Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311234
ทั่วไป:13180270
ทั้งหมด:13491504
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - เรือคลองผดุงกรุงเกษม Feeder รถไฟ และ รถไฟฟ้าอย่างใหม่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

เรือคลองผดุงกรุงเกษม Feeder รถไฟ และ รถไฟฟ้าอย่างใหม่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 11, 12, 13 ... 24, 25, 26  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 21/12/2020 11:53 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
เร่งปรับ “ท่าเรือสะพานพุทธฯ” บริการอัจฉริยะ-22 ธ.ค. “นายกฯ” กดปุ่มเดินเรือไฟฟ้าเจ้าพระยา
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 14 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17:41 น.


พร้อมอวดโฉม ”Smart Pier “ ท่าเรือสะพานพุทธ
*นายกฯเป็นประธานเปิดบริการ22ธ.ค.นี้ ต้นแบบ”ท่าเรืออัจฉริยะ”ของกรมเจ้าท่า สวยเลอค่า|ชูศิลปะร่วมสมัย|เน้นใช้สอย ประชาชนสะดวกสบายเชื่อมแลนด์มาร์ค

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2796801787207988


คค.พร้อมทดลองเดินเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าเจ้าพระยา22ธ.ค.63
News1
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17:55 น.



รัฐมนตรีคมนาคม ตรวจความพร้อมโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าเรือสะพานพระพุทธยอดฟ้า ก่อนจะมีพิธีเปิดโครงการ22 ธันวาคม 2563

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ตรวจความพร้อมโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าเรือสะพานพระพุทธยอดฟ้า โดยมี นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า ให้การต้อนรับ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 ณ ท่าเรือ แคท ทาวเวอร์ (กสท.) เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในโอกาสให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการดังกล่าว ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563

กรมเจ้าท่า ได้ร่วมกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ,บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด และบริษัทในเครือ นำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบขนส่งมวลชน พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำให้เป็นตามเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน ดำเนินโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา



จุดเด่นของเรือไฟฟ้าในโครงการ เป็นเรืออลูมิเนียมชนิด Catamaran ความยาวตลอดลำเรือ 23.97 เมตร กว้าง 7 เมตร ลึก 2.30 เมตร กินน้ำลึกบรรทุก 1.30 เมตร ให้การทรงตัวที่ดี ความเร็วน้อย ประหยัดพลังงาน ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไออน ไร้มลภาวะทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และทางเสียง เป็นห้องโดยสารปรับอากาศ กว้างขวาง ขึ้น-ลงสะดวกสบาย ทันสมัย และปลอดภัย สามารถรองรับผู้โดยสาร จำนวน 250 คน ความเร็วเดินทางขึ้นอยู่กับความเร่งด่วนในเวลานั้น โดยมีความเร็วสูงสุด 16 น็อต



นอกจากนิ้ ได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge ระดับ 4-C สามารถชาร์จเร็วภายใน 15 นาที ความจุแบตเตอรี่ Li-Ion 768 kW-hr เวลาสำหรับใช้งานต่อการชาร์จ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเร็วในการเดินเรือ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 22/12/2020 3:17 pm    Post subject: Reply with quote

ไทยคู่ฟ้า is live now — at CAT Telecom Tower Bangrak.
เผยแพร่: 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15:04 น.

[LIVE] นายกรัฐมนตรีเปิดโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า และเปิดท่าเทียบเรืออัจฉริยะสะพานพุทธฯ ณ ท่าเรือ แคท ทาวเวอร์ กสท. กรุงเทพฯ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 24/12/2020 10:52 am    Post subject: Reply with quote

เริ่มวันนี้! เรือไฟฟ้า “พระราม 5-สาทร” ฟรีถึงวาเลนไทน์ ก่อนเก็บ 20 บาทตลอดสาย
ข่าวอสังหาริมทรัพย์
วันที่ 23 ธันวาคม 2563 - 09:05 น.



“เจ้าท่า” ดีเดย์เรือไฟฟ้า “พระราม 5 – สาทร” ฟรี 2 เดือนถึงวาเลนไทน์ 2564 ก่อนเก็บ 20 บาท 6 เดือน เผย EA ต่อเรือเอง 27 ลำ เสร็จ เม.ย. 2564 เปิดเวลาให้บริการเช้าตรู่ 3 รอบ เย็น 3 รอบ เสาร์-อาทิตย์ แปลงกายเป็นเรือท่องเที่ยว แย้มแผนพัฒนาท่าเรือจ่อ MOU กฟผ.ปั้นท่าเรือพระราม 7/พระราม 5 ปี ปีหน้าลุย “บางโพ-เกียกกาย”

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry เป็นความร่วมมือระหว่างกรมเจ้าท่า และ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) โดยขณะนี้ทาง EA ต่อเรือแล้วเสร็จพร้อมให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 6 ลำ ต้นทุนการต่อเรืออยู่ที่ 40 ล้านบาท/ลำ โดย EA จะทยอยต่อให้ครบ 27 ลำให้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. 2564 นี้


และจะเปิดทดลองให้บริการประชาชนตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 2563 – 14 ก.พ. 2564 หลังจากนั้น จะเก็บค่าโดยสาร 20 บาท/คนตลอดสาย เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งในช่วง 6 เดือนนี้ จะคำนวณต้นทุนและปรับปรุงเพื่อให้เป็นบริการเรือโดยสารเต็มรูปแบบอีกทีหนึ่ง


รูปแบบการให้บริการ วันจันทร์ – ศุกร์ จะให้บริการเป็นเรือโดยสารปกติวิ่งจากท่าเรือพระราม 5 – ท่าเรือสาทร ส่วนในวันเสาร์ – อาทิตย์ จะปรับเรือไฟฟ้าดังกล่าว เป็นเรือท่องเที่ยวแทน โดยจะแวะจอดท่าเรือกรมท่าเจ้า-สะพานพุทธ-วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร-ท่าราชินี-วัดอรุณราชวราราม เป็นต้น

บริหารเช้า-เย็น วันละ 6 รอบ
โดยรอบการให้บริการจะแบ่งเป็นวันละ 6 รอบ รอบเช้า 3 รอบ ได้แก่ 06.15/06.30/06.45 น และรอบเย็นอีก 3 รอบ ได้แก่ 16.00/16.30/16.45 น. โดยเรือทั้ง 6 จะประจำจุดที่ท่าเรือพระราม 5 จำนวน 3 ลำ และท่าเรือสาทรจำนวน 3 ลำ และจะปล่อยเรือพร้อมกัน ส่วนช่วงกลางวัน-บ่าย จะไม่มีเรือทดลอง เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีผู้โดยสารมากนัก แต่หากเปิดจริงวันที่ 15 ก.พ. 2564 จะมีเรือไฟฟ้าให้บริการตลอดวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที/เที่ยว

และจากการที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังปรับปรุงท่าเรือพระนั่งเกล้า ก็คาดว่าอาจจะพิจารณาขยายเส้นทางจากท่าเรือพระราม 5 เป็นท่าเรือพระนั่งเกล้าได้ในต้นปี 2564



จับมือ กฟผ.ปั้นท่า “พระราม 7 – พระราม 5”
นายวิทยากล่าวต่อว่า ส่วนการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ขณะนี้กำลังพัฒนาท่าเรือท่าช้าง ท่าเตียน ท่าเรือวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ท่าเรือราชินี ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือราชวงศ์ และท่าเรือกรมเจ้าท่า และในเร็ว ๆ นี้ จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อพัฒนาท่าเรือร่วมกัน 2 ท่า ประกอบด้วย ท่าเรือพระราม 7 และท่าเรือพระราม 5 โดย กฟผ. จะลงทุนให้ทั้งหมด

ส่วนการพัฒนาท่าเรือของกรมเจ้าท่า (จท.) หลังจากทยอยพัฒนาท่าเรือที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไปแล้ว จะคงเหลือท่าเรือขนาดเล็กอีกประมาณ 10 ท่าที่กรมจะพัฒนาต่อ โดยในปี 2564 จะมีแผนพัฒนาท่าเรือบางโพและท่าเรือเกียกกาย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565
https://www.youtube.com/watch?v=GcVQ_pK1DiU


Last edited by Wisarut on 27/12/2020 1:33 am; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 25/12/2020 11:49 am    Post subject: Reply with quote

สั่งคุมเข้มโควิด "เรือคลองแสนแสบ" ลดความแออัด คนใช้บริการครึ่งแสนต่อวัน
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐออนไลน์
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 เวลา 10:44 น.
เข้มโควิด "เรือแสนแสบ" ผู้โดยสาร 4-5 หมื่นคน/วัน มั่นใจได้
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 เวลา 09.18 น.
“อธิรัฐ” รมช.คมนาคม สั่งคุมเข้มเรือคลองแสนแสบ เพิ่มระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 เน้นย้ำเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการเรือเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการ 40,000-50,000 คนต่อวัน


"อธิรัฐ" รมว.คมนาคม สั่งคุมเข้มเรือโดยสารคลองแสนแสบ เพิ่มระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 เน้นย้ำเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการเรือต้องเคร่งครัด

วันที่ 25 ธันวาคม 2563 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อ "โควิด-19" ภายในประเทศเพิ่มขึ้นมาก และเพื่อเป็นการลดโอกาสการแพร่เชื้อในระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะการให้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบที่มีผู้ใช้บริการกว่า 40,000-50,000 คน/วัน

ดังนั้นตนจึงได้สั่งการด่วนที่สุดให้หน่วยงานกรมเจ้าท่า (จท.) เร่งจัดระเบียบการให้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด ดังนี้


1. ในช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็น เพิ่มเที่ยวเรือเต็มพิกัด จากเดิม 40 ลำ เป็น 60 ลำ มีระยะรอคอย 3-5 นาทีต่อเที่ยว เพื่อลดความแออัด

2. ทำเครื่องหมายจุดยืน/นั่ง บนเรือ บนท่าเรือให้ชัดเจน ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ไม่น้อยกว่า 1 เมตร

3. ให้มีกล้องวงจรปิดเฝ้าดูระยะห่างผู้โดยสาร หากหนาแน่น มีเจ้าหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ทันที

4. ประสานวิทยุ/โทรศัพท์ ควบคุมระหว่างผู้ควบคุมเรือกับพนักงานก่อนถึงท่าปลายทาง เพื่อแจ้งจำนวนผู้โดยสารขึ้นลงเรือในท่าต่อไป กำชับไม่ให้เกินจำนวนที่กำหนด

สำหรับมาตรการเดิมยังคงเคร่งครัดอย่างต่อเนื่อง ผู้โดยสารทุกคนครั้งที่ใช้บริการ หากพบมีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการผิดปกติทางเดินหายใจ รีบแจ้งไปที่สายด่วนกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์หมายเลข 1422 และตรวจสอบให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ใช้บริการ

หากพบผู้โดยสารไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ห้ามเรือออกจากท่าเทียบเรือโดยเด็ดขาด ควบคุมจำนวนผู้โดยสารโดยให้บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินจำนวนตามใบอนุญาตใช้เรือกำหนด

ทั้งนี้ให้กรมเจ้าท่ากำชับ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเรือคลองแสนแสบ ต้องคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด.

"อธิรัฐ"สั่งเรือแสนแสบเพิ่มเที่ยว ใช้ 60 ลำเต็มพิกัด ลดแออัด ช่วงเช้าและเย็น
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 เวลา 10:17 น.


“อธิรัฐ"สั่งเพิ่มเที่ยวเรือแสนแสบเต็มพิกัด เป็น 60 ลำจาก เดิม 40 ลำ ลดแออัดช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็น เผยทั้งวันมีผู้โดยสาร 4-5 หมื่นคน กำชับเว้นระยะห่าง

เพิ่มระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) ภายในประเทศขณะนี้ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันและลดโอกาสการแพร่เชื้อในระบบขนส่งสาธารณะที่มีผู้โดยสารหนาแน่น โดยเฉพาะการให้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบที่มีผู้ใช้บริการกว่า 40,000 - 50,000 คนต่อวัน

ทั้งนี้ ได้สั่งการด่วนที่สุดให้กรมเจ้าท่า (จท.) เร่งจัดระเบียบการให้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบ พร้อมเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนี้

1. ช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็น เพิ่มเที่ยวเรือเต็มพิกัด จากเดิม 40 ลำ เป็น 60 ลำ มีระยะรอคอย 3-5 นาทีต่อเที่ยว เพื่อลดความแออัด

2. ทำเครื่องหมายจุดยืน/นั่ง บนเรือ บนท่าเรือให้ชัดเจน ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) ไม่น้อยกว่า 1 เมตร

3.มีกล้องวงจรปิด เฝ้าดูระยะห่างผู้โดยสาร หากหนาแน่น มีเจ้าหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ทันที

4.ประสานวิทยุ/โทรศัพท์ ควบคุมระหว่างผู้ควบคุมเรือกับพนักงานก่อนถึงท่าปลายทาง เพื่อแจ้งจำนวนผู้โดยสารขึ้นลงเรือในท่าต่อไป กำชับไม่ให้เกินจำนวนที่กำหนด

สำหรับมาตรการเดิมยังคงเคร่งครัดอย่างต่อเนื่องได้แก่ 1)ทำความสะอาดตัวเรือ ท่าเรือ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำทุกวัน 2)จัดวางแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือไว้บนเรือ และท่าเรือ 3)ผู้ปฏิบัติหน้าที่ และพนักงานประจำท่าเรือต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา

4)กำหนดจัดที่นั่งหรือยืนขณะโดยสาร เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม Social distancing โดยเว้นระยะห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัสหรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด 5)วัดอุณหภูมิคนประจำเรือ และผู้โดยสารทุกคนครั้งที่ใช้บริการ หากพบมีไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีอาการผิดปกติทางเดินหายใจ รีบแจ้งไปที่สายด่วนกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์หมายเลข 1422 และตรวจสอบให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ใช้บริการ หากพบผู้โดยสารไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ห้ามเรือออกจากท่าเทียบเรือโดยเด็ดขาด

และ 6)ควบคุมจำนวนผู้โดยสารโดยให้บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินจำนวนตามใบอนุญาตใช้เรือกำหนด

โดย กรมเจ้าท่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้บริการประชาชน ได้แก่ จัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือทั้ง 28 ท่าเรือ ในคลองแสนแสบ ,ตั้งจุดคัดกรองเพื่อวัดอุณหภูมิประชาชนหรือผู้โดยสารบริเวณท่าเทียบเรือ ,จัดวางแอลกอฮอล์หรือเจลล้างมือตั้งประจำจุดคัดกรอง

ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งขณะโดยสารเรือ ,ทำความสะอาด เพื่อฆ่าเชื้อโรคภายในจุดให้บริการผู้โดยสาร ,ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้โดยสารเรือสแกนแอพไทยชนะทุกครั้ง เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนโรค

และ เจ้าหน้าที่พนักงานประจำท่าเรือ ต้องเข้มงวดขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกคนที่ใช้บริการจะต้องสวมใส่หน้ากากก่อนลงเรือทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หากพบไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ห้ามผู้โดยสารลงเรือเด็ดขาด

ทั้งนี้ให้กรมเจ้าท่ากำชับ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเรือคลองแสนแสบ ต้องคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 19/01/2021 10:35 am    Post subject: Reply with quote

ดันแผนแม่บทWater-MAP สนข.เชื่อมโครงข่ายขนส่งทางน้ำ
หน้า โลกธุรกิจ
วันอังคาร ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.

แหล่งข่าวจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)เปิดเผยว่าทาง สนข.ได้เริ่มจัดทำโครงการการศึกษาการจัดทำแผนแม่บททางน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล หรือ Water Map (W-MAP) เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มอบหมายนโยบายให้ สนข. แก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อวางเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ ซึ่งหลังจากศึกษาแผน W-MAP แล้วเสร็จก็จะต้องเสนอแผนฯ เข้าในที่ประชุมคณะกรรมการการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

ในเบื้องต้นพบว่าเอกชนมีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมให้บริการในเส้นทางเดินเรือในโครงข่ายใหม่ๆและขณะนี้อยู่ระหว่างรายละเอียดข้อมูลที่ชัดเจนของทางภาครัฐ ในส่วนของราคาค่าโดยสารใน W-MAP นั้น แต่ยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าวเนื่องจากจะต้องพิจารณาในเรื่องของแผนที่เส้นทางก่อน ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันต้องขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ ด้วยว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน

สำหรับโครงข่ายการเดินทางน้ำ (W-MAP) เกิดจากการเชื่อมต่อแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองจำนวน 32 คลองรวมระยะทาง 476 กิโลเมตร (กม.)ซึ่งปัจจุบันมีการให้บริการเดินเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา, คลองแสนแสบ, คลองผดุงกรุงเกษม, คลองภาษีเจริญ, คลองบางกอกใหญ่ และคลองประเวศบุรีรมย์ รวมระยะทาง รวม 79 กม. จำนวน 119 ท่าเรือ

คมนาคมผุดแผนเดินทางทางน้ำเชื่อมโยงการเดินทางในกทม.

19 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 10:11 น.

19 ม.ค. 2564 แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีคมนาคมได้มอบหมายนโยบายให้ สนข. แก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเพิ่มโครงข่ายการเดินทางทางน้ำเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ทั้งนี้ สนข.จึงได้เริ่มจัดทำโครงการการศึกษาการจัดทำแผนแม่บททางน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล หรือ Water Map (W-MAP) เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ โดยในขณะนี้ อยู่ระหว่างการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อวางเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายใน ส.ค.-ก.ย. 2564


Last edited by Wisarut on 19/01/2021 11:40 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 19/01/2021 10:12 pm    Post subject: Reply with quote

สร้างเสร็จ100% พร้อมอวดโฉมใหม่”ท่าเรือนนทบุรี”

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 17:55 น.

*เร่งติดระบบ"Smart Pier" รับนายกฯเปิดบริการ ผู้โดยสารเกือบ 2 หมื่นคนต่อวันสะดวกสบายขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 21/01/2021 2:25 pm    Post subject: Reply with quote

1 ก.พ.นี้ เปิดใช้ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) จุดเชื่อมต่อท่าเรือข้ามฟาก
พุธที่ 20 มกราคม 2564 เวลา 19.23 น.

ดีเดย์ 1 ก.พ.เปิดท่าเรือหวั่งหลี ฟื้นประวัติศาสตร์ หนุนท่องเที่ยว-เชื่อมเรือข้ามฟาก
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: พุธที่ 20 มกราคม 2564 เวลา 22:21 น.
ปรับปรุง: พุธที่ 20 มกราคม 2564 เวลา 22:21 น.



1 ก.พ.นี้ เปิดใช้ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) จุดเชื่อมต่อท่าเรือข้ามฟาก เป็นของขวัญให้ประชาชนช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมสนับสนุนท่องเที่ยวทางน้ำย่านฝั่งธนฯ กับชุมชนย่านตลาดน้อย


กรมเจ้าท่าจับมือล้ง 1919 เปิดใช้ “ท่าเรือหวั่งหลี” 1 ก.พ.นี้ จุดเชื่อมต่อท่าเรือข้ามฟาก หนุนท่องเที่ยว ฝั่งธนบุรีกับชุมชนย่านตลาดน้อย ย้อนรอยประวัติศาสตร์ คืนชีวิตริมแม่น้ำ เพิ่มความสะดวกเดินทางเชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่า จากการได้ลงพื้นที่ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) เมื่อวันที่ 19 มกราคม เพื่อหารือกับ คุณเอื้ออารี ตรีโสภา รองประธานบริหารบริษัท ซิโนพอร์ท จำกัด ในการเปิดใช้เป็นท่าเรือสำหรับให้บริการเรือโดยสารข้ามฟาก เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนย่านฝั่งธนกับชุมชนย่านตลาดน้อยฝั่งพระนคร โดยใช้ท่าเรือกรมเจ้าท่าเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อระหว่างท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919)-ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือปากคลองสาน ประกอบกับในอนาคตจะเพิ่มจุดเชื่อมต่อท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือภานุรังษี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการสัญจรทางน้ำ และนักท่องเที่ยว คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ นับเป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่กรมเจ้าท่าทำให้กับประชาชน

ท่าเรือล้ง 1919 ฝั่งธนฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย เป็นที่เที่ยวแนว Heritage อีกแห่งที่น่าสนใจมากๆ ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยามในสมัยรัชกาลที่ ๔ ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีน ที่มีการค้าขายสินค้าผ่านการขนส่งทางน้ำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

สำหรับชื่อ “ล้ง” นั้นมาจากชื่อเดิมของสถานที่แห่งนี้ ที่มาชื่อว่า “ฮวย จุ่ง ล้ง” เป็นภาษาจีน เขียนว่า 火 船 廊 หมายถึง “ท่าเรือกลไฟ” ซึ่งทุกวันนี้รู้จักในนามโกดังบ้าน “หวั่งหลี” ตั้งอยู่ ณ สุดถนนเชียงใหม่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับย่านตลาดน้อย-เยาวราช สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2 393 (ค.ศ.1850) โดยพระยาพิศาลศุภผล (ชื่น พิศาลบุตร) ต้นตระกูลพิศาลบุตร ซึ่งเป็นคนจีนที่เกิดบนแผ่นดินสยาม โดยบรรพบุรุษของท่านได้เดินทางจากเมืองจีนมาค้าขายและตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทยตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ โดยท่าเรือนี้มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมพื้นที่อาคาร 6,800 ตารางเมตร

ท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” คือ ท่าเรือกลไฟ เป็นเรือโดยสารหรือบรรทุกสินค้าที่ใช้ฟืนเป็นต้นเชื้อเพลิง มีขนาดใหญ่กว่าเรือไฟ นิยมใช้แล่นในทะเลหรือมหาสมุทร โดยชาวจีนในอดีตนิยมใช้เดินทางทางทะเลเพื่อเข้ามาค้าขายหรือย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่ประเทศไทย และได้มาเทียบท่าเรือขึ้นฝั่งที่ท่าแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งการค้าธุรกิจ โดยตัวอาคารท่าเรือเป็นร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ

ต่อมาเมื่อการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เข้ามามีบทบาทในการค้ากับต่างชาติมากขึ้น ท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ค่อยๆ ลดบทบาทลง ในปี พ.ศ. 2462 (ค.ศ.1919) ตระกูล “หวั่งหลี” โดยนายตัน ลิบ บ๊วย จึงได้เข้ารับช่วงเป็นเจ้าของต่อจากตระกูลพิศาลบุตร และได้ปรับท่าเรือดังกล่าวให้กลายเป็นอาคารสำนักงาน และโกดังเก็บสินค้าสำหรับกิจการการค้าด้านการเกษตรของตระกูลหวั่งหลี ที่ขนส่งมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่อยู่อาศัยให้เช่าราคากันเองสำหรับพนักงานของตระกูลหวั่งหลี รวมถึงเก็บรักษาศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว (คลองสาน) ที่ประดิษฐานอยู่คู่กับท่าเรือ ฮวย จุ่ง ล้ง มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน

นายวิทยากล่าวว่า นอกจากนี้ ได้มีการหารือเพื่อจัดหาสถานที่จอดรถบริเวณท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” จำนวน 30 คัน เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ที่พักอาศัยอยู่บริเวณฝั่งธน เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แก้ไขปัญหาการจราจรฝั่งธนบุรี และเพิ่มจุดลดความแออัดในเขตตัวเมืองกรุงเทพฯ พร้อมเชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ อีกทั้งเป็นการเชิญชวนให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ได้มาใช้บริการท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” สถานที่ที่สวยงาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้

โดยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 กรมเจ้าท่าจะมีการจัดงานครบรอบ 1 ปี ของการประดิษฐาน “พระพุทธโลกุตรธรรมประชานาถ” พระพุทธรูปประจำกรมเจ้าท่าโดยมีกิจกรรมทำบุญเลี้ยงพระ มอบเครื่องหมายนำร่องแก่ผู้บริหาร พิธีเปิดอาคารเรือนพระยาวิสูตรสาคร จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ แขกผู้ร่วมงาน และสื่อมวลชน นั่งเรือข้ามฟากมาเที่ยวชมความงามของท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” แห่งนี้อีกด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 27/01/2021 1:05 pm    Post subject: Reply with quote

1 ก.พ. เปิดบริการเรือข้ามฟากเส้นทางประวัติศาสตร์
อังคารที่ 26 มกราคม 2564 เวลา 21.20 น.

1 ก.พ. "เจ้าท่า" เปิดบริการเรือข้ามฟาก ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ เชื่อม 5 ท่าเรือ ท่าน้ำภาณุรังษี -ตลาดน้อย-เจ้าท่า-ปากคลองสาน-ล้ง1919 สัมผัสสถานที่ประวัติศาสตร์ ฝั่งพระนครทะลุฝั่งธนบุรี เป็นของขวัญปีใหม่ตรุษจีน

นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า แม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นแม่น้ำสายหลักที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่อดีต บอกเล่าประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชุมชนที่มีมาแต่วันวานมาจนถึงปัจจุบัน เป็นสายน้ำที่มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตชุมชนริมสองฝั่ง หล่อเลี้ยงผู้คนด้านอุปโภค-บริโภคการเกษตรกรรม และยังเป็นเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ รถ ราง เรือ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งภูมิทัศน์สองฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยามีโบราณสถาน วัดวาอาราม และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ตั้งไว้อย่างสง่างาม สะท้อนคุณค่าสายน้ำแห่งวัฒนธรรมได้อย่างโดดเด่นและควรค่าแก่การรักษา

หากเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะทางเรือ ระหว่างทางจะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมากมาย กรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์เชิงท่องเที่ยว ย่านชุมชนตลาดน้อย นับเป็นศูนย์กลางการเดินทางเพื่อเชื่อมต่อการท่องเที่ยวทางน้ำเพิ่มขึ้น กรมเจ้าท่าได้เห็นความสำคัญต่อสถานที่ทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา




จึงมีแนวคิดเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนย่านฝั่งธนกับชุมชนย่านตลาดน้อยฝั่งพระนคร โดยใช้ท่าเรือกรมเจ้าท่าเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมต่อสถานที่ประวัติศาสตร์ ระหว่างท่าน้ำภาณุรังษี-ตลาดน้อย-กรมเจ้าท่า-ท่าเรือปากคลองสาน-ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) เพื่อเผยแพร่ศูนย์กลางสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เรียนรู้ เข้าใจประวัติศาสตร์อย่างเข้าถึง เข้าใจ พร้อมร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนา โดยเริ่มเปิดให้บริการเรือข้ามฟากเพื่อการท่องเที่ยว ศึกษาสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ นับเป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่มอบให้กับประชาชน

ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ ย่านประวัติศาสตร์ฝั่งพระนคร เริ่มจากท่าเรือ กรมเจ้าท่า มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนกรมเจ้าท่าเคารพนับถือ ได้แก่ พระพุทธโลกุตรธรรมประชานาถ พระพุทธรูปประจำกรมเจ้าท่า ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้โปรดเมตตาประทานพระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐาน ณ เศียรพระพุทธรูป และโปรดประทานนามพระพุทธรูปว่า “(พระ-พุด-ทะ-โล-กุด-ตะ-ระ-ทำ-มะ-ประ-ชา-นาด)” ซึ่งแปลว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งโลกุตรธรรมทรงเป็นที่พึ่งของปวงประชา และศาลเจ้าจ่งเซียนกง สันนิษฐานกันว่าเป็นตุ๊กตาหินแกะสลักที่มากับเรือสำเภาจีนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และมีสภาพแตกหักเสียหายอยู่ใต้น้ำ




อธิบดีกรมเจ้าท่า จึงได้ซ่อมแซมศาลเจ้าใหม่ขึ้นเพื่อให้เกิดความสวยงาม และเป็นที่เคารพนับถือผู้ผ่านไปมา บริเวณย่านชุมชนตลาดน้อยจะพบ ธนาคารไทยพาณิชย์ (แบงก์สยามกัมมาจล) ที่ทำการของธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มก่อตั้งขึ้นในนาม "บุคคลัภย์" โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2447 โบสถ์กาลหว่าร์ หรือ วัดแม่พระลูกประคำ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2434 มีอายุรวมแล้วมากกว่า 100 ปี ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

ชุมชนตลาดน้อย หรือ ตะลัคเกียะ ชุมชนเชื้อสายจีน อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันย่านชุมชนตลาดน้อยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ที่นิยมมาถ่ายรูป ศึกษาประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชุมชน และศิลปะแบบสตรีทอาร์ต ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของ "วัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิม" ท่าน้ำภาณุรังษี มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ อาทิ พิพิธภัณฑ์ชุมชนท่าน้ำภาณุรังษี หรือ สวนศิลป์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ โรงกลึงเก่าย่านชุมชนตลาดน้อย บูรณะขึ้นเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและที่จัดแสดงนิทรรศการริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทัศนียภาพที่สวยงาม และมีความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ต่อเนื่องมาจากย่านเยาวราช ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของกรุงเทพมหานคร และเป็นอีกหนึ่งอู่อารยธรรมที่สะท้อนการตั้งถิ่นฐานในยุคเริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์



ขณะที่ฝั่งธน ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนว Heritage ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีน ที่มีการค้าขายสินค้าผ่านการขนส่งทางน้ำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เชื่อมต่อไปยังท่าเรือปากคลองสาน สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ป้อมป้องปัจจามิตร ป้อมสำคัญที่ใช้ป้องกันข้าศึกตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ใช้ป้อมดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งเสาธงสัญญาณ เพื่อแจ้งข่าวเรือสินค้าเข้าออกและแจ้งข่าวสารการเดินเรือในกิจการกรมเจ้าท่า.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 28/01/2021 6:10 pm    Post subject: Reply with quote

เร่งติดกล้อง-คุมความเร็ว-ปรับปรุงโป๊ะเรือคลองแสนแสบปลอดภัย
พฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2564 เวลา 16.32 น.

"เจ้าท่า" เร่งปรับบริการเรือคลองแสนแสบ เทงบปี 64 ติดกล้อง CCTV เพิ่มปลอดภัย-คลอดประกาศคุมความเร็วเดินเรือ ขอให้ผู้ประกอบการปรับปรุงโป๊ะเทียบเรือสัญจรสะดวก เดินหน้าจ้าง ม.เกษตร ศึกษาใช้เรือไฟฟ้า  

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) พร้อมนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์และฟื้นฟูคลองแสนแสบ ผ่านระบบ Zoom เป็นการประชุมเพื่อทราบถึงคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ 1/2564 ลงวันที่ 24 ม.ค.64  แต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการ ในการกำกับ ติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมกันพัฒนาคลองแสนแสบ พร้อมรับทราบถึงปัญหาอุปสรรค และแนวทางในการแก้ไข ที่มุ่งเน้นพัฒนา ทำความเข้าใจกับประชาชน และการมีส่วนร่วม ซึ่งกรมเจ้าท่าเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการ 



นายวิทยา กล่าวในที่ประชุมฯ ว่า กรมเจ้าท่า มีหน้าที่ในการจัดการ การจราจรทางน้ำให้ปลอดภัย ไร้มลพิษทางเสียงและกลิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ สำหรับการบริหารจัดการท่าเรือคลองแสนแสบ กรมเจ้าท่ามีแผนในการติดตั้งกล้อง CCTV โดยจัดใช้งบประมาณของปี 64 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งได้ออกประกาศควบคุมความเร็วเรือโดยสารในคลองแสนแสบ และประสานผู้ประกอบการ ในการปรับปรุงโป๊ะเทียบเรือให้มีความสะดวกสบายเกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่สัญจรทางน้ำ


สำหรับการพัฒนาเรือโดยสารให้เป็นเรือพลังงานไฟฟ้า ได้มีการว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ศึกษาเรือไฟฟ้าต้นแบบ ก่อนเปลี่ยนจากเรือไม้ที่ใช้น้ำมันดีเซล มาใช้เรืออะลูมิเนียมระบบไฟฟ้าแทน ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้เร่งรัดโครงการเป็นการด่วน การดำเนินการต้องมีความคืบหน้า และทุกอย่างต้องดำเนินการตามแผนงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42624
Location: NECTEC

PostPosted: 29/01/2021 12:34 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
1 ก.พ. เปิดบริการเรือข้ามฟากเส้นทางประวัติศาสตร์
อังคารที่ 26 มกราคม 2564 เวลา 21.20 น.


เชื่อม 4 ท่าเรือริมเจ้าพระยา บูมท่องเที่ยวฝั่งธนฯ-พระนคร
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 29 มกราคม 2564 เวลา 10:19 น.

แม้จะเกิดสถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่ กระจายไปหลายพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่การดำเนินชีวิต ธุรกิจ ยังต้องเดินหน้าต่อ

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจหลัก เมื่อต่างชาติลูกค้าหลักยังเดินทางเข้าประเทศไม่ได้ จำต้องหันมาพึ่งคนในประเทศด้วยกัน ทำให้ผู้ประกอบการพลิกกลเม็ดดึงดูดลูกค้า



ล่าสุด “กรมเจ้าท่า” ผู้คุมท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา จับมือกับ “ล้ง 1919” คืนชีวิตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ไทย-จีน ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้คึกคักรับเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้

“วิทยา ยาม่วง” อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2564 ได้หารือกับผู้บริหารบริษัท ซิโนพอร์ท จำกัด ในการเปิดใช้เป็นท่าเรือสำหรับให้บริการเรือโดยสารข้ามฟาก เพื่อเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนย่านฝั่งธนกับชุมชนย่านตลาดน้อยฝั่งพระนคร


โดยใช้ท่าเรือกรมเจ้าท่าเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ ระหว่าง 4 ท่าเรือ ประกอบด้วย ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919)-ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือปากคลองสาน และในอนาคตจะเพิ่มจุดเชื่อมต่อท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือภาณุรังษี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการสัญจรทางน้ำ และนักท่องเที่ยวจะเปิดบริการวันที่ 1 ก.พ. 2564 นี้ และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน




สำหรับท่าเรือล้ง 1919 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย เป็นที่เที่ยวแนว heritage อีกแห่งที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีน ที่มีการค้าขายสินค้าผ่านการขนส่งทางน้ำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ยังหารือจัดหาสถานที่จอดรถบริเวณท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” จำนวน 30 คัน เป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ที่พักอาศัยอยู่บริเวณฝั่งธนบุรี เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แก้ไขปัญหาการจราจรและเพิ่มจุดลดความแออัดในเขตตัวเมืองกรุงเทพฯ พร้อมเชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 11, 12, 13 ... 24, 25, 26  Next
Page 12 of 26

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©