ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Wisarut]

สุจิตต์ วงษ์เทศ - เมื่อร้อยปีที่แล้วเริ่มรถไฟ อย่าถ่วงไว้เหมือนร้อยปีที่แล้ว
มติชน
วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13:20:00 น.




เชิญเจว็ดระเห็จออกท่องนอกถ้ำ
พ้นมืดดำดูโลกกว้างสว่างไสว
เมื่อร้อยปีที่แล้วเริ่มรถไฟ
อย่าถ่วงไว้เหมือนร้อยปีที่แล้ว

สุจิตต์ วงษ์เทศ
ศุกร์ 14 มีนาคม 2557

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.จัดกิจกรรมฉลองก้าวสู่ปีที่ 117 ประมูลเก้าอี้จากไม้หมอนชุดสุดท้าย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2557 16:32 น.

ร.ฟ.ท.จัดกิจกรรมงาน “สัปดาห์รถไฟ 117 ปี” เฉลิมฉลองวันครบรอบวันสถาปนากิจการรถไฟ ระหว่างวันที่ 23-28 มีนาคม 2557 จัดเดินขบวนรถนำเที่ยวพิเศษรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ-อยุธยา, เสวนา “ทิศทางรถไฟในอนาคต” นำเสนอแนวติดของพนักงานรถไฟรุ่นใหม่ จัดประมูลเก้าอี้จากไม้หมอนรถไฟชุดสุดท้าย 117 ตัว

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนากิจการรถไฟ 26 มีนาคม 2557 ซึ่งเป็นปีที่กิจการรถไฟก้าวสู่ปีที่ 117 ปี รถไฟจึงได้จัดกิจกรรมงาน “สัปดาห์รถไฟ 117 ปี” ระหว่างวันที่ 23-28 มีนาคม 2557 ภายในสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยรูปแบบกิจกรรมเป็นการนำเสนอประวัติการกำเนิดกิจการรถไฟและคุณูปการที่การรถไฟฯ ได้สร้างไว้ให้แก่ประเทศ อีกทั้งยังจะนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ๆ ของการรถไฟฯ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเสวนา “ทิศทางรถไฟในอนาคต” นิทรรศการภาพถ่าย กิจกรรมการฉายภาพยนตร์เก่า การเดินแบบโดยคนรถไฟ การประมูลเก้าอี้ไม้หมอนรถไฟชุดสุดท้ายที่ใช้ในกิจการ กิจกรรม Walk trough Museum กิจกรรมนั่งรถไฟไปปั่น การแสดงดนตรีโดยคนรถไฟ เป็นต้น โดยสามารถเลือกชมกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจได้ ดังนี้

วันที่ 23 มีนาคม 2557 Theme : The Glory of Steam Day จัดเดินขบวนรถนำเที่ยวพิเศษรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ-อยุธยา “นั่งรถจักรไอน้ำเที่ยวรอบเกาะเมืองอยุธยา” พร้อมนิทรรศการย่อยที่เกี่ยวข้องกับกำเนิดเส้นทางรถไฟและการเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์ ที่สถานีรถไฟอยุธยา

วันที่ 24 มีนาคม 2557 Theme : A way Forward พิธีเปิดสัปดาห์รถไฟ 117 ปี โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน และมีการเสวนา “ทิศทางรถไฟในอนาคต” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานที่กำหนดนโยบายและกำกับดูแล ผู้บริหารรถไฟ ลูกค้า นักเดินทาง และสื่อมวลชน

วันที่ 25 มีนาคม 2557 Theme : Meet the New Generation เป็นการเดินแบบในแนวคิด “SRT New GEN” เพื่อนำเสนอคนรถไฟในช่วงวัยต่างๆ ที่มีเรื่องราวและมุมมอง พร้อมศักยภาพที่น่าสนใจ และนำเสนอภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ พนักงานระดับปฏิบัติการ พนักงานระดับหัวหน้าจากสายงานวิศวกรรม สายปฏิบัติการและสายสนับสนุน รวมทั้งการเสวนา “รถไฟกับคนรุ่นใหม่” โดยผู้ร่วมสนทนาจะประกอบด้วย พนักงานรุ่นใหม่ที่เป็นผู้เดินแบบและตัวแทนกลุ่มคนรักรถไฟ แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย นักเดินทางที่ชื่นชอบรถไฟ และผู้ดำเนินรายการที่เป็นคนรุ่นใหม่

วันที่ 26 มีนาคม 2557 Theme : Ceremony and Fund Raising กิจกรรมร่วมแสดงความยินดี เนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟ ครบ 117 ปี กิจกรรมฉายภาพยนตร์เก่า กิจกรรม Walk trough Museum และกิจกรรมประมูล เก้าอี้ไม้หมอนรถไฟ จากไม้หมอนรถไฟชุดสุดท้าย จำนวน 117 ตัว จัดทำพิเศษ ณ โถงกลาง สถานีหัวลำโพง

วันที่ 27 มีนาคม 2557 Theme : Music Station กิจกรรมการแสดงดนตรี โดยพนักงานรถไฟและวงสวนพลูคอรัส

วันที่ 28 มีนาคม 2557 Theme : Railway and Beyond กิจกรรมนั่งรถไฟไปปั่น แถลงข่าวโครงการ ตั้งชื่อหัวรถจักรใหม่ 20 คัน ที่การรถไฟฯ กำลังดำเนินการจัดซื้อจากประเทศจีน และกิจกรรมเสวนา สารคดีรถไฟในนิตยสาร และเปิดตัวหนังสือการ์ตูนชุด ความรู้รถไฟ

นายประภัสร์กล่าวว่า การรถไฟฯ จะมีกิจกรรมต่างๆ มากมายเพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระผู้ทรงก่อกำเนิดกิจการรถไฟ ซึ่งปัจจุบันสังคมหันมาให้ความสนใจกับการขนส่งระบบรางมากขึ้น รวมทั้งภาครัฐที่ได้แสดงเจตจำนงในการพัฒนาระบบรางให้เจริญรุดหน้า เพื่อยังประโยชน์ต่อสังคมและประเทศในหลากหลายมิติ การรถไฟฯ ในฐานะหน่วยงานที่ให้บริการระบบรางมาอย่างยาวนานถึง 117 ปี แสดงถึงภารกิจของการรถไฟฯ ที่มุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ การพัฒนาประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและประเทศชาติและศักยภาพของบุคลากร

[Wisarut]

ประมูลเครื่องยนต์ติดอัลสตอมอีก 10 เครื่อง ขนาดไม่ต่ำกว่า 2250 แรงม้า
http://www.railway.co.th/auction/tor/pdf/2557/57601634tor.pdf

[Mongwin]

'ประภัสร์'ลงพื้นที่รถไฟสายสีแดงแก้ปัญหาเสียงดัง
INN News วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2557 14:56น.

ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เผย ช่วงเช้าลงพื้นที่โครงการรถไฟสายสีแดง แก้ปัญหามลพิษทางเสียง ฝุ่นละออง หลัง ปชช.ร้องเรียน ขณะ สงกรานต์เตรียมเพิ่มขบวนรถ อำนวยความสะดวก ปชช.

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ภายหลังใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกสมาชิกวุฒิสภา ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 31 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง เส้นบางซื่อ-รังสิต หลังได้รับร้องเรียน จากประชาชนย่านรังสิตได้รับความเดือดร้อนจากมลพิษทางเสียงจากเครื่องจักรที่มีเสียงดังและฝุ่นจากถนนลำลองโดยตนได้ลงตรวจสอบและสั่งการให้ผู้รับเหมานำยางมาเทพื้นถนน พร้อมเปลี่ยนเครื่องจักรที่มีเสียงดังรบกวน รวมทั้ง ให้ประเมินค่าใช้จ่ายซ่อมแซมบ้านของประชาชนที่เดือดร้อนและอนุญาตให้เจ้าของบ้าน นำช่างมาประเมินราคาซ่อมแซมได้หากประสงค์จะซ่อมแซมเอง ซึ่งขณะนี้ไม่พบการร้องเรียนจากประชาชนเพิ่มเติม หากประชาชนที่ยังได้รับความเดือดร้อน ก็สามารถติดต่อร้องเรียนเพิ่มเติมได้

ขณะทื่การเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2557 ขณะนี้ได้เตรียมขบวนรถไฟให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา และจะมีเจ้าหน้าที่ออกไปรับผู้โดยสารกลับ โดยจะไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง ส่วนมาตรการความปลอดภัย สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพรถและรางให้มีความพร้อมที่สุด แต่ทั้งนี้ มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับทางลัดผ่านที่ตัดกับทางรถไฟที่ประชาชนได้ใช้สัญจรโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ถูกต้อง โดยเกรงว่าจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุและอันตรายให้แก่ผู้โดยสารที่อยู่บนรถไฟด้วย ส่วนสถานีรถไฟในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหน่วยทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ดูแล

นอกจากนี้ นายประภัสร์ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงถึงมาตรการรถไฟฟรี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ตามนโยบายลดภาระค่าครองชีพประชาชน ด้านการเดินทางของรัฐบาลเดิม ที่จะหมดลงในวันพรุ่งนี้ (31 มีนาคม) โดยขณะนี้ได้ทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรีเพื่อขอต่ออายุนโยบายดังกล่าวแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี ต้องการให้รัฐดำเนินการต่อ แต่ทั้งนี้คาดว่าอยู่ระหว่าง ครม. ทำเรื่องถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งขึ้นอยู่กับ กกต. ว่าจะให้ดำเนินการต่อหรือไม่ โดยหากไม่อนุญาติกจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนในช่วงสงกรานต์ ทั้งนี้ ตนอยากให้ กกต. เร่งพิจารณาเพื่อให้ทันต่อผลประโยชน์ของประชาชน

[Mongwin]

'ไบค์โบกี้' แบกสองล้อขึ้นรถไฟ...ไปปั่นเที่ยว!
โดย: ไทยรัฐออนไลน์ 31 มีนาคม 2557, 09:30 น.



"ไทยรัฐออนไลน์" ร่วมเดินทางไปกับทริปนำร่องของ ไบค์โบกี้ ที่เป็นการดัดแปลงจากตู้โดยสารชั้นสาม เป็นโบกี้จักรยาน ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงรถจักรยานโดยเฉพาะ...

ไบค์โบกี้ มีที่แขวน และสายรัดให้ติดกับกำแพงแบบแนวตั้ง อีกฝั่งเป็นที่นั่งผู้โดยสาร ให้เจ้าของนั่งรถไฟเดินทางไปพร้อมๆ กับสองล้อคู่ใจ ซึ่งทีมวิศวกรฝ่ายการช่างกล ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้แรงบันดาลใจมาจากรถไฟขนจักรยานของต่างประเทศ ก่อนนำมาปรับปรุงตู้โดยสาร เอาใจนักปั่นชาวไทย ที่เพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง

นายกษิดิ เกษมสวัสดิ์ อายุ 52 ปี หนึ่งใน 150 ชีวิตที่ร่วมเดินทางกับไบค์โบกี้ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยนำรถจักรยานเดินทางด้วยรถไฟหลายครั้ง แต่ข้อเสียคือ รถกับคนจะต้องอยู่คนละโบกี้ และเสี่ยงต่อความเสียหาย เช่น การกระแทกที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการที่ดัดแปลงตู้โดยสารให้เป็น ไบค์โบกี้ จึงเป็นผลดีสำหรับนักปั่น


นายกษิดิ เกษมสวัสดิ์ หนึ่งใน 150 ชีวิตที่ร่วมเดินทางกับไบค์โบกี้

“ชอบที่มีการปรับให้ประตูบานใหญ่ขึ้น ขนจักรยานขึ้นลงได้สะดวก รวมๆ แล้ว ถือว่าดีสำหรับนักปั่น แต่ดูแล้วอาจจะต้องมีการปรับปรุงบางอย่างเพิ่มเติม... ” นายกษิดิกล่าว

ไบค์โบกี้ จุรถจักรยานได้ 30 คัน พร้อมรองรับรถจักรยานทั้งแบบเสือหมอบ เสือภูเขา หรือทัวร์ริ่ง ระหว่างรถวิ่งก็วางใจได้ ไม่หล่นแน่นอน นอกจากนี้ยังมีโบกี้ขนสัมภาระอีก 2 ตู้ ที่ดัดแปลงชั่วคราว บรรจุจักรยานของนักปั่นกว่า 100 คัน


นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย บอกว่านี่เป็นเพียงก้าวแรกในการพัฒนาโบกี้สำหรับรถจักรยาน เนื่องจากจำนวนนักปั่นปัจจุบันมีมากขึ้น และหลายคนก็นำจักรยานโดยสารไปกับการรถไฟ สำหรับรถต้นแบบ ไบค์โบกี้ จะให้เช่าเหมาก่อนในระยะแรก ก่อนที่จะมีการพิจารณาให้บริการเชิงพาณิชย์กับขบวนรถเที่ยวปกติต่อไปในอนาคต โดยอาจจะพิจารณาในเส้นทางท่องเที่ยวแบบไปกลับ เช่น อยุธยา หัวหิน ลพบุรี สระบุรี พัทยา หรือแม้กระทั่งแบบ Overnight Train เช่น เชียงใหม่ หนองคาย อุบลราชธานี ที่นักท่องเที่ยวสามารถนอนบนรถไฟและไปปั่นจักรยานที่ปลายทาง



ส่วนในอนาคตจะเพิ่มจำนวน ไบค์โบกี้ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตอบรับของนักปั่น ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลปริมาณความต้องการเดินทาง และเส้นทางที่กลุ่มนักปั่นต้องการ เพื่อกำหนดแผนการตลาดในอนาคต

[Wisarut]

117ปี การรถไฟไทย 5 เรื่องราว 5 มุมมอง'คนรักรถไฟ'
โดย สรวิศ รุ่งเลิศมณีพงศ์
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 04:27



ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประเด็นร้อนที่คนไทยทั่วทุกหัวระแหงพูดถึงหนีไม่พ้น รถไฟไทย เรียกว่าฮอตไม่แพ้เจ้ากระทรวงอย่าง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
แต่เรื่องรถไฟที่คนไทยพูดถึงนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งปัญหารถไฟ อย่างการตกราง, รางชำรุด, รถไฟล่าช้า (จนเป็นเรื่องปกติ) และรถไฟความเร็วสูง ที่ยังไม่ไปถึงไหน ฯลฯ
ยังไม่รวมถึง "การสร้างรถไฟ กับทางลูกรัง" ซึ่งเกี่ยวกันได้อย่างไร ก็ไม่อาจทราบได้
เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย ครบรอบ 117 ปี การรถไฟฯ จึงจัดกิจกรรม สัปดาห์รถไฟ 117 ปี ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงช่วงวันที่ 23-28 มีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่ามีผู้สนใจร่วมชมงานอย่างคึกคักทั้งผู้โดยสารชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่รอเวลาเดินทาง กิจกรรมหลัก คือ ซุ้มนิทรรศการที่บอกเล่าประวัติศาสตร์รถไฟไทย ตั้งแต่เริ่มดำเนินการกระทั่งปัจจุบัน
อีกกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นการเสวนาหัวข้อ รถไฟไทยกับคนรุ่นใหม่ โดยมี นพ.รักษ์พงศ์ เวียงเจริญ แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทยครั้งที่ 1, พรชลิศ ครุฑเมือง เจ้าของเว็บไซต์รถไฟไทยดอทคอม, วราพงษ์ ทองจันทร์ แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทยครั้งที่ 2, เอกรินทร์ เตชถนอมพงษ์ เจ้าของเว็บไซต์รถไฟลิซึ่ม และแฟนเพจรถไฟลิซึ่มในเฟซบุ๊ก และธเนศ ฤดีทฤทธิ์ นักเดินทางอิสระ มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด เปิดมุมมอง จากคนที่รักและหลงใหลการเดินทางด้วยรถไฟ
นพ.รักษ์พงศ์ เวียงเจริญ เล่าว่า เกิดในช่วงที่รถไฟไทยกำลังรุ่งเรือง ผู้คนนิยมไปไหนมาไหนด้วยรถไฟ ส่วนตัวจึงได้ใช้รถไฟตั้งแต่เด็ก จนมาถึงวันนี้ได้ร่วมแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย ตอนนั้นไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร เพียงอยากไปแสดงความรู้สึก และความรักที่มีต่อรถไฟเท่านั้น
"สมัยก่อนไม่มีอินเตอร์เน็ต อาศัยการอ่านหนังสือ จดจากหนังสือ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีหนังสืออ่านเล่มเดียวเหมือนกัน คือ สารานุกรมไทยฉบับเยาวชน นอกจากนั้น ต้องเก็บข้อมูลจากสถานี ขอเอกสาร ขอตารางเวลาเดินรถ แลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่างผู้เข้าแข่งขัน แล้วนำความรู้เหล่านั้นไปแสดงในรายการ" นพ.รักษ์พงศ์เล่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับแชมป์แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทยครั้งแรก ไม่ใช่ชัยชนะ ซึ่ง นพ.รักษ์พงศ์บอกว่า เป็นการแสดงให้คนในประเทศรู้ว่า "กลุ่มคนที่รักรถไฟ" มีตัวตนอยู่จริง และสามารถต่อยอด ขยายผล นำความรู้ต่างๆ ที่มี กระจายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้เรียนรู้
คำถามที่ยากที่สุดในการแข่งขันนั้น เป็นคำถามสุดท้ายที่ว่า "เสียงหวีดรถไฟที่ได้ยิน เพียงรอบเดียวเป็นยี่ห้ออะไร?
"ตอนนั้นตอบไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าได้ยินเองแบบสดๆ ไม่ใช่ได้ยินจากเทป อาจจะตอบได้"นพ.รักษ์พงศ์เล่า และแสดงความเห็นว่า สมัยนี้การพัฒนารถไฟไทยหยุดชะงักลง ทั้งที่ความจริงรถไฟเป็นแกนกลางในการพัฒนาประเทศไทยมาโดยตลอด การพัฒนาทุกด้านเชื่อมโยงกับรถไฟ แต่รถไฟไทยในวันนี้ ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารได้
"ผู้โดยสารที่นิยมเดินทางด้วยรถไฟยังมีอีกมาก สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้โดยสารทุกคนต้องการ คือ ความตรงต่อเวลา ตอนนี้ควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกอย่างของรถไฟให้เรียบร้อย ให้เชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่นๆ เข้ากับระบบเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป" นพ.รักษ์พงศ์กล่าว
ด้าน พรชลิศ ครุฑเมือง หรือ บอม เผยว่า หลงรักรถไฟมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากบ้านคุณย่าอยู่ จ.อุตรดิตถ์ แต่สมัยนั้นยังไม่มีทางหลวง การเดินทางด้วยรถไฟเพื่อไปเยี่ยมคุณย่าจึงเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด ความทรงจำแรกเกี่ยวกับรถไฟคือความตื่นเต้น และสงสัยว่าทำไมรถคันนี้ถึงลากได้หลายคัน
ทำไม รถไฟทรงพลังขนาดนี้"สิ่งที่ชอบที่สุดในวัยเด็ก คือชะโงกหน้ามองดูท้ายขบวน" พรชลิศกล่าว และเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเว็บไซต์รถไฟไทยดอทคอมที่วันนี้มีอายุเกือบ 10 ปี ว่า เกิดขึ้นหลังจากที่ นพ.รักษ์พงศ์สร้างเว็บบอร์ดที่ยิ้มสยามดอทคอม
"สมัยนั้นไม่ค่อยมีเว็บไซต์เกี่ยวกับรถไฟ แต่ส่วนตัวมีความรู้ด้านไอทีจึงพูดคุยกับพี่หมอแล้วทำเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อรวบรวมความรู้ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟ เป็นเว็บไซต์สำหรับคนรักรถไฟและการขนส่งระบบรางในประเทศไทย ในที่สุด" พรชลิศกล่าว และว่า อยากให้รัฐบาลไม่ว่าชุดใดก็ตาม พัฒนารถไฟอย่างจริงจัง เพิ่มเติมเส้นทางเพื่อเชื่อมทุกภูมิภาคเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้น ส่วนระบบขนส่งทางรางแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ควรเร่งพัฒนา ก่อสร้างให้ครบและเสร็จสิ้นทุกเส้นทางเพื่อลดการใช้น้ำมัน ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ช่วยแก้ปัญหาการจราจร และทำให้ผู้คนในเมืองสามารถเดินทางไปยังที่ใดก็ได้ด้วยระบบราง
อีกหนึ่งเจ้าของเว็บไซต์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรถไฟอย่าง เอกรินทร์ เตชถนอมพงษ์ หรือ วี เล่าว่า ตอนเด็กๆ อาม่า (ย่า) ชอบพาไปกินโจ๊กที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เห็นรถไฟวิ่งผ่านทุกครั้งจึงเกิดความผูกพัน ชอบมานั่งดูรถไฟทุกวัน เมื่อคุณพ่อเห็นว่าชอบจึงพาไปนั่งรถไฟหัวจักรสปริน เตอร์จากสถานีสามเสนไปสถานีดอนเมืองในวันที่ 25 เมษายน 2534
"ตอนนั้นคนไทยฮือฮากับหัวรถจักรสปรินเตอร์มาก เพราะเร็วกว่ารถทัวร์ในสมัยนั้น ทุกวันนี้เวลาไปไหน ยังชอบมองตามรถไฟอยู่" วีกล่าวพร้อมรอยยิ้มเกี่ยวกับเว็บไซต์รถไฟลิซึ่ม วีบอกว่า เน้นกลุ่มคนรักรถไฟไทย อายุตั้งแต่รุ่นปู่ย่าจนถึงเด็ก 13-14 รวมถึงเฟซบุ๊ก โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ภาพลักษณ์ของรถไฟไทยในสายตาคนไทยดีขึ้น
"ตอนนี้รู้สึกดีใจที่รถไฟไทยกำลังจะเริ่มต้นปรับปรุงพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าเราพัฒนามาถูกทางแล้ว ส่วนรถไฟความเร็วสูง มองว่าควรจัดการระบบต่างๆ ที่มีอยู่ตอนนี้ให้สามารถทำงานมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และคงไม่นานเกินรอ เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายอยากพัฒนารถไฟไทย" เอกรินทร์กล่าวด้านแฟนพันธุ์แท้รถไฟไทยครั้งที่ 2 วราพงษ์ ทองจันทร์ บอกว่า ตอนเด็กๆ กลัวหวูดรถไฟมาก แต่เพราะการเดินทางด้วยรถไฟทำให้เจอคนที่รักจึงทำให้หายกลัว ด้วยทิวทัศน์สองข้างทางที่สวยงาม สามารถพูดคุยกับใครก็ได้กระทั่งได้เพื่อนใหม่ จึงทำให้ชอบนั่งรถไฟ นั่งนานเท่าไหร่ก็ได้ ไปไหนก็ได้ ซึ่งตอนเด็กๆ พ่อจะพาไปนั่งสถานีรถไฟวัดสิงห์ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร มักเก็บตั๋วแข็งที่ผู้โดยสารทิ้งไว้มาสะสม พอโตขึ้นมาจึงเปลี่ยนมาสะสมภาพบรรยากาศสองข้างทางระหว่างนั่งรถไฟ เก็บไว้ในเฟซบุ๊กแทน
"อนาคตอยากให้มีการพัฒนารถไฟทางคู่ และมีการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ สร้างและพัฒนารถไฟความเร็วสูงควบคู่ไปกับรถไฟพื้นฐาน ร่วมกันอนุรักษ์ความคลาสสิกของรถไฟไทย พร้อมกับพัฒนาสู่อนาคต" วราพงษ์แสดงความเห็นไว้น่าสนใจ
ปิดท้ายที่ ธเนศ ฤดีทฤทธิ์ หนุ่มเภสัชศาสตร์ ผู้รักการเดินทางด้วยรถไฟ เดินทางไป-กลับกรุงเทพฯสิงคโปร์ด้วยรถไฟกับเงินจำนวน 10,000 บาทในเวลา 10 วัน
"อนาคตของรถไฟไทย อยากให้พัฒนาควบคู่ไปกับเอกลักษณ์ของทางรถไฟไทย รถไฟความเร็วสูงหนึ่งราง วิ่งคู่ไปกับรถไฟเดิมบนทางคู่ ทำให้ประชาชนยังเห็นทิวทัศน์ เห็นธรรมชาติทุกอย่าง สามารถชะโงกหน้าออกไปงับใบไม้ ได้สัมผัสธรรมชาติ" ธเนศเผยคำตอบที่เรียกรอยยิ้มให้ผู้ฟัง
5 มุมมอง ต่างเรียกร้อง "อนุรักษ์" ควบคู่ "พัฒนา"

[Mongwin]

โวยลั่น! งานรถไฟ-รถม้าปิดฉาก แต่ทิ้งขยะไว้เกลื่อน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 เมษายน 2557 13:22 น.

ลำปาง - ชาวลำปางร้องสื่อ ปิดฉากงานรถไฟรถม้าลำปาง กลับทิ้งขยะไว้เกลื่อน ผ่านมา 2 วันยังไม่มีหน่วยงานไหนมาเก็บ เจอฝนซ้ำเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งเดือดร้อนกันทั่ว

วันนี้ (7 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในชุมชนรถไฟนครลำปางว่า หลังจากที่มีการจัดงานวันรถไฟรถม้า วันที่ 1-5 เมษายนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเก็บขยะที่ถูกทิ้งไว้สองข้างทางจนเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าด้านหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง และสองข้างทางในชุมชนระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตรมีถุงขยะที่ถูกทิ้งเรี่ยราดจำนวนมาก

แม่ค้าขายข้าวเหนียวปิ้งบริเวณดังกล่าวบอกว่า ที่ผ่านมาทุกปีหลังเสร็จงานก็จะมีการเก็บกวาดทำความสะอาดทันที แต่ปีนี้เสร็จงานมาแล้ว 2 วันยังไม่มีใครมาเก็บขยะ เมื่อเจอกับน้ำฝนที่ตกลงมาติดต่อกันสองวันก็เริ่มส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการเก็บกวาดและทำความสะอาดโดยเร็ว

ด้านนายสุวรรณ นครังกุล รองนายกเทศมนตรีนครลำปาง กล่าวว่า การจัดเก็บขยะตามหน้าที่ก็ยังคงเป็นของเทศบาลฯ ซึ่งได้จ้างเหมาบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินงานอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้อาจจะล่าช้าบ้างเนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่าง อีกทั้งงานเพิ่งเสร็จไปเมื่อคืนวันที่ 5 เมษายน และมีงานอื่นสมทบเข้ามาอีก ทั้งงานคอนเสิร์ต และงานสลุงหลวง ที่จะตามมาติดๆ รวมถึงตรงกับวันหยุดด้วย จึงทำให้การจัดเก็บขยะ ซึ่งเดิมก็มีอยู่แล้วเกิดความล่าช้า ต้องขอความเห็นใจจากประชาชนที่อยู่ในชุมชน โดยจะเร่งให้บริษัทรับเหมาเข้าไปดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในวันนี้

ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของเทศบาลนครลำปางบางคนระบุว่า การจัดงานรถไฟรถม้าครั้งนี้ จังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด โดยว่าจ้างบริษัทเอกชน ซึ่งต้องเป็นผู้ดูแลเรื่องขยะด้วย ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเทศบาลฯ

ขณะที่นายสำเริง ไชยเสน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง กล่าวว่า งานรถไฟรถม้าจังหวัดได้ประสานและขอความร่วมมือในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปก่อนที่จะมีการจัดงานแล้ว ซึ่งแต่ละส่วนรับผิดชอบขอบเขตของตนเอง จังหวัดมีหน้าที่ในการประสานหน่วยงานรัฐเข้ามาจัดนิทรรศการ รับผิดชอบเฉพาะบริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟนครลำปางเท่านั้น คือ จ้างเหมาเอกชนเข้ามาทำด้านเวทีแสงเสียง

ส่วนการแสดง ทางจังหวัดประสานต้นสังกัดศิลปินมาเอง การแสดงได้ติดต่อให้คนในพื้นที่ทั้งโรงเรียน และคนในลำปางเป็นผู้แสดง โดยไม่ได้จ้างคนนอกจังหวัด เพื่อต้องการให้คนในพื้นที่ได้มีบทบาทมากขึ้น ด้านการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ของการรถไฟฯ ที่มีการให้เอกชนเข้ามาเหมาเช่าพื้นที่ ก็เป็นส่วนของการรถไฟฯ ที่เป็นผู้ดำเนินการเอง

“การจัดเก็บขยะ จังหวัดได้ขอความร่วมมือไปยังเทศบาลนครลำปาง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลในด้านนี้โดยตรงก่อนการจัดงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับชำระค่าเก็บขยะให้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะได้กำชับไปยังส่วนที่รับผิดชอบให้รีบดำเนินการ”

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.เพิ่มเที่ยวรถรองรับ ปชช.กลับภูมิลำเนาเป็น 262 ขบวน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2557 09:08 น.


บรรยากาศที่สถานีรถไฟหัวลำโพง มีประชาชนมารอขึ้นรถไฟ เพื่อเดินทางออกไปต่างจังหวัด ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นจำนวนมาก ในช่วงเช้าจะเป็นเส้นทางสายสั้น โดยประเมินว่าตลอดทั้งวันนี้ จะมีผู้โดยสารใช้บริการมากสุดจะมีจำนวนถึง 1.2 แสนคน การรถไฟฯ ได้เพิ่มขึ้นรถจาก 250 ขบวน เป็น 262 ขบวน

//------------------

หัวลำโพงคึกคัก ประชาชนแห่กลับบ้าน
เดลินิวส์
วันศุกร์ 11 เมษายน 2557 เวลา 11:22 น.

ประชาชนแห่ถยอยกลับภูมิลำเนา ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้าน "ประภัสร์" เตรียมรรถไฟเที่ยวพิเศษเสริม 11-12 เม.ย. รองรับประชาชนเดินทาง

ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเดินทางของผู้โดยสาร ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาและไปท่องเที่ยว ยังเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งด้านความปลอดภัยและด้านสุขอนามัย อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มารณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ บริษัทยามาแจกยา มีการจัดสถานที่ให้ประชาชนที่กำลังรอเดินสามารถสรงน้ำพระได้ดด้วย

อย่างไรก็ตาม ประชาชนทยอยเดินทางออกเพื่อกลับภูมิลำเนา ก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามคาดว่า ในช่วงเย็นนี้ (11 เม.ย.) จะมีผู้โดยสารเดินทางมามากกว่านี้แน่นอน

โดย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟภ.) เปิดเผยว่า การรถไฟได้เพิ่มมาตรการคุมเข้มในเรื่องความปลอดภัยสำหรับเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเป็นการกวดขันและป้องกันอันตรายด้านการเดินรถและการก่อวินาศกรรม รวมทั้งจัดรถรองรับผู้โดยสารจนเต็มพิกัดจำนวน เพื่อให้สามารถขนส่งผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่จะมีปริมาณมากกว่าปกติ ขณะเดียวกัน เตรียมพร้อมรถจักร รถเครื่อง และเครื่องมือต่างๆให้พร้อมเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการเดินรถ โดยมีเป้าหมายให้ผู้เดินทางได้รับความสะดวก และปลอดภัยในการเดินรถ หรือให้มีอุบัติเหตุน้อยที่สุด

ทั้งนี้ รฟภ.ได้จัดเดินรถไฟเที่ยวพิเศษเสริม เป็นเที่ยวไปส่งในวันที่ 11-12 เม.ย.จำนวน 8 ขบวน และเที่ยวกลับในวันที่ 15-16 เม.ย. และ 19-20 เม.ย.อีก 20 ขบวน จากปกติที่เดินรถวันละ 242 ขบวน ซึ่งคาดว่า จะมีประชาชนมาใช้บริการรถไฟไม่น้อยกว่าวันละ 120,000 คน หรือกว่า 1 ล้านคนตลอดเทศกาล

//--------------------

หมอชิต2เพิ่ม4พันเที่ยว รฟท.การันตีได้กลับบ้านสงกรานต์ทุกคน
เดลินิวส์ออนไลน์
วันศุกร์ 11 เมษายน 2557 เวลา 12:45 น
รายงานบรรยากาศจากหมอชิต2และหัวลำโพง ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยงช่วงสงกรานต์คึกคัก


ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง บรรยากาศการเดินทางออกต่างจังหวัด มีประชาชนทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่หนาแน่น การจำหน่ายตั๋วรถไฟที่ช่องจำหน่ายค่อนข้างโล่ง เนื่องจากประชาชนจองไว้ล่วงหน้าก่อนวันเดินทางแล้ว ขณะที่กรมอนามัย กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมรณรงค์สงกรานต์ตายเป็น 0 โดยเปิดงานรณรงค์ภายในพื้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ให้ประชาชนทราบ โดยมีนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นประธานเปิดงาน

นายประภัสร์ เปิดเผยถึงการให้บริการของการรถไฟฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ปีนี้การรถไฟฟ้าฯ เพิ่มขบวนรถไฟในช่วงสงกรานต์เที่ยวไป 12 ขบวน และเที่ยวกลับ 20 ขบวนทั่วประเทศ โดยในวันที่ 11 เม.ย. เพิ่มมากที่สุด 5 ขบวน เพราะคาดว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการมากที่สุด ในปีนี้จะกำหนดเป้าหมายให้ประชาชนทุกคนได้กลับบ้าน ไม่ตกค้าง แต่อาจจะไม่ได้นั่งทั้งหมด จึงจะขอให้ผู้ที่เต็มใจยืนได้ไปก่อน ทั้งยังรณรงค์ลดละการดื่มแอลกอฮอล์ด้วย.

[Wisarut]

รฟท.ปรับปรุงสายใต้ครั้งใหญ่ฉลอง 100 ปี
เดลินิวส์
วันอาทิตย์ 20 เมษายน 2557 เวลา 16:52 น.

รถไฟ จัดทุ่ม 6,000 ล้าน ปรับปรุงรถไฟสายใต้ครั้งใหญ่รอบ 100 ปี ตั้งแต่หัวหิน -ประดังเบซาร์ คาดใช้เวลาดำเนินการ 3 ปีเสร็จ

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ได้จัดสรรงบประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเส้นทางรถไฟสายใต้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 100 ปี มีระยะเวลาปรับปรุงตามแผนประมาณ 3 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค.57 เป็นต้นไป สำหรับการปรับปรุงจะมีการเสริมดิน เปลี่ยนไม้หมอนเป็นคอนกรีต เปลี่ยนรางที่เก่าชำรุดขนาด 60-80 ปอนด์ เป็นขนาดมาตรฐาน 100 ปอนด์ ตลอดทางรถไฟสายใต้ เริ่มต้นจากสถานีหัวหิน ถึงสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส รวมถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลาอีกด้วย

ทั้งนี้หลังจากปรับปรุงเสร็จคาดว่าจะช่วยลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากรถไฟในภาคใต้ได้ เช่น ปัญหาการตกราง เหมือนกับที่เคยซ่อมในภาคเหนือ ซึ่งช่วยสถิติอุบัติเหตุได้มาก ขณะเดียวกันจะช่วยเพิ่มความเร็วของการเดินรถไฟได้ด้วย เพราะปกติภาคใต้บางช่วงวิ่งได้ความเร็วแค่ 20-25 กม.เท่านั้น เพราะต้องมีการลดความเร็วให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทาง แต่หากปรับปรุงแล้วจะช่วยให้รถวิ่งได้ไวขึ้นกว่าปกติมาก

อย่างไรก็ตามในการซ่อมครั้งนี้ อาจไม่ปิดซ่อมใหญ่ทั้งหมดเหมือนภาคเหนือ เพราะเกรงว่าหากปิดซ่อมใหญ่ อาจกระทบการใช้งานของผู้โดยสารในภาคใต้ได้ เพราะรถไฟสายล่องใต้มีผู้ใช้สัญจรมากกว่าสายอื่น โดยในต้นเดือนพ.ค.57 ตนและทีมงานจะเดินทางไปลงสำรวจเส้นทางในแต่ละจุดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่ารางระยะไหนควรปรับอย่างไร ให้ระยะเวลาซ่อมรางเสร็จเร็วมากขึ้นไม่ต้องนานถึง 3 ปี โดยจะดูมีความเหมาะสมจะปิดซ่อมใหญ่เหมือนรางภาคเหนือหรือไม่ เพราะยอมรับการซ่อมแซมรางรถไฟมีเวลาให้ลงมือปรับปรุงจริงได้วันละไม่กี่ชั่วโมง แถมบางพื้นที่อย่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเป็นจุดเสี่ยง ทำให้การซ่อมแซมทำได้เฉพาะช่วงเช้าและกลางวันเท่านั้น หากเป็นกลางคืนจะไม่ปลอดภัย

//---------------------

ร.ฟ.ท.จัดหนักทุ่ม 6 พันล้าน - รื้อใหญ่เส้นทางรถไฟสายใต้รอบ 100 ปี
โดย ทีมข่าวหน้าเศรษฐกิจ
ไทยรัฐ
21 เมษายน 2557 05:15

ร.ฟ.ท.ทุ่มเงิน 6 พันล้านบาท ปรับปรุงรถไฟสายใต้ครั้งใหญ่ รอบ 100 ปี เส้นทางหัวหิน–ปาดังเบซาร์ ขีดเส้น 3 ปีเสร็จ เริ่มดีเดย์ พ.ค.นี้

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ได้จัดสรรงบประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเส้นทางรถไฟสายใต้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 100 ปี มีระยะเวลาปรับปรุงตามแผนประมาณ 3 ปี เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.57 เป็นต้นไป สำหรับการปรับปรุงจะมีการเสริมดิน เปลี่ยนไม้หมอนเป็นคอนกรีต เปลี่ยนรางที่เก่าชำรุดขนาด 60-80 ปอนด์ เป็นขนาดมาตรฐาน 100 ปอนด์ ตลอดทางรถไฟสายใต้ เริ่มต้นจากสถานีหัวหินถึงสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รวมถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลาอีกด้วย

ทั้งนี้หลังจากปรับปรุงเสร็จคาดว่าจะช่วยลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากรถไฟในภาคใต้ได้ เช่น ปัญหาการตกราง เหมือนกับที่เคยซ่อมในภาคเหนือ ซึ่งช่วยสถิติอุบัติเหตุได้มาก ขณะเดียวกันจะช่วยเพิ่มความเร็วของการเดินรถไฟได้ด้วย เพราะปกติภาคใต้บางช่วงวิ่งได้ความเร็วแค่ 20-25 กม.เท่านั้น เพราะต้องมีการลดความเร็วให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทาง แต่หากปรับปรุงแล้วจะช่วยให้รถวิ่งได้ไวขึ้นกว่าปกติมาก

อย่างไรก็ตาม ในการซ่อมครั้งนี้อาจไม่ปิดซ่อมใหญ่ทั้งหมดเหมือนภาคเหนือ เพราะเกรงว่าหากปิดซ่อมใหญ่อาจกระทบการใช้งานของผู้โดยสารในภาคใต้ได้ เพราะรถไฟสายล่องใต้มีผู้ใช้สัญจรมากกว่าสายอื่น โดยในต้นเดือน พ.ค.57 ตนและทีมงานจะเดินทางไปลงสำรวจเส้นทางในแต่ละจุดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูว่ารางระยะไหนควรปรับอย่างไร ให้ระยะเวลาซ่อมรางเสร็จเร็วมากขึ้นไม่ต้องนานถึง 3 ปี โดยจะดูมีความเหมาะสมจะปิดซ่อมใหญ่เหมือนรางภาคเหนือหรือไม่

นายประภัสร์กล่าวอีกว่า เส้นทางรถไฟสายใต้ถือว่าเป็นการคมนาคมที่มีความจำเป็นมากต่อพี่น้องประชาชนภาคใต้ เพราะถือเป็นเส้นทางขนส่งสายหลัก โดยงบประมาณที่ใช้นำมาจากงบประมาณเดิมที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลชุดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อนำมาปรับปรุงการดำเนินงานรถไฟไทยวงเงินรวม 170,000 ล้านบาท แต่งบการปรับปรุงเส้นทางภาคใต้ถือเป็นการดึงงบมาส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยการทำสัญญามีการเปิดประมูลอีอ็อคชั่นอย่างถูกต้อง และจัดจ้าง 6 สัญญา โดยแบ่งเป็นช่วงๆ เพื่อให้การซ่อมทำได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่จำนวน 20 คัน จะเริ่มรับมอบตั้งแต่เดือน มิ.ย.จนครบทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้.

[Wisarut]

ร.ฟ.ท.เร่งปั้นผู้โดยสารเพิ่ม
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อ วันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2014 เวลา 12:59 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,941 วันที่ 20 - 23 เมษายน พ.ศ. 2557
-
บอร์ดร.ฟ.ท.ชี้การรถไฟฯ ต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กร "บุญสม" ย้ำชัดเน้นการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ เร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทาง กำชับการปรับปรุงทางตามกรอบงบประมาณที่ได้รับโดยเร็ว

รศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ ประธานกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ทิศทางการดำเนินงานของ ร.ฟ.ท.จากนี้ไปจะมุ่งยกระดับประสิทธิภาพการบริการด้านการเดินรถ ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักให้ผู้ใช้บริการได้รับความพึงพอใจสูงสุด เพราะที่ผ่านมาประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นโดยเฉพาะความปลอดภัย และการตรงต่อเวลา อย่างไรก็ตาม หลังจากปรับขบวนรถและความเร็วการเดินรถจากการปรับปรุงราง และไม้หมอน ทำให้เห็นภาพการให้บริการเดินรถของร.ฟ.ท.ในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น สำหรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ปี 2553 นั้นยังคงผลักดันต่อไป โครงการรถไฟทางคู่จึงเข้ามาเสริมในหลายจุดและเห็นสมควรที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อให้การเดินรถตรงต่อเวลา เร่งจัดซื้อหัวรถจักรที่มีประสิทธิภาพ

ในเดือนมิถุนายนนี้จะได้รับหัวรถจักรคันใหม่ 20 หัวมาใช้งาน ภาคการขนส่งจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนหัวรถจักรอื่นๆอยู่ในขั้นตอนการเร่งรัด เช่นเดียวกับการซ่อมบำรุงรักษาทาง ราง ไม้หมอน และระบบอาณัติสัญญาณ-โทรคมนาคมต้องเร่งดำเนินการตามกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมกับความสะดวกสบายของผู้โดยสารทั้งการเข้าถึงสถานีต้องสะดวกสบาย ปลอดภัย การรถไฟฯจึงต้องเร่งสร้างพันธมิตร อาทิ ประสานงานกับผู้ประกอบการรถตู้ รถแท็กซี่ รถสองแถว ฯลฯ ให้เข้ามาเป็นระบบฟีดเดอร์ป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น

"ต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเดินรถ การบำรุงรักษาต้องเร่งยกระดับมาตรฐาน อีกทั้งยังต้องทำป้ายบอกทางให้มีหลายภาษาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ท้ายที่สุดแล้วการร่วมมือกับภาคเอกชนยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวต่างๆซึ่งทั้งหมดนี้การรถไฟฯต้องยกระดับคุณภาพและบริการให้เกิดความมั่นใจให้ได้เสียก่อนโดยเน้นเส้นทางหลักให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนขยายไปสู่เส้นทางอื่นๆต่อเนื่องกันไป"

ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการร.ฟ.ท.กล่าวว่าปัจจุบันผู้ใช้บริการรถไฟมีประมาณวันละ 9.5 หมื่น- 1 แสนเที่ยวคนต่อวัน ในปีที่ผ่านมารวมประมาณ 40 ล้านคน โดยช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม 2557 ที่ผ่านมาทะลุ 9.5 หมื่นเที่ยวคน ปัจจุบันเพิ่มเป็นกว่า 1 แสนเที่ยวคนขึ้นไป คาดว่าจะยังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนปริมาณการขนสินค้าได้กว่า 11 ล้านตัน ซึ่งสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือจะมากกว่า โดยช่วงเทศกาลแต่ละเส้นทางปริมาณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงมีแนวคิดดึงดูดความสนใจให้หันมาใช้บริการรถไฟเดินทางอย่างต่อเนื่องมากขึ้นในทุกเส้นทาง

"ปีนี้ยังเห็นภาพความล่าช้า จากกรณีการปรับปรุงทางในหลายช่วง แต่หลังจากช่วงครึ่งปีแรกไปแล้วคงจะเริ่มเห็นการให้บริการที่รวดเร็วและตรงต่อเวลามากขึ้นในเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพราะการซ่อมทางแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่ ผู้ใช้บริการน่าจะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 5%"