View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 12:28 am Post subject: |
|
|
ต้องกล่าวสวัสดีเพื่อนที่เคยติดตามกระทู้นี้ แล้วต้องพักหยุดยาวว..ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนปีนี้ เพราะภาพที่ลิ้งค์ไว้กับเว็บ photobucket.com ไม่สามารถแสดงได้ ผมก็ได้ตัดสินใจหาเว็บฟรีแหล่งอื่นมาแทน คือ mx7.com ซึ่งก็นับว่าใช้งานได้ดี แต่ก็ไม่ทราบอีกว่าในอนาคตจะมีปัญหาอีกหรือเปล่า ก็ขอฝากไว้กับกาลเวลา นะครับ
อย่างที่เคยกล่าวไว้ตั้งแต่จบ การนำชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง รถไฟช่องเขาขาด ว่าในทริปเดียวกันนี้ผมได้เดินทางต่อมาเที่ยวถ้ำธารลอด ที่ได้อรรถรสการท่องเที่ยวหลากหลายในสถานที่เดียวกัน เลยอยากจะให้เพื่อนได้เห็นบ้าง แต่คงไม่ละเอียดนัก เพราะไม่เกี่ยวกับรถไฟ ตามวัตถุประสงค์ของหัวข้อ ซึ่งผมได้ผ่านถ้ำธารลอดเล็กออกมาแล้ว และเริ่มเจอสะพานข้ามลำธารแห่งแรก ครับ
เพื่อให้เข้าใจตำแหน่งการเดินระหว่างถ้ำธารลอดน้อยกับถ้ำธารลอดใหญ่ ได้ง่ายขึ้น ผมจึงขอนำภาพแผนผังการเดินของอุทยาน ที่แผ่นป้าย มาแสดงให้ดูครับ
วงกลมแดง 1 คือ ถ้ำธารลอดน้อย, วงกลมแดง 2 คือจุดชมวิว ที่เป็นจุดสูงสุดของเส้นทางการเดิน และ วงกลมแดง 3 คือถ้ำธารลอดใหญ่ ปลายทางสุดของเส้นทางครับ
โดยเส้นสีม่วงคือ เส้นการเดินจากหน้าถ้ำถึงปลายถ้ำ เส้นสีเขียวคือ เส้นการเดินระหว่างถ้ำ จากถ้ำธารลอดน้อยถึงถ้ำธารลอดใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่า อัปเดตที่แล้วผมเดินมาแค่นิดเดียวจริงๆจากเส้นทางทั้งหมดประมาณ 2.5 กิโลเมตร แถมด้วยการขึ้นเขา ในช่วงท้ายๆ อีกด้วยครับ
ในระหว่างเส้นทางจะมีแผ่นป้ายสถานีปักไว้เป็นระยะ แต่หมายเลขนั้นอาจไม่ตรงกับแผ่นป้ายนี้ เพราะมีการกำหนดใหม่ ที่มากขึ้น แต่ชื่อสถานียังตรงกันครับ
นอกจากนี้เรายังอ้างอิงตำแหน่งคร่าวๆ ได้จากข้ามลำธารกลับไปมาได้ด้วย ซึ่งมีทั้งหมด 6 ครั้ง โดยสะพานแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน นับว่าสนุกไม่เบาละครับคราวนี้ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 12:44 am Post subject: |
|
|
เดินมาสุดสะพานไม้ หันไปทางซ้าย เป็นทางเดินค่อนข้างทุรกันดาร เจ้ารากไม้เหล่านี้ก็ทำให้ดูแล้วหลอนเหมือนงูเลื้อยไปมา อยู่เหมือนกันนะครับ
เดินกันต่อไป ทางเดินแม้ไม่มีลูกศรสีม่วงเหมือนในภาพ แต่ก็พอแยกออกจากสภาพป่าข้างทาง ไม่หลงง่ายๆ ครับ
แหงนขึ้นไปมองข้างบน ต้นไม้ในช่องเขานี้ ดูสูงกันน่าดู จนทำให้ สัญญาณ GPS จากดาวเทียม ไม่ค่อยชัดเจน สะเปะสปะไปมา แต่ดูภาพรวมก็ยังตรงไปข้างหน้า และผมเองก็ได้กำหนดพิกัด ถ้ำธารลอดใหญ่ไว้แล้ว จึงพอทราบว่า เป้าหมายอยู่อีกไกลแค่ไหนครับ
อาจเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆ ผมชอบซุกซน เดินลุยป่าละเมาะแถวโรงเรียน หรือแถวบ้าน จนได้แผล เอ๊ย..ผื่นคัน กลับมาเป็นประจำ โตขึ้นเลยชอบนิสัยผจญภัย จำได้ ที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครั้งหนึ่ง แถวๆ หอพักนักศึกษา ขี้เกียจเดินอ้อมไปขึ้นเนินตามถนน ก็ลองเดินลัดป่าดู โอ้โฮ..ได้ลุยป่ารกๆ อย่างสะใจ แล้วก็จินตนาการว่าตัวเองเป็นทหารบ้าง เป็นรถแทรกเตอร์ ตีนตะขาบ ดันดินบ้าง แล้วก็ใช้ความรู้ทางวิศวฯ แก้ปัญหา ค่อยๆ เหยียบกิ่งไม้ ข้ามไปจนสำเร็จ ก็มีความสุขแล้ว ผมเชื่อว่า ชีวิตคนต้องสู้ หรือหาอะไรตื่นเต้นๆ ทำ ไม่งั้นจะเบื่อมาก |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 12:51 am Post subject: |
|
|
เดินๆๆ ไปอีก ทางสะดวก แทบจะวิ่งได้เลย มองเห็นแผ่นป้ายสถานีที่ 8 ข้างหน้าอยู่ไกลๆ
ชื่อสถานี "ไทร-กาฝากในคราบนักบุญ" ต้นไม้ที่ไทรยึดอยู่จะตายในที่สุด เนื่องจากโดนใบต้นไทรแผ่บังแดดจนหมด นับเป็นความน่ากลัวของต้นไม้ใหญ่จริงๆ นะครับ
จากต้นไม้ใหญ่คู่นี้ หันไปทางขวาเห็นแผ่นป้ายบอกระยะทางไปถ้ำธารลอดใหญ่ อยู่ใกล้ๆ ได้ลุ้นแล้วว่าอีกไกลไหมจึงจะถึงเป้าหมายครับ
ตอนนี้ผมเดินเข้ามาใกล้แผ่นป้ายบอกระยะทางแล้ว ระบุว่า อีก 2 กิโลเมตรจึงจะถึงถ้ำธารลอดใหญ่ เป้าหมายของผม โดยระหว่างครึ่งทางก็จะผ่านน้ำตก และตัวเลขบอกว่า ผมเดินมาได้ ครึ่งกิโลเมตรแล้ว ก็ถือว่า 1 ใน 5 ของเส้นทางพอดีครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 1:09 am Post subject: |
|
|
หันหน้าเดินต่อไป เอ๊ะ! มีคนเดินมานั่น..พวกเขากำลังจะกลับแล้ว ถ้าเข้าไปถึงถ้ำธารลอดใหญ่ ก็แสดงว่าเขามากันตั้งแต่สายๆ แล้ว
เดินผ่านทางแคบๆ ที่มีกิ่งไม้หักลงมาพาดข้างทาง ถ้ามืดๆ อาจดูเหมือนหัวงูตัวใหญ่ๆ เลยนะครับ
ทางข้างหน้าดูเหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่จะพาเราหายเข้าไปในป่า ถ้าเป็นคนกลัวป่า และไม่มี GPS บันทึกเส้นทาง ก็คงรู้สึกกลัวพอสมควรครับ
เดินมาอีกหน่อย สังเกตุเห็นอะไรแว๊บๆ อยู่หลังพงไม้ข้างหน้า ขยายภาพดู เป็นนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มครับ ลองทักทายดู พบว่าพวกเขามาจากวัดถ้ำธารลอดใหญ่เลย มาทำบุญตั่้งแต่เช้า และพวกเขาดูท่าทางจะเหนื่อยกันมาก(เหงื่อโทรมกาย) แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกท้อขึ้นมาเหมือนกันครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 1:18 am Post subject: |
|
|
ข้างหน้าผมตรงนี้เป็นซุ้มต้นไผ่ ที่เขาตัดแต่งเหมือนอุโมงค์ต้นไม้เลยครับ
เข้ามาถึงใต้ร่มเงาซุ้มไม้ไผ่ น่าจะพอหลบฝนได้พอสมควรนะครับ มองออกไปข้างหน้า เห็นแผ่นป้ายสถานีที่ 11 อยู่ใกล้ๆ
มกำลังเดินเข้ามาใกล้แผ่นป้ายสถานีที่ 11 ก็พอดีมี จนท.อุทยานอีกคนเดินสวนมาพอดี บอกว่ายังมี จนท.อยู่ข้างบน จุดชมวิวอยู่ครับ
ภาพในมุมมองนี้ บังเอิญติดซากต้นไม้ที่ถูกไฟไหม้อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเนื้อหาในแผ่นป้ายนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องไฟไหม้อยู่เหมือนกันครับ
เข้าไปดูแผ่นป้ายสถานีที่ 11 เป็นเรื่อง "ความรุนแรงของไฟป่า-ไฟธรรมชาติ" ก็สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมแถวนี้มีถูกไฟป่าไหม้มาไม่นานด้วย ระบุว่า ไฟป่าเองถ้าไม่รุนแรงก็นับเป็นประโยชน์ได้เหมือนกัน เพราะเป็นการลดจำนวนเศษซากใบไม้และกิ่งไม้แห้งๆ ที่ผ่านช่วงฤดูแล้งมา มิฉะนั้นถ้าปล่อยให้สะสมกันมากๆ พอเกิดไฟป่าขึ้นมา ไฟจะลุกไหม้รุนแรงจนต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ตายได้
Last edited by mirage_II on 03/11/2017 2:12 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 1:25 am Post subject: |
|
|
เดินมาถึงสะพานข้ามลำธารแห่งที่สอง ที่ทำด้วยไม่ไผ่ ก่อนข้ามสะพานมีแผ่นป้ายสถานีปักอยู่ ด้วย แต่ที่แปลกคือมีทั้งแผ่นป้ายแบบเก่าและแบบใหม่ ที่เลขลำดับต่างกัน 2 ครับ
เดินเข้าไปอ่านแผ่นป้ายแบบเก่า ที่ระบุว่าเป็นสถานีที่ 10 เรือง "มอส เฟิร์น โลเคนส์" ที่เป็นพืชโบราณ ช่วยรักษาความชื้นให้กับต้นไม้ใหญ่ ส่วนอีกป้ายที่ระบุสถานีที่ 12 เป็นป้ายแบบใหม่ที่มีเนื้อหาตรงกับป้ายไม้นี้ครับ
เอาละ ได้เวลาเดินข้ามสะพานไม้ไผ่แล้ว บังเอิญเป็นลำธารตื้นๆ แค่ตาตุ่ม เลยไม่รู้สึกหวาดเสียวอะไร ยกเว้นว่าอาจลื่นไถล เท้าพลิกไปบนลำไม้ไผ่กลมๆ เท่านั้นครับ
จะเห็นทิศทางการไหลของลำธารที่สวนทางกับ การเดินเมื่อข้ามไปฝั่งโน้น
หันไปทางขวา ด้านที่จะเดินต่อไป มีโขดหินเล็กๆ มากมายหายไปในป่า ดูน่าวังเวงพอดูครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 1:35 am Post subject: |
|
|
หลังจากข้ามสะพานไม้ไผ่เล็กๆ แล้ว ก็กลับมาเดินฝั่งซ้ายของลำธารเหมือนเดิม เส้นทางข้างหน้าดูรกๆ สูงๆ ต่ำๆ น่ากลัวว่าจะสดุดรากไม้ หรือมีงูซ่อนอยู่ เหมือนกันนะครับ
มาที่นี่จึงนับว่าเป็นการเดินป่า ได้ระดับนึงเลยนะครับ และเมื่อไม่มีไกด์นำทาง (และมาคนเดียว) จึงดูน่ากลัวพอสมควรเลยครับ
เจอแผ่นป้ายบอกระยะทาง โอ้..อีก 1 กิโลเมตรครึ่งก็จะถึงถ้ำธารลอดใหญ่แล้ว เย้..ดีใจไม่ออก เพราะเพิ่งเดินมาระยะทางเพียง 1 ใน 3 จริงๆ แถมเส้นทางข้างหน้า ตั้งแต่น้ำตกไปแล้วจะต้องขึ้นบันไดสูงๆๆ อีก ซึ่งจะต้องใช้เวลากว่าทางราบ ช่วงนี้ผมยิ่งเดินเร็ว ก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย เพราะอากาศค่อนข้างชื้นอึดอัดพอสมควรครับ
เดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ที่ล้ม ก็พอจะเห็นทางเลือกในการผ่านไป คือ คลานลอดไป หรือปีนขึ้นบันไดข้ามลำต้น ครับ
เนื่องจาก ผมมีเครื่อง GPS กับ PowerBank ในกระเป๋าเสื้อ จึงไม่สะดวกที่จะก้มคลาน เดินขึ้นบันไดที่พาดลำต้นดีกว่า เมื่อก้าวขึ้นมายืนบนต้นไม้ที่ล้มแล้วมองไปทางขวามือ ด้านยอดไม้ ดูค่อนข้างรกมากนะครับ
หันไปทางซ้าย ที่เป็นด้านโคนต้น และดูออกจะอยู่ไกลกว่าด้านยอด น่าเดินเล่นไปจัง แต่ถึงอย่างไรก็ควรสงวนเท้าไว้เดินดีกว่า เกิดลื่นหกล้มลงไป คงต้องจบภาระกิจไว้เพียงแค่นี้นะครับ
สังเกตุใกล้ๆ นี้มีรอยเลื่อยที่ไม่ขาดอยู่ แสดงว่าทางอุทยานฯก็ได้พยายาม เปิดช่องทางเดินอยู่เหมือนกัน แต่อาจติดขัดเรื่องอะไรสักอย่างเลยหยุดไว้เพียงแค่นี้ เราจึงต้องปีนข้ามลำต้นกันต่อไปครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 1:42 am Post subject: |
|
|
เดินมาถึงกองหินใหญ่อยู่ตรงหน้า ดูแล้วจินตนาการได้ว่าเหมือนหัวตุ๊กแกยักษ์ กำลังหมอบมองเราอยู่ อิอิ..
ส่วนทางเดินไปถ้ำธารลอดใหญ่ ก็อ้อมไปทางซ้ายในภาพครับ
ด้วยความน่ากลัวของหินหัวตุ๊กแก ที่ผมมโนเอง เลยต้องขอเซลฟี่สักภาพ เวลาตอนนี้ บ่ายสองโมงครึ่งพอดีเป๊ะ เหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่งเองนะ
ผมเดินอ้อมหลังกองหินใหญ่ ที่เหมือนหัวตุ๊กแกยักษ์ มา ก็เหลือบเห็นแผ่นป้ายสถานีที่ 14 อยู่ใกล้ๆตรงหน้า เส้นทางต่อไป ก็ต้องเลี้ยวซ้าย อ้อมหลังโขดหินอีกก้อนลับไป ดูน่ากลัวดีเหมือนกัน คงเป็นเพราะนานๆ ผมจะได้เข้าป่าสักทีนะครับ
เข้าไปอ่านแผ่นป้ายสถานีที่ 14 ใกล้ๆ อีกตามเคย เพื่อประดับความรู้ ระบุว่า "พูพอน" คือ รูปแบบของรากที่ต้นไม้สร้างขึ้นบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ ที่มีลักษณะบานออกไป คล้ายหนวดปลาหมึก เพื่อช่วยค้ำยันมิให้ต้นไม้ล้มยามมีลมพายุแรงๆ พัดมา เพราะรากแก้วใต้ดินนั้น ปกติจะไม่ลึกเมื่อเทียบกับความสูงของต้นไม้ (ผมเคยเห็นเขาโค่นต้นไม้ใหญ่ๆ ริมถนน กลับพบว่า รากแก้วที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับลำต้นนั้นจะสั้นนิดเดียวไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็จะเป็นรากขนาดเล็กลึกลงไปแทน ถึงว่าซีต้นไม้จึงล้มได้ยามเกิดพายุ ต่างกับเสาเข็มตอม่อสะพาน ที่จะมีขนาดพอๆ กับเสาลึกลงไปจนสุดปลายข้างล่าง)
และคงเป็นเป้าหมายในการอธิบายด้วย ป้ายนี้จึงมาปักอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ พอดี ซึ่งมีพูพอนของรากอยู่โดยรอบครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 02/11/2017 1:49 am Post subject: |
|
|
แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น พบแผ่นป้ายไม้เล็กอีกแผ่น วางอยู่บนโคนต้นไม้ขนาดเล็กที่เหมือนถูกตัดส่วนบนออกไป ระบุว่า เป็นต้น "พระเจ้าห้าพระองค์" ที่เป็นไม้ใหญ่ สูง 20 - 40 เมตร มีโคนต้นเป็นรากพูพอน ซึ่งลักษณะนี้ก็เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่ต้นยังเล็กๆ แล้ว
ผมอ่านทีแรกยังนึกตกใจว่า ชื่อ "พระเจ้าห้าพระองค์" นี้เป็นรูปปั้นพระพุทธรูป 5 องค์หรือ แต่มองหาไม่เจอ จนมาค้นดูในเน็ต ก็พบว่า เป็นชื่อต้นไม้จริงๆ โดยที่มาของชื่อ เกิดจากผลต้นไม้ชนิดนี้ มีพู 5 พู ที่ดูแล้วคล้ายรูปสลักภาพนูนต่ำของพระ อยู่แต่ละพูรอบๆ ครับ
ผมเดินห่างออกมา หันกลับไปดู ต้นไม้ใหญ่ก็น่าจะเป็นต้นพระเจ้าห้าพระองค์เหมือนกับตอต้นเล็กที่มีแผ่นป้ายวางอยู่นะครับ มุมมองนี้จะเป็นขากลับที่ เดินไป ถ้ำธารลอดเล็ก ต้องอ้อมหลังต้นไม้ไป เดี๋ยวผมก็ต้องกลับมาเห็นมุมมองนี้นะครับ
เดินกันต่อ จากสถานีที่ 14 "พูพอน..." นิดเดียวก็เห็นนักท่องเที่ยว เด็กๆ มากับแม่ อยู่แถวนั้น ซึ่งเป็นน้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นแรก ที่คนนิยมมาเล่นกัน เพราะมีความปลอดภัยมากกว่าอีกสองชั้น ถัดไปครับ
ผมเดินเข้าไปใกล้ น้ำตกไตรตรึงษ์ (แหม.ชื่อเดียวกับ ตำบลไตรตรึงษ์ จ.กำแพงเพชรโน่นเลยนะครับ) ชั้นแรก ที่ดูคล้ายอ่างน้ำลดระดับ เหมาะสำหรับเด็กๆ เล่นมากครับ |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 05/11/2017 12:28 am Post subject: |
|
|
หันหน้าเดินต่อไป โอ้โฮ...ทางข้างหน้า ทั้งรกทั้งขึ้นเนิน รู้สึกกังวลตอนขากลับ ถ้าหากฝนตก หรือฟ้ามืดลงจะหลงทางไหมนี่ครับ
โอ้..เจอ รากไม้ เอ๊ย..เถาวัลย์ ยาวๆ โค้งๆ บนพื้น ชวนให้หลอนว่าเป็นงูใหญ่ อีกแล้ว ต้องระวังเท้าไปสดุดหกล้ม เพราะมีต้นไม้ล้มอยู่ข้างบนด้วย
ทางข้างหน้าขึ้นเนินอีกแล้ว ผมรู้สึกเหนื่อย ใจเต้นตุ๊บๆ เลยนะครับ เพราะต้องรีบเร่งในการเดิน แล้วมาเจอทางสูงๆ ต่ำๆ แบบนี้ และอากาศก็ค่อนข้างอึดอัดด้วย ดีอย่างเดียวที่ไม่ร้อนครับ
มองไปข้างหน้า เห็นสะพานข้ามลำธารอีกแห่งแล้ว เย้! แม้จะยังอีกไกลกว่าจะถึงเป้าหมาย แต่สะพานเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้าง ดูแล้วค่อนข้างสบายใจกว่า พื้นรกๆ ในป่ามาก |
|
Back to top |
|
|
|