Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311289
ทั่วไป:13271183
ทั้งหมด:13582472
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 250, 251, 252 ... 474, 475, 476  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 25/03/2015 8:25 pm    Post subject: Reply with quote

งามหน้า!! มือมืดย่องพ่นสเปรย์รถไฟขบวนหรูที่เมืองกาญจน์
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17:43 น.



เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ารถไฟท่องเที่ยวอีสเทิร์น โอเรียนเตล ปรินเซส 22 โบกี้ 2 หัวจักร ขบวนที่ 951 ของประเทศสิงคโปร์ ถูกมือมืดใช้สีสเปรย์พ่นใส่โบกี้ได้รับความเสียหาย จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายประสพ ภู่สามสาย นายสถานีรถไฟกาญจนบุรี ข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งรถไฟขบวน 951 เป็นรถไฟท่องเที่ยวอีสเทิร์น โอเรียนเตล ปรินเซส 22 ซึ่งวิ่งจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศไทย นำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วโลกมาเที่ยวที่กาญจนบุรี จากนั้นเวลา 23.05 น.ของวันที่ 23 มี.ค. รถไฟขบวนดังกล่าวได้มาจอดค้างคืนที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี



ต่อมาตี 3 ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเราเดินตรวจตราความเรียบร้อย ปรากฏพบว่าที่ด้านข้างของโบกี้รถไฟโบกี้ที่ 4 จากหัวจักรด้านหน้า ซึ่งเป็นโบกี้นอนของนักท่องเที่ยว มีมือดีลักลอบนำสีสเปรย์สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน พ่นเป็นอักษรตัวย่อภาษาอังกฤษขนาดใหญ่ คำว่า T.G.B.M. และ TG.B.M.2015 เราไม่ทราบว่าอักษรนั้นมีความหมายว่าอะไร

แต่การกระทำดังกล่าวทำให้ทรัพย์สินนั้นได้รับความเสียหายอีกทั้งรถไฟขบวนดังกล่าวเป็นของต่างชาติ จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงประเทศชาติ โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีของเรา เบื้องต้นเราได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรีแล้วตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่จากการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ที่ชานชาลา ปรากฎว่ากล้องไม่สามารถจับภาพเอาไว้ได้เนื่องจากจุดที่มือดีพ่นสีสเปรย์อยู่ในที่มืด อีกทั้งกล้องจับภาพไม่ถึง - โดนเมื่อราวๆ ตี 2 ครึ่ง



เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงขอฝากไปยังผู้ที่กระทำขอให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะนอกจากทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายแล้ว ยังทำให้ภาพรวมของประเทศไทย และจังหวัดกาญจนบุรีเสียหายไปด้วย ก่อนที่ขบวนรถไฟดังกล่าว จะเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำกระดาษกาวสีเขียวมาปิดทับข้อความดังกล่าวเอาไว้ชั่วคราว เพราะไม่สามารถลบออกได้ และหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมมือมืดมาดำเนินคดีได้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 26/03/2015 3:20 pm    Post subject: Reply with quote

รฟท. ปรับบริการ มั่นใจรายได้ขนส่งสินค้าทางราง โตพุ่งก้าวกระโดด
โดย ไทยรัฐออนไลน์
26 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13:10



"ประจิน" ร่วมงาน 118 ปี ครบรอบวันสถาปนากิจการรถไฟ ขณะที่ผู้ว่าการรถไฟฯ ประกาศยกเครื่องบริการทุกด้าน มั่นใจสัดส่วนรายได้ธุรกิจขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มก้าวกระโดด หลังรับมอบหัวรถจักร ครบ 20 หัว ปีนี้ และโบกี้ใหม่ 115 คัน ปีหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา วันที่ 26 มี.ค. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางร่วมงานครบ 118 ปี วันสถาปนากิจการรถไฟ โดยได้เป็นประธาน เปิดกรวยดอกไม้สด ถวายสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน รวมทั้งร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป

ส่วนการพัฒนากิจการรถไฟนั้น นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า แนวทางดำเนินการขณะนี้ นอกจากการปรับปรุงบริการทุกด้าน ทั้งการปรับปรุงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) และสถานีสำคัญๆ ทั่วประเทศให้สะอาด การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม การปรับปรุงสภาพห้องน้ำให้สะอาดน่าใช้ ซึ่งทั้งหมดจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 6 เดือนข้างหน้า ในส่วนของการเดินรถบริการ เชื่อว่าในอนาคตการเดินรถไฟ ทั้งในเรื่องของคุณภาพบริการ และการตรงต่อเวลาจะดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากการที่ รฟท. จะมีการรับมอบ หัวรถจักรดีเซล ครบ 20 หัว ภายในเดือนกรกฏาคมปีนี้ รวมทั้งในปีหน้า รฟท. จะมีการรับมอบโบกี้รถไฟใหม่ 115 คัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับการเตรียมก่อสร้างทางหลีกอีก 100 จุด ก็เชื่อว่ารถไฟจะสามารถเดินรถได้ตรงต่อเวลามากขึ้น ที่สำคัญจะช่วยเสริมศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรางของ รฟท.ให้คล่องตัว และส่งสินค้าได้ตรงเวลา โดยเชื่อว่าในอนาคต สัดส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง เมื่อเทียบกับบริการรถโดยสาร จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 5% ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นได้มากกว่า 30% ในอนาคต

//-------------------------

ผู้ว่าฯรฟท.ประกาศยกเครื่องบริการ-คุณภาพทุกด้าน ชี้เห็นผลใน 6 เดือน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 26 มี.ค. 2558 เวลา 13:26:26 น.


26 มี.ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมงาน 118 ปี วันสถาปณากิจการรถไฟ ขณะที่ผู้ว่าฯ รฟท.ประกาศยกเครื่องการบริการทุกด้าน มั่นใจสัดส่วนรายได้ธุรกิจขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มก้าวกระโดด หลังรับมอบหัวรถจักรครบ 20 หัวปีนี้ และโบกี้ใหม่ 115 คันปีหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.อประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมงานครบ 118 ปี วันสถาปณากิจการรถไฟ โดยเป็นประธานเปิดกรวยดอกไม้สด ถวายสักการะพระรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน รวมทั้งร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป

ส่วนแผนการพัฒนากิจการรถไฟไทย นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า แนวทางที่ดำเนินการขณะนี้นอกจากการปรับปรุงบริการทุกด้าน ทั้งการปรับปรุงสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) และสถานีสำคัญ ๆ ทั่วประเทศให้สะอาด การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม การปรับปรุงสภาพห้องน้ำให้สะอาดน่าใช้ ซึ่งทั้งหมดจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 6 เดือนข้างหน้า ส่วนการเดินรถบริการ เชื่อว่าในอนาคตการเดินรถไฟทั้งคุณภาพบริการ และการตรงต่อเวลาจะดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากการที่ รฟท.จะมีการรับมอบ หัวรถจักรดีเซลครบ 20 หัวภายในเดือนกรกฏาคมปีนี้ รวมทั้งปีหน้า รฟท.จะมีการรับมอบโบกี้รถไฟใหม่ 115 คัน เมื่อรวมกับการเตรียมก่อสร้างรทางหลีก อีกเป็น 100 จุด เชื่อว่ารถไฟจะสามารถเดินรถได้ตรงต่อเวลามากขึ้น

ทั้งนี้ ที่สำคัญจะช่วยเสริมศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรางของ รฟท.ให้คล่องตัว และส่งสินค้าได้ตรงเวลา โดยเชื่อว่าในอนาคตสัดส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรางเมื่อเทียบกับบริการรถโดยสารจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณร้อยละ 5 ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นได้มากกว่าร้อยละ 30 ในอนาคต


Last edited by Wisarut on 26/03/2015 11:08 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 26/03/2015 11:04 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
ธีรภัทร เจริญสุข : สถานีนาทา ชุมทางใหม่ชายแดนหนองคาย
โดย ธีรภัทร เจริญสุข
คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง
มติชนรายวัน
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13:21:50 น.


“อนุพงษ์” จี้เอกชนสร้างนิคมอุตสาหกรรม มั่นใจดันเศรษฐกิจหนองคายโตก้าวกระโดด


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 มีนาคม 2558 15:54 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มีนาคม 2558 16:00 น.)


พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่หนองคายตรวจความพร้อมจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ

หนองคาย - รมว.มหาดไทยตรวจความพร้อมหนองคาย ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมหนุนเอกชนเร่งตั้งนิคมอุตสาหกรรมรองรับเส้นทางรถไฟจากจีน มั่นใจผลักดันเศรษฐกิจหนองคายโตมหาศาล ขณะที่หนองคายดัน 5 อำเภอพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ วางเป้าหนองคายเป็นศูนย์กลางตลาดค้าส่ง ค้าปลีกระหว่างประเทศ ลอจิสติกส์ และการท่องเที่ยว

วันนี้ (25 มี.ค. 58) ที่สถานีรถไฟหนองคาย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะลงพื้นที่ตรวจเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดหนองคาย โดยมีนายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นายวัฒนา คงมั่น ผู้อำนวยการศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือการรถไฟแห่งประเทศไทย นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล

จากนั้นได้นั่งรถไฟระหว่างประเทศเดินทางจากสถานีรถไฟหนองคายไปยังกลางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว พิจารณาพื้นที่จัดสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงคู่ขนานกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 และนั่งรถไฟกลับมายังสถานีรถไฟนาทา อ.เมืองหนองคาย ชมจุดที่มีการจัดสรรพื้นที่สำหรับการตั้งคอนเทนเนอร์ยาร์ด และจุดกระจายสินค้า

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดหนองคายน่าจะมีความพร้อมแล้ว ทั้งพื้นที่ของจังหวัดและพื้นที่การรถไฟฯ ส่วนเส้นทางเชื่อมต่อจากลาวมายังหนองคายเพื่อเชื่อมต่อไปแก่งคอยก็ใช้เส้นทางนี้ ที่ดินทั้งหมดไม่มีการบุกรุกน่าจะทำได้สะดวก

ถ้าโครงการเริ่มไม่น่ามีปัญหา โดยการบริหารจัดการของจังหวัดหนองคายจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดดูแล และนิคมอุตสาหกรรมที่ทางภาคเอกชนและการนิคมอุตสาหกรรมดูแล ซึ่งจัดเตรียมพื้นที่ไว้ในเขต อ.สระใคร พิจารณาแล้วหากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพร้อมน่าจะดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ หากนิคมอุตสาหกรรมเดินหน้าได้ดี ประกอบกับเส้นทางรถไฟขนาดมาตรฐานเสร็จ คอนเทนเนอร์ยาร์ดจะมีส่วนสำคัญมาก แต่ถ้าเพียงแค่ส่งผ่านสินค้าจะไม่คุ้มค่า

“ควรเร่งให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่หนองคาย เพราะขณะนี้นครหลวงเวียงจันทน์มีความพร้อม เส้นทางรถไฟจากจีนเชื่อมมายังลาว และเข้าหนองคายจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ทั้งการสัญจรข้ามแดน การขนส่งสินค้าปริมาณจะมากขึ้นแน่นอน หากรอให้ทางรถไฟเสร็จแล้วค่อยทำเขตเศรษฐกิจพิเศษจะไม่ทันการณ์ อาจไม่เกิดผลใน 2-3 ปีนี้ แต่เมื่อจีนก้าวมาถึงลาวแล้วจะเห็นผลได้ทันที” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

ส่วนความกังวลของภาคเอกชนที่มองว่านิคมอุตสาหกรรมจะมีทั้ง จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย นั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา การมีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งจะเป็นการดี ถ้ามีเฉพาะเมืองใหญ่แรงงานจะกระจุกตัว ดังนั้น ควรสร้างงานในพื้นที่ดีกว่า การที่หนองคายอยู่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแรงงานสำคัญอาจเป็นตัวตัดสินให้ผู้ประกอบการยอมนำกิจการออกมาสู่ภูมิภาคมากขึ้น ทำให้ต่างจังหวัดมีความเจริญมากขึ้นด้วย

ด้านนายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) มีมติเห็นชอบให้จังหวัดหนองคายเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพเหมาะสมจัดตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 1 เพิ่มเติม ในปี 2558 ทางจังหวัดได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 5 คณะ มีการจัดเตรียมพื้นที่จัดตั้งทั้งในพื้นที่อำเภอเมือง ตำบลที่ติดกับแนวชายแดน สปป.ลาว จำนวน 5 อำเภอ 22 ตำบล คือ อ.เมืองหนองคาย 12 ตำบล, อ.สระใคร 1 ตำบล, อ.โพนพิสัย 3 ตำบล, อ.ท่าบ่อ 3 ตำบล และ อ.ศรีเชียงใหม่ 3 ตำบล เนื้อที่รวม 559,614 ไร่

โดยจัดเตรียมพื้นที่สำหรับให้เอกชนเช่าเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ อ.เมืองหนองคาย, อ.สระใคร และ อ.โพนพิสัย รวม 8 แปลง เนื้อที่ 5,417 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีการบุกรุก ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ และสามารถเวนคืนที่ดินได้ เป้าหมายต้องการให้จังหวัดหนองคายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในฐานะเป็นศูนย์กลางตลาดค้าส่ง ค้าปลีก และสินค้าระหว่างประเทศ เป็นครัวไทยสู่อาเซียน หัวใจสำคัญของระบบลอจิสติกส์ การคมนาคมขนส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และพัฒนาด้านการท่องเที่ยว

ส่วนการรองรับพื้นที่กระจายสินค้านั้น ทางสถานีรถไฟนาทาได้เตรียมพื้นที่สำหรับพัฒนาเป็นคอนเทนเนอร์ยาร์ดไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการปลูกสร้างได้ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของโครงการ และความพร้อมของทาง สปป.ลาว ในการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 26/03/2015 11:28 pm    Post subject: Reply with quote

สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จัดกิจกรรมครบรอบ 118 ปี “วันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟไทย”


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
26 มีนาคม 2558 14:26 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มีนาคม 2558 15:01 น.)

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 118 ปี วันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟไทย เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงสถาปนากิจการรถไฟไทยจนเจริญรุดหน้ามาถึงปัจจุบัน มีการมอบทุนการศึกษา ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าหน้าที่รถไฟที่เสียชีวิต โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแข่งขันกีฬากระชับความสัมพันธ์

วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 118 ปี วันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มีนาคมของทุกปี โดยมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานของพนักงานรถไฟ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าหน้าที่รถไฟที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกิจกรรมการแข่งขันกีฬาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ความสามัคคีของเจ้าหน้าที่รถไฟ โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงสถาปนากิจการรถไฟไทยจนเจริญรุดหน้ามาถึงปัจจุบัน

โดยในส่วนของสถานีรถไฟหาดใหญ่ ได้พัฒนาสถานีรถไฟให้เป็นสมาร์ทสเตชัน ทั้งด้านการบริการ บุคลากร และการปรับปรุงสถานีให้ทันสมัยเพื่อบริการประชาชน และนักท่องเที่ยวให้ได้รับการบริการ และการเดินทางที่สะดวกที่สุด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 30/03/2015 9:18 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดใจ "วุฒิชาติ กัลยาณมิตร" ภารกิจฟื้นฟูกิจการ "ม้าเหล็ก"
โดย ทีมเศรษฐกิจ
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
30 มีนาคม 2558 05:01


กิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ก่อตั้งมายาวนานมากกว่า 118 ปี และเพิ่งฉลองวันสถาปนาองค์กรไปเมื่อ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุคน

จากยุคที่ได้ชื่อว่า “รุ่งเรืองที่สุดในเอเชีย” เพราะบุกเบิกกิจการรถไฟมาก่อนใคร สู่ยุคที่หมักหมมเต็มไปด้วยปัญหาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาด้านการบริการ ทั้งความล่าช้าในการเดินรถ ความสะอาดภายในโบกี้ ห้องสุขาที่เหม็นตลบ หรือแม้แต่ตัวสถานีที่เก่าแก่ไร้การเหลียวแล ความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร หรือแม้กระทั่งปัญหาการบริหารจัดการภายในองค์กร
ทำให้ภาพลักษณ์รถไฟไทยถูกมองว่า เป็นองค์กรที่ “ล้าหลัง”

ที่สำคัญ ร.ฟ.ท.ยังมีหนี้สินสะสมพะรุงพะรังนับแสนล้านบาท จนถึงขั้นที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือ “ซุปเปอร์บอร์ด” ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นประธานต้องสั่งให้จัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินและเร่งฟื้นฟูองค์กรอย่างเร่งด่วน ถือเป็นภารกิจ “สุดหิน” ที่ทุกฝ่ายจับตา และในเวลาเดียวกัน รถไฟไทยยังต้องทำหน้าที่ลงทุน “เมกะโปรเจกต์” สูงถึง 1.9 ล้านล้านบาทเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ถือเป็นความท้าทายของผู้บริหารรถไฟคนใหม่ที่จะเข้ามา “ปลดแอก” กิจการที่เต็มไปด้วยปัญหาแห่งนี้

“ทีมเศรษฐกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร” ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย “ป้ายแดง” ที่ผันตัวเองมาจาก “บิ๊กบอส” บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. สู่เก้าอี้ “ผู้ว่าการม้าเหล็ก” ถึงแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนและพลิกโฉมองค์กรที่ถูกค่อนแคะว่า “ถึงก็ช่าง...ไม่ถึงก็ช่าง” แห่งนี้ ดังนี้ :

สร้างภาพลักษณ์–ฟื้นฟูความเชื่อมั่น

“ก่อนผมเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ ก็มีคนถามมาเยอะว่าไม่กลัวหรือ เพราะที่นี่เหมือนเป็นองค์กรปราบเซียน ที่ใครเข้ามาบริหารก็เหนื่อยทุกราย แต่ส่วนตัวผมไม่ได้มองเช่นนั้น และเชื่อว่า ร.ฟ.ท.มีโอกาสอยู่รอดได้ “วุฒิชาติ” เริ่มบทสนทนากับ “ทีมเศรษฐกิจ”

“ทั้งนี้ สิ่งแรกที่ผมตั้งใจทำงานร่วมกับคนรถไฟ ก็คือ การปรับภาพลักษณ์องค์กร โดยพยายามสร้างความเข้าใจให้สังคมรับรู้ให้ถูกต้อง เกี่ยวกับกิจการรถไฟ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับรถไฟด้วย เพราะสาเหตุของปัญหาหมักหมมส่วนหนึ่งก็มาจากการลงทุน แต่ละโครงการต้องใช้เงินมหาศาล รวมถึงเกิดความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาลในแต่ละยุค จนสั่งสมหมักหมมกลายเป็นข้อจำกัด รวมถึงหนี้สินของการรถไฟฯด้วย”

ในฐานะผู้ว่าการ “ม้าเหล็ก” มีภารกิจ 3 เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ ภารกิจแรก คือ การปรับปรุงภาพลักษณ์ของรถไฟในด้านความปลอดภัยของการบริการ ซึ่งที่ผ่านมาต้องบอกว่า การให้บริการรถไฟ มีมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ด้วยสายทางรถไฟที่มีความยาวกว่า 4,000 กิโลเมตร และมากกว่า 90% เป็นแบบรางเดี่ยว ที่ไม่ได้มีการปรับปรุงมานาน ประกอบกับการรถไฟต้องเปิดให้บริการเดินรถตลอดเวลา เวลาซ่อมบำรุงจะทำได้ไม่เต็มที่ ต้องซ่อมแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งข้อดีแม้ทำให้เดินรถไปด้วยได้ แต่ก็มีข้อเสียระบบรางจะเสียหายเร็ว

ส่วนการดูแลพนักงานที่ให้บริการบนขบวนรถไฟจะมีการเข้มงวดไม่ให้มีแอลกอฮอล์ เมื่อสุ่มตรวจจะต้องเป็น 0 ทุกรายต่ำกว่ากฎหมายที่ห้ามเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่การจัดขบวนรถ “เลดี้ โบกี้” เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารที่เป็นสุภาพสตรี ด้านการดูแลความปลอดภัยในภาพรวมนั้นได้มีการบูรณาการร่วมกับตำรวจรถไฟ ในการเตรียมมาตรการป้องกันความปลอดภัยร่วมกันอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว

อีกปัญหาที่ถูกร้องเรียนมานาน คือ ด้านความสะอาด ที่ผ่านมารถไฟตกเป็นจำเลยสังคม ทั้งเรื่องห้องสุขาในสถานีและขบวนรถ จึงมีนโยบายเร่งด่วนให้มีการปรับปรุงห้องน้ำที่สถานีหัวลำโพงใหม่ โดยนำนวัตกรรมที่ทันสมัยถูกสุขอนามัยมาให้บริการประชาชน โดยจะให้เปิดได้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ก่อนทยอยปรับปรุงทุกสถานี ส่วนการปรับปรุงห้องน้ำบนขบวนรถไฟจะปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกัน

“ผมมีแนวคิดจะให้นำตู้ขบวนสินค้าที่ปลดระวางมาปรับปรุงเป็น “โบกี้ห้องน้ำ” ที่ให้ถูกสุขลักษณะตามมาตรฐานกรมอนามัย และจะเป็นห้องน้ำแบ่งแยกชาย-หญิงชัดเจนเพื่อไม่ให้กลิ่นไปรบกวนตู้โดยสาร”

โครงการปรับปรุงห้องน้ำบนขบวนตู้โดยสารนี้จะเห็นผลชัดเจนภายใน 6 เดือน ซึ่งนับแต่เข้ารับตำแหน่ง การรถไฟได้จัดทำ “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” ทำความสะอาดสถานีรถไฟหัวลำโพง และยังได้ประสานไปยังกรมราชทัณฑ์ ขอกำลังผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพมาช่วยทำความสะอาด ปรับภูมิทัศน์เส้นทางรถไฟ ตั้งแต่สถานีสามเสน-หัวลำโพงจนสะอาดไปแล้ว หลังจากนี้จะมีการขยายบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ไปยังสถานีรถไฟแห่งอื่นๆเพิ่มเติม”

ซ่อมราง–ซื้อรถจักร “แก้ตกราง–หวานเย็น”

ส่วนการปรับปรุง “จุดตัดรถไฟ” และทางลักผ่าน ซึ่งเป็นอีกนโยบายที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมให้นโยบายเพื่อดำเนินการ ถือเป็นภารกิจที่ 2 ที่ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่ง ร.ฟ.ท. มีแผนเร่งรัดติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัย หรือไม้กั้นอัตโนมัติที่จุดตัดและทางลักผ่านกว่า 1,359 แห่ง เพื่อให้ติดตั้งแล้วเสร็จโดยเร็ว

โดยปี 58 นี้ รถไฟได้รับการจัดสรรงบประมาณ 58.4 ล้านบาท เพื่อติดตั้งสัญญาณไฟกะพริบเตือนตามจุดลักผ่าน 584 แห่ง โดยจะติดตั้งให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.58 นี้ ส่วนการติดตั้งระบบไม้กั้นจุดตัดรถไฟในปี 58 นี้ ได้รับงบประมาณ 403 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการติดตั้งก่อน 130 แห่ง โดยเป็นระบบไม้กั้นระบบอัตโนมัติไม่ต้องใช้คนควบคุม ขณะที่ปี 59 จะของบประมาณติดตั้งไม้กั้นอัตโนมัติอีก 200 แห่ง วงเงิน 600 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นจุดตัดรถไฟทางคู่ 120 แห่ง จะของบในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำเป็นสะพาน หรืออุโมงค์ทางลอด

นอกจากปรับปรุงด้านบริการแล้ว ในด้านความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุรถไฟตกราง รถไฟไทยยังมีแผนเพิ่มการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้บริการการเดินรถดีขึ้น โดยจะมีการเปลี่ยนรางไม้หมอนที่ชำรุด รวมถึงการจัดหาหัวรถจักรและขบวนรถใหม่เข้ามาให้บริการ

“หลังจากปิดซ่อมใหญ่สายเหนือ และการซ่อมรางขนานใหญ่ในสายอีสานไปแล้ว ล่าสุดอยู่ระหว่างการซ่อมรางเส้นทางสายใต้ แต่จะไม่มีปิดเส้นทางเดินรถเหมือนการซ่อมสายเหนือ แต่จะทยอยซ่อมทางเป็นช่วงๆนอกเวลาเดินรถแทน โดยจะเปลี่ยนไม้หมอนเป็นคอนกรีตให้รับน้ำหนักได้ 100 ปอนด์ ทำให้เพิ่มความเร็วการเดินรถได้”

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่ทำให้การเดินรถและขนส่งด้วยรถไฟล่าช้า ส่วนหนึ่งมาจากระบบ “รางเดี่ยว” เมื่อเดินรถสวนทางกัน ทำให้ต้องจอดรอการสับหลีก การรถไฟจึงมีแผนก่อสร้าง “รางหลีกรอ” เพิ่มขึ้นอีกราว 100 จุดเพื่อร่นระยะเวลาสับหลีกให้เร็วขึ้น ขณะที่จะปรับปรุงการเดินรถไฟดีขึ้น ทั้งคุณภาพบริการ การตรงต่อเวลา โดยเฉพาะหลังจากที่รับมอบหัวรถจักรดีเซลใหม่ครบ 20 หัว ในเดือน ก.ค.นี้ และรับมอบโบกี้รถไฟใหม่อีก 115 คันในปีหน้าเสร็จแล้ว

“เชื่อแน่ว่า รถไฟจะสามารถเดินรถได้ตรงต่อเวลามากขึ้น ช่วยเสริมศักยภาพการขนส่งสินค้าทางรางให้คล่องตัว ทำให้สัดส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง เมื่อเทียบกับบริการรถโดยสารจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 5% เป็นมากกว่า 30% ได้ในอนาคต”

รับลูก “ไฮสปีดเทรน–รถไฟกึ่งเร็วสูง”

สำหรับภารกิจที่ 3 เป็นนโยบายที่มีคนสนใจกันมาก คือ แผนขยายการลงทุนเส้นทางรถไฟใหม่ รวมถึงโครงการรถไฟกึ่งความเร็วสูงของรัฐบาล ซึ่งผู้ว่าการการรถไฟฯเล่าให้ฟังว่า “รถไฟทางคู่ และรถไฟกึ่งความเร็วสูง” จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนา ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเพิ่มศักยภาพระบบขนส่งประเทศ

การดำเนินการในขณะนี้ จะประกอบด้วย รถไฟทางคู่ “ไทย-จีน” ขนาดราง 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทาง 873 กิโลเมตร การรถไฟฯได้ให้ความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสำรวจเส้นทาง และการแลกเปลี่ยนข้อมูล แผนที่ ภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อสำรวจและออกแบบ

เช่นเดียวกับ รวมถึงความร่วมมือรถไฟทางคู่ไทย-ญี่ปุ่น 3 เส้นทางที่อยู่ระหว่างศึกษาก่อสร้าง

สำหรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1 เมตร หรือ “เมเตอร์ เกจ” ซึ่งจะขยายจากเดิมที่เป็นรางเดี่ยวและโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองนั้น การรถไฟฯจะเดินหน้าทำเต็มที่ อยู่ในแผนการดำเนินงานโครงการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งปี 2558 ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ 8 ปี 2558-2565 ของรัฐบาล โดยมีโครงการเร่งด่วน 6 โครงการ มูลค่า 68,000 ล้านบาท ในเส้นทางที่มีความพร้อม คือ สายฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย , เส้นทางสายชุมทางจิระ-ขอนแก่น, สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, ลพบุรี-ปากน้ำโพ, มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และนครปฐม-หัวหิน

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง มีโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26.30 กม. มีทั้งสิ้น 10 สถานี ขณะนี้งานก่อสร้างฐานรากคืบหน้าไปแล้ว 25.78% และอยู่ระหว่างการปรับแบบเพิ่มรางเพื่อรองรับรถไฟกึ่งความเร็วสูงในอนาคต คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและเปิดใช้บริการได้ปี 61

ขณะที่โครงการส่วนต่อขยาย แอร์พอร์ต เรลลิงค์ ดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ระยะทาง 21.40 กม.วงเงิน 31,103 ล้านบาท กำหนดสร้างเสร็จในปี 63 รวมถึงการสร้างรถไฟชานเมืองสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-หัวลำโพง รวม 25.9 กม. วงเงิน 38,954 ล้านบาท ซึ่งตามแผนจะเสร็จในปี 61 เช่นกัน

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง “ไฮสปีดเทรน” ความเร็ว 250 กม.สายท่องเที่ยว เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน 211 กิโลเมตร, กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง 196 กิโลเมตรนั้น ขณะนี้มีภาคเอกชนไทย 3 ราย ได้แก่ เครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ให้ความสนใจร่วมลงทุน ซึ่งพร้อมดำเนินการ ขอให้มีนโยบายของรัฐบาลชัดเจนลงมาเท่านั้น

ปัดฝุ่นที่ดินเจ้าคุณปู่สร้างรายได้ล้างขาดทุน

ผู้ว่าการการรถไฟฯยังกล่าวถึงแผนฟื้นฟูกิจการและการล้างขาดทุนสะสมกว่าแสนล้านบาทของกิจการรถไฟด้วยว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.กำลังปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการอยู่เพื่อเสนอให้ “ซุปเปอร์บอร์ด”

“เรื่องหนี้สินสะสมกว่าแสนล้านนั้น อยากขอความเป็นธรรมกับการรถไฟฯด้วย เพราะหนี้สินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เกิดจากการบริหารกิจการรถไฟอย่างเดียว แต่ยังมาจากการทำตามนโยบายเชิงสังคมของรัฐบาลด้วย”

ส่วนนี้การรถไฟฯได้ให้ฝ่ายบัญชีไปพิจารณาแบ่งแยกว่า “หนี้กว่าแสนล้านบาท” นี้ เป็นหนี้ส่วนไหนบ้าง เป็นหนี้ที่เกิดจากการลงทุนของรถไฟเอง หรือหนี้เชิงสังคม “หากเป็นหนี้ของรถไฟเราต้องหาทางแก้ไขเอง แต่หากเป็นหนี้เชิงสังคมภาครัฐก็ควรเข้ามาช่วยรถไฟรับผิดชอบ”

ส่วนข้อเสนอจะให้เอาที่ดินของรถไฟไปแลกใช้หนี้นั้น “วุฒิชาติ” แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่า “หากบริหารที่ดินเหล่านี้ให้ดีจะสร้างประโยชน์ให้กิจการรถไฟได้มากกว่า”

“ได้สั่งให้เร่งสำรวจที่ดินรถไฟที่มีกว่า 200,000 ไร่ ซึ่งมีที่ดินเชิงพาณิชย์อยู่ 100,000 ไร่ มูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาททั่วประเทศให้เสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ดินทุกแปลงใหม่ว่า ราคาประเมิน ราคาตลาด ราคาซื้อขายจริงเท่าไหร่ เพื่อนำมาใช้ประกอบแผนการพัฒนาที่ดินและเพิ่มรายได้แก่การรถไฟฯ เพราะขณะนี้เรายังเก็บรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่ เชื่อว่าหากปรับฐานข้อมูลใหม่ จะทำให้การรถไฟฯมีรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 20%”

ส่วนการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ มีแนวคิดจะเปิดให้เอกชนมาลงทุน และการรถไฟก็เก็บเช่าที่ดิน เช่น ที่ดินรถไฟ จ.เชียงใหม่ และ จ.หนองคาย เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาด้านสวัสดิการแก่พนักงาน เช่น ที่ดิน จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ มีแนวคิดจะสร้างศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรของการรถไฟฯ ที่ปัจจุบันยังไม่มีศูนย์ฝึกเป็นของตนเองเพื่อรองรับเทคโนโลยีระบบรางที่ประเทศไทยจะมีการลงทุนใหม่ทั้งรถไฟรางมาตรฐาน และรถไฟความเร็วสูง

“ที่ดินในกรุงเทพฯ มีแปลงสำคัญหลายแปลง เช่น สถานีรถไฟแม่น้ำ 277 ไร่, สถานีรถไฟ กม.11 ขนาด 359 ไร่ และสถานีมักกะสัน 497 ไร่ ขณะนี้ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีให้ไปศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่มักกะสันให้เป็นปอดของคนกรุงเทพฯให้เสร็จภายใน 2 เดือนครึ่ง ภายในมีสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์รถไฟ พื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมถึงโครงการพระราชดำริแก้มลิง บริเวณบึงมักกะสัน ขณะที่พื้นที่อื่นต้องรอผลสำรวจข้อมูล หลังจากนั้นจะนำข้อมูลมาศึกษาเพิ่มเติมว่า การรถไฟควรลงทุนออกแบบเอง หรือเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนแค่ไหน

ขณะที่แผนระยะต่อไปจะมีการปรับโครงสร้างภายในองค์กรใหม่ ด้วยการจัดตั้ง “หน่วยธุรกิจหรือ BU (Business Unit) เช่น การจัดตั้งหน่วยธุรกิจการเดินรถ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ ร.ฟ.ท. เปิดโอกาสให้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการ และมีการแยกบัญชีออกจากกันชัดเจน รวมถึงการบริหารทรัพย์สินที่ดินรถไฟ ที่ต้องแยกเป็นหน่วยธุรกิจหรือ BU ออกมาเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาการรถไฟฯยังไม่มีความชำนาญด้านอสังหาริมทรัพย์มากพอ

“ผมเชื่อว่าแม้รถไฟจะเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในแผนฟื้นฟู แต่ยังเป็นหน่วยงานที่มีอนาคตและมีโอกาสรอดได้มาก เพราะมีศักยภาพความพร้อมอยู่หลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สิน ที่ดิน ที่มีทั่วประเทศที่สามารถนำมาพัฒนาสร้างรายได้เพื่อลดภาระหนี้ที่มีอยู่ได้ ที่สำคัญ เท่าที่สัมผัสได้ องค์กรนี้มีบุคลากรที่ตั้งใจทำงาน หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน มั่นใจว่าการรถไฟฯจะกลับมาเป็นองค์กรที่แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งในการเดินทางของคนไทยได้”

ทั้งหมดคือวิสัยทัศน์ที่ “ผู้ว่าการม้าเหล็ก” คนใหม่ที่จะให้ความมั่นใจถึง “กิจการรถไฟไทยในอนาคต”.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 03/04/2015 3:17 am    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.เตรียมแผนรองรับ ปชช.ช่วงสงกรานต์ คาดใช้บริการ 1 แสนคน/วัน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 เมษายน 2558 17:08 น.

ร.ฟ.ท.เสริมรถ 32 ขบวนรองรับสงกรานต์ คาดมีผู้ใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่าแสนคน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
2 เมษายน 2558 13:49 น. (แก้ไขล่าสุด 2 เมษายน 2558 15:29 น.)


การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทำให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก การรถไฟฯ จึงจัดเตรียมแผนรองรับการเดินทางไว้แล้ว เพื่อให้มีความปลอดภัย และถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
สำหรับแผนปฏิบัติการอำนวยความสะดวก รองรับการเดินทางของประชาชนนั้น จะมีการพ่วงตู้โดยสารเพิ่มจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถที่มีการวิ่งให้บริการเป็นประจำ จำนวน 250 ขบวนต่อวัน และจัดเดินรถไฟเที่ยวพิเศษเสริมบริการเที่ยวไปส่ง ในช่วงวันที่ 10-12 เมษายน 2558 จำนวน 12 ขบวน และเที่ยวรับกลับวันที่ 15-19 เมษายน จำนวน 20 ขบวน รวม 32 ขบวน ซึ่งขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารที่เพิ่มมานั้นเป็นขบวนรถไฟฟรีทั้งหมด คาดว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการขนส่งทางรถไฟไม่น้อยกว่า 100,000 คนต่อวัน หรือประมาณไม่น้อยกว่า 1 หนึ่งล้านคนตลอดเทศกาล

//--------------------------



ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ส่อฉาว จัดคณะดูงาน ตปท.ขัดนโยบาย ครม.


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 เมษายน 2558 08:10 น.

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 10-18 เมษายนนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ ร.ฟ.ท.มีกำหนดจะนำคณะเดินทางไปศึกษาดูงานกิจการรถไฟในยุโรป โดยจัดโปรแกรมศึกษาดูงานที่ฝรั่งเศส โปรตุเกส และสเปน อ้างเป็นการศึกษาดูงาน เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงกิจการรถไฟไทย แต่จากการตรวจสอบโปรแกรมการเดินทางพบว่า ไม่เพียงแต่จะมีบอร์ดและผู้บริหารรถไฟร่วมเดินทางไปเท่านั้น ยังมีการนำผู้ที่ใกล้ชิดร่วมคณะด้วย
ทั้งนี้ การจัดทัวร์เพื่อศึกษาดูงานดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินการที่ขัดนโยบายรัฐบาล ที่มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2558 ให้หัวหน้าส่วนราชการ กรรมการและผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจระงับและยกเว้นการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศในช่วงปีงบประมาณ 2558 ยกเว้นกรณี การเข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนา ตามพันธกรณี ข้อตกลงระหว่างประเทศเท่านั้น เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐ โดยหากมีความจำเป็นจะต้องขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นรายกรณี และให้รายงานครม.รับทราบ ซึ่งการจัดโปรแกรมทัวร์ยุโรปในครั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังไม่ได้อนุมัติ และภายหลังจากที่มีข่าวแพร่สะพัดออกไป เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้บริหารระดับสูงหลายท่านแจ้งถอนตัวไม่ร่วมกับคณะแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 03/04/2015 11:57 am    Post subject: Reply with quote

ลำปางจัดรำลึก “ประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้า” 99 ปี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 เมษายน 2558 11:37 น. (แก้ไขล่าสุด 1 เมษายน 2558 13:03 น.)

ลำปาง - จังหวัดทำบุญตักบาตรเปิดงานวัน “รำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้า” ครั้งที่ 16 ฉลองการเปิดเส้นทางรถไฟสายเหนือมายังลำปางครบ 99 ปี และอาคารสถานีรถไฟนครลำปางอายุครบ 100 ปี

วันนี้ (1 เม.ย.) ที่ลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟนครลำปาง ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง นายฤทธิพงศ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานพิธีเปิดงาน “วันรำลึกประวัติศาสตร์รถไฟรถม้าลำปาง ครั้งที่ 16” พร้อมนำประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเปิดนิทรรศการประวัติศาสตร์อาคารสถานีรถไฟนครลำปางอายุครบ 100 ปี

สำหรับงาน “รำลึกประวัติศาสตร์รถไฟ-รถม้า” ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมประจำปีของจังหวัด ซึ่งจัดขึ้นติดต่อกันทุกปี และปีนี้เป็นครั้งที่ 16 โดยถือเอาวันที่ 1 เมษายน ซึ่งชาวเหนือถือว่าเป็นเดือนขึ้นปีใหม่เมือง และมหาสงกรานต์ของทุกปี เริ่มต้นการจัดงาน รวม 5 วัน คือระหว่างวันที่ 1-5 เม.ย. และปีนี้นับว่ามีความสำคัญอีกประการหนึ่ง เนื่องจากประวัติศาสตร์ของการเปิดขบวนรถไฟสายเหนือมาสิ้นสุดที่ลำปาง มีอายุครบ 99 ปี ส่วนอาคารสถานีรถไฟนครลำปางมีอายุครบ 100 ปี

ทั้งนี้ การเปิดเส้นทางรถไฟสายเหนือมาสิ้นสุดที่จังหวัดลำปางเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ควบคู่ไปกับการใช้รถม้าลำปางมาจนถึงปัจจุบัน แม้การใช้รถม้าในปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงจากการใช้ประกอบอาชีพมาเป็นเพียงให้บริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ก็ถือว่ายังมีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด และมีเพียงจังหวัดเดียวของประเทศไทยที่รถม้าสามารถวิ่งบนถนนหลวงได้เหมือนกับรถยนต์ทั่วไปแบบถูกต้องตามกฎหมาย

กิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วย การจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์กิจการรถไฟในจังหวัด ตั้งแต่สมัยเริ่มก่อสร้าง และบริเวณชานชาลาของสถานีรถไฟนครลำปาง การจำหน่ายอาหารพื้นเมืองในรูปแบบกาดหมั้ว ซึ่งเป็นตลาดย้อนยุคของภาคเหนือ การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์โอทอป การแสดงเกี่ยวกับรถม้า การทำรถม้าและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวลำปาง เช่น การแสดงดนตรีพื้นเมือง ส่วนบริเวณเวทีใหญ่ก็จะมีการแสดงแสงสีเสียงสื่อผสม ชุด “99 ปีรถม้ารถไฟ ไฉไลเปิ๊ดสะก๊าด” การแสดงของคณะจุ่มสะหรี และศิลปินสุนทราพาเพลิน ในสไตล์ย้อนยุคทุกคืน

//------------------
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 03/04/2015 9:00 pm    Post subject: Reply with quote

ปรับปรุงห้องน้ำตามสถานีรถไฟ สถานีกรุงเทพ - เริ่มใช้งาน 7 เมษายน 2558
https://www.facebook.com/pr.railway/photos/a.135499539798259.25332.129946050353608/1055562417791962/?type=1


ร.ฟ.ท.เพิ่มขบวนรถไฟ 30 ขบวน ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 เมษายน 2558 16:53 น.

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท.ได้เป็นประธานแถลงข่าวแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2558 โดยเพิ่มมาตรการคุมเข้มรักษาความปลอดภัยในคอนเซปต์ มาตรการ 3 ป. ได้แก่ ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ปลอดแอลกอฮอล์ และประกันความสะอาดของห้องน้ำ บนขบวนรถชั้น 1 ชั้น 2 และสถานี ซึ่งในช่วงเทศกาลดังกล่าวนี้ ร.ฟ.ท.ได้พ่วงตู้โดยสารเพิ่มเติมจนเต็มหน่วยลากจูง ในขบวนรถที่วิ่งให้บริการ รวมทั้งได้มีการเดินขบวนรถพิเศษเพิ่มเติมจากขบวนประจำ ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายน จำนวน 12 ขบวน และวันที่ 15-19 เมษายน จำนวน 18 ขบวน รวมทั้งสิ้น 30 ขบวน ซึ่งขบวนรถพิเศษที่เพิ่มเติมมานั้น จะให้บริการฟรีทั้ง 30 ขบวน ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ถึงวันละ 120,000 คน
นอกจากนี้ นายวุฒิชาติ ได้นำชมห้องน้ำภายในสถานีกรุงเทพที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งมีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำ โดยใช้เครื่องสุขภัณฑ์ที่ทันสมัย พร้อมเปิดเผยว่า จะเปิดให้ใช้บริการห้องน้ำฟรี เป็นเวลา 1 เดือน ส่วนหลังจาก 1 เดือนไปนั้น อาจต้องมีการจัดเก็บค่าบริการ เนื่องจากต้องมีค่าบำรุงรักษา ซึ่งกำลังพิจารณาถึงอัตราค่าบริการ แต่ไม่เกินอัตราเดิมที่เคยเก็บแน่นอน โดยจะเปิดให้บริการในวันที่ 7 เมษายน 2558 และมีแผนที่จะจัดหารถสุขามาไว้ให้บริการฟรีแก่ประชาชน
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 07/04/2015 3:53 pm    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.รับฟังความเห็นการเชื่อมต่อทางรถไฟแหลมฉบัง-ท่าเทียบเรือน้ำลึกทวาย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 เมษายน 2558 14:41 น.

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กำหนดจัดการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการศึกษาความเป็นไปได้ การเชื่อมต่อทางรถไฟ ระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเทียบเรือน้ำลึกทวาย ในเขตพื้นที่ที่แนวโครงการผ่าน เพื่อชี้แจงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของประชาชน ต่อผลการศึกษาความเหมาะและแนวคิดการออกแบบ ตลอดจนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้รับรู้ข้อมูลโครงการอย่างถูกต้อง สอดคล้องในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 67 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 โดยกำหนดให้มีการประชุมขึ้นในวันที่ 22 เมษายนนี้ เวลา 08.30 -12.00 น. ณ ห้องประชุมกิ่งเงิน-กิ่งทอง โรงแรมแกรนด์ อินคำ อำเภอบางพลี จังสมุทรปราการ

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นฯ ในวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 0 2187 1453
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42744
Location: NECTEC

PostPosted: 07/04/2015 3:59 pm    Post subject: Reply with quote

หยุดเทศกาลสงกรานต์ตรังรถไฟ-บขส.เต็มถึง 20 เม.ย.เตรียมเสริมรถ 30-40 คัน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 เมษายน 2558 12:39 น. (แก้ไขล่าสุด 7 เมษายน 2558 12:43 น.)


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เทศกาลสงกรานต์คึก ประชาชนแห่จองตั๋วรถไฟ-บขส.เต็มทุกชั้นทุกขบวน ถึง 20 เม.ย. จัดรถเสริม 30-40 คัน เข้มงวดเรื่องความปลอดภัย

วันนี้ (7 เม.ย.) ที่สถานีรถไฟตรัง นายวิรัตน์ คงดี นายสถานีรถไฟตรัง เผยถึงบรรยากาศการจองตั๋วรถไฟในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ ว่า คึกคักเป็นอย่างมาก โดยตั๋วได้ถูกจองเต็มตั้งแต่วันนี้ยาวไปจนถึงวันที่ 20 เมษายนแล้ว แม้ว่าทางการรถไฟฯ จะเพิ่มโบกี้ให้วันละ 1 โบกี้ทุกวัน แต่ก็ยังมีผู้โดยสารเข้ามาสอบถามตั๋วเดินทางอยู่ทุกวัน ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนจะมีการเพิ่มจำนวนตู้โดยสารอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกองโดยสารว่าจะมีการเพิ่มโบกี้สายกรุงเทพฯ-ตรัง อีกหรือไม่

ส่วนมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการของสถานีรถไฟตรังนั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า ทางสถานีรถไฟตรัง ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ร่วมกับตำรวจรถไฟ และมีการติดตั้งกล้อง CCTV 12 ตัว ไว้รอบสถานี เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร ซึ่งในขบวนรถแต่ละขบวนจากตรังปลายทางสถานีกรุงเทพฯ ก็มีการจัดชุดเฉพาะกิจไว้คอยเดินตรวจตรา และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีผู้สอบถามเข้ามาถึงโบกี้เลดี้คาร์ คือ โบกี้รถไฟสำหรับสุภาพสตรีนั้น ขณะนี้ขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ มาตรัง ยังไม่มีให้บริการ แต่คิดว่าอีกไม่นานนี้น่าจะมีมาให้บริการอย่างแน่นอน


นอกจากนั้น นายวิรัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่การรถไฟฯ มักถูกโจมตีจากประชาชนบ่อยๆ ถึงปัญหาไม่มีป้ายเตือน หรือแผงกั้นทางรถไฟในจุดเสี่ยง หรือทางข้าม ทำให้มักจะเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้งว่า ตามกฎหมายแล้วมีการระบุถึงหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างการรถไฟฯ และหน่วยงานอื่นๆ ที่ได้มีการสร้างถนนตัดผ่าน หรือถนนข้ามรางรถไฟ ให้เป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการทำป้ายแจ้งเตือน หรือสร้างเครื่องกั้น เนื่องจากการรถไฟฯ ได้ดำเนินการสร้างรางรถไฟมาเป็นนับร้อยปีแล้ว ขณะที่หน่วยงานอื่นที่มีการพัฒนาพื้นที่จะมีการปรับปรุงพื้นที่หรือสร้างทางข้ามรางรถไฟ ซึ่งเป็นการสร้างในภายหลัง ก็ต้องมีการจัดทำเครื่องกั้น หรือป้ายเตือนต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนด้วย

นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการรถไฟฯ มีการทำป้ายบอกเป็นระยะก่อนถึงทางข้ามรางฯ อีกทั้งยังได้มีตัดถางต้นไม้ข้างทาง โดยเฉพาะบริเวณที่ถึงทางข้ามให้โล่งเตียน เพื่อจะได้ไม่เป็นการบดบังทัศนวิสัยจะได้มองเห็นได้สะดวก และขอความร่วมมือไปยังประชาชนผู้ใช้ถนนทุกคนให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร เพื่อจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ และความสูญเสียใดๆ ขึ้น


ด้านนางนิตยา จันทร์แก้ว นายสถานีเดินรถตรัง เผยถึงบรรยากาศการจองตั๋วรถในช่วงสงกรานต์ปีนี้ว่า บรรยากาศคึกคักเหมือนปีที่แล้ว โดยมีผู้โดยสารเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนากันตั้งแต่วันนี้ และมีทยอยลงมาเรื่อยๆ โดยจะเดินทางกลับมาหนาแน่นอีกครั้งในช่วงวันที่ 10-11 เมษายน ส่วนขาขึ้น มีผู้โดยสารมาจองตั๋ว และประสงค์จะเดินทางกลับในวันที่ 14-16 ค่อนข้างเยอะ อีกส่วนหนึ่งที่ลางานต่อ ก็ทำให้ยอดการจองตั๋วรถไปเยอะในช่วงวันที่ 18-19 เมษายน อีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนของการจัดการหารถมาเสริมเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ นั้น น.ส.นิตยา กล่าวว่า ได้มีการวางแผนไว้ว่าจะนำรถมาเสริมประมาณ 30-40 คันในช่วงวันที่ 14-15 เมษายน ซึ่งมากกว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพราะช่วงสงกรานต์ผู้คนเดินทางกลับมาเยอะกว่า โดยทาง บขส. ได้นำในสายมาเสริม คือ ใช้รถเสริมจากกรุงเทพฯ และใช้รถคันเดิมในการขนผู้โดยสารกลับไป แต่หากไม่เพียงพอก็จะมีการติดต่อรถจากท้องถิ่น คือ ในจังหวัดตรัง กระบี่ พัทลุง มาให้บริการเพิ่มเติม

นอกจากนั้น น.ส.นิตยา ยังกล่าวถึงการนำรถเสริมมาให้บริการว่า ได้มีการตรวจสอบสภาพรถก่อนการนำมาให้บริการอยู่แล้ว หากไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะไม่นำมาให้บริการเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมา เคยมีปัญหาผู้โดยสารไม่พอใจที่มีการนำรถเก่ามาใช้ ซึ่งนับแต่นั้นมาก็ได้มีการปรับปรุงเรื่องการให้บริการ ขอให้มั่นใจได้ว่า บขส.ได้มีการดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อีกทั้งตัวของคนขับก็ได้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ และตรวจสภาพความพร้อมของร่างกายทุกคน และในรถแต่ละคันจะมีผู้ช่วยคนขับอย่างน้อย 1 คน เพื่อให้สลับกันขับ ผู้โดยสารทุกคนมั่นใจในการเดินทางไปกับ บขส.ได้
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 250, 251, 252 ... 474, 475, 476  Next
Page 251 of 476

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©