลุง-หาดใหญ่-3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงเปิดเดินรถตามปกติ

นายสมาน รักษาวงศ์ สารวัตรแขวงเดินรถหาดใหญ่ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์ผู้โดยสารทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่จะเดินทางด้วยรถไฟทั้ง 5 ขบวน ขึ้นกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับคืนตั๋วให้เต็มจำนวนแก่ผู้ที่จองตั๋วเดินทางระหว่างวันที่ 27-29 ส.ค. โดยเฉพาะขบวนรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ-กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยว พร้อมกับชี้แจงสถานการณ์ให้เข้าใจ และเลี่ยงไปเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่นๆ แทน

นายสมาน กล่าวด้วยว่า หากยังคงมีการปิดเส้นทางรถไฟยืดเยื้อ ในวันพรุ่งนี้การเดินรถไฟเส้นทางขึ้นล่องกรุงเทพฯ จะหยุดให้เดินรถทั้งระบบทุกขบวน แต่หากสามารถเจรจาจนเปิดเส้นทางได้ ในวันพรุ่งนี้ รถไฟสายใต้ทุกขบวนก็พร้อมที่จะกลับมาให้บริการ โดยเฉพะขาขึ้นกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้จอดรออยู่ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ทั้งหมดแล้ว

[Mongwin]

สถานีรถไฟหาดใหญ่เงียบเหงา
เดลินิวส์ วันพุธที่ 28 สิงหาคม 2556 เวลา 10:05 น.

บรรยากาศที่สถานีรถหาดใหญ่เงียบเหงา หลังรถไฟขึ้นกรุงเทพหยุดวิ่งทั้ง 10 ขบวน ขณะที่สถานีรถไฟหาดใหญ่จัดบิ๊กคลีนนิ่ง เตรียมพร้อมเปิดให้บริการ

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นไปอย่างเงียบเหงาหลังจากที่รถไฟขึ้นล่องเส้นทางกรุงเทพฯหยุดให้บริการเป็นวันที่สอง โดยเฉพาะในวันนี้ซึ่งจุดให้บริการหมดทั้ง10 ขบวน มีขาล่องจากกรุงเทพฯ5 ขบวนคือ 35,169,37,41,15,35 และขาขึ้นกรุงเทพฯ5 ขบวนที่ติดค้างอยู่ที่สถานีหาดใหญ่ คือ172,42, 36,38, 171 มีเฉพาะขบวนรถไฟท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่ยังคงเปิดให้บริการแต่ขึ้นล่องได้แค่จ.พัทลุง หาดใหญ่และ3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น และประชาชนส่วนใหญ่ทราบข่าวการหยุดให้บริการรถไฟและหันไปใช้บริการขนส่งอื่นๆแทน

โดยวันนี้ทางสถานีรถไฟหาดใหญ่ได้จัดบิ๊กคลีนนิ่งใหญ่ขบวนรถไฟทั้ง5 ขบวนที่จอดอยู่ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ทั้งทำความสะอาดตู้โบกี้และซ่อมบำรุงรถไฟ เพื่อเตรียมพร้อมในการกลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อมีการเปิดเส้นทาง

[Mongwin]

ศาลนครศรีฯยกคำร้องขอเปิดทางรถไฟ
โพสต์ทูเดย์ 28 สิงหาคม 2556 เวลา 12:25 น.

ศาลนครศรีธรรมราช ยกคำร้อง ขอเปิดทางรถไฟ ชี้เป็นอำนาจผู้ว่าในการบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว

ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำสั่งยกคำร้องของผู้รับมอบอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด หลังจากที่ได้ยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขออำนาจศาลให้มีคำสั่งบังคับคืนพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟ และถนน ในบริเวณแยกบ้านตูน เนื่องจากว่าขณะนี้ส่งผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง

โดยศาล ระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช มีอำนาจเต็มในการบังคับใช้กฎหมาย และล่าสุดตำรวจออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมเพิ่ม 5 คน