ข่าว รฟท จาก หนังสือพิมพ์

[Mongwin]

สมเด็จพระเทพฯเสด็จรถไฟแวะสถานีฯนครปฐม
บ้านเมือง วันศุกร์ ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558, 17.39 น.

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปทัศนศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี โอกาสนี้เสด็จลงจากขบวนรถไฟพระที่นั่ง เพื่อทอดพระเนตรวิถีชีวิตชุมชนบริเวณสถานี และสักการะองค์พระปฐมเจดีย์











เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (16 ตุลาคม 2558) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งขบวนพิเศษที่ 945 สถานีรถไฟจิตรลดา ถึงสถานีรถไฟสะพานแควใหญ่ เพื่อนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปทัศนศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานทหารสัมพันธมิตร ศูนย์สงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมา รี ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเก่า อุทยานแห่งชาติไทรโยค ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2558

โอกาสนี้ เสด็จลงจากขบวนรถไฟพระที่นั่ง ณ สถานีรถไฟนครปฐม ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 7ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และข้าราชการเฝ้ารับเสด็จฯ ในการนี้ทอดพระเนตรนิทรรศการประวัติศาสตร์ทวารวดีศรีนครปฐม จากนั้นทรงจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อยสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ และทอดพระเนตรวิถีชีวิตชุมชนบริเวณสถานีรถไฟนครปฐม หลังจากนั้น ประทับรถไฟพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิน ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี

[Mongwin]

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปทัศนศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี โอกาสนี้เสด็จลงจากขบวนรถไฟพระที่นั่ง เพื่อทอดพระเนตรวิถีชีวิตชุมชนบริเวณสถานี และสักการะองค์พระปฐมเจดีย์
ข่าวออนไลน์ 16 ต.ค. 58


https://www.youtube.com/watch?v=QC7ppFSRU_U

[Mongwin]

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯทางรถไฟไปกาญจนบุรี 16 ต.ค. 58
ข่าวค่ำ ThaiPBS 16 ต.ค. 58 19.00 น.


https://www.youtube.com/watch?v=TOsZ0tZDoho

[Mongwin]

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ทางรถไฟครั้งแรกในรอบ 23 ปี | สำนักข่าวไทย อสมท
Thainewsagency Mcot Published on Oct 16, 2015

ครั้งแรกในรอบ 23 ปี ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางรถไฟ ทรงนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคู่สมรส ชมสถานที่สำคัญของ จ.กาญจนบุรี


https://www.youtube.com/watch?v=6sr0kMJ6OtQ

----

สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ทางรถไฟไปกาญจนบุรี 16 ต.ค. 58 [ข่าวในพระราชสำนัก]
ข่าวค่ำไทยพีบีเอส 16 ต.ค. 58


https://www.youtube.com/watch?v=K4h0m2jNkOo

[Mongwin]

ตั๋วรถไฟที่ระลึก ที่กระทรวงคมนาคมทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่สมเด็จพระเทพฯ ณ สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา


ภาพจากข่าวในพระราชสำนัก

[Wisarut]

สมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรทัศนียภาพสะพานข้ามแม่น้ำแคว-สุสานทหารสหประชาชาติ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

16 ตุลาคม 2558 20:27 น. (แก้ไขล่าสุด 17 ตุลาคม 2558 08:24 น.)

กาญจนบุรี - สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทัศนศึกษา ณ จังหวัดกาญจนบุรี โดยขบวนรถไฟพระที่นั่งจากสถานีรถไฟจิตรลดา ถึงสถานีสะพานแควใหญ่ อำเภอเมืองกาญจนบุรี ทรงทอดพระเนตรทัศนียภาพบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว และสุสานทหารสหประชาชาติ


เมื่อเวลา 14.40 น. วันนี้ (16 ต.ค.) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่งขบวนพิเศษที่ 945 จากสถานีรถไฟจิตรลดา ถึงสถานีสะพานแควใหญ่ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทรงนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปทัศนศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว สุสานทหารสัมพันธมิตร ศูนย์สงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า อุทยานแห่งชาติไทรโยค ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2558 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกาญจนบุรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 17 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 คณะผู้บริหารการรถไฟสถานีสะพานแควใหญ่ และข้าราชการเฝ้าฯ รับเสด็จ

จากนั้นทอดพระเนตรทัศนียภาพบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่ง “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพาน และทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงคราม และโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง สะพานข้ามแม่น้ำแควแห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน

โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้นๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2486 ต่อมา ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ.2489 จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มีการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

จากนั้นในเวลา 16.10 น. ประทับรถยนต์บัสพระที่นั่งถึงพิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการถวายความปลอดภัยประจำพื้นที่ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และกรรมการผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า เฝ้ารับเสด็จฯ จากนั้นเสด็จฯ เข้าภายในพิพิธภัณฑ์ ทอดพระเนตรนิทรรศการต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ เช่น สภาพการสร้างทางรถไฟสายมรณะ โบกี้รถไฟ เชลยศึก ขนาดเท่าของจริง ขบวนการวางแผนการทำงานของเชลยศึก ภาพจำลองเชลยศึก โมเดลจำลองเส้นทางรถไฟและสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึกอังกฤษ ออสเตรเลีย และดัตช์ ทอดพระเนตรวิดีทัศน์ เรื่องการสร้างทางรถไฟสายมรณะของเชลยศึก ทอดพระเนตรห้องพยาบาล เสด็จฯ ขึ้นชั้น 2 ทอดพระเนตรอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ของเชลยศึก โมเดลการตัดเขาช่องเขาขาด ทอดพระเนตรวิดีทัศน์การระเบิดสะพาน เสด็จลงชั้น 1

ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินนำคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปสุสานทหารสัมพันธมิตร ทรงราชพระดำเนินถึงสุสานทหารสัมพันธมิตร ทรงวางพวงมาลาบริเวณอนุสาวรีย์สุสานทหารสัมพันธมิตร ทอดพระเนตรบริเวณสุสานทหารสัมพันธ์มิตร สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือ “สุสานทหารสหประชาชาติ” หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไปเรียกว่า “ป่าช้าอังกฤษ” เป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม

ซึ่งรัฐบาลไทย และฝ่ายสัมพันธมิตรได้ตกลงกันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2497 เพื่อสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้น บรรยากาศในสุสานเงียบสงบ และร่มรื่น พื้นที่ภายในได้รับการตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม เหนือหลุมฝังศพทุกหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึกชื่อ อายุ และประเทศของผู้เสียชีวิต บรรทัดสุดท้ายเป็นคำไว้อาลัยที่โศกเศร้า ทุกปีจะมีวันที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตเฉพาะของคนชาติต่างๆ จากนั้นประทับรถยนต์บัสพระที่นั่งเสด็จฯ กลับที่ประทับ

[Wisarut]

ดับคาตู้นอน! สาวใหญ่ชาวนครฯ เสียชีวิตบนรถไฟ แฟนหนุ่มเผยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

21 ตุลาคม 2558 11:28 น. (แก้ไขล่าสุด 21 ตุลาคม 2558 11:37 น.)




สุราษฎร์ธานี - สาวใหญ่ชาวนครศรีธรรมราช ดับคาตู้นอนรถไฟด่วนพิเศษกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช แฟนหนุ่มยันป่วยเป็นโรคภูมิแพ้

เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (21 ต.ค.) พ.ต.ต.วีระศักดิ์ ศิริมงคล พนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟว่า มีผู้เสียชีวิตอยู่ในขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ขบวนที่ 86 โบกี้ที่ 12 ซึ่งเป็นตู้นอนปรับอากาศชั้น 1 เข้าจอดที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี

ภายหลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพผู้หญิงทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.สายทิพย์ ละงู อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 390/1 ม.1 ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพเสียชีวิตบนที่นอนด้านล่างมาประมาณ 5 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำศพส่งตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลพุนพิน จากการตรวจของแพทย์อย่างละเอียดในเบื้องต้นไม่พบบาดแผลแต่อย่างใด

จากการสอบถาม นายสิงหา คมขำ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/15 ถ.พัฒนาการชาววัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต ทราบว่า ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นภูมิแพ้ มีประวัติรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งคู่ได้ขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟเพชรบุรี ลงปลายทางที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.คืนที่ผ่านมา และประมาณเที่ยงคืนแฟนหนุ่มขึ้นไปนอนบนเตียงชั้นบน ผู้เสียชีวิตนอนชั้นล่าง จนกระทั่งเวลาประมาณ 07.00 น.วันนี้ แฟนหนุ่มได้ลงมาปลุกเพื่อให้กินยา กลับพบว่า น.ส.สายทิพย์ เสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งตำรวจรถไฟ

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง และทางญาติไม่ติดใจถึงสาเหตุอื่น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมอบศพให้แก่ทางญาติไปทำพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป ขณะที่ขบวนรถไฟดังกล่าวเสียเวลาประมาณ 30 นาที จึงเดินทางต่อไปได้

[Wisarut]

ตรา 100 ปี สถานีกรุงเทพ ออกแล้วจ้า
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/1182025721812297

[Mongwin]

คลังรายงานครม.พบ ”ขสมก.-รฟท.”สอบตกการให้บริการปชช.
เนชั่น 28 ตค. 2558 เวลา 16:26 น.

ทำเนียบรัฐบาล 28ต.ค.58 รายงานแจ้งว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่27ต.ค. ครม.มีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังได้รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)

ตามที่คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะมีมติเมื่อวันที่14กันยายน2558ที่ผ่านมาซึ่งรายงานดังกล่าวได้สรุปตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของขสมก.และรฟท.

โดยพบว่า ในส่วนของขสมก.นั้นมี4ตัวชี้วัดซึ่งยังไม่ผ่านการประเมินตามบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะจำนวน2ชี้วัด คือ

1.ตามบันทึกข้อตกลงฯได้ตั้งเป้าหมายความพึงพอใจของผู้ใช้บริการไว้ที่ร้อยละ90แต่ผลที่เกิดขึ้นจริงได้เพียงร้อยละ86.61โดยขสมก.ได้แนบคำชี้แจงว่าเนื่องจากรถโดยสารมีอายุการใช้งานมานานและมีสภาพชำรุด

2.ต้นทุนต่อกิโลเมตรทำการที่ตั้งเป้าหมาย32.55บาทต่อ1กิโลเมตรทำการนั้นยังไม่ผ่านการประเมิน เนื่องจากผลที่เกิดขึ้นจริงมีต้นทุนต่อกิโลเมตรจำนวน33.91บาทส่วนตัวชี้วัดที่ผ่านเกณฑ์2ตัวชี้วัดคือ
1.จำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ที่นับจำนวนครั้งต่อ1ล้านกิโลเมตรทำการ นั้นผ่านการประเมิน เนื่องจากมีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ0.001แต่เกิดขึ้นจริงร้อยละ0.00เนื่องจากมีโครงการป้องกันภัยและลดอุบัติเหตุ รวมทั้งการอบรมพนักงาน
2.จำนวนกิโลเมตรทำการกิโลเมตรต่อคันต่อวันนั้นตั้งเป้าหมายไว้ที่209กิโลเมตรต่อวันต่อคัน ซึ่งผ่านการประเมินแม้จะพบว่าสูงกว่าเป้าหมายคือ210กิโลเมตรต่อคันต่อวัน เนื่องจากมีการจัดเดินรถในเวลาเร่งด่วนช่วงเย็นเพิ่มขึ้น

“ดังนั้นขสมก.ผ่านเกณฑ์ประเมิน2ตัวชี้วัด คือจำนวนการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนกิโลเมตรทำการต่อวันต่อคันเท่านั้น ส่วนเรื่องความพึงพอใจของผู้ใช้บริการและต้นทุนยังไม่ผ่านการประเมิน”

ขณะที่การประเมินของรฟท. ที่มีการประเมินผ่าน6ตัวชี้วัดตามบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ แต่ไม่ผ่านการประเมินถึง4ตัวชี้วัด คือ

1.ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ที่ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ0.09

2.ความสามารถในการเบิกจ่ายงบลงทุน ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ14.93

3.การปรับปรุงบัญชีและทะเบียนทรัพยส์สินถาวร(ความสำเร็จในการจัดทำงบการเงิน) ไม่ผ่านการประเมินเนื่องจากไม่ได้นำเสนองบการเงินปี2553และงบการเงินปี2554ต่อคณะกรรมการรฟท. แต่ได้นำส่งงบการเงินปี2554ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และ

4.จำนวนผู้โดยสารต่ำกว่าเป้าหมาย4.362ล้านคน

ส่วน 2 ตัวชี้วัดที่ผ่านเกณฑ์ คือ

1.การเกิดอุบัติเหตุต่อการเดินรถต่ำกว่าเป้าหมายทั้งอุบัติเหตุประเภทร้ายแรงและอุบัติเหตุประเภทสำคัญ และ
2.ประสิทธิภาพการบริหารเวลาการเดินรถภายใต้สภาวะการปรับปรุงทางเพื่อความปลอดภัยที่สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 1.02

โดยคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ มีข้อเสนอถึงกระทรวงคมนาคม ถึงขสมก.ว่า ให้ขสมก.ดำเนินการปรับปรุงการให้บริการตามผลการสำรวจความพึงพอใจ เช่น ลดความเร็วในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และนำผลการศึกษาต้นทุนต่อกิโลเมตรทำการที่ศึกษาโดยศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาประกอบการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ2560และเสนอให้รฟท.เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะด้านความสะอาด ความปลอดภัยและความตรงต่อเวลา และให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการศึกษาต้นทุนต่อหน่วย(Unit Cost) ในการให้บริการของรถไฟ

[Mongwin]

เร่งสปีดโปรเจ็กต์รถไฟ งานท้าทาย "ออมสิน ชีวะพฤกษ์"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 28 ต.ค. 2558 เวลา 22:00:21 น.

ก่อนที่ "ออมสิน ชีวะพฤกษ์" อดีตบิ๊กไปรษณีย์ไทย จะขยับมารั้งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เคยนั่งเป็นประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มาร่วมปี เรียกว่าคลุกคลีองค์กรม้าเหล็กทุกซอกทุกมุม

ล่าสุด "ออมสิน" กลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้ง เพื่อมอบนโยบายให้ "วุฒิชาติ กัลยาณมิตร" ผู้ว่าการการรถไฟฯ เร่งรัดโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ที่ค้างท่อให้เกิดเป็นรูปธรรมในเร็ววัน ให้สอดรับกับนโยบายของ "รัฐบาลประยุทธ์" ที่อยากจะจุดประกายโครงการใหญ่ของการรถไฟฯมาขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ

"ช่วงที่ผมนั่งเป็นประธานบอร์ดรถไฟ ได้เร่งรัดโครงการต่าง ๆ แต่ติดระเบียบและขั้นตอน ทำให้งานล่าช้าจากแผนไปมาก เมื่อผมได้เข้ามากำกับดูแลโดยตรง ก็จะเร่งรัดให้ทุกอย่างเดินหน้าเร็วขึ้นตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้ อีกอย่างจะเกิดผลดีต่อรถไฟ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพรถไฟให้ดี" นายออมสินกล่าวและว่า

การตรวจเยี่ยมรถไฟครั้งนี้ มีเป้าหมายมาเร่งรัดโครงการลงทุนของรถไฟ มีรถไฟทางคู่เร่งด่วน 6 เส้นทาง รวม 903 กม. ใช้เงินลงทุนกว่า 1.29 แสนล้านบาท มี 3 เส้นทางที่รัฐบาลเร่งรัด มีฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย 106 กม. วงเงิน 10,992 ล้านบาท กำลังเปิดประมูล จะลงนามสัญญาก่อสร้างต้น ธ.ค.นี้ จากนั้นกลาง ธ.ค.เป็นจิระ-ขอนแก่น 185 กม. วงเงิน 26,007 ล้านบาท และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม. วงเงิน 17,239 ล้านบาท

อีก 3 สายทางมีลพบุรี-ปากน้ำโพ 143 กม. วงเงิน 24,842 ล้านบาท มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 134 กม. วงเงิน 29,855 ล้านบาท และนครปฐม-หัวหิน 165 กม. วงเงิน 20,036 ล้านบาท ยังติดการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอประกวดราคาแบบมีเงื่อนไข จะประมูลไปก่อน แต่จะสร้างได้ต่อเมื่ออีไอเอผ่าน ทำงานคู่ขนานกันไปไม่ให้โครงการล่าช้า

นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษารถไฟทางคู่อีก 6 เส้นทาง รวม 1,349 กม. ลงทุนกว่า 1.4 แสนล้านบาท มีปากน้ำโพ-เด่นชัย 285 กม. ขอนแก่น-หนองคาย 174 กม. หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ 90 กม. จิระ-อุบลราชธานี 309 กม. ชุมพร-สุราษฎร์ธานี 167 กม. และสุราษฎร์ธานี-สงขลา 339 กม.

"รถไฟจะตั้งงบประมาณปี′60 ก่อสร้าง หากมีเอกชนสนใจจะลงทุนให้ก็ได้ โครงการจะได้เกิดเร็วขึ้น"

ด้านความคืบหน้ารถไฟฟ้า "ออมสิน" ลงลึกรายละเอียดสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ระยะทาง 26 กม. ขณะนี้งานก่อสร้างสัญญาที่ 1 สถานีกลางบางซื่อ และสัญญาที่ 2 งานโครงสร้างพร้อมสถานี คืบหน้ากว่า 40% เหลือสัญญาที่ 3 งานระบบและรถไฟฟ้าจะเสนอ ครม.ขยายกรอบวงเงินใหม่จาก 28,899 ล้านบาท เป็น 32,399 ล้านบาทตามที่เอกชนเสนอล่าสุด คาดลงนามสัญญา ธ.ค.นี้ และเปิดให้บริการปี 2561-2562 ล่าช้าจากแผน 1-2 ปี จะเปิดใช้บริการพร้อมกับสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ที่สร้างเสร็จแล้วแต่รอขบวนรถที่ซื้อร่วมกับช่วงบางซื่อ-รังสิตมาวิ่งให้บริการ

"รถไฟฟ้าสายใหม่ขอให้รถไฟเร่งต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ช่วงพญาไท-บางซื่อเสนอ ครม.โดยเร็ว รวมถึงสาย Missing Link หรือสีแดงช่วงพญาไท-หัวหมาก และสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง เพื่อเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง"

"ออมสิน" ยังเกาะติดจัดซื้อหัวรถจักรและล้อเลื่อนอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาทที่อยู่ระหว่างจะประมูล ไม่ว่าซื้อหัวรถจักรใหม่ 50 คัน บูรณะรถจักร 56 คัน และรถโดยสารเชิงพาณิชย์รูปแบบใหม่ 115 คัน จะเริ่มทยอยมาชุดแรกเดือน พ.ค. 2559

ส่วนโครงการย้ายโรงซ่อมหัวรถจักรที่มักกะสันไปที่สถานีแก่งคอย จ.สระบุรี ที่จะใช้เงินลงทุนก่อสร้าง 1.3 หมื่นล้านบาท มอบให้ผู้ว่าการการรถไฟฯเร่งเจรจากับกรมธนารักษ์ จ่ายเงินก้อนแรกเพื่อนำมาดำเนินการ เพื่อทยอยส่งมอบพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ เพื่อเช่าจัดหาประโยชน์ในระยะยาวตามที่ซูเปอร์บอร์ดมีมติ เพื่อตัดหนี้ให้กับการรถไฟฯกว่า 6.1 หมื่นล้านบาท

ด้านการพัฒนาพื้นที่แปลงอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ ให้การรถไฟฯเร่งพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีกลางบางซื่อ 218 ไร่ ให้เอกชนมาร่วมลงทุน เพื่อรองรับการย้ายสถานีหัวลำโพงมาที่บริเวณนี้ ที่เหลือก็มีสถานีแม่น้ำ 277 ไร่ และย่าน กม.11 อีก 359 ไร่ เพื่อนำรายได้มาลดภาระหนี้ที่ถึงแม้จะยกที่ดินมักกะสันให้กรมธนารักษ์เพื่อแลกหนี้ไปบางส่วนจากทั้งหมดมีอยู่ประมาณ8 หมื่นล้านบาท เหลือหนี้เกือบ 2 หมื่นล้านบาทจะต้องเร่งหารายได้มาเสริมจากการขนส่งสินค้าและการบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่

สำหรับปี 2558 รถไฟมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท มาจากขนส่งสินค้า 2 พันล้านบาท ผู้โดยสาร 3 พันล้านบาท และค่าเช่าที่ดิน 2.5 พันล้านบาท คาดว่าปี 2559 รายได้ค่าเช่าที่ดินจะเพิ่ม 1 พันล้านบาท ส่วนหนี้สินปีนี้อยู่ที่กว่า 1.1 แสนล้านบาท เป็นหนี้รถไฟ 8 หมื่นล้านบาท และหนี้แอร์พอร์ตลิงก์กว่า 3.3 หมื่นล้านบาท

การจะช่วยลดหนี้รถไฟได้ต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ควบคู่กับเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ซึ่งการสร้างรถไฟทางคู่ เป็นอีกหนึ่งหนทางจะกู้วิกฤตได้