ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Wisarut]

ลุ้น พ.ร.บ. 2 ลล.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่? งานใหม่ไม่ได้ งานเก่าไม่เดิน 2 ปีมีแต่ความสูญเปล่า...
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มกราคม 2557 16:11 น.



โครงการลงทุนก่อสร้างระบบราง รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ที่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” บรรจุไว้ใน พ.ร.บ.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง ทั้งๆ ที่บางโครงการมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้แล้วหากใช้วิธีปกติ แต่ก็ต้องติดหล่มเหมือนกันไปหมดหลังจากถูกยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ามีความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 และ 170 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว หนำซ้ำประกาศยุบสภา กลายเป็นรัฐบาลรักษาการ ยิ่งเป็นเงื่อนตาย ทำให้การพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยที่จะได้ใช้ระบบขนส่งและโครงสร้างที่ดี และทันสมัย ล่าช้าไปด้วย

โดยตามแผนการใช้จ่ายรายปี การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในระบบขนส่งของประเทศ (ปี 2556-2563) กำหนดการลงทุนในปี 2557 วงเงิน 103,082 ล้านบาท ปี 2558 ลงทุน 279,043 ล้านบาท ปี 2559 ลงทุน 457,071 ล้านบาท ปี 2560 ลงทุน 507,233 ล้านบาท ปี 2561 ลงทุน 375,983 ล้านบาท ปี 2562 ลงทุน 192,031 ล้านบาท และปี 2563 ลงทุน 64,502 ล้านบาท

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ในส่วนของ สนข.ได้เตรียมปรับโครงการที่มีแผนลงทุนในปี 2557 และมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานทางถนน วงเงินประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท มาใช้งบกลางปี 2557 หรืองบประมาณปี 2558 ดำเนินการแทนเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้ามากไปกว่านี้ ทั้งนี้ต้องขึ้นกับว่ารัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่

“ตอนนี้เป็นการเตรียมแผนสำรองเพื่อไม่ให้โครงการหยุดชะงัก หากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.บ.ขัดกฎหมาย แต่หากตีความว่าไม่ขัดกฎหมาย การเดินหน้าต่อสามารถทำตามแผนเดิมใน พ.ร.บ.2 ล้านล้านได้ แต่อาจจะล่าช้าบ้างเพราะจะต้องให้มีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งให้เข้ามาผลักดันกฎหมายต่อไป รวมถึงการอนุมัติโครงการและการขอใช้เงินกู้ ส่วนกรณีที่ให้ปรับไปใช้เงินตามงบประมาณปกติและการกู้เงินเป็นรายโครงการนั้น แม้จะทำได้แต่โครงการจะยิ่งล่าช้าไม่สมบูรณ์เป็นโครงข่ายเนื่องจากจะแยกทำเป็นแต่ละโครงการ ไม่เป็นแพกเกจ เช่น มีท่าเรือแต่ไม่มีถนนหรือทางรถไฟเข้าไปเชื่อม โครงการเกิดประโยชน์ไม่คุ้มค่า เป็นต้น” นายจุฬากล่าว

สำหรับโครงการในปี 2557 มีวงเงินลงทุนรวมประมาณ 103,082 ล้านบาท ประกอบด้วย ระบบราง วงเงิน 54,594.96 ล้านบาท แบ่งเป็น

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระยะเร่งด่วน วงเงิน 8,450.87 ล้านบาท เช่น โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของรถไฟ (ปรับปรุงทาง, ราง, หมอน, สะพาน, ติดตั้งรั้ว ) โครงการติดตั้งรั้วสองข้างทางรถไฟ, รถไฟทางคู่เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ, รถไฟทางคู่ เส้นทางมาบกะเบา-ถนนจิระ, รถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-หัวหิน, รถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร

แผนการลงทุนรถไฟสายใหม่ วงเงินรวม 1,450.15 ล้านบาท เช่น
รถไฟทางคู่เส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 1,438 ล้านบาท,
รถไฟทางคู่เส้นทางชุมทางบ้านภาชี-อ.นครหลวง วงเงิน 12.15 ล้านบาท

โครงการรถไฟทางคู่ วงเงินรวม 1,086.68 ล้านบาท เช่น
เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 66.67 ล้านบาท,
เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 130.83 ล้านบาท,
เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 274.17 ล้านบาท,
เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 229.17 ล้านบาท,
เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 136.67 ล้านบาท,
เส้นทางชุมทางถ.จิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 249.17 ล้านบาท

โครงการรถไฟฟ้าวงเงินรวม 8558.57 ล้านบาท เช่น
รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) วงเงิน 25.48 ล้านบาท,
สายสีแดงเข้ม (รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต) วงเงิน 1,609.60 ล้านบาท,
รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ส่วนต่อขยาย (ดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท) วงเงิน 4,508.47 ล้านบาท, โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) วงเงิน 1,281.90 ล้านบาท,
สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) วงเงิน 1.133.12 ล้านบาท

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วงเงินรวม 35,031.19 ล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ, หัวลำโพง-บางแค) วงเงิน 14,204.51 ล้านบาท,
สายสีเขียวอ่อน (แบริ่ง-สมุทรปราการ) วงเงิน 7,305.67 ล้านบาท,
สายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วงเงิน 1,146.20 ล้านบาท,
สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) วงเงิน684.70 ล้านบาท,
สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) วงเงิน 770.02 ล้านบาท,
สายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ) วงเงิน 10,920.09 ล้านบาท.
...

รัฐบาลเพื่อไทยใช้เวลา 2 ปีทุ่มเท ปลุกปั้น พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท โดยวางเป้าหมายว่า จะเนรมิตระบบรถไฟ รถไฟฟ้า ถนน รถไฟความเร็วสูงให้ได้ภายใน 7 ปี เพลินกับอำนาจ จนลืมตัว หวังเขมือบเค้กก้อนโต สุดท้ายส่อแววสวรรค์ล่ม งานใหม่ไม่ได้ งานเก่าไม่เดิน 2 ปีมีแต่ความสูญเปล่า..

[unique]

ขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับรั้วนะครับ เคยเห็นรายการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง งานโยธาพยายามทำอะไรที่ไม่จำเป็นอันดับแรกๆก่อน เช่น ทาง 2 ในบางสถานีที่ไม่สามารถให้รถสินค้าหลีกได้ ทำไมไม่ทำอย่างนั้นก่อน บางสถานีสันรางกับชานชาลาเกือบจะเท่าหรือบางที่สันรางจะสูงกว่าระดับชานชาลาด้วยซ้ำ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับเส้นทางที่ผ่านการปรับปรุงเปลี่ยนเป็นหมอนคอนกรีต ลักษณะเดียวกันที่เห็นได้ชัดที่หัวลำโพง ชานชาลา 3 และ 4 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ผมไม่แปลกใจเลยที่ทำไมต้องให้ E&O ต้องจอดชานชาลาดังกล่าวก็เพราะความเลิศหรูไฮโซจนต้องปีนบันไดนั่ง มาตราฐานของระดับชานชาลากับสันรางต้องต่างระดับกันเท่าไหร่? หรือ จะรักษาความเลิศหรูของรถไฟไทยต้องปีนบันไดนั่ง?

[Wisarut]

ฝันสลายโครงการ 2 ล้านล้านจับตาประเทศไทยได้หรือเสีย
โดย ศักดิ์ชัย อินทร์จันทร์
ข่าวเศรษฐกิจ
เดลินิวส์
วันพฤหัสบดี 2 มกราคม 2557 เวลา 00:00 น.

ที่มาโครงการนี้ รัฐบาลประกาศขายฝันเลยว่าจะเป็นการสร้างอนาคตไทย โดยมีการลงทุนขนาดใหญ่ระยะยาว 7 ปี ตั้งแต่ปี 57-63 เป้าหมายเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน

หลังจากรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา มีผลให้การผลักดันนโยบายสำคัญต้องหยุดชะงักลง รวมถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศระยะยาว 7 ปี มูลค่า 2 ล้านล้าน ที่ถูกจับตาจากสังคมอย่างมากว่าจะมีชะตากรรมอย่างไร และหากเกิดพับแผนไปจริง จะส่งผลได้เสียต่อประเทศไทยมากน้อยเพียงใด

ที่มาโครงการนี้ รัฐบาลประกาศขายฝันเลยว่าจะเป็นการสร้างอนาคตไทย โดยมีการลงทุนขนาดใหญ่ระยะยาว 7 ปี ตั้งแต่ปี 57-63 เป้าหมายเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่งครั้งใหญ่ของประเทศ ทั้งถนน น้ำ ราง เพื่อหวังประโยชน์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งให้รวดเร็ว ลดต้นทุน การกระจายความเจริญสู่ชนบท การใช้เงินช่วยอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้าไทยเพิ่ม

ไฮไลต์ที่สำคัญอยู่ที่แผนพัฒนาระบบรางที่มีแผนเงินทุนลงมากถึง 1.65 ล้านล้านบาท หรือ 80% ของโครงการทั้งหมด เพื่อพลิกโฉมจากรถไฟรางเดี่ยวให้เป็นระบบรางคู่ทั่วประเทศ การสร้างรถไฟฟ้าแก้ปัญหารถติดในเมือง 10 สาย รวมถึงการสร้างรถไฟความเร็วสูง พาหนะการเดินทางของประเทศร่ำรวย 4 สาย ไปภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก และใต้ ส่วนงบที่เหลือยังถูกใช้เพื่อตัดและขยายถนน สร้างสถานีขนส่ง ท่าเรือขนาดใหญ่ และพัฒนาระบบศุลกากร

สะดุด!รอศาลรัฐธรรมนูญ

ความคืบหน้าถึงปัจจุบัน รัฐบาลสามารถผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ผ่านการพิจารณาในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ทูลเกล้าฯ เนื่องจากถูกพรรคประชาธิปัตย์ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และต่อมารัฐบาลได้ประกาศยุบสภา ทำให้แผนสร้างอนาคตไทยที่รัฐบาลวาดฝันไว้ ยังค้างเติ่งไม่รู้ชะตากรรมแน่ชัด!!

เพราะขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ. ติดปัญหาอยู่ 2 ปมใหญ่ คือไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญที่รับพิจารณาแล้วจะตัดสินว่าผิดหรือไม่ หากผิดก็ล้มทันที และยังไม่รู้ว่าการพิจารณาของศาลจะใช้เวลายาวนานแค่ไหน เพราะศาลพิจารณาใช้เวลานาน ก็จะกระทบต่อโครงการบางส่วนที่มีแผนต้องเริ่มลงทุนกันในปี 57 ทันที

ประเด็นต่อมา...คือการยุบสภา และการขาดรัฐบาลตัวจริงในการบริหารประเทศ ส่งผลให้การผลักดันครั้งนี้ ชะงักงัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าทูลเกล้าฯ ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ต่อ หรือการใช้อำนาจของรัฐบาลในการจัดหาแหล่งเงินทุนจากอื่นมาใช้แทน พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท และยิ่งกว่านั้นปัญหาการเมืองในขณะนี้ยังวุ่นวายไม่มีทีท่าสิ้นสุด ไม่มีความแน่นอนว่าจะเลือกตั้งได้เมื่อใด?

ชี้กระทบแผนฯ 8 หมื่นล้าน

แม้ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ออกมาประเมินผลกระทบแล้วพบว่า ผลจากการรอศาลฯ พิจารณา และสุญญากาศทางการเมืองที่เกิดขึ้น จะกระทบต่อแผนการลงทุน 2 ล้านล้านบาทในปี 57 ทันทีประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยโครงการที่กระทบทันที ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ไม่ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้แก่โครงการก่อสร้างของทางหลวง คือ สร้างบูรณะทางหลวงสายหลักระหว่างภาค เร่งรัดก่อสร้างขยาย 4 ช่องจราจรและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง 6 สายทาง สร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา และสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ 22 แห่ง

ต่อมาเป็นโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟ ได้แก่ ติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคม ติดตั้งและปรับปรุงเครื่องกั้นโครงการปรับปรุงทางราง หมอน สะพาน และติดตั้งรั้วการสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าในบริเวณติดกับด่านพรมแดนเชียงรายโครงการพัฒนาด่านศุลกากร

ส่วนโครงการใหญ่อย่างการสร้างรถไฟรางคู่จะกระทบประมาณ 2 สาย คือ สายนครปฐม-หัวหิน สายมาบกะเบา จ.สระบุรี-ชุมทางถนนจิระสระบุรี จ.นครราชสีมา ที่ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จก่อนในไตรมาสแรกปี 57 ส่วนโครงการรถไฟฟ้าในเมือง ก็จะกระทบทั้งสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่มีแผนประกวดราคาในปี 57 ต้องล่าช้าออกไป รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีนบุรี-แคราย ซึ่งอยู่ระหว่างทำเรื่องเสนอ ครม.

อย่างไรก็ตามโครงการลงทุนใหญ่อย่างรถไฟความเร็วสูง 7.83 แสนล้านบาท รวมถึงรถไฟฟ้าในเมืองส่วนใหญ่ ยังไม่ได้รับผลกระทบทันที เพราะไม่มีแผนที่ต้องใช้เงินลงทุนในปี 57 เพราะโครงการเหล่านี้ต้องรอศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงที่คาดว่าอย่างเร็วน่าจะประกวดราคาได้ในปีงบฯ 58

รอเวลาอ้างศึกษาไปเรื่อย ๆ

ขั้นตอนหลังจากนี้ สิ่งที่ทำได้ คือการศึกษาความเหมาะสมต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ เพราะใช้เงินจากงบประจำปียังทำต่อไปได้ เพื่อรอจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร หากเห็นด้วยก็สามารถเดินหน้าต่อได้ทันทีไม่เสียเวลา แต่หาก พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เกิดอุบัติเหตุแท้งจริง ก็มีแผนสำรองให้จัดหาแหล่งเงินกู้อื่นมาใช้มี 3 แนวทาง ได้แก่ 1. การหาเงินในรูปแบบโครงการลงทุนเร่งด่วน แบบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 2. การนำเงินโครงการทั้งหมดไปใส่ในงบประมาณในปีถัดไป แต่วิธีจะทำให้เงินงบประมาณดูเยอะมาก และยากต่อการปฏิบัติ และ 3. การทำงบประมาณกลางปี 57 เพื่อใช้ลงทุนโดยตรง

ได้รัฐบาลมีคำตอบแน่

คำตอบเหล่านี้...จะตอบได้ก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศแล้ว หากได้พรรคเพื่อไทยกลับมาเชื่อว่า โครงการทั้งหมดจะถูกผลักดันอย่างรวดเร็ว ทั้งในรูปแบบร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ที่รอพิจารณาศาลฯ หรือการจัดหาแหล่งเงินทุนอื่นมาใช้แทนเพื่อไม่ให้ล่าช้า แต่หากเป็นรัฐบาลพรรคอื่น เชื่อว่าต้องมีการทบทวนโครงการใหม่ทั้งหมด และทำให้ภาพรวมทุกโครงการต้องล่าช้าออกไปมาก รวมถึงบางโครงการที่ไม่จำเป็น และถูกโจมตีมาก อย่างรถไฟความเร็วสูงอาจถูกตัดออกไปได้ด้วย

ต้นทุนโลจิสติกส์พุ่งแน่

คำถามที่ตามมา คือ ในกรณีเลวร้ายที่สุด หากแผนลงทุนทั้งหมดในโครงการ 2 ล้านล้านไม่เกิดขึ้นเลยใน 1-2 ปีนี้ ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร โดยมีการประเมินผลกระทบได้ดังนี้

ผลกระทบด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในช่วง 2-3 ปี ประเทศไทยคงไม่มีปัญหาเรื่องการแข่งขันโลจิสติกส์ เพราะปัจจุบัน ไทยมีระบบคมนาคมขนส่งดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค โดยอยู่อันดับ 49 ของโลก และอันดับ 3 ในอาเซียน เป็นรองแค่สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ระบบรางยังล้าหลังอยู่ อันดับ 65 ของโลก เพราะขาดการพัฒนามานาน ทำให้มีต้นทุนโลจิสติกส์ต่อจีดีพีไทยอยู่ที่ 15.2%

แต่ในอนาคตหากไม่พัฒนาระบบขนส่งเลย ความสามารถโลจิสติกส์ของไทยจะถดถอยแน่นอน เพราะขณะนี้หลายประเทศเริ่มตื่นตัวพัฒนาไปไกล และจะทำให้กระทบต่อแผนการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบขนส่งต่าง ๆ กับเพื่อนบ้าน ที่กำลังแข่งขันพัฒนาประเทศเพื่อรองรับการลงทุน หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 เช่น ลาวมีการสร้างรถไฟสายใหม่เชื่อมกับเวียดนาม และกำลังร่วมกับรัฐบาลจีน ทำรถไฟความเร็วสูงจากคุนหมิง-เวียงจันทน์ ขณะที่มาเลเซีย-สิงคโปร์ เพิ่งจับมือสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกันซึ่งจะเสร็จในปี 2563 เป็นต้น

นอกจากนี้ยังทำให้ไทยมีต้นทุนระบบขนส่งที่สูง เพราะพึ่งพาถนนมากถึง 82% เพราะการขนส่งชนิดนี้มีราคาแพงรองจากเครื่องบิน และมีความผันผวนในต้นทุนสูงขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันด้วย ขณะเดียวกันยังทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนาระบบน้ำ และราง โดยเฉพาะทางทะเล ในการเชื่อมโยงฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย

เสียโอกาสทางเศรษฐกิจ

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เดิมรัฐบาลประเมินว่าแผนการลงทุน 2 ล้านล้านบาทนี้ จะช่วยอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ตลอด 7 ปี และช่วยให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ1% อีกทั้งยังก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนคน แต่หากโครงการเหล่านี้ไม่เกิด เม็ดเงินเหล่านี้จะขาดหายไป และกระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจมาก โดยเฉพาะในปี 57 ที่หวังใช้แรงลงทุนจากภาครัฐช่วยขับเคลื่อน ท่ามกลางวิกฤติการเมืองในประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจโลก หากไม่เกิดการลงทุน เศรษฐกิจจะน่าเป็นห่วงทันที

นอกจากนี้ยังทำให้หลายภาคธุรกิจได้รับผลกระทบตามมา เช่น ธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ที่คาดจะได้รับประโยชน์โดยตรง ต้องซบเซาลงทันที รวมถึงท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การส่งออก-นำเข้าสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์ ก็ขาดโอกาสในการเติบโตไปด้วย

สังคมเมืองไม่ขยาย

ผลกระทบต่อการขยายตัวของสังคมเมือง เมื่อไม่มีโครงการ 2 ล้านล้านบาท การกระจายความเจริญขยายตัวของสังคมเมือง การค้า การขนส่งไปต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา ชลบุรี และสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟทางคู่พาดผ่านต้องหยุดชะงัก ไม่สามารถเติบโตเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า การขนส่งได้รวดเร็วอย่างที่หวังไว้

นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดปัญหาการกระจุกตัวในเมือง เพราะเดิมคาดว่าหากการเดินทางสะดวก การขนส่งสินค้า รวมทั้งข้อมูลข่าวสาร เข้าถึงได้รวดเร็วขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน รวมทั้งการจ้างงานเติบโตในเมืองต่าง ๆ เติบโตรวดเร็ว เหมือนญี่ปุ่นที่หลังเปิดใช้รถไฟชิงกันเซ็งสายโตเกียว-โอซากา ในปี ค.ศ. 1964 ก็มีประชากรสูงกว่าจังหวัดทั่วไป 0.3% ต่อปี และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ ถึง 38% ต่อปี และมีการขยายตัวของรายได้ประชาชาติต่อหัว สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 2.6% ต่อปี

ต่างชาติไม่เชื่อมั่น

ผลกระทบด้านความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ คงกระทบมากเพราะช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยไม่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เลย นับตั้งแต่มีสนามบินสุวรรณภูมิมา โครงการ 2 ล้านล้านบาท จึงเป็นที่สนใจจากต่างชาติมาก เพราะเดิมไทยมีความได้เปรียบในเรื่องที่ตั้งอยู่ใจกลางอาเซียนอยู่แล้ว หากมีระบบขนส่งที่ดีจะทำให้ต่างชาติ หันมาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพิ่มขึ้นอีก แต่ในทางกลับกัน เมื่อโครงการไม่เดินหน้า ประเทศไทยก็จะขาดจุดขาย แรงดึงดูดใหม่ ๆ ทันที ซึ่งสวนทางกับประเทศอื่นที่มีจุดเด่น เช่น เมียนมาร์ที่กำลังเปิดประเทศ และมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เป็นจุดขาย อินโดนีเซียมีค่าแรงราคาถูก และกำลังซื้อภายในประเทศมหาศาล เป็นต้น

เหล่านี้.... ถือเป็นอนาคตของประเทศส่วนหนึ่ง ที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น อาจส่งผลต่อการพัฒนาประเทศไทยให้เดินหน้า หรือหยุดชะงักลงได้ด้วยเช่นกัน.

[Wisarut]

ตั๋วรถไฟถูกจองเต็มทุกที่นั่ง ปชช.ขึ้นรถไฟฟรีกลับแทน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 มกราคม 2557 09:14 น.


วันนี้ (2 ม.ค.) เป็นวันทำงานวันแรกของปีใหม่ มีประชาชนจำนวนมากมารอขึ้นรถไฟฟรี ที่สถานีรถไฟ จ.พิจิตร โดยรถไฟสายพิษณุโลก-กรุงเทพฯ (ธรรมดา 202) เป็นขบวนแรกที่วิ่งในเช้านี้
ขณะที่รถด่วนรถเร็วถูกจองเต็มทุกที่นั่ง ไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม ทำให้คนที่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าต้องตกค้าง และต้องเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟรีแทน

[Mongwin]

ตร.รถไฟศิลาอาสน์ รวบโจ๋สมุทรปราการลักลอบขนยาเสพติดช่วงปีใหม่
มติชนออนไลน์ วันที่ 02 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15:00:03 น.

เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ต.ต.พันษา อมราพิทักษ์ สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟ (สว.ส.รฟ.) ศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมกำลังตำรวจรถไฟ ตรวจตราบนขบวนรถเร็วที่ 108 (เด่นชัย-กรุงเทพมหานคร) ขณะวิ่งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟบ้านด่าน อ.เมืองอุตรดิตถ์-สถานีรถไฟศิลาอาสน์ นายมนัสวีร์ เฉลิมวงศ์ อายุ 19 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ มีท่าทางลุกลี้ลุกลน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอตรวจค้นพบกัญชา จำนวน 1 ห่อ อยู่ในกำมือ พร้อมอุปกรณ์การเสพ 1 ชุด และยอมรับว่า กัญชาเป็นของตนเพื่อไปเสพสถาน จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ดำเนินการต่อไป

[Wisarut]

เดินทางสายท้องถิ่นมองวิถี รถไฟ
Posted by หนุมานชาญสมร
วันอังคาร ที่ 7 มกราคม 2557
http://www.oknation.net/blog/wintawan/2014/01/07/entry-1

[Mongwin]

@js100radio 18 ม.ค. 57
เวลา3.50น.เกิดเหตุระเบิดรางรถไฟห่างจากสถานีชะอำ680ม. มุ่งหน้าเข้ากทม.ทำให้ขบวนรถไฟอย่างน้อย3ขบวนต้องจอดรอที่สถานีหัวหินรอพฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ

ภาพ-ข่าวจากเฟสบุ๊กคุณ Pichet Chamneam

เวลาประมาณ 03.50 น. ได้เกิดเหตุระเบิดบนทางรถไฟ ที่ สทล.186/6-7 ระหว่างชะอำ - หนองศาลาขบวนรถไม่สามารถผ่านได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ผ่ายโยธากำลังตรวจสอบ



เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ภาพจาก คุณสมศักดิ์ เผือกผุด จดข.4



เจ้าหน้าที่โยธาเริ่มทำการซ่อมทางที่ได้รับความเสียหายแล้ว
จุดเกิดเหตุใกล้กับสะพานข้ามทางรถไฟเข้าตัวเมืองชะอำ
ภาพจาก คุณสมศักดิ์ เผือกผุด จดข.4

[Mongwin]

ซีโฟร์บึ้มรางรถไฟใกล้สถานีชะอำ ′ผู้ว่าฯเพชรบุรี-ประภัสร์′เชื่อมีเอี่ยวการเมือง ขวางคนใต้ร่วมชัตดาวน์
มติชนออนไลน์ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 13:16:01 น.

เมื่อเวลา 03.50น. วันที่ 18 มกราคม พ.ต.ท.ชำนาญ บุญเหมาะ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุระเบิดรางรถไฟ บริเวณหลักกม.รถไฟ เลขที่ 186/6-186/7รางรถไฟใต้สะพานยกระดับเข้าตัวเมืองชะอำ เขตเทศบาลเมืองชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ห่างจากสถานีบ้านชะอำ จ.เพชรบุรีไปทางทิศเหนือประมาณ 680 เมตร ไม่มีคนเจ็บ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.3บก.สอ.บช.ตชด อีกหลายนาย



ที่เกิดเหตุพบว่า แรงระเบิดทำให้รางรถไฟขาดออกจากกัน 1ข้าง หมอนรถไฟเสียหายและพบหลุมลึก 50 ซม.กว้าง 1.50 เมตร และจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบชิ้นส่วนของชนิดระเบิดเบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นระเบิด ซีโฟร์ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์แต่ไม่ได้มุ่งร้ายต่อชีวิต ทั้งนี้ก่อนที่ระเบิดจะเกิดระเบิดขึ้นได้มีขบวนรถไฟด่วนสายกรุงเทพ-ตรัง ที่ผ่านเส้นทางไปเพียง 8 นาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นโชคดีที่ระเบิดไม่ระเบิดขึ้นในขณะที่รถไฟขบวนดังกล่าวผ่านมาพอดี

ด้านนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว พุ่งเป้าให้น้ำหนักมากไปที่ สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ซึ่ง ทางรถไฟสายนี้มีประชาชนจากภาคใต้ ไปร่วมชุมนุมในกรุงเทพมหานคร ในขณะเดียวกันก็เป็นเส้นทางที่ลำเลียงคน ที่ไปชุมนุมในกรุงเทพมหานคร เพื่อกลับบ้านเพราะฉะนั้นก็อาจเป็นการวางระเบิดเพื่อให้รางรถไฟขาดเพื่อทำให้การเดินทางไม่สะดวก แต่อย่างไรก็ตามการซ่อมรางรถไฟนั้นก็คงจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษจึงจะซ่อมเสร็จ เพราะฉะนั้นก็คงคิดว่าผู้ที่ก่อเหตุคงจะทราบดีว่าการซ่อมรางรถไฟนั้นใช้เวลาไม่มาก แต่ต้องการแสดงถึงสัญลักษณ์หรือสื่อข้อความบางอย่างว่าไม่เห็นด้วยกับการเดินทางทั้งขาขึ้น-ขาล่อง ในการร่วมชุมนุมในครั้งนี้

ส่วนความคืบหน้าการซ่อมแซมรางรถไฟขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเปลี่ยนซ่อมรางรถไฟใหม่เพื่อให้รถไฟสามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ

ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท.เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 มกราคม ถึงเหตุวางระเบิดรางรถไฟ ซึ่งห่างจากสถานีชะอำ ประมาณ 680 เมตร เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.ที่ผ่านมา และทำให้รถไฟอย่างน้อย 3 ขบวน ยังคงต้องจอดรถอยู่ที่สถานีรถไฟหัวหิน ว่า เชื่อว่าจะมีความเชื่อมโยงกับการเมือง แต่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสาเหตุอีกครั้ง และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ในการปิดซ่อม เพื่อเปลี่ยนหมอน และรางในจุดที่มีความเสียหายใหม่

อย่างไรก็ตาม รางรถไฟที่ขาด ได้มีการเตรียมอุปกรณ์เปลี่ยนซ่อมแซมรางรถไฟแล้ว และเปิดเส้นทางให้ใช้ได้ตามปกติ เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน

[Mongwin]

บึ้มรางรถไฟชะอำตำรวจคาดโยงการเมือง
INN News วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ.2557 8:54น.

เกิดเหตุระบิด รางรถไฟชะอำ ทำรถไฟสายใต้ชะงัก เจ้าหน้าที่เร่งซ่อม คาด 1 ช.ม. แล้วเสร็จ ตำรวจ คาด โยงการเมือง
พ.ต.ท.ชำนาญ บุญเหมาะ ร้อยวเร สภ.ชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.50 น. รับแจ้งเหตุระเบิดรางรถไฟ ก่อนถึงสถานีชะอำ ประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบ พบรางรถไฟขาด หมอนรองรางรถไฟได้รับความเสียหายและเป็นหลุมลึกกว่า 30 เซนติเมตร ล่าสุด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบเหตุดังกล่าวแล้ว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทราบเป็นระเบิดซีโฟร์ ซึ่งทำให้ขบวนรถไฟสายใต้ ทั้งขาขึ้นและขาล่อง หยุดชะงักไม่สามารถเดินรถได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่การรถไฟอยู่ระหว่างเร่งซ่อมแซม คาดว่าประมาณ 1 ชั่วโมง จะสามารถเดินรถได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ชำนาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่วนตัวคาดว่าน่าจะเชื่อมโยงการเมือง ซึ่งเริ่มมีสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรางรถไฟบริเวณใต้สะพานยกระดับเข้าตัวเมืองชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ห่างจากสถานีรถไฟชะอำ เพียง 500 เมตร ล่าสุด นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพชรบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากสถานการณ์การทางการเมือง ส่วนชนิดระเบิดจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดซีโฟร์ ส่วนทางรถไฟที่ขาด ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ซ่อมแซมรางรถไฟแล้ว คาดว่าจะเสร็จใน เวลา 10.00 น.ของวันนี้ จะสามารถเปิดเส้นทางให้ใช้ได้ตามปกติ

[Mongwin]

รางรถไฟที่ชะอำมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ
pantip.com 19 ม.ค. 57
http://pantip.com/topic/31536605