RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311867
ทั่วไป:13559512
ทั้งหมด:13871379
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวกรมการขนส่งทางราง (เริ่ม 21 พ.ค. 62)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวกรมการขนส่งทางราง (เริ่ม 21 พ.ค. 62)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 67, 68, 69, 70, 71  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43663
Location: NECTEC

PostPosted: 10/07/2024 12:21 pm    Post subject: Reply with quote

เชียงราย พะเยา รอสายเด่นชัย เชียงราย เชียงของ ส่วน นครพนม มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร (เลิงนกทา) รอสายบ้านไผ่ - นครพนม เหตุที่ ไม่มีทางรถไฟที่ อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี ก็เพราะ ยุคที่ตัดทางรถไฟสมัยรัชกาลที่ห้านั้น การเดินเรือกลไฟ จากท่าเตียนไปปากน้ำโพ กำลังรุ่งเรือง จนรถไฟไม่ประสงค์ที่จะแข่งขันด้วย ถ้าไม่เอารถ ตญ มาแปรสภาพเป็นรถไฟชั้นสี่ เพื่อลดราคาค่าโดยสารโดยขนคนแบบขนวัวควายจนถึงที่สุด ซึ่งเคยทำมาแล้ว และ จะไปอุทัยธานีสมัยก่อนลงที่เนินมะกอกเพื่อไปทางพยุหคีรี ก็ได้ สิงห์บุรีนั้น ลงที่ลพบุรีแล้วขี่เกวียน ก็ได้ ไปชัยนาทก็ลงที่บ้านตาคลีแล้วขี่เกวียน ไปก็ได้ ส่วนอ่างทองแม้จะลงท่าเรือแล้วขี่เกวียนได้แต่ก็ไกล โดยมากลงที่อยุธยาแล้วต่อเรือปากน้ำโพก็ได้การแล้ว ปากน้ำตอนนี้ นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสดีกว่า ก็เลิกรถไฟสายปากน้ำไปแต่ปี 2503 แล้วนี่ครับ ส่วนระนองนั้นคงต้องขอร้องว่าทำทางรถไฟสายชุมพรที่เริ่มแถวแหลมริ้น ไปอ่าวอ่างนั้นต้องขอร้องให้ขยายเส้นทางเข้าเมืองระนองด้วย อย่าให้เหมือนกรณีทางรถไฟสายมาบตาพุด ที่แต่ก่อน เคยจะทำถึงระยองแต่ก็ไม่ได้ทำ พอมีโรงงานมาก จนต้องทำ EHIA ที่แสนจะยุ่งยากเลยตัดความเดือดร้อนรำคาญโดยการกำหนดว่า ทางที่จะไประยอง จันทบุรี ตราดให้ไปเริ่มที่ บ้านฉาง ก็หมดเรื่องกันไป เพราะ คนสตูลไม่เอาท่าเรือปากบารา ก็ไม่ต้องได้ทางวรถไฟไปเมืองสตูล สมใจท่านไหมหละ ส่วนที่ภูเก็ต เสียดายที่มีท่าเรือน้ำลึกต่คนภูเก็ตไม่ยอมให้มีทางรถไฟเชื่อมท่าเรือน้ำลึก ป่านนี้ ทางรถไฟสายคีรีรัฐนิคมก็คงได้ไปท่าเรือภูเก็ตเสีนานแล้ว สมใจท่านไหมหละ ส่วนกาฬสินธุ์เคยโดนยุบจังหวัด มาแต่ปี 2474 ถึงปี 2490 เลยหมดอำนาจต่อรอง รอให้เดินรถจากสถานีมหาสารคามผ่านกาฬสินธุ์ไปขอนแก่นจะง่ายกว่า ตนนี้ก็รอลุ้นว่าทางรถไฟสาย อุดรธานี ไป บิงกาฬจะได้แจ้งเกิดหรือเปล่า งานนคนสกลนครต้องวิ่งเต้นจะได้ขนเนื่อวัวและโครงวัวโพนยางคำ ไปขายเวียดนามเพื่อทำเฝอเนื้อ และจีนผ่านทางรถไฟสายบึงกาฬ ครับ
https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/1022225789354655
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/783455410645590
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43663
Location: NECTEC

PostPosted: 10/07/2024 12:23 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ถอดบทเรียน “สายสีชมพู” ประตูเปิด 50 วินาที ย้ำคุมเข้มขั้นตอนการปฏิบัติงาน
เดลินิวส์ วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567 เวลา 18:06 น.
นวัตกรรมขนส่ง


“กรมขนส่งราง” ถอดบทเรียนปม “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” ประตูเปิดกลางคัน
ฐานเศรษฐกิจ
วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567 เวลา 16:34 น.

“กรมขนส่งทางราง” ถอดบทเรียน หลังเกิดเหตุ “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” ประตูเปิดระหว่างให้บริการ เผยสาเหตุขัดข้อง สั่งกำชับเอกชนเร่งปรับปรุง พร้อมให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับและบริหารจัดการระบบขนส่งทางราง ครั้งที่ 3/2567 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องประจำเดือนมิถุนายน 2567 จำนวน 8 ครั้ง (รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท 2 ครั้ง สายสีทอง 2 ครั้ง Airport Rail Link 3 ครั้ง และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง 1 ครั้ง)



ส่วนสาเหตุที่รถไฟฟ้าขัดข้องเกิดจากระบบเบรกขัดข้อง 3 ครั้ง ระบบขับเคลื่อน 2 ครั้ง จุดสับรางขัดข้อง 2 ครั้ง และระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง 1 ครั้ง



ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระบบขนส่งทางรางในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ รวมทั้งแนวทางในการปรับปรุงและแก้ไขปัญหา ดังนี้



1. กรณีเหตุการณ์ประตูรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดบริเวณสถานีลาดปลาเค้า (PK18) เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เวลา 07.01 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางรางได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู



พบว่า สาเหตุเกิดจากกระเป๋าของผู้โดยสารติดอยู่กับประตูรถไฟฟ้าหมายเลข PM 10 ขณะขบวนรถเคลื่อนที่ออกจากสถานีลาดปลาเค้า มุ่งหน้าศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าได้ยินเสียงดังผิดปกติ จึงได้กดปุ่มหยุดรถฉุกเฉิน และแจ้งเหตุให้ศูนย์ควบคุมการเดินรถรับทราบเหตุการณ์



โดยบางส่วนของตู้สุดท้ายของขบวนรถยังอยู่ในสถานี ศูนย์ควบคุมการเดินรถจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าทำการเปิดประตูเฉพาะบานที่หนีบกระเป๋า โดยการใช้กุญแจประจำขบวนรถ แต่ไม่สามารถไขเพื่อเปิดประตูบานดังกล่าวได้



ศูนย์ควบคุมการเดินรถจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟฟ้ายกเลิกระบบควบคุมรถอัตโนมัติ และเข้าควบคุมขบวนรถด้วยตนเอง ให้เตรียมพร้อมที่จะขับรถย้อนกลับสู่สถานีลาดปลาเค้า เพื่อทำการเปิดประตูรถและนำกระเป๋าที่ติดอยู่ออก



ระหว่างนั้นเกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสารกับห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถ จึงได้ทำการเปิดประตูรถไฟฟ้าฝั่งชานชาลาที่กระเป๋าติดอยู่ ในระหว่างการแก้ไขศูนย์ควบคุมการเดินรถได้เห็นเหตุการณ์ประตูรถเปิดออกผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าจะขับเคลื่อนขบวนรถย้อนเข้าสู่สถานี



จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าปิดประตูรถทันที พร้อมให้นำกระเป๋าที่ติดกับประตูออก และปรับระบบเดินรถเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ หลังจากนั้นขบวนรถไฟฟ้าจึงกลับมาให้บริการได้ตามปกติ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่า ไม่ได้เป็นการขัดข้องของระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลแต่อย่างใด



เหตุเกิดจากประตูหนีบสายสะพายกระเป๋าของผู้โดยสารขณะปิดประตูรถไฟฟ้า ขั้นตอนการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาผิดพลาดเนื่องจากมีแรงกดดันต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลยังคงปลอดภัยอยู่



นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า กรมการขนส่งทางรางได้กำชับผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบเหตุฉุกเฉิน ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์



พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ภายในสถานีให้ผู้โดยสารทราบตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ประตูจัดเก็บค่าโดยสาร และเน้นย้ำพนักงานประจำบนขบวนรถไฟฟ้าใช้ระบบประชาสัมพันธ์ผู้โดยสาร (PA) บนขบวนรถให้ผู้โดยสารทราบว่าจะเปิดประตูโดยให้ยืนห่างจากบริเวณประตูก่อนที่จะเปิดประตูรถไฟฟ้า

“กรมขนส่งราง” ถอดบทเรียนปม “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” ประตูเปิดกลางคัน

นอกจากนี้ยังให้มีการประชาสัมพันธ์เน้นย้ำให้ผู้โดยสารใช้ความระมัดระวังการนำสัมภาระเข้าสู่ขบวนรถ โดยควรสะพายยกระเป๋า/เป้ไว้ด้านหน้าของตัวเอง



และงดใช้โทรศัพท์ขณะเข้า-ออกขบวนรถไฟฟ้า พร้อมทั้งต้องมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุในลักษณะดังกล่าว รวมถึงจัดฝึกอบรมและทบทวนการปฏิบัติงานของพนักงานให้เป็นไปตามขั้นตอน (SOPs) อย่างเคร่งครัด


ในกรณีฉุกเฉินที่ต้องเปิดประตูรถ ให้ประกาศแจ้งผู้โดยสารให้อยู่ห่างจากบริเวณประตู และดำเนินการด้วยความระมัดระวังก่อนที่จะเปิดประตูขบวนรถไฟฟ้า



นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการป้องกันการเกิดเหตุประตูดังกล่าว โดยให้ศูนย์ควบคุมการเดินรถเพิ่มเติมข้อมูลรายละเอียดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาแก่พนักงานบนขบวนรถไฟฟ้า และห้ามเปิดประตูในขณะที่ขบวนรถอยู่นอกพื้นที่ชานชาลา

“กรมขนส่งราง” ถอดบทเรียนปม “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” ประตูเปิดกลางคัน

พร้อมทั้งปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยให้มีการขับเคลื่อนรถไฟฟ้ามายังสถานีรถไฟฟ้าครบทั้งขบวนก่อน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟฟ้าขึ้นไปตรวจสอบบนชั้นชานชาลา เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าขบวนรถไฟฟ้าได้อยู่ในพื้นที่ชานชาลาสถานีทั้งหมดแล้ว



จึงจะแจ้งให้ศูนย์ควบคุมการเดินรถสั่งการให้พนักงานประจำขบวนรถไฟฟ้าดำเนินการเปิดประตูได้ จากนั้นพนักงานประจำขบวนรถไฟฟ้าจึงจะเปิดประตูได้ ซึ่งจะทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น



2. การจัดการกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link รามคำแหง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เวลา 05.07 น. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาการให้เอกชนที่เช่าใช้พื้นที่ต้องมีมาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัยตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด



เช่น การเว้นระยะห่างสำหรับเป็นทางอพยพให้เพียงพอต่อผู้โดยสาร การตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนมาใช้ในพื้นที่บริเวณสถานีและใกล้เคียงให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ การจัดเตรียมให้มีอุปกรณ์ดับเพลิงที่เพียงพอและพร้อมใช้งานได้ตามปกติรวมทั้งจัดฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและระงับอัคคีภัยเป็นประจำ



อย่างไรก็ตามให้ รฟท. ร่วมกับบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ดำเนินการตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบแจ้งเตือนเพลิงไหม้และอุปกรณ์ดับเพลิงให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ต้นทางดูได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/783018317355966


Last edited by Wisarut on 11/07/2024 11:11 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43663
Location: NECTEC

PostPosted: 11/07/2024 11:09 pm    Post subject: Reply with quote

“กรมราง” ดันรถไฟฟ้า 8 สาย รับนโยบายสิทธิบัตรทอง 30 บาท
ฐานเศรษฐกิจ
วันพุธ ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 17:13 น.
“กรมขนส่งทางราง” เล็งขยายหน่วยบริการฯ รับนโยบายสิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่ พร้อมเข็นสถานีรถไฟฟ้า 8 สายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

นายพิเชฐ คุณธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อหารือพิจารณาแนวทางการขยายหน่วยบริการนวัตกรรมระดับปฐมภูมิ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า รัฐบาลได้มีนโยบายเพื่อยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 30 บาทรักษาทุกที่หรือบัตรทอง 30 บาท ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว รองรับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ


ขณะที่การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว สปสช. มุ่งเน้นการขยายหน่วยบริการนวัตกรรมระดับปฐมภูมิรูปแบบอื่น ๆ นอกเหนือจากหน่วยบริการประจำ อาทิ ร้านยา คลินิกเวชกรรม/พยาบาล/ทันตกรรม ศูนย์ให้บริการสุขภาพ เพื่อยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มความเข้มแข็งของระบบบริการปฐมภูมิ และอำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้ารับบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน



นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ขร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้หารือร่วมกันถึงแนวทางและความเป็นไปได้ในการขับเคลื่อนการขยายหน่วยบริการนวัตกรรมปฐมภูมิในพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการดูแลสุขภาพของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการตาม



สำหรับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ของรัฐบาล โดยเมื่อมีการขยายหน่วยบริการนวัตกรรมระดับปฐมภูมิ ในพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าของรถไฟชานเมืองสายสีแดง ,รถไฟฟ้าสายสีม่วง, รวมทั้งพื้นที่สัมปทานของเอกชนผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, รถไฟฟ้าสายสีเขียว, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์, รถไฟฟ้าสายสีทอง

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ตลอดจนรถไฟฟ้าสายสีชมพู จะก่อให้เกิดความคุ้มค่าจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด อำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนผู้ใช้บริการพร้อมขับเคลื่อนการส่งเสริมการใช้บริการขนส่งมวลชนทางรางเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย

ทั้งนี้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นสิทธิตามกฎหมายของคนไทย ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขและการแพทย์ เพื่อการรักษาพยาบาล การตรวจวินิจฉัยโรค และการรักษาตั้งแต่โรคทั่วไป จนถึงการรักษาโรคเรื้อรังหรือโรคเฉพาะทางที่มีค่าใช้จ่ายสูง



ขณะเดียวกันสิทธิ 30 บาท จะครอบคลุมสิทธิ์ให้แก่คนไทยที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก ที่ยังไม่ได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลของข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งยังไม่ได้รับสิทธิประกันสังคม กลุ่มคนเหล่านี้จะมีสิทธิหลักประกันสุขภาพตามกฎหมาย และสามารถลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย



นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ผู้มีสิทธิหรือผู้มีบัตรทองนอกจากจะสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่สถานพยาบาลประจำตามสิทธิของตนเอง หรือหน่วยบริการในระดับปฐมภูมิได้ทุกแห่งแล้ว ยังสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่หน่วยบริการเอกชนในจังหวัดที่เข้าร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ทั่วประเทศ


ไม่ว่าจะมีสิทธิบัตรทองอยู่ที่จังหวัดใด ก็สามารถใช้สิทธิได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แค่เพียงมีบัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น เริ่มจากการนำร่องดำเนินการในระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2567 ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด (แพร่, ร้อยเอ็ด, นราธิวาส และเพชรบุรี) และขยายเข้าสู่ระยะที่ 2 เมื่อมีนาคม 2567 เพิ่มความครอบคลุมอีก 8 จังหวัด (นครราชสีมา นครสวรรค์ พังงา เพชรบูรณ์ สระแก้ว สิงห์บุรี หนองบัวลำภู และอำนาจเจริญ)



ปัจจุบันดำเนินการในระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 จะขยายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 45 จังหวัด และทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในปี 2567 โดยพื้นที่กรุงเทพฯ มีแผนขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของระบบที่เกี่ยวข้องและคาดว่าจะกิจกรรมประกาศความพร้อม (Kick off) ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46771
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/07/2024 9:03 am    Post subject: Reply with quote

30 จังหวัดปี 2024 ยังไม่มีรถไฟผ่าน
Source - เดลินิวส์
Sunday, July 14, 2024 06:36

"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า กรมการขนส่งทางราง (ขร.) อัปเดตโครงข่ายรถไฟระหว่างเมืองของประเทศไทย ณ เดือน มิ.ย. 67 รวม 4,044 กม. ใน 47 จว.+ กรุงเทพมหานคร (กทม.) รวม 446 สถานี โดยสายใต้มีโครงข่ายรถไฟมากที่สุด 1,570 กม. สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) 1,094 กม. สายเหนือ 781 กม. สายตะวันออก 534 กม. และสายแม่กลอง 65 กม.

สำหรับอีก 30 จังหวัดที่ยังไม่มีเส้นทางรถไฟได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี เลย เพชรบูรณ์ หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา กระบี่ สตูล ภูเก็ต และ จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างผลักดันและเร่งรัดก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ๆ เพื่อให้ครอบคลุมการเดินทางของประชาชนมากขึ้น อาทิ ในสายอีสาน รถไฟสายใหม่บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. (ทางคู่) กำลังก่อสร้างผลงานรวม (มิ.ย.) 18.7% มีแผนเปิดบริการปี 71 สายเหนือโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ช่วงเด่นชัยเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 322 กม.วงเงิน 7.29 หมื่นล้านบาท ผลงาน 12.6% มีแผนเปิดบริการปี 71.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 15 ก.ค. 2567 (กรอบบ่าย)


30 Provinces Still Without Railway Access in 2024

Source - Daily News
Sunday, July 14, 2024 06:36


The "Daily News Transportation Innovation Team" reported that the Department of Rail Transport (DRT) updated Thailand's intercity rail network as of June 2024, totaling 4,044 km across 47 provinces and Bangkok, with 446 stations. The South has the most extensive rail network at 1,570 km, followed by the Northeast (1,094 km), North (781 km), East (534 km), and Mae Klong (65 km).

The remaining 30 provinces without railway access include Chiang Rai, Phayao, Nan, Mae Hong Son, Tak, Kamphaeng Phet, Uthai Thani, Chai Nat, Ang Thong, Sing Buri, Loei, Phetchabun, Nong Bua Lamphu, Bueng Kan, Sakon Nakhon, Nakhon Phanom, Kalasin, Maha Sarakham, Roi Et, Mukdahan, Yasothon, Amnat Charoen, Chanthaburi, Trat, Ranong, Phang Nga, Krabi, Satun, Phuket, and Samut Prakan.

The Ministry of Transport is pushing forward and accelerating the construction of new railway lines to cover more of the population's travel needs. For example, in the Northeast, the new Ban Phai-Maha Sarakham-Roi Et-Mukdahan-Nakhon Phanom line (355 km, double track) is under construction with 18.7% progress as of June and is planned to open in 2028. In the North, the new Den Chai-Chiang Rai-Chiang Khong double-track line (322 km, 72.9 billion baht budget) is 12.6% complete and also planned to open in 2028.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46771
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/07/2024 7:48 pm    Post subject: Reply with quote

สัมภาษณ์พิเศษ….
ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์
อธิบดีกรมการขนส่งทางราง
“ทิศทางแผนขับเคลื่อนระบบราง”
เร่งดัน M-Map 2 / ทางคู่เฟส 2

จุดพลุแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการลงทุน ปี 68

“ระบบราง” ทั้งรถไฟหรือรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน ถือได้ว่ามีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนหลายเส้นทางสามารถเชื่อมโยงพื้นที่ในเมืองและชานเมืองได้อย่างลงตัว ส่งผลให้พื้นที่เมืองสามารถขยายวงกว้างนำมาซึ่งความเจริญตามมาในหลายด้าน และนั่นคือบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบรางภายใต้การควบคุมดูแลของกรมการขนส่งทางราง
ถึงแม้จะมีการเปิดให้บริการไปแล้วในหลายเส้นทาง แต่กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ภายใต้การนำของดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ตามความต้องการของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนารถไฟฟ้าตามแผนแม่บททั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดหัวเมืองหลัก ทั้งแผนระยะที่ 1 (M-Map 1) และแผนระยะที่ 2 (M-Map 2) โดยเพจข่าวและเว็บไซต์ข่าว
www.ThaiMOTnews.com ได้สัมภาษณ์พิเศษ ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เกี่ยวกับแผนการพัฒนารถไฟฟ้าและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในหลายประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ช่วงครึ่งปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 ขร. มีเป้าหมายขับเคลื่อนระบบรางอย่างไร�
สำหรับเป้าหมายหลักนั้นมุ่งเน้นให้เกิดระบบการขนส่งทางรางที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ราคาเหมาะสม พร้อมผลักดันให้ระบบรางเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ เกิดการเชื่อมโยงระบบรางทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ นำมาซึ่งการยกระดับชีวิตของประชาชน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยว กระจายความเจริญทั้งในเขตเมืองและภูมิภาค กระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ
โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบรางนั้น ขร. ได้มุ่งเน้นการกำกับ ติดตาม การพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง ทั้งทางคู่ ทางสายใหม่ และรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงเมืองหลักในภูมิภาค เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบรางทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยในส่วนของรถไฟฟ้านั้น ขร. ได้จัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 14 เส้นทาง ระยะทางรวม 553.41 กิโลเมตร 367 สถานี ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ 680 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 13 โครงการ ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร 194 สถานี คิดเป็นร้อยละ 50
2. ลุ้นแจ้งเกิด 4 กลุ่มตามแผน M-Map 2 อีก 20 เส้นทาง

ขร. อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อพัฒนาแบบจำลองการคาดการณ์ความต้องการเดินทางด้วยระบบรางและการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล(พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 (M-Map 2) ผลการศึกษาเบื้องต้นได้จัดลำดับความสำคัญแผนการพัฒนา M-Map 2 จำนวน 20 เส้นทาง 167 สถานี ระยะทางรวม 270.35 กิโลเมตร
ทั้งนี้ได้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย (1) A1 เส้นทางที่มีความจำเป็น / มีความพร้อม (สามารถดำเนินการได้ทันที) 4 เส้นทาง 31 สถานี ระยะทางรวม 51.40 กิโลเมตร (2) A2 เส้นทางที่มีความจำเป็น / แต่ต้องเตรียมความพร้อมก่อน (คาดว่าดำเนินการภายในปี 2572) 6 เส้นทาง 41 สถานี ระยะทางรวม 51.45 กิโลเมตร (3) B เส้นทางที่มีศักยภาพ เนื่องจากผ่านการศึกษาความคุ้มค่าในโครงการ M-Map 1 หรือเป็นเส้นทางใหม่ที่มีปริมาณผู้โดยสารถึงเกณฑ์ที่จะพัฒนาเป็นระบบรถไฟฟ้าได้ 10 เส้นทาง 95 สถานี ระยะทางรวม 167.50 กิโลเมตร และ (4) C เส้นทาง Feeder 26 เส้นทาง ระยะทางรวม 389.50 กิโลเมตร

นอกจากนั้นได้ผลักดันการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงทั้ง 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.ช่วงรังสิต –มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 2.ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา และ 3.ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2570 ในส่วนรถไฟระหว่างเมือง ที่ปัจจุบันโครงข่ายรถไฟระหว่างเมืองมีระยะทางรวม 4,044 กม. ครอบคลุม 47 จังหวัด โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา รถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ได้เปิดเดินรถทางคู่ ระยะทางรวม 420 กิโลเมตร ทำให้การเดินทางไปยังภาคใต้มีความรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น ลดระยะเวลาเดินทางโดยเฉลี่ยมากกว่า 2 ชั่วโมง

3. ทางคู่จ่อคิวรออีกเพียบ!!!
ดร.พิเชฐ อธิบดี ขร. กล่าวถึงความก้าวหน้าระบบรถไฟทางคู่ว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟทางคู่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้โดยเร็ว
สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 อนุมัติดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทางรวม 167 กิโลเมตรแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการประกวดราคา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2567
ในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ 2 ที่เหลืออีก 6 โครงการนั้น แบ่งเป็น 3 โครงการที่คณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ได้แก่ 1) ช่วงปากน้ำโพ - เด่นชัย 2) ช่วงชุมทางถนนจิระ - อุบลราชธานี 3) ช่วงหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ และอีก 3 โครงการที่คณะกรรมการ รฟท. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ได้แก่ 4) ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี 5) ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา 6) ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ ปัจจุบัน รฟท. ได้เสนอเรื่องมายังกระทรวงคมนาคม(คค.) และ ขร. ได้ประมวลเรื่องเสนอกระทรวงคมนาคมแล้วเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 หลังจากนี้ คค. จะเสนอ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงการคลัง สํานักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป คาดว่าจะสามารถเริ่มประกวดราคาและก่อสร้างได้ภายในปี 2568
4. การพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จะช่วยพลิกโฉมระบบรางของไทยอย่างไรบ้าง
ประเด็นแรกคือด้านการบริการ ยังมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่าสากล อำนวยความสะดวก เชื่อมต่อการเดินทางให้กับประชาชน ตอบสนองการใช้บริการ ให้ประชาชนเข้าถึงการเดินทางจากต้นทางไปถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็ว สะดวก สะอาด ปลอดภัย ตรงต่อเวลา ราคาเหมาะสม รองรับประชาชนทุกกลุ่ม เข้าถึงทุกพื้นที่

โดยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าสูงสุด 90-180 วัน ใน 58 ขบวน ครอบคลุมทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนรถด่วน ขบวนรถเร็ว ขบวนรถนำเที่ยว และขบวนรถพิเศษโดยสาร ทั้งสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ สายตะวันออก และสายใต้ โดยเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่อง และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า นอกเหนือจากการพัฒนารถไฟชั้น 3 ติดเครื่องปรับอากาศเพื่อความสบายในการเดินทางไกล ควบคู่ไปกับการวางระบบ Wi-Fi บนสถานีและขบวนรถ โดยต้องเป็นระบบที่ไม่รบกวนสัญญาณการเดินรถ

ในส่วนเรื่องการขนส่งผู้โดยสารนั้นปัจจุบันรฟท.ได้จัดขบวนรถไฟท่องเที่ยว SRT Royal Blossom ซึ่งเป็นรถโดยสารชนิดนั่งปรับอากาศ Hamanasu (ฮามานะสุ) ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น ที่รฟท. นำมาปรับปรุงและตกแต่งใหม่ ขบวนรถมีการออกแบบหน้าต่างบานกระจกกว้างเป็นพิเศษเพื่อให้สัมผัสบรรยากาศวิวสองข้างทาง มีสันทนาการบนรถพร้อมมีอาหารและเครื่องดื่มบริการซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพในการเดินทาง และการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้างงาน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นตามนโยบายรัฐบาล

นอกจากนี้ยังได้กำหนดอัตราค่าโดยสาร ค่าแรกเข้า ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งทางรางได้อย่างเท่าเทียม ตอบรับนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยปัจจุบันได้ดำเนินการในสายสีแดงและสายสีม่วง และรัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินการกับเส้นทางอื่นในอนาคตต่อไป

ด้านการขนส่งสินค้าซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้ให้รฟท.นั้น อธิบดี ขร.มองว่า ขณะนี้รฟท. เร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในภาคใต้ขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปริมาณการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกและลดต้นทุนการขนส่ง ด้วยการพัฒนาปรับปรุงลานกองเก็บตู้สินค้าสะพลี จังหวัดชุมพรเป็นศูนย์กระจายและขนส่งสินค้าภาคใต้ โดยจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เช่น ติดตั้งระบบแสงสว่าง กล้องวงจรปิด รถยกตู้คอนเทนเนอร์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้ชุมพรเป็น Hub ในการกระจายสินค้าที่ขนส่งทางรถไฟจากภาคใต้ไปยัง สปป.ลาว และจีนซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการได้ และการปรับตารางเดินรถของขบวนรถสินค้า และลดระยะเวลาขนส่งสินค้า ด้วยการเร่งรัดการจัดซื้อตู้รถไฟโดยสารและแคร่ขนส่งสินค้า รองรับการเปิดเดินรถทางคู่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศ และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนต่อไป

ด้านความปลอดภัย มุ่งเน้นการให้บริการด้วยระบบรางที่มีความปลอดภัยสู่มาตรฐานสากล โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงและการสูญเสียจากการเดินทางด้วยระบบขนส่งทางราง พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่ว่าจะเป็นการจัดหากล้องตรวจจับโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI camera) บริเวณจุดตัดทางรถไฟ โดยทดลองติดตั้งในพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและป้องกันอุบัติเหตุในอนาคต และการรับเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ และการแจ้งจุดตัดรถไฟ ผ่านแอปพลิเคชัน “DRT Crossing”
นอกจากนี้ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องกั้นที่ได้มาตรฐาน ปิดทางลักผ่าน พร้อมทั้งยกเลิกจุดตัดทางผ่านเสมอระดับทางทั้งหมด และก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ ถนนข้ามทางรถไฟ ถนนลอดใต้ทางรถไฟ พร้อมรั้วสองข้างทางตลอดแนวเส้นทาง มีส่วนช่วยลดอุบัติเหตุจากจุดตัดทางผ่านเสมอระดับส่งผลให้เกิดความปลอดภัย รวมทั้งยังได้สนับสนุนการออกแบบทางเดินเชื่อมระหว่างชานชาลา (Passenger Passage) เป็นทางลอดหรือทางยกระดับที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุขบวนรถไฟชนคนเดินเท้าบริเวณย่านสถานี และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ

อีกทั้งออกแบบทางรถไฟในบริเวณที่ผ่านชุมชนในรูปแบบสะพานช่วงสั้น (Short-Span Bridge) แทนทางรถไฟแบบคันดิน เนื่องจากมีระบบระบายน้ำดีกว่า ป้องกันน้ำท่วมขัง ช่วยลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดรถไฟ อีกทั้งได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการป้องกันความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการก่อสร้าง และดำเนินการก่อสร้างโดยคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน นอกเหนือจากจัดทำมาตรฐานระบบระบายน้ำโครงสร้างพื้นฐานและจัดทำมาตรการลดความเสี่ยงต่อภัยระบบราง

ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการลดก๊าซเรือนกระจก โดยการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการ Shift Mode และนำมาซื้อขายเป็นคาร์บอนเครดิต เพื่อเป็นรายได้กลับคืนให้แก่ผู้ให้บริการในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อไป โดยหลักยังเน้นส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งทางราง แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ PM 2.5 พร้อมกับการกำกับดูแลและตรวจสอบ โดยการตรวจสอบรถขนส่งทางรางไม่ให้ปล่อยควันดำ หรือมลพิษทางอากาศเกินกว่าค่ามาตรฐานกำหนด รวมทั้งการพัฒนาศึกษาวิจัยด้านการขนส่งทางราง เพื่อการลดมลพิษและการลดก๊าซเรือนกระจก เช่น รถจักรพลังงานทดแทนต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลและตรวจสอบผู้รับจ้างให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่นละออง โดยเฉพาะการก่อสร้างเส้นทางต่างๆ

“ขร. คาดหวังว่า จากความมุ่งมั่น ตั้งใจ และนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลในการพัฒนาระบบรางให้เป็นระบบหลักในการเดินทางและขนส่งของประเทศ จะสามารถสร้างความสะดวก ปลอดภัย เป็นทางเลือกหลักในการเดินทางและขนส่ง ช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ลดมลพิษสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย กระจายความเจริญเติบโตของเมือง และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวได้ต่อไป” อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวในตอนท้าย

https://www.facebook.com/thaimotnews/posts/1085073490288475


Exclusive Interview with Dr. Pichet Kunadhamraksa, Director-General of the Department of Rail Transport (DRT):

"The Direction of Rail System Development"

Accelerating M-Map 2 / Double Track Phase 2

Igniting the Economic Stimulus Plan for Investment in 2025

"Rail systems," both trains and electric trains currently in service, have significantly improved the quality of life for people in many areas. They seamlessly connect urban and suburban areas, enabling urban expansion and bringing about development in various aspects. This is the crucial role of rail system development under the supervision of the Department of Rail Transport (DRT).

Despite the existence of several operational routes, the DRT, under the leadership of Dr. Pichet Kunadhamraksa, continues to develop rail systems to cover all areas according to public demand. Action plans for developing electric railways have been established, following the master plan in both Bangkok and major provincial cities, including Phase 1 (M-Map 1) and Phase 2 (M-Map 2). The news page and website www.ThaiMOTnews.com conducted a special interview with Dr. Pichet Kunadhamraksa, Director-General of the DRT, regarding the development of electric railways and related sectors on several interesting topics, as follows:

In the second half of 2024 and continuing into 2025, how does the DRT aim to drive the rail system?
The main goal is to create a convenient, fast, safe, and affordable rail transport system, promoting rail as the country's primary transportation mode. This will lead to the integration of rail systems both domestically and internationally, improving people's lives, promoting tourism, spreading prosperity in both urban and regional areas, and stimulating the country's economy.

In terms of rail infrastructure development, the DRT focuses on supervising and monitoring the development of intercity rail networks, including double tracks, new lines, and high-speed rail, as well as developing electric rail systems in Bangkok, its vicinity, and major cities in the regions to achieve domestic and international rail integration. For electric railways, the DRT has developed a plan for 14 electric rail lines in Bangkok and its vicinity, totaling 553.41 kilometers with 367 stations, covering a service area of 680 square kilometers. Currently, 13 projects are operational, totaling 276.84 kilometers with 194 stations, accounting for 50 percent.

Anticipating the Emergence of 4 Groups under M-Map 2 with 20 More Routes
The DRT is conducting a study to develop a model for forecasting rail travel demand and developing a mass transit rail network in Bangkok, its vicinity, and surrounding areas (Phase 2 or M-Map 2). The preliminary study results prioritize the development of 20 routes with 167 stations, totaling 270.35 kilometers under M-Map 2.

These routes are divided into 4 groups: (1) A1: Necessary/Ready routes (can be implemented immediately) with 4 routes, 31 stations, and a total distance of 51.40 kilometers; (2) A2: Necessary/Preparation Required routes (expected to be implemented by 2029) with 6 routes, 41 stations, and a total distance of 51.45 kilometers; (3) B: Potential routes that have passed the feasibility study in M-Map 1 or are new routes with sufficient passenger volume to be developed as electric rail systems, with 10 routes, 95 stations, and a total distance of 167.50 kilometers; and (4) C: Feeder routes with 26 routes and a total distance of 389.50 kilometers.

Additionally, the DRT is pushing for the implementation of the Red Line suburban railway project's 3 routes: 1. Rangsit - Thammasat University Rangsit Center, 2. Taling Chan - Salaya, and 3. Taling Chan - Siriraj, aiming for service commencement by 2027. For intercity trains, the current intercity rail network covers 4,044 kilometers across 47 provinces. On June 4, 2024, the Southern Double Track Line, Nakhon Pathom - Chumphon section, opened for service, totaling 420 kilometers, making travel to the South faster and more convenient, reducing travel time by an average of more than 2 hours.

Many More Double Tracks Await!!!
Dr. Pichet, Director-General of the DRT, mentioned the progress of the double-track rail system, stating that there are 2 double-track projects under construction: Map Kabao - Chumtang Thanon Chira section and Lop Buri - Pak Nam Pho section, which are being expedited for service commencement.

For Phase 2 of the double-track project, the Cabinet approved the construction of the Khon Kaen - Nong Khai section, totaling 167 kilometers, on October 16, 2023. Currently, it is in the bidding process and is expected to start construction within 2024.

The remaining 6 projects in Phase 2 are divided into 3 projects approved by the State Railway of Thailand (SRT) Board on February 22, 2024: 1) Pak Nam Pho - Den Chai section, 2) Chumtang Thanon Chira - Ubon Ratchathani section, and 3) Hat Yai - Padang Besar section. The other 3 projects were approved by the SRT Board on June 19, 2024: 4) Chumphon - Surat Thani section, 5) Surat Thani - Hat Yai Junction - Songkhla section, and 6) Den Chai - Chiang Mai section. Currently, the SRT has submitted these to the Ministry of Transport (MOT), and the DRT compiled the proposal for the MOT on July 5, 2024. Next, the MOT will submit it to 3 relevant agencies (Ministry of Finance, Bureau of Budget, and National Economic and Social Development Council) for their opinions before the Cabinet's consideration. It is expected that bidding and construction can begin within 2025.

How will the development of the Phase 2 double-track rail project transform Thailand's rail system?
Firstly, in terms of service, the focus remains on upgrading standards to international levels, providing convenience, connecting travel for people, meeting service demands, enabling people to reach their destinations quickly, conveniently, cleanly, safely, on time, and at reasonable prices, catering to all groups and reaching all areas.

Currently, there is a development of an advanced train ticket booking system for up to 90-180 days in advance for 58 trains, covering special express trains, express trains, rapid trains, tourist trains, and special passenger trains on the Northern, Northeastern, Eastern, and Southern lines, starting from today onwards. This aims to provide convenience during festivals and long holidays and respond to the needs of users in planning their trips in advance. Additionally, there is the development of air-conditioned 3rd class trains for comfort during long journeys, along with the installation of Wi-Fi systems at stations and on trains, ensuring the systems do not interfere with train operation signals.

Regarding passenger transport, the SRT currently operates the SRT Royal Blossom tourist train, which is a refurbished air-conditioned Hamanasu train from Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) in Japan. The train features extra-wide windows for scenic views, onboard entertainment, and food and beverage services, enhancing travel and domestic tourism potential. This will be a significant factor in creating jobs and distributing income to local communities, aligning with the government's policy.

Furthermore, fare rates and initial entry fees have been set to ensure equal access to rail transport for everyone, supporting the 20 baht flat fare policy for electric trains, reducing the burden of expenses for the public and improving their quality of life. This policy is currently implemented on the Red and Purple lines, and the government intends to extend it to other routes in the future.

Regarding freight transport, another revenue stream for the SRT, the Director-General of the DRT believes that the SRT is accelerating efforts to encourage businesses in the South to transport more goods by rail to reduce truck transport and lower costs. This involves developing and improving the Sapli container yard in Chumphon province as a distribution and transportation center for the South, equipped with amenities and security measures such as lighting, CCTV, container lift trucks, and security personnel. The aim is to promote Chumphon as a hub for distributing goods transported by rail from the South to Laos and China, helping reduce transportation costs for businesses. Additionally, there is an adjustment of freight train schedules and a reduction in transport time by expediting the procurement of passenger train cars and freight wagons to support the opening of double-track lines, increasing the country's capacity and providing convenience to the public.

In terms of safety, the focus is on providing rail services with international safety standards. The goal is to reduce risks and losses from rail travel and build public confidence in the service. Technologies like AI cameras are being utilized at railway crossings, initially installed in areas with frequent accidents to improve detection and prevention in the future. Complaints and reports of railway crossings can be submitted through the "DRT Crossing" application.

Efforts are also underway to install standard barriers, close illegal crossings, and eliminate all level crossings. Elevated railways, overpasses, and underpasses with fences along the entire route are being constructed, contributing to accident reduction at level crossings, and the design of passenger passages between platforms as underpasses or overpasses with facilities for people with disabilities to reduce the risk of accidents involving pedestrians at stations and provide convenience for users.

Additionally, railway design in areas passing through communities is being implemented in the form of short-span bridges instead of ground-level tracks. This offers better drainage, prevents flooding, reduces accidents at railway crossings, and contributes to safety. The DRT also collaborates with relevant agencies to establish risk prevention measures for construction accidents and ensures construction is carried out with the highest safety considerations to avoid loss of life and property. Additionally, standards for drainage infrastructure are being developed, and measures are in place to reduce risks to the rail system.

In terms of the environment, the focus is on reducing greenhouse gas emissions. The amount of greenhouse gases reduced from mode shifting is being assessed and traded as carbon credits, generating revenue for service providers to invest in future infrastructure. The main emphasis remains on promoting rail transport instead of personal cars to reduce carbon dioxide and PM2.5 emissions, along with supervision and inspection to ensure rail vehicles do not emit black smoke or air pollutants exceeding the specified standards. Research and development in rail transport are also being conducted to reduce pollution and greenhouse gas emissions, such as exploring alternative energy sources for locomotives. Additionally, contractors are being supervised and monitored to ensure compliance with dust prevention and mitigation measures, especially during the construction of various routes.

"The DRT hopes that with determination, dedication, and the government's clear policy to develop the rail system as the primary mode of transportation for the country, it will be able to create convenience, safety, and become the main choice for travel and transportation, helping reduce logistics costs, environmental pollution, promote tourism, stimulate Thailand's economy, distribute urban growth, and build the country's long-term competitiveness," concluded the Director-General of the Department of Rail Transport.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46771
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 17/07/2024 9:49 am    Post subject: Reply with quote

กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
17 ก.ค. 67

รายงานโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งทางราง ปี 2566
“EP.6 ความพึงพอใจผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางราง ”
ขร. ได้รวบรวมข้อมูลการสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางรางในด้านต่าง ๆ ทั้งภายในสถานีและบนขบวนรถ เช่น การให้บริการ ความปลอดภัย คุณภาพสิ่งอำนวยความสะดวก การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ความน่าเชื่อถือ/เวลาในการให้บริการเดินรถ ความคุ้มค่า
ของราคาค่าโดยสาร และบัตรโดยสาร/เหรียญโดยสาร โดยรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานผู้ให้บริการเดินรถ ประกอบด้วย รฟท. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รฟฟท. AERA1 และ BTSC

https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/787515726906225

Report on Rail Transport Infrastructure, 2023

"EP.6 User Satisfaction with the Rail Transport System"

The State Railway of Thailand (SRT) has gathered data on user satisfaction with various aspects of the rail transport system, both within stations and on trains. This includes services provided, safety, quality of facilities, dissemination of information, reliability/timeliness of train services, value for money of ticket prices, and ticket/token systems. The data has been collected from service providers, including SRT, the Mass Rapid Transit Authority of Thailand (MRTA), the Bangkok Mass Transit System (BTSC), and the Airport Rail Link (ARL).
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46771
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/07/2024 7:25 am    Post subject: Reply with quote

ผลสำรวจกรมรางฯ สายสีม่วงปลื้มน้อย
Source - ไทยรัฐ
Thursday, July 18, 2024 04:36

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.67 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ขร.ได้รวบรวมผลการสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางรางในด้านต่างๆ ทั้งภายในสถานีและบนขบวนรถ เช่น การให้บริการ ความปลอดภัย คุณภาพสิ่งอำนวยความสะดวก การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ความน่าเชื่อถือเวลาในการให้บริการเดินรถ ความคุ้มค่าของราคาค่าโดยสารตัวบัตรโดยสาร และเหรียญโดยสาร เป็นต้น โดยใช้ข้อมูลจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (AERA 1) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด ประจำปี 2566 พบว่าความพึงพอใจผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางรางคะแนนเต็ม 5 เรียง ตามลำดับดังนี้ 1.แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 4.52 2.MRT สายสีน้ำเงิน 4.46 3.สายสีแดง 4.43 4.สายสีเขียว 4.35 5.สายสีทอง 4.26 6.รถไฟโดยสาร 4.04 แยกเป็นรถไฟเชิงสังคม 4.12 รถไฟเชิงพาณิชย์ 3.97 7.MRT สายสีม่วง 4.01 อย่างไรก็ตาม ปี 2567 ขร.จะดำเนินการสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางรางในภาพรวมด้านต่างๆ เองทั้งหมด.

ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 18 ก.ค. 2567

Rail Department Survey: Purple Line Less Satisfied

Source - Thairath, Thursday, July 18, 2024 04:36

On July 17, 2024, Mr. Pichet Kunathamraks, Director-General of the Department of Rail Transport (DRT), revealed that the DRT has compiled satisfaction survey results from rail transport system users in various aspects, both within stations and on trains. These include service, safety, quality of facilities, information dissemination, reliability of train service schedules, value for money of fares, tickets, and tokens.

The data was collected from the Mass Rapid Transit Authority of Thailand (MRTA), State Railway of Thailand (SRT), SRT Electrified Train Co., Ltd. (SRTET), Airport Rail Link (AERA 1), and Bangkok Mass Transit System Public Company Limited for the year 2023.

The satisfaction ratings of rail transport system users, out of a maximum score of 5, are ranked as follows:

1. Airport Rail Link: 4.52
2. MRT Blue Line: 4.46
3. Red Line: 4.43
4. Green Line: 4.35
5. Gold Line: 4.26
6. Passenger trains: 4.04 (Social service trains: 4.12, Commercial trains: 3.97)
7. MRT Purple Line: 4.01

However, in 2024, the DRT will conduct its own comprehensive satisfaction survey of rail transport system users in various aspects.

Source: Thairath Newspaper, July 18, 2024 edition
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46771
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 22/07/2024 9:50 pm    Post subject: Reply with quote

"คมนาคม" ดูงานท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น ศูนย์โลจิสติกส์ครบวงจร มณฑลยูนนาน หวังร่วมมือเพิ่มศักยภาพไฮสปีด "ไทย-ลาว-จีน"
Source - ผู้จัดการออนไลน์
Monday, July 22, 2024 17:07

"สุรพงษ์" นำทีมกรมรางเยี่ยมชม "ท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น" ศูนย์โลจิสติกส์ครบวงจร มณฑลยูนนาน เป็นศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ คลังสินค้าอัจฉริยะ และขนส่งสินค้าทางรถไฟและถนนแบบหลายรูปแบบ หวังสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ทางราง ต่อยอดเพิ่มศักยภาพ "ไฮสปีดไทย-ลาว-จีน"

วันนี้ (22 กรกฎาคม 2567) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมศูนย์โลจิสติกส์ทัณฑ์บนเทิงจวิ้น คลังสินค้ามาตรฐานดิจิทัล 5G คลังสินค้า cold chain อัจฉริยะ และศูนย์ควบคุมของศูนย์โลจิสติกส์ทางรถไฟและถนน ของท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น (Tengiun International Land Port) มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น เป็นศูนย์โลจิสติกส์ครบวงจรที่สำคัญของมณฑลยูนนาน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครคุนหมิงไปทางทิศใต้ประมาณ 55 กิโลเมตร มีพื้นที่รวมกว่า 1,500 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุน 11,000 ล้านหยวน ซึ่งมีแผนก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ ศูนย์คลังสินค้าอัจฉริยะ ศูนย์ขนส่งสินค้าทางรถไฟและถนนแบบหลายรูปแบบ ศูนย์โลจิสติกส์ทันฑ์บน และศูนย์จัดหาจัดซื้อระหว่างประเทศ รวม 16 โครงการ ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการแล้ว 6 โครงการ นอกจากนี้ คลังสินค้า cold chain อัจฉริยะได้เริ่มทดลองดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ ซึ่งสามารถรองรับผักและผลไม้ รวมถึงทุเรียนและมังคุดจากไทย ที่ต้องรักษาอุณหภูมิในการขนส่งด้วยตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container)


นายสุรพงษ์กล่าวว่า ภายหลังการเยี่ยมชม ตนและคณะได้เข้าร่วมประชุมหารือกับฝ่ายจีน นำโดยนายเซี่ย จวิ้นซง อธิบดีกรมคมนาคมมณฑลยูนนาน พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ระหว่างไทย-จีน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศไทยได้ในอนาคต

ท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น เป็นหนึ่งท่าบกนานาชาติใน 17 ท่าบกที่ได้รับการรับรองใน "ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยท่าบก" ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกของสหประชาชาติ โดยมีรหัสท่าเรือนานาชาติ CNKML มีจุดเด่นสำคัญคือ การเป็นศูนย์บริการโลจิสติกส์ครบวงจร มีโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับการขนส่งหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระหว่างถนนและระบบราง นอกจากนี้ ยังเป็นจุดแรกที่ทางรถไฟลาว-จีนเข้าสู่คุนหมิง โดยมีระยะทางรถไฟห่างจากสถานีบ่อหานประมาณ 800 กิโลเมตร ใช้เวลาขนส่งทางรถไฟจากสถานีบ่อหานถึงท่าบกเทิงจวิ้น ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากต้องรอเวลาหลีกให้ขบวนรถโดยสารวิ่งผ่านไปก่อน ปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าทางรถไฟลาว-จีนมาที่ท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น วันละ 5-6 ขบวน ขบวนละ 15-25 ตู้

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้น มีศูนย์โลจิสติกส์ทางรางและถนนเทิงจวิ้น มีพื้นที่ 194 ไร่ ใช้เงินลงทุน 790 ล้านหยวน เป็นสถานีขนส่งสินค้าชั้นหนึ่งของประเทศ และเป็นสถานีเฉพาะที่เชื่อมต่อกับสถานีของรัฐบาลจีนอย่างไร้รอยต่อเพียงแห่งเดียวในประเทศจีน และเป็นหนึ่งใน 12 โครงการนำร่องการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบของประเทศ โดยศูนย์โลจิสติกส์ทางรางและถนนเทิงจวิ้นมีทางรถไฟรองรับการขนส่งสินค้า 3 ทาง ประกอบด้วย 2 ทางเป็นแบบต่อเนื่อง และ 1 ทางเป็นทางตัน มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เครนขาสูงแบบติดตั้งบนราง (Rubber Tyre Rail Mounted Container Gantry:RMG) รองรับน้ำหนัก 40.5 ตัน จำนวน 5 ตัว และรถยกตู้คอนเทนเนอร์ (Reach stacker) จำนวน 6 คัน มีลานกองเก็บตู้สินค้าคอนเทนเนอร์กลางแจ้ง คลังสินค้าบนชานชาลา อาคารสำนักงานแบบครบวงจร เป็นต้น

"การเยี่ยมชมครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างไทย-จีน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ และหวังว่าจะได้ร่วมมือกับฝ่ายจีนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อในอนาคตอันใกล้" นายสุรพงษ์กล่าว

ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า การเยี่ยมชมท่าบกนานาชาติเทิงจวิ้นครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นถึงศักยภาพของการเชื่อมโยงระบบขนส่งทางรางระหว่างไทย ลาว และจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางรางพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่ายจีนในการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ระหว่างไทย-จีนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


Transport Ministry Observes Tengjun International Land Port, Comprehensive Logistics Center in Yunnan, Aims to Enhance Thailand-Laos-China High-Speed Cooperation

Source: Manager Online
Monday, July 22, 2024, 17:07


Sutthipong Leads Rail Department Team to Observe Tengjun International Land Port, Comprehensive Logistics Center in Yunnan, Aims to Enhance Thailand-Laos-China High-Speed Cooperation

Today (July 22, 2024), Deputy Minister of Transport Sutthipong Piyachoti, accompanied by Assistant Secretary to the Minister of Transport Napathara Kamonraksaa, Deputy Permanent Secretary of Transport Sorapong Phaitoorayapong, Director-General of the Department of Rail Transport Pichet Koonathammakrak, and other relevant ministry officials, visited Tengjun International Land Port's logistics center in Yunnan Province, China. This center is an intelligent operations hub, smart warehouse, and multi-modal freight transportation center via rail and road, aiming to enhance rail logistics cooperation and extend the capabilities of the Thailand-Laos-China high-speed rail.

Sutthipong stated that Tengjun International Land Port is a significant comprehensive logistics center in Yunnan, located about 55 kilometers south of Kunming, covering over 1,500 rai with an investment value of 11 billion yuan. The port plans to construct an intelligent operations center, smart warehouse, multi-modal rail and road freight center, bonded logistics center, and international procurement center, comprising 16 projects. Currently, six projects are completed and operational. Additionally, the intelligent cold chain warehouse began trial operations in July 2024, capable of handling vegetables, fruits, durians, and mangosteens from Thailand, requiring temperature-controlled containers for transportation.

After the visit, Sutthipong and his team held a discussion with the Chinese side, led by Yunnan Province's Director of Transportation Xia Jun Song, along with representatives from relevant agencies. Both sides exchanged information and views on transportation and logistics development between Thailand and China, particularly utilizing the China-Laos railway, which can connect to Thailand in the future.

Tengjun International Land Port is one of the 17 recognized ports in the "Intergovernmental Agreement on Dry Ports" by the United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific (UNESCAP), with the international port code CNKML. Its key feature is being a comprehensive logistics service center with infrastructure supporting various transportation modes, especially road and rail connections. Additionally, it is the first entry point for the Laos-China railway into Kunming, with the railway distance from Boten station approximately 800 kilometers, taking about 6-8 hours due to waiting times for passenger trains to pass. Currently, there are 5-6 Laos-China railway freight trains arriving at Tengjun International Land Port daily, each with 15-25 containers.

Sutthipong noted that Tengjun International Land Port's rail and road logistics center covers 194 rai, with an investment of 790 million yuan. It is a first-class freight station and the only station seamlessly connected with a Chinese government station. It is one of China's 12 pilot projects for multi-modal transportation, featuring three rail tracks for cargo handling: two continuous tracks and one dead-end track, equipped with 5 rubber tire rail-mounted container gantries (RMG) with a lifting capacity of 40.5 tons each, and 6 reach stackers. The center also includes outdoor container yards, platform warehouses, and comprehensive office buildings.

"This visit has highlighted the potential and opportunities for developing logistics cooperation between Thailand and China, particularly utilizing the China-Laos-Thailand railway to reduce costs and enhance efficiency in freight transportation between the two countries. We hope to collaborate with the Chinese side in developing seamlessly connected infrastructure and logistics systems in the near future," Sutthipong said.

Director-General Pichet Koonathammakrak stated that the visit to Tengjun International Land Port demonstrated the potential for rail transport connections between Thailand, Laos, and China, especially utilizing the China-Laos railway to enhance freight efficiency between the two countries. The Department of Rail Transport is ready to cooperate with the Chinese side in developing rail transport systems and related infrastructure to support efficient logistics connections between Thailand and China.
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 46771
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 29/07/2024 8:59 am    Post subject: Reply with quote

ปีหน้าผู้โดยสารรถไฟฟ้าทะลุ2ล้าน
Source - เดลินิวส์
Monday, July 29, 2024 06:58

นโยบาย20บ.ม่วง-แดงนิวไฮ

'สีชมพู-เหลือง'ใกล้รันวงการ

"ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์" รายงานว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ที่กระทรวงคมนาคมนำร่องในรถไฟชานเมืองสายสีแดง (รถไฟฟ้าสายสีแดง) และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 66 ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารทั้ง 2 สายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เฉลี่ยรวมประมาณ 30% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หลังจากนี้ปริมาณผู้โดยสารจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นแต่จะไม่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด มั่นใจว่าเมื่อดำเนินนโยบายได้ประมาณ 2 ปี 8 เดือน รายได้จะมากกว่าที่เคยได้รับก่อนใช้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายแน่นอน

กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างผลักดันขยายนโยบายกับรถไฟฟ้าทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 68 ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคมประกาศไว้โดยจะเพิ่มสายสีชมพู และสายสีเหลือง ได้ก่อนแผนที่วางไว้ หากทำได้จะทำให้ปริมาณผู้โดยสารในภาพรวมขยับเพิ่มขึ้นทะลุ 2 ล้านคนต่อวัน (ประมาณ 30%) จากปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านคนต่อวัน สูงกว่าเป้าหมายที่ 10%

แม้รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลืองจะติดสัญญาสัมปทาน แต่ทำตามนโยบายได้เลยไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐเบื้องต้นสามารถใช้เงินชดเชยให้กับเอกชนผู้รับสัมปทาน โดยใช้เงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เจ้าของโครงการที่ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการเดินรถไฟฟ้ามาชดเชยได้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6-7 พันล้านบาทต่อปี จากการคำนวณเบื้องต้นสายสีชมพู และสีเหลือง จะใช้เงินชดเชยประมาณ 700 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารทั้งสองสายยังไม่มาก ส่วนสายสีน้ำเงินใช้รูปแบบเดียวกันได้แต่ยังต้องพิจารณาเรื่องการบริหารจัดการผู้โดยสาร เนื่องจากค่อนข้างหนาแน่น ส่วนที่เหลือสายสีเขียว สีทองและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์นอกสังกัดกระทรวงคมนาคมจะเริ่มได้ภายในเดือน ก.ย. 68

ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.67 วันศุกร์สิ้นเดือน ก.ค.67 ก่อนถึงวันหยุดต่อเนื่องมีผู้ใช้บริการสายสีแดง 41,319 คน สูงสุดตั้งแต่เปิดบริการ และมีผู้ใช้บริการระบบรางรวม 1,811,003 คน ประกอบด้วยรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,721,418 คน สายสีเขียว 876,491 คน สีน้ำเงิน 519,612 คน สีม่วง 84,042 คน แอร์พอร์ตเรลลิงก์ 76,313 คน-เที่ยว สีชมพู 70,425 คน สีเหลือง 44,550 คน สีแดง 41,319 คน สีทอง 8,666 คน ส่วนรถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 89,585 คน เป็นขบวนรถเชิงพาณิชย์ 35,081 คน และขบวนรถเชิงสังคม 54,504 คน.

ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 ก.ค. 2567 (กรอบบ่าย)


Next Year, Metro Passengers to Exceed 2 Million

Source: Daily News
Monday, July 29, 2024, 06:58


20 Baht Policy for Purple-Red Lines Reaches New Heights

The "Daily News Transportation Innovation Team" reports that the government's 20 Baht flat-rate policy for the Purple Line (MRT Purple Line) and Red Line (Red Line commuter rail) since October 16, 2023, has resulted in a significant increase in ridership on both lines. The average increase is around 30%, which is higher than the target of a 10% increase. It is expected that the number of passengers will continue to grow gradually, but not exponentially. It is estimated that within approximately 2 years and 8 months, the revenue will exceed the amount received before implementing the 20 Baht policy.

The Ministry of Transport is pushing to expand the policy to all subway lines by September 2025, as announced by Deputy Prime Minister and Minister of Transport, Suriya Jungrungreangkit. The Pink and Yellow Lines are expected to be included in the plan ahead of schedule, which could increase the total number of passengers to over 2 million per day (about a 30% increase) from the current 1.7 million daily passengers in Bangkok and its metropolitan area.

Although the Pink and Yellow Lines are under concession contracts, the policy can be implemented without using state funds. The government can compensate the private concessionaires using the income of the Mass Rapid Transit Authority of Thailand (MRTA), the project owner, which amounts to around 6-7 billion Baht annually. Initial estimates suggest that compensating for the Pink and Yellow Lines would cost about 700 million Baht per year, as the ridership on these lines is still not high. The Blue Line can adopt a similar model but requires consideration for managing passenger flow due to its higher density. The remaining lines, including the Green, Gold, and Airport Rail Link, which are outside the Ministry of Transport's jurisdiction, are expected to be included by September 2025.

Phichet Kunathamarak, Director-General of the Department of Rail Transport (DRT), revealed that on July 26, 2024, the last Friday of the month before a long weekend, the Red Line saw 41,319 passengers, the highest since its inception. The total rail ridership was 1,811,003, comprising 1,721,418 in Bangkok and surrounding areas. This included 876,491 on the Green Line, 519,612 on the Blue Line, 84,042 on the Purple Line, 76,313 on the Airport Rail Link, 70,425 on the Pink Line, 44,550 on the Yellow Line, 41,319 on the Red Line, and 8,666 on the Gold Line. Additionally, intercity trains operated by the State Railway of Thailand (SRT) carried 89,585 passengers, including 35,081 on commercial trains and 54,504 on social trains.

Source: Daily News, July 30, 2024 (Afternoon Edition)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 43663
Location: NECTEC

PostPosted: 05/08/2024 3:44 pm    Post subject: Reply with quote

ปริมาณผู้โดยสารระบบขนส่งทางราง ประจำเดือนกรกฎาคม 2567
ผู้ใช้บริการรวมทั้งหมด 46,688,714 คน-เที่ยว
แบ่งออกเป็น
1. รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 44,372,810 คน-เที่ยว
2. รถไฟระหว่างเมือง 2,315,904 คน-เที่ยว
หมายเหตุ : คน-เที่ยว หมายถึง หน่วยการนับจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการ คือ ผู้โดยสารแตะเข้าสู่ระบบจนออกจากระบบ นับเป็น 1 คน-เที่ยว
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/798875005770297
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 67, 68, 69, 70, 71  Next
Page 68 of 71

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©