RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311280
ทั่วไป:13262549
ทั้งหมด:13573829
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 251, 252, 253 ... 473, 474, 475  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44517
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 09/04/2015 8:10 am    Post subject: Reply with quote

เร่งยกเครื่องรถไฟ สู่ "โลว์คอสต์เทรน"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 08 เม.ย 2558 เวลา 22:01:26 น.

การคมนาคมขนส่งกับการท่องเที่ยวเกี่ยวพันกันอย่างไร "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" เจ้ากระทรวงคมนาคม ฉายภาพของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือให้เห็น โดยเฉพาะ "เชียงใหม่" พื้นที่ไข่แดงของภูมิภาคนี้ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติให้กลับมาเยือนอย่างไม่ขาดสายแต่ละปี ในงานสัมมนา เที่ยววิถีไทย เศรษฐกิจก้าวหน้า ล้านนายั่งยืน เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม ราชพฤกษ์ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอง พระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่

อีกหนึ่งไฮไลต์ของ "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน เร่งเปิดมิติใหม่ "รถไฟไทย" ที่ผ่านการใช้งาน 118 ปีให้ทันยุคสมัยและเชื่อมโลกมากขึ้น

ทั้งปรับสภาพทางจากทางเดี่ยวมีอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,000 กม. กระจายอยู่ในพื้นที่ 47 จังหวัด เป็น "ทางคู่" ครอบคลุม 77 จังหวัด ขณะเดียวกันเร่งยกระดับรางไปสู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร เพื่อปักหมุด "รถไฟความเร็วปานกลางและรถไฟความเร็วสูง" ในอนาคต

"ถึงปี 2547 การรถไฟฯสร้างราง 4 พันกิโลเมตร แต่มีแค่ 47 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นรถไฟทางเดี่ยว คือวิ่งสวนกันไม่ได้ ฉะนั้น รถธรรมดา รถเร็ว รถด่วนก็จะต้องจำกัดความเร่งด่วน รถธรรมดาจะต้องจอดคอยเพื่อให้รถด่วนผ่านไปก่อน หากการบริหารไม่ดีจะวิ่งได้ช้า ใช้เวลามากขึ้น ทำให้รถขนสินค้าวิ่งเฉลี่ยน้อยได้แค่ 38 กม./ชม."

ผลจากความเร็วที่จำกัด "บิ๊กจิน" กล่าวว่า ทำให้ผู้ประกอบการและนักธุรกิจไม่ค่อยอยากจะใช้การขนส่งทางรถไฟ แม้จะมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทางถนน โดยหันไปใช้การขนส่งทางบก รถบรรทุก และรถต่าง ๆ มากขึ้น เพราะสะดวก และ Door To Door ไปที่ไหนก็ไปได้ แต่รถไฟต้องไปที่สถานีและนำรถบรรทุกมาขนส่งสินค้าต่อ

"เมื่อช้าก็เริ่มมีคนใช้ลดลง ประกอบกับขบวนรถ ตู้โบกี้ไม่ทันสมัย เพราะขาดการซ่อมบำรุงมานาน งบประมาณมีน้อย รถเสียเยอะ ทำให้การบริการอาจยังไม่ดีพอ ต่อไปเรื่องความสะอาดและการบริการที่ดีจะตามมา หลังปรับปรุงอะไรต่าง ๆ แล้ว"

Click on the image for full size

พร้อมย้ำว่า...ถึงเวลาแล้วที่รถไฟไทยโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะต้องเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนรุ่นรถและหัวรถจักรของรถไฟให้เป็นปัจจุบัน วิ่งได้ทั้งบนราง 1 เมตร และรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ซึ่งผลที่จะตามมาคือทำให้รถไฟวิ่งด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น ทั้งขบวนรถขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร

"จะทำให้รู้เวลาต้นทางและปลายทางแน่นอน ไม่ต้องรอสวนกัน ไม่ต้องคอยนาน การบริการดีขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น สินค้าสามารถนัดหมายได้ว่าเมื่อรถบรรทุกมาส่งขึ้นรถไฟแล้ว รถไฟส่งเสร็จสามารถไปส่งถึงบริษัทห้างร้าน หรือ Door To Door ได้"

สิ่งที่จะได้นอกเหนือจากนั้นคือจะทำให้การรถไฟฯมีรายได้จากการเช่าหัวรถจักร สำหรับให้เอกชนนำไปขนส่งสินค้า หรือการเดินรถสำหรับรถโดยสารสำหรับท่องเที่ยว จะเป็นโอกาสหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของรถไฟขนาด 1 เมตร

ส่วนเรื่องของค่าใช้จ่ายอยากจะเรียกว่าเป็น "โลว์คอสต์เทรน" เพราะไม่ว่ารถไฟจะมีการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน จะพยายามรักษาให้ทุกคนสามารถมาใช้บริการรถไฟระบบปัจจุบัน และระบบใหม่ในอนาคตได้ กำหนดค่าบริการทั้งค่าโดยสารและขนส่งสินค้าจะไม่แพงเกินไป มีชั้น 2 ชั้น 3 สำหรับผู้มีรายได้น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับทางรถยนต์แล้ว "ถูกกว่ามาก" จะสะท้อนลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์คอสต์ได้ชัดเจน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 16/04/2015 10:48 am    Post subject: Reply with quote

โอ้โห! ต่อแถวยาวลองของใหม่ ห้องน้ำหัวลำโพงไฉไลไฮโซฮอตเว่อร์!
โดย ไทยรัฐออนไลน์
11 เมษายน 2558 14:11


หลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทุ่มงบ 5 ล้านบาทจ้าง บริษัท เอสซีจี ปรับปรุงห้องน้ำหัวลำโพงจากที่สกปรกเกรอะกรังให้ทันสมัยเทียบเท่ากับสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าเซ็นเซอร์ โถสุขภัณฑ์แบบฟลัชวาล์วอัตโนมัติ และเพิ่มจำนวนห้องน้ำที่ให้บริการ โดยห้องน้ำชายมีห้องสุขา 12 ห้อง โถปัสสาวะ 27 ชุด อ่างล้างหน้า 12 ชุด ห้องอาบน้ำ 5 ห้อง ส่วนห้องน้ำหญิงมีห้องสุขา 14 ห้อง อ่างล้างหน้า 12 ชุด ห้องอาบน้ำ 5 ห้อง รวมถึงยังมีห้องน้ำสำหรับผู้พิการด้วย ให้เข้าฟรี 1 เดือนช่วงสงกรานต์

วันที่คนกำลังเดินทางด้วยรถไฟที่หัวลำโพงมหาศาล ไทยรัฐออนไลน์เก็บภาพห้องน้ำไฮโซโฉมใหม่มาให้ดูกัน กระซิบนิดสวยๆ แบบนี้ถ้าต้องการใช้ต้องต่อแถวกันยาวเชียว

อ้อ ลืมบอกไปว่าคนแถวนั้นฝากไปยังการรถไฟฯ ว่า หลังจากทำห้องน้ำหัวลำโพงให้ทันสมัยเสร็จสรรพ ก็อย่าลืม ปรับโฉมใหม่ทั้งสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบซื้อตั๋ว ขบวนรถไฟปลอดภัยทันสมัย รถตุ๊กตุ๊ก และรถแท็กซี่ให้เป็นระบบไร้มาเฟีย (คนจรจัด) ที่หัวลำโพงทำให้เร็วๆ ประชาชนจะสรรเสริญการรถไฟฯ และรัฐบาลเป็นเท่าทวีคูณนะจ๊ะจะบอกให้.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 16/04/2015 6:21 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟฟรีแน่นทุกตู้โดยสาร ชาวไทย-ลาวแห่นั่งเข้าทำงาน กทม.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
16 เมษายน 2558 09:47 น. (แก้ไขล่าสุด 16 เมษายน 2558 10:22 น.)

หนองคาย - ประชาชนชาวหนองคาย และชาวลาวเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ด้วยขบวนรถไฟฟรีแน่นทุกตู้โดยสาร พร้อมเสริมขบวนรถเพิ่มเติม

บรรยากาศการเดินทางหลังเทศกาลสงกรานต์วันนี้ (16 เม.ย. 58) ที่สถานีรถไฟหนองคายได้มีประชาชนชาวหนองคาย นักท่องเที่ยว และชาวลาว ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ ข้าวสาร อาหารแห้ง ขึ้นขบวนรถไฟ

มีทั้งขบวนรถด่วน ที่ออกจากสถานีหนองคายเวลา 18.20 น. และขบวนรถเร็ว หรือรถไฟฟรี ออกจากสถานีหนองคาย เวลา 19.20 น. ประชาชนจำนวนมากใช้บริการรถไฟจนแน่นทุกตู้โดยสาร

นายอำไพ ทิศกลาง นายสถานีรถไฟหนองคาย กล่าวว่า ทางการรถไฟฯ ได้เสริมตู้โดยสาร จากเดิม 10 ตู้ เป็น 11 ตู้ และเพิ่มขบวนรถที่สถานีอุดรธานีเข้าสู่สถานีกรุงเทพฯ โดยจะเพิ่มตู้บริการจากวันที่ 15-18 เมษายนนี้เพื่อให้เพียงพอต่อประชาชนผู้ใช้บริการ ไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร

โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ห้ามไม่ให้มีการจำหน่ายสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนขบวนรถไฟโดยเด็ดขาด ซึ่งพบว่าปีนี้ปริมาณผู้ใช้บริการรถไฟจากสถานีหนองคายเข้ากรุงเทพฯ มีมากเหมือนเช่นทุกปี เฉลี่ยขบวนละ 800 คน

//---------------

"ข้าว" กินที่ไหนก็ไม่เหมือนข้าวบ้านเรา
ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ามายังกรุงเทพมหานคร ด้วยการโดยสารรถไฟมาลงที่สถานีหัวลำโพง หลังจากกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งส่วนใหญ่ต่างแบกสิ่งของอุปโภคบริโภคติดตัวมาด้วย โดยเฉพาะข้าวสารที่นำมาจากบ้านของตนเอง / ภาพ ฐานิส สุดโต
https://www.facebook.com/NationChannelTV/posts/10153289053427450

//------------

สงกรานต์จบ แบกข้าว กลับคืนกทม. (ชมคลิป)
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
16 เมษายน 2558 06:20


จากทุกภาค ถนนรถติด 6วันดับ306

นักท่องเที่ยวสนุกสาดน้ำส่งท้ายเทศกาล สงกรานต์กันสุดเหวี่ยง แน่นทุกพื้นที่ ก่อนหิ้วกระเป๋าหอบสัมภาระกลับมาทำงานตามปกติ ขณะที่ “ข้าวสาร-สีลม” จุดจัดงานหลัก กทม.คุมโป๊-ปลอดเหล้าไม่ได้ หนำซ้ำฮือฮาแชร์ภาพว่อนเน็ต หนุ่มต่างชาติเมาเดินเปลือยกายล่อนจ้อน รมว.วัฒนธรรมจี้ตำรวจดำเนินคดีทุกรายที่มีพฤติกรรมอุจาด ขณะที่สรุปอุบัติเหตุทางถนน 6 วันสงกรานต์ ตาย 306 ศพ เจ็บกว่า 3 พัน โดย “สุรินทร์” แซงขึ้นแชมป์ตายสะสม 15 ศพ สาเหตุใหญ่ “เมาแล้วขับ” เหมือนเดิม
...

เพิ่มเที่ยวรถโดยสาร–รถไฟ

ขณะเดียวกัน ประชาชนบางส่วนได้ทยอยออกเดินทางจากภูมิลำเนา เพื่อกลับเข้ามาทำงาน ทำให้ตามสถานีรถไฟ สถานีขนส่งในแต่ละจังหวัดเริ่มเต็มไปด้วยคนหอบสัมภาระมารอขึ้นรถ เช่น สถานีขนส่งนครราชสีมาแห่งที่ 2 สถานีขนส่งหนองคาย และสถานีขนส่งแห่งที่ 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ต่างคลาคล่ำไปด้วยประชาชนที่มาเข้าคิวซื้อตั๋วรถโดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หลายคนหอบหิ้วสัมภาระพร้อมทั้งแบกกระสอบข้าวสาร ข้าวเหนียว อาหารแห้ง กลับมากินเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายยามเศรษฐกิจฝืดเคือง โดยนายศิระ บุญธรรมกุล ขนส่งจังหวัดนครราชสีมาเผยว่า ได้สั่งเพิ่มเที่ยวรถสายนครราชสีมา-กรุงเทพฯช่วงเทศกาลสงกรานต์จากเดิมปกติวันละ 200 เที่ยว เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 400 เที่ยว และเตรียมรถโดยสารไม่ประจำทางสำรองไว้อีก 100 คัน ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี ว่า การรถไฟฯจัดเพิ่มขบวนรถไฟ 18 ขบวนต่อวันไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย.และจะเข้มงวดเรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร ส่วนที่สถานีรถไฟอุดรธานี มีการจัดโต๊ะให้ผู้โดยสารสรงน้ำพระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินกลับกรุงเทพฯ


Last edited by Wisarut on 17/04/2015 7:38 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 16/04/2015 9:36 pm    Post subject: Reply with quote

สคร.หนุนเอกชนลงทุนรถไฟฟ้าสายสีแดง-รฟท.เลิกสัมปทานแอร์พอร์ต ลิงก์


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
13 เมษายน 2558 15:24 น.

นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า รัฐบาลอาจตัดเส้นทางรถไฟรางคู่บางเส้นทางให้เอกชนลงทุนทั้งหมด ตั้งแต่ก่อสร้างถึงเดินรถในเส้นทาง แตกต่างจากเดิมที่รัฐเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างระบบราง และเอกชนนำขบวนรถไฟมาเดินรถ ด้วยสัดส่วนลงทุน รัฐ 80% เอกชน 20% โดยรัฐบาลอาจช่วยจ่ายส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ภาคเอกชนกู้ได้ กับอัตราดอกเบี้ยที่รัฐกู้ได้ เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับผู้ลงทุน รวมถึงเป็นการช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของรัฐบาล
นอกจากนี้ ซุปเปอร์บอร์ดเห็นชอบให้เอกชนเข้าลงทุนเดินรถเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน รวมถึงให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยกเลิกสัมปทานเดินรถไฟ แอร์พอร์ต ลิงก์
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ทาง รฟท.ยังไม่ยอมรับแนวทางที่ให้เอกชนเข้ามาลงทุนแอร์พอร์ต ลิงก์ โดย รฟท.ต้องการเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโครงการด้วยตัวเอง
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 17/04/2015 7:33 pm    Post subject: Reply with quote

หลังสงกรานต์ ปชช.แห่รับตั๋วฟรีสถานีรถไฟหาดใหญ่คึกคัก ด่านพรมแดนสะเดาหงอย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
16 เมษายน 2558 12:06 น. (แก้ไขล่าสุด 16 เมษายน 2558 13:10 น.)

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ยังคงคึกคัก หลังประชาชนบางส่วนยังคงรอรับตั๋วโดยสารฟรีเพื่อเดินทางกลับหลังสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ ด้านบริเวณด่านพรมแดนสะเดา ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ทยอยกลับประเทศกันแล้ว

วันนี้ (16 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ แต่บรรยากาศที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา การเดินทางยังคงคึกคัก เนื่องจากยังมีประชาชนอีกบางส่วนที่เลือกเดินทางหลังสงกรานต์ และไปต่อแถวรอรับตั๋วโดยสารฟรีกันอย่างเนืองแน่นตั้งแต่ก่อนเวลาที่ทางสถานีจะเริ่มเปิดให้รับตั๋วฟรีในเวลา 08.00 น. เพื่อให้มีที่นั่งสำหรับเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถไฟฟรีขบวนรถเร็วที่ 172 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ ซึ่งมีโควตาตั๋วฟรีสายใต้ 8 ตู้ จำนวน 592 ที่นั่งเท่านั้น เช่นเดียวกับขบวนรถไฟขึ้นกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ 5 ขบวนต่อวัน ตั๋วชั้น 1 ชั้น 2 ยังคงเต็มจากจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเพิ่มขึ้น


ส่วนบรรยากาศที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยมีการถอนกำลังชุดอีโอดี และชุดปฏิบัติการพิเศษซิงก้า ของ ตชด.43 รวมทั้งกำลังทหารพรานหญิงจากกองทัพภาค 4 ที่มาประจำที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เหลือเพียงกำลังตำรวจรถไฟ และ อส.ที่ดูแลบริเวณสถานี และประจำบนขบวนรถไฟในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 21/04/2015 1:26 pm    Post subject: Reply with quote

รถไฟไทยไป(ไม่)ถึงไหน?
โดย บุญช่วย ค้ายาดี
ไทยโพสต์
21 เมษายน 2558

มีหลายคำถามที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการพัฒนารถไฟ ทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูงว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงที่มักจะมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้ ได้มีการอนุมัติให้มีการก่อสร้างกันบ้างแล้ว บางกระแสก็บอกว่าได้ล้มโครงการไปแล้ว
ซึ่งในเรื่องนี้จริงๆ แล้วโครงการพัฒนาระบบรางของประเทศไทยนั้นทุกโครงการอยู่ในกระบวนการดำเนินงานทั้งสิ้น โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงนั้น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-พัทยา เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียด และรูปแบบการลงทุนภายในต้นเดือน พ.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในกลางเดือนพ.ค.นี้ คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนที่เข้ามาดำเนินการภายในปี 2558 นี้
โดยย้ำว่า “ผมเร่งให้กระทรวงคมนาคมกลับไปศึกษาความเป็นไปได้รถไฟความเร็วสูงทั้ง 2 เส้นทาง ให้นำผลการ ศึกษาฉบับเดิมของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ที่เคยศึกษาไว้มาเปรียบเทียบ แผนที่ชัดเจนจะสรุปเสนอ ครม.ภายในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีบอกชัดเจนว่า ทุกอย่างจะเกิดก่อนการเลือกตั้ง เพราะต้องการให้มีเปิดประมูลให้ได้ภายในรัฐบาลนี้เลย” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการรถไฟความเร็วสูงทั้ง 2 เส้นทางรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และจะบรรจุเพิ่มเติมในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ของรัฐบาล และเห็นว่าความคุ้มค่าการลงทุนรถไฟความเร็วสูงนั้น จากข้อมูลที่มีการศึกษาพบว่า ผลตอบแทนจากการเดินรถอยู่ที่ 40% ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานถึง 10 ปี อาจไม่คุ้มค่าการลงทุนของเอกชน ดังนั้นจะมีการพิจารณาเรื่องผลตอบแทนเชิงพาณิชย์จาก 2 ปัจจัย คือ การให้บริการในเขตพื้นที่สถานีและการพัฒนาชุมชนเมืองใหม่ที่เกิดขึ้น ในส่วนนี้จะมีผลตอบแทน 60% หลังจากปีที่ 10 ไปแล้วจึงมีความเป็นไปได้ที่จะจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้
ด้านการพัฒนาระบบทางคู่นั้นก็เช่นกัน โดยโครงการเร่งด่วน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 903 กิโลเมตรนั้น จะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2558 นี้เช่นกัน โดยจะเน้นในเส้นทางที่มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ผ่านไปแล้ว รวมทั้งอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเวนคืนที่ดินแล้ว 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางช่วงฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร
และอีก 3 เส้นทาง อยู่ระหว่างการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ได้แก่ เส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 48 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีโครงการถไฟทางคู่สำหรับรางขนาด 1.435 เมตร ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงข่ายรถไฟที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ โดยรัฐบาลไทยจะร่วมมือกับรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่สนใจ อันได้แก่ จีน ญี่ปุ่น หรืออื่นๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดในเรื่องของรูปแบบการลงทุน และการจัดหาแหล่งเงินทุนของแต่ละโครงการ รวมความไปถึงเรื่องการบริหารด้วย
ส่วนโครงการถไฟฟ้าทั้ง 10 สายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ขณะนี้มีหลายเส้นทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ, สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค แม้ว่าจะมีกระแสการทุจริตของฝ่ายบริหารภายในองค์กรที่รับผิดชอบกำกับดูแลอย่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ถือว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในไม่กระทบกับการเดินหน้าโครงการเหล่านี้ เพราะทุกโครงการยังคงเดินหน้าตามแผน และคาดว่าภายในปี 2559 น่าจะเห็นรถไฟฟ้าสายสีม่วงสามารถเดินรถได้แล้ว ยังไม่รวมถึงโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ที่กำลังก่อสร้างขณะนี้ก็เดินหน้าไปได้ดีตามแผน
เห็นอย่างนี้แล้วก็ยิ้มออกว่า แม้จะล่าช้า คืบไปไม่มาก แต่ก็มั่นใจได้ใช้แน่ๆ
แต่ก่อนที่จะมีรถไฟ รถไฟฟ้า ที่ทันสมัยนั่งกัน สิ่งที่ภาครัฐและกระทรวงคมนาคมในฐานะที่กำกับดูแลด้านการขนส่งของประเทศต้องเร่งดำเนินการ คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของระบบการขนส่งสาธารณะของประเทศ เพราะเพียงแค่ 1 เดือน รถไฟไทยก็ประสบอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง ทั้งชนกัน ทั้งตกราง สารพัด จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการ ครั้งแล้วครั้งเล่า ใครมานั่งเป็นผู้บริหารก็ออกปากว่าจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีปัญหารถไฟตกรางบ้าง ชนรถยนต์ที่วิ่งข้ามรางบ้าง ซึ่งยังเกิดขึ้นแบบเดิมซ้ำๆ จนกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขกันไม่ได้สักที.
++++++++++
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 22/04/2015 7:22 pm    Post subject: Reply with quote

ข่าวรถไฟไทย ไปออก Railway Gazzete International เดือนนี้ด้วย Laughing
https://www.facebook.com/chalknight/posts/10153197511497512
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 28/04/2015 11:10 am    Post subject: Reply with quote

ทิ้งตู้โบกี้รถไฟลงทะเล สร้างแนวปะการังเทียม
เดลินิวส์
วันพฤหัสที่ 30 เมษายน 2558 เวลา 14:18 น.


รถจักรฮิตาชิ 666 และ รถตญ. ลงทะเลเมืองตรังเป็นปะการังเทียม
https://www.youtube.com/watch?v=SvQyVj7vENc

รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลฯหวั่นแนวปะการังอันดามันไม่เหลือซาก ผุดโครงการทิ้งตู้โบกี้รถไฟปลดระวาง สร้างแนวปะการังเทียมฟื้นฟูระบบนิเวศน์ทางทะเลตรัง แถมได้จุดขายแหล่งดำน้ำใหม่

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนและนายสมศักดิ์ ปะริทสุทโธ เหมทานนท์ ผวจ.ตรัง ร่วมกันเป็นประธานเปิดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการจัดวางตู้รถไฟเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ บริเวณเกาะแหวน จ.ตรัง ทั้งนี้สืบเนื่องจาก จ.ตรัง มีทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยเฉพาะแหล่งหญ้าทะเลและแนวปะการัง ซึ่งความสวยงามของแนวปะการังนี้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับ จ.ตรัง ปีละหลายร้อยล้านบาท



รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลฯ กล่าวต่อว่า แต่ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำดังกล่าวเริ่มมีสภาพเช่นเดียวกับแหล่งดำน้ำในทะเลอันดามัน เช่น เกาะสิมิลัน สุรินทร์ พีพี หรือเกาะภูเก็ต เมื่อมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อแนวปะการัง จากรายงานวิชาการพบว่า การดำน้ำของนักท่องเที่ยวในแต่ละครั้งใช้เวลา 40-50 นาที มีโอกาสสัมผัสปะการัง 4-5 ครั้ง หมายถึงผลกระทบที่ทำให้ปะการังแตกหักเสียหาย และเกิดความเสื่อมโทรมของแนวปะการัง



นายโสภณ กล่าวอีกว่า ดังนั้นจึงมีแนวความคิดที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเพิ่มขึ้นจึงได้มีการสำรวจพื้นที่บริเวณเกาะแหวนและขอการสนับสนุนตู้รถไฟที่ปลดประจำการจากการรถไฟแห่งประเทศไทย และของบจากกรมทรัพยากรทางทะเลฯ ในการวางปะการังเทียม เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์วิทยา ซึ่งผลที่คาดว่าจะได้รับคือ การสร้างแหล่งดำน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการท่องเที่ยวดำน้ำ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับ จ.ตรัง นอกจากนี้ยังจะลดจำนวนนักดำน้ำออกจากแนวปะการังธรรมชาติในพื้นที่อื่นในทะเลอันดามัน ยังเป็นการเพิ่มแหล่งอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อการประมงในอนาคตอีกด้วย.

จังหวัดตรัง พร้อมวางตู้รถไฟและหัวรถจักรเพื่อสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล "สถานีรถไฟเพื่อทะเลตรัง (Train for sea@Trang)" บริเวณเกาะแหวน เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัดตรัง

แหล่งที่มา : สวท.ตรัง
วันที่ข่าว : 28 เมษายน 2558
นายประจวบ โมฆรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 เปิดเผยว่า จังหวัดตรัง เมืองแห่งความสุข ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ร่วมกันจัดกิจกรรม "สถานีรถไฟเพื่อทะเลตรัง (Train for sea@Trang)" บริเวณเกาะแหวน เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัดตรัง โดยในวันพรุ่งนี้ (29 เมษายน 2558) จะนำหัวรถจักรลงจัดวางใต้ทะเล และมีนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานในพิธี
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำใต้ ทะเล และปรับปรุงภูมิทัศน์ใต้น้ำ เพื่อจัดทำเป็นสถานีรถไฟใต้น้ำในทะเลตรัง โดยกำหนดจุดประติมากรรมใต้น้ำ ภายใต้แนวคิดสถานีรถไฟอันดามัน สื่อความหมายถึงสถานีรถไฟและชานชาลาในมหาสมุทร จัดวางเป็นจุดดำน้ำย่อยในทะเลตรัง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำน้ำสำรวจ และกำหนดแนวเขตพื้นที่วางปะการังเทียม ตู้รถไฟสถานีอันดามัน ที่บริเวณเกาะแหวน เขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง เพื่อจัดสร้างปะการังเทียม ส่งเสริมการท่องเที่ยวในทะเลตรัง ป้องกันการทำลายปะการังในท้องทะเล และเป็นที่ดึงดูดนักประดาน้ำทั้งในและต่างประเทศ

อบจ.ตรัง สำรวจหาแหล่งแนวเขตปะการังเสื่อมโทรม เตรียมวางจุดทิ้งตู้รถไฟบริเวณเกาะมุกด์ อำเภอกันตัง เพื่อเป็นแนวปะการังเทียม ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล

แหล่งที่มา : สวท.ตรัง
วันที่ข่าว : 29 เมษายน 2558
นายสมชาย ว่องธวัชชัย ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง นายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง และเจ้าหน้าที่ดำน้ำ สำรวจหาข้อมูลแหล่งแนวเขตปะการังที่เสื่อมโทรม ที่บริเวณเกาะมุกด์ อำเภอกันตัง เพื่อวางจุดนำตู้รถไฟเก่าที่ปลดระวางการใช้งานแล้วทิ้งในทะเล เพื่อเป็นแนวเขตปะการังเทียมให้สัตว์น้ำ และ สิ่งมีชีวิตในทะเลได้อยู่อาศัย เป็นการนำร่อง และขยายผลให้เยาวชน และ ประชาชนมีส่วนรวมในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล สืบไป โดยใช้ชื่อโครงการว่า “อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล”
โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง อบจ. ตรัง ซึ่งตั้งงบประมาณในการดำเนินการ จำนวน 500,000 บาท ร่วมกับ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม สำนักงานกรมเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง กรมอุทกศาสตร์ ทหารเรือ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดหาตู้รถไฟเก่าที่ปลดระวางการใช้งาน จำนวน 6 ตู้ ซึ่งจะดำเนินการทิ้งตู้รถไฟในเร็วๆนี้ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศให้สัตว์น้ำ และสิ่งมีชีวิตในทะเลอุดมสมบูรณ์ขึ้น รักษาสมดุลทางธรรมชาติให้อยู่อย่างยั่งยืน และส่งเสริม สนับสนุนการท่องเที่ยวทางทะเล สร้างรายได้ให้กับประชาชนใน จ.ตรัง


กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง wrote:
"สถานีต่อไป ปะการังเทียมตรัง"
วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ กรม ทช. โดยรองอธิบดีโสภณ ทองดี ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานใน พิธีนำหัวรถจักรลงสู่ใต้ทะเล ภายใต้โครงการจัดวางปะการังเทียมเพื่อลดผลกระทบจากการท่องเที่ยวดำน้ำ โดยใช้ตู้รถไฟ ๒๐ ตู้ และหัวรถจักร ๑ ตู้ บริเวณเกาะแหวน อ.กันตัง จ.ตรัง

https://www.facebook.com/DMCRTH/photos/a.240910415956463.57283.190912654289573/828892937158205/?type=1

//---------------


Last edited by Wisarut on 06/05/2015 6:26 pm; edited 3 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 29/04/2015 12:23 pm    Post subject: Reply with quote

ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 ตั้งเป้าเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 1 ล้าน 5 แสนคน จาก 8 แสนคน
แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
วันที่ข่าว : 28 เมษายน 2558

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเตรียมการออกพันธบัตรรัฐบาล เพิ่มเติมอายุ 10-20 ปี วงเงิน 3 แสนล้านบาทเพื่อนำมาชำระหนี้จากจ่ายเงินชดเชยให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย การจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าว และเงินประกันสังคม คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2-3 เดือนนี้
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42702
Location: NECTEC

PostPosted: 06/05/2015 3:31 am    Post subject: Electrification by Decree? Reply with quote

'ประจิน' สั่งรถไฟ-รถเมล์-บขส.เปลี่ยนใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมัน
by Passavee Thitiphonwattanakul
Voice TV
5 พฤษภาคม 2558 เวลา 11:50 น.


'ประจิน'สั่งรถไฟ-รถเมล์-บขส.เปลี่ยนใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมัน เพื่อลดการใช้พลังงานที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดพลังงานน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูงขึ้น และผันผวนไม่แน่นอน

พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้นโยบายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ และบริษัทขนส่ง

ไปจัดทำแผนการนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้แทนรถดีเซล เพื่อลดการใช้พลังงานที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดพลังงานน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูงขึ้น และผันผวนไม่แน่นอน

ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะระยะยาวการใช้รถเมล์ไฟฟ้าประหยัดกว่า

//----------------------------

ยกเครื่องรถไฟ-รถเมล์-บขส.
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
5 พฤษภาคม 2558 เวลา 05:30



พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปจัดทำแผนการนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้แทนรถดีเซล เพื่อลดการใช้พลังงานที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดพลังงานน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูงขึ้นและผันผวนไม่แน่นอน

“ผมตั้งใจที่จะทำให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย และมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้พลังงาน เช่น เปลี่ยนจากรถเมล์เอ็นจีวีเป็นรถไฟฟ้า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะระยะยาวการใช้รถเมล์ไฟฟ้าประหยัดกว่า ขณะเดียวกันตั้งใจว่าอนาคตรถไฟไทยจะต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบรถไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 75 โดยจะไม่เหลือรถไฟดีเซลอีกแล้ว พร้อมกับให้ ร.ฟ.ท.ไปปรับวิธีการจัดหาหัวรถจักรใหม่ โดยใช้วิธีเช่าแทนการซื้อขาด เพื่อให้ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีรถไฟให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา”

ทั้งนี้มั่นใจว่าหากเปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะมาใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด จะไม่กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในประเทศแน่นอน โดยรถไฟประเมินว่าจะใช้ไฟฟ้าเพิ่ม 1-2% หรือ 500 เมกะวัตต์ จากการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศ 26,000 เมกะวัตต์ ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลมีแผนสร้างแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสง พลังงานลมในภาคอีสานเพิ่มเติม สำหรับโครงการนำร่องจะเริ่มใช้รถไฟพลังงานไฟฟ้าเส้นทางหาด-ใหญ่-ปาดังเบซาร์ เชื่อมกับมาเลเซีย ในปี 60 ขณะที่รถไฟทางคู่ไทย-จีน ขนาดราง 1.435 เมตร จะใช้พลังไฟฟ้าซึ่งนำเข้าจาก สปป.ลาว ส่วนการจัดหารถเมล์ ขสมก.รอบแรก 489 คัน ยังคงเป็นรถเมล์เอ็นจีวีอยู่ จะรับมอบและให้บริการได้ในเดือน ก.ค.58 ส่วนการจัดหาระยะต่อไปอีก 2,000 คัน จะเปลี่ยนเป็นรถเมล์พลังไฟฟ้าทั้งหมด คาดว่าเดือน พ.ค.นี้ จะรายงานผลการศึกษาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ขณะที่รถโดยสาร บขส. ก็ได้ให้ศึกษาการใช้รถไฟฟ้าเช่นกัน

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาการปรับแผนจัดหาหัวรถจักรและตู้โดยสารของ ร.ฟ.ท.ใหม่ทั้งหมด โดยโครงการแรกที่จะทบทวน คือ การจัดหาหัวรถจักรขนาด 16 ตันเพลา สำหรับใช้รับส่งผู้โดยสาร 50 คัน จะต้องเปลี่ยนแผนจากซื้อขาดมาเป็นเช่าแทนทั้งหมด รวมถึงการวางแผนการเช่าหารถจักรใหม่ในระยะต่อไป.
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 251, 252, 253 ... 473, 474, 475  Next
Page 252 of 475

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©