RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311286
ทั่วไป:13268359
ทั้งหมด:13579645
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - เรือคลองผดุงกรุงเกษม Feeder รถไฟ และ รถไฟฟ้าอย่างใหม่
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

เรือคลองผดุงกรุงเกษม Feeder รถไฟ และ รถไฟฟ้าอย่างใหม่
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 18, 19, 20 ... 24, 25, 26  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/12/2021 7:06 am    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:

เรือไฟฟ้าเพิ่มเส้นทาง “พระราม 7-ปิ่นเกล้า-สาทร” 20 บาทตลอดสาย
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 7 ธันวาคม 2564 เวลา 13:34 น.
Click on the image for full size

3 รูทเรือไฟฟ้าเจ้าพระยา ขนส่งทางเลือกแก้รถติด
กรุงเทพธุรกิจ 12 ธ.ค. 2564 เวลา 9:00 น.

คมนาคมดันบริการเรือโดยสารไฟฟ้าแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดตัว 3 เส้นทาง ขนผู้โดยสารเข้าใจกลางกรุงเทพ เชื่อมรถไฟฟ้า 4 จุด มั่นใจเป็นระบบส่งทางเลือก แก้ปัญหารถติด

กลับมาเปิดให้บริการแล้ว สำหรับเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry “Urban line พระนั่งเกล้า-สาทร" โดยเป็นอีกหนึ่งขนส่งสาธารณะทางเลือกในการเดินทางเข้าใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่เกิดจากความร่วมมือกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กับ บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) พัฒนาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ผลิตด้วยฝีมือคนไทย เป็นเรือโดยสารไฟฟ้าลำแรกของประเทศไทย

ความโดดเด่นของเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าลำนี้ ไม่เพียงแต่เป็นขนส่งทางเลือกที่ให้บริการแก่ประชาชนในด้านความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย แต่ยังเป็นระบบขนส่งที่ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังตอบรับเทรนด์สังคมยุคใหม่ ไร้เงินสด ลดการสัมผัส ผู้โดยสารสามารถชำระค่าโดยสารด้วยบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรที่มีสัญลักษณ์ Contactless หรือบัตร HOP


สำหรับเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry “Urban line” ในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันเปิดให้บริการใน

เส้นทางท่าเรือพระนั่งเกล้า-ท่าเรือสาทร โดยมีตารางการเดินเรือ แบ่งเป็น

วันจันทร์ – วันศุกร์

ท่าเรือพระนั่งเกล้า

06.15 น. - 07.45 น.

ท่าเรือสาทร

15.55 น. - 18.00 น.

วันเสาร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ท่าเรือพระนั่งเกล้า

07.25 น. - 12.10 น.

ท่าเรือสาทร

13.20 น. - 18.20 น.

วันอาทิตย์

ท่าเรือพระนั่งเกล้า

07.50 น. - 10.50 น.

ท่าเรือสาทร

15.00 น. - 18.00 น.

3 รูทเรือไฟฟ้าเจ้าพระยา ขนส่งทางเลือกแก้รถติด

Click on the image for full size

นอกจากนี้ เรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry จะเพิ่มบริการตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป ให้บริการเพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ
    เส้นทาง “Metro Line” จากท่าเรือพระราม 7 - ท่าเรือสาทร
    เส้นทาง “City Line” จากท่าเรือปิ่นเกล้า - ท่าเรือสาทร

โดยเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายไปถึงสิ้นปี 2564 หลังจากนั้นในเดือนม.ค. 2565 Metro Line จะปรับเป็น 25 บาทตลอดสาย ส่วน City Line 20 บาทตลอดสาย

โดยมีตารางเดินเรือ แบ่งเป็น

เส้นทางที่ให้บริการ Metro Line
วันจันทร์ - วันศุกร์ (12 เที่ยว/วัน)

06.05 น. – 17.45 น.

วันเสาร์ – วันหยุดนักขัตฤกษ์ (18 เที่ยว/วัน)

07.30 น. - 18.45 น.

วันอาทิตย์ (18 เที่ยว/วัน)

07.30 น. - 18.45 น.



เส้นทางที่ให้บริการ City Line
วันจันทร์ - วันศุกร์ (36 เที่ยว/วัน)

07.00 น. – 18.05 น.

วันเสาร์ – วันหยุดนักขัตฤกษ์ (36 เที่ยว/วัน)

07.00 น. - 18.05 น.

วันอาทิตย์ (36 เที่ยว/วัน)

07.00 น. - 18.05 น.

โดยปัจจุบันท่าเรือโดยสารมีจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้ากับท่าเรือ 4 จุด ได้แก่
    สายสีม่วงเชื่อมที่ท่าเรือพระนั่งเกล้า
    สายสีน้ำเงินเชื่อมกับท่าเรือบางโพ และท่าเรือราชินี
    สายสีเขียวเชื่อมที่ท่าเรือสาทร
    สายสีส้มจะเชื่อมได้ที่ท่าเรือศิริราชและท่าราชวงศ์

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า หากดูการเติบโตของผู้ใช้บริการท่าเรือสาทร เดิมมีประมาณ 1,000 คนต่อวัน แต่เมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผู้ใช้บริการเพิ่มเป็นกว่า 20,000 คนต่อวัน เชื่อว่าการคมนาคมทางน้ำ เรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry ในแม่น้ำเจ้าพระยา จะช่วยกระจายประชาชนเชื่อมกับรถไฟฟ้าได้ตลอดแนว

นอกจากนี้ในปี 2565 ผู้ให้บริการมีแผนต่อเรือโดยสารไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มอีก 15 ลำ เป็นเรือขนาดเล็ก รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 150 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปี 2565 เป็นเรือที่สามารถลอดสะพานได้ในช่วงที่แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง จะทำให้สามารถให้บริการได้ตลอดทั้งปี เป็นการส่งเสริมการเดินทางทางน้ำและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 20/12/2021 11:59 am    Post subject: Reply with quote

GPSC เซ็น MOU “เรือด่วนเจ้าพระยา” โครงการพัฒนาต้นแบบแบตเตอรี่เรือ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.26 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.26 น.

GPSC จับมือเรือด่วนเจ้าพระยา ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการพัฒนาต้นแบบแบตเตอรี่เรือโดยสารไฟฟ้าครั้งแรกของประเทศไทย เผยขณะนี้อยู่ในขั้นออกแบบนำมาใช้ในเรือไฟฟ้า รุ่น Water Limousine

นางสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานกรรมการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือกับ นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในพิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการพัฒนาต้นแบบแบตเตอรี่ และระบบขับเคลื่อนเรือโดยสารไฟฟ้า” เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดี ด้านปลอดภัย กรมเจ้าท่า เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นาวาตรี เจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด และนายลักษณะปรีชา ครุฑขุนทด ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส นวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงาน GPSC และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยานความร่วมมือในครั้งนี้

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีด้านปลอดภัย กรมเจ้าท่า กล่าวว่า ที่ผ่านมามีโครงการการดำเนินงานพัฒนายานพาหนะด้วยพลังงานไฟฟ้าหลากหลายโครงการ ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเทคโนโลยีด้านพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้กับตัวเรือและท่าเรือ ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการพัฒนาต้นแบบแบตเตอรี่เรือโดยสารไฟฟ้าที่ร่วมมือระหว่างบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กับ GPSC นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตอบโจทย์การลดใช้เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ และมองเห็นผลที่จะสามารถพัฒนาไปยังโครงการต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งในการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้แทน สอดรับกับแผนการพัฒนาประเทศ ลดปัญหาการจราจรทางบก ลดมลภาวะให้เกิดการขับเคลื่อนส่งเสริมนำเรือพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในระบบการคมนาคมขนส่งทางน้ำอย่างเต็มรูปแบบและเป็นรูปธรรมต่อไป

นางสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานกรรมการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ให้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา กล่าวว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด หนึ่งในบริษัทในกลุ่มสุภัทรามีนโยบายส่งเสริมการลดใช้เชื้อเพลิงน้ำมันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการลดมลภาวะทางอากาศและเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการพัฒนาเรือโดยสารไฟฟ้าจึงเป็นเป้าหมายหลักที่กลุ่มบริษัทฯ ต้องการที่จะพัฒนาและปรับรูปแบบมาใช้เรือโดยสารไฟฟ้าในการให้บริการมากขึ้น ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือกับ GPSC นับเป็นก้าวสำคัญที่บริษัทฯิ จะได้เริ่มต้นพัฒนาเรือโดยสารไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยการพัฒนาครั้งนี้จะใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ศึกษาโดย GPSC เป็นแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพซึ่งผลิตในประเทศไทย นำมาประกอบเป็นส่วนหนึ่งในเรือไฟฟ้า รุ่น Water Limousine ของเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างการออกแบบ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนขยายผลไปสู่เรือโดยสารไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของเรือด่วนเจ้าพระยา และในกลุ่มสุภัทรา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย

ด้าน นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการมุ่งมั่นลดมลภาวะทางอากาศและทางเสียงเพื่อเสริมสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับแม่น้ำเจ้าพระยาและชุมชนทางน้ำของประเทศไทย ผ่านการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ากับผู้ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการระบบขนส่งมวลชนทางน้ำของไทย บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อพัฒนาเรื่องไฟฟ้าสำหรับใช้งานเชิงพาณิชย์ในแม่น้ำเจ้าพระยาและช่องทางการสัญจรทางน้ำต่างๆ ในประเทศไทย


X


ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมกันนี้ จึงนำมาสู่ความร่วมมือใน “โครงการพัฒนาต้นแบบชุดแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนเรือโดยสารไฟฟ้า” ระหว่าง GPSC กับ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อนำ “G-Cell” แบตเตอรี่ลิเทียมฯ ที่มีความปลอดภัยและมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาใช้งานกับเรือและบริการที่มีคุณภาพจากกลุ่มสุภัทรา เพื่อเริ่มต้นทดลองให้บริการแก่ผู้โดยสาร โดยเริ่มจากรุ่นแรก Water Limousine ก่อนที่จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือเชิงพาณิชย์ในรุ่นต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ SemiSolid ของ GPSC และ 24M ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการระดับโลกอย่าง Volkswagen, Kyocera, AXXIVA และ่ Freyr้ ในการนำมาผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมฯ จึงมั่นใจได้ว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่ง Milestone ที่สำคัญในการนำนวัตกรรมระบบกักเก็บพลังงานที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานในรูปแบบใหม่เพื่อสนับสนุนนโยบายด้านพลังงานของประเทศในการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั้งในระดับอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง หน่วยงานรัฐ และเอกชน อาคาร สำนักงาน ฯลฯ ต่อไป
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 20/12/2021 4:48 pm    Post subject: Reply with quote

เรือไฟฟ้าพร้อม Solar Cell ขนาด 40 ที่นั่งของ กทม. จำนวน 12 ลำ

ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร จำนวน 12 ท่าเรือ เริ่มจาก ท่าเรือสำนักงานเขตมีนบุรี - ท่าเรือวัดศรีบุญเรือง

ความเร็วสูงสุด 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่จะใช้ความเร็วในการให้บริการ 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หลังจากเปิดทดลองให้บริการฟรี 2-3 เดือน จะเปิดให้บริการจริงได้ช่วง มีนาคม 2565

ค่าบริการ 15 บาทตลอดสาย

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=451497436344114&id=100044515832859&m_entstream_source=timeline

อวดโฉมเรือไฟฟ้าสายใหม่”วัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีน”
*กทม.ให้บริการ ก.พ. ปีหน้าโปรฯฟรี 3 เดือน
*10.5 กม.12 ท่าค่าโดยสาร15บาทตลอดสาย
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3072479572973540
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 21/12/2021 8:08 pm    Post subject: Reply with quote

สนข.เปิดแผนพัฒนาเดินทางน้ำเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพิ่ม 14 เส้นทาง
หน้าเศรษฐกิจคมนาคม
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันจันทร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15:21 น.
สนข.สรุปแผนแม่บทเรือโดยสารผุด 14 เส้นทาง ลงทุน 5.4 พันล้านสร้างท่าเรือใหม่ใช้เรือไฟฟ้าบริการ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 17:16 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 17:16 น.

ดันแผนขนส่งทางน้ำกทม. สนข.เล็งเปิดเดินเรือเพิ่มอีก14สาย
วันอังคาร ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 06.00 น.

Click on the image for full size

สนข.สรุปแผนแม่บทเรือโดยสาร (W-MAP) 14 เส้นทาง แบ่ง 3 ระยะ ลงทุนเบื้องต้น 5.4 พันล้านบาท เตรียมชง คจร. ม.ค. 65 ลุยเฟสแรก 5 เส้นทาง ตั้งเป้าขยายเส้นทางจาก 5 เส้นทางในปัจจุบัน เป็น 14 เส้นทางเชื่อมต่อ "ล้อ-ราง-เรือ" 45 จุด รองรับ 354,000 คน/วัน เตรียมชงคจร.ไฟเขียว มกราคม 2565

นายสุรพงษ์ เมี้ยนมิตร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดบริการขนส่งทางน้ำในคลองอื่น ๆ ที่ขนานกับถนนสายหลัก เพื่อลดปริมาณการจราจรบนถนน โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาเส้นทางทางน้ำและจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น เพื่อเป็นระบบขนส่งเสริม และทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชน หลังจากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อผลักดันแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำไปสู่การปฏิบัติต่อไป


ส่วนผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ (W-MAP) จะเพิ่มความยาวโครงข่ายการเดินทางทางน้ำ จาก 77 กิโลเมตรในปัจจุบัน เป็น 285 กิโลเมตรในอนาคต จำนวนเส้นทางเดินเรือ เพิ่มขึ้นจาก 5 เส้นทางในปัจจุบัน เป็น 14 เส้นทางเชื่อมต่อ "ล้อ-ราง-เรือ" 45 จุดในอนาคต มูลค่าการลงทุนในเบื้องต้น 5,472.60 ล้านบาท จำนวนท่าเรือ เพิ่มขึ้นจาก 118 ท่า ในปัจจุบัน เป็น 277 ท่า ในอนาคต จำนวนจุดเชื่อมต่อ ล้อ-ราง-เรือ เพิ่มขึ้น เป็น 45 จุด ในอนาคต และปริมาณผู้โดยสารทางน้ำ เพิ่มขึ้นจาก 193,000 คนต่อวัน เป็น 354,000 คนต่อวัน ในอนาคต เตรียมชงคจร.ไฟเขียว มกราคม 2565


ประกอบด้วย ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2565-2570) จำนวน 5 เส้นทาง มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 4,123.80 ล้านบาท ได้แก่

S1: เส้นทางเดินเรือในคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงวัดศรีบุญเรืองถึงถนนสุวินทวงศ์ ระยะทาง 12 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ กทม. ได้เริ่มทดลองแล้ว จาก วัดศรีบุญเรือง ไป ที่ว่าการเขตมีนบุรี ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร ขาดอีก 1.5 กิโลเมตรจะไปถึงสุวินทวงศ์
และเส้นทางเดินเรือในคลองบางลำพู ช่วงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถึงป้อมพระสุเมรุ ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ที่แม้จะมีการเดินเรือบ้างแต่ไม่มีการเดินเรือประจำ

S2 : เส้นทางเดินเรือในคลองขุดมหาสวัสดิ์ ช่วงประตูน้ำมหาสวัสดิ์ถึงวัดชัยพฤกษมาลา ระยะทาง 28 กิโลเมตร
S3 : เส้นทางเดินเรือในคลองบางกอกน้อย ช่วงวัดชะลอถึงศิริราช ระยะทาง 7.1 กิโลเมตร
S4 : เส้นทางเดินเรือในคลองลาดพร้าว ช่วงสายไหมถึงพระโขนง ระยะทาง 25.7 กิโลเมตร เป็นการฟื้นฟูการเดินเรือ ในคลองลาดพร้าวที่เลิกรากันไป เมื่อปี 2540
S5 : เส้นทางเดินเรือในคลองเปรมประชากร ช่วงวัดรังสิตถึงบางซื่อ ระยะทาง 20.5 กิโลเมตร เป็นการฟื้นฟูการเดินเรือ ในคลองเปรมประชาการที่เลิกรากันไป เมื่อปี 2540 แต่อาจโดนชะลอ เพราะทางขนานกะรถไฟฟ้าสายสีแดง ไม่สมควรที่ จะ แข่งขันโดยไม่จำเป็น ให้แก้ไข เป็น ระบบ Feeder ตามคลองเปรมประชากรต่อกะคลองอื่นๆ จะเหมาะสมกว่า

ทั้งนี้ ในการศึกษาพบว่า แผนระยะเร่งด่วน 5 เส้นทาง รวม 95 กม. ต้องพัฒนาปรับปรุงท่าเรือเดิมและสร้างท่าเรือใหม่ 100 ท่าเรือ ขุดลอกระยะทาง 118 กม. ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งคลองเปรมประชากร ระยะทาง 13 กม. จัดซื้อเรือไฟฟ้าเพื่อเดินเรือจำนวน 39 ลำ, แผนระยะกลาง 5 เส้นทาง รวม 80 กม.ต้องพัฒนาปรับปรุงท่าเรือเดิมและสร้างท่าเรือใหม่ 40 ท่าเรือ ขุดลอกระยะทาง 63.8 กม. จัดซื้อเรือไฟฟ้าเพื่อเดินเรือจำนวน 38 ลำ, แผนระยะยาว 4 เส้นทาง รวม 33 กม. ต้องพัฒนาปรับปรุงท่าเรือเดิมและสร้างท่าเรือใหม่ 33 ท่าเรือ

ระยะกลาง (พ.ศ. 2571-2575) จำนวน 5 เส้นทาง มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 946.50 ล้านบาท ได้แก่
M1 : เส้นทางเดินเรือในคลองประเวศบุรีรมย์ส่วนต่อขยาย ช่วงตลาดเอี่ยมสมบัติถึงวัดสังฆราชา ระยะทาง 21.4 กิโลเมตร
M2 : เส้นทางเดินเรือในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ช่วงตลาดรังสิตถึงโลตัสคลอง 7 ระยะทาง 18 กิโลเมตร - งานนี้ยังมีปัญหากับกรมชลประทานในการควบคุมระดับน้ำไม่ให้แห้งขอดทุกฤดูแล้ง ต้องหาทางแก้ไขในเรื่องนี้ก่อน และ ควรเดินเรือสถานีรังสิต จะเป็นการเหมาะสมกว่า

M3 : เส้นทางเดินเรือในคลองลาดพร้าวส่วนต่อขยาย (คลองสอง) ช่วงถนนสายไหม-คูคต ถึงประตูน้ำคลองสอง ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร งานนี้ได้ไล่รื้อสลัมริมคลองสองแน่นอน

M4 : เส้นทางเดินเรือในคลองภาษีเจริญส่วนต่อขยาย ช่วงถนนเพชรเกษม 69 ถึงประตูน้ำกระทุ่มแบน ระยะทาง 16.5 กิโลเมตร - ถ้า กทม. ทำ น่ากลัว จะกุดที่วัดหนองแขม เพราะ สุดเขตกรุงเทพที่นั่น

M5 : เส้นทางเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนต่อขยาย ช่วงปากเกร็ดถึงที่ว่าการอำเภอเมืองจังหวัดปทุมธานี ระยะทาง 15 กิโลเมตร น่าจะไปถึง สถานีสะพานพระนั่งเกล้าจะเป็นประโยชน์มากกว่า


ระยะยาว (พ.ศ. 2576-2585) จำนวน 4 เส้นทาง มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 402.30 ล้านบาท ได้แก่
L1 : เส้นทางเดินเรือในคลองอ้อมนนท์ ช่วงวัดโตนดถึงแยกคลองบางกรวย ระยะทาง 18.3 กิโลเมตร => ยังไม่มีประโยชน์ถ้าไม่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด หรือไม่ก็ท่าเรือด่วนเจ่าพระยา
L2 : เส้นทางเดินเรือในคลองบางกอกใหญ่ ช่วงแยกคลองบางขุนศรีถึงวัดกัลยาณมิตร ระยะทาง 6.2 กิโลเมตร => ยังไม่มีประโยชน์ถ้าไม่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด หรือไม่ก็ท่าเรือด่วนเจ่าพระยา
L3 : เส้นทางเดินเรือในคลองมอญ ช่วงถนนอรุณอัมรินทร์ถึงแยกคลองบางขุนศรี ระยะทาง 3 กิโลเมตร => ยังไม่มีประโยชน์ถ้าไม่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด หรือไม่ก็ท่าเรือด่วนเจ่าพระยา
L4 : เส้นทางเดินเรือในคลองชักพระ ช่วงถนนบางขุนนนท์ถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ 25 ระยะทาง 5.2 กิโลเมตร ถ้าเชื่อมกับสำนักงานเขตตลิ่งชัน และ สถานีรถไฟบางระมาด จะเป็นประโยชน์มาก เพราะ จะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงตรงนั้นและยังติดตลาดน้ำตลื่งชันด้วย


ทั้งนี้ ในการพัฒนาระบบการเดินทางทางน้ำนั้น จะต้องปรับปรุงสภาพทางกายภาพของคลอง เช่น การขุดลอกคลอง การจัดทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง การปรับปรุงท่าเรือเดิม และก่อสร้างท่าเรือใหม่เพิ่มเติม การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ และการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มความสะดวกและเป็นทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการบูรณาการแผนร่วมกัน ได้แก่ กรมเจ้าท่า กทม. กรมชลประทาน ส่วนท้องถิ่น เป็นต้น

ส่วนการเดินเรือ ตามแนวยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมมุ่งเน้นการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัย (GREEN TRANSPORT) และเน้นการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือก เช่น การใช้เรือไฟฟ้า เป็นต้น และเพื่อส่งเสริมการลงทุนในภาคเอกชนให้ร่วมพัฒนาการขนส่งทางน้ำ จะมีการพิจารณาออกกฎระเบียบเพื่อรองรับการนำเรือโดยสารที่ใช้ให้บริการในแม่น้ำลำคลองมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในการขอสินเชื่อจากธนาคาร รวมถึงศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการและสอดคล้องกับภาระต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการ


ทั้งนี้ในการดำเนินการตามแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงสภาพทางกายภาพของคลอง เช่น การขุดลอกคลอง การจัดทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง การปรับปรุงท่าเรือ การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ และการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มความสะดวกและเป็นทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชน ส่วนการเดินเรือ ตามแนวยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมมุ่งเน้นการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัย (GREEN TRANSPORT) และเน้นการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือก เช่น การใช้เรือไฟฟ้า เป็นต้น


Last edited by Wisarut on 26/12/2021 9:56 am; edited 5 times in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 23/12/2021 2:44 pm    Post subject: Reply with quote

กทม.เปิดตัวเรือโดยสารไฟฟ้าคลองแสนแสบ ช่วงวัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีน เตรียมเปิดบริการเดือน ม.ค. 65 โดยจะเปิดเฉพาะวันธรรมดาก่อน ตั้งแต่เวลา 05.30 -20.30 น. พอเดือน ก.พ. 65 จะเปิดวันหยุดด้วย เวลา 06.00-19.00 น. ช่วง 2-3 เดือนแรกนั่งฟรี หลังจากนั้นจะเก็บค่าโดยสารา 15 บาทตลอดสาย 😘
มีทั้งหมด 12 ท่า ได้แก่
1.ท่าเรือวัดศรีบุญเรือง
2.ท่าเรือห้างพาซิโอ
3.ท่าเรือโรงเรียนพร้อมมิตรพิทยา
4.ท่าเรือเสรีไทย 26
5.ท่าเรือคลองระหัส
6.ท่าเรือหมู่บ้านร่มไทร
7.ท่าเรือสุเหร่าแดง
8.ท่าเรือชุมชนหลอแหลใหญ่
9-10 ท่าเรือที่ใช้เปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารบริเวณประตูน้ำบางชัน (ต้องเดินอ้อมทดไปต่อเรืออีกลำ)
11.ท่าเรือตลาดมีนบุรี
12.ท่าเรือสำนักงานเขตมีนบุรี
เมื่อ 2-3 ปีก่อน เคยเปิดเดินเรือเส้นนี้แล้วหนนึง ได้ไม่ถึงปีก็ปิดตัวไป มาเปิดตัวใหม่เป็นเรือไฟฟ้า 😅
https://www.facebook.com/thisisnongchok/posts/3020967868162715
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44599
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 03/01/2022 7:36 am    Post subject: Reply with quote

เสนอยกเลิกเดินเรือคลองภาษีฯเหตุคนน้อย จ่อเปิดวิ่งคลองแสนแสบไปถึงมีนบุรีมี.ค.นี้
แนวหน้า วันจันทร์ ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการพัฒนาระบบขนส่งทางน้ำของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันให้บริการเดินเรือด้วยเรือไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่คลองผดุงกรุงเกษมมีผู้โดยสารใช้บริการปกติ ส่วนการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้บริหารจัดการเดินเรือได้เสนอขอให้ยกเลิกการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ ด้วยเหตุไม่มีจุดจอดศูนย์ซ่อมบำรุงและเติมน้ำมัน เนื่องจากมีการใช้พื้นที่ดังกล่าวในการก่อสร้างเขื่อนของกรุงเทพมหานคร จึงต้องหาพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงใหม่ โดยจะหยุดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ประกอบกับ ยอดผู้ใช้บริการลดลงมาก จากเดิมวันละ 20,000 คน เหลือเพียงประมาณ 2,000 คน/วัน อาจเนื่องจากในพื้นที่มีรถไฟฟ้าเปิดวิ่งให้บริการ 2 สายทำให้ยอดผู้โดยสารเรือคลองภาษีเจริญลดน้อยลงมาก ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งกรุงเทพมหานครได้ให้ไปสำรวจทำรายละเอียด เพราะเป็นการบริการประชาชน แม้จะมีคนใช้น้อยก็ยังต้องให้บริการ แต่หากจะยกเลิกก็ต้องมีเหตุผลชัดเจน เพื่อนำเสนอผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพิจารณาตัดสินใจต่อไป

สำหรับการเดินเรือในคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานครดำเนินการในส่วนต่อขยาย ช่วงตั้งแต่ท่าเรือวัดศรีบุญเรืองถึงท่าเรือสำนักงานเขตมีนบุรีเพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อจนถึงมีนบุรีได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยให้บริการด้วยเรือโดยสารไฟฟ้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดการเดินเรือตั้งแต่ท่าเรือวัดศรีบุญเรือง ถึงท่าเรือสำนักงานเขตมีนบุรี รวม 12 ท่า ระยะทางประมาณ 10.50 กม. โดยสำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) ได้ก่อสร้างท่าเทียบเรือใหม่8 ท่า รวมกับปรับปรุงท่าเทียบเรือเดิม4 ท่า พร้อมจัดหาเรือโดยสารไฟฟ้า รวม 12 ลำ พร้อมให้บริการ อยู่ในขั้นตอนหาผู้รับจ้างบริหารจัดการเดินเรือ คาดจะเปิดวิ่งให้บริการได้เดือนมีนาคม 2565 ช่วง 2 เดือนแรกจะเป็นการทดลองให้บริการฟรี จากนั้นเก็บค่าโดยสารอัตรา 15 บาทตลอดสาย

รองผู้ว่าฯ สกลธี กล่าวอีกว่านอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเดินเรือโดยสารไฟฟ้าในคลองแสนแสบทั้งหมดด้วยโดยในส่วนที่เอกชนเดินเรือคลองแสนแสบจากสะพานผ่านฟ้าฯ ถึงวัดศรีบุญเรือง เป็นเรือใช้เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ดีเซลก็มีแนวคิดที่จะปรับให้เป็นเรือไฟฟ้า โดยให้ สจส.ไปทำแผนสำรวจศึกษาจัดการเดินเรือโดยสารไฟฟ้า เส้นทางรวม 18 กม. ท่าเทียบเรือของเอกชนที่วิ่งให้บริการอยู่ 28 ท่า ให้สำรวจท่าที่สำคัญๆ ที่ประชาชนจำเป็นใช้เดินทางหรือมีผู้ใช้จำนวนมาก ว่ามีกี่ท่าที่มีความเหมาะสม เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือใหม่ และวางแผนวิ่งให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าของกรุงเทพมหานครให้ต่อเนื่องเชื่อมจากท่าวัดศรีบุญเรืองไปจนถึงท่าผ่านฟ้า โดยจะวิ่งควบคู่ไปกับเรือของเอกชน เป็นทางเลือกให้ประชาชนในการใช้บริการเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 04/01/2022 8:02 pm    Post subject: Reply with quote

ท่าเรือ #ท่าช้าง หลังปรับปรุงใหญ่ และอนาคตระบบขนส่งทางน้ำใน #แม่น้ำเจ้าพระยา
โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure
วันอังคาร ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 19.51 น.

พอดีปีใหม่นี้ไปไหว้พระฉลองปีใหม่ที่วัดระฆังมา เลยถือโอกาสพาคุณแม่นั่งเรือข้ามฟาก มาท่าเรือท่าช้าง ซึ่งพึ่งมีการปรับปรุงใหม่ล่าสุด ซึ่งปัจจุบันเสร็จเรียบร้อยแล้วรอเปิดให้บริการ
ผมเองก็ไม่ค่อยได้นั่งเรือเที่ยวเท่าไหร่ นานๆนั่งที เลยเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนอย่างนึงเลย คือ ปริมาณเรือโดยสาร บนแม่น้ำเจ้าพระยาเยอะขึ้นมาๆ
แค่เรือไฟฟ้า ของ MINE Smart Ferry อย่างเดียว แค่รอข้ามเรือไม่ถึง 10 นาที มีวิ่งผ่านไปมาบริเวณท่าน้ำวัดระฆังมากกว่า 4 ลำ สวนกันไปมาก
นอกจากนั้น ยังมี Chao Phraya Express Boat - เรือด่วนเจ้าพระยา อย่างธงส้มให้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง และการกลับมาเปิดให้บริการของ #เรือด่วนธงแดง เพื่อเชื่อมโยงรถไฟฟ้าในเมือง หลังจากหยุดให้บริการไปช่วง โควิดรอบที่ 2
ต้องยอมรับเลยว่า ระบบขนส่งมวลชนทางน้ำ มีความพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยฝั่งเอกชน รวมถึงทาง กทม. ซึ่งมีการฟื้นการเดินเรือไฟฟ้าใน #คลองผดุงกรุงเกษม และ #คลองแสนแสบ ช่วงปลายคลองเพิ่มขึ้นมาด้วย

ซึ่งสำหรับชาว #นนทบุเรี่ยน แบบผม ก็ต้องให้ความสำคัญกับ #ท่าเรือพระนั่งเกล้า ที่พึ่งเปิดให้บริการ พร้อมกับการเปิดให้บริการเรือไฟฟ้า Mine Smart Ferry สาย Urban line ซึ่งเริ่มต้นสายที่ท่าเรือพระนั่งเกล้า
ล่าสุดสาย Urban Line นี้ มีการเปิดให้บริการทั้งวันแล้ว!!!
- ชั่วโมงเร่งด่วน 6:00-9:00 และ 17:00-18:00 มีความถี่ 15-30 นาที/ลำ เลยทีเดียว
- นอกชั่วโมงเร่งด่วน 9:00-17:00 มีความถี่ 1 ชั่วโมง/ลำ
ซึ่งก็เพียงพอให้เป็นทางเลือกของผู้โดยสาร!!!
นอกจากนั้นยังมี เรือด่วนธงเขียว จะมีให้บริการที่ท่าเรือพระนั่งเกล้า
- ช่วงเช้า ออกจากพระนั่งเกล้า 6:30-8:05 ขาเข้า ทุก 20 นาที
- ช่วงเย็น มาถึงพระนั่งเกล้า 17:00-18:45 ขาออก ทุก 20 นาที
ซึ่งตอนนี้กลับมาให้บริการเหมือนช่วงก่อนโควิดแล้วครับ
—————————
ใครอยากเปลี่ยนบรรยายมานั่งเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ลองดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง และเพจของผู้ให้บริการทั้ง 2 รายครับ
Note: รู้แต่ว่าเรือข้ามฟาก ของเรือด่วนเจ้าพระยา ต้องย้ายการเดินเรือจากท่าพรานนก ไปท่าท่าช้างเป็น ท่าพรานนกไปท่ามหาราช แล้วครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 10/01/2022 8:45 pm    Post subject: Reply with quote

ตั้งแต่ 14 ม.ค. “เรือแสนแสบ”ขึ้นค่าโดยสาร 1 บาท
* จาก 8-18 บาทตามระยะทางเป็น 9-19 บาท
*เจ้าท่าไฟเขียวโควิดขาดทุนหนัก+น้ำมันแพง
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/3087053874849443

ตรึงต่อไม่ไหว!เรือแสนแสบขึ้นค่าโดยสารระยะ 1 บาท เริ่ม 14 ม.ค. นี้
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 15:24 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 15:24 น.

แบกภาระไม่ไหว! 'เรือด่วนคลองแสนแสบ'ขึ้นค่าโดยสาร 1 บาท เริ่ม 14 ม.ค.
วันจันทร์ ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.18 น.

เรือคลองแสนแสบ ตรึงราคาเดิมต่อไม่ไหว ประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารระยะละ 1 บาท จากท่าวัดศรีบุญเรือง ถึง สะพานผ่านฟ้า เริ่ม 14 ม.ค. นี้ น้ำมันดีเซลพุ่งไม่หยุด ตรึงค่าโดยสารเดิมต่อไม่ไหว

นายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัดผู้ให้บริการเรือโดยสารในคลองแสนแสบ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2565 เป็นต้นไป เรือคลองแสนแสบ จะปรับราคาค่าโดยสารระยะละ1 บาท จาก 8, 10, 12, 14, 16, 18 บาท เป็น 9, 11, 13, 15, 17, 19 บาท เนื่องจากไม่สามารถตรึงราคาค่าโยสารต่อไปได้จากสถานการณ์โรคโควิด- 19 และอัตราน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงขึ้น

นายเชาวลิต กล่าวว่า บริษัท จะมีการปรับราคาค่าโดยสารเดินเรือคลองแสนแสบ จากท่าวัดศรีบุญเรือง ถึง สะพานผ่านฟ้า หลังจากตรึงราคาค่าโดยสาร ตามประกาศที่ได้รับอนุมัติจากกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปี 2563 เป็นเวลาถึง 636 วัน แต่เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้บริษัททไม่สามารถแบกรับภาระได้ไหว จึงมีความจำเป็นต้องปรับค่าโดยสาร ขึ้นระยะละ 1 บาท ซึ่ง บริษัท ได้ติดประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารที่ใช้บริการได้ทราบล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารเรือคอลงแสนแสบประมาณ 9,000 คนต่อวัน เปรียบเทียบก่อนหน้าที่จะมีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่มีปริมาณผู้โดยสารประมาณ 40,000 คนต่อวัน ซึ่งยอมรับว่าระบบการขนส่งทุกประเภทได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด บริษัท จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น การปรับความถี่ในการให้บริการ โดยในช่วงเร่งด่วนเช้า เวลา 05.30 -09.30 น.

ส่วนความถี่ในการเดินเรืออยู่ที่ 5-6 นาทีต่อลำ ช่วงกลางวันผู้โดยสารน้อยจะลดเหลือ20-25 นาทีต่อลำ ส่วนช่วงเร่งด่วนเย็นเวลา 16.00-20.00 น. จะปรับความถี่ขึ้นอยู่ที่ 5-6 นาที ตามเดิม โดยจะให้บริการเดินเรือเที่ยวสุดท้ายจากท่าผ่านฟ้าเวลา 20.00 น. จากท่าประตูน้ำเวลา 20.30 น.

ด้านนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรณีเรือคลองแสนแสบจะขึ้นราคาอีก 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2565 นั้น กรมเจ้าท่า(จท.) ได้ชี้แจง ว่าเดิมในสถานการณ์ปกติ จะมีประกาศคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือเดินประจำทางปี2559 กำหนดให้ค่าโดยสาร สามารถปรับขึ้นลงตามอัตราราคาน้ำมัน ซึ่งในเดือนมีนาคม2563 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 24 บาท และมีอัตราค่าโดยสาร ของเส้นทางคลองแสนแสบเริ่มต้นที่ 8 บาท แต่ด้วยสถานที่มีจำนวนคนโดยสาร ลดลงมากจากสถานการณ์ โควิด-19 เหลือ ร้อยละ 10 ทำให้การเดินเรือประจำทางประสบภาวะขาดทุนหนักมาก และไม่สามารถคงการเดินเรือให้บริการได้


ดังนั้น กรมเจ้าท่าจึงอาศัยอำนาจตาม พรบ.ฉุกเฉิน ออกประกาศ กรมเจ้าท่า ที่ 68/2563 ในการกำหนดราคาค่าโดยสารแบบคงที่ เพื่อให้สามารถผู้ประกอบการเดินเรือรักษาการให้บริการได้ต่อไป โดยให้ใช้อัตราค่าโดยสารที่ระดับราคาน้ำมันเกิน 25 บาทเป็นกรอบในการจัดเก็บ ซึ่งในเส้นทางแสนแสบจะเริ่มต้นที่ 9 บาท

ซึ่งในช่วงนั้น ผู้ประกอบการเดินเรือได้รักษาราคาค่าโดยสารตามประกาศ ยกเว้น บริษัท ครอบครัวขนส่ง ที่เก็บเพียง 8 บาทซึ่งต่ำกว่าราคาที่ประกาศที่ 68/2563 กำหนดไว้ที่ 9 บาท เนื่องจากในขณะนั้น บริษัทครอบครัวขนส่งได้เก็บค่าโดยสารตามหลักเกณฑ์ที่ราคาน้ำมัน ต่ำกว่า 25 บาทและให้ความร่วมมือในการไม่ขึ้นราคา เพื่อช่วยลดภาระผู้โดยสาร

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ราคาน้ำมัน ปรับสูงขึ้นเกินกว่า 25 บาท และตามกรอบราคาค่าโดยสาร ของเรือคลองแสนแสบ สามารถเก็บได้ที่ 9 บาท และเป็นราคาที่สอดคล้องตรงกับประกาศที่ 68/2563 จึงสามารถให้ใช้ราคาเริ่มต้นที่ 9 บาทได้ เพื่อให้ผู้ให้บริการสามารถเดินเรือประจำทางได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ต่อไปครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 11/01/2022 6:04 pm    Post subject: Reply with quote

เจ้าท่าแจงเรือแสนแสบขึ้นราคา 1 บาทได้ตามประกาศ ช่วยตรึง 2 ปีขาดทุน 3-5 ล้านทุกเดือน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16:53 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16:53 น.

กรมเจ้าท่า วอนประชาชนเข้าใจ เรือแสนแสบขึ้นค่าโดยสาร 1 บาท เป็นไปตามประกาศปี 63 เผยเอกชนตรึงราคา กว่า 2 ปี จนขาดทุนอ่วม 3-5 ล้านบาททุกเดือน แบกต่อไม่ไหว ชี้ปรับจาก 8 บาทเป็น 9 บาท เทียบช่วงราคาน้ำมันเกิน 29 บาท/ลิตร ค่าโดยสารเริ่มต้น 11 บาท

วันที่ 11 ม.ค. 2565 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ด้านปลอดภัย เปิดเผยว่า กรณีเรือคลองแสนแสบปรับขึ้นค่าโดยสารระยะละ 1 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2565 นั้น ในเรื่องการกำหนดอัตราค่าโดยสารนั้น ในสถานการณ์ปกติ กรมเจ้าท่า จะมีประกาศคณะกรรมการเรือประจำทาง ปี 2559 กำหนดให้ค่าโดยสาร สามารถปรับขึ้นลงตามอัตราราคาน้ำมันในแต่ละช่วง ซึ่งในเดือนมีนาคม 2563 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 24 บาท/ลิตร จึงกำหนดอัตราค่าโดยสารของเส้นทางคลองแสนแสบ เริ่มต้นที่ 8 บาท แต่ด้วยสถานการณ์ในช่วงโควิด-19 ระบาด รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติงานอยู่ที่บ้านและขอความร่วมมือลดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้ยอดผู้โดยสารเรือคลองแสนแสบ ลดลงอย่างมาก เหลือเพียง 10 % ต่อวัน ทำให้การเดินเรือประจำทางประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักและไม่สามารถเดินเรือได้ตามปกติ

ซึ่งจากกรณีดังกล่าว บริษัทครอบครัวขนส่ง จำกัด ผู้ดูแลการให้บริการเรือคลองแสนแสบ ได้ประสานและขออนุญาตกรมเจ้าท่า ปรับขึ้นราคาจากเดิมเริ่มต้นที่ 8 บาท ปรับเป็นเริ่มต้นที่ 9 บาท ในวันที่ 14 ม.ค. 2565 จึงเป็นไปตามประกาศกรมเจ้าท่าที่ 68/2563 เรื่อง กำหนดอัตราค่าโดยสารเรือกลประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นการเฉพาะและชั่วคราวตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้คิดค่าโดยสารในระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาท/ลิตร

โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ครอบครัวขนส่ง จำกัด ให้ความร่วมมือไม่ปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อช่วยลดภาระของผู้โดยสาร แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเกินกว่าลิตรละ 25 บาท และตามเกณฑ์กรอบอัตราค่าโดยสารที่กรมเจ้าท่าได้กำหนดไว้ จึงสามารถจัดเก็บ ได้ที่ 9 บาท เป็นราคาที่สอดคล้องตรงกับประกาศกรมเจ้าท่าที่ 68/2563

ทั้งนี้ การเก็บค่าบริการเริ่มต้นเพิ่มอีก 1 บาทจะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถเดินเรือประจำทางได้ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ และกรมเจ้าท่าจะพยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากับภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด และหากสถานการณ์ปรับเปลี่ยนหรือราคาน้ำมันปรับลดลง จะให้ผู้ประกอบการปรับลดอัตราค่าโดยสารลง เพื่อให้กระทบกับประชาชนที่เดินทางสัญจรทางน้ำน้อยที่สุด

“ที่ผ่านมา เรือแสนแสบให้ความร่วมมือกับกรมเจ้าท่าและรัฐบาลในการเก็บค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 8 บาท ซึ่งต่ำกว่าประกาศประกาศกรมเจ้าท่าที่ 68/2563 ที่สามารถเก็บได้ 9 บาท หรือคิดค่าโดยสารในระดับราคาน้ำมันที่ 25 บาท/ลิตรเท่านั้น เพื่อช่วยลดภาระประชาชน ตรึงราคามา เป็นเวลากว่า 600 วันแล้ว แต่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันเกิน 29 บาท/ลิตรแล้ว ซึ่งบริษัท ต้องขาดทุน 3-5 ล้านบาท/เดือนมาตลอด เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงจากปกติที่มี 50,000 คน/วัน ตั้งแต่เกิดโควิดผู้โดยสารลดลงอย่างมากเหลือวันละ 1,000-2,000 คน ล่าสุดเริ่มดีขึ้นเฉลี่ยมาอยู่ที่กว่า 9,000 คนแต่ก็ยังลดลงจากปกติ ถึง 5 เท่า ขณะที่ผู้โดยสารเรือโดยสารรวมทั้งระบบเหลืออยู่ประมาณ 20% “

นายภูริพัฒน์กล่าวว่า ตามประกาศตารางช่วงราคาน้ำมัน และการกำหนดอัตราค่าโดยสาร ไว้ 5 ช่วง ดังนี้ 1. น้ำมันดีเซล 17-21 บาท/ลิตร กำหนดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 7-17 บาท ตามระยะทาง 2. น้ำมันดีเซลที่ 21-25 บาท/ลิตร กำหนดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 8-18 บาท ตามระยะทาง 3.น้ำมันดีเซลที่ 25-27 บาท/ลิตร กำหนดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 9-19 บาท ตามระยะทาง 4. น้ำมันดีเซลที่ 27-29 บาท/ลิตร กำหนดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 10-20 บาท ตามระยะทาง 5. น้ำมันดีเซลที่ 29-31 บาท/ลิตร กำหนดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 11-21 บาท ตามระยะทาง

ดังนั้นหากยึดตามประกาศช่วงราคาน้ำมัน สามารถจัดเก็บค่าโดยสารในกรอบตารางช่วงที่ 5 เริ่มต้นที่ 11-21 บาท แต่ตามภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ จึงให้ความร่วมมือเพื่อให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดยกรมเจ้าท่าคาดหวังว่า ราคาน้ำมันดีเซล คงจะไม่เพิ่มขึ้นไปกว่านี้มากนัก และเชื่อว่าทางเอกชนคงเข้าใจในแง่ของการบริการขนส่งสาธารณะที่อาจจะไม่สามารถมีกำไรได้มากนัก โดยกรมเจ้าท่าจะพยายามเจรจากับเอกชนตลอด

สำหรับเรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟาก มีการเก็บค่าโดยสารตามประกาศกรมเจ้าท่าที่ 68/2563 ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเก็บค่าโดยสารในช่วงราคาน้ำมันที่ 25-29 บาท/ลิตร โดยเรือด่วนเจ้าพระยาเก็บค่าโดยสารที่ 9-13 บาทตามระยะทาง ขณะที่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในช่วง 29- 31 บาท ค่าโดยสาร 11-21 บาทตามระยะทาง แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดจึงทำให้เกิดผลกระทบทั้งทำให้จำนวนผู้โดยสารลดลงไปด้วย ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องปรับการให้บริการ เพิ่มความถี่ เพื่อลดความแออัด


อย่างไรก็ตาม ในการกำกับดูแล บริการขนส่งสาธารณะนั้น นอกจากดูแลอัตราค่าโดยสารไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนแล้ว ในแง่ของผู้ประกอบการ จะต้องสามารถให้บริการต่อไปได้ด้วย กรมเจ้าท่าซึ่งเป็นหน่วยงานราชการต้องสร้างความสมดุล ทั้ง 2 ด้าน ตามกฎหมายที่ให้อำนาจ เพื่อความเรียบร้อยและปลอดภัยให้ประชาชน จึงไม่เหมือนหน่วยงานที่กำกับดูแลรถไฟฟ้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจ

“เจ้าท่า” ย้ำเรือแสนแสบให้ขึ้น 1 บาท ส่วนเรืออื่นเก็บราคาเดิม
เศรษฐกิจ-ยานยนต์
วันอังคาร ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:51 น.

“กรมเจ้าท่า” แถลงขึ้นค่าเรือแสนแสบ 1 บาท เริ่ม 9-19 บาทตามระยะทาง หลังตรึงราคามานานกว่า 667 วัน ระบุสามารถขึ้นราคาเริ่มต้นที่ 11-21 บาทด้วยซ้ำ เพราะราคาดีเซลพุ่งกว่า 29 บาทต่อลิตร ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยา-เรือข้ามฟากราคาเดิม


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 ม.ค. ณ กรมเจ้าท่า นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เป็นประธานในการแถลงข่าวชี้แจงกรณีเรือโดยสารคลองแสนแสบปรับอัตราค่าโดยสารขึ้น 1 บาท หรือเริ่มต้นที่ 9 บาท จนถึง 19 บาทตามระยะทาง มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.65 ว่า การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารของเรือแสนแสบครั้งนี้นั้น เนื่องจากเดิมในสถานการณ์ปกติจะมีประกาศคณะกรรมการเรือประจำทาง ปี 2559 กำหนดให้ค่าโดยสาร สามารถปรับขึ้นลงตามอัตราราคาน้ำมัน ซึ่งในเดือน มี.ค.63 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 24 บาท และมีอัตราค่าโดยสาร ของเส้นทางคลองแสนแสบ เริ่มต้นที่ 8 บาท


แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้โดยสารลดลง จากก่อนช่วงโควิด-19 มีผู้โดยสารใช้บริการเรือแสนแสบอยู่ที่ 50,000 คนต่อวัน ปัจจุบันเหลือประมาณ 9,000 คนต่อวัน และช่วงที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงและรัฐบาลมีการประกาศเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์ทำให้ผู้โดยสารลดเหลือวันละ 1,000-2,000 คนต่อวัน


จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้การเดินเรือประจำทางประสบภาวะขาดทุนหนักมาก สำหรับเรือแสนแสนขาดทุน 3-5 ล้านบาทต่อเดือน และไม่สามารถคงการเดินเรือให้บริการได้ รวมทั้งที่ผ่านมามีการปรับแผนเดินเรือในการปรับจำนวนเที่ยวให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร โดยช่วงเร่งด่วนเช้าและเย็นที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น ต้องปรับเที่ยวเรือให้เพียงพอต่อการเดินทาง ขณะที่ช่วงกลางวันการเดินทางน้อย ลดจำนวนเที่ยวลง เพื่อลดต้นทุนในการเดินเรือ.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42724
Location: NECTEC

PostPosted: 24/01/2022 2:13 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
เจ้าท่าแจงเรือแสนแสบขึ้นราคา 1 บาทได้ตามประกาศ ช่วยตรึง 2 ปีขาดทุน 3-5 ล้านทุกเดือน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16:53 น.
ปรับปรุง: วันอังคาร ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16:53 น.


ขึ้นค่าโดยสารยอดนั่ง “เรือแสนแสบ” ไม่ลด
เศรษฐกิจ-ยานยนต์
24 มกราคม 2565 เวลา 10:27 น.

ไม่ลดยอดนั่ง “เรือแสนแสบ” ยังใช้บริการหมื่นคนต่อวันเท่าเดิม หลังปรับขึ้นค่าโดยสาร 9-19 บาท เตรียมถกเรือด่วน-เรือข้ามฟาก เหตุดีเซลพุ่งกว่า 29 บาทต่อลิตรตุ้นทุนเพิ่ม จ่อเข้าพบ “อธิรัฐ” รมช.คมนาคม หาทางออกช่วยผู้ประกอบการ


นายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเดินเรือโดยสารคลองแสนแสบเส้นทางวัดศรีบุญเรือง-สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เปิดเผยว่า หลังจากที่เรือคลองแสนแสบได้ปรับขึ้นค่าโดยสารในราคา 9-19 บาทตามระยะทาง หรือปรับเพิ่มขึ้นระยะละ 1 บาท จากเดิมเก็บราคาที่ 8-18 บาทตามระยะทาง เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันพบว่า ผู้โดยสารรับทราบข้อมูลในการปรับขึ้นราคา และยังใช้บริการเหมือนเดิมปัจจุบันอยู่ที่ 10,000 คนต่อวัน ในจำนวนเรือที่ให้บริการประมาณ 40 ลำ จากที่มีเรือทั้งหมด 70 ลำ




ขณะนี้เรือแสนแสบพยายามปรับเที่ยววิ่งให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเร่งด่วนเช้าเวลา 05.30-09.00 น. และ เร่งด่วนเย็น 16.00-20.00 น. ซึ่งจะมีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น เพราะขณะนี้มีการเปิดโรงเรียนแล้ว ทำให้นักเรียนเดินทางไปเรียนตามปกติ ขณะที่ส่วนหนึ่งเดินทางไปทำงานเช่นเดียวกัน ซึ่งช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็นจะมีความถี่ในการปล่อยเรือออกทุก 5-7 นาทีหรือตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตามหลังจากที่ปรับขึ้นค่าโดยสารนี้บริษัทฯ มีรายได้มากขึ้น การขาดทุนน้อยลง เพราะตอนนี้เรือแสนแสบยังเปิดให้บริการเฉพาะวันจันทร์-เสาร์ ส่วนหยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ยังหยุดให้บริการอยู่ เพราะมีการเดินทางน้อย และลดผลกระทบจากแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนด้วย

นายเชาวลิต กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กรมเจ้าท่า (จท.) ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการเรือประจำทาง ปี 2559 กำหนดให้ค่าโดยสาร สามารถปรับขึ้นลงตามอัตราราคาน้ำมัน โดยกำหนดว่า ถ้าราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 29-31 บาท เรือแสนแสบสามารถปรับขึ้นราคาเป็น 11-21 บาทได้ เนื่องจากขณะนี้ราคาดีเซลอยู่ที่ 29 กว่าบาทต่อลิตรแล้ว แต่เรือแสนแสบยังคงเก็บในราคาน้ำมันต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตร ซึ่งเก็บราคา 9-19 บาทตามระยะทางนั้น การที่เรือแสนแสบเก็บต่ำกว่าราคานี้ เพื่อลดผลกระทบผู้โดยสารในช่วงโควิด-19


ส่วนการปรับขึ้นราคาน้ำมันในปัจจุบันขณะนี้ผู้ประกอบการเรือโดยสารหลายราย เช่น เรือด่วนเจ้าพระยา และเรือข้ามฟากก็อยู่ในเกณฑ์ที่เก็บค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุนและมีแนวโน้มจะปรับขึ้นค่าโดยสารเช่นกัน ขณะนี้เรือแสนแสบเตรียมหารือกับผู้ประกอบการเรือโดยสารสาธารณะประเภทอื่นในการปรับขึ้นราคาน้ำมันในปัจจุบันที่สูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเข้าพบนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ที่กำกับดูแลกรมเจ้าท่า เพื่อหาทางออกเรื่องนี้ร่วมกันต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลดผลกระทบผู้โดยสารที่ใช้บริการเรือโดยสารด้วย .
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในอนาคต All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 18, 19, 20 ... 24, 25, 26  Next
Page 19 of 26

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©