View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 05/10/2020 11:02 am Post subject: |
|
|
รถไฟฟ้า สายสีชมพู-สายสีเหลือง มี รางเดียว แคบๆ ถ้า เดี้ยง ผู้โดยสาร ต้องทำอย่างไร?
จันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563 เวลา 09:29 น.
สามารถ ราชพลสิทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งคำถาม รถไฟฟ้า สายสีชมพู-สายสีเหลือง มี รางเดียว แคบๆ ถ้า เดี้ยง ผู้โดยสาร ต้องทำอย่างไร?
รถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง มี รางเดียว แคบๆ ถ้า เดี้ยงผู้โดยสารต้องทำอย่างไร?
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte
จันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563 เวลา 08:52 น.
โดยทั่วไปรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรล มีขบวนรถไฟฟ้าวิ่งคร่อมราง ไม่มีทางเดินให้ผู้โดยสารเดินในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน แล้วผู้โดยสารจะออกจากโมโนเรลซึ่งวิ่งอยู่ที่ระดับความสูงไม่น้อยให้ปลอดภัยได้อย่างไร หาคำตอบได้จากบทความนี้
น่าดีใจที่เมื่อเร็วๆ นี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานรับมอบขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล แบบไร้คนขับ สำหรับใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่าอีกไม่นานเราจะได้ใช้โมโนเรลกันแล้ว นับว่าเป็นการพัฒนาระบบรางของเมืองไทยไปอีกก้าวหนึ่ง
โมโนเรลเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มากนัก มีขีดความสามารถในการขนผู้โดยสารได้ประมาณ 30,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ในขณะที่รถไฟฟ้าขนาดหนักดังเช่น บีทีเอส และ เอ็มอาร์ที สามารถขนผู้โดยสารได้ประมาณ 50,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ต้นทุนการก่อสร้างโมโนเรลถูกกว่ารถไฟฟ้ายกระดับขนาดหนัก ประมาณ 30%-40%
มีหลายคนถามผมว่าถ้าโมโนเรลสายสีชมพูหรือสายสีเหลืองจอดเสียอยู่บนรางที่สูงจากพื้นดินเกือบ 20 เมตร ผู้โดยสารจะออกจากโมโนเรลให้ปลอดภัยได้อย่างไร? ผมขอตอบดังนี้
ทั้งโมโนเรลสายสีชมพูและสายสีเหลืองเป็นโมโนเรลที่วิ่งสวนทางกัน กล่าวคือสายสีชมพูมีรางรองรับโมโนเรล ขาไป 1 ราง และขากลับอีก 1 ราง สายสีเหลืองก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น หากเกิดเหตุขัดข้องที่สายใดสายหนึ่งผู้โดยสารจะต้องทำดังนี้
1. กรณีมีโมโนเรลกู้ภัยมารับ
โมโนเรลกู้ภัยจะมาจอดเทียบหรือขนานกับโมโนเรลที่เสีย เจ้าหน้าที่จะวางสะพานเชื่อมระหว่างโมโนเรลกู้ภัยกับโมโนเรลที่เสีย จากนั้นผู้โดยสารจะต้องเดินจากโมโนเรลที่เสียไปสู่โมโนเรลกู้ภัยซึ่งจะขนผู้โดยสารไปสู่สถานี
2. กรณีไม่มีโมโนเรลกู้ภัยมารับ-ต้องเดินบนทางเดินฉุกเฉิน
ในกรณีฉุกเฉินที่ผู้โดยสารจะต้องออกจากโมโนเรลอย่างรีบด่วน ไม่สามารถรอโมโนเรลกู้ภัยมารับได้ ในกรณีนี้ผู้โดยสารจะต้องลงจากโมโนเรลไปที่ทางเดินระหว่างรางทั้งสอง ทางเดินเป็นตะแกรงเหล็กกัลวาไนซ์เพื่อให้ผู้โดยสารเดินไปสู่สถานีที่ใกล้ที่สุด ความสูงจากพื้นโมโนเรลถึงทางเดินเกือบ 2 เมตร ดังนั้น จะต้องลงทางบันไดที่พาดจากประตูโมโนเรลไปที่ทางเดิน บันไดดังกล่าวจะถูกเก็บไว้บนรถและบนทางเดินตลอดทาง ส่วนผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์จะต้องช่วยกันอุ้มลงมาที่ทางเดินแล้วเข็นไปที่สถานี
รู้อย่างนี้แล้ว สบายใจได้เลยว่าเราจะสามารถนั่งโมโนเรลได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
Last edited by Wisarut on 06/10/2020 10:44 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 06/10/2020 1:53 am Post subject: |
|
|
ชมพู-เหลือง ซูเปอร์โมโนเรลเมดอินไชน่า รถไฟฟ้าไร้คนขับ ไซซ์ใหญ่ไม่แพ้ BTS
อสังหาริมทรัพย์
วันที่ 5 ตุลาคม 2563 - 16:10 น.
สิ้นสุดการรอคอย รถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สายแรกของประเทศไทยสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี และสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังใช้เวลาร่วมเดือนขนข้ามทะเลมาจากโรงงานผลิตที่ประเทศจีน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2560 สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คุมเศรษฐกิจรัฐบาล คสช. เป็นประธานในพิธีเซ็นสัญญาสัมปทานแสนล้านของรถไฟฟ้า 2 สาย 2 สี ระหว่างกลุ่มบีเอสอาร์ (บีทีเอส-ซิโนไทย-ราชกรุ๊ป) กับ รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ในวันที่ 1 ต.ค. 2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเป็นประธานตัดริบบิ้นรับมอบรถขบวนแรกของทั้ง 2 สายด้วยตัวเอง พร้อมขอบคุณเอกชนที่ร่วมลงทุนกับรัฐบาล จนผลักดันโครงการสำเร็จ
ตามแผนของ รฟม.-กลุ่มบีทีเอส ทั้ง 2 สาย จะทดสอบเดือน เม.ย. 2564 จากนั้นเดือน ก.ค.ทดลองวิ่งเสมือนจริงให้ประชาชนร่วมใช้บริการบางช่วงเวลา ถัดมาเดือน ต.ค.เปิดบริการเชิงพาณิชย์เก็บค่าโดยสาร 16-42 บาท และเปิดตลอดสายเดือน ก.ค.-ต.ค. 2565 โดยขบวนรถจะทยอยส่งมอบจนครบทั้ง 288 ตู้ 72 ขบวน ในต้นปี 2565 แยกเป็นสายสีเหลือง 30 ขบวน และสายสีชมพู 42 ขบวน
สำหรับสายสีชมพูและสีเหลือง ออกแบบเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล แบบคร่อมราง วิ่งยกระดับเหนือแนวเกาะกลางถนน และเป็นระบบขนส่งมวลชนระบบรอง ป้อนผู้โดยสารเข้ารถไฟฟ้าสายหลัก
โดย สายสีชมพู วิ่งแนวตะวันตก-ตะวันออกของกรุงเทพฯ จากถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะ รามอินทรา สิ้นสุดมีนบุรี มี 30 สถานี เชื่อมต่อสายสีม่วงที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สีแดงที่สถานีหลักสี่ สีเขียวที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และสีส้มที่สถานีมีนบุรี
ขณะที่ สายสีเหลือง วิ่งแนวเหนือ-ใต้ ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ จากถนนลาดพร้าว เข้าศรีนครินทร์และเทพารักษ์ มี 23 สถานี เชื่อมต่อสายสีน้ำเงินที่สถานีรัชดา สีส้มที่สถานีแยกลำสาลี แอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีพัฒนาการ และสีเขียวที่สถานีสำโรง
สำหรับขบวนรถไฟฟ้ากลุ่มบีทีเอส เลือกบริษัท บอมบาร์ดิเอร์ ทรานสปอร์เทชั่น ซิกแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการทั้งระบบอาณัติสัญญาณ ขบวนรถ ระบบขายตั๋วและจัดเก็บค่าโดยสาร มูลค่ารวม 4-5 หมื่นล้านบาท
ใช้รถรุ่น Bombardier Innovia Monorail 300 ผลิตจากโรงงานประเทศจีน ซึ่ง บอมบาร์ดิเอร์ ได้ร่วมทุน CRRC ผู้ผลิตรถไฟฟ้าฉางชุนและฉงชิ่งจากประเทศจีน เป็นรูปแบบ 4 ตู้ ตัวรถกว้าง 3.162 เมตร เท่ากับรถไฟฟ้าบีทีเอส มีน้ำหนักตัวรถ 14,500-15,000 กก./ตู้ วิ่งความเร็ว 35 กม./ชม. สูงสุด 80 กม./ชม. ใช้แรงดันไฟฟ้าแบบกระแสตรง 750 โวลต์ ควบคุมด้วยระบบอาณัติสัญญาณ CITYFLO 650 แบบอัตโนมัติ ไร้คนขับ
ภายในห้องโดยสารขบวนรถมีอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างครบครัน อาทิ CCTV เครื่องตรวจจับควัน ปุ่มติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ควบคุมรถ ถังดับเพลิง และที่เปิดประตูฉุกเฉิน รองรับผู้โดยสารได้ 568 คน/ตู้ ในระยะแรกจะให้บริการด้วยรถไฟฟ้า 4 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 17,000 คน/ชม./ทิศทาง และในระยะถัดไปเพิ่มได้สูงสุด 7 ตู้/ขบวน รองรับผู้โดยสาร 28,000 คน/ชม./ทิศทาง
นับเป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับสายที่ 2 และ 3 ต่อจาก สายสีทอง สถานีกรุงธนบุรี-คลองสาน จะเปิดหวูดบริการกลางเดือน ธ.ค. 2563 นี้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 06/10/2020 12:36 pm Post subject: |
|
|
🌼🌔สวัสดีวันจันทร์สีเหลือง 🌔🌼
รถไฟฟ้าบีทีเอส
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563 เวลา 14:29 น.
แอดมินขอพารถไฟฟ้าโมโนเรลมา ที่จะให้บริการในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้นอีกนิดนะครับ
📌เส้นทาง ลาดพร้าว สำโรง 23 สถานี
📌รุ่น Bombardier INNOVIA 300
📌จำนวนขบวน 30 ขบวน
📌จำนวนตู้ 4 ตู้/ขบวน 👉🏻สูงสุด 7 ตู้
📌ประตู 4 ประตู/ตู้ ฝั่งละ 2 ประตู
📌ที่นั่ง 14-16 ที่นั่ง/ตู้ จุผู้โดยสารได้ สูงสุด 748 คน/ขบวน
📌พื้นที่สำหรับ wheelchair 2 ที่
📌ผลิตจากสาธารณรัฐประชาชนจีน
📌พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบรักษาความปลอดภัย
💛อดใจรออีกนิดเดียวนะครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 07/10/2020 7:11 pm Post subject: |
|
|
การอพยพ เมื่อ รถไฟฟ้าเสีย
โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม 2563 เวลา 7:32 น.
เมื่อวาน มีคนพูดถึง Monorail ว่าถ้ารถไฟฟ้าเสียแล้วอพยพยังไง ซึ่งมีคนไปดรามาว่า ต้องโรยตัวลงมาบ้าง ต้องโดดลงมาบ้าง ผมเลยขอรีโพสต์ เรื่องทางเดินอพยพ (Emergency Walkway) ที่ติดอยู่ระหว่าคานทางวิ่ง (Guide Way Beam) ซึ่งเป็นมาตรฐานของทางวิ่งของระบบ Monorail ที่เราใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีชมพู และทุกสายในอนาคต ลองไปดูรายละเอียดกันครับจะได้ไม่ต้องดราม่า
สวัสดีชาวกรุงเทพ เรา #น้องบีม เอง จากรถไฟฟ้า Monorail สายสีชมพู และสีเหลือง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเพื่อนใหม่เรา ชื่อ #น้องEmer หรือทางเดินฉุกเฉินนั่นแหละครับ มาทำความรู้จัก #น้องEmer กันครับ
น้อง Emer หรือทางเดินฉุกเฉิน เป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ไม่ได้ใช้ในการเดินรถไฟฟ้า แต่ใช้เพื่อความปลอดภัย ของระบบรถไฟฟ้า แบบ Monorail หรือรางเดี่ยว
เพราะอย่างที่เราเห็นว่า ตัวรถ Monorail เดินรถบน #น้องบีม หรือ Guide Way Beam ภาษาไทยก็น่าจะเรียกว่าคานทางวิ่ง ซึ่งเป็นคานขนาดเล็ก และเบา ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญของระบบ Monorail
แต่ก็เป็นข้อเสียของระบบนี้เหมือนกัน เพราะพอ Guide Way Beam มีขนาดเล็ก ก็ทำให้ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินผู้โดยสารก็ไม่สามารถใช้ในการอพยพผู้โดยสารออกจาตัวรถได้เช่นกัน
วิธีการอพยพของ Monorail ก็มีการออกแบบไว้หลายอย่าง เช่น อพยพผ่านท่อหด หรือทำ Walkways ระหว่างคานทางวิ่ง
ซึ่งจากที่เห็นในรูปและเอกสาร ระบบรถไฟฟ้า Monorail สายสีชมพู และสีเหลืองของเรา เป็นแบบ Walkways ระหว่าง Guide Way Beam ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์แค่การอพยพ แต่สามารถนำมาใช้เพื่อตรวจเช็ค และช่อมบำรุงทางวิ่ง ด้วยเช่นกัน
โครงสร้าง #น้องEmer หรือทางเดินฉุกเฉิน จะมีอุปกรณ์เท่าที่เห็นคร่าวคือ
1.โครงสร้างรับน้ำหนัก แกนขวางเชื่อมระหว่าง Guide Way Beam 2 ด้าน
2.ทางเดิน 2 ข้างชิดบีม ซึ่งทำไว้เพื่อให้คนเดิน เป็นรูปแบบโครงสร้างเบา ทำด้วยเหล็ก แผนพับแบบทึบ
3.พื้นที่ทางเชื่อมระหว่าง ทางเดิน 2 ด้าน ซึงเป็นแผ่นโปรง
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่ารถไฟฟ้า Monorail ของเราทั้ง 2 สายผ่านการคิดมาครอบคลุมพอสมควรแล้ว ซึ่งแก้จุดด้อยทั้งหมดของรถไฟฟ้า Monorail ไว้ทั้งหมด
รถไฟฟ้า Monorail ใช้ระบบล้อยางขับเคลื่อน ถ้ายางแบนทำอย่างไร?? มีระบบอะไรรองรับ และป้องกันบ้าง??
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม 2563 เวลา 21:17 น.
ขอมาพูดรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Monorail กันอีกซักหน่อย
วันนีขอพูดเรื่องล้อยางและระบบขับเคลื่อนของรถไฟฟ้า Monorail กันอีกหน่อยครับ
รู้รึเปล่าว่า รถไฟฟ้า Monorail ที่ใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู ใช้ล้อยางในการขับเคลื่อน
แล้วมีคนถามว่า ถ้ายางรั่วล่ะจะทำยังไง จะต้องเปลี่ยนกลางทางเลยรึเปล่า แล้วจะวิ่งต่ออย่างไร
แถมระบบรถไฟฟ้า Monorail ทั้ง 2 สายนี้เป็นระบบอัตโนมัติ ไม่มีพนักงานขับรถ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคันไหนยางแบน
ก่อนอื่นบอกเลยว่า เค้ามีเทคโนโลยี Run-Flat Tires หรือระบบวิ่งได้เมื่อยางแบน
ซึ่งในระบบรถไฟฟ้า monorail มียางอยู่ 2 รูปแบบ คือ
- Load tire หรือ ยางรับน้ำหนัก จะใช้รูปแบบ aluminum inner-wheel หรือ ตัวรองรับภายในยาง ซึ่งจะถูกใส่ไปในเนื้อยาง หรือทำเป็นตัวรองล้ออยู่
- Guide tire หรือ ยางนำทาง จะใช้รูปแบบ External Run-Flat tire หรือ ตัวรับน้ำหนักภายนอก ซึ่งจะเป็นชุดรับน้ำหนักซึ่งจะติดอยู่กับล้อยาง
ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบ จะทำให้ รถไฟฟ้าสามารถวิ่งต่อไปได้ถ้ายางรั่ว หรือยางแบน
แต่อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น เค้าจะเน้นการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (preventive maintenance) ตามช่วงเวลาที่กำหนดก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายและเสียเวลาของรถไฟฟ้าครับ
แต่อีกส่วนที่สำคัญคือระบบควบคุม และตรวจสอบความสมบูรณ์ของยางระยะไกล เรียกว่า ระบบ TPMS (ติดตั้ง pressure transmitter ทุกล้อ) ซึ่งจะส่งสัญญาณผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมในการแสดงผลความสมบูรณ์ และความเสี่ยงของยางแต่ละเส้น
เนื่องจากว่าระบบรถไฟฟ้า Monorail แต่ละเส้นเป็นระบบควบคุมอัตโนมัติ ไม่มีพนักงานขับรถอยู่บนรถไฟฟ้า |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 15/10/2020 12:29 pm Post subject: |
|
|
ถ้าเขาจะดอง ผ่านไปครึ่งเดือนเขาก็ดอง
Render Thailand
วันที่ 13 ตุลาคม 2563 เวลา 20.06 น.
มาละครับภาพรับรถโมโนเรลขบวนแรกจากเพจเราหลังจากดองมาเกือบครึ่งเดือน มาช้าหน่อยแต่ทำภาพมาให้เข้าใจโมโนเรลรุ่นนี้มากขึ้นครับ
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เป็นรถไฟฟ้าสายแรกที่เป็นระบบโมโนเรล หลักการง่าย ๆ ของโมโนเรลคือ ตัวรถจะวิ่งอยู่บนคานปูนหรือคานเหล็ก คานเดียว เรียกว่าคานทางวิ่ง ไม่ได้มีวิ่งบนรางเหล็กที่เป็นราง 2 รางครับ
- บอกก่อนได้เลยว่ารถไฟฟ้าล้อยางวิ่งไม่นิ่มเหมือนล้อเหล็ก เวลาวิ่งอาจจะรู้สึกมันโยกเด้งดึ๋งดั๋ง เป็นเรื่องปกติ
- ทั้ง 2 สาย ผู้รับสัมปทานคือกลุ่ม BSR มี BTS+Sino Thai+Ratch
โดยได้ตั้งบริษัทชื่อ Northern bangkok monorail หรือ NBM เดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ Eastern bangkok monorail หรือ EBM เดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
- กลุ่ม BSR ได้เลือกซื้อระบบ Monorail จาก Bombardier เป็นบริษัทจากประเทศแคนาดา รถที่ใช้เป็นรุ่น innovia monorail 300
- Bombardier innovia monorail 300 สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเหลือง ในช่วงแรกจะมีขบวนละ 4 ตู้ สามารถเพิ่มได้สูงสุดเป็น 7 ตู้
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู 42 ขบวน รถไฟฟ้าสายสีเหลือง 30 ขบวน รวมทั้งหมด 288 ตู้
- ความจุของรถสำหรับขบวนละ 4 ตู้ จะรองรับผู้โดยสารได้ 568 คน (6 คน/ตารางเมตร) สำหรับขบวนละ 7 ตู้ จะรองรับผู้โดยสารได้ 1,009 คน (6 คน/ตารางเมตร)
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู ระยะทาง 34.5 กม. มี 30 สถานี
เริ่มจากสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เลี้ยวไปตามถนนติวานนท์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านหลักสี่ ผ่านสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เข้าถนนรามอินทรา ตรงเข้าสู่ถนนสีหบุรานุกิจ แล้วเลี้ยวขวาข้ามคลองแสนแสบไปที่ถนนรามคำแหง สิ้นสุดที่สถานีมีนบุรี
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระยะทาง 30.4 กม. มี 23 สถานี
เริ่มจากสถานีรัชดา บนถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าว ผ่านบางกะปิ เลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ ผ่านลำสาลี พัฒนาการ ศรีนุช ซีคอน ศรีเอี่ยม ศรีด่าน แล้วเลี้ยวเข้าถนนเทพารักษ์ สิ้นสุดที่สถานีสำโรง
- ทั้งสองสายเป็นรถไฟฟ้าสายรอง เป็นระบบ Feed คนเข้าสู่รถไฟฟ้าสายหลักเพื่อเข้าเมือง ตามแผนการศึกษาผู้โดยสารของรถไฟฟ้าทั้งสองสายส่วนมากจะเดินทางไม่กี่สถานี เมื่อถึงสถานีเชื่อมต่อกับสายอื่นก็จะเปลี่ยนเพื่อเดินทางต่อเข้าเมือง การเดินทางระยะยาวจะมีน้อยกว่า ทำให้ทั้งสองสายนี้เป็นรถไฟฟ้าสายรองครับ
- สายสีชมพูมีสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น 5 สถานี และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น 6 สถานี (นับรวมแผนรถไฟฟ้าของ กทม.)
- ทั้งสองสายมีแผนจะเปิดบริการบางส่วนในช่วงปลายปี 2564 และเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 2565
https://www.facebook.com/Thailand.Infra/posts/1046193329152479 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 19/10/2020 8:05 pm Post subject: |
|
|
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง
19 ตุลาคม 2563 เวลา 15:32
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยได้ตรวจความก้าวหน้าการดำเนินงานก่อสร้างอาคาร Main Workshop ในศูนย์ซ่อมบำรุงฯ บริเวณถนนศรีนครินท์ ซึ่งได้มีการขนย้ายขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองขบวนแรกเข้าสู่อาคาร Main Workshop เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้ตรวจติดตามการดำเนินงานก่อสร้างอาคาร Bulksub Station ซึ่งเป็นอาคารที่ใช้ในการควบคุมและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับขบวนรถโมโนเรล เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดให้บริการในปี 2565
ปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ มีความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโยธา 66.31% และงานระบบรถไฟฟ้า 61.63% (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563) สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว สำโรง เว็บไซต์โครงการ www.mrta-yellowline.com และ Line Official : mrtyellowline
https://www.facebook.com/CRSTECONYL/posts/1206534386387004 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 20/10/2020 2:29 pm Post subject: |
|
|
บางกะปิ-ลำสาลีปิด 1 เลน ขุดรถไฟฟ้าศรีนครินทร์-สะพานพัฒนาการคืบ 80%
ข่าวทั่วไทย
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
20 ตุลาคม 2563 เวลา 08:43 น.
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า บมจ. ซิโนไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่การปิดเบี่ยงจราจรฝั่งขาออก และปิดเบี่ยงจราจร 1 ช่องทางขวา (ชิดเกาะกลาง) ฝั่งขาเข้าและฝั่งขาออก บนถนนศรีนครินทร์ บริเวณแยกบางกะปิถึงแยกลำสาลี ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.63 ถึงวันที่ 31 พ.ค.64 เวลา 22.00 น.เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้ใช้เส้นทางบนถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาออก สามารถสัญจรได้ 2 ช่องทาง และฝั่งขาเข้า สามารถสัญจรได้ 3 ช่องทาง เพื่อรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค และดำเนินงานก่อสร้างโครงการ
ด้านนายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการปรับปรุงสะพานข้ามแยกพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ว่า ตามที่สำนักการการโยธา กทม. เริ่มปิดสะพานข้ามแยกพัฒนาการ เพื่อปรับปรุงตั้งแต่เดือน มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ภาพรวมการก่อสร้างขณะนี้คืบหน้าประมาณ 80% เหลืองานวางพื้นสะพานตรงกลางอีก 2-3 ช่วง ซึ่งใช้วิธีนำพื้นคอนกรีตสำเร็จมาวาง ไม่ใช่วิธีหล่อคอนกรีตในที่ จึงทำให้การก่อสร้างรวดเร็ว หลังจากวางพื้นสะพานเสร็จแล้วจะปิดรอยต่อแต่ละช่วง ปูผิวสะพาน ติดตั้งราวสะพาน และเก็บรายละเอียด คาดว่าจะเปิดใช้งานสะพานได้ภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ หรืออย่างช้าภายในสัปดาห์แรกเดือน พ.ย.63 เร็วกว่าสัญญาที่จะครบกำหนดวันที่ 25 พ.ย.63. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 29/10/2020 1:21 pm Post subject: |
|
|
📺ขอเชิญทุกท่านติดตามรับชมสกู๊ปข่าว "ยลโฉมโมโนเรลไร้คนขับ" โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง
ในรายการข่าวเช้าไทยรัฐเสาร์-อาทิตย์ โดยจะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563 เวลา 09.00 - 11.15 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32
https://www.facebook.com/MRTA.PR/posts/2646254322257952 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42623
Location: NECTEC
|
Posted: 04/11/2020 10:57 am Post subject: |
|
|
รฟม.สั่งผู้รับเหมาคุมเข้มลดปล่อยฝุ่นระหว่างก่อสร้างรถไฟฟ้า
03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 10:33 น.
3 พ.ย.63-นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. ได้กำชับที่ปรึกษา และผู้รับจ้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าทุกสายในความรับผิดชอบ ปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรการลดฝุ่นขนาดใหญ่ (PM 10) อันเกิดจากงานก่อสร้างโครงการฯ ที่ รฟม. ได้เน้นย้ำให้ผู้รับจ้างฯ หมั่นฉีดล้างทำความสะอาดพื้นผิวถนนและแบริเออร์ตลอดแนวพื้นที่ก่อสร้าง ควบคู่กับการใช้ รถดูดฝุ่นเป็นประจำ
พร้อมทั้งดำเนินการป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองภายในเขตพื้นที่ก่อสร้างฟุ้งกระจายออกไปยังถนนสาธารณะ โดยติดตั้งแผงป้องกันเป็นรั้วทึบโดยรอบพื้นที่ ปิดคลุมกองวัสดุก่อสร้างอย่างมิดชิด ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม ปิดคลุมกระบะรถบรรทุกและทำความสะอาดล้อรถก่อนออกจากพื้นที่ก่อสร้างทุกครั้ง นายภคพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อเตรียมรับมือกับสภาพอากาศปิดในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย ที่กระแสลมเคลื่อนที่ได้ไม่สะดวก และส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์เกิดการสะสมจนเกินค่ามาตรฐาน รฟม. จึงได้สั่งการให้ที่ปรึกษา และผู้รับจ้างฯ พิจารณาเตรียมการติดตั้งเครื่องฉีดพ่นหมอกน้ำ/ละอองน้ำในอากาศบริเวณพื้นที่ที่มีความจำเป็น และประสานตำรวจจราจรอย่างใกล้ชิดในการจัดการจราจรบริเวณแนวสายทางที่มีการดำเนินงานก่อสร้าง เพื่อช่วยให้รถยนต์สามารถสัญจรผ่านคล่องตัวมากขึ้น
ขณะเดียวกันงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ายังสามารถดำเนินต่อไปได้ตามแผนงาน เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่แก่ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด อันจะเป็นการบรรเทามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รฟม. ใคร่ขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าแทนการใช้รถยนต์ โดย รฟม. มีบริการอาคารและลานจอดแล้วจรตลอดแนวสายทางรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) รองรับการเดินทางต่อเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า MRT ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยฝุ่นละออง PM 2.5 ออกสู่อากาศได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน รฟม. มีโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินงานก่อสร้างงานโยธา จำนวน 3 สาย ซึ่งมีความก้าวหน้า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 ดังนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี มีความก้าวหน้างานโยธา 64.85% และงานระบบรถไฟฟ้า 59.71% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2565 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว สำโรง มีความก้าวหน้างานโยธา 66.31% และงานระบบรถไฟฟ้า 61.63% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2565 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความก้าวหน้างานโยธา 69.82% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567
รฟม.คุมเข้มมาตรการลดปัญหาฝุ่น ก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ชมพู-เหลือง เปิดแน่ปี 67
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 03 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 16:24 น.
รฟม.มั่นใจก่อสร้างรถไฟฟ้าตามแผนปี 65 เปิดสายสีชมพูและเหลืองปี 67 เปิดสายสีส้มด้านตะวันออก คุมเข้มผู้รับเหมาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมปริมาณฝุ่นละอองขนาดใหญ่ และฝุ่น PM 2.5 เตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศปิดช่วงฤดูหนาว
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน รฟม.อยู่ระหว่างดำเนินงานก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าจำนวน 3 สาย ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 มีความก้าวหน้า ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มีความก้าวหน้างานโยธา 64.85% และงานระบบรถไฟฟ้า 59.71% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2565 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีความก้าวหน้างานโยธา 66.31% และงานระบบรถไฟฟ้า 61.63% คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2565 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความก้าวหน้างานโยธา 69.82% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567
ทั้งนี้ รฟม.ได้กำชับที่ปรึกษา และผู้รับจ้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าทุกสายในความรับผิดชอบ ปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรการลดฝุ่นขนาดใหญ่ (PM 10) อันเกิดจากงานก่อสร้างโครงการฯ โดยได้เน้นย้ำให้ผู้รับจ้างฯ หมั่นฉีดล้างทำความสะอาดพื้นผิวถนนและแบริเออร์ตลอดแนวพื้นที่ก่อสร้าง ควบคู่กับการใช้รถดูดฝุ่นเป็นประจำ
พร้อมทั้งดำเนินการป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองภายในเขตพื้นที่ก่อสร้างฟุ้งกระจายออกไปยังถนนสาธารณะ โดยติดตั้งแผงป้องกันเป็นรั้วทึบโดยรอบพื้นที่ ปิดคลุมกองวัสดุก่อสร้างอย่างมิดชิด ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม ปิดคลุมกระบะรถบรรทุกและทำความสะอาดล้อรถก่อนออกจากพื้นที่ก่อสร้างทุกครั้ง
นอกจากนี้ เพื่อเตรียมรับมือสภาพอากาศปิดในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย ที่กระแสลมเคลื่อนที่ได้ไม่สะดวก และส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์เกิดการสะสมจนเกินค่ามาตรฐาน รฟม.จึงได้สั่งการให้ที่ปรึกษา และผู้รับจ้างฯ พิจารณาเตรียมการติดตั้งเครื่องฉีดพ่นหมอกน้ำ/ละอองน้ำในอากาศบริเวณพื้นที่ที่มีความจำเป็น และประสานตำรวจจราจรอย่างใกล้ชิดในการจัดการจราจรบริเวณแนวสายทางที่มีการดำเนินงานก่อสร้าง เพื่อช่วยให้รถยนต์สามารถสัญจรผ่านคล่องตัวมากขึ้น |
|
Back to top |
|
|
|