คอนโดการเคหะ 10000 หน่วย ให้ ครฟ. ที่บางซื่อ

[Wisarut]

กคช.-รถไฟผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ +คอนโดฯ 10,000 ยูนิตย่านบางซื่อ 105 ไร่นำร่องรับพนักงานรถไฟฯ
ฐานเศรษฐกิจ 11-14 มิถุนายน 254 9


การเคหะฯ จับมือการรถไฟฯ ผุดโครงการ Urban Renewal หรือโครงการฟื้นฟูเมือง นำร่องโครงการแรกบนที่ดินการรถไฟฯ 105 ไร่ ย่านบางซื่อ ผุดคอนโดฯ 1 หมื่นยูนิต ขายราคาถูก 5.5 แสนบาท เริ่มก่อสร้างได้ปลายปี แต่หวั่นปัญหาโยกย้ายผู้บุกรุกในชุมชนบ้านพักรถไฟ 357 ครัว เรือน ส่วนพนักงานการรถไฟฯ เฮ แห่จองล้น

นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้การเคหะฯ ได้ร่วมทำข้อตกลงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ย่านบางซื่อขนาดเนื้อที่ 105 ไร่ เป็นที่พักพนักงานการรถไฟฯ แบบครบวงจร ซึ่งมีรูปแบบการพัฒนาเป็น Urban Renewal หรือก็คือการฟื้นฟูเมือง หรือพื้นทีดั่งกล่าวให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นที่อยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะ และเหมาะสมกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พักอาศัย ซึ่งจะเป็นรูปแบบเดียวกับที่การเคหะมีแนวคิดจะนำมาใช้พัฒนาที่โครงการแฟลตดินแดง


ทั้งนี้ทางการเคหะฯรับหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการโครงการ ทั้งในเรื่องของการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง การประสานกับธนาคารที่จะมาร่วมให้การสนับสนุนทางด้านการเงินกับพนักงานการรถไฟฯ เพื่อใช้ในการผ่อนชำระค่าก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้ได้พันธมิตรอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มาร่วมโครงการเพื่อให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแล้ว


ส่วนการลงทุนก่อสร้างนั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุน ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำการก่อสร้างเป็นอาคารชุด มี 2 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องน้ำ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 10,000 ยูนิต ส่วนผู้รับปิดชอบงานก่อสร้างนั้น การเคหะฯ จะหาเอกชนมาร่วมลงทุนเพื่อทำการก่อสร้าง ส่วนจะเริ่มก่อสร้างได้เมื่อใดนั้น คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เพื่อรอให้การรถไฟฯ ทำการปรับแบบการก่อสร้างให้เหมาะสมเสร็จเสียก่อน จากนั้นจึงจะดำเนินการหาพันธมิตรมาทำการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นภายในปี 49 นี้


"โครงการที่การเคหะฯ และการรถไฟฯ ร่วมกันทำนี้ เป็นประโยชน์อย่างมากทั้งกับพนักงานการรถไฟที่จะมีที่อยู่เป็นของตัวเอง ในราคาไม่แพง มีคุณภาพดี ส่วนของการรถไฟฯ ก็ได้ผลดีในแง่ที่สามารถนำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ขณะที่การเคหะก็ได้ร่วมทำโครงการที่ดีและเป็นประโยชน์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำการลงนามในบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ได้ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.49 นี้" นางชวนพิศกล่าว


ผู้ว่าการเคหะกล่าวต่อว่า นอกจาพื้นที่บริเวณดังกล่าว ที่จะทำเป็นโครงการนำร่องแล้ว การเคหะฯ และการรถไฟฯ ยังได้หารือร่วมกันด้วยว่า หากในการพัฒนาพื้นที่ย่านบางซื่อจำนวน 105 ไร่นี้ ประสบผลสำเร็จ ได้รับผลดี ก็จะดำเนินการพัฒนาในที่ดินแปลงอื่นๆ ของการรถไฟฯ เป็นลำดับต่อๆ ไป ซึ่งเห็นว่ามีที่ดินเป็นจำนวนมากที่สามารถนะมาพัฒนาได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตจะมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มเติม ก็จะมีที่ดินอีกจำนวนมากที่สามรถนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยได้ ทั้งตลอดแนวเส้นทาง และบริเวณที่เป็นสถานีต้นทางและปลายทาง ซึ่งจะสามารถขายให้กับตลาดระดับล่าง และยังขายได้ทั้งตลาดระดับบนด้วย


ด้านแหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ที่ดินแหลงดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ 105 ไร่ เป็นพื้นที่ของการรถไฟฯ ทั้งหมด ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟบางซื้อ และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ประมาณ 500 เมตร ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่ตั้งทั้งโรงงานสื่อสาร ฝ่ายอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ของการรถไฟฯ พื้นที่ 27 ไร่ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านพักรถไฟก่อสร้าง ซึ่งภายในชุมชนมีพนักงานการรถไฟอาศัยอยู่จำนวน 508 ครัวเรือน ขณะเดียวกันก็มีผู้บุรุกมาอาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าว อยู่ด้วยจำนวน 357 ครัวเรือน และมีโรงงานอยู่ทั้งสิ้น 15 โรงงาน


โดยพื้นที่ทั้งหมดนี้ การรถไฟฯ ได้ร่วมวางแหนกับการเคหะฯ เพื่อทำการพัฒนาพื้นที่บริเวณดังกล่าวเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยถาวร มอบให้เป็นสวัสดิการแก่พนักงานการรถไฟฯ ซึ่งจะก่อสร้างเป็นอาคารสูง 16 ชั้น ประมาณ 6-7 อาคาร มีรูปแบบเป็นอาคารชุด มีจำนวน 8,000-10,000 ยูนิต ระยะเวลาในการก่อสร้าง 2-5 ปี คิดค่าก่อสร้างเพียงรายละ 550,000 บาท ค่าเช่าเดือนละประมาณ 300 บาท โดยการรถไฟฯ จะให้สิทธิการเช่าแก่พนักงานแบบไม่มีกำหนด แต่จะต้องทำการต่อสัญญาในลักษณะ 30 ปีต่อ 30 ปี


ส่วนการออกแบบนั้น ยังต้องดำเนินการออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างอีกสักระยะหนึ่งเพื่อให้ได้รูปแบบที่ชัดเจน ซึ่งต้องการให้มีทั้งที่พักอาศัย พื้นที่สีเขียว และพื้นที่สันทนาการด้วย โดยจะต้องเอาต้นแบบจากโครงการพัฒนาแฟลตดินแดงของการเคหะฯ มาผสมผสานกันให้สอดคล้องกับแบบที่การรถไฟฯ ทำไว้ โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการทำการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.49 นี้แล้ว การรถไฟฯ และการเคหะฯ ยังต้องมาทำการตกลงกันในรายละเอียดบางส่วนเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของการหาแหล่งเงินกู้ให้กับพนักงานการรถไฟฯ รวมถึงเรื่องของการจ่ายค่าดำเนินการให้การเคหะฯ ด้วย


ส่วนเรื่องที่ต้องกังวลคือการโยกย้ายประชาชนผู้บุกรุกจำนวน 357 ครัวเรือน ที่อยู่ภายในชุมชนบ้านพักรถไฟก่อสร้าง ที่การรถไฟฯ จะต้องขอความร่วมมือให้รื้อย้ายออกไป ซึ่งเบื้องต้นนี้จะเจรจากับการเคหะฯ ให้ร่วมกันจัดหาที่รองรับด้วย


ทั้งนี้จากการที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้พูดคุยกับพนักงานการรถไฟฯ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวในขณะนี้ ทำให้ได้รับทราบข้อมูลว่า พนักงานการรถไฟฯ ต่างก็ให้ความสนใจต่อการก่อสร้างที่พักอาศัยในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมา และได้ไปลงชื่อจองกันแล้วเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังเป็นกังวลอยู่คือเรื่องของการผ่อนชำระเงินค่าก่อสร้าง เนื่องจากยังไม่ทราบรายละเอียด อีกทั้งยังเกรงว่าจะมีจำนวนไม่เพียงพอกับความต้องการของพนักงานด้วย

[Wisarut]

พนักงานรถไฟเคว้งตั้งแต่ยังไม่ตอกเข็ม สตง.แตะเบรกคอนโดบางซื่อหมื่นยูนิต
ประชาชาติธุรกิจ 9-11 พฤศจิกายน 2549

โครงการคอนโดฯย่านบางซื่อ มูลค่า 6-7 พันล้านของการรถไฟฯส่อเค้าแท้ง หลัง สตง.ทำหนังสือถึง "ธีระ ห้าวเจริญ" ขอให้ทบทวนโครง การใหม่ หวั่นเกิดปัญหาซ้ำรอยแฟลตดินแดง ด้านการรถไฟฯเตรียมทำหนังสือชี้แจง รมว.คมนาคม ขอความชัดเจนจะให้เดินหน้าต่อหรือพับแผน

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้การรถไฟฯอยู่ระหว่างทำหนังสือชี้แจงพลเรือเอกธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับรายละเอียดการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยเป็นห้องชุดอาคารสูง ชุมชนแห่งใหม่ บริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ ย่านตึกแดง ริมคลองเปรมประชากร บางซื่อ พื้นที่ 105 ไร่ จำนวน 10,000 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งการรถไฟฯจะร่วมดำเนินการกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ทั้งนี้ เพื่อขอนโยบายที่ชัดเจนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป หลังจากที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา ขอให้ทบทวนโครงการใหม่ เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนเรื่องของการก่อสร้าง รูปแบบ และงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการ

"โครงการเราจะขายให้กับพนักงานของการรถไฟฯ เพื่อให้มีที่พักอาศัยของตัวเอง ส่วนที่เหลือจะขายให้กับประชาชนทั่วไป โดยในเฟสแรกเราตั้งใจจะก่อสร้างในพื้นที่ 27 ไร่ จำนวน 2,000 ยูนิต ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี ราคาขายต่อหน่วยเริ่มต้นที่ 600,000 บาท"

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดที่ทาง สตง.ส่งมา ระบุว่า สตง.ได้ตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวแล้ว ในขั้นต้นพบว่านอกจากมีการก่อ สร้างอาคารพักอาศัยหรือแฟลตสูง 5 ชั้น จำนวน 4 อาคาร ให้กับพนักงาน เพื่อทดแทนการก่อสร้างศูนย์พลังงานแห่งชาติแล้ว ยังไม่พบหลักฐานรายงานการศึกษาถึงความเหมาะสม ทั้งแง่ปัญหาชุมชนและสภาพสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน เนื่องจากโครงการนี้หากเกิดขึ้นจะเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ในใจกลางเมือง จึงต้องพิจารณาผลกระทบกับการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ยังเห็นว่าภารกิจหลักของการรถไฟฯก็ยังมีปัญหาในด้านการบริหารจัดการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารทรัพย์สิน อันเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ สตง.ไม่อาจรับรองฐานะการเงินของการรถไฟฯโดยปราศจากเงื่อนไข

จนถึงปัจจุบัน สตง.จึงได้มีหนังสือสอบถามไปมายังการรถไฟฯ ซึ่งได้ชี้แจงไปตามความเป็นจริงว่า จะดำเนินการอะไรบ้าง ทำให้ทราบว่าการรถไฟฯเพิ่งจะประสานกับ กคช.เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งลักษณะโครงการเน้นการพัฒนาเป็นชุมชนเมืองที่ถูกสุขลักษณะ เหมาะสมกับชีวิตที่เป็นที่อยู่อาศัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภคและสาธารณูปการเท่านั้น ยังไม่มีการศึกษาในรายละเอียดอย่างรอบด้าน กรณีนี้จึงอาจมีปัญหาเช่นเดียวกับปัญหาเคหะชุมชนดินแดงของ กคช.ในปัจจุบัน

ดังนั้น ทาง สตง.จึงเห็นว่าในชั้นนี้ เพื่อความละเอียดรอบคอบในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่มีผลกระทบในวงกว้างในอนาคต ควรมีการทบทวนศึกษาความเหมาะสม และผลกระทบในด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งจะต้องขอความคิดเห็นจากหลายส่วนราชการก่อนที่จะดำเนินการต่อไป

สตง.จึงได้นำเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย หรือทบทวนการกำกับดูแลการดำเนินการของการรถไฟฯ เพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ

"หลังจากที่ได้รับหนังสือจาก สตง. รมว. คมนาคมได้สั่งให้ปลัดกระทรวงคมนาคม สั่งการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และการรถไฟฯ ให้ทบทวนโครงการให้ละเอียดรอบคอบ จากนั้นให้นำรายละเอียดมาเสนอพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง"

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดที่จะชี้แจงให้พลเรือเอกธีระพิจารณา ประกอบด้วย 1.เรื่องงบประมาณก่อสร้าง ซึ่งโครงการนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณจากรัฐบาล เป็นแค่การพัฒนาเป็นสวัสดิการให้กับพนักงานการรถไฟฯเท่านั้น 2.โครงการสอดรับกับการโยกย้ายคนบริเวณมักกะสัน ที่การรถไฟฯมีแผนจะทำการรื้อย้ายบ้านพักให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยโครงการนี้ในราคาที่ไม่แพงได้ 3.เป็นการนำที่ดินมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ 4.พนักงานของการรถไฟฯต้องการจะมีบ้านในราคาถูกอยู่แล้ว และโครงการนี้พนักงานลงชื่อจองจำนวนมาก

"ตอนนี้โครงการยังไม่ได้ดำเนินการอะไร หลังจากบันทึกข้อตกลงร่วมกับการเคหะฯ โดยการเคหะฯจะเป็นผู้เสนอรูปแบบการลงทุนและรูปแบบพัฒนาโครงการให้ รวมทั้งบริหารการขาย หาสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้สินเชื่อให้ โดยการเคหะฯจะได้รับส่วนแบ่งรายได้บางส่วนแต่ไม่มาก คงต้องรอดูนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่าจะให้เดินหน้าต่อหรือให้ยกเลิกโครงการ"

อนึ่ง ก่อนหน้านี้การรถไฟฯได้ร่วมกับการเคหะฯออกแบบ วางผังแม่บทโครงการจัดสร้าง ที่พักอาศัยให้กับพนักงานการรถไฟฯ โดยศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงิน จัดหาผู้ลงทุน และดำเนินการพัฒนาโครงการ และควบคุมการก่อสร้าง และได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา

โดยขณะนี้การเคหะฯได้เสนอแบบร่าง (conceptual design) เพื่อพิจารณาร่วมกับการรถไฟฯแล้ว โดยการออกแบบก่อสร้างที่พักอาศัยให้กับพนักงานการรถไฟฯที่บริเวณย่านสถานีรถไฟบางซื่อ พื้นที่ 105 ไร่ ระยะแรกจะก่อสร้างเป็นอาคารสูงไม่เกิน 16 ชั้น จำนวน 2,000 หน่วย จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป และในระยะต่อไป (ปี 2552-2554) จะก่อสร้างอาคารสูงเพิ่มอีก 6,000 หน่วย พร้อมส่วนบริการชุมชน อันได้แก่ ศูนย์ชุมชน สนามเด็กเล่น โรงเรียนอนุบาล โรงพยาบาล อาคารพาณิชย์ และตลาดในชุมชน และการรถไฟฯเตรียมเปิดโอกาสให้พนักงานที่สนใจจองเช่าซื้อ